ลำดับตอนที่ #4
ตั้งค่าการอ่าน
ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่4 : อยากเป็นเจ้าสาวของเรย์... 100%
"....."
"....."
พี่ๆน้องๆคนอื่นต่างมองเรย์และเอ็มม่าที่ถูกลงโทษ
เอ็มม่าหนักหน่อย รายนั้นถูกมัดทั้งมือและขาติดกับเก้าอี้ไปไหนไม่ได้ ส่วนเรย์ก็ถูกแมสปิดปากไม่ให้พูดอะไร
"ทำไมพวกเธอถึงไม่ยอมแพ้กันละหือ? นอร์แมนก็คงอยากอยู่เงียบๆด้วย" เด็กผู้ชายในกลุ่มเด็กโตเอ่ยขึ้นมาอย่างเหงื่อตก
"แต่นอร์แมนจะต้องอยู่คนเดียวจนกว่าจะหายป่วยเลยนะ มันแย่ออก!" เอ็มม่าเหงื่อแตกพลั่กหลังตะโกน
เธอลองนึกว่าตัวเองเป็นนอร์แมน แล้วต้องนอนติดเตียงคนเดียวทุกวัน ไปไหนไม่ได้ออกไปเล่นก็ไม่ได้ แค่คิดเอ็มม่าก็หน้าซีดแล้ว
"เอ็มม่า..." เด็กคนอื่นคิดว่าเด็กหญิงผมส้มช่างรักครอบครัวเหลือเกิน เห็นอกเห็นใจคนอื่นมาก โดยที่ไม่รู้ว่าเอ็มม่ากำลังคิดอะไรอยู่
เอ็มม่าแค่เห็นนอร์แมนต้องกลับไปนอนป่วยที่ห้องพยาบาล เธอก็เลยนึกย้อนไปถึงเอเลน่า ครั้งหนึ่ง.. เคยถูกลงโทษให้ไปนั่งสำนึกผิดข้างกำแพงคนเดียว
เธอยังจำได้ไม่ลืมว่าเหงามากแค่ไหน เธอคันมือคันเท้าอยากกระโดดโลดเต้น แต่โดนสั่งให้อยู่นิ่งๆ ไม่งั้นเอเลน่าจะไม่เล่นกับเธออีกเลย
เพราะงั้นเธอเลยต้องอดทนจนหน้าสูบผอม(?)!
"ฮึ่ม! อื้ม อืออืม อื้ม!" เรย์ที่ถูกแมสปิดปากหันขวับมาพูดอู้อี้เสียงดัง
"ทะ โทษทีนะเรย์ แต่ฉันไม่รู้ว่านายพูดถึงอะไร...-" พี่คนโตพูดอย่างลำบากใจ
"เขาบอกว่าตัวเองห้ามเอ็มม่าแล้วแต่เธอไม่ฟังน่ะ" เสียงเล็กๆดังขึ้นมาข้างๆ ใบหน้าสวยน่ารักของอีกฝ่ายทำเด็กชายยิ้มบาง..
"อ้อ..งั้นเองเหรอ...."
....
เฟ้ย
ทำไมเธอฟังเขารู้เรื่อง!?
ไม่สิ!
"ทำไมเอเลน่าถึงไม่ได้โดนลงโทษอะไรเลยล่ะ!?" เด็กโตทุกคนหันขวับมามองพลางชี้นิ้วใส่เอเลน่า ที่นั่งพิงเรย์ข้างๆกระดิกขาอย่างสบายๆ
"....?" เอเลน่าหันมามองงงๆ
เด็กหญิงที่มีใบหน้าน่ารักและสวยงามมาก เรียกได้ว่ารู้เลยตั้งแต่วินาทีแรกเห็นถ้าโตมาต้องสะสวยมากแน่ๆ
ผมบลอนด์ที่เริ่มยาวถูกมัดเป็นเปียข้างหลวมๆ เธอยังอยู่ในเสื้อเชิ้ตและกระโปรงสีขาวเรียบร้อย ไม่ได้โดนมัดมือมัดขาหรือปิดปากเหมือนเอ็มม่าและเรย์
"ทำไมน่ะเรอะคะ?"
ดวงตากลมโตสีฟ้าครามกระพริบปริบ ก่อนที่ใบหน้าขาวนวลจะเอียงคอดูน่ารัก...ทำท่าครุ่นคิดอย่างจริงจัง
ท่าทางแบบนี้แทบทำให้พี่เด็กโตคนอื่นต่างใจละลาย
อา น่ารักจังเลย~
ริมฝีปากแดงน่าจุ๊บค่อยๆยกยิ้มเบาบาง
"อาจเป็นเพราะมาม๊าไม่รู้ว่าหนูเป็นต้นคิดของเรื่องนี้ละมั้งคะ?" เอเลน่ายิ้มหวานให้พี่ๆจนพวกเขาเคริ้ม ก่อนจะได้สติกันเมื่อจับใจความได้
"เห~!?"
เสียงอุทานอย่างพร้อมใจกันของทุกคน
"นี่เธอเป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมดเองหรอกหรือเนี่ย!?"
"แหม~" เอเลน่าลูบคอยิ้มเขินๆ เมื่อทุกคนพร้อมใจกันมองมาที่เธอคนเดียว
"ไม่ได้ชมเฟ้ย!" ทุกคนพากันตบมุข
ที่น่าตกใจกว่านั้น ทุกคนนึกไม่ถึงเลยว่าเด็กผู้หญิงที่พูดน้อยคนนั้นจะแสดงท่าทางเขินแบบนี้ออกมาได้
'จะว่าไปก็น่ารักดีนะ..'
ทุกคนเข้าสู่ภาวังค์ความคิดอีกครั้ง
ส่วนเอเลน่านั้นเธอส่วนหัวพลางถอนหายใจ 'ช่วยไม่ได้หรอก ที่อิซาเบลล่าจะเข้าใจผิดก็ไม่แปลก'
ครั้งแรกที่ไปกับเอ็มม่าแล้วโดนจับได้แต่ก็ไม่ถูกลงโทษ แค่โดนบ่นเล็กๆน้อยๆ ครั้งที่สองเพราะเธอนั่งอยู่กับเรย์ไม่ได้ไปยืนที่หน้าประตูตอนมาม๊ามาเจอ
หญิงสาวเลยคิดว่าตอนแรกคงเพราะฉันคล้อยตามเอ็มม่า จึงได้แหกกฎเพื่อช่วยเพื่อนตัวเอง โดยไม่รู้ว่าเธอนั้นแหละหัวโจก!
