ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปรากฏว่าเป็นรัก

    ลำดับตอนที่ #39 : ระวัง

    • อัปเดตล่าสุด 16 มิ.ย. 67


    บ้านหลักของตระกูลจ้าวนั้นตั้งอยู่บนเขาสูง...ซึ่งเป็นที่ดินของครอบครัวกินอาณาเขตอย่างกว้างขวาง เริ่มตั้งแต่ประตูทางเข้าที่ตั้งอยู่ตรงตีนเขาฟากหนึ่งทอดยาวไปสุดลูกหูลูกตา เป็นหนึ่งในหลายสัญลักษณ์ที่แสดงความั่งคั่งของตระกูลจ้าว

    ถนนส่วนบุคคลที่ทอดยาวนั้นจึงมีเพียงรถของครอบครัวที่สัญจรไปมา ซึ่งเป็นเหตุผลที่เหมือนฝันและจ้าวเฟยหรงมายืนเคียงกันที่หน้าประตู เฝ้ารอแขกที่ควรจะมาถึงที่นี่ตั้งนานนานแล้ว โดยมีซูเจินและทีมบอดี้การ์ดอีกหลายคนยืนเรียงกันเป็นตับอยู่ด้านหลัง

    “ไม่เจอหน้าพี่สาวไม่กี่ชั่วโมงทำเธอร้อนใจ จนอยู่ไม่สุขขนาดนี้เลยเหรอ” จ้าวเฟยหรงนิ่วหน้านิดๆ ขณะเอ่ยถามร่างระหงที่ยืนเคียงเธออยู่ เหมือนฝันยังคงมีสีหน้าสงบนิ่งแม้ในใจจะกระวนกระวายเพราะเป็นห่วงพี่สาวที่ยังเดินทางมาไม่ถึง

    “หนูเหมือนคนอยู่ไม่สุขเหรอคะ” คิ้วงามของเหมือนฝันขยับเข้าหากันเล็กน้อย ด้วยมั่นใจว่าตนสามารถรักษาสีหน้าไว้ได้อย่างดีแล้วแท้ๆ แต่ก็มิวายถูดจ้าวเฟยหรงจับได้ ซึ่งนั่นทำให้ความหวังที่จะเก็บซ่อนความรู้สึกของตัวเองเอาไว้อย่างสุดความสามารถระหว่างอยู่ที่นี่ของเจ้าตัวมลายลง คิดว่าหากถูกจ้าวเฟยหรงจับความรู้สึกได้ตั้งแต่วันแรกที่มาถึง คนอื่นๆ ก็คงรับรู้ได้เหมือนกัน

    “ก็ไม่ยากนี่ เธอลุกจากเตียงนอนก็มายืนรอพี่สาวเลย” จ้าวเฟยหรงว่า สายตายังตรึงอยู่ที่จุดสีดำเล็กๆ ที่เพิ่งเลื่อนผ่านประตูใหญ่เข้ามา “ขนาดซ่งเหยี่ยนยังรั้งเธอเอาไว้ไม่ได้เลย ถ้าเธอไม่หวงพี่สาวมากแล้วจะเป็นเรื่องอะไรได้อีก หรือเธออยากเจออี้เทียนล่ะ”

    “งั้นคงไม่เกี่ยวกับสีหน้าของหนูใช่ไหมคะ” เหมือนฝันเอยถามแล้วหันมองหน้าของสุภาพสตรีข้าวตัว สีหน้าของเธอโล่งใจที่พิรุจน์ที่เผยให้อีกฝ่ายจับได้ว่าเธอเป้นห่วงมาสฟ้านั้นไม่ใช่เพราะว่าเธอเผลอแสดงสีหน้ากระวนกระวายออกไป แต่เป็นเพราะว่าจ้าวเฟยหรงนั้นรู้ถึงความเป็นไปทุกอย่างที่เกิดขึ้นในบ้านเท่านั้นเอง และที่เป็นเช่นนั้นก็คงเพราะว่าจ้าวเฟยหรงมีซูเจินเป็นเงาตามตัว ไม่ว่าซูเจินรู้เรื่องอะไรจ้าวเฟยหรงจึงพลอยรู้เรื่องนั้นไปด้วย

