คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #298 : NEON/NIGHT/CITY: 2FACED ~2024 ver.~
ขณะแหงนมองภาพโฮโลแกรมของโฆษณามาสคาร่าตัวใหม่ข้างอาคารสูงที่ละลานตาไปด้วยแสงสีสังเคราะห์ในยามค่ำคืน ไซกิ ฮาสุมิก็อดไม่ได้ที่จะเบะปากเบ้หน้าแสดงความเกลียดชังออกมาอย่างไม่ปิดบัง แตกต่างจากใบหน้าแย้มยิ้มกับแพขนตางอนเด้งขนาดมหึมาของหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีแดงที่ปรากฏอยู่บนนั้น
ใบหน้าของหล่อนสวยหยาดเยิ้ม มีรอยยิ้มสะกดใจ อย่างที่ฮาสุมิจะเพิ่มเติมให้ด้วยว่า มารยาทดี จิตใจงาม มีความรักให้กับทุกสิ่งและได้รับความรักตอบแทนจากทุกอย่าง เป็นอะไรก็ตามที่ตรงกันข้ามกับเธอให้ทุกคนได้เปรียบเทียบอาจตั้งแต่ยังไม่ทันได้ลืมตาดูโลกเสียด้วยซ้ำไป ในเมื่อนางแบบสาวคนนั้นก็คือไซกิ เมย์มิ ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของคุณลุงที่อายุห่างกันแค่ไม่กี่เดือนของเธอ การต้องถูกกรอกหูว่าด้อยกว่าลูกพี่ลูกน้องในทุกๆ ด้านไม่ว่าจะกระดิกตัวทำอะไร ก็มากพอที่จะกัดกร่อนทำลายความบริสุทธิ์ดีงามของเด็กน้อย ก่อเกิดเป็นความน้อยเนื้อต่ำใจในทีแรก ก่อนที่จะพัฒนาขึ้นเป็นความเกลียดชังอันดำมืดข้างในใจซึ่งจะค่อยๆ ทับถมรวมกัน และจะยิ่งพอกพูนเป็นเท่าทวียามเมื่อฮาสุมิเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่
ขณะที่เมย์มิตัดสินใจเข้าวงการบันเทิงตามรอยมารดาที่เป็นนักแสดงดาวค้างฟ้า มีหน้ามีตา มีชื่อเสียงโด่งดังเพียงชั่วข้ามคืนหลังจากการปรากฏตัวในภาพยนตร์โฆษณาเปิดตัวพรีเซนเตอร์แบรนด์เครื่องประดับไฮ-เอนด์ กลายเป็นบุคคลผู้ทรงอิทธิพลที่ไม่ว่าใครในนีโอโตเกียวย่อมต้องรู้จัก หญิงสาวตระกูลไซกิอีกคนหนึ่งกลับเป็นได้แค่นักศึกษาภาควิชาการออกแบบภายในของมหาวิทยาลัยเอกชน กับผลการเรียนที่อยู่ในระดับแค่พอใช้ ในเมื่อต่อให้ทำอะไรไปก็ไม่มีใครเห็นค่าแล้วเธอจะพยายามไปเพื่ออะไร ประสบการณ์ตลอดทั้งชีวิตที่ผ่านมาส่งผลให้ความคิดของเธอกลายเป็นความไม่แยแส แม้สิ่งที่แสดงออกมาต่อหน้าพวกเขาจะเป็นการฉีกรอยยิ้มกว้างๆ แสดงออกเหมือนกับคนโง่เง่าที่ไม่ได้คิดมากอะไร ยอมรับคำบ่นว่าบางครั้งก็ด่าทอด้วยความโกรธระคนผิดหวังในตัวลูกสาวคนเดียวของพ่อกับแม่ และแสดงความชื่นชมจนถึงเคารพนับถือเมย์มิในทุกสิ่งที่หล่อนทำ หารู้ไม่ว่าทั้งหมดเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องจอมปลอมทั้งเพ
