ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ก ร ะ สุ น นัด เ ดี ย ว (มีE-BOOK แล้ว)

    ลำดับตอนที่ #4 : ก ร ะ สุ น นัด เ ดี ย ว 'รักคนของคนอื่น IV' (อัปครบ)

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ย. 62


     คำเตือน : นิยายเรื่องนี้เป็นความคิดจากงานเขียนไม่มีอยู่จริง เนื้อหาค่อยข้างละเอียดอ่อน

    ตัวละครมีมุมมองต่างกัน หากมีหักดิบบ้าง หวานบ้าง เถื่อนบ้าง ดราม่าบ้าง

    ทุกสถานการณ์ขึ้นอยู่กับการดำเนินเรื่อง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านตามความชอบ 

    กลุ่มลับ ในเพจ


    EPISODE ๐.๔

    ก ร ะ สุ น นัด เ ดี ย ว 'รักของคนอื่น IV'


    เอาไปเถอะค่ะ ฉันพูดจบเดินออกมาจากตรงนั้น เห็นลาง ๆ ว่าพี่เหนือเดินตามมาด้วย

    เรื่องที่พี่เหนือให้เราช่วยคือแก้ในเรื่องของการอัดเสียงเบสลงไปใหม่ ตอนนี้พี่เขาออกไปสูบบุหรี่นอกห้อง เราอยู่ในห้องหนึ่งมันเป็นห้องทำงานมองจากมุมนี้สามารถเห็นห้องซ้อมใหญ่ได้ เพราะห้องซ้อมนั้นเป็นกระจกใสมันถึงได้ดูโปร่งไปหมดเลย

    เรากำลังมองไปยังห้องที่ว่า ในห้องนั้นมีร่างหนาอยู่ กระสุนเขากำลังทำงานอยู่บนโซฟาในมือหนามีกระดาษแผ่นหนึ่ง หลังเขาพิงพนักโซฟาสมองกำลังคิดงานอย่างหนักหน่วง

    เราทำได้แค่มองดูเขาในระยะไกล เราไม่สามารถมองดูเขาได้ในระยะใกล้ เราทำแบบนั้นไม่ได้ ฉันท่องบอกตัวเองอยู่เสมอบอกตัวเองมาแล้วสองปีแล้วก็เถอะและคงจะบอกตัวเองไปเรื่อย ๆ

    จนกระทั้งพี่เชฟเดินเข้าไปหากระสุนในห้อง ในมือพี่เชฟมีกระป๋องเบียร์อยู่ เขายื่นมันไปให้ร่างหนาส่วนร่างหนารับเปิดฝากระดกโดยไม่พูดจาใด ๆ

    เรานั่งมองภาพนั้นจนเผลอขยับตัว รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่พี่เชฟโบกมือทักทายผ่านห้องนั้นมา ในสายตาเราพี่เชฟเป็นพี่ชายที่น่ารัก เขาดูขี้เล่นไม่จริงจังแต่ว่าดูแคร์คนอื่นมาก

    สิ่งที่ฉันทำกลับไปได้คือส่งยิ้มกลับคืน สมองกำลังบอกตัวเองว่าให้พอแล้วสนใจงานที่อยู่ตรงหน้าดีกว่า ระหว่างกำลังก้มหน้าลงระดับสายตาคนเราจะลากผ่านบางอย่างไป

    บางอย่างที่ว่าคือร่างหนาที่ดูเกรงขามนั้นก็คือกระสุน

    เขากำลังเหลือตามองมาทางฉันด้วยสายตาเย็นชา ต่อมามองหน้าพี่เชฟพวกเขากำลังคุยอะไรกันอยู่ ฝ่ายถามเป็นกระสุนฝ่ายตอบเป็นพี่เชฟ

    พี่เชฟพูดไปยิ้มไป มือหนาโบกมือไล่ลมตรงหน้าไปมาเสมือนปฏิเสธคำถาม ฉันควรทำตัวยังไงดี ฉันควรนั่งอยู่ตรงนี้ไหม

    หลายคำถามวนเวียนเข้ามาไม่หยุด สายตาฉันพร่าเบลอเมื่อจ้องคอมนาน ๆ เลยเลือกหาพื้นที่สบายตาด้วยการละสายตาออกจากคอมอีกครั้ง

    ในตอนที่เงยหน้าขึ้นมานั้น

    โอ๊ะ เสียงฉันหลงเพราะพี่เชฟกับกระสุนกำลังมองทางนี้อีกแล้ว คราวนี้พวกเขาไม่ได้มองอย่างเดียวแต่ยังจ้องเลยต่างหาก

    เราทำอะไรผิด?