แถมเอ็มม่าและเรย์ก็ไม่ได้บอกอิซาเบลล่าว่าเธอเป็นคนต้นคิดเรื่องนี้เอง จึงไม่ได้ถูกจับมัดแน่นไว้เหมือนสองคนนั้น
ด้วยความรู้สึกผิดเธอจึงมานั่งอยู่ข้างพวกเขาทั้งสองคนตลอดที่โดนกักบริเวณเป็นเพื่อน
แล้วทำไมฉันจึงไม่บอกอิซาเบลล่า? ไม่ใช่ไม่บอกนะ...
เธอบอกตั้งแต่ที่ทั้งสองคนถูกหญิงสาวหิ้วมามัดเก้าอี้แล้วล่ะ แต่ด้วยความที่หลักฐานไม่แน่นพอ พยานปากในมือ(เรย์กับเอ็มม่า)ไม่ปริปากบ่น
มาม๊าจึงเข้าใจไปอีกทางว่า เพราะเธอเป็นห่วงทั้งคู่จึงออกมารับผิดแทน(จริงๆไม่ใช่เลย) ฉันจึงไม่โดนลงโทษแถมยังได้ลูกอมมาปลอบใจสองเม็ดอีกต่างหาก
ให้ตายสิ...รู้สึกตัวเองเลวจริงๆ
"เอ็มม่า อ้า~" ฉันจึงแกะลูกอมในมือก่อนจะเรียกเอ็มม่าให้หันมามอง
"อ้า..?" เด็กหญิงอ้าปากอยากงงๆก่อนที่มือเล็กจะป้อนลูกอมเม็ดขาวเข้าปาก
"อื้ม~"
เอ็มม่าร้องอยากมีความสุขเมื่อสัมผัสได้ถึงความหวานของรสนม ดอกไม้บานสะพรั่งรอบๆเอ็มม่า
'เด็กยังไงก็เป็นเด็กละนะ..'
ฉันยิ้มเอ็นดูเอ็มม่าพลางคิดในใจว่า'ตัวเอกช่างน่ารักจริงๆ'ก่อนจะแกะอีกเม็ดที่เหลือสุดท้ายนี้จะให้เรย์
"เธอกินเถอะ ฉันไม่ชอบ" เรย์ที่ถูกเด็กหญิงน่ารักผมบลอนด์เปิดผ้าปิดปากออก เขารู้ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรเขาจึงปฏิเสธหันหน้าหนี
"อย่าดื้อสิ"
เมื่อเรย์รู้ความคิดของเธอ ฉันก็รู้ความคิดของอีกฝ่าย เจ้าตัวต้องเห็นว่ามาม๊ายื่นลูกอมให้เธอสองเม็ดแน่ๆ เพื่ออยากให้เธอกินเขาจึงบอกไม่ชอบ
อุก น่ารักจริงๆพ่อคนซึนของฉัน~
เมื่อตอนแรกๆเธอไม่ค่อยชอบเด็กเลยจริงๆ อาจเพราะนอกจากจะร้องไห้ง่าย เบราะบางแล้วยังโวยวายเสียงดังน่ารำคาณด้วย แต่เรย์นี้เป็นข้อยกเว้นตั้งแต่แรกในชีวิตของเธอจริงๆ
เพราะว่าในสามตัวเอก คนที่เธอชอบและเชียร์มากที่สุดก็เรย์นี่นา~
เธอเริ่มเข้าใจอารมณ์รักเด็กขึ้นมาหน่อยแล้วล่ะ
"ถ้างั้น..." เธอนิ่งคิด ก่อนจะหักลูกอมในมือ โชคดีที่ลูกอมไม่แข็งมาก แรงน้อยในร่างเด็กแบบเธอจึงหักได้
บ๊อก!
"....."
เฟ้ย
แต่พอหักออกมาแล้วดันไม่พอดีกันซะงั้น!
อันหนึ่งเล็กกว่าอีกอันอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่เรย์จะได้พูดอะไรฉันรีบยัดอันเล็กสุดเข้าปาก ก่อนจะยื่นที่เหลือให้เรย์
"....." เรย์มองลูกอมในมือเธอนิ่งๆ
"เรย์~ อ้า~"
เมื่อรู้ตัวว่าเขาจะไม่ยอมกินง่ายๆ เอเลน่าจึงงัดไม้ตายขึ้นมา ดวงตากลมโตที่เหมือนมีหมอกน้ำตลอดเวลามองปริบๆ เธอบีบเสียงหวานหยดจนแอบขนลุกตัวเองในใจ
งับ
แต่เรย์ก็ยอมอ้าปากงับลูกอมไปในที่สุด เขาก้มหน้าไม่พูดไม่จาอะไรเลย แต่เธอแอบเห็นว่าหูเขาแดงแปร๋ด...!
เป็นอีกครั้งที่เธออยากกู่ร้อง!!
โชตะค่อนจงเจริญ!
".........."
".........."
พี่ๆคนโตที่ยังไม่ได้จากไปไหนก็เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น เด็กผู้ชายพากันมองเรย์อย่างอิจฉา ทำไมน้องสาวถึงไม่เข้าหาพวกเขาบ้าง!
...
สุดท้ายพวกเราก็ไม่ได้ถูกปล่อย จนพี่ๆพากันไปหามาม๊าและช่วยกันขอร้องให้ปล่อยนอร์แมนออกมา
เหมือนกลุ่มม็อบเล็กๆกำลังประท้วง หลังจากที่เห็นเอ็มม่า เรย์และเอเลน่าถูกทำโทษ ช่วยจุดประกายไฟให้กับพวกเขา
"แค่นิดเดียว! ขอให้เห็นนอร์แมนเถอะ"
"ได้โปรดมาม๊า!"
