คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : OVERLOAD || Episode 3 [ 100%]
Episode 3
“เธอเลือดเย็นมากเจ้าขา เธอหันหลังให้กับฉันในวันที่ฉันมีเธอเป็นครึ่งหนึ่งของชีวิต” ประโยคคำพูดนี้ของตราบฟ้าทำให้ฉันรู้สึกถูกทิ่มแทงด้วยมีดที่มองไม่เห็นนับพันเล่ม
“...” ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยรู้สึกลำบากในการกลั้นน้ำตามากเท่าเหตุการณ์ในตอนนี้เลย ความอึดอัดและเจ็บแปลบเข้าจู่โจมภายในใจ ตลอดสี่ปีที่ผ่านมาฉันไม่เคยลืมเขา ไม่เคยมีใครเข้ามาแทนที่เขาในหัวใจของฉันได้เลย บ่อยครั้งที่ฉันแอบเฝ้ามองเขากับผู้หญิงคนอื่นจากมุมหนึ่ง มองดูเขามีความสุขอยู่กับสิ่งที่ฉันทำไม่ได้
“บอกมาหน่อยสิว่าเพราะอะไร เหตุผลของเธอมันคืออะไร” ตราบฟ้าลุกขึ้นจากเก้าอี้ข้างเตียงแล้วเดินเข้ามาหาฉันที่นั่งอยู่ปลายเตียง น้ำเสียงของเขาเจือไว้ด้วยความเศร้าและความเจ็บปวด ฉันช้อนตาขึ้นมองเขาเพียงหวังว่าจะได้เห็นสายตาอ่อนโยนคู่นั้นอีกครั้ง แต่สิ่งที่ฉันได้เห็นมีเพียงสายตาที่ว่างเปล่า “หรือเพราะฉันเป็นคนดีมากไป ฉันให้เธอได้ไม่มากพอเธอถึงลดค่าตัวเองแบบนี้! ”
“...” ฉันขมวดคิ้วให้กับคำพูดของเขา ตราบฟ้าทำท่าจะเข้ามากระชากตัวฉันให้ลุกขึ้นจากเตียง แต่แล้วเขาก็ชะงักลงและเปลี่ยนเป็นมองมาที่ฉันด้วยสายตาที่เหยียดหยามและรังเกียจ
“สกปรก...” ฉันรู้สึกเจ็บจุกกับคำพูดนั้น หรือเขาจะได้ยินข่าวลือต่างๆ นานาของฉันในทางที่ไม่ดีพวกนั้น?
ทั้งเป็นสาวไซด์ไลน์ ทั้งเป็นเด็กเสี่ย ทั้งชอบแย่งผู้ชายของคนอื่น เรื่องไม่จริงทั้งนั้น และฉันก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนกุเรื่องพวกนี้ขึ้นมาเพื่อทำลายชื่อเสียงของฉัน
ตอนนี้ตราบฟ้าออกไปจากห้องแล้ว เขาทิ้งคำพูดไว้แค่นั้นแล้วก็หันหลังเดินจากไป เหลือเพียงแค่ฉันที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม
‘ฟ้ารักเราไหม’
‘รักสิ ฟ้ารักเจ้าขามากที่สุดเลย’
‘เจ้าขาก็รักฟ้าที่สุด เราจะรักกันตลอดไปนะ! ’
น้ำตาของฉันไหลลงมาอย่างไม่รู้ตัวเมื่อนึกถึงความทรงจำในอดีต ใครๆ ต่างบอกว่าเวลาจะช่วยเยียวยาทุกสิ่ง แต่เวลาไม่เคยช่วยเยียวยาฉันเลย ทุกความทรงจำ ทุกความรู้สึก ทุกความเจ็บปวดยังติดตรึงอยู่กับฉัน ไม่ใช่แค่เขาที่เจ็บปวดแต่ฉันเองก็ไม่ได้ต่างกัน ในตอนนั้นฉันหวาดกลัวและไม่มีทางเลือกจริงๆ
‘แหวนแต่งงานของเจ้าขาจะเป็นเพชรที่เม็ดใหญ่และน้ำงามที่สุด’
‘เจ้าขาไม่สนหรอก แค่เราได้อยู่ด้วยกันก็พอแล้ว’
ความทรงจำของฉันพรั่งพรูออกมาราวกับน้ำประปารั่ว เป็นฉันเองที่พังทุกอย่าง เป็นฉันเองที่ทำลายความฝันที่เราวาดไว้ เป็นฉันเองที่ลงมือทำร้ายเขา เป็นฉันเอง...
