ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คำสั่งรักมาเฟียร้าย

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 2 ( 100 ค่ะ )

    • อัปเดตล่าสุด 7 ส.ค. 62


    "คุณอัลเฟรโด้ครับ" น้ำเสียงของคนที่เปิดประตูเข้ามาดูร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด สีหน้ายิ่งไม่ต้องพูดถึงทันทีที่รับโทรศัพท์คริสเตียนก็รีบบึ่งมารายงานข่าวสำคัญให้เจ้านายทราบ

            "มีอะไรคริสเตียน หรือว่านายสามารถเจรจาขอลดราคาจากสโมสรได้" ชายหนุ่มเงยหน้าถามอย่างอารมณ์ดี

            หลายวันมานี้ท่าทีของอัลเฟรโด้ดูผ่อนคลายขึ้นกว่าเดิมมาก หลังจากที่กลับจากไปพบโซเฟียตามคำขอของมารดา และปฏิเสธการแต่งงานด้วยการขอเลื่อนเวลาออกไปอย่างไม่มีกำหนด นางอนงค์รัตน์เงียบหายไม่มีการถามข่าวคราวใดๆ ทั้งสิ้น ทำให้เข้าใจได้ว่าเรื่องการแต่งงานยุติลงแล้ว หรือไม่มารดาสุดที่รักอาจเบนเข็มไปที่เป้าหมายพี่น้องคนอื่นก็เป็นได้

            "ไม่ใช่ครับ เมื่อกี้คนจากทางคฤหาสน์โทรศัพท์มาแจ้งผมว่า มาดามป่วยหนักมากไม่ยอมไปหาหมอไม่กินอะไรทั้งนั้น ใครบอกอะไรก็ไม่ยอมฟังเอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว"

            "อะไรนะ" หัวใจของท่านประธานหนุ่มวูบลงไปอยู่ที่ตาตุ่มทันทีที่รู้ข่าวว่า นางอนงค์รัตน์ป่วยทั้งที่เมื่อไม่กี่วันมานี้ มารดายังไม่มีทีท่าว่าจะเป็นอะไรเลยสักหน่อย

            "ทางโน้นบอกว่ามาดาม เอ่อ มาดามเริ่มไม่สบายตั้งแต่วันที่ เอ่อ วันที่คุณอัลเฟรโด้ขับรถไปส่งที่บ้านครับ" ผู้ช่วยคนเก่งถ่ายทอดคำบอกเล่าจากคนที่ส่งข่าวอย่าง

            "เตรียมรถ ฉันจะกลับบ้าน" อัลเฟรโด้อยู่เฉยไม่ได้แล้ว ตัดสินใจทิ้งทุกอย่างเพื่อจะกลับไปพบหน้ามารดาที่ล้มป่วยลงกระทันหันด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความห่วงใยเต็มเปี่ยม

            "ครับ" คริสเตียนรับคำแล้วรีบไปทำตามคำสั่งทันที

            อัลเฟรโด้กดโทรศัพท์หาพี่น้องคนอื่น เพื่อถามอาการป่วยของมารดาว่ามีสาเหตุมาจากเรื่องใด และได้พาไปหาหมอแล้วหรือยัง แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีใครรับสาย ทำให้เขาต้องรีบเดินทางไปดูให้เห็นกับตาว่ามารดาเป็นอย่างไรกันแน่

            คฤหาสน์รอสเซลลินี

            รถคันหรูยังไม่ทันจอดนิ่งสนิท ร่างสูงโปร่งในชุดสูทราคาแพงก็ก้าวลงมาแล้วรีบตรงขึ้นไปยังห้องนอนของมาดามรอสเซลลินีโดยเร็ว ทันทีที่เห็นสีหน้าซีดเซียวของมารดานอนเหม่อลอยอยู่บนเตียงนอนเพียงลำพัง หัวใจของอัลเฟรโด้ก็มีเหมือนมีใครเอามีดมากรีดให้เจ็บปวดแทบทนไม่ได้