"ก็ได้...แต่พวกเธอต้องคอยจนกว่าเขาจะหายดีนะ"
แปล-พวกเธอต้องรอจนกว่านอร์แมนจะหาย ถึงจะได้เห็นเขา
สิ้นคำพูดของอิซาเบลล่า เด็กผู้หญิงที่โตๆพากันคอตกเดินกลับไป... ก่อนที่จะมีอีกกลุ่มมาประท้วงต่อ
"ปล่อยเขาไปเถอะ!"
"ให้พวกเราได้คุยกับเขาสักที!"
"แค่ได้ยินเสียงเขาก็พอแล้วครับ..."
"ฉันไม่ได้ลักพาตัวไปนะ" อิซาเบลล่าเหงื่อตกเมื่อเห็นท่าทางโอเวอร์ร้องไห้พูมฟายของเด็กๆผู้ชาย
ท่ามกลางเด็กๆโวยวาย ไปจนกระทั่งน้องเล็ก ต่างออกมาช่วยด้วย
"ผมเก็บสมุนไพรจากป่าได้!" เด็กๆพากันชูสมุนไพรในมือที่เก็บมา อิซาเบลล่าหันมามองอย่างตกใจ
"นั่นมันแค่วชพืชจ๊ะ.."
...คำขอยังคงดำเนินไปทั้งคืน แต่ก็ไม่มีใครให้เข้ามาได้...
''..ท่าทางสนุกกันดีนะ..'
นอร์แมนที่อยู่อีกฟากของประตูได้ยินเสียงพี่น้องของเขาอยู่ข้างนอก เขารู้สึกว่ามันช่างครึกครืนดีจัง...
เด็กชายยิ้มเศร้า มันจะดีกว่านี้นะถ้าเขาได้ไปร่วมแจมกับทุกคนด้วย
วันต่อมา
ประตูห้องพยาบาลถูกพันเทปว่าห้ามเข้าตัวหนังสือแดงๆเต็มประตู นอร์แมนเหงื่อตกเมื่อรู้ว่ามาม๊าในที่สุดก็เอาจริงแล้ว
ท่ามกลางความเงียบ ไม่มีเสียงที่โวยวายอยู่ข้างนอกเหมือนเมื่อก่อน นอร์แมนนอนมองเพดานคิดเงียบๆ
'...เหงาจัง....'
เหมือนได้กลับไปอยู่คนเดียวเหมือนตอนเด็กๆ ในตอนที่เอเลเน่ยังไม่มาพบเขา ขณะที่ทุกคนออกไปวิ่งเล่น เขากลับถูกขังอยู่ในห้องนี้....
แต่ไม่เป็นไรหรอกเขาเข้าใจมันดี เพื่อตัวเองและคนอื่น
จะทำให้ทุกคนลำบากไม่ได้นะ
แค่ก..แค่ก
เสียงไอดังลอดออกมาจากห้องพยาบาล เอ็มม่าที่นั่งอยู่หน้าประตูหันมามอง ก่อนจะครุ่นคิด....และวินาทีถัดไปเธอรีบวิ่งออกไปหาเอเลน่ากับเรย์
.....
"กลับมาแล้ว!"
"!?"
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน นอร์แมนตื่นขึ้นมาก่อนจะตกใจเมื่อเห็นเอ็มม่าข้างเตียง พร้อมเจ้าตัวยื่นแก้วกระดาษให้
"อ่ะ เอาไป"
'แก้ว?'
"เอ็มม่า! เลิกลอบเข้ามาทุกครั้งได้แล้ว"
เสียงตะโกนก่อนที่ร่างสูงเพียวของหญิงสาวจะเดินเข้ามา เอ็มม่าสะดุ้งเฮือกก่อนจะโดนจับหิ้วออกไปเหมือนทุกที
"ไว้คุยกันในไม่ช้านี่นะ นอร์แมน" เสียงกระซิบของเอ็มม่าได้ยินไปในหูของเด็กชาย เขาหันมามองอย่างงงๆ ก่อนจะเข้าใจคำว่า'ในไม่ช้า'นี้
มีด้ายเชื่อมต่อไปยังประตูที่ปิดอยู่ นอร์แมนนอนมองเงียบๆก่อนจะเอาแก้วกระดาษเข้าหู
"นอร์แมน... นอร์แมน..." เสียงกระซิบพร้อมสายที่ตรึง เขาได้ยินเสียงเล็กๆของเอ็มม่าดังลอดมา
"ฮัลโหล? ตอนนี้ก็คุยกันได้โดยไม่ต้องเข้าใกล้แล้วนะ!"
เสียงกระซิบร่าเริงทำให้นอร์แมนนึกภาพได้ทันที เขาได้ยินเสียงเอเลน่ากับเรย์และเสียงพี่น้องคนอื่นดังมาแว่วๆ
นอร์แมนหัวเราะยิ้มคิกคักคนเดียวในห้องที่กว้างใหญ่
บรรยากาศในห้องที่เงียบเหงาได้เปลี่ยนไปเพราะอย่างนี้เอง....
......................
มันมืด.
ทั้งหมดที่จำได้คือเสียงของการหายใจหนักของผู้หญิงที่คุ้นเคย เสียงคนอื่นสองคนพูดคุยกันในขณะที่รีบวิ่งด้วยเหตุผลบางอย่าง
และ...เสียงของเด็กที่กำลังร้องไห้ พร้อมเสียงกระซิบของเครื่องจักรที่เขาไม่เข้าใจ
“ โอ้ที่รักคุณจะเป็นนักเรียนที่น่าทึ่งมาก” เด็กทารกได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นเคยของผู้หญิงคนอื่น ไม่รู้ว่าพวกเธอเป็นใคร เด็กน้อยร้องไห้หนักขึ้น จึงต้องกลับไปที่แขนของผู้หญิงที่คุ้นเคยอีกครั้ง
ดวงตาที่ยังคงมองไม่เห็น ค่อยๆเริ่มเห็นภาพใบหน้าที่อุ้มตัวเองอย่างพร่ามัว
"เราจะพาเธอไป ..."
รอยยิ้มที่ดูอ่อนโยนแต่รู้สึกดูเศร้า
"เพื่อเลี้ยงดูในสวนเกรซ "
....