ฮาสุมิเกลียดหล่อน เกลียดครอบครัวทุกคนที่เอาแต่โอ๋หล่อน เกลียดทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกอันเส็งเคร็งใบนี้ที่มองข้ามหัวของเธอราวกับเป็นแค่ก้อนหินที่ไร้ค่า ถึงจะเกิดมาบนกองเงินกองทองมหาศาล แต่หัวใจที่บอบช้ำจะสามารถโอบรับความสุขที่เธอเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรได้ยังไง ฮาสุมิฝืนอดทนกับทุกอย่างได้ด้วยรอยยิ้มที่ปั้นแต่ง กระทั่งมันได้กลายมาเป็นหน้ากากที่สวมใส่ ฝังลึกลงไปอย่างแนบแน่นจนแทบจะเป็นเนื้อเดียว
ก่อนมันจะถูกกะเทาะออกมาในตอนที่ฮาสุมิได้เข้าร่วมกับเหล่าทายาทมหาเศรษฐีเฉพาะสุภาพสตรีในรั้วมหาวิทยาลัยที่เรียกตัวเองว่า ‘วานาดิส’ จากการชักชวนของหัวหน้ากลุ่มที่มองหาเฉพาะคนรวยมีปัญหา เพื่อทำเรื่องที่มีแต่พวกคนรวยมีปัญหาต้องการจะทำ อย่างเช่นการปล้น แฮก หรือทำลายข้าวของเพื่อเอาความสนุกไม่ก็สะใจส่วนตัว มากกว่าเพื่อประโยชน์ส่วนรวมหรืออะไรที่เป็นรูปธรรม เพราะสิ่งที่เป็นรูปธรรมสำหรับคนรวยล้นฟ้าย่อมหาได้อย่างง่ายดายอยู่แล้ว
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ฮาสุมิได้ปลดปล่อยความรู้สึกที่แท้จริงออกมาในยามค่ำคืน เมื่อเธอได้หวดไม้กอล์ฟลงไปบนกระจกรถหรือวินโดว์หน้าร้านรวงตามท้องถนนกับเสียงหัวเราะจนสุดปอด เธอไม่จำเป็นต้องเสแสร้งแกล้งทำสิ่งใดทั้งนั้น แม้แต่การนินทาพี่สาวผู้แสนดีลับหลังด้วยถ้อยคำหยาบคายน่ารังเกียจ
อันมาจากความริษยานับตั้งแต่ตอนที่ฮาสุมิได้รู้ว่าผู้ชายที่แอบรักมาโดยตลอดไม่เคยมีความรักให้กับเธอ เหมือนอย่างจูบที่แสดงความรักให้กับหล่อน
และโอกาซากิ โคทาโร่ก็คือเหตุผลให้ฮาสุมิผลุนผลันออกจากบ้านมาเตร็ดเตร่ลำพังอยู่ ณ ขณะนี้ เธอไม่ได้เรียกใครในวานาดิสออกมาเพื่อระบายความคับข้องขุ่นใจให้ฟัง ถึงรู้ว่าทุกคนจะตั้งใจรับฟังมันเป็นอย่างดี อาจผสมโรงด่าทอรวมถึงแสดงความเห็นอกเห็นใจไปด้วยกัน แต่สำหรับฮาสุมิแล้ว เธอถือเรื่องความรักถือเป็นเรื่องส่วนตัว และการออกมาอยู่ทามกลางผู้คนที่พลุกพล่านน่าจะช่วยให้เธอสงบสติอารมณ์ได้มากกว่าการเก็บตัวอยู่คนเดียวในห้อง ปล่อยความคิดให้ฟุ้งซ่านไปถึงสิ่งที่โคทาโร่และเมย์มิจะทำ แทนที่คนๆ นั้นจะเป็นเธอ แล้วแสดงความรู้สึกที่ฮาสุมิเกลียดยิ่งกว่าอะไรนั่นคือการร้องไห้ออกมาเหมือนกับคนอ่อนแอ
ครั้นผินใบหน้ากลับลงมาเตรียมที่จะออกเดินไปบนสกายวอล์คนั้นเอง เธอก็จะถูกเบียดชนไหล่อย่างแรงมากจากกลุ่มเด็กสาววัยรุ่นที่เอาแต่พูดคุยไม่ดูทาง แถมยังมีหน้ามาหัวเราะคิกคักโดยไม่มีจิตสำนึกสักนิดแค่คิดจะขอโทษจนทำให้ฮาสุมิต้องสบถออกมา ถือเป็นโชคดีที่ไหล่ทั้งสองข้างของเธอถูกใครบางคนจับเอาไว้ก่อน พวกเธอจึงรอดพ้นจากบทเรียนที่ฮาสุมิคิดจะตามไปสั่งสอนให้หลาบจำ แต่นั่นถือเป็นโชคร้ายที่น่าหงุดหงิดมากสำหรับฮาสุมิให้เธอรีบสะบัดตัวหลุด ก่อนหันขวับไปกระแทกน้ำเสียงใส่ว่า
“เอามือของแกออกไปจากตัวฉันเลย! ฉันไม่ได้ขอให้ช่วย ไม่ต้องมาสะเออะ!”
