ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปรากฏว่าเป็นรัก

    ลำดับตอนที่ #33 : ไม่มีอะไรเปลี่ยน

    • อัปเดตล่าสุด 25 พ.ค. 67


    การจากไปอย่างกระทันหันของหนึ่งในกลุ่มเพื่อนนั้นแม้แต่คนที่สดใสที่สุดในครอบครัวอย่างเหมือนฝันก็ยังพลอยรู้สึกสลด เมฆหมอกแห่งความอึมครึมนั้นลอยวนห้องรับแขกในบ้านเศวษรฐาโดยมีความเงียบคอยเข้ามาผสมโรง ทำให้จากที่ทุกคนรู้สึกเศร้าอยู่แล้วก็ยิ่งทวีความเศร้าสลดขึ้นไปอีก กระทั่งเชอลีนหันไปถามสามีที่กุมมือเธอแน่นไม่ปล่อยตั้งแต่ลงจากรถมา โดยทั้งสองนั่งเคียงกันทั้งที่ยังสวมชุดดำสำหรับการไปร่วมฟังสวดศพเมื่อหัวค่ำที่ผ่านมาครบทุกชิ้น บอกให้รู้ว่างานศพคืนนี้ผลาญเรี่ยวแรงของทุกกคนไปมากเพียงใด

    “เรายกเลิกทริปญี่ปุ่นดีไหมคะคุณกฤษ”

    “เราไปกันตั้งปลายเดือนครับหนูเชอลีน ไม่ต้องรีบร้อนตัดสินใจหรอก” คมกฤษนั้นมีคำตอบอยู่แล้วเพียงแต่เขาไม่อยากพูดมันออกมาตอนนี้ สำหรับเขาแล้วการสูญเสียไม่ว่าจะเป็นเพื่อนของครอบครัวที่ใกล้ชิดเพียงใด เขาก็สามารถปล่อยวางได้ทั้งสิ้น สำหรับเขาแล้วการสูญเสียก็เป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น มันเป็นหนึ่งเครื่องยืนยันว่าการเวลาได้ผันแปรและพวกเขาได้เติบโตขึ้นอย่างแท้จริง ดังนั้นเขาจะไม่หยุดใช้ชีวิตกับภรรยาของเขาเพียงเพราะสิ่งที่เป็นธรรมชาติเกิดขึ้นหรอก “ให้เผาเสร็จแล้วค่อยคิดก็ได้ ถึงตอนนั้นถ้าหนูเชอลีนไม่อยากไปเราค่อยแคนเซิลดีไหมครับ”

    “ก็ได้ค่ะ” เชอลีนเป็นภรรยาที่ว่าง่ายเสมอในเรื่องการตัดสินใจเรื่องการเดินทาง แต่กระนั้นเธอก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี “หนูเชอลีนก็แค่อึนๆ ไม่อยากทำอะไร”

    “งานศพนะครับ คนที่หัวเราะร่าได้สิแปลก” ว่าแล้วมือกร้านที่เริ่มเหี่ยวย่นตามกาลเวลาก็กระชับมือของภรรยาที่อยู่ในอุ้งมือของตนแน่นอีกหลายครั้งเพื่อปลอบขวัญ จ้าวเวยหลงที่นั่งเงียบมาพักใหญ่แล้วเห็นว่าพ่อและแม่ของคนรักคุยกันเรียบร้อยแล้ว เขาก็ตัดสินใจขยับ เหยียดตัวขึ้นมานั่งหลังตรง ตาจ้องผู้อาวุโสกว่าด้วยสายตาแน่วแน่ก่อนว่า

    “ผมมีเรื่องอยากจะขออนุญาตคุณพ่อกับคุณแม่ครับ”