“ฮึก...ฮือ” ฉันชันเข่าทั้งสองข้างขึ้นมาเพื่อรองรับน้ำตาที่ไหลริน ต่อให้ร้องไห้จนขาดใจก็คงไม่มีอะไรกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก
มันผ่านไปแล้ว มันผ่านไปแล้วตั้งสี่ปี
เขาเปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนไปเป็นตราบฟ้าที่ฉันไม่เคยรู้จัก
ทำไมมันเจ็บปวดเหลือเกิน...
หลังจากเหตุการณ์วันนั้นก็ผ่านไปอีกเกือบอาทิตย์ ฉันยืนมองสำรวจห้องใหม่ของตัวเอง มันดูดีและกว้างขวางกว่าห้องของฉันที่หอเก่าเยอะ แต่อยู่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากกว่าที่เก่าพอสมควร กระเป๋าเสื้อผ้าและข้าวของของฉันถูกตราบฟ้าไปขนมาวางไว้ให้ที่มุมหนึ่งของห้อง เขาพาฉันมาทิ้งไว้ที่นี่โดยไม่ได้เอ่ยอะไรก่อนจะออกไป เขาดูจะไม่อยากเห็นหน้าฉันนักนับตั้งแต่วันนั้น ซึ่งนั่นอาจเป็นเรื่องดีก็ได้
ฉันกำลังลังเลว่าฉันจะอยู่ที่นี่ตามที่เขาต้องการหรือย้ายกลับไปหอเก่าของตัวเองดี ที่นี่ดูดีและคงมีราคาแพง ฉันไม่มีปัญญาจ่ายหรอกนะ ลำพังเงินเก็บที่มีก็เอาไว้จ่ายค่าเทอม ส่วนค่าใช้จ่ายส่วนตัวฉันได้จากงานพาร์ทไทม์ แม่ของฉันเสียไปตอนฉันอยู่ม.ปลาย ส่วนพ่อเสียไปเมื่อสองปีที่แล้ว ชีวิตตอนนี้ของฉันจึงไม่เหลือใคร ไม่มีครอบครัวให้กลับ ไม่สิ...ถึงมีก็เหมือนไม่มี ไม่มีใครต้องการฉัน เพราะแบบนั้นฉันจึงต้องเข้มแข็งและอดทน ต้องพึ่งพาตัวเองเพื่อความอยู่รอด
ฉันหมุนตัวเพื่อจะออกไปติดต่อกับเจ้าของหอเรื่องการยกเลิกสัญญาเช่า แต่ก็ต้องชะงักเมื่อร่างสูงของผู้ชายคนหนึ่งยืนขวางอยู่หน้าประตู
“จะไปไหน” ตราบฟ้าเปิดปากถามในที่สุด หลังจากที่เรายืนจ้องหน้ากันราวๆ ห้านาทีได้
“ฉันไม่มีเงินมากพอจะเช่าห้องที่หอนี้” ฉันเอ่ยออกไปตามตรง
“มีหน้าที่แค่อยู่ก็อยู่ไป อย่ามาเรื่องเยอะสร้างปัญหา” เขาบอกก่อนจะเดินชนไหล่ฉันเข้ามาในห้อง ฉันรู้สึกเจ็บหัวไหล่บริเวณที่ถูกชนจนต้องยกมือขึ้นมากุมหัวไหล่บริเวณนั้นไว้ บาดแผลบนตัวของฉันยังไม่หายสนิทอย่างที่เคยบอกไป แม้ว่านี่จะผ่านมาเกือบสองอาทิตย์แล้วหลังจากที่ฉันทำเรื่องโง่ๆ ด้วยการกระโดดลงจากรถ รอยฟกช้ำต่างๆ ก็ยังเจ็บอยู่ และมันทำให้ฉันลำบากในการเคลื่อนไหวร่างกายนิดๆ อืม...ก็ไม่นิดนักหรอก มากทีเดียว
Rrrr Rrrr
เสียงสั่นจากโทรศัพท์มือถือของเขาเรียกความสนใจจากฉันนิดหน่อย ฉันเห็นเขายกขึ้นมาดูก่อนจะรีบกดรับ