            "แม่ครับ" ลูกชายคนเล็กสุดของบ้านถลาลงไปที่ข้างเตียง กอดนางอนงค์รัตน์ไว้แน่นด้วยความรัก

            "อัล..." เสียงเรียกแผ่วเบาที่ไร้เรี่ยวแรงของมารดา ทำให้อัลเฟรโด้ยิ่งกอดนางแน่นขึ้นไปอีก

            "แม่เป็นอะไรครับ ทำไมไม่ไปหาหมอ แล้วคุณพ่อล่ะครับ คุณพ่อไปไหน ทำไมไม่มีใครอยู่กับแม่เลย" อัลเฟรโด้แปลกใจเหลือเกินที่ไม่เห็นบิดาอยู่เคียงข้างมารดาเหมือนเคย ตั้งแต่จำความได้เขาไม่เคยเห็นท่านทั้งสองอยู่ห่างกันโดยไม่จำเป็นเลยสักครั้ง

            "คุณพ่อออกไปธุระจ้ะ อัลหิวหรือเปล่า เดี๋ยวแม่ไปหาอะไรให้กินดีไหม" นางพยายามลุกจากเตียงนอนแต่ชายหนุ่มรีบห้ามไว้

            "ผมไม่หิว แม่กินอะไรหรือยังครัย นมอุ่นๆ สักแก้วไหมครับ เดี๋ยวผมไปจัดการให้" อัลเฟรโด้ตั้งท่าจะลุกไปแต่นางอนงค์รัตน์ห้ามไว้

            "ไม่เป็นไรจ้ะ แม่ไม่หิว ว่าแต่วันนี้ไม่ยุ่งเหรอถึงได้มาหาแม่ได้" หญิงวัยกลางคนส่งเสียงไอเบาๆ ติดกันสองสามครั้ง

            "แม่ไปหาหมอหรือยังครับ แล้วหมอว่าเป็นไงบ้าง" ชายหนุ่มถามด้วยความห่วงใย

            "แม่ไม่เป็นไรมาก พักสักสองสามวันก็หาย"

            "นี่ยังไม่มีใครพาแม่ไปหาหมออีกเหรอครับ ถ้างั้นผมพาแม่ไปเองดีกว่าหรือจะเรียกให้หมอมาตรวจที่นี่ดีไหม แม่ไม่สบายมากเลยนะครับ" สีหน้าท่านประธานหนุ่มเคร่งเครียดมากขึ้น เมื่อรู้ว่ามารดายังไม่ได้พบหมอเพื่อตรวจดูว่าป่วยเป็นอะไรกันแน่

            "แม่ไม่เป็นอะไรหรอกจ้ะ แม่เป็นอะไรไม่ได้ แม่ต้องอยู่ปกป้องลูกๆ ของแม่ก่อน เพียงแต่..." นางไอติดๆ กันอีกสองสามครั้งแล้วพูดต่อว่า

            "แค่กลัวว่าจะไม่ได้อยู่ถึงวันนั้น"

            "แม่" อัลเฟรโด้แทบไม่อยากได้ยินคำนี้เลยแม้แต่น้อย

            "การพลัดพรากเป็นเรื่องจริงตามธรรมชาติตามที่พระท่านว่า เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อไม่มีละเว้นแต่แม่ไม่อยากให้มันเกิดกับคนที่แม่รัก กับลูกของแม่ทุกคน" นางอนงค์รัตน์พูดไปน้ำตาก็ไหลไปอย่างน่าสงสาร

            "แม่" ท่านประธานหนุ่มน้ำตาคลออย่างห้ามไม่ได้ เขาไม่อยากเห็นมารดาเป็นเช่นนี้เลย ไม่อยากเห็นความทุกข์ใดๆ เกิดขึ้นกับนางอนงค์รัตน์แม้แต่น้อย

            "ผมรักแม่นะครับ พวกเราทุกคนรักแม่"

