NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    『Whisper of LOVE • Short Fanfiction』

    ลำดับตอนที่ #33 : ▼ [Daiya no ace] Don't make him mad (Miyuki x Sawamura) - Part 1

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.ย. 66


    แนะนำกดเล่นเพลงเพื่ออรรถรสได้นะคะ :)






       





    ผู้ชายคนนั้นเป็นคนสองบุคลิก ด้านหนึ่งก็เอาแต่ใจเกินทน

    อีกด้านก็คาดเดาอะไรไม่ได้เลย

    ถึงจะเกลียด แต่ก็

      

     

     

    เรื่องราวทุกอย่างมันเริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนไหนกันนะ ถ้าให้นึกย้อนไปก็คงจะเป็นเหตุการณ์นั้นล่ะมั้ง

     

    มิยูกิ คาซึยะผู้ชายคนนี้คงเป็นแรงบันดาลใจหนึ่งในการเล่นเบสบอลของเขา

     

           พวกเขาพบกันครั้งแรกที่โตเกียว วันที่เด็กหนุ่มเป็นคนเสนอตัวเข้ามารับลูกพิชชิง ซาวามูระไม่รู้ตัวหรอกว่าตัวเองคิดอย่างไรต่ออีกฝ่าย ความประทับใจแรกในวันนั้นมันดีก็จริง แต่คนๆ นั้นกลับมีนิสัยเสียที่คาดไม่ถึง

     

    มิยูกิชอบแกล้งเขาและดูเหมือนเจ้าตัวจะแกล้งแค่คนเดียวเสียด้วย นั่นคือสิ่งที่ซาวามูระไม่ชอบเอาเสียเลย

     

           จนกระทั่งช่วงเวลาวนมาถึงการพบเจอกับรุ่นพี่คริส ซาวามูระที่ไม่รู้เรื่องอะไรดันไปพูดจาสบประมาทรุ่นพี่คนนั้นเข้า วันนั้นมิยูกิโกรธและกระชากคอเสื้อเขาอย่างแรง ออกแรงผลักจนแผ่นหลังชนเข้ากับผนังห้องอย่างจัง นั่นเป็นครั้งแรกที่เด็กหนุ่มได้เห็นมุมแบบนั้น

     

    น่ากลัว เยือกเย็นและคาดเดาไม่ได้ นั่นคือมิยูกิตอนกำลังโกรธ

     

           ครั้งที่สองก็ตอนที่ซาวามูระเข้าร่วมกับทีมตัวจริงครั้งแรก เขาไม่ได้ขว้างลูกตามการลีดของมิยูกิ แต่เลือกที่จะสู้ตัวต่อตัวกับแบตเตอรี่ฝ่ายตรงข้าม อยู่ๆ ผู้ชายคนนั้นก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปและขว้างลูกอย่างแรงกลับมาที่ถุงมือของเขา ซาวามูระรู้ได้ในทันทีว่าเจ้าตัวกำลังโกรธ

     

    และแน่นอน นิสัยแบบนี้ของมิยูกิก็ไม่เคยทำกับใครนอกจากเขาอีกเช่นกัน

     

           เด็กหนุ่มได้แต่ประหลาดใจ และสงสัยว่ามีใครสังเกตเห็นบุคลิกที่สองของหมอนี่บ้างหรือเปล่านะ ความเอาแต่ใจของมิยูกิทำให้เขาเข้าหาได้ลำบาก ทั้งที่ตั้งใจว่าจะมาฟอร์มแบตเตอรี่ด้วยกันแท้ๆ เจ้าแว่นนั่นเอาแต่หลีกเลี่ยงการเจอกับเขา และจะจับคู่แบตเตอรี่กันเมื่อจำเป็นเท่านั้น

     

    มันก็แอบน้อยใจอยู่เล็กๆ แต่ซาวามูระไม่บอกมิยูกิตรงๆ หรอก เพราะเขาไม่ชอบหมอนั่น

     

           จนนานวันที่เริ่มปรับตัวและคุ้นชินกับรุ่นพี่คริส เจ้าตัวดูใส่ใจและดูแลพิชเชอร์ทุกคนอย่างดี ตอนนั้นแหละที่เริ่มคิดว่า ช่างมันแล้วกัน ขึ้นมาในหัว และล้มเลิกความตั้งใจจับคู่ซ้อมกับมิยูกิไป

     

    ความคิดอยากฟอร์มแบตเตอรี่กันในซักวันก็ยังไม่ได้หายไป เขาเพียงเก็บซ่อนไว้คนเดียวเท่านั้น