    “ฉันไม่ว่างจับผิดเธอขนาดนั้นเหรอก” จ้าวเฟยหรงหัวเราะพรืด ทำให้ใบหน้าของท่านเหมือนบุตรชายขึ้นมากว่าเดิมเล็กน้อย แว้บหนึ่งที่ทำให้เหมือนฝันรู้ได้ว่าอู่อี้เทียนได้รอยยิ้มเจ้าเล่ห์แบบนั้นมาจากใคร ก็จะจากใครได้อีกนอกจากผู้หญิงตรงหน้าของเธอคนนี้ “อีกอย่างเธอก็ไม่ควรใส่ใจเรื่องไม่เป็นเรื่องพวกนี้ด้วย ยังมีเรื่องอื่นให้เธอปวดหัวอีกเยอะ อย่าเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้เลย”

    “ทราบแล้วค่ะ” เหมือนฝันได้ยินคำบอกนั้นเธอก็ผงกศีรษะเบาๆ ไม่ได้บอกว่าตั้งแต่ทีเธอมาเหยียบที่นี่บรรดาผีก็พร้อมใจกันดาหน้าเข้ามา ‘สอน’ ทุกสิ่งทุกอย่างให้กับเธอ จนเหมือนฝันที่มั่นใจหนักหนาด้วยคิดว่าตนเตรียมใจมาล่วงหน้าแล้วว่าต้องเจอเรื่องทำนองนี้ ก็ยังต้องซวนเซเพราะประเมินจำนวนคนที่ตายไปแล้วของครอบครัวคนรักต่ำไป ตอนตื่นเจอก็หนักจนเธอสลบเหมือดไปแล้ว ตื่นมาอีกทีบรรดาผีทั้งหลายก็ยังรออยู่ในห้องไม่ถอยไปไหน คงเพราะเมื่อพวกเขาตายไปแล้วจึงไม่ต้องกลัวที่จะต้องเสียเวลา เรียกว่าตั้งแต่มาถึงที่นี่เหมือนฝันก็เจอกับผีทุกคนที่เธอจะสามารถเจอได้

    เว้นแต่ผู้หญิงในชุดกี่เพ้า...ที่จ้าวซ่งเยี่ยนอยากให้เธอเจอนักหนา คอยเพียรถามเธอว่าเห็นไหม เห็นภรรยาของเขาหรือเปล่า

    ใช่แล้ว...ผู้หญิงที่เธอเคยเจอตอนที่อยู่บ้านในเมืองของจ้าวเวยหลงที่แท้ก็คือแม่ของเขา ที่เสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อนนั่นเอง เป็นเรื่องชวนสงสัยอยู่นิดหากถามเหมือนฝัน...แต่ไม่ใช่เพราะคุณผีคนสวยนั้นเกี่ยวข้องกับจ้าวเวยหลงทางสายเลือด ด้วยเธอนั้นเดาได้ว่าเจ้าหล่อนต้องมีความสำคัญต่อจ้าวเวยหลงอย่างมาก ถึงได้มีรูปวาดเหมือนจริงแขวนเอาไว้ในบ้านในเมืองของเขา

    เพียงแต่เหมือนฝันไม่คิดว่าคุณผีในชุดกี่เพ้าที่คอยตามติดจ้าวซ่งเยี่ยนจะติดตามเขาเพราะความรักแค่นั้นเอง ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งที่สามีนอกใจตลอดเวลายามที่เธอมีชีวิต หากตายแล้วเหมือนฝันคงไม่อยากแม้แต่จะเฉียดเข้าใกล้สามีตัวดีของเธอ แต่แม่ของจ้าวเวยหลงคงเป็นมนุษย์อีกแบบ...ถึงได้กลายเป็นผีอีกแบบที่เหมือนฝันไม่เคยเห็น

    “นั่นไม่ใช่หวางเย่นี่คะ” เหมือนฝันนิ่วหน้าเมื่อจุดสีดำเล็กๆ ที่เคลื่อนมาใกลบ้านหลังใหญ่นั้น ไม่ใช่รถที่เธอส่งไปรับมาสฟ้า โดยกำชับหัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยของจ้าวเวยหลง ให้รับผิดชอบเรื่องนี้เพราะเหมือนฝันไม่ไว้ใจใครนอกจากหวางเย่

