คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ก ร ะ สุ น นัด เ ดี ย ว 'รักคนของคนอื่น IV' (อัปครบ)
คำเตือน : นิยายเรื่องนี้เป็นความคิดจากงานเขียนไม่มีอยู่จริง เนื้อหาค่อยข้างละเอียดอ่อน
ตัวละครมีมุมมองต่างกัน หากมีหักดิบบ้าง หวานบ้าง เถื่อนบ้าง ดราม่าบ้าง
ทุกสถานการณ์ขึ้นอยู่กับการดำเนินเรื่อง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านตามความชอบ
กลุ่มลับ ในเพจ
EPISODE ๐.๔
ก ร ะ สุ น นัด เ ดี ย ว 'รักของคนอื่น IV'
“เอาไปเถอะค่ะ”
ฉันพูดจบเดินออกมาจากตรงนั้น เห็นลาง ๆ ว่าพี่เหนือเดินตามมาด้วย
เรื่องที่พี่เหนือให้เราช่วยคือแก้ในเรื่องของการอัดเสียงเบสลงไปใหม่
ตอนนี้พี่เขาออกไปสูบบุหรี่นอกห้อง
เราอยู่ในห้องหนึ่งมันเป็นห้องทำงานมองจากมุมนี้สามารถเห็นห้องซ้อมใหญ่ได้ เพราะห้องซ้อมนั้นเป็นกระจกใสมันถึงได้ดูโปร่งไปหมดเลย
เรากำลังมองไปยังห้องที่ว่า
ในห้องนั้นมีร่างหนาอยู่ ‘กระสุน’ เขากำลังทำงานอยู่บนโซฟาในมือหนามีกระดาษแผ่นหนึ่ง
หลังเขาพิงพนักโซฟาสมองกำลังคิดงานอย่างหนักหน่วง
เราทำได้แค่มองดูเขาในระยะไกล เราไม่สามารถมองดูเขาได้ในระยะใกล้
เราทำแบบนั้นไม่ได้ ฉันท่องบอกตัวเองอยู่เสมอบอกตัวเองมาแล้วสองปีแล้วก็เถอะและคงจะบอกตัวเองไปเรื่อย
ๆ
จนกระทั้งพี่เชฟเดินเข้าไปหากระสุนในห้อง
ในมือพี่เชฟมีกระป๋องเบียร์อยู่
เขายื่นมันไปให้ร่างหนาส่วนร่างหนารับเปิดฝากระดกโดยไม่พูดจาใด ๆ
เรานั่งมองภาพนั้นจนเผลอขยับตัว รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่พี่เชฟโบกมือทักทายผ่านห้องนั้นมา
ในสายตาเราพี่เชฟเป็นพี่ชายที่น่ารัก เขาดูขี้เล่นไม่จริงจังแต่ว่าดูแคร์คนอื่นมาก
สิ่งที่ฉันทำกลับไปได้คือส่งยิ้มกลับคืน
สมองกำลังบอกตัวเองว่าให้พอแล้วสนใจงานที่อยู่ตรงหน้าดีกว่า ระหว่างกำลังก้มหน้าลงระดับสายตาคนเราจะลากผ่านบางอย่างไป
บางอย่างที่ว่าคือร่างหนาที่ดูเกรงขามนั้นก็คือกระสุน
เขากำลังเหลือตามองมาทางฉันด้วยสายตาเย็นชา
ต่อมามองหน้าพี่เชฟพวกเขากำลังคุยอะไรกันอยู่ ฝ่ายถามเป็นกระสุนฝ่ายตอบเป็นพี่เชฟ
พี่เชฟพูดไปยิ้มไป มือหนาโบกมือไล่ลมตรงหน้าไปมาเสมือนปฏิเสธคำถาม
ฉันควรทำตัวยังไงดี ฉันควรนั่งอยู่ตรงนี้ไหม
หลายคำถามวนเวียนเข้ามาไม่หยุด
สายตาฉันพร่าเบลอเมื่อจ้องคอมนาน ๆ เลยเลือกหาพื้นที่สบายตาด้วยการละสายตาออกจากคอมอีกครั้ง
ในตอนที่เงยหน้าขึ้นมานั้น
โอ๊ะ เสียงฉันหลงเพราะพี่เชฟกับกระสุนกำลังมองทางนี้อีกแล้ว
คราวนี้พวกเขาไม่ได้มองอย่างเดียวแต่ยังจ้องเลยต่างหาก
เราทำอะไรผิด?
