คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #32 : ▲ [D.Gray man] White & Dark lord (Tyki x Allen) - Part 10 (2) [END]
แนะนำกดเล่นเพลงเพื่ออรรถรสได้นะคะ :)
ครอส มาเรียนคืออดีตเสนาธิการแห่งศาสนจักร หนึ่งในไม่กี่คนที่ขึ้นชื่อว่าเข้าใกล้พระเจ้ามากที่สุด เขาเติบโตมากับการโดนกรอกหูด้วยประวัติศาสตร์ที่สาวกแห่งพระเจ้าเป็นผู้เขียนขึ้น ยิ่งผ่านประสบการณ์ชีวิตมากขึ้น ได้เดินทางรอนแรมแสนไกลจนรับรู้ว่าทุกสิ่งล้วนประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อบิดเบือนความรุนแรงให้เป็นสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้น
หลายปีที่เขาใช้ชีวิตอยู่ในนามของเอ็กโซซิสต์แต่ก็ไม่ได้น้อมรับปณิธานของคนเบื้องสูง
จนกระทั่งวันหนึ่งตัวตนของอาวุธสังหารก็ปรากฏ
มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อขัดขวางประสงค์ที่คนผู้นั้นต้องการ รวมถึงการกำจัดเขาที่เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดและมีพลังอีกครึ่งหนึ่งที่ขาดหายไปของมันอย่าง
‘อเลน วอล์คเกอร์’
อยู่ใกล้ตัว
ครอสสามารถคาดเดาได้ว่าเรื่องราวทุกอย่างจะมาบรรจบลงแบบนี้
เขาเลี้ยงดูอเลนให้เติบโตมาโดยเห็นความจริงทั้งหมด เด็กหนุ่มสูญเสียครอบครัวตัวเองไปครั้งหนึ่ง
และครั้งที่สองเป็นเขาที่ตั้งใจทำให้เจ้าตัวเข้าใจเช่นนั้น
เจ้าเด็กซื่อบื้อนี่คิดว่าระดับเสนาธิการอย่างเขาจะรับมือกับเจ้าตัวซีดนั่นไม่ได้เลยหรือไงกัน
ตัวตนทั้งเขาและบรรณาการแห่งโนอาไม่ควรมีใครได้รับรู้ว่าอยู่ในโลกมนุษย์
ชานเมืองห่างไกลจากข่าวสารจึงเป็นทางเลือกที่ดีในการกบดานชั่วคราว ตอนนี้ยังไม่สามารถคาดเดาการตัดสินใจของโนอาได้
มีแต่ต้องวางแผนรับมือการตามล่าให้รัดกุมที่สุดเท่านั้น
“ฟังฉันดีๆล่ะอเลน ประสงค์ของพระเจ้าไม่ใช่การกำจัดโนอา”
การสูญเสียทำให้เด็กหนุ่มไม่กล้าไว้ใจใคร ครอสมองเจ้าของรอยแผลเป็นสีแดงที่นั่งซึมไม่เป็นอันทำอะไรมาทั้งวัน
โดนผลกระทบของการเป็นโซลเมทเข้าไปหน่อยถึงกับลืมวิธีกินข้าวไปเลยหรือไง
“แกยืนอยู่ที่ทางแยกตั้งแต่แรก… ถ้าเลือกโนอา แกก็ทำให้พลังของเขาเสถียรได้”
“แต่ถ้าเลือกศาสนจักร นั่นหมายถึงความตายทั้งของแกและโนอาเหมือนกัน”
“ทั้งที่แกเลือกไปแล้ว แต่ทำไมยังลังเลพาตัวเองกลับมาที่นี่อีก”
อาจารย์รู้เรื่องทุกอย่างดีอยู่แล้ว