     

           ช่วงเวลาปีที่สามของมิยูกิ คนๆ นั้นรับหน้าที่กัปตันทีมอย่างเต็มตัว ทำให้เวลาส่วนตัวยิ่งน้อยลง อยู่ๆ ก็มีรุ่นน้องหมาป่าเดียวดายปรากฏตัวขึ้นมาบอกว่ามีเขาเป็นเป้าหมาย และนั่นทำให้เขาไปไม่เป็นอยู่เหมือนกัน

     

           ตำแหน่งของซาวามูระวนมาสู่เอซที่ปรารถนา กลางเนินที่มีเสื้อผู้เล่นหมายเลขหนึ่งอยู่กลางหลัง มิยูกิทำให้เขาค่อยๆ ผ่านช่วงเวลาที่กดดัน และพาทีมไปโคชิเอ็งได้สำเร็จ

     

    เขาก็ไม่แน่ใจนัก แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหมอนั่นเหมือนจะดีขึ้นนิดหน่อย

     

    อย่างน้อยเจ้าตัวก็แกล้งเขาน้อยลง และทำตัวสมกับเป็นรุ่นพี่มากขึ้น

     

           แต่เพราะช่วงเวลาของนักเรียนปีสามเหลือน้อยลงทุกที เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่ซาวามูระได้ฟอร์มแบตเตอรี่อย่างที่เขาปรารถนาในฐานะเอซจริงๆ แต่เพราะเวลามันสั้นเหลือเกิน ไม่ว่าอย่างไรความรู้สึกนี้มันก็ไม่เคยพอเสียที

     

    จังหวะนั้นซาวามูระเพิ่งรู้ตัว ว่าเขาคงจะ ชอบรุ่นพี่สองบุคลิกคนนั้นโดยไม่รู้ตัวเสียแล้ว

     

     

     

     

     

     

    พิธีจบการศึกษาของปีนั้น ซาวามูระร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนเด็กน้อย เขามันเป็นพวกปกปิดความรู้สึกตัวเองไม่ได้ แต่ทุกคนในทีมกลับเข้าใจว่านั่นเป็นเพราะเจ้าตัวเสียใจที่ต้องแยกกับทีมสุดยอดตำนานของเซย์โดว รุ่นพี่คุราโมจิเข้ามาล็อกคอและปลอบเขาด้วยท่ามวยปล้ำแบบที่ชอบทำ

     

    ถึงนั่นจะเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ร้องไห้ แต่มันก็ไม่ใชทั้งหมดเสียหน่อย

     

           วันนั้นซาวามูระตัดสินใจรวบรวมความกล้าเรียกมิยูกิมาพบกันหลังเลิกเรียน เขาแน่ใจแล้วว่านักเรียนกลับไปจนหมดแล้ว พิธีจบการศึกษาจัดขึ้นในฤดูใบไม้ผลิ ซากุระสีชมพูกำลังเบ่งบานทั่วทั้งพื้นที่ กลีบสีอ่อนละมุนพัดปลิวไปตามแรงลม เขาพูดความรู้สึกทั้งหมดที่มีต่อมิยูกิทั้งที่ไม่กล้าสบตาคนสวมแว่นนั่นเลยด้วยซ้ำ

     

    มิยูกินิสัยไม่ดีผู้ชายคนนี้แกล้งเขาทุกครั้งที่มีโอกาส แถมเจ้าตัวยังมีอีกบุคลิกที่ไม่เคยแสดงให้ใครเห็นยกเว้นเขาอยู่ด้วย

     

    ถึงจะบอกว่าเกลียด แต่ความรู้สึกนั้นมันกลับปะปนกับความชอบตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้

     

           วันนั้นคนตัวสูงกว่าไม่แสดงสีหน้าใด ซาวามูระรู้สึกได้ว่านั่นเป็นอีกบุคลิกที่เจ้าตัวไม่ได้แสดงออกมาบ่อยนัก ดวงตาสีเหลืองของเจ้าตัวกำลังจ้องเข้ามาในตาของเขา มันคาดเดาอะไรไม่ได้เลย จนทำให้รู้สึกประหม่า

     

    ขอโทษนะฉันไม่ได้ชอบนาย

     

    และฤดูใบไม้ผลิของปีนั้นก็หมดลงเท่านี้พร้อมกับความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ที่จบลงอย่างง่ายดาย

     

     

     

     

     

     