เราแค่พักสายตาเองนะ
ฉันเม้มริมฝีปากไว้แน่นสองมือจับขาอ่อนเอาไว้เพื่อบอกให้ตัวเองใจเย็น
ๆ ช่วงการหายใจช้าลงเป็นพิเศษการขยับเขยิบช้าเห็นได้ชัด
“เป็นอะไร”
เฮือก!
การสะดุ้งสุดโต่งเป็นยังไงนัดเดียวไม่รู้หรอกแต่เมื่อกี้เสียงของพี่เหนือทำให้นัดเดียวโยนแผ่นกระดาษลอยเต็มพื้นห้องไปหมดเลย
นัดเดียวไม่ได้ตั้งใจนัดเดียวจะเก็บให้นะ
ฉันบอกตัวเองในตอนที่ลูบแผ่นอกไปสองทีจากนั้นลุกจากเก้าอี้แล้วย่อตัวลงเพื่อนั่งยอง
ฝ่ามือบางไล่เก็บแผ่นกระดาษนับสิบใบ อาการตกใจยังคงอยู่แต่มันสงบเองได้
“มาพี่ช่วย” ร่างสูงค้อมตัวลงต่ำระดับความสูงต่างกันอยู่แล้วยิ่งทำให้เราดูต่างกันมากขึ้น
พี่เหนืออาสาช่วยเก็บกระดาษส่วนตัวฉันนั่งเอ๋อมองเขาโดยปริยาย
ที่เรามองเราแค่งงว่าพี่เขาเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วเข้ามาตอนไหนต่างหาก
“วันนี้พี่ว่าเรากลับบ้านไปเถอะ”
พี่เหนือพูดไม่ได้มองหน้าฉัน
พี่จะบอกว่านัดเดียวโง่หรือซื่อบื้อใช่ไหมถึงได้ทำตัวตลกแบบนี้แล้วพี่ก็ไล่ให้นัดเดียวกลับบ้านจากนั้นพี่จะฟ้องทางอาจารย์ว่านัดเดียวขาดงาน
หึ นี่กอดอกมองเลย
“…”
“หื้ม? มองพี่แบบนั้นทำไม”
เขาหันมาถามด้วยสายตาเชิงสงสัย
พรึบ
ร่างหนาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแผ่นกระดาษนับสิบถูกวางรวมไว้บนโต๊ะอีกครั้ง
พี่เหนือไม่ได้รั้งเร่งเขาก็แค่ถามเป็นตัวฉันเองมากกว่าที่เป็นคนคิดมาก
“ นัดเดียวแค่ตกใจ”
พออยู่ด้วยกันอาการเกร็งในตอนแรกมันก็ลดลง ฉันลดมือด้วยการเกาแก้มจากนั้นลุกขึ้นยืนข้าง
ๆ พี่เขา
สายตาพี่เหนือนิ่งไม่ได้ออกเย็นชา ในความนิ่งของพี่เหนือคือการไม่บังคับใจคน
พี่เขาแค่รอฟังฉันพูดก็เท่านั้น
“ตกใจ?” พี่เหนือขมวดคิ้วมุ่นอดถามไม่ได้
เขาคงสงสัยว่าฉันตกใจเรื่องอะไรสินะ
มาถึงตอนนี้จะให้ฉันเล่าคงไม่ได้
จะให้ฉันบอกออกไปเหรอว่าพี่เชฟกับกระสุนมองฉันอยู่
ฉันเลยยิ้มกลบเกลื่อนเคลื่อนเก้าอี้ให้พี่เหนือนั่งแทน
ร่างสูงแค่มองฉันแล้วไม่ได้ถามอะไรต่อ
ตอนนี้ความรู้สึกตกใจมันหมดลงแล้ว