“ครับ ได้ครับ น้ำค้างรอพี่ที่นั่นเดี๋ยวพี่จะรีบไป” ตราบฟ้ากดวางสาย เขาเหลือบมามองฉันเล็กน้อยแล้วเดินเข้ามาหา...ก่อนจะเดินเลยผ่านออกไปจากห้อง ฉันร้องถามตัวเองว่าฉันกำลังทำอะไร ฉันมาอยู่ที่นี่ทำไมกัน เพราะเขาข่มขู่ฉันมาหรือเพราะฉันเองที่ไม่อยากหนีไป ฉันสามารถเดินไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่นได้ แต่สิ่งที่ฉันทำคือการซักผ้าปูที่นอนและเริ่มจัดห้อง
ห้องนี้กว้างมาก มีห้องน้ำในตัว เครื่องใช้และเฟอร์นิเจอร์ครบครันอย่างกับคอนโดขนาดย่อ
ฉันได้โทรศัพท์มือถือคืนแล้ว มีสายที่ไม่ได้รับมากมายจากกลุ่มเพื่อนและอาจารย์ที่ปรึกษา รวมทั้งพี่ไม้ซึ่งเป็นผู้จัดการร้านสะดวกซื้อที่ฉันทำงานพาร์ทไทม์อยู่
ฉันควรโทรหาใครก่อนดี?
ฉันยืนคิดอยู่สักพักก่อนจะวางโทรศัพท์มือถือไว้บนเตียงแล้วเดินไปตากผ้า พรุ่งนี้ฉันก็จะกลับไปเรียนและทำงานแล้ว ต้องหาเหตุผลดีๆ มารองรับให้สมเหตุสมผล หลังจากที่หายหัวไปเกือบสองอาทิตย์ หวังว่าโลกนี้จะใจดีกับฉันสักหน่อย คืนนี้ขอนอนคิดหาเหตุผลที่หายไปสักสองสามข้อก่อนก็แล้วกัน
ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสองโมงครึ่งแล้ว ฉันหย่อนสะโพกลงบนโซฟากำมะหยี่สีครีมอย่างเหนื่อยล้า ท้องเริ่มร้องประท้วงอย่างหนักหน่วง เนื้อตัวก็ปวดระบมไปหมด ฉันจัดของและทำความสะอาดห้องใกล้เสร็จแล้ว จะเหลือก็แค่จัดเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้เท่านั้น ตราบฟ้าไม่กลับมาอีกหลังจากที่เขาออกไป และฉันก็ได้ลงไปคุยกับเจ้าของหอมาเรียบร้อย เขาบอกว่าตราบฟ้าจ่ายเงินมัดจำและทำสัญญาไว้หมดแล้ว ฉันมีหน้าที่แค่อยู่อาศัยอย่างที่เขาบอกเท่านั้น
และจากที่เจ้าของหอบอก ข้างล่างมีร้านอาหาร ร้านกาแฟและเซเว่น ค่อนข้างสะดวกสบายทีเดียวในการกินอยู่ ฉันเลือกที่จะเดินเลียบฟุตปาธมานั่งกินข้าวในร้านอาหารตามสั่งธรรมดาๆ มากกว่าเดินเข้าร้านอาหารหรูที่อยู่ติดกับหอพัก เงินฉันมีจำกัด ฉันไม่สามารถจะใช้จ่ายฟุ่มเฟือยได้
“เจ้าขา...ใช่เจ้าขาหรือเปล่าครับ? ” ขณะที่กำลังก้มหน้ากินข้าวก็ถูกใครบางคนทักขึ้น
“อ้าว พี่ชิน มาทำอะไรแถวนี้คะ? ” ฉันเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะพบว่าเป็นคนรู้จัก พี่ชินเป็นพี่รหัสของฉันเอง ตอนนี้เขากำลังเป็นครูฝึกสอนอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ความจริงแล้วเขาก็มีอายุเท่ากับฉัน เพราะฉันเข้าเรียนช้าไปหนึ่งปี แต่ฉันก็เต็มใจเรียกเขาว่าพี่ด้วยความเคารพนับถือ
“พี่พักแถวนี้ ว่าแต่เราเถอะมาทำอะไร” พี่ชินบอกก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับฉัน
“เจ้าขาก็เพิ่งย้ายมาพักแถวนี้เหมือนกันค่ะ” ฉันตอบออกไป รู้สึกดีขึ้นที่ได้เจอคนรู้จัก ฉันเป็นพวกเข้าสังคมไม่เก่งและค่อนข้างขี้อายเลยทำให้มีคนรู้จักไม่มากนัก แถมบางครั้งก็ถูกมองว่าหยิ่งเสียด้วยซ้ำ