หากในวินาทีที่ได้สบประสานสายตากับผู้ชายที่มีส่วนสูงเท่ากันกับเธอคนนั้น ฮาสุมิก็รู้ว่ามันสายเกินไปแล้วที่จะฉีกยิ้มกว้างๆ เหมือนกับคนโง่เง่าอย่างที่เคยทำมาตลอดให้กับเขา
“ว้าว คุณหนูไซกิ ฮาสุมิก็แสดงอารมณ์อื่นนอกจากการเสแสร้งเป็นเหมือนกันเหรอเนี่ย?” ด้วยริมฝีปากที่เหยียดยกขึ้น “ตีสองหน้าเก่งไม่เบาเลยนี่นา”
ฮาสุมิกลืนน้ำลายอึกลงไป
∞
ถึงแม้ว่าฮาสุมิจะเคยมาเตร็ดเตร่ทำเรื่องชั่วช้าเลวทรามอะไรก็ตามแต่ในย่านเสื่อมโทรมของเมือง แต่หนึ่งในนั้นไม่ใช่การมานั่งสูดเอาอากาศอับๆ อยู่ในบาร์แบบนี้ กลิ่นควันจากสารเสพติดที่อวลอบ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์รสแรงราคาถูก ดนตรีหนักๆ ที่ดังทะลุออกมาจากลำโพงและทำให้หูของเธอเหมือนจะอื้อ กับบรรยากาศสลัวทึบทึมของแสงสีจากหลอดแอลอีดีและป้ายนีออนสีม่วงสลับชมพูที่จะทำให้นัยน์ตาของเธอมัวพร่า หรือไม่เขาก็อาจต้องการให้เธอรู้สึกแบบนั้นเมื่อชักชวน...แกมบังคับ...ให้มาเป็นเพื่อนดื่มด้วยกันที่บาร์ของคนรู้จัก และฮาสุมิก็ไม่คิดว่าคนรู้จักของนิชิมูระ ทาคุยะ ทายาทมหาเศรษฐีผู้ควบคุมสถาบันการเงินทั้งหมดในประเทศญี่ปุ่นใหม่ จะเป็นหญิงสาววัยกลางคนที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยสักและชิ้นส่วนสังเคราะห์ เนื่องจากวีรกรรมอันดุเดือดสมัยที่เคยเป็นพวกโนแมดอยู่รอบนอกเมือง
“เอ่อ คุณนิชิมูระ เราไปที่อื่นไม่ดีกว่าเหรอ?”