    เราแค่พักสายตาเองนะ

    ฉันเม้มริมฝีปากไว้แน่นสองมือจับขาอ่อนเอาไว้เพื่อบอกให้ตัวเองใจเย็น ๆ ช่วงการหายใจช้าลงเป็นพิเศษการขยับเขยิบช้าเห็นได้ชัด

    เป็นอะไร

    เฮือก!

    การสะดุ้งสุดโต่งเป็นยังไงนัดเดียวไม่รู้หรอกแต่เมื่อกี้เสียงของพี่เหนือทำให้นัดเดียวโยนแผ่นกระดาษลอยเต็มพื้นห้องไปหมดเลย

    นัดเดียวไม่ได้ตั้งใจนัดเดียวจะเก็บให้นะ

    ฉันบอกตัวเองในตอนที่ลูบแผ่นอกไปสองทีจากนั้นลุกจากเก้าอี้แล้วย่อตัวลงเพื่อนั่งยอง ฝ่ามือบางไล่เก็บแผ่นกระดาษนับสิบใบ อาการตกใจยังคงอยู่แต่มันสงบเองได้

    มาพี่ช่วย ร่างสูงค้อมตัวลงต่ำระดับความสูงต่างกันอยู่แล้วยิ่งทำให้เราดูต่างกันมากขึ้น พี่เหนืออาสาช่วยเก็บกระดาษส่วนตัวฉันนั่งเอ๋อมองเขาโดยปริยาย

    ที่เรามองเราแค่งงว่าพี่เขาเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วเข้ามาตอนไหนต่างหาก

    วันนี้พี่ว่าเรากลับบ้านไปเถอะ พี่เหนือพูดไม่ได้มองหน้าฉัน

    พี่จะบอกว่านัดเดียวโง่หรือซื่อบื้อใช่ไหมถึงได้ทำตัวตลกแบบนี้แล้วพี่ก็ไล่ให้นัดเดียวกลับบ้านจากนั้นพี่จะฟ้องทางอาจารย์ว่านัดเดียวขาดงาน

    หึ นี่กอดอกมองเลย

    “…”

    หื้ม? มองพี่แบบนั้นทำไม เขาหันมาถามด้วยสายตาเชิงสงสัย

    พรึบ

    ร่างหนาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแผ่นกระดาษนับสิบถูกวางรวมไว้บนโต๊ะอีกครั้ง พี่เหนือไม่ได้รั้งเร่งเขาก็แค่ถามเป็นตัวฉันเองมากกว่าที่เป็นคนคิดมาก

    นัดเดียวแค่ตกใจ พออยู่ด้วยกันอาการเกร็งในตอนแรกมันก็ลดลง ฉันลดมือด้วยการเกาแก้มจากนั้นลุกขึ้นยืนข้าง ๆ พี่เขา

    สายตาพี่เหนือนิ่งไม่ได้ออกเย็นชา ในความนิ่งของพี่เหนือคือการไม่บังคับใจคน พี่เขาแค่รอฟังฉันพูดก็เท่านั้น

    ตกใจ? พี่เหนือขมวดคิ้วมุ่นอดถามไม่ได้ เขาคงสงสัยว่าฉันตกใจเรื่องอะไรสินะ

    มาถึงตอนนี้จะให้ฉันเล่าคงไม่ได้ จะให้ฉันบอกออกไปเหรอว่าพี่เชฟกับกระสุนมองฉันอยู่ ฉันเลยยิ้มกลบเกลื่อนเคลื่อนเก้าอี้ให้พี่เหนือนั่งแทน