    นึกย้อนกลับไปทีไรก็ได้แต่กุมหัวด้วยความรู้สึกสมเพชตัวเอง ทำไมรักครั้งแรกของเขาจะต้องเป็นหมอนี่และจบลงทุเรศแบบนี้นะ

     

           มิยูกิและเขาเลิกติดต่อกันไปเฉยๆ โดยไม่ได้บล็อกช่องทางติดต่อใดๆ กันเลย คนทั้งคู่ยังมีเบอร์ของกันและกันอยู่ ตอนนี้ซาวามูระไม่รู้หรอกว่าเจ้าตัวเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ไปแล้วหรือยัง ไม่ทราบความเคลื่อนไหว เพราะนอกจากเมล ช่องทางโซเชียลอื่นๆ เขาก็แทบไม่เข้าไปอัพเดต

     

    ข้อความสุดท้ายในเมลยังคงเป็น ออกมาเจอกันหลังเลิกเรียนหน่อยสิของเขา ที่คนนิสัยไม่ดีอ่านแต่ไม่ตอบทิ้งไว้แบบนั้น

     

           ซาวามูระวางรูปทีมเซย์โดวที่ผู้เล่นหมายเลขสองกำลังยืนกอดคอเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มลง ก่อนส่ายหัวไล่ความคิดออกไป อยู่ๆ รุ่นพี่คุราโมจิก็ติดต่อมาในรอบหลายเดือนว่าทีมเซย์โดวจะนัดรวมตัวกันอีกครั้ง

     

           ผ่านไปกี่ปีแล้วนะตั้งแต่ตอนนั้น ฮารุจจิกับรุ่นพี่คุราโมจิเลือกเส้นทางเป็นโปรเพลย์เยอร์ไปแล้ว แม้แต่เจ้าแว่นนั่นก็ด้วย หมอนั่นไปเป็นโปรที่อเมริการ่วมสามปีได้แล้วมั้ง และไม่เห็นวี่แววว่าจะกลับมาอีก

     

    ส่วนเขา ฟุรุยะและโอคุมูระยังคงอยู่ที่ญี่ปุ่นเหมือนเดิม แต่ก็ในฐานะทีมชาติของญี่ปุ่นเช่นกัน

     

    ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดอะไรถึงได้อยากรวมตัวหลังจากเรียนจบตั้งหลายปี ถึงอย่างนั้นซาวามูระก็ไม่ได้ปฏิเสธ เขาคิดว่ามันน่าสนุกดี

     

    อย่างน้อยเจ้าคนที่ไม่คิดจะกลับประเทศตัวเองก็คงไม่มาอยู่แล้ว มันทำให้เขาสบายใจนิดหน่อย

     

    “ซาวามูระ!” เสียงตะโกนเรียกเขาดังมาแต่ไกลตั้งแต่เขาเลี้ยวออกมาจากห้องน้ำ เจ้าของผมสีดำนั่งโบกมือหยอยๆ ให้เขาอยู่ที่โต๊ะกลางร้าน

     

    “โอ้ โทโดโรกิ”

     

    นี่มันไม่ใช่แค่งานรวมตัวของศิษย์เก่าเซย์โดวแล้ว ร้านหมูกะทะทั้งร้านถูกเหมาให้เป็นแหล่งรวมตัวของนักเบสบอลทั่วประเทศ จะว่าไปในนี้ก็มีโปรเพลย์เยอร์อยู่หลายคนใช่เล่น

     

    เขาเพิ่งลุกไปเข้าห้องน้ำได้ไม่นาน คู่แข่งตัวฉกาจอย่างอดีตคลีนอัพแห่งยาคุชิก็ปรากฏตัวขึ้นในร้าน เจ้าหมอนี่แต่ก่อนตัวเท่าเขาอย่างไรก็ยังเป็นเหมือนเดิม

     

    เพราะนิสัยบ้าๆ บอๆ เหมือนกันทำให้พวกเขาสนิทกันได้ง่าย และยังติดต่อกันบ้างนานๆ ครั้ง

     

    โทโดโรกิผันตัวไปเป็นโปรเพลย์เยอร์ตั้งแต่เรียนจบตามความฝันของพ่อ พร้อมๆ กับรุ่นพี่พิชเชอร์ตัวสูงๆ คนนั้น

     

    “ว่าไงเอซแห่งเซย์โดว” นั่นไง ว่าถึงก็เดินมานั่นเลย

     

    “อ่าสวัสดีครับรุ่นพี่ซาวาดะ”