ฮาสุมิโน้มตัวไปหาทาคุยะที่กลับมาจากการดื่มเหล้าและพูดคุยกับหล่อนอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์ได้พักใหญ่ๆ ใช่ว่าเธออยากใกล้ชิดกับเขา แต่เพลงที่นักร้องนำกำลังแหกปากตะโกนมากกว่าร้องอยู่ตอนนี้ก็ดังหนวกหูเป็นบ้า ถึงรู้ดีว่าอาจสายเกินไปแล้ว เธอก็ยังพยายามทำเสียงอ่อนแนบไปกับรอยยิ้มหวานอย่างที่ไซกิ ฮาสุมิควรจะเป็น
แต่ทาคุยะที่ก้มลงมองเธอจะระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นออกมา มันฟังดูน่ารังเกียจมากจนทำให้ใบหน้าของเธอแอบกระตุกไหว กระนั้นฮาสุมิก็ยังควบคุมมันได้ เพราะความอดทนคือสิ่งที่เธอทำได้ดีมากมาโดยตลอด
ฮาสุมิไม่ได้เกลียดเขา ถึงอย่างนั้นก็คงบอกว่าชอบพอไม่ได้ ขณะที่โคทาโร่ทั้งใจดี สุภาพ อ่อนโยน ทาคุยะที่เป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของโคทาโร่ก็กลับเย่อหยิ่ง จองหอง ถือดี อวดดี แม้แต่กับลูกมหาเศรษฐีด้วยกัน — ทั้งกับเธอหรือผู้หญิงที่คนทั้งโลกล้วนเต็มใจมอบความรักให้อย่างเมย์มิ — เมื่อไหร่ที่เปิดปากก็มีแต่คำพูดเชือดเฉือนไม่น่าฟัง ถึงฮาสุมิจะไม่เคยถูกเขาพูดจาไม่ดีใส่เพราะหน้ากากของเธอนั้นแนบสนิทจนสามารถปั้นแต่งรอยยิ้มโง่เง่าให้เขาเพื่อที่จะได้รับความหมางเมินเป็นสิ่งตอบแทนได้ แต่อย่างกับว่าฮาสุมิต้องใส่ใจ เพราะคนเดียวที่เธอสนใจมาตลอดก็คือเพื่อนสนิทของเขาต่างหาก
ถึงต่อให้โคทาโร่จะไม่ได้สนใจเธอเหมือนอย่างที่สนใจเมย์มิ ฮาสุมิก็ไม่ต้องการที่จะให้เขาล่วงรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเธออยู่ดี
“ไม่ต้องเสแสร้งต่อหน้าฉันก็ได้”
“ฉันเปล่า...”
ประโยคคำพูดหลุดไปไม่ทันจะไม่พ้นลำคอ ฮาสุมิก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสของอวัยวะเดียวกันที่กดประทับลงมาบนริมฝีปาก มันอาจแค่เพียงไม่กี่วินาที แต่ก็มากพอที่จะทำให้เธอขนลุกวาบ รีบผลักอกเขา แล้วยกหลังมือขึ้นปาดริมฝีปากของตัวเองโดยไม่สนใจว่าลิปกลอสสีแดงที่ทามาจะเปื้อนเปรอะ
“ทำบ้าอะไรของนาย!”
ทั้งที่กำลังถูกตะคอกใส่พ่วงมาด้วยการแสดงออกที่ชัดเจนมากว่ารังเกียจ ทาคุยะก็ยังหัวเราะออกมาได้ ความไม่รู้สาของเขานั้นเองที่ทำให้ฮาสุมิหัวเสียจนไม่สนใจที่จะเก็บซ่อนใบหน้าเอาไว้ภายใต้หน้ากาก — ที่ถูกฟาดจนแตก — อีกต่อไป
“สุดท้ายก็ปิดไม่มิดอยู่ดี”
“คนอย่างนายนี่มันโคตรทุเรศเลยนิชิมูระ ทาคุยะ! ไม่ว่าจะตอนไหนก็เหอะ!”
“แต่ไม่ว่าจะตอนไหนมันก็คือตัวตนของฉันจริงๆ ป่ะ ฉันไม่ได้มีสองหน้าแบบเธอสักหน่อย ไซกิ ฮาสุมิ” เขายอกย้อนด้วยรอยยิ้มกว้างจนตาปิด “คิดไหมว่าถ้าโคตะได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเธอแบบนี้แล้ว หมอนั่นจะขยะแขยงขนาดไหน มันเกลียดผู้หญิงตีสองหน้าจะตายเพราะเหมือนกับแม่แท้ๆ ที่ทิ้งมันไป” จากนั้นก็เปลี่ยนไปเอนหลังพิงกับโซฟาครึ่งวงกลมด้วยท่าทีเบาสบาย “ถึงมันจะไม่ได้ชอบเธอเหมือนกับ...พี่สาว แต่เธอคงไม่อยากถูกคนที่ตัวเองชอบรังเกียจหรอกใช่ไหมล่ะ?”
ถ้อยคำถึงบุคคลที่สี่ซึ่งเขาจงใจเน้นย้ำมันอย่างเชื่องช้าจะทำให้ฮาสุมิฉุนกึกขึ้นมากกว่าเดิม
“ทำไม! จะแบล็กเมลกันหรือไง!”