            "จ้ะ แม่ก็รักลูก แม่จะปกป้องลูกทุกคนจากทุกๆ อันตราย จะไม่ยอมให้เคราะห์ร้ายหรือใครมาทำอันตรายลูกแม้ได้แม้แต่ปลายเล็บ แม่จะ..." เสียงไอที่ดังขึ้นติดๆ กันทำให้อัลเฟรโด้ต้องโผเข้ากอดมารดาไว้ การเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วนของนางอนงค์รัตน์ทำให้ท่านประธานหนุ่มใจเสีย

            "ผมอยากให้แม่ไปหาหมอ" ลูกชายคนเล็กเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่อไปว่า

            "ผมจะหาหมอที่ดีที่สุด ที่เก่งที่สุดมารักษาแม่"

            "ไม่มีประโยชน์หรอกจ้ะ อัล หมอที่ไหนก็รักษาแม่ไม่หาย แต่แม่จะไม่ยอมเป็นอะไรทั้งนั้น แม่จะอยู่คอยดูแลลูกๆ ทุกคน"

            "บอกผมได้ไหมครับ แม่ทุกข์ใจเรื่องอะไรหรือว่าใครทำให้แม่ไม่สบายใจ หรือว่า..."

            "ไม่มีใครทำอะไรแม่หรอกลูก" น้ำเสียงหญิงวัยกลางคนสั่นเครือเล็กน้อย แก้มอิ่มมีหยดน้ำตาพรั่งพรูอีกครั้ง

            "แต่แม่กลัว อัล แม่กลัวเหลือเกิน แม่นอนไม่หลับเพราะแม่ฝันร้าย" อนงค์รัตน์สะอื้นตัวสั่นในอ้อมกอดของลูกชายคนเล็ก

            "แค่ฝันครับแม่ ไม่มีใครทำอะไรพวกเราได้ แม่สบายใจเถอะ" อัลเฟรโด้พอจะเดาถึงสาเหตุของการเจ็บป่วยอย่างกระทันหันของมารดาแล้ว

            คำทำนายของหลวงตาคงมีผลกับครอบครัวเขายิ่งนัก โดยเฉพาะกับมารดาสุดที่รักด้วยแล้ว คำพูดเหล่านั้นเปรียบเสมือนการชี้ชะตาทางเดินให้กับทุกคน อัลเฟรโด้รู้ดีว่ายาตัวใดหรือหมอที่เก่งแค่ไหน ก็คงไม่อาจบรรเทาการเจ็บป่วยครั้งนี้ของนางอนงค์รัตน์ได้แน่

            "มันไม่ใช่ความฝันลูก แต่มันเป็นความจริงทุกอย่างเป็นจริง แม่จะไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรลูกของแม่ แม่จะปกป้องจนกว่า จนกว่าแม่จะไม่อาจปกป้องลูกได้" น้ำตาแห่งความรักบนใบหน้าของหญิงวัยกลางคน ทำให้หัวใจของท่านประธานหนุ่มซาบซึ้งและสงสารจับใจ

            "ให้แม่ตายเสียดีกว่าเห็นลูกของแม่คนใดคนหนึ่งเป็นอันตราย ถ้าใครจะโชคร้ายเป็นอะไรก็ตามแต่ แม่จะขอเป็นผู้รับเคราะห์นั้นไว้เสียเอง แม่ยินดีเจ็บ ยินดีตายแทนเพื่อลูกของแม่" น้ำตาของคนเป็นแม่พรั่งพรูไม่ขาดสาย หัวใจของอัลเฟรโด้ปวดร้าวเหลือเกิน จะทำอย่างไรถึงจะทำให้ความทุกข์ในหัวใจของแม่หมดไปเสียที

            เขาไม่อยากเห็นแม่ร้องไห้ ไม่อยากเห็นแม่เป็นทุกข์ ไม่อยากเห็นแม่ไม่มีความสุข อยากให้แม่มีแต่รอยยิ้ม อยากให้ทุกวันของแม่มีแต่ความสุข อยากให้หัวใจแม่สดชื่นและมีชีวิตชีวาเหมือนดั่งเดิมอีกครั้ง เพราะนั่นหมายถึงหัวใจของอัลเฟรโด้ด้วยเช่นกัน แม่มีความสุขลูกชายอย่างเขาก็มีความสุขด้วยเช่นกัน แม่มีความทุกข์หัวใจของอัลเฟรโด้ก็ทุกข์ไม่แพ้กัน