     

    “ซานาดะน่ะ” คนตัวสูงว่าพร้อมวาดรอยยิ้มเป็นมิตร ซาวามูระปั้นยิ้มแห้งตอบกลับไป มันก็ผ่านมาตั้งสามปีแล้ว จะลืมอะไรไปบ้างก็ไม่แปลกนี่นา

     

    แต่ก็นะ สามปีที่หลายๆ อย่างเปลี่ยนไป ทุกคนยังบอกว่าเขากับโทโดโรกิเหมือนเดิมทุกอย่าง

     

    “คู่แบตเตอรี่ของนายหายไปไหนล่ะ วันนี้ไม่มาด้วยหรอ”

     

    เป็นอีกครั้งทีซานาดะเปิดบทสนทนาขึ้นมา ซาวามูระทำหน้าครุ่นคิดก่อนตอบกลับไปอย่างไม่เข้าใจ

     

    “เจ้าหนูโอคุมูระน่ะหรอนอนหลับคอพับอยู่ตรงนั้นน่ะครับ” ว่าพร้อมชี้ไปที่โต๊ะที่มีแต่ทีมเซย์โดวและเสียงโหวกเหวกโวยวาย แน่นอนว่าโอคุมูระคออ่อน และโดนคุราโมจิแกล้งมอมซะเต็มที่ กลุ่มผมสีทองกำลังฟุบหลับบนโต๊ะแบบหมดสภาพ

     

    “เปล่า ฉันหมายถึงคนใส่แว่นน่ะ”

     

    มือที่กำลังยกน้ำขึ้นดื่มชะงักกึก ซาวามูระได้แต่ยิ้มแห้งกับท่าทางจำลองการใส่แว่นของอีกฝ่าย

     

    “แย่หน่อย ผมไม่ได้ติดต่อกับเขาอีกเลยตั้งแต่เรียนจบ”

     

    จริงสิ ลืมไปว่าปีสุดท้ายของคนๆ นี้คือปีเดียวกันกับเจ้าหมอนั่น สมัยนั้นเขายังไม่ได้ฟอร์มแบตเตอรี่กับโอคุมูระด้วยซ้ำ

     

    ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มีแต่คนพูดถึงแฮะ ความรู้สึกอะไรบางอย่างมันกวนใจเขาชะมัด

     

           ซานาดะและโทโดโรกิชวนเขาคุยอะไรสัพเพเหระอยู่พักใหญ่ ตาโตของซาวามูระก็หันไปปะทะเข้ากับร่างหนึ่งที่เพิ่งทิ้งตัวลงนั่งกับโต๊ะศิษย์เก่าเซย์โดว พร้อมเสียงหัวเราะกวนประสาทที่เขาไม่ได้ยินมาหลายปี

     

    มิยูกิ คาซึยะ!

     

    หมอนี่มานั่งอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร!

     

           พอรู้ตัวว่าตัวเองเผลอส่งเสียงดังก็รีบยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองอย่างรีบร้อน ซาวามูระหน้าซีด เขาไม่ได้อยากทักทายให้ผู้มาใหม่คนนั้นรู้ตัว แต่ปากมันดันไปไวกว่าความคิด อยู่ๆ ก็อยากทำตัวให้เล็กลงขึ้นมาทันที

     

    “สวัสดีครับเอย์จุนคุง นายนี่ไม่เปลี่ยนไปเลยนะ”

     

           แต่แล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะ แวบเดียวจริงๆ ที่ซาวามูระเห็นว่าเจ้าของชื่อที่เขาเผลอเรียกไปมองมาทางนี้ ก่อนภาพนั้นจะถูกซ้อนทับด้วยผู้ชายตัวเล็กผมสีชมพูที่แทรกเข้ามา เจ้าหมอนี่เองก็เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเหมือนกันนั่นแหละ

     

    “ฮารุจจิ นึกว่าชาตินี้จะไม่เจอนายแล้วซะอีก!” ว่าพลางเขย่าแขนเพื่อนร่วมรุ่นที่เพิ่งเดินเข้ามาร่วมวงพร้อมรอยยิ้ม จนอีกฝ่ายเปลี่ยนเป็นยิ้มแห้งแล้วตอบกลับมาว่าอย่าเว่อร์ ทั้งสองคนเพิ่งคอลกันไปเมื่ออาทิตย์ก่อนแท้ๆ

     

    “นั่นนายร้องไห้หรอเอย์จุนคุง”

     