เสียงกรีดร้องของเด็กๆ เสียงดังจนน่าปวดหัว
ภาพสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ที่แวะเวียนมามองพวกเขาผ่านตู้กระจกใสทุกวัน ดวงตาสีเลือดพวกนั้นดูกระหายบางอย่างจนนึกหวั่น
เหมือนกำลังเลือกสินค้าชิ้นหนึ่ง.. นิ้วมือที่เหมือนรากไม้แห้งเหี่ยวชี้มายังพวกเขาทีละคน ก่อนที่เด็กคนที่ถูกเลือกนั้นจะถูกอุ้มพาออกไป
สุดท้ายแล้วเด็กพวกนั้นไม่เคยได้กลับมาอีกเลย
เหตุการณ์ซ้ำๆที่เคยเห็นแวะเวียนจนชินตา เขาไม่เคยเข้าใจภาพเหล่านั้น
จนกระทั่ง..
ปลายนิ้วนั้นชี้มายัง'เธอ'
เขายังจำได้ไม่ลืม
พวกเราสองคนที่ไม่เข้าใจอะไรเลย กลับต้องถูกพรากจากกัน
ตอนนั้นเขารู้สึกหวาดกลัวเป็นครั้งแรก
กลัวที่จะไม่ได้เห็นเธอคนนั้นอีก
ดวงตาที่ชุ่มน้ำตาจนมองภาพเธอจากไกลๆไม่เห็น
ปลายนิ้วที่ยังเกาะกันแน่น ถูกกระชากออกไป
นับวินาทีนั้น....เขาก็รู้ว่า
เธอคนที่คอยจับมือข้างนี้อาจจะไม่มีวันได้กลับมาอีก
.......
ในคืนที่เงียบสงัน พี่น้องในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าต่างพากันหลับใหล บนเตียงสีขาวสะอาดมีร่างเด็กน้อยคนหนึ่ง สะดุ้งตื่นลุกขึ้นมากลางดึก
"แฮ่ก... แฮ่ก..."
เสียงหอบหายใจระรัวและใบหน้าที่ชื่นเหงื่อ มือเล็กเกาะกุมหน้าอกจนเสื้อยับยู่ยี่ หัวใจเต้นระรัวจนกลัวว่ามันจะกระโดดออกมา เส้นผมสีดำยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงบดบังดวงตาสีดำอมม่วงที่ดูเจ็บปวด
เขาฝันอีกครั้ง ครั้งนี้ครั้งที่3
เขาเห็นมัน...
บางอย่างที่ไม่ใช่มนุษย์ บางอย่างที่ทำให้เขานึกกลัว
'แต่มันคืออะไรกันล่ะ?'
เรย์พยายามนึกถึงภาพความทรงจำที่โพล่ขึ้นมา ภาพเริ่มปะติปะต่อกับชีวิตประจำวัน ภาพบางอย่างที่อยู่ๆก็แวบเข้ามาในหัวอย่างไม่ทันตั้งตัว บางครั้งมันก็ทำให้เขานึกสับสน
อันไหนคือเรื่องจริงเรื่องเท็จกันแน่...
เรย์ไม่รู้ว่ามันคือความฝันหรืออดีต...แต่มันทำให้เขาสงสัย
ที่นี่...มันคือที่ที่เขาควรอยู่จริงๆงั้นเหรอ?
ในขณะที่พยายามคิดแทบสมองระเบิดจนเริ่มรู้สึกอยากจะอาเจียนขึ้นมา กลิ่นหอมเย็นๆที่พัดผ่านจมูก เส้นประสาทที่เต้นตุบๆก็ค่อยๆเริ่มทุเลาลง
เรย์เหมือนเพิ่งได้สติจากภาวังค์ สายตาหันไปมองเตียงข้างๆ ใบหน้าที่หลับพริ้มเหมือนกำลังฝันดีของใครบางคนทำให้ใจเขาสงบลง...
มือของเขายื่นออกไปสัมผัสกับมือนุ่มนิ่มข้างเตียง
น่าแปลก... กลิ่นหอมเย็นๆประจำตัวของหญิงสาว ที่ไม่รู้ว่ามันมาได้ยังไงแต่มันช่วยทำให้ใครก็ตามที่เข้าใกล้เธอจะรู้สึกสงบและเผลอผ่อนคลายลงอย่างไม่รู้ตัว
หมับ..
สองมือประสานกันแน่นอย่างไม่รู้ตัว รู้แต่ว่าเจ้าของมันไม่อยากปล่อยมือข้างนี้ไปอีก
ไม่อยากสูญเสียเธอไปอีกแล้ว..
ถึงตอนนี้เขาจะยังไม่เข้าใจเรื่องบางอย่าง
แต่มีอย่างหนึ่งที่เขารู้แน่ๆคือ... ไม่ว่าจะในความทรงจำหรือความเป็นจริง
เธอคนนี้ก็ยังคงอยู่'เคียงข้าง'เขานับตั้งแต่แรก
"อย่าหายไปอีกนะ...เอเลน่า" เสียงกระซิบเล็กๆอย่างสั่นครือ
ดวงตาสีอเมทิสต์เย้ายวนหลุบตาลงอย่างเจ็บปวด สองมือที่กุมกันแน่นและร่างเล็กบนเตียงที่ค่อยๆขยับเข้าใกล้อีกฝ่าย
สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่คุ้นเคยของอีกคนบนเตียง
ตอนนั้นเองที่เด็กชายรู้สึกหัวใจสงบและสามารถหลับลงได้หลังจากเจอฝันร้าย
.......................................
...................
........
....
ฝนตกหนักเมื่อคืนวาน ทำให้อากาศเย็นฉ่ำ ยากนักที่เด็กบางคนจะลุกขึ้นจากเตียงนอนไหว
ยามเช้าได้มาถึงพระอาทิตย์ส่องแสงผ่านผ้าม่านมาเบาบาง
ในห้องกว้างแห่งหนึ่งภายในบ้านพัก ทุกมุมของห้องมีเตียงขนาบข้างกันต่อมาเรื่อยๆฝั่งละหกเตียง
บนเตียงสีขาวสะอาดเตียงหนึ่ง ใต้ผ้าห่มสีขาวที่ดูสบาย ห่อเด็กน้อยอายุประมาณสี่ถึงห้าขวบที่งดงามเป็นพิเศษเอาไว้ในนั่น
เส้นผมสีบลอนด์ยาวระดับสะโพกสีทองนุ่มนวล เรือนผมหยักโสกงดงามคลอเคลียหน้าผากและเปลือกตาสีไข่มุกเล็กน้อย ก่อนวินาทีต่อมา ขนตาหนาเป็นแพรยาวขยับพรือเบาๆ...
