ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Strange Tales Of Panorama Island

    ลำดับตอนที่ #301 : yeule's: Pretty Bones

    • อัปเดตล่าสุด 10 ธ.ค. 67


    Pretty Bones
    Inspiration: Creepshow 2: Old Chief Wood’nhead (Film, 1987) & Night Shift (Video Game, 2018) & Grace VanderWaal – Waste My Time (MV, 2019)
    Playlist: yeule – Pretty Bones











    .

    เศรษฐกิจของนีโอโตเกียวมาถึงจุดตกต่ำอย่างต่อเนื่องยาวนานและไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นแต่อย่างใด ขณะที่พวกอีลีตอาจรู้สึกถึงความแตกต่างได้เพียงกระผีกริ้น ชนชั้นล่างก็ไม่มีทางแม้แต่จะได้ลืมตาอ้าปาก ทั้งปัญหาโรคระบาด ไหนจะอาชญากรรมนับไม่ถ้วนที่รัฐบาลตกปากรับคำว่าจะหาทางแก้ไขอย่างแข็งขัน แต่ในทางปฏิบัติกลับไม่มีสักเสี้ยวที่เหลียวแล อาจเรียกได้ว่านี่คือยุคเฟื่องฟูของเหล่าโจร แมงดา โสเภณี แก๊งนอกเหนือกฎหมาย ตำรวจกังฉิน ส่วนประชาชนคนตาดำๆ ก็ต้องหาวิธีช่วยเหลือตัวเองไปตามอัตภาพ

    ถึงอย่างนั้น เรื่องภัยอันตรายและปากท้องก็ยังคงเป็นสิ่งขัดแย้งที่สอดคล้องกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งที่เจอเหตุปล้นชิงทรัพย์มากว่าสามครั้งในรอบหนึ่งเดือนที่ผ่านมา หากร้านสะดวกซื้อพิงค์โอเปคก็ยังคงยึดมั่นกับกฎข้อที่หนึ่งและที่สำคัญที่สุดอย่างเหนียวแน่นมาตลอดสามสิบปี

     

    เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง

     

    แต่เพราะคุณโฮคุโตะเกิดล้มป่วยขึ้นมากะทันหัน ทาเกะก็ยังไม่สามารถหอบสังขารพาขาที่ถูกยิงกะเผลกๆ มายืนเฝ้าร้านได้ ไหนจะเด็กพาร์ทไทม์คนเดียวที่มีอยู่อย่างอายามิก็เพิ่งจะอายุแค่สิบห้า ตัวเลือกเดียวสำหรับค่ำคืนนี้จึงเหลือเพียงพนักงานสาวที่สุขภาพแข็งแรงดี อายุครบยี่สิบสองปีเต็ม ถึงภายนอกจะดูปวกเปียกและไม่มีความสามารถทางด้านศิลปะป้องกันตัวหรืออะไรสักอย่าง ทว่าสิ่งหนึ่งที่ลินนา ลินน์มีแน่ๆ ก็คือใบอนุญาตพกปืน แม้ว่าจะเคยยิงแค่กระป๋องเปล่ากับเป้าซ้อมตอนที่ฝึกกับแม่สมัยที่ยังเด็กกว่านี้มาก แต่ถ้าหากว่าเกิดเหตุการณ์จวนตัวขึ้นมา ลินนาก็สามารถหยิบปืนลูกซองที่คุณโฮคุโตะซ่อนไว้หลังเคาน์เตอร์มายิงขู่ไอ้พวกโจรกระจอกได้แล้วกัน!

    หลังจากที่เธอรีบกระหืดกระหอบมาเปลี่ยนกะก่อนเวลากับอายามิที่ขึ้นรถพยาบาลไปกับคุณโฮคุโตะเมื่อตอนหัวค่ำแล้ว สถานการณ์ช่วงกลางสัปดาห์ของร้านสะดวกซื้อพิงค์โอเปคก็เป็นไปอย่างราบรื่น มีลูกค้าผลัดเปลี่ยนเข้ามาซื้อของกันประปราย ส่วนใหญ่ก็เป็นคนในละแวกนั้นที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี บทสนทนาจึงเป็นเรื่องสารทุกข์สุขดิบของสองคนเจ็บมากกว่าหญิงสาวที่อยู่โยงเฝ้าร้านคนเดียวเสียอีก!

    กระทั่งนาฬิกาตั้งโต๊ะบอกเวลาสี่ทุ่มครึ่ง จู่ๆ ก็จะมีหญิงชราที่แต่งตัวกรุยกรายเหมือนพวกยิปซีเดินดุ่มเข้ามายืนจ้องหน้าเธอเขม็ง ขณะที่ลินนากำลังจะขยับริมฝีปากส่งคำถาม หญิงชราที่พอกหน้าสีขาวจนหนาเตอะตัดกับริมฝีปากสีแดงสดนั่นก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเกือบเป็นตะคอกว่า “ผีร้ายอยู่ที่นี่! มันจะตามติดเธอ!” หากลินนาคิดว่าผีร้ายที่เข้าเค้าที่สุดในที่นี้ก็เห็นจะมีแต่หล่อนซึ่งสะบัดผ้าคลุมศีรษะเดินลิ่วออกจากร้านไปแล้วเหมือนก่อนหน้านี้ไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นต่างหาก

    ลินนายังคงมองตามหล่อนไปแม้แผ่นหลังโก่งโค้งจะลับสายตาไปแล้ว อีกครู่หนึ่งจึงพรูลมหายใจออกมา ก้มหน้ากลับลงไปอ่านหนังสือนิยายที่ค้างไว้ แต่คำพูดของนางยิปซีและสายตาจดเขม็งนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในหัวสมองไม่ไปไหน พร้อมกับความรู้สึกพรั่นพรึงจนขนที่หลังคอของเธอลุกชัน ขอบคุณที่มีลูกค้ากลุ่มใหญ่เข้ามาช่วยทำลายบรรยากาศของความโดดเดี่ยวนั้น และเมื่อพวกเขาจากไปพร้อมกับห่อขนมและเบียร์ที่พร่องจากเชลฟ์และตู้แช่ไปมากแล้ว ลินนาจึงตัดสินใจเดินไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำที่อยู่ด้านหลัง น้ำเย็นๆ ช่วยให้หัวสมองที่ว้าวุ่นกลับมาโล่งอีกครั้ง แต่ครั้นเงยมองกระจกทรงกลมตรงหน้า ลินนาก็จะรีบเบือนหลบด้วยความหวาดกลัวว่าอาจมองเห็นสิ่งอื่นที่นอกเหนือจากใบหน้าของตัวเอง

    กลับกลายเป็นว่าคำพูดของนางยิปซียิ่งตอกลงลึกกว่าเก่าจนแงะไม่ออกไปเสียฉิบ!