ยิ่งอยู่ใกล้พี่เหนือกลิ่นตัวพี่เขาก็ทำให้ฉันได้กลิ่นแต่มันไม่เหมือนครั้งแรกนะ
ตอนนี้มันมีกลิ่นบุหรี่ผสมอยู่ด้วยต่างหาก
ฉันคิดว่าฉันแพ้บุหรี่
อืม..จะบอกยังไงดีคือว่าฉันแพ้กลิ่นแพ้ควันแพ้ทุกอย่างที่เป็นส่วนผสมของบุหรี่
“เป็นอะไรทำไมเอามือปิดจมูกไว้” เพราะมันอยู่ใกล้มากเราเลยคิดไปว่าควรป้องกันตัวเองไว้
พี่เหนือหันมามองด้วยสายตาเรียบเฉย สายตาคู่นั้นไม่มีอะไรแอบแฝงสักอย่าง
เขาก็แค่ถามเพราะแปลกใจ
“เปล่าค่ะ” ฉันตอบ
“เปล่าก็เอามือออก”
เสียงหนาไม่ได้สั่งแค่บอกให้ฉันทำตามอย่างว่า ฉันจึงเอามือลงแต่หันไปจับกระดาษกองเมื่อกี้ขึ้นมาแทน
“เดี๋ยวก็ปลิวว่อนทั้งห้องอีก”
พอตอบโต้กันมากขึ้นสีหน้าพี่เหนือก็เริ่มเหนื่อยมันเหมือนกับว่าพี่เขากำลังดุเด็กแปดขวบ
นัดเดียวไม่ใช่เด็กนะคะ
นัดเดียวโตแล้วมีความคิดเป็นผู้ใหญ่ด้วย..เพียงแต่ความคิดของนัดเดียวไม่สามารถบอกใครได้
นัดเดียวไม่อยากให้ใครมองว่าตัวเองเป็นตัวปัญหา
ฉะนั้นเลือกทำอะไรที่สวนทางซึงมันอาจดูโก๊ะไปบ้าง
ปัญญาอ่อนไปเล็กน้อย แต่นัดเดียวก็โตพอรู้อะไรคือผิดชอบชั่วดี
ที่นัดเดียวไม่บอกพี่เหนือว่าแพ้ก็เพราะนัดเดียวไม่อยากให้เขามองว่าเป็นตัวปัญหา
อย่าลืมนะว่าเรามาฝึกงานกับเขาไม่ใช่เขามาฝึกงานกับเรา
เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องบอกหรอก
ทนได้ก็ทน
“อืม” ฉันครางรับกับตัวเองเบา ๆ
“หื้ม?” แต่แล้วสายตาคมกลับเหลือบมองฉันในท้ายประโยคแทน
“เปล่าค่ะ” ฉันรับคำลงกระดาษลงซึ่งพี่เหนือไม่ได้สนใจอะไรอีกนอกจากดูงานที่ฉันแก้ให้
สักพักใหญ่เขาถึงได้ลุกออกไปนอกห้อง
ฉันเห็นพี่เชฟโบกมือเรียกพี่เหนือออกไป จากนั้นกระสุนก็เดินมาทางด้านห้องที่ฉันอยู่
ทำไงดี…หลายชั่วโมงก่อนเขาไล่เรา
กริ๊ก
ไม่ทันแล้วตอนนี้ร่างหนาสูงโปร่งกำลังเดินมาทางนัดเดียวแล้ว
นัดเดียวควรก้มหน้าหรือไม่ก็ลุกไปยืนไกล ๆ ดีไหม
“เป็นเด็กฝึกงานใช่มั้ย”
เสียงหนาแทบไม่ออกมาจากลำคอด้วยซ้ำ กระสุนเขากำลังถามฉันอยู่ สมองฉันมันโล่งไปหมดเมื่อเขายืนอยู่ในระยะประชิดจากนั้นเลื่อนเก้าอี้ก่อนจะนั่งลงทั้งที่ฉันยืนมองเขาอยู่ในมุมสูง