ก่อนจะเปิดเผยให้เห็นถึงท้องฟ้าขนาดเล็กภายในนั่น
'เอเลน่า'ขยับตัวลุกขึ้นนั่งเหม่อมองไม่ได้โฟกัสอะไรเป็นพิเศษ ก่อนจะยืดแขนขาอ้าปากหาววอดเบาๆ
แต่ละท่วงท่านั่นช่างน่ารักน่าเอ็นดู จนน่าเสียดายที่ไม่มีใครได้มาเห็น คอเสื้อเชิ้ตแขนขาวลู่ลงเล็กน้อยเผยให้เห็นคอสีขาวน้ำนม กระดูกไห้ปลาล้าเล็กๆที่น่ารัก
เธอลุกขึ้นนั่งขยี้ตาเบาๆเพื่อเรียกสติ ก่อนจะเหล่สายตาหันไปมองเตียงข้างๆที่ว่างเปล่า...ใบหน้าที่ง่วงนอนตื่นเต็มตาทันที
เอ๋!
เรย์หายไปไหน!?
ภายในใจแอบตื่นตระหนก
เธอหันไปมองเตียงฝั่งด้านขวาที่มีเอ็มม่ากำลังนอนน้ำลายไหล แขนขายื่นออกนอกผ้าห่ม ข้างๆเตียงเอ็มม่าคือนอร์แมนที่ลงนอนวางมือบนตัก ไม่ว่าจะนอนแบบไหนนอร์แมนตื่นมาก็ยังคงนอนเรียบร้อยอยู่แบบนั่น
เด็กคนนี้ช่างมีความสามารถจริงๆ
เธอทำท่าจะลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะชะงักนิดๆ เมื่อรู้สึกว่ามีแรงดึงบนเสื้อผ้าเอาไว้ ทำให้เธอรู้ว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ใต้ผ้าห่ม
ฉันเปิดผ้าห่มบนตัวออกก่อนจะถอนหายใจ
'เรย์'ตัวน้อยที่หายไปจากเตียงข้างๆ กำลังนอนหลับอยู่ใต้ผ้าห่มของฉันนั้นเอง ใบหน้าด้านข้างที่งีบหลับดูสงบน่ารักเหมือนแมวนมตัวน้อย ทำให้เธอตัดสินใจปลุกไม่ลง
ว่าแต่...
ทำไมเขาแอบมานอนที่เตียงเธอได้กันละ?
เธอนั่งมองเงียบๆและจิ้มแก้มของเขาอย่างสนุก รู้สึกเพลิดเพลินไปกับความนุ่มนิ่มจนเคริ้ม
"อื้อ.." เสียงครางเล็กๆอย่างรำคราณ พร้อมเจ้าของใบหน้าเด็กชายที่มุดลงบนเตียงเพื่อตัดปัญหา เด็กหญิงเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนที่วินาทีต่อมาจะยื่นนิ้วเล็กป้อมๆจิ้มบนใบหน้าอีกคนใหม่
เสียงหัวเราะคิกคักเล็กๆในห้องที่เงียบสงบไม่ได้ปลุกให้เด็กในห้องคนอื่นตื่นขึ้นมาดูเหตุการณ์
เอเลน่าที่แกล้งเรย์จนอิ่มอกอิ่มใจแล้ว กำลังจะลุกขึ้น...
ทันใดนั้น
กริ่ง___งงง
"......"
เสียงระฆังดังขึ้นเธอถึงได้รู้ตัวเดียวนั้นเองว่าตัวเองเผลอนั่งเล่นแก้มของใครบางคนจนเวลาหมด
50%
มันเป็นวันที่ดี เมฆที่คมชัดและสีขาวเหมือนดอกตูมฝ้ายท้องฟ้าเป็นสีฟ้าเหมือนไพลิน ไม่มีอะไรสามารถทำลายบรรยากาศที่สมบูรณ์แบบ อย่างน้อยก็ยังไม่...
♩♬ อื้มม .. ♪♪ อือ ~ ♫
เสียงฮัมเพียงไม่เป็นเมโลดี้ของเด็กหญิงผมสีส้ม เรียกให้เด็กๆคนอื่นที่ทำกิจกรรมอยู่ต่างหยุดหันมามอง เอ็มม่าที่กำลังแสดงออกทางสีหน้าว่ามีความสุขเป็นอย่างมาก
วันนี้เป็นวันที่นอร์แมนได้รับอนุญาตจากมาม๊าฮิซาเบลล่าให้ออกมาเล่นข้างนอกได้ เนื่องจากอาการไข้ของเขาดีขึ้นจนลุกเดินเล่นได้ปกติ
เด็กสี่คนสี่สไตร์ร่วมกันอยู่ในกลุ่มเดียวกัน เป็นกลุ่มเป็นก้อนนับตั้งแต่วันที่เผลอหลับในห้องพยาบาลวันนั้น นับจากวันนั้นมาทุกคนก็เห็นทั้งสี่คนสนิทสนมกันเรื่อยๆ
เป็นภาพที่น่าเอ็นดูของพี่ๆในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
มันตลกเสมอที่เห็นขบวนเด็กสี่คนเดินตามกันไป ไล่เรียงจากสีดำ,เหลือง,ส้ม,เทา
เรย์เป็นเด็กคนแรกที่เดินนำด้วยใบหน้านิ่งๆ ตามด้วยเอเลน่าที่จับชายเสื้อผ้าของเรย์อย่างขี้เกียจ หนังสือที่เอามาก็ยังให้เรย์ถือ
และเอ็มม่าที่ตามหลังเอเลน่ามาอีกทีอย่างตระตือรือร้น พยายามคิดว่าวันนี้จะเล่นอะไรกับทุกคนดี เธอเป็นหัวโจกของกลุ่มที่ชวนเพื่อนเล่นแพลงๆ
ตบท้ายด้วยนอร์แมนที่มีรอยยิ้มอ่อนโยนมองตามหลังทั้งสามคน นัยน์ตาของเด็กชายมองเพื่อนวัยเดียวกันด้วยความอบอุ่นดั่งเช่นทุกที
ตอนนี้ฉันและเหล่าตัวเอกทั้งสามต่างเติบโตขึ้นจนอายุได้5ขวบมาหลายเดือนแล้ว และตอนนี้ก็เพิ่งผ่านช่วงฤดูหนาวไป สำหรับฉัน5ปีมันช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว ใกล้นับถึงเวลาตายเข้ามาทุกที..ทุกที
เอ็มม่า เรย์และนอร์แมนที่เติบโตขึ้นมาก แต่ก็ยังเป็นหัวไซเท้าขาวตัวเล็กอยู่ ด้วยใบหน้ากลมแก้มป่องแดงระเรื่อที่ดูสุขภาพดี
สำหรับฉันแล้วพวกเขาช่างน่ารักมากมายจนน่ารังแกเหลือเกิน... ความรู้สึกที่ว่าอยากหยิบมาขย้ำขยี้และกลืนลงท้องทั้งๆแบบนั้นน่ะ
จริงๆนะ
แก้มป่องขาวดูน่ากัดมาก.. ด้วยความคันไม้คันมือ ฉันเลยชอบหยิกแก้มของเอ็มม่าประจำด้วยความหมั่นเขี้ยว
ส่วนเรย์? รายนั้นไม่ยอมให้ฉันจับแก้มเขาอีกเลย(หลังจากมีครั้งแรกไป...)เขาหาว่าฉันแรงเยอะ กระซิกๆ ฉันเสียใจมาก เพราะเด็กที่ตัวติดฉันทุกวันนี้มาทำตัวตีห่างเพราะเรื่องแค่นี้(?) ฉันจึงต้องหาเหยื่อ-เอ้ย คนรายต่อไป..