    เธอสะบัดศีรษะรัวแรงจนเส้นผมที่ปล่อยสยายสั่นกระจาย เตือนตัวเองว่าควรจะเลิกฟุ้งซ่านด้วยการย้ายก้นไปทำงานได้แล้ว มีขนมและเครื่องดื่มรอให้เธอไปเติมอยู่ หลังจากนั้นก็กวาดถูพื้นต่อ เท่านี้ก็ไม่มีเวลาให้คิดอะไรมาก

    ความกลัวของลินนาค่อยเบาบางลงไปจากการเติมสินค้ารวมถึงเช็กสต็อกโดยไม่หยุดพัก ครั้นพอมาย้อนคิดดูก็ไม่เห็นมีอะไรให้ต้องกลัวเลยสักหน่อย ในเมื่อเธอทำงานที่นี่มาตั้งเกือบปีได้แล้ว เคยเข้าออกร้านสะดวกซื้อมาแล้วทุกช่วงเวลาทั้งตอนเช้าสาย บ่าย เย็น นานๆ ครั้งถึงจะได้รับหน้าที่เป็นพนักงานกะกลางคืนร่วมกับคุณโฮคุโตะบ้าง ทาเกะบ้าง หรือพนักงานชายที่เข้ามาทำพาร์ทไทม์ในชั่วระยะเวลาสั้นๆ บ้าง ไม่ว่าจะมองในแง่มุมใด ลินนาก็ไม่เห็นความเป็นไปได้ของ ผีร้ายที่จะตามติดเธอในร้านที่คุ้นเคยนี้เลยแม้แต่นิดเดียว

    มีก็แต่ คนร้ายนั่นแหละที่เยอะไม่หวาดไม่ไหว

    “นึกอยู่แล้วเชียวว่าต้องเจอเธอ”

    หรือลินนาอาจหมายถึงชายหนุ่มที่กำลังผลักบานประตูเข้ามา ตะโกนเสียงดังให้เธอซึ่งกำลังจัดเรียงซองขนมอยู่บนเชลฟ์ต้องสะดุ้งไหว

    “แต่ไม่คิดเลยนะเนี่ยว่าหลังจากเหตุการณ์อุกอาจขนาดนั้น ตาเฒ่าก็ยังให้ผู้หญิงมาเฝ้าร้านตอนกลางคืนอยู่คนเดียว หรือไม่...ก็คงเป็นเธอที่อวดเก่งมาเฝ้าร้านคนเดียว” นัยน์ตาวาววับของเขาเพียงเหลือบแลมอง “ไม่ใจกล้าเป็นบ้า ก็คงโง่เป็นบ้า ว่าไหม?”

    “นายหมายถึงผู้หญิงที่ป้องกันตัวเองได้” ลินนาเสริม เรียกเสียงหัวเราะที่ใกล้เคียงกับการระเบิดมากกว่าจากเขา

    “ป้องกันตัวเองได้แบบนี้เนี่ยเหรอ?”

    เขากระโจนเข้าหาตัวเธอไวมาก แม้ลินนาที่คิดว่าอ่านการกระทำหลังคำพูดไม่ทันจบประโยคดีด้วยซ้ำจะรีบขยับหนีก็ไม่เป็นผล มือหนาของเขาทาบลงบนลำคอก่อนกดน้ำหนักลงไปที่ปลายนิ้วทั้งห้า ผลักแผ่นหลังของร่างแบบบางนั้นไปชนกับเชลฟ์ที่ยังจัดไม่เสร็จดีจนข้าวของระเนระนาด มือทั้งสองของเธอทั้งดึง ทั้งทุบ ทั้งตี หากก็มีเพียงรอยยิ้มหยันบนริมฝีปาก รวมถึงใบหน้าที่กระทั่งบัดนี้ยังคงตราตรึงอยู่ในความฝันอันโหดร้ายเท่านั้นที่ขยับเคลื่อนใกล้

    “รู้อะไรไหมลินนา ถ้าเธอเลิกปากดีเมื่อไหร่ ฉันอาจจะนึกเห็นใจเธอขึ้นมาบ้างก็ได้”

    ร่างแบบบางของเธอทรุดฮวบลงไปในวินาทีที่เป็นอิสระ เช่นเดียวกับเสียงไอและมือแตะหน้าอกที่เลื่อนขึ้นไปคลำลำคออย่างแผ่วเบา รู้ดีเลยว่าถ้าหากเขาออกแรงอีกแค่นิดเดียว ทุกอย่างก็คงป่นปี้ลงไปในชั่วพริบตา

    ยินคำเหยียดหยามของเขาซึ่งเดินผละจากหลังเสียงเรียกชื่อกับเสียงหัวเราะคิกคักยามหล่อนมองเห็นเธอที่ก้มหน้าเก็บสินค้าที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นงกๆ อย่างน่าสมเพช ผู้ชายที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นคนรักหมดทั้งหัวใจกับผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นลูกพี่ลูกน้องซึ่งเธอให้ความเคารพนับถือ สุดท้ายแล้วก็กลับรวมหัวกันเล่นชู้ลับหลังเธอ และโยชิก็เลือกวิธีบอกกล่าวเธออย่างเจ็บแสบด้วยภาพที่ยังตำตามาจนกระทั่งทุกวันนี้ ความคั่งแค้นที่ถาโถมเข้าใส่ทำให้ลินนาขอเอาคืนทั้งหญิงร้ายชายชั่วให้สาแก่ใจ ด้วยการหอบข้าวของทั้งหมดภายในห้องที่เคยอยู่ร่วมกันมากวาดใส่ถุงดำแล้วหอบไปจุดไฟทิ้งที่เตาเผาขยะ จากนั้นก็เอาภาพถ่ายตอนประกบปากที่เมื่อยัยไมร่ากล้าส่งมาเยาะเย้ย เธอก็ไม่ลังเลที่จะส่งต่อไปให้ครอบครัวทั้งโคตรเหง้าได้เห็นพฤติกรรมหลังบ้านของนังลูกสาวตัวอย่างซึ่งมักเอามาเปรียบเทียบกับเธอที่ด้อยกว่าทุกๆ ทางให้ได้นึกเจ็บใจมาโดยตลอด เกิดอะไรขึ้นกับทั้งสองคนหลังจากนั้นลินนาไม่รู้ เมื่อทิ้งระเบิดลูกย่อมๆ แล้วเธอก็ย้ายออกไปอยู่ในย่านใหม่ที่ห่างไกลกว่าเดิม หากลินนาก็ไม่คาดคิดเลยว่าในระยะเวลาสั้นๆ เพียงแค่สามเดือน โยชิก็จะตามจนเจอเธอที่นี่ แต่เขาไม่ได้ทำทีว่ารู้จักเธอเลยด้วยซ้ำแม้หลังออกจากร้านไปพร้อมกับเบียร์กระป๋องและบุหรี่ซอง ลินนาเองก็ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรอีก กระทั่งตอนที่ไขกุญแจกลับเข้าห้องอพาร์ตเมนต์ในตรอกแคบๆ ของค่ำวันเดียวกันนั้นเอง โดยไม่ทันตั้งตัว ร่างของเธอก็จะถูกผลักเข้าไปในห้องอย่างแรงจนศีรษะกระแทกเข้ากับผนัง ไม่จำเป็นต้องเงยมอง เสียงหัวเราะของชายหญิงที่แว่วดังก็แทนคำตอบทุกอย่างให้ลินนาได้ยิ่งกว่าชัดเจน

    “โอ้โห อยู่ดีกว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีกนะเนี่ย ลินนา”

    “ก็ของของเธอไม่ได้ถูกเผาจนเหี้ยนนี่นะ” คำพูดต่อประโยคฟังดูคล้ายกับการล้อเลียนเหตุการณ์ในอดีตอย่างไม่ถือสา แต่เมื่อเขากวาดข้าวของบนโต๊ะเครื่องแป้งลงพื้นโครมคราม ลินนาจึงตระหนักถึงความเกลียดชังอย่างสุดซึ้งของโยชิที่มีต่อเธอ

    “และเธอก็ไม่ได้ถูกพวกไอ้แก่ที่บ้านมันด่าสาดเสียเทเสีย เหมือนกับฉันเป็นความเสื่อมเสียของวงศ์ตระกูลนักหนา ทั้งที่มันก็มีแต่ไอ้พวกเฮงซวยเหมือนอย่างเธอกับแม่ที่ตายไปแล้วนั่นแหละ!