“จริงดิ งี้ก็ดีเลยพี่จะได้มีเพื่อนกินข้าว” พี่ชินบอกก่อนจะเอื้อมมือมาตบไหล่ฉันแรงๆ เป็นการหยอกล้อ เหมือนกับที่เคยทำเป็นประจำ
“โอ๊ย! ” ฉันร้องขึ้นอย่างเจ็บปวด เขาตีซ้ำรอยช้ำบนไหล่ของฉันที่เกิดจากการกระแทก ตอนที่ฉันกระโดดลงจากรถของตราบฟ้าวันนั้น มันช้ำมากและเป็นรอยใหญ่ทีเดียว
“เฮ้ย พี่ก็ออกแรงไม่มากนะเว้ย” พี่ชินทำหน้าตาตื่นและทำท่าจะเอื้อมมือมาจับที่ไหล่ของฉันอีกครั้ง
“พอดีมีอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะค่ะ ไหล่เลยเจ็บอยู่” ฉันตอบด้วยเสียงที่ไม่ดังนัก และพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อเห็นว่าพี่ชินมีท่าทีกังวล
“เออ พี่ก็ดีใจจนลืมถามไปเลยว่าทำไมรอยแผลกับรอยฟกช้ำถึงมากมายขนาดนี้ พวกเพื่อนๆ เราก็โทรมาบอกพี่ว่าเราหายไปติดต่อไม่ได้” ฉันเงียบลงพร้อมพยายามคิดหาเหตุผลที่ดูน่าเชื่อถือมากพอ
“เกิดอุบัติเหตุอย่างที่บอกไปแหละค่ะ แต่ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว พรุ่งนี้ก็ว่าจะเข้ามออยู่” ฉันตอบแบบไม่ค่อยเต็มเสียงนัก
“รอยขนาดนี้ไม่หน่อยแล้วมั้ง หาหมอมาหรือยัง” พี่ชินทำสีหน้าไม่เชื่อ แน่ล่ะ ใครเห็นร่องรอยบนตัวของฉันในตอนนี้ก็คงจะทำใจเชื่อได้ยากทั้งนั้นว่าเกิดจากอุบัติเหตุแค่นิดหน่อย
“เรียบร้อยแล้วค่ะ” ฉันไม่ได้โกหกหรอกนะ คนที่มาช่วยทำแผลให้ฉันคือหมอที่สนิทกับตราบฟ้าซึ่งดูเขาจะไว้ใจมากทีเดียว ฉันเองก็เพิ่งรู้ตอนฟื้นจากพิษไข้เหมือนกัน
“พี่ตกใจแทบแย่ตอนได้ข่าวว่าเราหายตัวไป...รีบกินข้าวเถอะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง” พี่ชินบอกก่อนจะเอื้อมมือมายีผมฉันเบาๆ อย่างเคยชิน ฉันพยักหน้าและอมยิ้มก่อนจะลงมือกินข้าวในจานของตัวเอง ฉันกับพี่ชินสนิทกันมากและพี่เขาก็เป็นพี่รหัสที่ดีมากๆ เช่นกัน
เรื่องดีอีกเรื่องในวันนี้คือพี่ชินพักอยู่หอเดียวกันกับฉัน แถมห้องอยู่เยื้องกันไปแค่สามก้าว ตอนที่เดินมาถึงหน้าหอฉันยังจำสีหน้าตลกๆ ของพี่ชินได้อยู่เลย ฉันยืนคุยกับพี่ชินอีกสองสามคำก่อนจะแยกย้าย ฉันใช้กุญแจไขเพื่อเปิดประตู แต่ก็ค้นพบว่าประตูห้องมันไม่ได้ล็อก แต่ฉันมั่นใจนะว่าก่อนออกไปฉันล็อกเรียบร้อยแล้ว
เมื่อรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ฉันจึงค่อยๆ เปิดประตูอย่างระมัดระวัง ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นร่างสูงที่หายไปตั้งแต่เช้ากำลังนั่งอยู่ที่โซฟา ที่พื้นมีกระป๋องเบียร์เปล่าหล่นระเกะระกะ
คือฉันเพิ่งจะทำความสะอาดห้องไปเองนะ...