            อัลเฟรโด้รู้ว่านางอนงค์รัตน์เชื่อในคำนายนี้ และเพียรพยายามหาทางออกให้กับลูกๆ ทุกคน เป้าหมายแรกพุ่งตรงมาที่เขา ด้วยกับพยายามจับคู่ให้กับคุณหนูคนสวยแห่งเบลลูชชี่ แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ง่ายอย่างที่คิด และนี่คงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มารดาสุดที่รักล้มป่วยกระทันหัน

            ท่านประธานหนุ่มคิดว่าคงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้นางอนงค์รัตน์รู้สึกดีขึ้น จึงตัดสินใจปลีกตัวออกมาต่อสายโทรศัพท์ถึงพี่ๆ น้องๆ และบิดา เพื่อหวังจะช่วยกันคิดหาทางออกแต่ไม่มีใครรับสายนี้เลย หัวใจอัลเฟรโด้ร้อนรุ่มยิ่งนัก ควรทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี เขาไม่อยากเห็นน้ำตาและความทุกข์ใจของมารดาอีกต่อไปแล้ว

            "เมื่อกี้หนูโซเฟียโทรศัพท์มาหาแม่" นางอนงค์รัตน์เอ่ยเมื่ออัลเฟรโด้กลับเข้ามาหาอีกครั้ง

            "โซเฟียว่าไงครับ"

            ให้ตายเถอะ หัวใจเขาไม่เคยรู้สึกสับสนหรือตัดสินใจอะไรยากเช่นนี้มาก่อนเลยในชีวิต ใจหนึ่งก็รักแม่ ไม่อยากเห็นนางอนงค์รัตน์เป็นแบบนี้ แต่อีกใจก็คิดถึงชีวิตที่เหลือต่อจากนี้ไปของตัวเอง ถ้าเขาจะมีผู้หญิงอีกคนมาเคียงข้างกายไปตลอดชีวิต นึกภาพไม่ออกจริงๆ ว่าการมีใครสักคนร่วมชีวิตด้วยมันเป็นเช่นไร

            การแต่งงานไม่ใช่เรื่องเล็ก ไม่ใช่แค่การบริหารโรงแรมนับร้อยสาขาที่อยู่ในการดูแลของเขา มันไม่ใช่แค่การเข้าพิธีสาบานรักต่อหน้าคนนับร้อยนับพันที่มาเป็นแขก แต่มันคือ... คืออะไรอัลเฟรโด้เองก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าการแต่งงานคือการจำกัดอิสระของชีวิต คือบ่วงที่ผูกตนกับผู้หญิงเพียงคนเดียวไปชั่วชีวิต

            สำหรับโซเฟีย ผู้หญิงที่แม่เลือกให้เป็นเจ้าสาวของเขา เธอคือผู้หญิงที่สวย ชาติตระกูลดีและแน่นอนว่ามารดาสุดที่รักปรารถนาจะได้มาเป็นสะใภ้ ทว่าอัลเฟรโด้กลับรู้สึกว่า เห็นโซเฟียทีไรเหมือนเห็นลอร่า ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะคุณหนูโซเฟีย ลอร่ารวมทั้งเขา เคยเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่สมัยเด็ก ก่อนจะแยกย้ายกันไปตามหาความฝันของแต่ละคนตามประสา

            "ถามหาลูก พอรู้ว่าแม่ไม่สบายก็ทำท่าจะมาเยี่ยม แต่แม่บอกว่าไม่เป็นไรมากไม่ต้องมาให้ลำบาก" สีหน้าของหญิงวัยกลางคนเศร้าสร้อยลงไปอีกเมื่อเอ่ยถึงโซเฟีย

            "ที่จริง แม่ก็อยากให้หนูโซเฟียมา แต่ว่าแม่กลัวลูกจะอึดอัดใจ" นางอนงค์รัตน์ก้มหน้าเล็กน้อย