    “อยากโชว์มากนักฉันก็ส่งต่อให้เอาบุญแล้วไง”

    “รู้ไหมว่าฉันเกลียดนิสัยปากเก่ง ทำเป็นอวดดีของเธอมาตลอดเลย”

    “งั้นเราก็เจ๊ากันแล้วสิ เพราะฉันก็เกลียดนิสัยตอแหลของเธอเหมือนกัน” ลินนาค่อยๆ กลับมาลุกขึ้นทรงตัว มือข้างหนึ่งแตะอยู่บนรอยแผลหลังศีรษะที่เธอมองไม่เห็น นอกจากความรู้สึกปวดแปลบและเลือดสีแดงที่อาบมือข้างหนึ่ง ตัดกับหลอดไฟฟลูออเรสเซนท์สีชมพูที่ส่องสลัวให้แก่พื้นที่ของห้องสี่เหลี่ยมจากมุมด้านในสุด ห้องที่เต็มไปด้วยข้าวของตามประสาคนช่างสะสม กระนั้นก็ไม่ได้ชอบปล่อยให้รกกระจายเหมือนสภาพในตอนนี้ คู่รักจากนรกที่มีชื่อว่า อดีตรู้จักเธอดีมากเท่าๆ กับที่เธอรู้จักพวกเขาดี นั่นหมายความว่าถึงแม้ลินนาจะอยากพุ่งเข้าไปตบหน้ากระชากผมของยัยไมร่าคามือมากแค่ไหนก็ไม่มีทางทำได้ ตราบที่โยชิยังอยู่เคียงข้างหล่อนเช่นนี้ เขาอาจไม่ทำร้ายคนรัก (ยกเว้นตอนทำกิจกรรมบนเตียงบ้างเป็นครั้งคราว) แต่ก็ไม่ลังเลที่จะชกหน้าหรือกระทืบใส่ทั้งหญิงชายจนปางตายได้เมื่อเป็นเรื่องของคนรัก เพราะฉะนั้นลินนาจึงไม่คิดอยากลองดี เมื่อความผิดติดตัวก็มากพอที่จะทำให้โยชิจับเธอเผาทั้งเป็น

    “แต่อันที่จริงฉันก็ต้องขอบคุณเธอนะ ไม่อย่างนั้นฉันก็ต้องทนอยู่กับชีวิตที่พวกไอ้แก่เป็นคนเลือกให้ไปจนตาย”

    ทั้งที่เกลียดแสนเกลียดยิ่งกว่าใครๆ แต่ลินนาก็ต้องยอมรับว่าไมร่าช่างดูดีอยู่ในแจ็คเก็ตหนังที่หล่อนถือวิสาสะคว้าเอาจากตู้เสื้อผ้าของเธอเป็นบ้า!

    ขณะที่เธออาจจะกลายเป็นบ้าเสียเองถ้าต้องทนมองนังนั่นนัวเนียอยู่กับแฟนเก่าที่ทั้งรัก (มากกว่า) และเกลียดอยู่บนเตียงของตัวเองแบบนี้

    “เธอก็เลยหนีออกมาอยู่กับโยชิงั้นสิแล้วตัดสินใจเดินหลบฉากเข้าไปในห้องน้ำเพื่อหลบภาพบาดตาที่เกือบๆ จะซ้ำรอยเหตุการณ์เดิมในอดีตอีกครั้ง ฉวยเอาผ้าขนหนูผืนเล็กที่พาดราวอยู่มาจ่อก๊อกน้ำ ก่อนแตะลงไปบนจุดที่คิดว่าน่าจะถูกกระแทกเบาๆ

    “เธอต้องหัดติดตามข่าวสารซะบ้างนะลินนา ไม่อย่างนั้นเธอก็คงจะไม่ตกข่าวพาดหัวที่ว่า บ้านควินน์ถูกฆาตกรรมยกครัว ลูกสาวเป็นผู้รอดชีวิตเพียงรายเดียวแบบนี้”

    ลินนาไหวไหล่แม้อีกฝ่ายจะมองไม่เห็น เธอเลิกติดตามข่าวสารทุกประเภททั้งหน้าหนังสือพิมพ์หรือจอโทรทัศน์ เมื่อพบว่าชีวิตจริงก็เฮงซวยพออยู่แล้วจนไม่จำเป็นต้องเอาปัญหาของคนอื่นมายัดใส่หัวสมองอีก

    “เธอคงเป็นคนวางแผน ส่วนโยชิเป็นคนลงมือล่ะสินะ”

    แต่ไหนแต่ไร ลินนาก็ไม่เคยชอบคุณและคุณนายควินน์กับคำเปรียบเทียบต่างๆ นานา สารพัดที่จะสรรหามาบ่นว่า ชนิดที่ถ้าเธอเป็นคนอ่อนไหวกว่านี้อีกมากก็อาจจะผูกคอตายไปแล้วก็ได้ ฉะนั้นถึงต่อให้พวกเขาจะอยู่หรือตาย ก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องเก็บเอามาใส่ใจ อันที่จริงก็อดสมน้ำหน้าพวกเขาไม่ได้ที่เลี้ยงลูกสาวคนเดียวให้ออกมาเป็นแบบนี้ กระทั่งต้องจบชีวิตลงด้วยน้ำมือของคนที่ฝากฝังชีวิตในบั้นปลายเอาไว้...จนวันตายจริงๆ

    “แล้วพวกเธอจะฆ่าฉันด้วยหรือเปล่า?”