“ข้าวอร่อยไหม? ” เขาถามทั้งที่ไม่ได้หันมามองฉันด้วยซ้ำ
“ก็อร่อย...” ฉันตอบไปตามความจริง เขาคงอยากจะถามเกี่ยวกับความพึงพอใจในการอยู่หอนี้ละมั้ง
“กินกับอะไรล่ะ...” ตราบฟ้ายังคงถามต่อ
“ผัดคะน้าหมูกรอบ” ฉันรู้สึกงงๆ อยู่เล็กน้อยที่เขาอยากรู้ความพึงพอใจแม้กระทั่งของที่ฉันกิน
“เหรอ...ฉันคิดว่าเธอกินกับผู้ชาย! ” คราวนี้ตราบฟ้าตวัดสายตามามองฉัน คิ้วของฉันขมวดเข้าหากันทันที นี่เขาเป็นบ้าอะไรอีกแล้ว ตอนนี้ใบหน้าของเขาขึ้นสีแดงเรื่อ ซึ่งฉันเดาว่าน่าจะเป็นผลจากแอลกอฮอล์ ดูจากจำนวนกระป๋องเบียร์ที่เกลื่อนกลาดอยู่รอบโซฟาแล้ว...นี่เขาคิดจะอาบมันหรือไง
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวไปอาบน้ำนะ เหนื่อยมาทั้งวัน” ฉันรู้สึกอ่อนเพลียและปวดระบมไปทั่วตัว แถมเปลือกตายังล้าๆ อีกด้วย อยากจะนอนพักผ่อนให้ได้สักชั่วโมงหนึ่งก็ยังดี
ปึก! เคร้ง!
ทันทีที่ขาเริ่มขยับ กระป๋องเบียร์ที่ยังบรรจุเบียร์ไว้เต็มกระป๋องลอยเฉียดหน้าฉันไปกระแทกกับผนังห้องน้ำ ใจฉันเต้นระรัวเพราะตกใจจนเกือบจะกรีดร้องออกมา ขาที่กำลังจะก้าวไปที่ตู้เสื้อผ้าหยุดลงและสั่นเล็กน้อย
ถ้าเมื่อกี้มันกระแทกเข้ากับหัวของฉันจะเป็นยังไง?