รู้ว่าสุดท้ายเด็กหนุ่มจะเลือกเส้นทางที่ถูกต้อง หากอเลนตัดสินใจเลือกอโพคริฟอสตั้งแต่แรก
จุดจบก็คงเหมือนกับสงครามศักดิ์สิทธิ์ครั้งที่ผ่านๆมา สิ่งที่พระเจ้าต้องการทดสอบคือมนุษย์กับโนอาจะยอมยุติสงครามกันเมื่อใด
เขาคนนั้นเชื่อมโยงทั้งสองโลกเอาไว้ด้วยสายสัมพันธ์ที่เรียกว่าโซลเมท
หากไม่จบที่ครั้งนี้ สายสัมพันธ์ก็จะก่อกำเนิดขึ้นเรื่อยๆไม่มีวันจบ
จนกว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสูญสิ้นไปเสียก่อน
ฝ่ามือที่อบอุ่นของคนอายุมากกว่าวางลงบนกลุ่มผมนุ่มและออกแรงขยี้จนไม่เป็นทรง
แต่ละประโยคที่เจ้าตัวกล่าวทำให้อเลนไม่มีโอกาสได้หยุดประหลาดใจ
“ลำพังอโพคริฟอสอย่างเดียวทำลายโนอาไม่ได้หรอกนะ”
ความจริงทุกอย่างเปิดเผยช้าเกินไป
ช้าจนเขาตัดสินใจหุนหันไปเสียแล้ว
“เอาเวลาเสียดายมาเตรียมตัวรับมือให้ดีเถอะ”
เป็นเสียงของคันดะที่เอ่ยขึ้นพร้อมใช้ดวงตาคู่คมปรายมองมา
ไม่มีใครคาดเดาความคิดของโนอาในตอนนี้ได้ ลอร์ดทีกี้ มิกก์ที่มีพลังเสถียรแล้วจะทำอย่างไรต่อไป
เขามีกำลังพอจะกวาดล้างศาสนจักรให้ล่มสลายได้ ต่อให้อโพคริฟอสถูกทำลายไปได้จริงๆ
สิ่งที่อาจจะเป็นภัยต่อคนในตระกูลนั้นในอนาคตก็คือตัวอเลน วอล์คเกอร์เอง
จะเลือกเก็บเด็กหนุ่มไว้หรือกำจัดทิ้ง… สายสัมพันธ์ที่เรียกว่าโซลเมทจะเป็นของจริงหรือไม่
ทุกอย่างกำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้
“เป้าหมายของเรามีอย่างเดียว คือกำจัดเจ้าตัวซีดนั่นให้ได้”
เพราะไร้พลัง
ศาสตร์การผนึกจึงเป็นหนทางเดียวที่อเลนจะสามารถใช้มันได้อย่างเชี่ยวชาญ พระเจ้าได้ยึดอำนาจที่เคยสืบต่อทางสายเลือดของมนุษย์ไปตั้งแต่สงครามศักดิ์สิทธิ์ครั้งก่อน
แต่ศาสนจักรยังดื้อรั้นที่จะครอบครองพลังเหล่านั้นโดยการรวบรวมเศษผลึกกระจัดกระจายไปทั่วทุกพื้นที่มาสร้างเป็นอาวุธ
แม้แต่ปืนพกของครอสหรือดาบของคันดะก็เป็นหนึ่งในอาวุธเหล่านั้น
แต่อเลนไม่สามารถถืออาวุธเหล่านั้นได้
เศษผลึกแห่งพระเจ้าที่เรียกว่า ‘อินโนเซนส์’ ปฏิเสธการถือครองจากเขาเพียงเพราะพลังที่เข้มข้นกว่าในสายเลือด
กรณีเดียวกันกับอโพคริฟอส
อินโนเซนส์ที่มีแหล่งกำเนิดพลังงานมาจากที่เดียวกันก็ไม่สามารถทำอันตรายอะไรมันได้เช่นกัน
ไม่ว่าจะก้าวเดินไปบนถนนเส้นใดก็มีเอ็กโซซิสต์กระจายกำลังอยู่เต็มไปหมด เป้าหมายของเด็กหนุ่มมีเพียงการกำจัดการมีอยู่ของปีศาจนั่นเท่านั้น