“เป็นเด็กขัดรู้จักเคารพผู้หลักผู้ใหญ่บ้าง”
“…”
เขาเป็นไบโพลาร์เหรอถึงได้เปลี่ยนอารมณ์บ่อยจัง
“จะยืนค้ำหัวฉันอีกนานมั้ย”
กระสุนมองหน้าฉันหนึ่งวิแล้วหันกลับไปมองจอคอม เขาคงเกลียดเรามากแน่เลย
อึบไว้นะนัดเดียวห้ามร้อง
เราจะไม่เสียใจอีกแล้วเพราะอีกหนึ่งเดือนเราจะสิ้นสุดการฝึกงานหลังจากนั้นคงคิดว่าตัวเองต้องตัดใจจากคนใจร้ายได้
ตึก ตึก
ตอนนั้นปลายนิ้วมือแข็งแรงกำลังเคาะโต๊ะอยู่
ใบหน้าหล่อยังคงจ้องมองหน้าคอมอย่างเคร่งเครียด ฉันกำลังจะปลีกตัวออกจากตรงนี้
คงคิดว่าเขามีงานสำคัญต้องทำเลยเลือกจากออกไป
อยู่ไปคงช่วยอะไรเขาไม่ได้หรอก
ช่วงที่กำลงจะเดินออกไปเสียงหนาเอ่ยออกมาช้า
ๆ ว่า
“มานี่” เขาแค่เรียกไม่ได้หันมอง ทุกอย่างคือเรียบออกเย็นช้าวาบมันไม่มีอะไรพิเศษสักอย่าง
มันออกไปในทางอึดอัดและเฉยชาราวกับอยู่ในโลกของคนที่ตายไปแล้ว
ฉันเลื่อนสายตาของจากบานประตูขยับเท้าไปไกลร่างสูงที่ว่า
ถึงแม้กระสุนไม่หันมองฉันแต่ฉันก็ได้แอบมองเขา
พรึบ
“หื้ม?”
ปฏิกิริยาฉันเกิดขึ้นจากนั้นค่อย ๆ
ขยับร่างกายกลายเป็นว่าวิ่งเข้าไปหาร่างหนาแทน
ใบหน้าแปลกใจเกิดขึ้นคำถามมึนงงลอยออกมาเต็มไปหมดเลย
นี่มันมือถือนัดเดียวนิทำไมถึงได้อยู่ที่เขา..
“มือถือเธอลืมไว้ที่ห้องฉัน” กระสุนวางมือถือฉันลงบนโต๊ะในตอนที่ฉันยืนชิดขอบโต๊ะด้วยเช่นกัน
ตึกตัก..
จริงสิ…เมื่อเช้า
เราเผลอหยิบมาผิดเครื่องเหรอแต่ทำไม..เอ๊ะ เพราะการไม่เคยอยู่ใกล้ไม่เคยพูดคุยทำให้ฉันรู้ว่า ฉันกับกระสุนเราสองคนใช้มือถือรุ่นเดียวกันแถมสีเดียวกันอีกด้วย
มันเป็นเรื่องบังเอิญที่เกิดขึ้น
มันรู้สึกดีเล็กน้อยนะ…
“ฉันถึงอยากพูดกับเธอ” เขาบอกแต่ไม่ได้มองเช่นเคย
“เรื่องเมื่อตอนกลางวันขอโทษที่เข้าใจผิด”
ตึกตัก ตึกตัก
เสียงหัวใจนัดเดียวเต้นดังเป็นบ้าเลย
นี่เฮียกำลังขอโทษนัดเดียวเรื่องที่เข้าใจผิดใช่ไหม
เวลานี้ตัวฉันเกร็งยิ่งกว่ากลัวม๊าดุหรือเฮียอาเซ่อแกล้งอีก
ตอนนี้มันรู้สึกดีใจซาบซึ้งที่เฮียขอโทษ
อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้มองนัดเดียวเป็นตัวขโมยหรือเด็กมีปัญหาอีกแล้ว (มั้ง)