    เชอลีนไม่ใช่คนเดียวที่นิ่วหน้ากับสรรพนามที่จ้าวเวยหลงใช้เรียกเธอและสามี ตัวเหมือนฝันเองก็หน้าบิดเบ้ไม่แพ้กัน หญิงสาวกระทั่งถลึงตามองจ้าวเวยหลงด้วยสายตาไม่พอใจ นึกฉุนที่เขากล้าดีนับญาติกับพ่อแม่ของเธอโดยที่ไม่ถามความเห็นเธอก่อน

    ไอ้ประสาทนี่

    “ผมต้องกลับเซี่ยงไฮ้แล้ว วันเปิดพินัยกรรมคงเลื่อนไปกว่านี้แล้วไม่ได้”

    “เข้าเรื่องเลย จะขออะไร” เชอลีนโบกมือปัดการอารัมภบทที่จ้าวเวยหลงกำลังจะเริ่ม เธอเพลียมาทั้งวันไม่มีเวลานั่งฟังการประดิดประดอยด้วยคำพูดสวยหรูอะไรทั้งสิ้น “ฉันไม่แคร์เรื่องทรัพย์สมบัติของเธอหรอกนะ อยากจะพูดอะไรก็พูดมา”

    “ผมกับอี้เทียนคุยกันแล้วว่าเราอยากให้มาสฟ้ากับเหมือนฝันอยู่ที่นั่นกับเราด้วย ตอนที่เปิดพินัยกรรม”

    “ฉันไม่เห็นว่าทำไมลูกสาวฉันต้องอยู่ด้วย” คมกฤษตัดบทเสียงเข้ม คราวก่อนเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่เซี่ยงไฮ้คงไม่ต้องพูดกันซ้ำเป็นรอบที่สอง แม้ว่าเหมือนฝันจะทำท่าว่าคืนดีกับจ้าเวยหลงแล้ว แต่สำหรับคนเป็นพ่อแล้วคมกฤษก็ยังคลางแคลงใจกับเจตนาของจ้าวเวยหลงและอู่อี้เทียนอยู่ดี จะเรียกว่ามีอคติอยู่ไม่น้อยก็คงไม่ผิด “มาสฟ้ากับเหมือนฝันยังไม่ได้แต่งเข้าบ้านเธอ ขืนตามไปด้วยคงทำให้เรื่องยุ่งยากเปล่าๆ”

    “นั่นสิ” เชอลีนเห็นด้วย แม้ว่าเธอจะแต่งงานกับบ้านที่เป็นผู้ดีเก่ามาก่อนแต่ครอบครัวของสามีก็นับว่าซับซ้อนน้อยกว่าตระกูลใหญ่ๆ อย่างบ้านของจ้าวเวยหลงเป็นไหนๆ จากที่ดูในละครเธอคงไม่อยากให้ลูกทั้งสองของเธอต้องเผชิญกับเรื่องแบบนั้นตั้งแต่ที่ยังเป็นแฟนกันหรอก อีกทั้งยังไม่แน่ว่าในอนาคตคนขี้เบื่ออย่างเหมือนฝันอาจจะเปลี่ยนใจ ไม่อยากแต่งให้พ่อเศรษฐีแผ่นดินใหญ่ตรงหน้าแล้วก็ได้ “อีกอย่างเธอพูดว่าเธอกับอู่อี้เทียนใช่ไหม เธอปรึกษากันแล้วถามความเห็นลูกสาวฉันหรือยัง”

    “ผมผิดที่ไม่ถามความเห็นเหมือนฝันก่อนครับ” จ้าวเวยหลงหลับตา ความจริงเขาก็อยากถามความเห็นของเหมือนฝันอยู่หรอก แต่เรื่องวุ่นวายมันก็ขยันเกิดขึ้นไม่หยุด จนเขาจะหาเวลาส่วนตัวถามเรื่องนี้กับเธอไม่ได้ จนวันนี้ที่ป้าจ้าวเฟยหรงโทรมาเตือนกึ่งด่ากราดทั้งเขาและอู่อี้เทียน ว่าไร้ความรับผิดชอบทั้งที่เป็นทายาทสายตรงของตระกูลจ้าวแท้ๆ ป่านนี้ยังไม่รีบโผล่หัวไปที่บ้านเขาก็รู้ว่าตัวเองจะลีลากว่านี้ไม่ได้แล้ว “แต่คุณพ่อคุณแม่เห็นใจผมเถอะครับ ผมเองก็ไม่คิดว่าเรื่องมันจะกลายมาเป็นแบบนี้”