            "แม่ครับ ถ้าแม่อยากให้โซเฟียมาหาผมจะส่งคนไปรับเธอมาพบแม่ ดีไหมครับ" เขาทำได้ทุกอย่างเพื่อให้อาการป่วยของมารดาดีขึ้นในเร็ววัน

            "จริงเหรอลูก" สีหน้าและท่าทางของนางตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย และสักพักก็กลับไปเป็นแบบเดิมอีก

            "ไม่ต้องก็ได้ แม่ไม่อยากให้อัลรู้สึกอึดอัด"

            "โธ่ แม่ครับ ผมไม่รู้สึกอะไรแบบนั้นเสียหน่อย แค่แม่บอกมาคำเดียวผมทำให้ได้ทุกอย่าง" ชายหนุ่มพยายามเอาใจและส่งรอยยิ้มที่แสดงว่าเต็มใจทำให้จริงๆ

            "อย่าดีกว่าจ้ะ แม่ไม่รบกวนอัลดีกว่า อีกอย่างแม่มีอะไรจะบอก" นางอนงค์รัตน์สบตามองลูกชายสุดที่รักแล้วพูดต่อว่า

            "แม่อยากจะบอกอัลว่า แม่ขอโทษที่เมื่อวันก่อนเร่งรัดลูกเรื่องแต่งงานกับหนูโซเฟีย แม่รู้ว่าลูกอึดอัดและไม่สบายใจเพราะแม่ ตอนนี้แม่คิดได้แล้วว่าเรื่องนี้ควรให้อัลของแม่ได้มีโอกาสตัดสินใจเอง เพียงแต่...แม่กลัวจ้ะ กลัวว่าจะไม่ได้อยู่เห็นลูกๆ ของแม่มีใครสักคนเคียงข้าง กลัวว่าจะเกิดเรื่องร้ายกับใครคนไหนอีก กลัวว่าจะเสียใครไป..." นางอนงค์รัตน์ร่ำไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น

            "แม่ครับ อย่าร้องไห้นะครับ" บุตรชายคนเล็กสวมกอดมารดาเพื่อปลอบประโลมอีกครั้ง เขาหนักใจเหลือเกินไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี

            อาการป่วยของนางอนงค์รัตน์มีสาเหตุมาจากเรื่องเดียว คือกังวลกับชีวิตของลูกๆ ทุกคนจนล้มป่วย โดยเฉพาะตอนนี้เมื่ออัลเฟรโด้เคยพูดชัดเจนแล้วว่า ยังไม่ต้องการแต่งงานและไม่ปรารถนาจะยินดีรับคุณหนูโซเฟียมาเป็นคู่ชีวิต

            เรื่องนี้ก็คงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่สร้างความผิดหวังให้แก่นางอนงค์รัตน์จนล้มป่วยลงเช่นนี้ อัลเฟรโด้รู้ว่ามารดารักและเอ็นดูคุณหนูเบลลูชชี่มากแค่ไหน ดังนั้นเมื่อเขาปฎิเสธจึงทำให้นางเสียใจและล้มป่วยลงจนกระทั่งเป็นเช่นนี้

            "อัลจ้ะ เรื่องหนูโซเฟีย แม่จะโทรศัพท์ไปขอโทษหนูโซเฟียเอง ลูกจะได้ไม่ต้อง..."

            "แม่ครับ" ชายหนุ่มขัดขึ้นแล้วพูดต่อว่า

            "ผมจะแต่งงานกับโซเฟียตามที่แม่ต้องการ" อัลเฟรโด้ตัดสินใจแล้ว

            เมื่อรู้ว่าหมอใดหรือยาขนานไหนก็รักษาอาการเจ็บป่วยของมารดาไปไม่ได้ นอกจากการทำให้ความทุกข์ในหัวใจหมดไปด้วยการยอมรับในสิ่งที่นางต้องการ อัลเฟรโด้จึงเลือกที่จะขจัดความทุกข์ใหญ่ในหัวใจนางอนงค์รัตน์ให้หมดไปด้วยการตัดสินใจแต่งงาน