    “ฉันไม่ทำอะไรผู้มีพระคุณของฉันหรอก” จังหวะของหล่อนขาดหายไป และเสียงหัวเราะคิกคักที่ตามมาหลังจากนั้นก็ชวนให้ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดชะมัดยาด “แต่โยชิเขาจะยังไงก็ไม่รู้นะ”

    “ถ้าพวกเธอจะพลอดรักกันในห้องฉันก็เชิญตามสบาย เผอิญฉันอยากซื้อผ้าปูที่นอนผืนใหม่อยู่พอดีเลย รู้ไหมว่าผืนนั้นน่ะคันเป็นบ้า” ลินนาอดปากเอาไว้ไม่อยู่ ขณะเลื่อนตู้เก็บของในห้องน้ำออกก่อนหยิบยาแก้ปวดสามเม็ดมากรอกปากโดยไม่ดื่มน้ำตามลงไป เธอเหนื่อยเกินกว่าจะต่อล้อต่อเถียงกับไมร่าได้อีก เห็นทีว่าคืนนี้คงต้องไปเปิดโมเต็ลนอกเมืองนอนสักคืน จะให้รบกวนคุณโฮคุโตะหรือทาเกะก็ได้อยู่หรอก แต่ขืนพวกเขาเห็นสภาพนี้มีหวังได้ซักกันทั้งคืนจนหูชา หากเมื่อขึ้นแท็กซี่ไปจนถึงโมเต็ลในอีกเกือบครึ่งชั่วโมงให้หลัง กระทั่งล้มตัวลงนอนโดยไม่สนใจจะชำระร่างกายและรอยเลือดที่แห้งกรัง ลินนาก็กลับนอนหลับไม่สนิท ได้แต่พลิกตัวกระสับกระส่าย ครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่ระหว่างเส้นแบ่งของความทรงจำ ความฝัน และความจริงซ้ำไปซ้ำมาตลอดทั้งคืน

    เธอไม่พบคู่รักจากนรกหลังกลับเข้าห้องอพาร์ตเมนต์ที่ไม่เป็นส่วนตัวในคืนวันถัดมา และอีกหลายๆ คืนต่อจากนั้นให้ความหวั่นระแวงและนอนไม่หลับที่เกาะกุมอยู่นานตลอดหนึ่งเดือนเต็มค่อยเบาบางลงไป นอกจากสภาพห้องที่เละเทะอย่างกับผ่านสงครามอันหนักหน่วงมา ลินนายังพบเศษแก้วและชิ้นส่วนของสิ่งที่แตกหักง่ายกระจัดกระจายจนต้องลงไปนอนอยู่ในถุงดำแทน ขณะที่เสื้อผ้าสวยๆ เครื่องสำอางดีๆ รวมถึงเงินเก็บในกล่องสมบัติที่เธอวางไว้ในลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งโดยวางกุญแจล็อกอยู่ข้างๆ ล้วนว่างเปล่าเกลี้ยงเกลา เงินเก็บทั้งหมดของเธอไม่เหลือเลยสักแดงเดียว ถึงมันค่อนข้างจะมากเอาการอยู่ แต่แลกกับการที่สองคนนั้นจะไม่กลับมารบกวนเธออีกก็ถือว่าคุ้มค่า ลินนายังคงทำงานอยู่ที่เดิมและเช่าห้องเดิมอยู่กับผ้าปูที่นอนผืนใหม่เอี่ยมและสเปรย์ฆ่าเชื้อที่ส่งกลิ่นรุนแรงรบกวนการนอนของเธออยู่ชั่วระยะหนึ่ง คราวนี้ตั้งใจไว้แล้วว่าสักปีหรือปีครึ่งเธอจะหอบเงินเก็บย้ายไปอยู่ที่อื่นไกลๆ ซึ่งจะไม่มีใครตามตัวเธอเจอได้อีกอย่างแน่นอน ระหว่างนั้น ลินนาเฝ้าสวดภาวนาต่อพระเจ้าทุกวันว่าขออย่าให้นรกได้มาเยี่ยมเยือน

    แต่ก็ไม่เป็นผล...

    เมื่อในอีกห้าเดือนต่อมา หรือก็คือสองสัปดาห์ก่อนเวลาปัจจุบัน โยชิจะงัดเข้าห้องในอพาร์ตเมนต์ของเธอแล้วนอนดูหนังเวสเทิร์นสีขาวดำที่กำลังฉายอยู่ในจอโทรทัศน์เครื่องเล็กบนเตียงอย่างสบายอารมณ์ เรียกให้หญิงสาวเจ้าของห้องที่เพิ่งจะเลิกงานกะบ่ายในตอนกลางคืนเป็นต้องได้สะดุ้งเฮือกด้วยไม่คาดคิด

    “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ที่รัก

    “หุบปากเหอะโยชิ!” ลินนาที่หงุดหงิดจากงานอยู่แล้วยิ่งอารมณ์ขึ้นไปกันใหญ่ “ที่รักตัวจริงของนายไปไหนแล้วล่ะ เห็นทุกทีตัวติดกันซะยิ่งกว่าอะไรไม่ใช่

    “อย่าถามเรื่องที่เธอไม่ได้อยากรู้คำตอบจริงๆ ดีกว่า ลินนา”

    “โอเค ได้ งั้นฉันจะเข้าเรื่องเลย จะได้จบๆ” เธอทิ้งตัวพิงกำแพงพลางยกแขนขึ้นกอดอก มองดูอดีตคนรักที่ดูเหมือนว่ายิ่งเวลาของความไกลห่างผันผ่านไปนานเท่าไหร่ มันก็ยิ่งตกตะกอนเปลี่ยนไปเป็นความเฉยชามากขึ้นเท่านั้น อาจไม่ถึงกับเกลียดชังอย่างที่เธอรู้สึกกับยัยไมร่าเสมอมาและคงจะไม่มีวันแปรเปลี่ยนไปเป็นอื่นอีกแล้วในชาตินี้ แต่สำหรับโยชิ...นิยามที่ใกล้เคียงที่สุดน่าจะเป็นความไม่แยแสมากกว่า

    “มาเพราะเรื่องเงินล่ะสินะ เอาไปสิ” ว่าแล้วก็หยิบกระเป๋าสตางค์ออกจากกระเป๋าสะพายไหล่ ควักเอาธนบัตรทั้งปึกจากค่าแรงของสองสัปดาห์ที่ได้มาแล้วยังไม่ได้เก็บลงที่ซ่อนใหม่ — ซึ่งก็คือช่องสี่เหลี่ยมในหนังสือนิยายสยองขวัญบนชั้นหนังสือวางเรียงปะปน — โยนใส่ชายหนุ่มที่ยังคงวาดรอยยิ้มบนใบหน้าแม้จะกำลังโดนดูถูกอยู่ก็ตาม

    “ไม่คิดว่าฉันจะมาเพราะเรื่องเธอบ้างเหรอ?”

