คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #33 : ข้าไม่แต่ง
ตอนที่ 33 ข้าไม่แต่ง
ภายในห้องโถงรับรองแขกของจวน ชายหนุ่มสองคนกำลังนั่งคุกเข่าอยู่คนละฝั่งตรงทางเข้าประตู สักพักฉินฉินก็เดินเข้ามาโดยมีสหายช่วยประคองไม่ให้ล้มหน้าทิ่มดิน
ระหว่างที่เดินผ่านเหยียนซือ หญิงสาวเผลอสบตากับเขา ราวกับมีอะไรบางอย่างดึงดูดความสนใจให้นางหันไปมองเขา
ชายหญิงสองคนจ้องตากันเพียงชั่วครู่ ฉินฉินนึกถึงตอนที่นางถูกเขาจูบที่ริมบ่อปลาในศาลา แม้จะเป็นเพียงปากชนปากเบา ๆ แต่เพียงเท่านั้นก็ทำให้นางเขินอายได้แล้ว
หูต้าลู่เห็นน้องสาวเอาแต่ยืนมองสบตากับศัตรูหัวใจ ก็ให้รู้สึกหึงหวงอยากจะอาละวาด แต่ถูกบิดาห้ามปรามเสียก่อนที่เขาจะลงมือทำร้ายคน
"ในเมื่อมาถึงแล้วก็นั่งลงเถิด อย่าให้ผู้ใหญ่รอนาน"
"เจ้าค่ะ แล้วเหตุใดพี่ใหญ่กับสหายข้าถึงได้นั่งคุกเข่าเช่นนั้นเล่า"
อี้เทียนปรายตามองบุตรชายพลางส่งสายตาห้ามว่า...
อย่าคิดจะก่อเรื่องขึ้นอีก
"เป็นเช่นนั้นแหละดีแล้ว ใจจริงพ่ออยากจะจับมัดตัวให้แนบแน่นเสียอีกจะได้คืนดีกันเร็ว ๆ”
"อย่างนี้นี่เอง"
เจ้าเมืองหลิงหลงเห็นหญิงสาวเข้ามา ก็เก็บอาการได้ดีและอดรู้สึกภูมิใจไม่ได้ หากเป็นสตรีอื่นยามถูกเปิดโปงว่าเสียจูบแรกไป คงอับอายจนต้องวิ่งหาต้นไม้สักต้นไปคล้องเชือกผูกคอตายแล้ว หรือไม่ก็หลบซ่อนตัวอยู่ในจวนของตนไม่ออกมาพบปะผู้คนเช่นหญิงสาวผู้นี้
"เอาเถิด..ในเมื่อคนมากันครบแล้ว เรามาคุยกันให้เข้าใจ เจ้าสองคนทะเลาะกันเรื่องอะไรหรือ"
เหยียนซือมองหน้าหญิงสาวแล้วตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
"ข้าได้ล่วงเกินฉินฉิน แต่ข้ายินดีจะรับผิดชอบนางขอรับ และข้าจะดูแลนางให้ดีที่สุด และจะไม่มีหญิงใดนอกจากนางอีกแล้วตลอดชีวิต"
ฉินฉินตั้งท่าจะคัดค้านแต่ถูกพี่ชายพูดขัดขึ้นมาก่อน
"ข้าขอคัดค้านขอรับ! ชายผู้นี้เป็นเพียงลูกชาวบ้านธรรมดา การศึกษาก็ไม่ได้สูงอะไร จะดูแลน้องสาวข้าได้อย่างไร อีกอย่างเขามีที่มาไม่ชัดเจน บิดามารดาที่เลี้ยงดูเขาจนเติบใหญ่หาใช่ผู้ให้กำเนิดที่แท้จริงขอรับ"
เหยียนซือยังคงมีสีหน้านิ่งเฉยเหมือนเดิม เขาไม่ได้ตกใจที่เรื่องของตนถูกเปิดโปง
"ใช่แล้ว ถึงข้าจะไม่ใช่บุตรในอุทรของท่านแม่ แต่ข้ารักพวกเขาทั้งสองคนเหมือนครอบครัวแท้ ๆ คุณชายท่านโจมตีข้าเป็นเด็กน้อยเช่นนี้ ไม่น่าขันเกินไปหรือ การศึกษานั้นไม่ได้ช่วยวัดความเป็นคนได้หรอกขอรับ"
"พี่ใหญ่พอเถิด เหยียนซือพูดถูกแล้ว ท่านอย่าเอาเรื่องส่วนตัวของผู้อื่นออกมาพูดเลยมันไม่งามเจ้าค่ะ"
พี่ชายที่สุขุมใจเย็นและคอยจัดการปัญหาด้วยท่าทีสงบนิ่งได้หายไปแล้ว ทว่าฉินฉินรู้สาเหตุของการกระทำนั้นดี สหายของนางได้บอกแล้วว่าพี่ชายใหญ่ที่ตนนับถือ ไม่ได้รักตนแบบน้องสาวอีกต่อไป แต่เป็นความรู้สึกรักของบุรุษผู้หนึ่งที่มีให้แก่สตรีที่พึงใจ