    “คนรถของบ้านใหญ่” น้ำเสียงของจ้าวเฟยหรงนั้นกระด้างนิดๆ สีหน้าของเธอก็สับสนพอๆ กับเด็กสาวข้างตัว “นั่นไม่ใช่รถที่ไปรับอี้เทียนกับเหมือนฝัน”

    “แล้วใครคะ” เหมือนฝันกะพริบตา แล้วเธอก็ไม่ต้องสงสัยนานเพราะไม่กี่นาทีต่อมา รถยนต์ของตระกูลจ้าวก็เคลื่อนมาจอดที่หน้าประตูใหญ่ ก่อนที่ผู้ชายอาวุโสท่านหนึ่งจะก้าวลงจากรถด้วยท่าทีน่าเกรงขาม ตามหลังมาด้วยเด็กหนุ่มท่าทางกะล่อนที่อายุน้อยกว่าเธออยู่หลายปี

    “อาของฉันเอง น้องชายของคุณจ้าวลี่หยางของเธอไง” จ้าวเฟยหรงอธิบายเสียงกระด้าง แต่เสียงของเธอก็ดังแค่ได้ยินเพียงเธอกับเหมือนฝันแค่สองคน สีหน้าของแขกคนสำคัญอย่างจ้าวโจวเหวินจึงไม่เปลี่ยน ขณะที่เขาเดินตรงดิ่งมายังหลานสาวที่ไม่ได้พบหน้ากันหลายสิบปี ตั้งแต่ที่จ้าวเฟยหรงแต่งงานออกไปกับผู้ชายไร้หัวนอนปลายเท้าคนนั้น

    “คุณนายจ้าวถึงขั้นออกมารับด้วยตัวเองเลยหรือนี่ เป็นเกียรติจัง” จ้าวโจวเหวินยิ้มเจ้าเล่ห์ มองหน้าจ้าวเฟยหรงก่อนจะเลื่อนสายตาไปหยุดที่เด็กสาวที่ยืนเยื้องทางด้านหลังของหลานสาวเขา ใบหน้าของเด็กสาวคนนั้นมีเค้าเดียวกับเด็กสาวที่เขาเพิ่งเจอที่ลานจอดเครื่องบินของครอบครัว จึงทำให้ใบหน้าเหี่ยวย่นนั้นมีเผยความสงสัยนิดๆ ในแววตา ก่อนจะหลายไปเมื่อจำได้ว่าจ้าวเฟยหรงกำลังจับตามองเขาอยู่

    “อารอง” จ้าวเฟยหรงผงกศีรษะทักทายน้องชายของพ่อ ที่นับได้ว่าเป็นญาติสนิทที่แสนจะห่างเหินของตน “ไม่เจอกันนาน สบายดีไหมคะ”

    “ก็ตามประสานั่นล่ะ อายุปูนนี้แล้ว” จ้าวโจวเหวินเอ่ยตอบด้วยสีหน้าและน้ำเสียงราบเรียบ ตายังคงสะกดแน่นอยู่ที่เหมือนฝันไม่คลาดไปไหน รอให้จ้าวเฟยหรงแนะนำอยู่นานแต่หลานสาวของเขาก็ยังแสร้งเป็นไม่รู้ไม่ชี้ จ้าวโจวเหวินจึงต้องเป็นฝ่ายเอ่ยทักเด็กสาวก่อนเอง “นั่นคนรักของเวยหลงใช่ไหม คนที่ใครเขาพูดถึงกันให้แซด”

    “อารองไปฟังใครเขามาล่ะค่ะ” จ้าวเฟยหรงยังคงยียวน ไม่ยอมจำนนต่อลูกไม้อันแพรวพราวของผู้เป็นอา สีหน้าของเธอยังคงสงบนิ่ง เหมือนฝันเองก็ไม่ได้สะทกสะท้านกับความกดดันที่ทั้งจ้าวเฟยหรงและแขกแปลกหน้าแผ่ออกมา หญิงสาวยังสามารถรักสาสีหน้ามั่นคงของตัวเองไว้ได้ “ใช่พวกญาติๆ หรือเปล่า ถ้าใช่...อารองก็รู้นี่คะว่าคนพวกนั้นเชื่ออะไรไม่ค่อยได้หรอก”