    “ฉันไม่มีอารมณ์จะมาฟังเรื่องไร้สาระของนายหรอก โยชิ หยิบเงินแล้วก็ช่วยไสหัวไปสักที”

    “ฉันไม่เอาเศษเงินแค่นี้หรอก” เขาเหวี่ยงตัวลงจากเตียง ค่อยๆ ย่างสามขุมเข้าไปหาหญิงสาวที่กลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอไปก่อนที่มันจะถูกปิดเส้นทาง “ฉันต้องการมากกว่านั้น มากกว่าที่ฉันเสียไป มากกว่าที่เธอจะต้องชดใช้ในค่าเท่าๆ กัน ในเมื่อเธอเล่นฉันซะแสบขนาดนี้ โคตรหยามกันเลยว่ะลินนา!” กระนั้นลินนาก็ยังทำใจกล้าเงยหน้าขึ้นจ้องสบดวงตาวาววับของเขา ทั้งที่รู้สึกถึงมือที่ชื้นเหงื่อภายในห้องปรับอากาศเย็นฉ่ำขณะนี้ “แล้วที่นายเอากับไมร่าต่อหน้าฉัน มันไม่เรียกว่าหยามเลยงั้นสิ”

    แต่โยชิกลับส่งเสียงหัวเราะชอบใจออกมา ค่อยๆ กดน้ำหนักลงไปบนปลายนิ้วราวกับนักล่าที่กำลังเล่นกับเหยื่อไม่มีทางสู้ ด้วยเจตนาไม่ให้ถึงตาย ก่อนที่มือของลินนาจะปัดป่ายไปคว้าเอากระถางแคคตัสที่วางอยู่บนโต๊ะเล็กใกล้มือขึ้นมาฟาดใส่ศีรษะของคนตรงหน้าโดยไม่ผ่อนแรง แม้อาจจะอย่างน้อยนิดในเวลานี้ หากเสียงสบถของโยชิและมือที่สะบัดออกพร้อมกับเลือดสีแดงที่ไหลลงมาจากมุมหน้าผากชัดเจนในตอนที่เขายกปลายนิ้วขึ้นแตะก็มากพอจะทำให้อารมณ์พุ่งสูง เปลี่ยนไปจับเส้นผมกระชากแล้วเหวี่ยงร่างของเธอซึ่งยังคงไอไม่หยุดไปชนกับขอบเตียง แม้ว่าจะไม่มีของเหลวไหลหยดลงมา แต่ก็ทำให้ลินนาเจ็บร้าวจนต้องก้มหน้ากุมหน้าผากด้วยมือทั้งสองข้าง

    “กล้าดียังไงถึงทำแบบนี้วะ!”

    สิ้นเสียงคำราม เป็นอีกครั้งที่โยชิจะกระชากเส้นผมยาวเอาไว้ด้วยโทสะที่รุนแรงและดูเหมือนว่าจะหยุดไม่อยู่ เธอกรีดเสียงร้องพร้อมกับศีรษะที่ถูกจับกระแทกเข้ากับขอบเตียงซ้ำๆ ปล่อยของเหลวเหนียวหนืดไหลหยดลงมาปิดบังนัยน์ตาข้างหนึ่ง ไม่เพียงแค่นั้น เขายังเตะเข้าที่ท้องน้อยจนต้องคู้ตัวและยกท่อนแขนขึ้นมาป้องกันตัวเอง เวลาแค่ไม่กี่นาทีกลับยาวนานเหมือนอยู่ในขุมนรกนิรันดร์กาล ทุกความเกลียดชังที่ส่งต่อผ่านความรุนแรงนั้นทำให้ลินนาได้ตระหนัก ครั้นพอใจแล้วเขาก็ทิ้งตัวลงนั่งข้างเธอ จุดบุหรี่สูบเหมือนกับที่ชอบทำหลังจากเสร็จกิจ เมื่อกลิ่นหวานเอียนของช็อกโกแลตและวานิลลาตลบอบอวลไปทั่วห้อง ลินนาก็แน่ใจในวินาทีนั้นเองว่าโยชิไม่หลงเหลือความรู้สึกใดๆ ให้กับเธออีกต่อไปแล้ว อาจไม่แม้แต่ความเป็นมนุษย์เสียด้วยซ้ำ

    “นาย...จะฆ่าฉันไหม?”

    “ไม่หรอก” เขาตอบ “คนตายไม่มีประโยชน์”

    ลินนารู้ว่าเธอต้องหนี

    ถ้าไม่ใช่เพราะอาการป่วยกระเสาะกระแสะของคุณโฮคุโตะที่กำเริบขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น แม้เขาจะบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก แต่เธอก็ดูออกว่านาฬิกาชีวิตซึ่งเหลืออยู่อีกเพียงน้อยนิดกำลังนับถอยหลังลงไปทุกที ลินนาไม่อาจทอดทิ้งชายชราที่มีบุญคุณกับเธอตลอดมาได้ หรือจะปล่อยให้ทาเกะกับอายามิช่วยกันทำงานหามรุ่งหามค่ำอยู่สองคนเพราะยังไม่มีใครเข้ามาสมัครงานเลยก็ไม่มีทางเสียล่ะ อย่างน้อยๆ โยชิก็รับประกันเรื่องหนึ่งให้เธอได้ว่าเขาจะยังไม่ฆ่าเธอ...ในตอนนี้

    และแน่นอนว่าเธอจะไม่มีวันทนอยู่จนถึงตอนนั้นด้วย

    ผีร้ายตามติดเธออย่างที่นางยิปซีว่า จะเป็นใครไปได้อีกถ้าไม่ใช่โยชิ?

     

    ลินนาก้มลงเก็บข้าวของกระจัดกระจายด้วยฝีมือของโยชิพร้อมความร้อนผ่าวตรงขอบตารื้นด้วยความคับแค้นใจ แต่เธอจะปล่อยให้มันไหลลงมาไม่ได้เป็นอันขาด ไม่ใช่ในตอนที่สองคู่รักจากนรกจะกำลังหัวเราะรวนร่า หยิบห่อขนมถุงจากบนเชลฟ์ กระป๋องเบียร์จากในตู้แช่ และยังกดเครื่องดื่มแก้วแล้วแก้วเล่าจนหกเลอะเทอะไปทั่วร้าน เรื่องทำความสะอาดไม่ใช่ปัญหาสำหรับพนักงานร้านสะดวกซื้ออยู่แล้ว หรือห่อขนมที่พวกนั้นแกะกินทิ้งๆ ขว้างๆ และคงจะชักดาบแน่ ลินนาก็จะจัดการคำนวณแล้วจ่ายเงินให้คุณโฮคุโตะทั้งหมดเอง

    โธ่ๆๆๆ ลินนา” รองเท้าส้นสูงสีแดงสดคือสิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าแววตาที่หลุบต่ำ “สภาพเธอตอนนี้น่าสมเพชมากเลยนะ รู้ตัวหรือเปล่า?”

    ใครจะทำตัวฟุ้งเฟ้อลอยชายไปวันๆ จากเงินที่คนอื่นหามาได้เหมือนเธอล่ะลินนาต้องสะกดกลั้นอารมณ์ของตัวเองเป็นอย่างมาก ด้วยรู้ดีว่าถ้าขืนอ้าปากพูดอะไรออกมา มันคงจะมาพร้อมกับระเบิดน้ำตาลูกใหญ่ เธอทำได้แค่เพียงจิกมืออันสั่นเทาลงกับซองขนมที่กำลังเก็บมันอยู่ เสียงหัวเราะชอบใจของไมร่ายิ่งตอกย้ำความพ่ายแพ้ ก่อนลินนาจะรู้สึกถึงเงาร่างที่บดบังแสงสว่างจากหลอดไฟเหนือเพดาน ตามมาด้วยสัมผัสบนเส้นผมสีดำยาวระแผ่นหลังให้ขนลุกชัน ในตอนที่รีบหันขวับไปก็เกือบต้องหยุดหายใจกับกระบอกวัตถุสีดำมะเมื่อมที่จ่ออยู่กึ่งกลางหน้าผากของเธอ นอกจากเม็ดเหงื่อที่เริ่มผุดพรายแล้ว ลินนายังรู้สึกถึงของเหลวอีกหนึ่งซึ่งค่อยๆ หยดลงอาบแก้มทั้งสอง

    ปัง!”