    “คุณจะให้ฉันไปที่นั่นทำไมคะ” เหมือนฝันขมวดคิ้ว ยังคิดหาเหตุผลที่เธอต้องกลับไปพร้อมกับจ้าวเวยหลงไม่ออก เรื่องเขาต้องกลับไปจัดงานเรื่องพินัยกรรมและตำแหน่งผู้สืบทอดโดยชอบธรรมของตระกูลนั้นเหมือนฝันรู้อยู่แล้ว มันไม่ใช่เรื่องยากเกินจะคาดเดาอะไร และมันก็ต้องวุ่นวายจนอาจจะมีการฟ้องร้องหรือฆ่ากันตายเหมือนในหนังเลยก็ได้ หากว่ามีความขัดแย้งหรือเห็นไม่ตรงกันเกิดขึ้น แต่นั่นก็ยังไม่ใช่เหตุผลว่าทำไมเธอถึงต้องถ่อตามผู้ชายที่เธอเพิ่งคืนดีด้วยกลับไปที่บ้านซึ่งอาจจะกลายเป็นสนามรบในอีกไม่กี่วันข้างหน้าด้วย

    “เอ่อ เพราะว่าคุณอยู่นี่แล้วจะไม่ปลอดภัยไง” จ้าวเวยหลงเบิกตามองเหมือนฝัน คล้ายกำลังเห็นเขาสองข้างงอกออกมาจากเหนือใบหูของเธอ

    “แล้วอยู่นั่นจะปลอดภัยกว่าหรือไง” เหมือนฝันเอ่ยโพล่งออกมาด้วยสีหน้าของคนที่กำลังสำลักอากาศ แต่พอจ้าวเวยหลงหันมองเธอด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ เจ้าตัวจึงต้องกลอกตาไปมาด้วยความรู้สึกระอา “ฉันพูดผิดเหรอ ที่บ้านคุณน่ะอย่างดีที่สุดคนต้องไม่พ้นทะเลาะกันจนต้องฉีกอกกันตาย แล้วร้ายมากเข้าอาจจะถึงขั้นฟ้องร้อง หรือแล้วร้ายที่สุด...ก็อาจจะมีคนตาย คุณบอกเองนี่ว่าครอบครัวคุณน่ะเหมือนมาเฟียในหนัง”

    “สมัยนี้ไม่มีใครเขาถือปืนไปยิงกันแล้วแหละ” จ้าวเวยหลงเป็นฝ่ายที่ต้องกลอกตากลับบ้าง ในใจก็ชื่นชมเหมือนฝันว่าช่างเป็นคนที่มีจินตนาการสูงส่งจริงๆ “อีกอย่างผมต้องขึ้นรับตำแหน่งแล้ว คุณเองจะอยู่นี่ก็คงไม่ได้ คุณรับปากจะแต่งงานกับผมแล้ว เราต้องทำหน้าที่ของเราทันทีนะ”

    “ลูกตกลงแล้วเหรอ” คมกฤษถามเสียงเข้ม ก่อนจะหลับตาลงอย่างคนที่หมดอาลัยตายอยาก เมื่อเห็นสีหน้าอึ้งงันของลูกสาวคนเล็ก

    “เอ่อ...ฝันก็แค่เห็นว่าเพรชมันเม็ดใหญ่ดีน่ะค่ะ” ลูกสาวคนเล็กของบ้านนั้นแก้ตัวด้วยสีหน้าซีดเซียว มองหน้าของพ่อแม่ตัวเองสลับกันไปมาก่อนจะไปหยุดที่ใบหน้าของพี่สาว ที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องอย่างขอความช่วยเหลือ “จะให้ปฏิเสธก็คงไม่ได้ ใช่ไหมคะฟ้า”