แม้มันจะหมายถึงการทำได้แค่ผนึกไว้ก็ตาม
ด้วยกำลังคนที่น้อยเกินไป
พวกเขาไม่สามารถรับมือกับส่วนกลางของศาสนจักรได้ทั้งหมด ครอสและคันดะทำหน้าที่ลอบโจมตีเอ็กโซซิสต์บางส่วนที่ได้รับคำสั่งจับตายอเลนสถานเดียว
ไม่จำเป็นต้องออกไปตามหา
แต่สิ่งนั้นจะเดินเข้ามาเอง เด็กหนุ่มรู้สึกได้ว่าอโพคริฟอสกำลังใกล้เข้ามาแล้ว
มันตื่นขึ้นมาอีกครั้งและกำลังพลิกแผ่นดินเพื่อตามหาเขาอยู่ ก่อนที่ผู้คนเหล่านั้นจะรู้ตัว พื้นที่ตีรัศมีออกไปประมาณสองกิโลเมตรล้อมรอบไปด้วยอาณาเขตของอเลนหมดแล้ว
เมื่อไรก็ตามที่มีใครลุกล้ำเข้ามา ยันต์จะลุกไหม้และบอกตำแหน่งได้ในทันที
สิบสามนาฬิกาห่างจากตรงที่เขายืนอยู่มียันต์ลุกไหม้พร้อมกันสี่ห้าใบ
ใครบางคนที่มีพลังมหาศาลกำลังตรงดิ่งมาอย่างรวดเร็ว
กายสูงใหญ่แต่ผิวหนังกลับเป็นสีขาวซีดทั้งตัว
ดวงตาทั้งสองข้างกำลังเบิกกว้างอย่างน่ากลัว
มันสแยะยิ้มกว้างเมื่อพบเป้าหมายที่ตามหาอยู่ตรงหน้า ความรู้สึกหนักอึ้งที่แขนซ้ายทุกครั้งที่พบเจอแล่นเข้ามาเล่นงานเจ้าของพลังอีกครึ่งหนึ่งจนเซถลาออกไปด้านข้าง
แต่ยังไม่ทันได้เข้าถึงตัว
ยันต์จำนวนมากที่มีตัวหนังสือสลักไว้ก็เข้าบีบรัดร่างของอโพคริฟอสอย่างรวดเร็ว
อเลนแน่ใจแล้วว่าเขาจะเลือกเส้นทางนี้ เลือกผนึกอโพคริฟอสเอาไว้ตลอดกาล
แม้นั่นจะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้โนอาเข้ามาทำลายโลกมนุษย์ก็ตาม
แสงสว่างจ้ารายล้อมทำให้เจ้าของร่างใหญ่โตไม่อาจขยับเขยื้อนตัวได้ตามใจหวัง ด้วยระดับพลังมหาศาลของมัน
เด็กหนุ่มต้องการเวลามากว่านี้เพื่อทำให้ผนึกทำงานได้โดยสมบูรณ์
แปดสิบเปอร์เซ็นต์
ยันต์จำนวนมากมายต้านพลังมันได้เพียงเท่านั้น
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นยามได้ประสานสายตากับดวงตาแดงกล่ำที่กำลังจ้องหมายจะเอาชีวิต
พลังจากพระเจ้าที่ฝังเขาเอาไว้ในหลุมแห่งความหวาดกลัวมาหลายสิบปี ทั้งที่เคยโดนโจมตีจากโนอาและบาดเจ็บอยู่
แต่ลำพังแค่เขาคนเดียวอาจจะต้านไม่ไหว
อาณาเขตที่เคยกางเอาไว้ค่อยๆถูกทำลายและย่นระยะเข้ามามากขึ้น
ต่อให้อเลนรู้ตัวแต่ก็ไม่สามารถละมือออกจากร่างตรงหน้าได้
ครอสและคันดะกำลังรับมือกับเอ็กโซซิสต์อย่างล้นมือ
กองกำลังอีกส่วนหนึ่งฝ่าเข้ามาในด้านที่เป็นจุดบอดของคนทั้งสาม
“อเลน ระวัง!”