    ร่างสูงแค่มองฉันแล้วไม่ได้ถามอะไรต่อ ตอนนี้ความรู้สึกตกใจมันหมดลงแล้ว ยิ่งอยู่ใกล้พี่เหนือกลิ่นตัวพี่เขาก็ทำให้ฉันได้กลิ่นแต่มันไม่เหมือนครั้งแรกนะ ตอนนี้มันมีกลิ่นบุหรี่ผสมอยู่ด้วยต่างหาก

    ฉันคิดว่าฉันแพ้บุหรี่

    อืม..จะบอกยังไงดีคือว่าฉันแพ้กลิ่นแพ้ควันแพ้ทุกอย่างที่เป็นส่วนผสมของบุหรี่

    เป็นอะไรทำไมเอามือปิดจมูกไว้ เพราะมันอยู่ใกล้มากเราเลยคิดไปว่าควรป้องกันตัวเองไว้ พี่เหนือหันมามองด้วยสายตาเรียบเฉย สายตาคู่นั้นไม่มีอะไรแอบแฝงสักอย่าง เขาก็แค่ถามเพราะแปลกใจ

    เปล่าค่ะ ฉันตอบ

    เปล่าก็เอามือออก เสียงหนาไม่ได้สั่งแค่บอกให้ฉันทำตามอย่างว่า ฉันจึงเอามือลงแต่หันไปจับกระดาษกองเมื่อกี้ขึ้นมาแทน

    เดี๋ยวก็ปลิวว่อนทั้งห้องอีก พอตอบโต้กันมากขึ้นสีหน้าพี่เหนือก็เริ่มเหนื่อยมันเหมือนกับว่าพี่เขากำลังดุเด็กแปดขวบ

    นัดเดียวไม่ใช่เด็กนะคะ นัดเดียวโตแล้วมีความคิดเป็นผู้ใหญ่ด้วย..เพียงแต่ความคิดของนัดเดียวไม่สามารถบอกใครได้ นัดเดียวไม่อยากให้ใครมองว่าตัวเองเป็นตัวปัญหา

    ฉะนั้นเลือกทำอะไรที่สวนทางซึงมันอาจดูโก๊ะไปบ้าง ปัญญาอ่อนไปเล็กน้อย แต่นัดเดียวก็โตพอรู้อะไรคือผิดชอบชั่วดี

    ที่นัดเดียวไม่บอกพี่เหนือว่าแพ้ก็เพราะนัดเดียวไม่อยากให้เขามองว่าเป็นตัวปัญหา อย่าลืมนะว่าเรามาฝึกงานกับเขาไม่ใช่เขามาฝึกงานกับเรา

    เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องบอกหรอก

    ทนได้ก็ทน

    อืมฉันครางรับกับตัวเองเบา ๆ

    หื้ม? แต่แล้วสายตาคมกลับเหลือบมองฉันในท้ายประโยคแทน

    เปล่าค่ะฉันรับคำลงกระดาษลงซึ่งพี่เหนือไม่ได้สนใจอะไรอีกนอกจากดูงานที่ฉันแก้ให้

    สักพักใหญ่เขาถึงได้ลุกออกไปนอกห้อง ฉันเห็นพี่เชฟโบกมือเรียกพี่เหนือออกไป จากนั้นกระสุนก็เดินมาทางด้านห้องที่ฉันอยู่

    ทำไงดีหลายชั่วโมงก่อนเขาไล่เรา

    กริ๊ก

    ไม่ทันแล้วตอนนี้ร่างหนาสูงโปร่งกำลังเดินมาทางนัดเดียวแล้ว นัดเดียวควรก้มหน้าหรือไม่ก็ลุกไปยืนไกล ๆ ดีไหม

    เป็นเด็กฝึกงานใช่มั้ย เสียงหนาแทบไม่ออกมาจากลำคอด้วยซ้ำ กระสุนเขากำลังถามฉันอยู่ สมองฉันมันโล่งไปหมดเมื่อเขายืนอยู่ในระยะประชิดจากนั้นเลื่อนเก้าอี้ก่อนจะนั่งลงทั้งที่ฉันยืนมองเขาอยู่ในมุมสูง เป็นเด็กขัดรู้จักเคารพผู้หลักผู้ใหญ่บ้าง