"เจ้าเข้าข้างมันหรือ! หรือว่าเจ้าจะชอบมันแล้ว"
หูต้าลู่หันมาสบตาน้องสาว แววตาของเขาแสดงถึงความเจ็บปวดผสมปนเปกับความน้อยอกน้อยใจอย่างปิดไม่มิด
อี้เทียนเห็นท่าไม่ดีจึงกระแอมไอเตือน
"เจ้าใหญ่เก็บอาการหน่อย อย่าใช้อารมณ์มากจนเกินเหตุ"
เจ้าเมืองหลิงหลงกลัวว่าที่ลูกสะใภ้ของตนจะมีใจให้ชายอื่น ก่อนที่บุตรชายของตนจะได้ทำคะแนน ก็ร้อนใจขึ้นมาเช่นเดียวกัน
"นางหนู...เจ้าชอบชายผู้นั้นอย่างพี่ชายเจ้าพูดจริง ๆ หรือ"
สิ้นคำถามนั้นฉินฉินก็พยักหน้ารับเบา ๆ ทำเอาหัวใจของชายต่างวัยทั้งสองคนตกลงไปยังตาตุ่มพร้อมกัน
"ข้ารักเขาเฉกเช่นสหายคนสนิทเท่านั้น ส่วนพี่ใหญ่ข้าอยากให้ท่านตัดใจเสีย ถึงแม้เราจะไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน แต่ข้าคิดว่าท่านเป็นคนในครอบครัว เป็นคนที่ข้าเคารพรักที่สุดรองจากท่านพ่อเสมอ ข้ามองท่านเป็นคนรักไม่ได้"
จางหมินยกมือขึ้นปิดปากด้วยรู้สึกเสียดายแทน สหายผู้นี้...นางตาบอดหรือไรกัน มีชายหนุ่มหล่อคมเข้มมาให้ยืนเลือกถึงที่ตั้งสองคน แต่นางกลับไม่เลือกพวกเขา หากเป็นเขาเข้าหน่อยบุรุษทั้งสองคนนี้หนีไปไหนไม่รอดแน่
ฝั่งเหยียนซือก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน ตอนนี้นางอาจจะเห็นเขาเป็นแค่สหาย แต่ในอนาคตความคิดของนางจะต้องเปลี่ยนไปแน่นอนเขามั่นใจ
"เจ้าช่วยให้โอกาสข้าได้หรือไม่ ให้ข้าได้ลองทำตามใจตนเองสักครั้ง ให้ข้าได้ตามเกี้ยวเจ้าเถิดนะ ถึงคำตอบสุดท้ายเจ้าจะไม่เลือกข้าก็ไม่เป็นไร หากถึงที่สุดแล้วระหว่างเราเป็นได้เพียงสหายเท่านั้น ข้าจะเป็นฝ่ายถอยไปเอง"
ฉินฉินรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย พลางส่ายหน้าก้มมองนิ้วตนเอง
"เจ้าต้องได้เจอคนที่ดีกว่าข้าแน่ อย่ายึดติดกับข้านักเลย ข้าไม่คิดจะแต่งงานเร็ว ๆ นี้หรอก จนกว่าจะครบยี่สิบปี ข้าจะไม่มอบหัวใจให้ใครเด็ดขาด"
เหยียนซือเห็นว่านางไม่ได้ปฏิเสธตนชัดเจน เขาคิดว่ายังมีโอกาสอยู่
"ไม่เป็นไรข้ารอได้ เมื่อเจ้าอายุครบยี่สิบปี ยามนั้นข้าก็อายุยี่สิบห้าปีพอดี ไม่แก่จนเกินไปสำหรับเจ้าใช่หรือไม่”
ฉินฉินเงยหน้าขึ้นสบตากับสหายที่หลงรักตนเอง นางเห็นแววตาที่จริงใจของเขา แต่นางไม่อยากกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว
"หากถึงวันนั้นแล้วข้าปฏิเสธเจ้าเล่า เจ้าคงหาสตรีมาเป็นแม่ของลูกยากแล้วนะ"
"ไม่เป็นไร ข้าจะรักเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น ข้าจะคอยดูแลเจ้าห่าง ๆ หากคนที่เจ้ารักทำเจ้าเจ็บ ข้ายินดีเป็นสหายคอยปลอบใจเจ้าเอง"
ผู้ชายดี ๆ เช่นนี้ทำไมต้องมาหลงรักนางด้วยนะ
แสนดีขนาดนี้จะให้นางกล้าปฏิเสธความจริงใจของเขาได้อย่างไร
"ได้! ถ้าเช่นนั้นมาลองดูกัน หากเจ้าทำให้ข้าชอบเจ้าในสักวัน ถึงวันนั้นเรามาแต่งงานกัน!"
"จริงหรือ!"