เป็นอีกครั้งที่เขาจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“สำคัญตัวเองดีจังเลยนะ แบล็กเมลเธอไปแล้วจะได้อะไร เรื่องของเธอกับโคตะไม่ใช่กงการอะไรของฉันสักนิด”
“งั้นก็ดี!” ฮาสุมิกระแทกเสียง เมื่อเห็นว่าหมดธุระแล้วก็จะรีบลุกพรวดพราดขึ้นจากที่นั่ง แต่กลับถูกหยุดไว้ด้วยมือของเขาที่เอื้อมมาจับท่อนแขน กดบีบมันด้วยเรี่ยวแรงที่อาจไม่ได้มากมายเลยด้วยซ้ำ หากก็ทำให้ผู้หญิงบอบบางอย่างเธอจำยอมต้องทิ้งตัวกลับลงไปนั่งอย่างเสียไม่ได้
“แต่ไม่ได้บอกว่าจะให้กลับได้สักหน่อย”
“แล้วนายมีสิทธิ์อะไรมาสั่งให้ฉันทำหรือไม่ทำอะไร”
“ไม่รู้สิ ไม่มีหรอกมั้ง” ทาคุยะไหวไหล่ เอื้อมไปคว้าแก้วเหล้าที่แทบไม่พร่องลงไปเลยของเธอมาดื่มแทน
“ผู้ชายที่แอบรักไปรักพี่สาวที่ตัวเองเกลียดเข้าไส้แบบนี้ คงเจ็บใจน่าดูเลยสิท่า”
“นายจะมารู้อะไร”
“ก็ไม่รู้จริงๆ นั่นแหละ เพราะฉันไม่เคยรักใครมากกว่าตัวเอง” เขาหัวเราะ พูดอวดโอ่ราวกับว่าเป็นเรื่องน่าภาคภูมิใจเสียเต็มประดา ฮาสุมิจะเพิ่มเติมมันลงไปเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่น่ารังเกียจของเขา “จะว่าไปแล้วตอนนี้โคตะกับพี่เธอจะไปถึงขั้นไหนกันแล้วนะ อาจจะมากกว่าจูบ...”
“หุบปาก”
แต่อย่างกับว่าทาคุยะเคยเชื่อฟังคำของใคร
“ถึงหมอนั่นจะดูใสซื่อแต่ก็ไม่ได้อ่อนประสบการณ์หรอกนะ อย่างน้อยฉันก็เคยได้ยินแฟนเก่ามันชมว่าเก่ง...”
“ฉันบอกให้หุบปากไง นิชิมูระ! เลิกพูดถึงเรื่องของโคทาโร่กับผู้หญิงคนนั้นหรือคนไหนได้แล้ว!”
ในที่สุดฮาสุมิที่ถึงจุดเดือดก็แผดตะโกนผ่านความอึกทึกที่ไม่ได้ทะลุไปไหนออกมา ทั้งที่อุตส่าห์พยายามไม่คิดถึงเรื่องราวของสองคนนั้นให้รกสมองแล้วแท้ๆ ฮาสุมิทั้งโกรธ ทั้งอิจฉา จนใบหน้าขาวเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ มือกำเข้าหากันแน่นจนเล็บยาวที่แต้มแต่งมาอย่างดีกดลงไปบนผิวเนื้อ เหมือนคำพูดของเขาที่กรีดลงไปบนก้อนเนื้อข้างในอก รู้สึกได้ถึงความร้อนผ่าวบนขอบตาที่ฮาสุมิจะไม่ปล่อยให้มันไหลลงมาต่อหน้าใครเป็นอันขาด ตอนนี้เธอพูดได้อย่างเต็มปากแล้วว่าเกลียดนิชิมูระ ทาคุยะที่ดูถูกความรักของเธอ ในที่สุดฮาสุมิก็ฟาดฝ่ามือลงไปบนใบหน้าของเขาเต็มแรง ถึงด้วยเรี่ยวแรงที่อาจไม่ทำให้กระเทือน แต่ก็มากพอที่จะทำให้เขาอึ้งงันไป
ครั้นได้สติ ทาคุยะก็จะวิ่งตามออกไปฉวยคว้าข้อแขนเล็กจนทันที่โถงทางเดิน
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!”