            เขาไม่ได้รู้สึกรังเกียจใดๆ โซเฟียแม้แต่น้อย เมื่อไม่ได้มีความรู้สึกลบอย่างน้อยก็พอจะยืนอยู่เคียงข้าง ใช้พื้นที่หายใจร่วมกันได้อย่างไม่น่าอึดอัด เรื่องความสัมพันธ์อื่นอัลเฟรโด้ยังไม่คิดอะไรทั้งสิ้น คิดแค่ว่าจะทำอย่างไรที่จะสลายความทุกข์ในหัวใจของนางอนงค์รัตน์ให้หมดไปเท่านั้นพอ

            "อัล" ใบหน้าที่ซีดเซียวคล้ายกับจะหมดแรงได้ทุกขณะ เปลี่ยนเป็นแช่มชื่นด้วยรอยยิ้มในทันที เมื่อได้ยินประโยคสำคัญที่รอยคอยมาหลายวัน

            "ลูกพูดจริงๆ นะ ไม่ได้ล้อแม่เล่นใช่ไหม" น้ำเสียงหญิงวัยกลางคนมีความตื่นเต้นดีใจอย่างเห็นได้ชัด

            "ครับ ผมพูดจริงๆ ไม่ได้พูดเล่นๆ ผมจะทำให้ฝันร้ายของแม่จบลงเสียที ผมอยากเห็นแม่มีความสุขมีรอยยิ้มเหมือนเดิมเท่านั้นพอ"

            อะไรก็ได้ที่แม่มีความสุข ลูกชายอย่างเขาทำได้ทุกอย่าง แม้แต่เสียสละความสุขที่สุดในชีวิตเพื่อแม่ นาทีนี้ไม่มีอะไรจะสำคัญไปกว่า การทำให้อาการป่วยนี้ดีขึ้นและหวังว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะทำให้เป็นเช่นนั้นได้

            "โอ้ อัลจ๋า อัลเฟรโด้ลูกรักของแม่ ขอบใจนะ ขอบใจมาก ขอบใจที่ทำให้ความฝันของแม่เป็นจริง แม่รักลูกจ้ะ ขอให้ลูกรู้ไว้ว่าที่แม่ทำไปทั้งหมดเพราะรักและหวังดีกับลูกจริงๆ หนูโซเฟียจะทำให้ชีวิตของลูกแม่มีความสุขแน่ๆ"

            สองแม่ลูกกอดกันแนบแน่น ใบหน้าของนางอนงค์รัตน์มีความสุขเฉิดฉายอย่างเห็นได้ชัด ในที่สุดสิ่งที่นางปรารถนาก็เป็นจริงแล้ว คำทำนาย เคราะห์ร้าย จะหมดไปจากลูกชายคนเล็กของนาง โชคดี สิ่งดีๆ และความสุขจะอยู่กับอัลเฟรโด้ตลอดไป

            "แม่รักลูกจ้ะ"

            "ผมก็รักแม่ครับ" อัลโฟรโด้กอดรัดมารดามากขึ้นไปอีก เขามีความสุขที่ได้เห็นรอยยิ้มของแม่ และยินดีจะทำให้ฝันที่แม่ต้องการเป็นจริงให้จงได้

            สองแม่ลูกพูดคุยกันถึงแผนการแต่งงานที่จะเกิดขึ้นอีกพักหนึ่ง สีหน้าของนางอนงค์รัตน์ดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และกินอาหารที่บุตรชายสุดที่รักป้อนได้จนหมด มันยิ่งตอกย้ำให้อัลเฟรโด้รู้สึกดีมากขึ้นไปอีก และคิดว่าการตัดสินใจครั้งนี้เป็นเรื่องดีที่สุด

            "แม่จะรีบจัดการงานแต่งของลูกแม่ให้ยิ่งใหญ่และสวยงามที่สุด อัลอยากได้อะไรพิเศษไหม" นางอนงค์รัตน์ถามด้วยหน้าตาและน้ำเสียงที่สดใส