เหยียนซือดีใจจนเนื้อเต้น รีบผุดลุกขึ้นยืนไม่เชื่อในสิ่งที่ตนเองเพิ่งได้ยิน..นางเปิดใจให้เขาแล้วอย่างนั้นหรือ
ฉินฉินเห็นเขาทำหน้าตลกก็อดขำไม่ได้ นางปิดปากหัวเราะเบา ๆ
"ข้าไม่อยากพูดซ้ำคำเดิม แต่ขอแค่อย่างเดียวเจ้าห้ามล่วงเกินข้าอีก มิเช่นนั้นเจ้าจะถูกตัดสิทธิ์ทันที"
อี้เทียนได้ยินคำตอบนั้นก็หันไปมองบุตรชายที่เอาแต่จ้องน้องสาวนิ่ง ๆ แววตาคู่นั้นช่างว่างเปล่า ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
จู่ ๆ หูต้าลู่ก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปด้านนอกทันที เขาออกไปไม่บอกลาใครทั้งสิ้น ตอนนี้เขาอยากจะเมา อยากจะลืมทุกสิ่ง ไม่อยากจำความรู้สึกที่เจ็บปวดนี้ไว้
อยากจะกลับไปเป็นพี่ใหญ่คนเดิมให้น้องสาวเพียงคนเดียวได้พึ่งพิง
หูต้าลู่ใช้วิชาตัวเบาเร้นกายหายไปพร้อมกับทินกรเลื่อนลับขอบฟ้า
ฉินฉินจ้องมองไปทางประตู นางเองรู้สึกเสียใจไม่น้อยเช่นกัน แต่พี่น้องจะแต่งงานกันไม่ได้ ถึงจะไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน แต่เมื่อมีคำว่าครอบครัวเข้ามาขวางกั้น ความรักฉันท์ชายหญิงย่อมไม่อาจไปต่อได้
"พี่ใหญ่ข้าขอโทษเจ้าค่ะ"
เจ้าเมืองหลิงหลงนั่งมองดูสถานการณ์เงียบ ๆ ยามนี้บุตรชายของเขายังมีโอกาส คงต้องเขียนจดหมายให้เขารีบกลับมาทำคะแนนเสียแล้ว
หลังจากอี้เทียนเดินไปส่งแขกถึงหน้าประตูจวน เขาก็กลับเข้ามาภายในห้องรับแขกอีกครั้ง เห็นบุตรสาวนั่งชันเข่าเหม่อมองผ่านทางหน้าต่างออกไปด้านนอก
อี้เทียนเดินไปนั่งข้างบุตรสาวแล้วยกมือลูบหัวนางเบา ๆ
"อย่าเสียใจไปเลย พี่ชายของเจ้าเขาไม่มีวันโกรธเจ้าได้ลง พ่อรู้ดีว่าเขารักเจ้าแค่ไหน มันเป็นความรักที่ไม่มีวันทำร้ายเจ้า แต่จะคอยปกป้องดูแลเจ้าจนกว่าจะตายจากกัน"
ฉินฉินก้มหน้าซุกกับหัวเข่าของตนพลันน้ำตาไหลออกมา นางร้องไห้สะอึกสะอื้นเบา ๆ ถามบิดาด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ
"ท่านพ่อไม่โกรธข้าหรือ ที่ข้าปฏิเสธพี่ใหญ่ไปเช่นนั้น"
"ไม่เลย พ่อเข้าใจพวกเจ้าดี ข้าเป็นพ่อคนผ่านอะไรมาตั้งมากมาย พี่ชายของเจ้าเขายึดติดกับเจ้ามากเกินไปเท่านั้น ดีแล้วที่เจ้าปฏิเสธชัดเจนตั้งแต่ต้น ดีกว่าเลี้ยงไข้ใจไว้นานมิเช่นนั้นต่างฝ่ายต่างต้องเจ็บมากกว่านี้"
"ท่านพ่อ..ต่อไปนี้ข้าคงสนิทกับพี่ใหญ่เหมือนแต่ก่อนไม่ได้แล้ว แต่ข้าจะรักและเคารพพวกท่านทั้งสองคนเสมอ จนกว่าชีวิตของข้าจะดับสูญเจ้าค่ะ"
อี้เทียนสวมกอดบุตรสาวพลางตบหลังปลอบนางเบา ๆ
"พ่อเข้าใจ วันนี้เจ้าร้องไห้ออกมาให้เต็มที่ หลังจากนี้ก็ให้ลืมเรื่องราวที่เจ็บปวดเหล่านี้ไปเสีย พรุ่งนี้เช้าเริ่มวันใหม่ใช้ชีวิตให้เต็มที่ อย่าเอาแต่จมอยู่กับความทุกข์อีกเลย"
ฉินฉินได้ยินดังนั้นก็ร้องไห้โฮ โผเข้ากอดบิดาแน่น...ใช่แล้วร้องออกมาให้เต็มที่แล้วลืมทุกอย่างไปให้หมด
ความคิดเห็น