“ค่ะ”
ฉันยิ้มออกมาแม้เขาจะไม่หันมามองก็ตาม
ตกเย็น
หลังจากช่วยงานพี่เหนือฉันไม่มีภาระหน้าที่อื่นต่อจนขอตัวกลับบ้าน
ตอนนี้มันห้าโมงเย็นแล้วไง มือถือที่ได้คืนมามีสายที่ไม่ได้รับก็คือ เฮียอาเซ่อ
ดูท่าโดนด่าอีกแน่เลย
ระหว่างออกจากห้องซ้อนตรงทางเดินตรงหน้า
ฉันเหลือบมองเห็นประตูห้องชั้นบน มันเป็นห้องของกระสุน
“…”
ก้อนเหนียวลำคอกลืนหายไปทันทีเมื่อฉันย้อนความทรงจำกลับไปเมื่อคืน
มันคือเรื่องจริงที่ฉันปกปิดไม่ให้ใครรู้
“นัดเดียว” แต่แล้วเสียงร่าเริงดังขึ้นทำให้ฉันละสายตาออกมองไปยังเบื้องหน้าแทน
ฉันเห็นพี่เชฟยืนควงกุญแจรถอยู่ ข้างกายเขามีพี่เหนือรวมถึงพี่ทาวน์เจ้าของใบหน้าง่วงยืนอยู่ด้วย
พวกเขากำลังจะกลับกันแล้วใช่ไหม
“ยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้นไม่กลับบ้านเหรอครับ” พี่เชฟถามอีกครั้งในขณะเดียวกันพี่ทาวน์ลากคอพี่เหนือเดินออกไป
พวกเขาสองคนดูเหนื่อย ๆ เบื่อ ๆ
เพราะซ้อนเยอะมั้ง..ฉันแอบเห็นกระสุนตั้งใจทำงานเขาเองก็คงเหนื่อยเหมือนกัน
“นัดเดียว” เพราะฉันเงียบพี่เชฟถึงได้เรียกอีกครั้ง
“คะค่ะ”
ฉันขานรับเพราะตรงนี้มีแค่เรา
“กลับยังไงปกติพี่เห็นพี่ชายเรามารับมาส่งไม่ใช่เหรอ” ก็ต้องเห็นอยู่แล้วสิ พี่เชฟอาสาไปส่งฉันตั้งหลายครั้งแต่ดันเจอเฮียซะก่อน
รายนั้นไม่ค่อยจะสุงสิงกับใครด้วยเห็นหน้าพี่เชฟที่ไหร่ก็นึกว่าเป็นแฟนนัดเดียวทุกที
พี่ชายนัดเดียวเป็นพวกโลกส่วนตัวสูงไม่ค่อยรู้จักใครหรอก
จนวันนั้นเฮียเข้ามากระชากคอเสื้อพี่เชฟดีนะนัดเดียวห้ามไว้ได้ไม่งั้นหน้าหล่อของพี่เชฟยับแน่เลย
ไอ้คนนิสัยไม่ดี
“ค่ะนัดเดียวนั่งรถเมล์กลับบ้าน”
ฉันอธิบายเพราะตัวเองต้องแวะซื้อของจำเป็นด้วย
“ถ้างั้นให้พี่ไปส่งมั้ย” ใบหน้าหล่อส่งยิ้มมาแต่ฉันส่ายหน้าปฏิเสธ
จะให้พี่เชฟไปส่งได้ไงกันเขาเป็นคนดังนะ
ดังมากด้วย
“เหรอเสียดายจังพี่กะ..”
จังหวะนั้นเองพี่ทาวน์เดินกลับมา
สีหน้าพี่เขาดูง่วงมากในมือมีหมอนไว้สำหรับรองคออยู่
สายตาพี่เขาไม่ได้มองฉันหรอกแต่กำลังมองพี่เชฟต่างหาก
หมับ!