            "แล้วแต่แม่เลยครับ ผมยังไงก็ได้" อัลเฟรโด้เอ่ยเสียงเรียบ

            เขาไม่มีภาพใดๆ ในหัวสมอง คิดไม่ออกด้วยซ้ำว่าการแต่งงานในชีวิตของตัวเองจะออกมาเป็นเช่นไร เคยแต่ชื่นชมหรือมีไอเดียในการจัดงานให้คนอื่นมามากมาย แต่พอเป็นของตัวเองกลับไม่รู้สึกอะไรทั้งสิ้น

            "แขกล่ะ ลูกคิดว่าจะเชิญใครบ้าง หรือว่าอยากเชิญใครเป็นพิเศษไหม"

            "แม่เห็นสมควรอย่างไรก็ตามนั้นครับ ผมไม่มีปัญหา" ท่านประธานหนุ่มคิดไม่ออกจริงๆ ว่า ใครที่จะต้องบอกให้รู้ว่าเขากำลังจะเข้าพิธีวิวาห์ในเร็วๆ นี้

            "ของชำร่วยล่ะจ้ะ อยากได้แบบไหน แม่ว่าให้หนูโซเฟียคุยกับลูกก่อนแล้วค่อยมาบอกแม่ดีไหมว่าอยากได้แบบไหน"

            "แม่กับโซเฟียตัดสินใจไปเลยครับ ผมยังไงได้หมด แม่ครับ เดี๋ยวผมมีนัดสำคัญกับลูกค้าต้องกลับไปที่โรงแรมก่อน ไว้ผมจะมาเยี่ยมแม่อีกนะครับ"

            "แม่ไม่เป็นอะไรแล้วจ้ะ ลูกรีบกลับไปจัดการงานเถอะ อ้อ นี่ แล้วอย่าลืมเรื่องฮันนีมูนล่ะ คิดหรือยังว่าอยากไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับหนูโซเฟียที่ไหน"

            "เรื่องนั้นไว้ว่ากันทีหลังนะครับ ผมต้องไปแล้ว"

            ร่างสูงกล่าวลามารดาเพื่อกลับไปทำภารกิจของตนเองต่อ แม้สีหน้าของท่านประธานหนุ่มจะดูเคร่งเครียดกว่าทุกวัน แต่หัวใจของอัลเฟรโด้ก็บอกให้อดทนและทำเมื่อมารดาที่รัก ถือว่านี่คือการตอบแทนความรักความเสียสละของแม่ที่มีต่อลูกชายคนนี้

            ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต คำทำนายของหลวงตาที่น่านับถือจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ท่านประธานหนุ่มก้าวขึ้นไปนั่งในรถแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ ที่แน่ๆ และไม่ต้องรอดูว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร ก็คือชะตาชีวิตของเขา ที่ไม่มีสิทธิ์เลือกหรือกำหนดเองได้ว่าผู้หญิงสักคนที่จะมาร่วมชีวิตกันนั้น จะเป็นใครที่คนบนฟ้าส่งมาให้เจอ หรือเพราะการจับคู่ของมารดาสุดที่รัก

            แต่เมื่อเลือกแล้วและตัดสินใจที่จะใช้การเลือกครั้งนี้แสดงความกตัญญู ก็จะทำให้ดีที่สุดและหวังว่าบนความตั้งใจนี้ คนบนฟ้าจะเห็นใจและเมตตาให้การตัดสินใจครั้งนี้พบคำว่าความสุขบ้างสักนิดก็ยังดี

     

              มาแล้ว อัพยาวๆ เลยค่ะ ไปโหลดคุณอัลกันเยอะๆ นะคะ

              สำหรับรูปเล่ม ใครที่ยังไม่มี ขอเวลาพี่น้ำเคลียร์งานแป๊ป

              จะจัดการให้แล้วจะมาแจ้งคนที่อยากได้นะคะ

              ดีใจที่ติดตามผลงานกันค่ะ

              ชอบไม่ชอบเม้นท์บอกกันนะคะ รักทุกคนจ้า ... พี่น้ำเอง

              ฝากลิงค์จ้า click 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×