และนอร์แมนที่เป็นคน(เหยื่อ)ต่อไป รายนั้นไม่ปรีปากบ่นทั้งที่หยิกจนแก้มแดง ยิ้มอบอุ่นทั้งน้ำตาเล็ด...
"......"
เอาเป็นว่า
ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่ว่าอะไร แต่ฉันก็แกล้งต่อไม่ลง แค่ก! ...มีแค่เอ็มม่านี้แหละที่ทนไม้ทนมือฉันดี
"นี้ๆทางนี้นอร์แมน ฐานทัพลับของพวกเรา!"
เอ็มม่าเป็นคนแรกที่วิ่งผ่านพุ่มไม้หนา ก่อนจะชี้ชวนไปทางต้นไม้และพุ้มหญ้ารอบๆ
นอร์แมนดูตื่นเต้นกวาดสายตาไปทั่วอย่างสนใจ เขาเป็นครั้งแรกที่ได้ออกมาข้างนอกในรอบหลายเดือนจึงสนใจทุกอย่าง
ฉันที่โดนเรย์จูงมือมาหันไปมองรอบๆอย่างสงบ มันก็สถานที่ปกติเหมือนเดิมๆไม่ใช่หรอกเรอะ
แต่เรื่องนั้นช่างเถอะ... เอเลน่าแอบเหลือบมองมือที่ถูกเรย์จับเอาไว้ วันนี้เรย์เกาะเธอเหนียวหนึบกว่าทุกที ตั้งแต่ก้าวออกจากในบ้านเขาก็ยังไม่ปล่อยเลย
นี่ยังไม่พูดถึงที่เขาแอบมาตีเนียนนอนบนเตียงเธออีกนะ
"พวกเรามีฐานทัพลับตั้งแต่เมื่อไหร่?" เรย์เอ่ยถามคำถามที่ฉันสงสัยอย่างพอดี
นั้นน่ะสิ ได้ข่าวว่าเธอเล่นชวนเปลี่ยนทีเล่นไปทั่วไม่ใช่เรอะ?
"ก็ตอนนี้ไง!" เอ็มม่ายิ้มหวานตอบเสียงดังฟังชัด ดูไม่ละอายกับคำถามเมื่อครู่นี้เลย
เรย์ : กะแล้ว..
ฉัน : สมกับเป็นเธอ...
หลังจากที่โดนพวกเราสองคนมองว่ายัยนี่ถ้าจะงี่เง่าไป เอ็มม่าก็พองแก้มอย่างโมโหแล้วบ่นให้พวกเรา ส่วนนอร์แมนก็ยืนหัวเราะแห้งๆเพราะเขาเดาออกแต่แรกแล้ว
"จริงสิ"
วันนี้อากาศดีทำให้เธอนึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ เพราะมันเป็นสิ่งที่เธออยากทำมานานแล้ว
"นี่ ทำไมพวกเราไม่ลองไปดูที่หนึ่งกันละ"
"หืม?"
เด็กทั้งสามคนหันมามองผู้พูดอย่างงงๆ เอเลน่าแสร้งทำเป็นยิ้มตื่นเต้นก่อนจะตีเนียนเดินนำทุกคนไปที่'น่าสนใจ'
"ตามมาสิ!"
แต่ทิศทางที่อีกฝ่ายกำลังไปมันคือทิศทางที่มาม๊าไม่ให้ไปนี่นา.. อย่าบอกนะว่าเอเลน่าคิดจะแหกกฏอีกแล้ว?
นอร์แมนกับเอ็มม่าจ้องมองแผ่นหลังของเด็กหญิงผมเปียอย่างสงสัย แต่ก็ยังคงติดตามไปอย่างเชื่อใจ เมื่อทุกคนไม่สามารถมองเห็นใบหน้าตัวเองได้ เอเลน่าที่กำลังยิ้มอยู่ค่อยๆหุบลงพร้อมกับใบหน้าค่อยๆโดนเส้นผมบดบัง
มันน่าจะถึงเวลาแล้วล่ะ...
"....."
เรย์ที่กำลังเดินตามรั้งท้ายกว่าเพื่อน เขาแอบเม้มริมฝีปากตัวเองเล็กน้อยเมื่อรู้ทิศทางที่กำลังจะไป ก่อนจะตัดสินใจรีบตามไปเพื่อไปดูให้เห็นกับตาตัวเอง
ให้แน่ใจว่าสิ่งที่เขาคิดมันคือจริงหรือเท็จ
...