เวลาต่อมาปกเสื้อของพี่เชฟถูกระชากในตอนที่เขากำลังจะพูดกับฉัน
“เอ้ยอะไรวะไอ้ทาวน์”
สายตาคู่นั้นกำลังวุ่นอยู่กับการฉุดกระชาก พี่ทาวน์ไม่พูดไม่จา เขาใช้แรงมหาศาลในการลากพี่เชฟออกไป
“เดี๋ยวดิวะกูกำลังชวนน้องเขากลับบ้านด้วยมึงไม่เห็นหรือไงไอ้ห่า” พี่เชฟอธิบายทั้งที่เขาถูกพี่ทาวน์ลากออกไป
“ไอ้สัส!”
เรื่องจบลงเมื่อพี่เหนือลากพี่เชฟออกไปพร้อมพี่ทาวน์ส่วนตัวฉันออกมานั้งรอรถเมล์สักพักก่อนจะลงป้ายที่ต้องทำธุระ
ธุระที่ว่าคือฉันต้องซื้อยาคุมอย่างว่า
แต่ไม่รู้ว่าต้องกินแบบไหน
เมื่อเข้าไปในร้านฉันเจอพี่ผู้หญิงหนึ่งเธอดูสวยมาก
รูปร่างค่อยข่างอวบนิดหน่อย ไม่ผอมและไม่อ้วนจนเกินไปแต่สวยมาก เธอกำลังส่งยิ้มให้กับฉันในตอนที่ฉันเดินเข้าไป
“หวัดดีจ๊ะมีอะไรให้ช่วยมั้ย”
รอยยิ้มเหมือนคนรู้จักพูดทักทายเป็นกันเอง ฉันกำลังก้มหน้าลงต่ำเพราะไม่กล้าสบตา
“มีอะไรให้พี่ช่วยมั้ย”
เมื่อฉันเงียบคนสวยก็พูดขึ้นกับฉันอีกครั้ง คราวนี้ฉันจึงค่อย ๆ
กล้าด้วยการเดินเข้าไปในเคาน์เตอร์สิ่งที่ทำต่อมาคือสบตาคนตรงหน้า
“เออ..คือว่า” แค่เริ่มพูดมือถึงขั้นสั่นแล้ว
“…” แต่ใบหน้าสวยยิ้มรับมองหน้าฉัน ฉันค่อย ๆ
ปาดเหงื่อออกพร้อมกำกระเป๋าตัวเองไว้แน่น
“เราต้องการซื้อยา..คุม” ประโยคสุดท้ายฉันเบาเสียงลง ที่ทำแบบนั้นก็เพราะไม่เคยพูดจาแบบนี้กับใครมาก่อนและไม่คิดว่าต้องพูดด้วย
“ยาอะไรนะคะ”
แต่พี่คนสวยก็ยังถามฉันอีกครั้ง
“ยาคุมค่ะ” ฉันเอ่ยสั้น ๆ
เม้มริมฝีปากเข้าไว้
ตึกตัก ตึกตัก
ใจฉันเต้นรัวไปหมดแล้ว
“อ้อ ยาคุมฉุกเฉินหรือจะเป็นรายเดือนดีคะ” ดูพี่สวยคนสวยพูดเหมือนเรื่องปกติเลย
มันก็ต้องปกติถึงจะถูกเพราะพี่เขาเป็นเภสัชกรนิ
บ้าไปแล้วนัดเดียวคิดอะไรฟุ้งซ่านเนี่ย
“ขอเป็นสองแบบได้ไหมคะ”
ฉันถามหลังจากเงียบไป ที่พูดไปแบบนั้นก็ไม่รู้ว่าตัวเองต้องทานแบบนั้นส่วนพี่เขากลับฉีกยิ้มแล้วพูดออกมาว่า
“ได้ค่ะแต่พี่ขอทราบรายละเอียดหน่อยนะคะ”
รายละเอียดเหรอ..คงไม่ใช่เรื่องที่เรา..จุด ๆ กันหรอกนะ
อัปครบ
#เดี๋ยวนะหนู ไรท์ว่าเค้าคงไม่ได้ถามเรื่องนั้นหรอกมั้ง 55555555 โอ้ยยยยสงสารหรือขำดี
1 เม้นนะจ๊ะจุบุ
ความคิดเห็น