    “ถ้าเราสบายใจ แบบไหนก็ดีหมดแหละจ้ะ” มาสฟ้ายิ้มพรายอย่างคนสวยทุกนาทีตามแบบฉบับ ก่อนทรุดตัวนั่งลงบนอาร์มแชร์ที่ว่างอยู่โดยมีอู่อี้เทียนยืนซ้อนอยู่ด้านหลังเก้าอี้ “คุยเรื่องอะไรกันอยู่เหรอคะ หน้าเครียดเชียว”

    “ถ้าเป็นเรื่องเซี่ยงไฮ้ ผมเองก็อยากจะขอให้มาสฟ้ากลับไปพร้อมกับผม” อู่อี้เทียนตัดบทเข้าเรื่องอย่างคนที่ไม่ค่อยมีความอดทน “ผมรับปากว่าจะดูแลมาสฟ้า...”

    “ถ้าเป็นเรื่องความปลอดภัยให้ก็ไปญี่ปุ่นพร้อมกับพ่อ” คมกฤษออกความเห็น สำหรับเขาแล้วจะมีใครดูแลลูกสาวของเขาไปได้ดีกว่าเขานั้นไม่มีแล้ว ต่อให้จะเป็นบรรดาผู้ชายที่พิศวาสลูกๆ ของเขาก็เถอะ “ครอบครัวของพวกเธอยิ่งใหญ่คับฟ้าแค่ไหนก็คงกร่างข้ามประเทศไม่ได้”

    “ในฐานะนายหญิงคนใหม่ของตระกูล เหมือนฝันต้องเข้าร่วมพิธีการเปิดพินัยกรรมครั้งนี้ครับ” อู่อี้เทียนไม่เหลือทางออกอื่นให้กับครอบครัวของคนรัก เขาก้มหน้าสบตากับมาสฟ้าที่กำลังเหลือบมองเขาอยู่อย่างขอลุโทษ ก่อนจะล้วงเอาจดหมายจากกระเป๋าเสื้อในอกออกส่งให้เธอ เมื่อมาสฟ้ารับมันไปอ่านเงียบๆ เขาจึงหันไปบอกกับคนที่เหลือในห้อง “จนกว่าจ้าวเวยหลงจะแต่งงานตามธรรมเนียม เขาก็จะไม่ถูกนับว่าเป็นผู้นำตระกูลจ้าว และทุกอย่างก็เกิดการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ”

    “แต่ฉันก็เป็นแค่แฟน” เหมือนฝันโวย เธอไม่เห็นรู้ก่อนเลยว่าแหวนที่เธอเห็นแค่สวยนั้นมาพร้อมภาระอันยิ่งใหญ่ขนาดนี้ “อีกอย่างคุณก็บอกเองว่าคุณต้องไว้ทุกข์อีกสามปี แล้วจะแต่งงานได้ยังไง”

    “คุณเป็นคู่หมั้นของผมนะเหมือนฝัน” จ้าวเวยหลงแก้ความเข้าใจผิด เขาเองก็ไม่อยากยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดเพราะเขาเองก็ลืมธรรมเนียมปฏิบัตินี้ไปแล้วหากอู่อี้เทียนพูดมันขึ้นมา “อันที่จริงแล้วเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นปัญหา”

    “คุณคิดว่าครอบครัวของเวยหลงจะยกเรื่องนี้ขึ้นมาแย้งตอนเปิดพินัยกรรมเหรอคะ” มาสฟ้าขมวดคิ้ว รู้สึกทั้งโกรธและหงุดหงิดที่ในยามจำเป็นเช่นนี้นิมิตของเธอกลับหายไปเสียได้ สีหน้านั้นของหญิงสาวทำให้บรรดาคนในห้องพลอยเข้าใจว่าเธอโกรธ เรื่องที่น้องสาวต้องตกร่องปล่องชิ้นกับจ้าวเวยหลงเพราะธรรมเนียมเก่าเก็บ เว้นแต่อู่อี้เทียนคนเดียวที่มีสีหน้าเรียบเฉย ส่วนคนอื่นๆ ในห้องนั้นต่างพากันระส่ำระส่ายนั่งไม่ติดกันเลยทีเดียว