    “…”

    เขาเป็นไบโพลาร์เหรอถึงได้เปลี่ยนอารมณ์บ่อยจัง

    จะยืนค้ำหัวฉันอีกนานมั้ย กระสุนมองหน้าฉันหนึ่งวิแล้วหันกลับไปมองจอคอม เขาคงเกลียดเรามากแน่เลย

    อึบไว้นะนัดเดียวห้ามร้อง

    เราจะไม่เสียใจอีกแล้วเพราะอีกหนึ่งเดือนเราจะสิ้นสุดการฝึกงานหลังจากนั้นคงคิดว่าตัวเองต้องตัดใจจากคนใจร้ายได้

    ตึก ตึก

    ตอนนั้นปลายนิ้วมือแข็งแรงกำลังเคาะโต๊ะอยู่ ใบหน้าหล่อยังคงจ้องมองหน้าคอมอย่างเคร่งเครียด ฉันกำลังจะปลีกตัวออกจากตรงนี้ คงคิดว่าเขามีงานสำคัญต้องทำเลยเลือกจากออกไป

    อยู่ไปคงช่วยอะไรเขาไม่ได้หรอก

    ช่วงที่กำลงจะเดินออกไปเสียงหนาเอ่ยออกมาช้า ๆ ว่า

    มานี่ เขาแค่เรียกไม่ได้หันมอง ทุกอย่างคือเรียบออกเย็นช้าวาบมันไม่มีอะไรพิเศษสักอย่าง มันออกไปในทางอึดอัดและเฉยชาราวกับอยู่ในโลกของคนที่ตายไปแล้ว

    ฉันเลื่อนสายตาของจากบานประตูขยับเท้าไปไกลร่างสูงที่ว่า ถึงแม้กระสุนไม่หันมองฉันแต่ฉันก็ได้แอบมองเขา

    พรึบ

    หื้ม?

    ปฏิกิริยาฉันเกิดขึ้นจากนั้นค่อย ๆ ขยับร่างกายกลายเป็นว่าวิ่งเข้าไปหาร่างหนาแทน ใบหน้าแปลกใจเกิดขึ้นคำถามมึนงงลอยออกมาเต็มไปหมดเลย

    นี่มันมือถือนัดเดียวนิทำไมถึงได้อยู่ที่เขา..

    มือถือเธอลืมไว้ที่ห้องฉันกระสุนวางมือถือฉันลงบนโต๊ะในตอนที่ฉันยืนชิดขอบโต๊ะด้วยเช่นกัน

    ตึกตัก..

    จริงสิเมื่อเช้า

    เราเผลอหยิบมาผิดเครื่องเหรอแต่ทำไม..เอ๊ะ เพราะการไม่เคยอยู่ใกล้ไม่เคยพูดคุยทำให้ฉันรู้ว่า ฉันกับกระสุนเราสองคนใช้มือถือรุ่นเดียวกันแถมสีเดียวกันอีกด้วย

    มันเป็นเรื่องบังเอิญที่เกิดขึ้น

    มันรู้สึกดีเล็กน้อยนะ

    ฉันถึงอยากพูดกับเธอเขาบอกแต่ไม่ได้มองเช่นเคย เรื่องเมื่อตอนกลางวันขอโทษที่เข้าใจผิด

    ตึกตัก ตึกตัก

    เสียงหัวใจนัดเดียวเต้นดังเป็นบ้าเลย นี่เฮียกำลังขอโทษนัดเดียวเรื่องที่เข้าใจผิดใช่ไหม

    เวลานี้ตัวฉันเกร็งยิ่งกว่ากลัวม๊าดุหรือเฮียอาเซ่อแกล้งอีก ตอนนี้มันรู้สึกดีใจซาบซึ้งที่เฮียขอโทษ อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้มองนัดเดียวเป็นตัวขโมยหรือเด็กมีปัญหาอีกแล้ว (มั้ง)