    “แล้วไม่ใช่หรือ” จ้าวโจวเหวินเลิกคิ้ว ย้อนหลานสาวด้วยคำถามที่ทำให้จ้าวเฟยหรงถึงกับเผลอชักสีหน้า เท่านั้นเหมือนฝันก็รู้ว่าเธอจะปล่อยให้จ้าวเฟยหรงรับหน้าให้เธอไปนานกว่านี้ไม่ได้ เหมือนฝันจึงรีบฉีกยิ้มเรียกความสนใจจากชายตรงหน้า ก่อนเอ่ยแนะนำตัวซึ่งก็เป็นการยอมรับกลายๆ ว่าเธอคือคนที่เขาคาดเดาไว้ก่อนหน้าแล้วจริงๆ

    “หนูชื่อเหมือนฝันค่ะ”

    “ใช่เธอจริงๆ ด้วย” เมื่อได้ยินชื่อหญิงสาว สีหน้าของจ้าวโจวเหวินก็เผยความพึงใจออกมา ทันใดนั้นสีหน้าของจ้าวโจวเหวินก็กลับกลายเป็นเจ้าเล่ห์อย่างไม่อาจเดาทางได้

    ‘ระวัง’

    เสียงกระซิบแผ่วเบานั้นดังมาตามลม เป็นเสียงของร่างโปรงบางในชุดกี่เพ้าสีอ่อนคนเดิม แต่เหมือนฝันก็เห็นเจ้าหล่อนแค่เสี้ยววินาที จากนั้นวิญญาณดวงที่ว่าก็มลายหายไปอย่างรวดเร็วพอๆ กับตอนที่ปรากฏมาให้เหมือนฝันเห็น

    “ก็ต้องถือว่าคนส่งข่าวของท่านเองมีความสามารถ” เหมือนฝันยิ้มพราย ปากก็เอ่ยชื่นชมแหล่งข่าวของจ้าวโจวเหวินไปด้วย “หนูเพิ่งมาถึงก่อนท่านไม่กี่ชั่วโมงเองค่ะ”

    “คุณนายตระกูลจ้าวไม่ใช่เรื่องที่อยากจะปิดก็ปิดได้นี่นา” มุมปากของจ้าวโจวเหวินกระตุกนิดๆ เพราะแรงอารมณ์ที่กระพือขึ้นมาเพราะคำพูดจิกกัดของเด็กสาว “เธอเองก็ควรจะรีบทำตัวให้ชินตั้งแต่เนิ่นๆ ถ้าวางแผนจะอยู่ที่นี่นาน”

    “หนูเองก็เพิ่งบอกเด็กนี่ไป” จ้าวเฟยหรงเอ่ยแทรก ก่อนจะเบี่ยงตัวเปิดทางกึ่งไล่จ้าวโจวเหวิน อยากให้เขาเข้าไปด้านในเร็วๆ เพื่อที่เธอจะได้รอรับลูกชายและคนรักของเขาอย่างสบายใจ ไม่ต้องพะวงว่าจ้าวโจวเหวินจะลอบกัดเธอจากด้านหลังอย่างไร “เชิญค่ะ อารองเดินทางมาเหนื่อยๆ เข้าไปพักก่อนจะดีกว่า เรายังมีเวลาอีกมาก ค่อยแนะนำตัวกันตอนนั้นก็ยังไม่สาย”

    “รอลูกชายหัวดื้อของเธออยู่หรือไง” จ้าวโจวเหวินท้วงอย่างรู้ทัน ยิ่งเห็นสีหน้าหงุดหงิดของหลานสาวและเด็กน้อยปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมย่างเหมือนฝัน เขาก็เผยสีหน้าพอใจออกมาได้อีกครั้ง “เขามาถึงพร้อมฉันนะ แต่ทำไมถึงยังมาไม่ถึงก็ไม่รู้”