จริงอยู่ว่าอาวุธที่สร้างจากอินโนเซนส์หรือแม้แต่กระสุนที่เอ็กโซซิสต์นิยมใช้ไม่สามารถทำอันตรายอะไรเขาได้
แต่ความจริงอีกข้อว่าเด็กหนุ่มเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งที่ถูกอาวุธธรรมดาปลิดชีวิตได้ก็ไม่ได้เปลี่ยนไป
เจ้าของดวงตาสีขี้เถ้าได้ยินเสียงของคันดะตะโกนมาทุกอย่าง
แต่ด้วยความเร็วของลูกธนูที่พุ่งมาจากด้านข้าง
แม้แต่จะขยับนิ้วเพื่อสร้างเกราะป้องกันก็ยังไม่ทัน
เป้าหมายของมันคือหน้าอกด้านซ้าย
ทันทีที่มันตัดขั้วหัวใจของเขาได้ อโพคริฟอสก็จะสมบูรณ์
แผนนี้มันเสี่ยงตั้งแต่แรก อเลนรู้ดี… แต่เพียงแค่อีกนิดเดียวเท่านั้น
อีกนิดเดียวที่เขาจะกำจัดมันได้ก่อนที่จะโดนกำจัดเสียเอง
เปรี้ยะ…
อาวุธสังหารนั้นยังไม่ทันได้มาถึงตัว
ดวงตาคู่สวยก็ต้องเบิกกว้างเมื่อมันสลายไปต่อหน้าต่อตา ภาพของผีเสื้อกลางคืนที่กำลังสยายปีกพวยพุ่งออกมาจากช่องท้องของอโพคริฟอสจำนวนมหาศาล
อเลนเผลอคิดไปครู่หนึ่งว่าตนเห็นภาพซ้อนจากเหตุการณ์ที่โลกปีศาจ
แต่ฝีเท้าและพลังที่สัมผัสได้จากด้านหลัง
ทำให้จังหวะการเต้นของหัวใจกลับมารัวเร็วได้แทบจะทันที
“สิ่งที่จะคานกับพลังอันบริสุทธิ์ของพระเจ้าได้
ก็คือพลังอันแปดเปื้อนของปีศาจ” ปลายเท้าคู่หนึ่งลงแตะกับพื้นดินอย่างแผ่วเบา
“พวกแกกำลังกลัวฉันที่ทำแบบนั้นได้อยู่ใช่ไหมล่ะเอ็กโซซิสต์”
กายขาวซีดกรีดร้องด้วยความทรมานเมื่อสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดร้าวไปทั่วร่าง การมาถึงของใครคนหนึ่งทำให้พื้นที่ที่เคยวุ่นวายสดับเงียบลงได้ในฉับพลัน
การแต่งกายแบบชนชั้นสูงที่ตัดเย็บด้วยผ้าเนื้อดีตั้งแต่หัวจรดเท้า
ระดับพลังของคนผู้นี้มากมายเสียจนทำให้เหล่าเอ็กโซซิสต์ไม่กล้าขยับตัวไปไหน
ทรงพลังราวกับแค่กระดิกนิ้วครั้งเดียวก็สามารถปลิดชีพพวกเขาได้
ดวงตาเปล่งประกายสีทองเปลี่ยนเป้าหมายจากอโพคริฟอสมามองยังใบหน้าหวานของเด็กหนุ่มตรงหน้า
ทั้งที่ซีดกลัวขนาดนั้นแต่ก็ยังพาตัวเองมาในที่แบบนี้อยู่อีก
“ดูถูกกันจังเลยนะหนุ่มน้อย ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นหรอกนะ”
พลังที่แปดเปื้อนของปีศาจถูกทำให้สมบูรณ์แล้ว…
ไม่ใช่เพราะบรรณาการแต่เป็นเพราะความรัก
สายสัมพันธ์ระหว่างโซลเมทมันไม่ได้มีอะไรซับซ้อนไปกว่านั้น
ทีกี้นึกสมเพสกับเรื่องราวที่เขาต้องเจอมาโดยตลอด
พระเจ้าก็ชอบทำอะไรงี่เง่าดีเหมือนกันนะ