    ค่ะ ฉันยิ้มออกมาแม้เขาจะไม่หันมามองก็ตาม

    ตกเย็น

    หลังจากช่วยงานพี่เหนือฉันไม่มีภาระหน้าที่อื่นต่อจนขอตัวกลับบ้าน ตอนนี้มันห้าโมงเย็นแล้วไง มือถือที่ได้คืนมามีสายที่ไม่ได้รับก็คือ เฮียอาเซ่อ

    ดูท่าโดนด่าอีกแน่เลย

    ระหว่างออกจากห้องซ้อนตรงทางเดินตรงหน้า ฉันเหลือบมองเห็นประตูห้องชั้นบน มันเป็นห้องของกระสุน

    “…”

    ก้อนเหนียวลำคอกลืนหายไปทันทีเมื่อฉันย้อนความทรงจำกลับไปเมื่อคืน

    มันคือเรื่องจริงที่ฉันปกปิดไม่ให้ใครรู้

    นัดเดียว แต่แล้วเสียงร่าเริงดังขึ้นทำให้ฉันละสายตาออกมองไปยังเบื้องหน้าแทน ฉันเห็นพี่เชฟยืนควงกุญแจรถอยู่ ข้างกายเขามีพี่เหนือรวมถึงพี่ทาวน์เจ้าของใบหน้าง่วงยืนอยู่ด้วย

    พวกเขากำลังจะกลับกันแล้วใช่ไหม

    ยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้นไม่กลับบ้านเหรอครับ พี่เชฟถามอีกครั้งในขณะเดียวกันพี่ทาวน์ลากคอพี่เหนือเดินออกไป

    พวกเขาสองคนดูเหนื่อย ๆ เบื่อ ๆ

    เพราะซ้อนเยอะมั้ง..ฉันแอบเห็นกระสุนตั้งใจทำงานเขาเองก็คงเหนื่อยเหมือนกัน

    นัดเดียว เพราะฉันเงียบพี่เชฟถึงได้เรียกอีกครั้ง

    คะค่ะ ฉันขานรับเพราะตรงนี้มีแค่เรา

    กลับยังไงปกติพี่เห็นพี่ชายเรามารับมาส่งไม่ใช่เหรอ ก็ต้องเห็นอยู่แล้วสิ พี่เชฟอาสาไปส่งฉันตั้งหลายครั้งแต่ดันเจอเฮียซะก่อน

    รายนั้นไม่ค่อยจะสุงสิงกับใครด้วยเห็นหน้าพี่เชฟที่ไหร่ก็นึกว่าเป็นแฟนนัดเดียวทุกที

    พี่ชายนัดเดียวเป็นพวกโลกส่วนตัวสูงไม่ค่อยรู้จักใครหรอก

    จนวันนั้นเฮียเข้ามากระชากคอเสื้อพี่เชฟดีนะนัดเดียวห้ามไว้ได้ไม่งั้นหน้าหล่อของพี่เชฟยับแน่เลย

    ไอ้คนนิสัยไม่ดี

    ค่ะนัดเดียวนั่งรถเมล์กลับบ้าน ฉันอธิบายเพราะตัวเองต้องแวะซื้อของจำเป็นด้วย

    ถ้างั้นให้พี่ไปส่งมั้ย ใบหน้าหล่อส่งยิ้มมาแต่ฉันส่ายหน้าปฏิเสธ

    จะให้พี่เชฟไปส่งได้ไงกันเขาเป็นคนดังนะ ดังมากด้วย

    เหรอเสียดายจังพี่กะ..” จังหวะนั้นเองพี่ทาวน์เดินกลับมา

    สีหน้าพี่เขาดูง่วงมากในมือมีหมอนไว้สำหรับรองคออยู่ สายตาพี่เขาไม่ได้มองฉันหรอกแต่กำลังมองพี่เชฟต่างหาก

    หมับ!