    ซาวามูระเป็นแบบนี้เสมอ ไม่ว่าจะคิดอะไรอยู่เขาก็จะแสดงออกมาอย่างซื่อตรง

     

    “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะโคมินาโตะ” และนั่นเป็นเสียงของรุ่นพี่คุราโมจิที่เอ่ยทักทาย ใบหน้าที่มักจะมีรอยยิ้มอยู่เสมอของคนผมเขียวกลับดูจริงจังผิดปกติ

     

    “สวัสดีครับรุ่นพี่คุราโมจิ”

     

    “ตอนนี้ผมกับพี่เป็นโปรเพลย์เยอร์คนละตำแหน่งกันแล้วนะครับ เผื่อว่าคุณสงสัยเรื่องนั้นอยู่” ต่อให้ใบหน้าของฮารุอิจิจะระบายยิ้มอยู่ แต่รูปประโยคมันก็ประหลาดพิกล ระหว่างสองคนนี้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่านะ

     

    ไม่ใช่สิ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ควรมากังวลตอนนี้

     

    ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ที่เขาถูกลากมารวมโต๊ะกับแก๊งเซย์โดว ปลายโต๊ะมีโอคุมูระตายในหน้าที่ข้างๆ กันกับฟุรุยะ ซาวามูระนั่งตัวแข็งทื่ออยู่ที่หัวโต๊ะเหมือนถูกฟรีซไว้จนเพื่อนผมชมพูสังเกตเห็น

     

    “ทำไมนายทำหน้าเหมือนแมวเลยล่ะเอย์จุนคุง”

     

    โต๊ะมันก็ไม่ได้ใหญ่มาก ตอนนี้เขาแค่นั่งเยื้องๆ กับคนที่ไม่ได้พบกันมาสามปีเต็มเท่านั้น เพราะเรื่องนี้ไม่เคยมีใครรู้นอกจากรุ่นพี่คุราโมจิ พวกเขาจึงถูกให้ร่วมโต๊ะกันโดยไม่ได้คิดอะไร

     

    โคตรกดดันเลยต่อให้อยากดื่มแค่ไหนก็เมาไม่ลงหรอก ต่อมความอยากอาหารของเขาหยุดทำงานกะทันหัน

     

    ตัวสูงปี๊ดเลย สามปีที่ผ่านมาหมอนั่นไปทำอะไรมา ผ่าตัดต่อขาหรือไง

     

           เจ้าของใบหน้าหล่อจนน่าเกลียดกำลังจ้องตรงมา ไม่ใช่บุคลิกของคนที่ชอบแกล้ง แต่เป็นสายตาของมิยูกิตอนที่กำลังโกรธ ซาวามูระไม่เคยคาดเดาอะไรจากบุคลิกนี้ได้ จึงเลือกที่จะไม่สบตาและหันไปสนทนากับคนอื่นแทน

     

    อยากภาวนาให้วันนี้ผ่านไวๆไม่ได้เตรียมใจว่าจะมาเจอกันเลยด้วยซ้ำ

     

     

     

     

     

     

    “ทำไมรุ่นพี่ไม่บอกผมก่อนว่าหมอนั่นจะมาด้วย!” ตัดภาพมาที่มุมสูบบุหรี่ของร้านในปัจจุบัน ซาวามูระที่เพิ่งได้รับข้อความผ่านมือถือโวยวายกับรุ่นพี่ผมเขียว ส่วนคุราโมจิทำได้เพียงเกาศีรษะอย่างหมดทางเลือก

     

    การพบปะครั้งนี้เริ่มขึ้นได้เพราะคอนเนคชันของคนๆ นี้ เขาดีใจที่มันเป็นแบบนั้น แต่ก็นั่นแหละ

     

    “เอาน่า โตๆ กันแล้ว ถ้าบอกไปแล้วนายจะยอมมาหรอเจ้าบ้า”

     

    “ไม่มาแน่!” เห็นรุ่นน้องทำหน้าหงุดหงิดเหมือนแมว คนมองก็คิ้วกระตุกนิดหน่อย

     

           มันก็ใช่อยู่ว่าเรื่องราวมันก็นานมาแล้ว คนผมเขียวเข้าใจเหตุการณ์ทุกอย่างดี เวลาทำให้วุฒิภาวะของแต่ละคนเปลี่ยนไปแล้ว ใครจะรู้ล่ะว่านิสัยของแต่ละคนเปลี่ยนไปแค่ไหนบ้าง

     