ลานที่มีกำแพงสูงตระหง่านและประตูเหล็กท็อปส์ซูรั้วสูง ประตูเหล็กมีมุมแหลมและมุ้งเหล็กป้องกันไม่ให้ผู้ใดเข้ามา และ...ยังป้องกันไม่ให้คนภายในได้ออกไป..
กึก
ปลายรองเท้าหนังเหยียบบนพื้นหญ้า เด็กทั้งสี่คนเดินทางไกลมาถึงสุดขอบของกำแพงที่มีประตูเหล็กขนาดใหญ่ปิดกั้นอยู่
"ที่นี่...มันที่ไหนเหรอ?" เอ็มม่ากลืนน้ำลายเมื่อมาถึง เด็กหญิงผมสีส้มสอดส่องมองข้างในแต่ก็มองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากความมืด ประตูเหล็กสีดำน่ากลัว มันสูงตระหง่ามเหนือพวกเขาจนมองไม่เห็นข้างบน
"มันคือประตูที่เชื่อมระหว่างภายในและภายนอกไงล่ะ"
น่าแปลกที่คนที่คิดว่าจะตอบกลับไม่ใช่ซะอย่างนั้น
เด็กชายเรือนผมดำสนิทเหมือนขนอีกา ผมปรกตาข้างหนึ่งเป็นคนตอบคำถาม นัยน์ตาสีดำอมม่วงมองผ่านกรงเหล็กเข้าไป พร้อมจับกรงเหล็กสีดำแน่น
เอ็มม่าไม่สงสัยว่าเรย์รู้ได้อย่างไร ในเมื่ออีกฝ่ายชอบอ่านหนังสือหาความรู้บ่อยๆ
"...." เอเลน่าเหลือบมองไปที่เรย์อย่างสังเกต
'เขารู้แล้วจริงๆด้วย' แล้วทำไมเรย์ถึงไม่เล่าให้เธอฟังกันเล่า...
เอ๊ะ หรือว่าพวกเรายังสนิทกันไม่พอ??? ก็ไม่นะ
ฉันกอดอกทำท่าครุ่นคิด ไม่เข้าใจว่าทำไมเรย์ถึงไม่บอกเธอ
"ข้างนอกเหรอ? ไม่เคยได้ไปมาก่อนเลย.." เอ็มม่าครางอย่างเศร้าใจ ทำให้ฉันอดยื่นมือลูบหัวเพื่อนตัวเล็กตัวเองไม่ได้ พวกเราตอนนี้อยู่ในวัยที่แก้มกำลังป่องดูน่าเอ็นดูสุดๆจนอดไม่ได้ที่จะหยิก
ว่าแล้วก็ขอหยิกสักหน่อย
"ก็นะ ตั้งแต่เกิดมาพวกเราก็อยู่ที่นี่มาตลอดเลยนี่นา" เสียงหวานกล่าวแอบสัมผัสได้ถึงความเยาะเย้ยเล็กน้อย ก่อนจะกลับมาเป็นปกติ
นอร์แมนแอบมองเรย์และเอเลน่าที่ดูเหมือนแปลกไป แต่เขาไม่รู้ว่าแปลกไปที่ตรงไหน..
"แต่มาม๊าก็บอกอยู่ตลอดเลยนะ ว่าอย่าเข้าใกล้ประตูหรือรั้วที่อยู่ในป่าลึก เพราะว่ามันอันตราย"
เอ็มม่าหันมามองเอเลน่า เพื่อนสาวที่เหมือนภาพวาดหรือเหมือนตุ๊กตาชั้นเลิศ หน้าตาน่ารักมีเรือนผมสีบลอนด์อ่อนยาวสลวย ปล่อยยาวถัทเเปียคลอเคลียไหล่
เอ็มม่าชอบเพื่อนหญิงคนนี้มาก เพราะเธอสวยเหมือนตุ๊กตา
"เรื่องนั้นน่ะ ไม่ใช่ว่าโกหกหรอกเหรอ?" ฉันพูดเสียงเบา แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องราวอะไร
"ต้องโกหกอยู่แล้วสิ" เรย์ตอบเสียงไร้อารมณ์ สายตาสีเข้มดูมั่นใจอย่างมาก เหมือนเขารู้อะไรบางอย่าง มันอดทำให้เด็กหญิงผมบลอนด์ยื่นนิ้วเข้าไปจิ้มแก้มเขาเบาๆไม่ได้
เรย์ถอนหายใจก่อนจะจับมือคนข้างๆให้หยุดเล่น แต่เมื่อฉันจะดึงมือออกเรย์ก็ไม่ปล่อยซะงั้น
"อ๊ะ จริงสิ!" เอ็มม่าตาเป็นประกายเมื่อนึกอะไรได้
"นี่เอเลน่า! ถ้าได้ออกไปข้างนอกเธอจะทำอะไรเหรอ" เอ็มม่าหันมาเกาะแขนเอเลน่าที่ยืนข้างๆอย่างตื่นเต้น
"ทำอะไรน่ะเหรอ..." ฉันเลิกคิ้วมอง
สิ่งที่อยากทำเหรอ...
มองไปที่เรย์ก่อนจะนึกอะไรสนุกๆขึ้นมาได้
"อยากเป็นเจ้าสาวของเรย์...ละมั้ง?" เอ่ยตอบเสียงนิ่งอย่างไม่แน่ใจ ภายในใจคิดอีกอย่าง
"มันคืออะไรอ่ะ?"
เอ็มม่ากับนอร์แมนและเรย์หันมามองอย่างงงๆ
โดยเฉพาะเรย์ที่ถูกเอาชื่อเข้าไปเอี่ยวด้วย ดูเหมือนว่าเขาก็ยังไม่รู้ว่าเจ้าสาวมันคืออะไรเช่นกัน
"ไม่รู้เหมือนกัน แต่ฟังดูดีนะ" เธออมยิ้มหยีตาเป็นสระอิให้พวกเขาไปเพื่อตัดบท
แต่ภายในใจเธอกำลังหัวเราะขำก๊าก
อยากรู้นักถ้าในอนาคตเรย์รู้ว่าเจ้าสาวคืออะไรเขาจะมีสีหน้าแบบไหน
"เหตุผลแค่เนี้ย!? แล้วทำไมต้องเป็นเรย์ด้วยล่ะ! เป็นฉันไม่ได้เหรอ???" เอ็มม่าพูดอย่างงงๆ เอ็มม่าไม่เข้าใจหรอกว่าเจ้าสาวคืออะไร แต่อาการหึงหวงเพื่อนสนิทมันกำเริบ
ฉันหันไปมองเอ็มม่าในใจแอบเหวอนิดๆ เห้ย!..ไม่ได้!?