    เวลาต่อมาปกเสื้อของพี่เชฟถูกระชากในตอนที่เขากำลังจะพูดกับฉัน

    เอ้ยอะไรวะไอ้ทาวน์ สายตาคู่นั้นกำลังวุ่นอยู่กับการฉุดกระชาก พี่ทาวน์ไม่พูดไม่จา เขาใช้แรงมหาศาลในการลากพี่เชฟออกไป

    เดี๋ยวดิวะกูกำลังชวนน้องเขากลับบ้านด้วยมึงไม่เห็นหรือไงไอ้ห่า พี่เชฟอธิบายทั้งที่เขาถูกพี่ทาวน์ลากออกไป

    ไอ้สัส!”

    เรื่องจบลงเมื่อพี่เหนือลากพี่เชฟออกไปพร้อมพี่ทาวน์ส่วนตัวฉันออกมานั้งรอรถเมล์สักพักก่อนจะลงป้ายที่ต้องทำธุระ

    ธุระที่ว่าคือฉันต้องซื้อยาคุมอย่างว่า

    แต่ไม่รู้ว่าต้องกินแบบไหน

    เมื่อเข้าไปในร้านฉันเจอพี่ผู้หญิงหนึ่งเธอดูสวยมาก รูปร่างค่อยข่างอวบนิดหน่อย ไม่ผอมและไม่อ้วนจนเกินไปแต่สวยมาก เธอกำลังส่งยิ้มให้กับฉันในตอนที่ฉันเดินเข้าไป

    หวัดดีจ๊ะมีอะไรให้ช่วยมั้ย รอยยิ้มเหมือนคนรู้จักพูดทักทายเป็นกันเอง ฉันกำลังก้มหน้าลงต่ำเพราะไม่กล้าสบตา

    มีอะไรให้พี่ช่วยมั้ย เมื่อฉันเงียบคนสวยก็พูดขึ้นกับฉันอีกครั้ง คราวนี้ฉันจึงค่อย ๆ กล้าด้วยการเดินเข้าไปในเคาน์เตอร์สิ่งที่ทำต่อมาคือสบตาคนตรงหน้า

    เออ..คือว่าแค่เริ่มพูดมือถึงขั้นสั่นแล้ว

    “…” แต่ใบหน้าสวยยิ้มรับมองหน้าฉัน ฉันค่อย ๆ ปาดเหงื่อออกพร้อมกำกระเป๋าตัวเองไว้แน่น

    เราต้องการซื้อยา..คุม ประโยคสุดท้ายฉันเบาเสียงลง ที่ทำแบบนั้นก็เพราะไม่เคยพูดจาแบบนี้กับใครมาก่อนและไม่คิดว่าต้องพูดด้วย

    ยาอะไรนะคะ แต่พี่คนสวยก็ยังถามฉันอีกครั้ง

    ยาคุมค่ะ ฉันเอ่ยสั้น ๆ เม้มริมฝีปากเข้าไว้

    ตึกตัก ตึกตัก

    ใจฉันเต้นรัวไปหมดแล้ว

    อ้อ ยาคุมฉุกเฉินหรือจะเป็นรายเดือนดีคะ ดูพี่สวยคนสวยพูดเหมือนเรื่องปกติเลย

    มันก็ต้องปกติถึงจะถูกเพราะพี่เขาเป็นเภสัชกรนิ

    บ้าไปแล้วนัดเดียวคิดอะไรฟุ้งซ่านเนี่ย

    ขอเป็นสองแบบได้ไหมคะ ฉันถามหลังจากเงียบไป ที่พูดไปแบบนั้นก็ไม่รู้ว่าตัวเองต้องทานแบบนั้นส่วนพี่เขากลับฉีกยิ้มแล้วพูดออกมาว่า

    ได้ค่ะแต่พี่ขอทราบรายละเอียดหน่อยนะคะ

    รายละเอียดเหรอ..คงไม่ใช่เรื่องที่เรา..จุด ๆ กันหรอกนะ  

                อัปครบ


    #เดี๋ยวนะหนู ไรท์ว่าเค้าคงไม่ได้ถามเรื่องนั้นหรอกมั้ง 55555555 โอ้ยยยยสงสารหรือขำดี

    1 เม้นนะจ๊ะจุบุ




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×