    วินาทีที่หล่อนกดปลายนิ้วลงบนโกร่งไกนั้นรวดเร็วจนเธอไม่ทันได้หลับตาเสียด้วยซ้ำ!

    ว้า ฉี่ไม่ราดแฮะ”

    ไมร่าไล่สายตาลงต่ำไปยังถุงน่องสีดำใต้กระโปรงที่ร่นขึ้นไปเล็กน้อย แม้ว่าจะกำลังนั่งอยู่ ลินนาก็ยังรู้สึกถึงแข้งขาที่อ่อนยวบลงไป ไม่ได้มีความโล่งใจเลยแม้แต่น้อยที่ปืนกระบอกนั้นไม่มีลูกกระสุนตัดเจาะทะลุหัวสมองของเธออย่างที่คิด

    เลิกแกล้งเพื่อนได้แล้วน่า ไมร่า” เป็นโยชิที่ย่อตัวลงมากอดคอหล่อนด้วยมือข้างหนึ่ง ฉวยปืนกระบอกที่เพิ่งถูกใช้งานมาเก็บกลับลงไปในกระเป๋ากางเกง ใบหน้าสวยของไมร่าบูดบึ้งเหมือนเด็กน้อยที่ถูกขัดใจ ทำทีกระเง้ากระงอดใส่คนรักอย่างที่ลินนาในเวลาปกติคงจะเบือนหน้าหลบ สรรหาถ้อยคำประชดประชันนับร้อยพันมาพ่นใส่เพื่อเป็นการปลอบใจตัวเองไปแล้ว หากแม้กระทั่งบัดนี้ ภาพที่โยชิคว้าคอหล่อนมากดริมฝีปากแนบลงไปก็ยังคงมัวพร่าเพราะม่านน้ำตาที่ยังคงไม่จางหาย อาการช็อกที่เกิดขึ้นชั่วคราวทำให้เธอไม่แม้แต่จะได้ยินสรรพเสียงหรือความเป็นไปใดๆ รายรอบตัว ไม่รู้เลยว่าเป็นเวลาเนิ่นนานเท่าไหร่ กว่าสัมผัสแรงๆ ที่กระทบแก้มซ้ายพร้อมกับเสียงเรียกชื่อซ้ำๆ จะดึงสติที่โบกโบยไปให้กลับคืนมา

    จะกลัวไปทำไมวะ ลินนา ฉันเคยบอกเธอไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าคนตายไม่มีประโยชน์?”

    และเธอก็คือแหล่งทำเงินของเรา” ไมร่าเสริม

    ริมฝีปากสีอ่อนของลินนายกขึ้นด้วยความพยายามในการควานหาน้ำเสียงที่ขาดหาย กระนั้นก็ไม่มีสิ่งใดหลุดลอดออกมาจนต้องปิดกลับลงไป เธอค่อยๆ กลืนน้ำลายและยกมือข้างหนึ่งขึ้นกุมลำคอตัวเอง คงเพราะน้ำหนักที่กดลงไปเป็นตัวบีบให้ช่องลำคอรู้สึกระคายจนในที่สุดก็ไอค่อกแค่กออกมา คู่รักจากนรกประสานเสียงกันหัวเราะเยาะเธอที่สภาพคงจะไปไกลกว่าคำว่า น่าสมเพชแล้ว หลังจากยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาให้ใบหน้าแต้มเมคอัพยิ่งเปรอะเลอะกว่าเดิม

    ในลิ้นชักคงจะมีเงินเยอะเลยใช่มะ?”

    ไม่...ไม่ได้” ถึงจะเกิดขึ้นอย่างแผ่วเบา แต่คำพูดแรกสุดหลังจากผ่านวินาทีเฉียดตายก็เดินทางมาถึงได้สำเร็จ

    ตาแก่นั่นคงอยู่ได้อีกไม่นานนักหรอก เผลอๆ จะตายวันตายพรุ่งเลยก็ไม่รู้ จะไปสนใจใยดีมันทำไมนักหนา?”

    ฉัน...จะไม่...ขโมยเงิน...ข...ของคุณโฮคุโตะแน่”

    “นี่ ฉันรู้ว่ากล้องในร้านมันพังไปตั้งแต่สองวันก่อน ฉะนั้นไม่มีใครมารู้มาเห็นหรอกว่าเธอทำอะไร แค่บอกว่ามีโจรบุกมาปล้นเธอก็รอดตัวแล้ว”

    ยังไง...ฉัน...ก็จะไม่ทำ” สิ้นคำพูดแสนเชื่องช้านั้น ฝ่ามือใหญ่ก็จะฟาดกระทบลงบนใบหน้าอย่างรวดเร็ว...และรุนแรง

    ใจร้ายกับลินนามากไปแล้วนะโยชิ” ไมร่าแกล้งว่า

    อย่าทำให้ฉันต้องหงุดหงิดยิ่งกว่านี้ได้ไหม!

    ฟันที่กัดไปโดนริมฝีปากล่างทำให้ลินนาได้ลิ้มรสคาวของเหล็ก ปล่อยความเหนียวเหนอะหยดลงไปถึงใต้คาง มั่นใจได้เลยว่าแก้มขาวของเธอคงขึ้นเป็นรอยฝ่ามือชัดเจน

    ลินนาไม่อยากทรยศความไว้ใจของคุณโฮคุโตะที่ให้ความช่วยเหลือเธอมาตลอดไปกับชายหญิงสารเลวคู่นี้ ขณะที่หัวสมองกำลังคิดหาหนทาง โยชิที่เห็นว่าเสียเวลาเต็มทีก็จะเข้ามากระชากท่อนแขนไป ขนาดเรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นยืนยังไม่มีแล้วเธอจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปขัดขืนได้ เขาฉุดกระชากลากเธอไปที่เคาน์เตอร์โดยมีเสียงหัวเราะชอบใจของไมร่าเป็นฉากหลังอยู่ไกลๆ เมื่อหล่อนหมุนลูกบิดประตูส่วนสำหรับพนักงานเข้าไปอย่างหน้าตาเฉย

    ลินนามองเห็นปืนลูกซองที่หลังเคาน์เตอร์แล้ว แต่ไม่ไวไปกว่าโยชิซึ่งไม่จำเป็นต้องพุ่งตัวเข้าไปด้วยซ้ำ เขาหยิบมันขึ้นมาลูบคลำราวกับสิ่งของที่รักใคร่จนน่าขนลุก ร่างกายของเธอยิ่งสั่นเทาเพราะรู้ว่าข้างในนั้นมีลูกกระสุนบรรจุอยู่จริง เขาอาจไม่ยิงจุดตาย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ทรมานเธอเพื่อไม่ให้หลบหนี วินาทีที่รู้ว่าทุกอย่างต้องจบสิ้นแน่แล้ว น้ำตาของเธอก็ไหลลงมาอีกครั้ง

    ก่อนเสียงบานประตูหน้าร้านที่ถูกผลักเข้ามาจะรั้งเรียกความสนใจของคนในร้านทั้งสอง ชายหนุ่มแปลกหน้าที่ลินนาไม่เคยเห็นฮัมเพลงเข้ามาด้วยท่าทีสบายอารมณ์ และเมื่อได้เห็นสภาพที่แทบไม่ต่างอะไรจากสมรภูมิรบเบื้องหน้าจึงชะงักค้างไปเล็กน้อย หากด้ามปืนที่กระทุ้งเข้าด้านหลังจะให้ลินนาทำได้เพียงก้มหน้าเงียบ ไม่กล้าปริปากพูดอะไรอีก

    โทษทีพวก ไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรอก เราเป็นเพื่อนเก่ายัยนี่ที่แวะมาแล้วเผอิญเล่นสนุกกันไปหน่อยเท่านั้นเอง ใช่ไหม ลินนา?”