แอบเหลือบมองนอร์แมนฉบับย่อส่วนที่ยังยิ้มบริสุทธิ์อยู่
ฉันไม่อยากลองของหรอกนะ เดียวนอร์แมนในอนาคตได้หมายหัวเธอพอดี-แค่ก
พูดเล่นหรอกน่า..อย่างนอร์แมนน่ะเหรอ หมอนั่นคงแอบไปร้องไห้สักทีแน่ๆถ้าเธอทำเอ็มม่าเปิดประตูใบใหม่
ในเฮาส์แห่งนี้คนที่เอ็มม่าเห็นว่าสนิทมากที่สุดก็คือเอเลน่า นอกจากจะอายุเท่ากันแล้วเธอก็เป็นผู้หญิงเหมือนกันด้วย แต่ดูเหมือนว่าเอเลน่าจชอบคอยมองหาเรย์อยู่ตลอด เอ็มม่าจึงต้องเล่นกับเนอร์แมนแค่สองคนทุกที
ถ้าเอเลน่ารู้ว่าเอ็มม่าคิดอะไร ถ้าบอกได้เธอคงบอกว่าที่คอยเฝ้าตามอยู่กับเรย์เพราะคอยจับผิดเจ้าตัวอยู่ต่างหาก
เพราะตอนนี้ไม่รู้ว่าใครติดใคร เรย์ติดเธอหรือว่าเธอไปติดเรย์ แค่ก เอาเป็นว่าถ้าตามหาเรย์คือมีเธออยู่ที่นั้น
เพราะเรย์ชอบปริตัวไปอ่านหนังสืออยู่คนเดียว และเอเลน่าจะไปนั่งอ่านข้างๆมากกว่าออกไปเล่น จนบ้างครั้งเอ็มม่าก็รู้สึกอิจฉาเรย์ ถ้าไม่ติดว่าเธอเล่นหนังสือแล้วไม่สนุกละก็นะ.. ปานนี้คงไปร่วมแจมด้วยแล้ว
"ฉันก็ไม่ได้บอกว่าอยากได้นิ" เรย์บ่นพึมพำแต่ไม่มีใครสนใจ
ในอนาคตเมื่อโตขึ้นกว่านี้ จะมีสองคนที่รู้ความหมายแท้จริงแล้วเกิดอับอายจนอยากหนีไปซุกในดิน... หนึ่งในนั้นแน่นอนว่าไม่ใช่เอเลน่า
"ไม่รู้สิ แล้วเอ็มม่าล่ะ? เธออยากทำอะไร" ฉันจงใจเปลี่ยนหัวข้อ พร้อมไม่สนใจเรย์ที่หันมาขมวดคิ้วใส่เพราะไม่มีใครฟังเขา
เอ็มม่าชะงักไปนิดก่อนที่ดวงตาสีเขียวจะเป็นประกายตื่นเต้นทันที
"อยากขี่ยีราฟ! แล้วพาเอเลน่านั่งไปด้วยกัน"
คำตอบที่ฟังดูสดใสมุ่งมั่นเป็นอย่างมาก ไม่ถามด้วยซ้ำว่าฉันอยากจะไปนั่งด้วยหรือเปล่า-จะว่าไปฉันก็ไม่ถามเรย์ด้วยเหมือนกันนี่นา?
ฉันกับนอร์แมนไม่รู้หรอกว่าขี่ยีราฟมันดูน่าสนุกยังไง
เราสองคนมองเอ็มม่าแล้วอมยิ้ม มีเรย์คนเดียวที่ถอนหายใจเอ่ยเสียงรำคาณ "พยายามเข้าก็แล้วกันนะ"
"....." เนอร์แมนที่ไม่ได้พูดอะไรเลยตั้งแต่มาถึง ดวงตาสีน้ำทะเลและเส้นผมสีขาวออกเทานิดๆ กำลังมองเข้าไปที่ประตูเหล็ก ก่อนจะยื่นมือไปแตะอย่างสงสัย
"ประตูเหล็กนี่น่ะ มันใช้ปกป้องเราจากอะไรกันนะ?"
คำถามของนอร์แมนทำฉันนิ่งเงียบ เธอยื่นมือออกไปจับเหล็กสีดำบ้าง หูก็ฟังนอร์แมนพูดถึงเรื่องโลกภายนอกกับเอ็มม่าและเรย์กันสามคน
กลิ่นโลหะเก่าปนเปื้อนบนผ่ามือเมื่อยามจับแท่งเหล็ก
เธอได้กลิ่นมัน กลิ่นเหม็นชวนอ้วก
มันทำให้เธอนึกถึงอเล็ก.... ปานนี้เขาคง
"เอเลน่า~ ไปเล่นกันต่อเถอะ"
เฮือก
ไม่รู้ว่าเผลอเหม่อไปนานเท่าไหร่ เอ็มม่าตะโกนเรียก พลางโบกมือให้เมื่อเห็นว่าเอเลน่ายังไม่วิ่งมา ส่วนนอร์แมนกับเรย์พวกเขาวิ่งนำออกไปแล้ว
"จะไปเดี๋ยวนี้!" เธอตะโกน ก่อนที่จะหันหลังให้ประตูเหล็กสีดำตรงหน้า ผละออกไปตามหลังเพื่อนๆอีกสามคนเพื่อเล่นกันต่อ
กึก
แต่ก่อนที่จะไปปลายเท้าได้เผลอหยุดชะงัก ดวงตาสีฟ้าหันกลับมามองความมืดมิดในประตูเหล็กเล็กน้อย เธอเลือกที่จะไม่บอกพวกเขา
ว่าจมูกเธอนั้นไวต่อกลิ่น
กลิ่นของเลือด
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
กำลังโหลด...
8ความคิดเห็น