    “มาโน้นแล้วค่ะ” จ้าวเฟยหรงเอ่ยพร้อมพยักเพยิดไปที่จุดสีดำเล็กๆ ที่กำลังรอให้ประตูใหญ่เปิดออก “หรือว่าอารองอยากรอรับอี้เทียนด้วยกันคะ”

    “ไม่ล่ะ ไปเถอะเทียนฉี” จ้าวโจวเหวินไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องอยู่ต้อนรับลูกชายของหลานสาว เขาเป็นน้องชายของผู้นำตระกูลจ้าว เรื่องอะไรจะต้องลดตัวเองลงไปต้อนรับไอ้เด็กบ้านอู่นั่นด้วย “ห้องปีกขวายังว่างใช่ไหม หรือมีใครพักไปแล้ว”

    “ยังไม่มีค่ะ แต่ยังไม่ได้เตรียมทำความสะอาดไว้”

    คำตอบของซูเจินทำให้คิ้วหนาของจ้าวโจวหยางนั้นขมวดเข้าหากันด้วยความไม่พอใจ แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยมาที่นี่ตั้งแต่ย้ายไปตั้งรกรากที่สหรัฐอเมริกา แต่ทุกๆ ปีใหม่หรือการรวมตัวกันของคนในตระกูลเขาก็กลับมาไม่เคยขาด และทุกครั้งก็จะพักที่ห้องเดิมเสมอ ซึ่งเป็นห้องที่อยู่ปีกซ้ายของตัวอาการที่กว้างขวาง เป็นรองแค่ตัวอาคารหลักที่สงวนไว้สำหรับผู้นำตระกูลเท่านั้นที่จะเข้าพักได้ ซึ่งนี่ก็เป็นหนึ่งในธรรมเนียมที่ถูกส่งต่อกันมาเนิ่นนาน

    “หนูให้ซูเจินเตรียมห้องบัวไว้ให้ท่านเองค่ะ” เหมือนฝันเอ่ยแทรก คำพูดนั้นของเด็กสาวทำให้สีหน้าโกรธขึ้งของจ้าวโจวเหวินคลายลง ก่อนจะกลับลายเป็นประหลาดใจแต่เหมือนฝันแสร้งเป็นไม่เห็นสีหน้านั้นของอีกฝ่าย หญิงสาวยังพูดต่อด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ใจในคิดเพียงว่าอยากให้คนตรงหน้าจากไปเร็วได้เท่าไหร่ยิ่งดี เพื่อที่เธอจะได้อยู่รับมาสฟ้าอย่างสบายใจ “หน้าต่างห้องปีกซ้ายมันเปิดไม่ได้ คนงานยังซ่อมไม่เรียบร้อยแต่ถ้า...”

    “อย่างนั้นก็เอาห้องบัว”

    จ้าวโจวเหวินว่าพร้อมโบกมือปัดอย่างไม่ใส่ใจ ทั้งที่ความจริงนั้นใคร่รู้อยากมากว่าเหมือนฝันจัดให้เขาอยู่ที่ห้องบัวเพราะหน้าต่างเจ้าปัญหา หรือว่าเธอรู้ว่าเขาชอบห้องนั้นมาแต่ไหนแต่ไร...แต่เจ้าหล่อนจะรู้เรื่องนั้นได้อย่างไรในเมื่อเขาไม่เคยพูดเรื่องนี้ให้ใครรู้เลย หรือจะเป็นซูเจินที่สังเกตเห็นความชอบของเขาแล้วเอามันไปบอกหญิงสาว โดยที่จ้าวโจวเหวินไม่ได้ฉุกนึกถึงความเป็นไปได้อื่นอย่าง เช่นพวกผีๆ ในบ้านเป็นคนที่บอกเรื่องนี้กับเหมือนฝันเลย

     

     

    เหอะๆ หนูก็ไม่ได้อยากจะพูดหรอกนะคะ ที่คุณฝันเธอรู้ววว ก็เพราะว่าบรรดาผีๆบอกเธอยังไงล่ะ // ปิดปากขรรม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×