    “แล้วนี่เรียกผมมาข้างนอกมีอะไรหรือเปล่า” ซาวามูระมีสีหน้างุนงง คุราโมจิมองเขานิ่งๆ เจ้าตัวทำเพียงยืนล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วถอนหายใจ

     

    ทำไมท่าทางดูสิ้นหวังได้ขนาดนั้น

     

    “ฉันมาบอกข่าวดีน่ะ มีโปรจากต่างประเทศอยากฟอร์มแบตเตอรี่กับนาย”

     

    “อีกไม่กี่ปีก็จะหมดสัญญากับทีมชาติแล้ว ก็แล้วแต่นายจะตัดสินใจนะ”

     

    แม้คำพูดจะดูน่ายินดีแต่ท่าทางของรุ่นพี่กลับไม่เป็นแบบนั้น ส่งให้ใบหน้ากลมมนของคนน้องมีแต่เครื่องหมายคำถาม ทั้งโปรทั้งเรื่องแบตเตอรี่ ทำไมคนจากต่างประเทศคนนั้นต้องติดต่อผ่านรุ่นพี่คุราโมจิ แม้ซาวามูระจะซื่อบื้อแต่ก็รู้สึกว่ามันแปลกเกินไป

     

    “ถึงจะดีใจที่มีคนอยากฟอร์มแบตเตอรี่ด้วย แต่โปรที่ว่าน่ะใครหรอครับ”

     

    กลายเป็นความเงียบที่ตอบกลับมา คุราโมจิถอนหายใจอีกครั้งก่อนเดินออกไปพร้อมคำพูดทิ้งท้าย

     

    “ฉันช่วยได้แค่นี้ ไปคุยกันเองแล้วกัน”

     

    ร่างสูงโปร่งของใครคนหนึ่งที่เดินสวนออกมาแทนเป็นคำตอบของคำถามทั้งหมด ใครคนนั้นมีใบหน้าคมคายสวมทับด้วยแว่นสายตา ผมของเจ้าตัวเป็นสีน้ำตาลธรรมชาติ และริมฝีปากได้รูปคาบบุหรี่มวนหนึ่งที่กำลังเผาไหม้ เขาสูดหายใจเอาสารก่อมะเร็งเข้าปอด ก่อนพ่นมันออกมาเป็นสีขาวคลุ้งทั่วพื้นที่

     

    ดวงตาคู่คมจ้องมองมาในดวงตาของเขาพร้อมปลายเท้าทั้งคู่ที่หยุดลงตรงหน้า ภาพทุกอย่างดำเนินไปอย่างเชื่องช้าราวกับถูกกดสโลว์โมชัน

     

    ไง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”

     

     

    มิยูกิ คาซึยะ เป็นหมอนี่ที่เดินเข้ามาหาเขาด้วยตัวเอง







              

    ในที่สุดก็ได้ฤกษ์เปิดเรื่องใหม่ซักทีค่ะ 
    อยากแต่งคู่นี้มานานแล้ว และเรื่องนี้แต่งสนุกมากจริงๆ ค่ะ

    ที่จริงแอบอยากแต่งเวอร์ชันดาร์กมิยูกิอยู่นะ แต่ต้องยั้งตัวเองไว้ก่อนค่ะ
    อิหมีเรามีมุมแปลกๆ ที่ไรเตอร์คิดว่ามันเล่นได้หลายอย่างเลย แต่เขาก็อ่อนโยนมากเหมือนกัน
    ฟิคเรื่องนี้จะยังน่ารักนุ้บนิ้บหัวใจอยู่ อิหมีดาร์กๆ ขอเก็บไว้ก่อนนะคะ อิอิ

    สำหรับเพลงประกอบฟิคเรื่องนี้ ไรเตอร์เลือก Strawberry and cigarette ของน้อน Troy Siwan มาค่ะ
    เพลงใช้คำไม่ยากแต่ลึกซึ้งมาก เหมือนความรักของมิซาวะที่ทั้งหวานและขมผสมกันค่ะ
    พาร์ทแรกจะสั้นนิดนึงนะคะ มาเมาควันบุหรี่และรสหวานของสตอว์เบอรี่ไปด้วยกันค่ะ
    (ใดๆการสูบบุหรี่ก็ไม่ดีต่อสุขภาพเนอะ ทำร้ายคนที่เรารักด้วย ใช้วิจารณญาณในการอ่านนะจ๊ะ^^)

    แล้วพบกันพาร์ทหน้าค่ะ :)


    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×