    “คนล่าสุดที่ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลคือคุณตาของผม และตอนนั้นท่านก็เป็นคนเดียวที่แต่งงานแล้วในบรรดาพี่น้องของท่าน” อู่อี้เทียนกล่าวเนิบๆ “เชื่อเถอะที่รักว่าตระกูลจ้าวมีวิธีสกปรกเตรียมไว้เล่นงานเราอีกมาก กฎตระกูลนี้เป็นเรื่องที่เราต้องเจออยู่แล้ว”

    “แล้วถ้าเหมือนฝันไม่ไปมันจะเกิดอะไรขึ้น” เชอลีนสงสัย แม้จะไม่เห็นว่าการที่หนุ่มน้อยนี้พลาดทรัพย์สมบัติจำนวนมหาศาลไปนั้นจะเกี่ยวข้องกับลูกสาวของเธออย่างไร แต่เธอก็ยังมิวายอยากรู้อยากเห็นอยู่ดี “พวกเธอก็แค่เปลี่ยนคนใช่ไหม”

    “ทายาทคนรองที่มีสิทธิ์จะแย่งตำแหน่งกับเวยหลงคือผมครับ” อู่อี้เทียนเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย ผิดกับยาติผู้น้องของเขาที่กลับกลายไปมีสีหน้าบึ้งตึงทันที “และมาสฟ้าก็ต้องแต่งงานกับผมทันที ผมนับว่าเป็นคนตระกูลจ้าวฝ่ายแม่ก็จริง แต่ผมนามสกุลอู่ ผมแต่งงานกับมาสฟ้าได้เลยไม่จำเป็นต้องไว้ทุกข์ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นเรื่องมันจะยิ่งยากครับ”

    “แล้วพวกเธอมีแผนจะทำยังไง”

    “ก็ตามที่เรียนไปครับ ผมอยากขออนุญาตพาเหมือนฝันกลับไปเซี่ยงไฮ้ด้วยกัน” จ้าวเวยหลงกลับมามีปากเสียงได้อีกครั้งเมื่อคมกฤษยอมปล่อยผ่านเรื่องการเปลี่ยนตัวผู้นำตระกูลจ้าวไป “ผมเข้าใจว่ามันพูดยาก แต่ถ้ามีทางออกอื่นที่ดีกว่านี้ผมเองก็ไม่ยอมให้เหมือนฝันกับมาสฟ้าไปเสี่ยงแน่”

    “ถ้าเราสองคนไม่ไปล่ะค่ะ” มาสฟ้าเงยหน้า ส่งต่อกระดาษในมือให้น้องสาวอ่านแล้วรอคำตอบอย่างอดทน ไม่ว่าจะจ้าวเวยหลงหรืออู่อี้เทียนที่ตอบเธอ สำหรับมาสฟ้ามันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ “มันจะเกิดอะไรขึ้น พวกคุณจะถูกแย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปอย่างนั้นเหรอ”

    “ไม่เคยมีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น ผมคงตอบชัดไม่ได้” อู่อี้เทียนนิ่วหน้า “ผมจำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่คนตระกูลจ้าวโยนทรัพย์สินมหาศาลทิ้งไปครั้งสุดท้ายนั่นคือเมื่อไหร่”