ฉันหลุบตาลงมองของเหลวสีเหลืองทองที่ไหลทะลักออกมาจากกระป๋องที่บุบยุบเพราะแรงกระแทกเมื่อกี้ ก่อนจะเบนสายตาไปทางโซฟาเพื่อมองตัวต้นเรื่อง
“ฉันอนุญาตให้เธอเดินไปตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ” ตราบฟ้าถามขึ้นด้วยแววตาและน้ำเสียงที่ฟังยังไงก็เป็นการหาเรื่องกันชัดๆ
“ฉันแค่อยากอาบน้ำ” ฉันพยายามตอบเขาอย่างใจเย็น
“คุยกับผู้ชายท่าไหนล่ะถึงขนาดต้องรีบกลับมาอาบน้ำ...” น้ำเสียงเย็นชาและสายตาหยามเหยียดนั่นทำให้ฉันรู้สึกเหมือนถูกเข็มเป็นพันๆ เล่มทิ่มแทง ขอบตาของฉันเริ่มร้อนผ่าวอีกครั้ง ฉันไม่เคยร้องไห้กับอะไรง่ายๆ มาก่อน แต่พอเป็นอะไรที่เกี่ยวกับเขาฉันกลับอ่อนไหวง่ายนัก
ฉันแพ้ แพ้ทุกอย่างที่เป็นตราบฟ้า
“อย่ามาพูดจาสกปรกนะ” ฉันรู้ว่าเขากำลังหมายความว่ายังไง นี่เขาเห็นฉันเป็นผู้หญิงประเภทที่จะนอนกับผู้ชายคนไหนก็ได้เหรอ
“ก็เหมาะกับผู้หญิงสกปรกแบบเธอแล้ว” ตราบฟ้าบอกก่อนจะเหยียดยิ้ม นั่นทำให้ฉันกำมือแน่น พยายามที่จะควบคุมอารมณ์ของตัวเอง ทุกคนเป็นอะไรกันไปหมด ทำไมถึงได้มีความคิดว่าฉันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ คิดว่าฉันโกรธและเสียความรู้สึกไม่เป็นเหรอ ฉันก็เป็นแค่มนุษย์คนหนึ่งเท่านั้นที่มีอารมณ์ความรู้สึกได้ไม่ต่างจากใคร
“...” เป็นอีกครั้งที่ฉันเลือกที่จะเงียบ เปล่าประโยชน์ที่จะต่อปากต่อคำกับเขา
“เงียบทำไม? เถียงไม่ออกเหรอ หึ...” แต่เหมือนฉันยิ่งเงียบเขาก็ยิ่งได้ใจ และยิ่งคิดว่าฉันยอมรับว่าฉันเป็นแบบที่เขาพูด
“จิตใจนายต่างหากที่สกปรก สกปรกกว่าฉันซะอีก” คนเรามักมีขีดจำกัดกับทุกๆ สิ่งเสมอ และฉันไม่อยากทนรับฟังสิ่งที่คนอื่นพยายามยัดเยียดให้ฉันเป็นอีกแล้ว ตราบฟ้าลุกจากโซฟาแล้วเดินเข้ามาประชิดตัวฉันโดยที่ฉันไม่ทันได้ตั้งตัว เขากระชากแขนฉันเต็มแรงก่อนจะเหวี่ยงฉันลงไปบนเตียงนอนจนฉันรู้สึกเจ็บจุกไปหมด
ไม่นานร่างสูงของเขาก็ตามมาคร่อมทับร่างของฉัน พร้อมทั้งใช้มือคู่นั้นของเขากดแขนทั้งสองข้างของฉันไว้จนแทบจมหายไปกับฟูกนอน
“เดี๋ยวก็ได้รู้ว่าใครมันสกปรกกว่ากัน! ” เขาตอบเสียงลอดไรฟัน ก่อนจะฉกริมฝีปากลงมาบนกลีบปากของฉันอย่างรุนแรงทำเอาฉันรู้สึกเจ็บแสบไปทั้งเรียวปากและรับรู้ได้ถึงความเค็มเฝือนของรสเลือด
“อื้อ! ” ฉันพยายามที่จะส่ายหน้าหนี พร้อมทั้งพยายามจะบิดแขนทั้งสองข้างให้หลุดจากฝ่ามือที่แข็งแรงราวกับคีมเหล็กของเขา ถึงแม้ว่าการกระทำนั้นมันจะดูไร้ผลก็ตาม ตราบฟ้าทิ้งน้ำหนักตัวลงมาทับบนตัวฉันจนฉันไม่สามารถขยับหนีได้ ลิ้นร้อนลากไล้คุกคามไปตามเรียวปากของฉันก่อนที่เขาจะใช้ฟันขบที่ริมฝีปากล่างอย่างแรงจนฉันรู้สึกเจ็บแสบ
“ไม่เห็นจะเก่งเหมือนปาก...”
Talk
อัปแล้วเน้อออออ ฉันรู้ฉันเห็น จริงๆ แกแค่อยากจูบลูกสาวฉันแหละตราบฟ้า
เจอกันใหม่อีพีหน้าจ้าาาาาาาาาาาา
ไม่สะดวกเม้นต์ กดให้กำลังใจก็ได้งับ
ความคิดเห็น