    อ...อืม” เธอผงกศีรษะตอบรับ พยายามไม่แสดงพิรุธและไม่คิดว่าจะขอความช่วยเหลือจากคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรด้วย เพราะรู้ดีเลยว่าโยชิจะไม่ลังเลในการลั่นไกปืนสังหารใครหน้าไหนก็ตามที่เข้ามาขวางทาง

    ไม่มีใครพูดอะไรอีกหลังจากนั้น นอกจากเสียงครวญของนักร้องอาร์แอนด์บีหญิงที่กรีดผ่านลำโพง ไม่นาน ช็อกโกแลตบาร์สองแท่งกับโค้กกระป๋องจากตู้แช่ก็จะถูกวางลงตรงหน้าแคชเชียร์ให้ลินนาที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเผลอสะดุ้งเฮือกไป มันช่วยไม่ได้ แต่มือของเธอกลับไม่ยอมหยุดสั่น กระทั่งเพียงการหยิบมันขึ้นมายังกลายเป็นเรื่องลำบาก เธอรีบละล่ำละลักกล่าวคำขอโทษ แม้รู้สึกได้ว่าแผ่นหลังเป็นอิสระแล้ว หากการที่โยชิยังคงยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่ข้างหลัง อาจมีลูกซองวางซ่อนอยู่ใกล้มือและสามารถฉวยมันขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ ก็ไม่ทำให้ลินนาอาจหาญพอที่จะลองดี

    ทำแบบนี้โฮคุโตะไม่ชอบหรอกนะ”

    ลินนาไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองเพียงเพราะว่านี่คือประโยคแรกจากเขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงวิธีที่เขาเอ่ยชื่อคุณโฮคุโตะออกมาด้วย ลินนาไม่เคยได้ยินใครใช้น้ำเสียงแบบที่แสดงความเคารพและเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักอย่างกับลูกชาย ที่คุณโฮคุโตะไม่มี ให้ได้รู้สึกเต็มตื้นเช่นนี้มาก่อน

    ฉัน...” คำพูดที่ไม่ทันเปล่งจะถูกเสียงหัวเราะขบขันที่แฝงความเสียดเย้ยอยู่ในนั้นทะลุขึ้นกลางลำปล้อง

    อย่างกับตาแก่นั่นจะทำอะไรได้ ตอนนี้เห็นว่านอนแบ็บอยู่ในโรงพยาบาลไม่ใช่หรือไง”

    ดูเหมือนจังหวะของลินนาจะเชื่องช้าลงไปในค่ำคืนนี้หลังจากเพิ่งผ่านประสบการณ์เฉียดตายมาหมาดๆ ทว่าต้นเหตุในคราวนี้มาจากชายหนุ่มที่อยู่คนละฝั่ง มือของเขาที่วางลงบนเคาน์เตอร์และเฉียดปลายนิ้วข้างหนึ่งลงทาบทับกับเธออย่างจงใจ มันเย็นวาบ ขัดกับน้ำเสียงสดใสที่เขาเอ่ยขึ้นโดยไม่สนใจต่อคำพูดถือดีก่อนหน้านั้นเลยแม้แต่น้อยว่า

    “อยากให้ฉันช่วยเก็บกวาดไหม?”

    “เฮ้ๆ จะจีบยัยนี่ก็ค่อยไปทำวันอื่น”

    ฉันช่วยเธอได้นะ” เป็นอีกครั้งที่เขาเลือกเมินเฉย “ลินนา”

    ลินนาไม่แม้แต่จะรู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าตอบอะไรออกไป หลังจากวินาทีที่เขาเรียกชื่อเธอพร้อมกับนัยน์ตาสีเข้มที่จ้องสบ กระทั่งโยชิจะเหวี่ยงกระชากร่างของเธอจนบั้นท้ายกระแทกเข้ากับพื้นแข็งโดยไม่บรรเทา ปืนลูกซองถูกขึ้นลำแล้วเล็งใส่ชายที่อยู่ห่างกันเพียงระยะเคาน์เตอร์กั้นกลางด้วยมือข้างเดียว ลินนาคิดว่าอยากจะพุ่งตัวเข้าไป อาจไม่บ้าบิ่นขนาดแย่งมันมาจ่อหน้าแล้วลั่นไกปืน แต่อย่างน้อยๆ ก็ขอให้ไม่มีใครต้องบาดเจ็บนอกจากเธอคนเดียว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในความเป็นจริงก็คือร่างกายที่อ่อนปวกเปียก ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะขยับตัวหรือกรีดเสียงร้องออกมาดังๆ ด้วยซ้ำไป ชั่วพริบตาที่บังเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว สิ่งที่เกิดขึ้นกลับไม่ใช่ร่างที่ล้มตึงลงไปของเขา แต่กลับเป็นโยชิที่ทิ้งน้ำหนักตัวลงไปตามแรงโน้มถ่วง ก่อนไมร่าที่วิ่งพรวดมาถึงเคาน์เตอร์จะกรีดเสียงร้องลั่นเมื่อได้เห็นชายคนรักในสภาพแน่นิ่งอยู่อย่างนั้น หล่อนมองดูผู้ชายแปลกหน้าที่ยืนอยู่พร้อมกับกระบอกปืนสีเงินวาววับในมือโดยไม่ปิดบังความอาฆาต เอื้อมไปหยิบเอาลูกซองที่หล่นอยู่ไม่ไกลขึ้นมาสอดปลายนิ้วลงบนโกร่งไกในตอนที่ลุกขึ้นหยัดยืนบนส้นสูงสามนิ้วโดยไม่มีคลอนแคลน คำผรุสวาทของหล่อนอาจเกลื่อนกลาดมากกว่ากระสุนปืนที่ยิงออกไปโดนเชลฟ์และตู้กระจกใส่เครื่องดื่ม เมื่อได้จังหวะ เขาก็จะโผล่พ้นจากที่ซ่อนแล้วเล็งยิงไปที่ท่อนแขนของหล่อนจนลูกซองกระเด้งออกไป

    ไอ้สารเลว! แกฆ่าโยชิ! แกฆ่าเขา!

    สภาพของไมร่าที่ทั้งกรีดเสียงและหวีดร้องไห้ช่างดูน่าเวทนา จนลินนาที่ค่อยๆ คลานผ่านร่างของโยชิออกมาจากหลังเคาน์เตอร์อดใจหายขึ้นมาไม่ได้

    “ไมร่า...”