    “ถ้าฉันไม่ไปคุณก็จะหาคนอื่นมาเป็นคนรักแทนงั้นเหรอคะ?” มาสฟ้าหรี่ตา จู่ๆ ก็รู้สึกโมโหขึ้นมาอีกระลอก แต่อู่อี้เทียนกลับเงยหน้าหัวเราะเสียงดัง แล้วก้มหน้าลงมาหอมกระหม่อมของมาสฟ้าด้วยความรักใคร่อย่างสุดหัวใจก่อนตอบ “ที่รักครับ ผมเป็นทายาทหมายเลขสองนะ เรื่องอะไรต้องลงทุนลงแรงขนาดนั้น ถ้ามีใครสักคนที่ต้องหาตัวตายตัวแทนมาเป็นคนรักปลอมๆ คนคนนั้นต้องเป็นจ้าวเวยหลงสิ”

    “ผมไม่ได้มีความคิดที่จะหาคนอื่นมาแทนเหมือนฝันนะครับ” จ้าวเวยหลงที่เพิ่งถูกญาติผู้พี่โยนเผือกร้อนมาให้รีบบอกอย่างร้อนรน ตาก็คอยชำเลืองมองคนรักของตัวเองไปด้วย กลัวว่าเหมือนฝันจะเข้าใจเขาผิดอีกรอบแล้วเรื่องมันจะยุ่งเหยิงเข้าไปใหญ่ “เรื่องของผมกับเหมือนฝันครอบครัวของเรารู้ดี เราไม่จำเป็นพิสูจน์อะไรถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่สะดวกใจให้เหมือนฝันไปที่นั่นพร้อมกับผม”

    “เวยหลงพูดแบบนั้นเพราะเขาอยากเป็นลูกเขยคนโปรดของคุณ” อู่อี้เทียนตัดบทอย่างคนที่ไม่สนใจสิ่งใด สำหรับเขาสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการที่ทำให้เหมือนฝันกลับไปที่เซี่ยงไอ้พร้อมกับจ้าวเวยหลงให้ได้ เพราะว่านี่เป็นคำสั่งจากแม่ของเขาผู้ที่จะไม่ยอมให้เกิดความผิดพลาดใดๆ ในวันเปิดพินัยกรรมขึ้น กฎของตระกูลท่านและแม่บ้านคนสนิทของครอบครัวก็ไปขุดหามาจากที่ไหนอู่อี้เทียนไม่อยากจะจินตนาการ

    แต่นี่เป็นสิ่งที่ครอบครัวของพวกเขาต้องเตรียมพร้อมรับมือ ด้วยรู้ดีว่าคนในตระกูลสายรองนั้นคงฉวยโอกาสและทำทุกวิธีทางเพื่อทำลายความชอบธรรมในการรับช่วงต่อของจ้าวเวยหลง กระทั่งเชื้อชาติของคนรักของจ้าวเวยหลงเองก็คงไม่ถูกนำมาโจมตีเขาเหมือนกัน แต่นั่นเป็นสิ่งที่เขาแก้ไขไม่ได้แล้ว เว้นแต่จ้าวเวยหลงจะรับคนอื่นมาเป็นภรรยาแทนเหมือนฝัน

    “แต่พวกเขาทำแน่ครับ เพราะฉะนั้นให้เหมือนฝันไปกับเวยหลงเถอะครับ มันจะง่ายกว่ามากสำหรับพวกเรา”

    “เราที่เธอหมายถึงคือครอบครัวของพวกเธอสินะ” คมกฤษหรี่ตา ยกมือขึ้นกอดอย่างคนที่กำลังครุ่นคิดกับเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วน

    “ครับ” อู่อี้เทียนก็ยังตรงไปตรงมาเหมือนเดิม จนมาสฟ้าที่นั่งฟังเรื่องทุกอย่างมาตลอดนั้นถึงกับต้องยกมือขึ้นกุมขมับอย่างอับจน “แต่ถ้าเหมือนฝันยืนยันว่าจะแต่งงานกับจ้าวเวยหลงอยู่แล้ว มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะต้องทำให้เรื่องมันยาก หรือว่าเหมือนฝันยังอยากเหลือทางเลือกอื่นไว้ให้ตัวเอง เพราะถ้าเป็นแบบนั้นผมคงต้องแจ้งที่บ้านให้เตรียมทางออกอื่นไว้”