ฮาสุมิพยายามขืนขัดถึงรู้ว่ายิ่งดิ้นก็ยิ่งเจ็บ แต่ทาคุยะก็ยังเพิ่มแรงกดลงไปแล้วผลักแผ่นหลังของเธอไปกระแทกกับผนัง
“ทำไม? เธอจะไปห้ามพวกเขา ไปบอกรักโคตะ ไปทำร้ายพี่สาว หรือว่าหลบไปร้องไห้ฟูมฟายคนเดียวล่ะ?”
“เรื่องของฉันกับโคทาโร่ไม่ใช่กงการของนาย นายพูดเองไม่ใช่หรือไง!”
“สำหรับฉัน เธอมีดีกว่าพี่สาวตั้งเยอะ ยิ่งตอนที่แสดงอารมณ์ออกมาแบบนี้” ทาคุยะสวนย้อนกลับไปด้วยคำพูดที่ทำให้ฮาสุมิหยุดทุกการกระทำ แหงนเงยใบหน้าขึ้นจ้องสบดวงตากับเขา “เอาความรักกับความโกรธที่มีให้สองคนนั้นมาลงที่ฉันสิ เปิดเผยทุกอย่างออกมาต่อหน้าฉัน คนเดียวที่รับตัวตนที่แท้จริงของเธอได้สิ”
ไม่มีทั้งคำพูดหรือคำตอบรับจากริมฝีปากสีแดงที่ซีดจางลงไปเล็กน้อย เธอมองดูภาพสะท้อนของตัวเองในดวงตาสีดำสนิทของเขาที่ไม่เบือนหลบไปไหนเหมือนกับการยืนยัน และเมื่อนัยน์ตาของเธอสั่นไหวแค่เพียงเสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น ทาคุยะก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนฮาสุมิรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่รดริน...เพื่อรั้งรอ
มันเป็นแค่การแนบริมฝีปากลงไปในทีแรกอย่างที่ก่อนหน้านั้นเขาทำกับเธอ ฮาสุมิเกลียดที่จะยอมรับ แต่ประสบการณ์ที่ผ่านมาของเธอมีแค่จูบในสมัยที่ยังเด็กกว่านี้มาก เพราะผู้ชายทุกคนล้วนตีสนิทกับเธอเพื่อเข้าหาพี่จนทำให้ฮาสุมิเลือกที่จะปิดกั้นตัวเอง เธอจึงได้แต่ตอบรับด้วยความเงอะงะด้วยไม่รู้ว่าควรทำยังไง คงเพราะอย่างนั้นทาคุยะถึงได้ผละห่าง บอกกับเธอด้วยคำพูดที่ทำให้ใบหน้ายิ่งร้อนเห่อว่า
“แลบลิ้นออกมาสิ”
ทว่าฮาสุมิก็ยินยอมทำตามอย่างว่าง่าย ก่อนริมฝีปากของเขาจะยกขึ้นเป็นรอยยิ้มแสดงความพึงพอใจ แล้วยื่นหน้าเข้ามาหาเธออีกครั้งเพื่อเกาะเกี่ยวอวัยวะเดียวกันกับเธอ มอบความรู้สึกแปลกใหม่ราวกับความโหยหาและหิวกระหายให้จนฮาสุมิรู้สึกโหวงหวิวไปทั่วมวนท้อง...หรืออาจลึกลงกว่านั้น จนต้องยกมือทั้งสองข้างขึ้นจับบ่าเขาไว้เพื่อช่วยเป็นหลักยึด
ใบหน้าอีกด้านหนึ่งที่ไม่มีใครเคยได้เห็นมัน บัดนี้ ในค่ำคืนนี้ เธอกำลังจะเปิดเผยทุกอย่างให้กับผู้ชายที่ไม่เคยคาดคิดถึงมาก่อน แต่ฮาสุมิก็ตัดสินใจแล้วว่าเธอพร้อมจะดำดิ่งลงไปในโชคชะตาที่ยุ่งเหยิงนี้ ไม่ว่าจุดจบของมันจะเป็นความจริงหรือเพียงสิ่งลวงตาก็ตาม
_______________
ความคิดเห็น