    รู้งี้ฉันน่าจะให้โยชิฆ่าแกตายไปตั้งนานแล้ว!” หล่อนคล้ายจะได้สติจากน้ำเสียงแผ่วผิวที่เธอพยายามเปล่งออกมา สายตาและความมุ่งร้ายเปลี่ยนเป้าหมายมาหาเธอ มือของหล่อนไม่ทันได้พ้นจากกระเป๋าเสื้อคลุมหนัง ทุกการกระทำก็จะพลันหยุดเคลื่อนไหว กับลูกกระสุนที่เจาะทะลุหน้าอกข้างซ้ายด้วยความแม่นยำ

    เขาก้มตัวลงไปหาร่างที่กลับมาสั่นเทารุนแรงอีกครั้งหนึ่ง มือแตะลงไปบนบ่าเล็กพร้อมกับคำว่า “ขอโทษ” แต่เมื่อเธอค่อยๆ หันใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตามา กลับเป็นคำ “ขอบคุณ” ที่วนเวียนซ้ำไปซ้ำมาพร้อมกับรอยยิ้มบิดเบี้ยวอย่างไม่อาจควบคุม











    2024年12月10日
    _______________
     เพราะเมื่อวานช่องเกมที่ตามลงคลิปเกมมิดไนท์ริปเปอร์ที่เป็น mod ของเกมไนท์ริปเปอร์ กูเลยนึกถึงฟิคที่แต่งจากเกมของพัพเพ็ตคอมโบขึ้นมา ครั้งหนึ่งกูเคยรักพัพเพ็ตคอมโบมากกกก แม้ว่าตอนนี้เกมจะไม่ค่อยปังละ แต่ค่ายนี้นี่แหละที่เป็นต้นแบบให้เกมสยองขวัญอินดี้มากมายแม้แต่ชิลลา ทีนี้เพราะเป็นเรื่องในมาร์ท แถมแรงบันดาลใจจากเพลงของเกรซด้วยอีก เลยคิดว่าหรือจะเอานักแสดงจากแอนีมอยอา 4 มาดีวะ โคทาโร่เล่นแทนไทกะเดิมได้ไม่ติด เคียวเฮก็แทนเจสสี้เดิมได้แหละ...แต่อันนี้กูติดเอง ถ้าเป็นไทเสก็อาจพอไหวอยู่ แต่ติดอย่างเดียวคือเค้าออกค่ายไปแล้ว วู้วว เลยวกกลับมาที่แคสต์เดิมจากเพลงป๊อกกี้บอยนี่แหละบ่ะ ในเมื่อนิสัยพระเอกของสองเรื่องนี้เหมือนกันเปี๊ยบ ถ้าเล่นเรื่องนั้นแล้วไม่ติด เรื่องนี้ก็ไม่มีทางติดป่ะวะ ไหนๆ แล้วก็รวดใช้เพลงของยูลให้เข้าคอนเส้ปกันให้หมดเลย วู้ววว บังเอิญที่เรื่องก่อนๆ ชื่อเรื่องก็ขึ้นต้นด้วย P งั้นเราจะมัวรอช้าทำไม ก็จัดไปอีกเรื่อง ยันเช้าเลยลูกพี่! >_< 
    ★ ตอนแรกตัวร้ายจะเป็นมิริแอนน์นี่แหละ ฝั่งของลินนาจากเรื่องโน้นจะได้มากันให้ครบๆ แต่ในหัวกูไม่สามารถนึกภาพนักแสดงมาเล่นบทนี้ได้จริงๆ ถึงซอนญ่าสิงหะจะเล่นหนังช่องเจ็ดได้ แต่มันก็มีจริงๆ ที่บางคนกูให้ลงบทอะไรแบบนี้ไม่ได้ ไม่ให้ ไม่เปิง Orz เลยลองไปไถหานางเอกของพี่โยซิจากเรื่องเก่าๆ (ที่ไม่ได้แต่ง) ดูสิ เพราะงั้นก็ให้นึกหน้าไมร่าเป็นสถไปนะจ๊ะ แบบนี้สิที่เรียกว่าได้อยู่ / ส่วนโฮคุโตะเพราะนึกถึงใครไม่ออกแล้วเลยเอารุ่นพี่สีดำมาเล่นให้มันจบๆ เพราะอย่างที่เคยเล่าว่าบทนี้ต้องเป็นเหมือนพ่อของคุโระ (เวอร์เดิมคือคุณมาซากิ พ่อตัวจริงของไทกะนี่แหละ!) ว่าแต่ทำไมกูย้อนไปอ่านทอล์คเก่าแล้วไม่มีเขียนอะไรเลยวะ ดีนะที่กูจำได้อยู่ว่า
    ★ คุโระก็คือหุ่น (ฟีลแบบ mannequin เด้อ) ที่โฮคุโตะได้มา เพราะกูได้บทนี้มาจากเรื่องครีปโชว์กับเอ็มวีเวสต์มายไทม์นี่แหละ แต่กูก็จำไม่ได้แล้วว่าได้หุ่นมายังไง แล้วหุ่นมาเป็นคนได้ยังไง เพราะโฮคุโตะจะตายแล้วหรือเปล่านะหุ่นเลยมีชีวิตขึ้นมาเพื่อจะบอกลา น่าจะใช่แหละ เพราะคุ้นมาก คุ้นแบบลางๆ แต่พล็อตที่จำได้แม่นเลยคือตอนต่อจากนี้ลินนากับคุโระจะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันหนึ่งคืน หักไปเป็นแนวโรแมนติกเลย โนสนโนแคร์ >_< แต่แล้วยังไง อะไรต่อ ไม่รู้ กูจำตอนจบไม่ได้แล้ว อาจจะได้ไปใช้ชีวิตแบบอิสระด้วยกันสองคนเหมือนเรื่องป๊อกกี้บอยแหละมั้ง เพราะบทตัวเอกทั้งสามมันเหมือนกันเปี๊ยบเลยวุ้ย!
    ★ มีการแก้เกลาภาษานิดหน่อยเพื่อลดความเวิ่นเว้อลงไปบ้าง แต่ก็แค่นิดเดียวเพราะอยากคงเดิมไว้ มันเลยยังคงความเวิ่นเว้ออยู่เหมือนเดิมนั่นแหละ วู้ววว กูอ่านไปก็ได้แต่ตกใจว่าสมัยนั้นกูแต่งแบบนี้ได้ไงวะ! ขนาดบทพูดยังเหมือนไม่ใช่กูแต่งเล้ย เธอเป็นใครกันนะ อ่านแล้วตกใจมาก กูถึงขนาดเกิดความกลัวขึ้นในใจเพราะภาษาของเขาเลยทีเดียว T_T แต่ที่ทุกวันนี้กูแต่งแนวนี้ไม่ได้แล้วเพราะอะไรรู้ไหม เพราะมาคบกับมึงนี่แหละ! เพราะมึงแต่งฝรั่งดีไง ส่วนกูเป็นได้แค่ฝรั่งเก๊ ไม่ชุบบ๊วย เลยเกิดความกลัวขึ้นในใจ T_T 

    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×