    “ที่บ้านคุณเตรียมผู้หญิงอื่นไว้ด้วยเหรอ” เหมือนฝันเงยหน้า จ้องจ้าวเวยหลงเขม็งเล่นเอาคนโดนมองนั้นถึงกับถอนหายใจหนักอย่างท้อแท้

    “ผมจะไปเตรียมใครไว้ทันล่ะ ผมคิดแค่จะพาคุณกลับไปพร้อมกันเท่านั้นเอง”

    “งั้นก็ไปเถอะ” เชอลีนตัดสินใจ ที่ทำให้สามีของเธอนั้นถึงกับหน้าตึง ผิดกับหนุ่มๆ อีกสองคนที่หน้าชื่นมื่นที่สุดท้ายพวกเขาก็ได้รับชัยชนะเป็นครั้งแรกตั้งแต่มาที่นี่ “ถ้ายายฝันจะแต่งงานกับเวยหลงงั้นก็ไป”

    “ถ้าเกิดว่าหนูเปลี่ยนใจล่ะค่ะ” เหมือนฝันเอียงคอ พอนั่งฟังความรับผิดชอบที่เธอต้องแบกรับตั้งแต่ยังไม่ได้เข้าไปเป็นสะใภ้เต็มตัว จู่ๆ เธอก็เกิดลังเลขึ้นมา “ถ้าหนูอยากเป็นแค่แฟนกับเขาไปเรื่อยๆ ล่ะคะ”

    “แบบนั้นแล้วเธอจะรีบรับแหวนมาทำไมล่ะ” เชอลีนถลึงตามองลูกสาวคนเล็กของตน ปวดเศียรเวียนเกล้ากับยายปลาไหลใส่สเก็ตของเธอจริงๆ “เรื่องมาขนาดนี้เพิ่งอยากจะเป็นผู้หญิงโสดไปตลอดชีวิตหรือไง”

    “อ่ะ มันถอดไม่ออกค่ะแม่” พอได้ยินแม่พูดเหมือนฝันก็ร้อนรนที่จะถอดแหวนออกจากนิ้วจนจ้าวเวยหลงต้องรีบตะครุบมือเล็กของเธอไว้ไม่ทัน แต่เมื่อเห็นว่าแหวนที่นิ้วของคนรักไม่ยอมขยับเขยื้อน จ้าวเวยหลงจึงยอมละมือจากมือของเหมือนฝันแล้วมองเธอพยายามอย่างสิ้นหวังต่อไปด้วยความรู้สึกขบขัน

    เป็นวินาทีนี้เองที่จ้าวเวยหลงมั่นใจว่าเขารักคนถูก จะมีใครสักคนบนโลกใบนี้ที่พยายามถอดแหวนแต่งงานของเขาทิ้ง แล้วเขายังรู้สึกว่าเจ้าหล่อนน่ารักได้อย่างนี้อีก...นอกจากเหมือนฝันแล้วจ้าวเวยหลงก็จินตนาการไม่ออกว่าเขาจะรักใครแบบนี้ได้อีก

    ส่วนข้อพิพาทเรื่องว่าเหมือนฝันและมาสฟ้าจะกลับเซี่ยงไฮ้พร้อมกับจ้าวเวยหลงและอู่อี้เทียนหรือไม่นั้น จึงจบลงด้วยพร้อมกับความผิดหวังของเหมือนฝันที่ไม่สามารถถอดแหวนหมั้นออกจากนิ้วนางของตนได้

     

    กี๊ดๆๆๆๆ อย่าไปนะคะคุณมาส ทูนหัวก็รู้ว่าพวกผู้ชายมันเหมือนกันหมด ไว้ใจไม่ได้ // ลงไปชักกับพื้น

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×