ช่วงเวลาสั้นๆที่กองทัพผีเสื้อสีดำเข้าปกคลุมร่างของอโพคริฟอสราวกับจะรุมทึ้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั่นให้แตกสลาย
ไม่นานนักสิ่งมีชีวิตที่เคลือบไปด้วยพลังสีม่วงก็บินกระจัดกระจายกันออกไปคนละทิศทาง
ทิ้งไว้เพียงก้อนผลึกสีเขียวที่ตกลงกระทบพื้นพร้อมประกายวาววับ
ดวงตาสีทองยังไม่ละออกไปจากใบหน้าของคนที่คิดถึง
สายตาที่ทอดมองเป็นเช่นทุกครั้งที่อเลนคิดว่ามันอันตรายต่อหัวใจของเขาเหลือเกิน
ปลายเท้าของคนตัวสูงเหยียบขยี้ลงบนผลึกศักดิ์สิทธิ์นั้นอย่างไม่ปราณี
ก่อนที่มันจะแตกสลายเป็นผงละเอียดและกลับคืนสู่ท้องฟ้า
ไม่มีอะไรมาขวางทางสายสัมพันธ์โซลเมทของคนทั้งคู่ได้อีกแล้ว…
ช่วงจังหวะเดียวกันกับที่แขนทั้งสองข้างของอเลนที่เคยเป็นอิสระกลับโดนรวบไปไว้ด้านหลังอย่างรวดเร็วจนเผลอนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
ไม่ใช่จากทีกี้แต่เป็นใครอีกคนที่มาด้วยกัน
“ไวส์ลี่?” ทั้งที่เจ้าตัวดูไม่น่าจะใช่สายใช้กำลัง
แต่กลับบีบข้อมือของเขาไว้แน่นราวกับคีมเหล็ก ใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นระบายยิ้มละไมแบบที่เขาชอบทำอยู่เสมอ
“ยืนนิ่งๆหน่อย หรือไม่ก็แกล้งสลบไปเลยก็ได้”
“ว่าไงนะ”
เด็กหนุ่มตามสถานการณ์ไม่ทัน
เขาทราบมาโดยตลอดว่าไม่ควรไว้ใจคนจากโลกปีศาจโดยเฉพาะโนอา
แต่ใบหน้ายิ้มเหมือนกำลังพอใจที่ได้เล่นสนุกของทั้งเจ้าคนด้านหลังและหัวหน้าตระกูลนี่มันอะไรกัน
“ว่ายังไงล่ะเอ็กโซซิสต์ หนทางเดียวที่พอจะเอาชนะได้อยู่ในมือฉันแล้วนี่ไง”
ไม่มีใครกล้าก้าวขึ้นมาต่อกรกับโนอาที่ระดับพลังต่างกันมากเสียจนไม่เห็นฝุ่น
มีเพียงคันดะที่กำลังทำท่าโมโหเหมือนอยากจะพุ่งเข้ามาช่วย
แต่ก็โดนครอสปรามไว้เสียก่อน ชายผมแดงดูไม่ได้ทุกข์ร้อนกับคำประกาศกร้าวของลอร์ดทีกี้
มิกก์ ซ้ำยังสแยะยิ้มพอใจกับการกระทำเช่นนี้ด้วย
“ฉันจะพาตัวหนุ่มน้อยคนนี้กลับไปด้วย
จะเป็นหรือตายก็ขึ้นอยู่กับพวกฉันเท่านั้น”
ก่อนหน้านี้พวกเขาล้วนต้องการความตายของอเลน วอล์คเกอร์
แต่สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปเมื่อการมีอยู่ของเด็กหนุ่มคนนี้อาจจะเป็นภัยต่อโนอาได้ในอนาคต
“จำเอาไว้ด้วยล่ะ เมื่อไรที่พวกแกเอ็กโซซิสต์คิดอยากจะทำลายตระกูลของฉันขึ้นมาอีก…”
“โนอาพร้อมที่จะกลับมาทำลายล้างมนุษย์ในสูญสิ้น”
บรรยากาศรอบตัวของร่างสูงอบอวนไปด้วยความกดดันที่แม้แต่อเลนที่ยืนอยู่ข้างกันยังรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง
แม้ใบหน้าหล่อเหลานั้นจะกำลังระบายยิ้มการค้า
แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนกำลังถูกกดเอาไว้ใต้ฝ่าเท้า
แต่ไม่นานนักไวส์ลี่ที่เอาแต่ปั้นใบหน้ายิ้มมาตั้งแต่เมื่อครู่ก็อดที่จะหลุดก้อนหัวเราะออกมาไม่ได้
“พูดจาอ้อมค้อมทำไม บอกตรงๆว่าอยากให้เขากลับไปด้วยมันก็ไม่ได้แย่หรอกนะ”
“ชิ…” และนั่นส่งให้หัวหน้าตระกูลโนอาเปลี่ยนสีหน้าเป็นความหงุดหงิดได้แทบจะทันที
ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นมาสางผมหยักศกพร้อมมองตาขวางใส่พี่น้องของตน
“อย่าขัดมุกกันสิ ขืนพูดตรงๆเจ้าพวกศาสนจักรก็ไม่เข้าใจสิ”
อเลนเข้าใจสถานการณ์ต่างๆได้ดีแล้ว
ทีกี้เลือกที่จะมาช่วยเขาและถอนกำลังกลับสู่โลกปีศาจโดยไม่ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์
ริมฝีปากบางได้แต่อมยิ้มดีใจอยู่คนเดียว
เพราะเขาเองก็กำลังก้มหน้าจนไม่มีใครมองเห็นสีหน้าได้
“ขอโทษนะครับที่เอาแต่ใจมากเกินไปหน่อย” เสียงหวานเอ่ยขึ้นเบาๆให้ได้ยินกันเพียงไม่กี่คน
อยากจะพูดคำนี้มาตั้งนานแล้ว
เขาไม่มีโอกาสได้ทำตามความต้องการของหัวใจตัวเองมานานแค่ไหนแล้วนะ…
ฝ่ามือของคนตัวสูงเอื้อมมาสัมผัสกรอบหน้าเรียวของคนตรงหน้า
เขาช้อนปลายคางขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้มองเห็นใบหน้านั้นชัดเจนขึ้น
แต่รอยยิ้มของอีกฝ่ายที่ระบายตอบมามันช่างน่ารักเสียจนอดที่จะคว้าร่างเล็กเข้ามากอดไม่ได้
“กลับไปอยู่กับฉัน ในฐานะเจ้าสาวจริงๆ
ที่ไม่ใช่บรรณาการกันเถอะนะ”
อุณหภูมิร่างกายที่อบอุ่นของอีกฝ่าย
จังหวะหัวใจที่กำลังเต้นบ่งบอกว่ากำลังมีขีวิต
อ้อมกอดที่เขาชอบและไม่อยากเสียมันไปอีก อเลนไม่อาจหุบยิ้มได้
เขาซุกใบหน้าน่ารักลงบนแผ่นอกของอีกฝ่ายราวกับต้องการปกปิดความเขินอายนี้เอาไว้จากสายตาของทุกคน
“ครับ”
เหตุการณ์วุ่นวายทุกอย่างจบสิ้นลงไปพักใหญ่
อเลนกลับสู่โลกปีศาจอีกครั้งในฐานะเจ้าสาวของโนอาโดยไร้ข้อกังขาใดๆ
พอไร้ซึ่งตัวตนของอโพคริฟอส เด็กหนุ่มก็ไม่ใช่ภัยอันตรายใดที่ต้องกังวล
แม้อเลนจะยังรู้สึกกดดันขณะอยู่กับโนอาคนอื่นๆนอกจากโร้ดและไวส์ลี่ แต่ท่าทีของพวกเขาก็ไม่ได้ดูแข็งกร้าวเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
อย่างน้อยสังคมชนชั้นสูงก็ทำให้คนเหล่านี้มีภาระงานต้องจัดการอยู่ตลอดเวลา
คงไม่ได้เอาเวลามานั่งเขม่นเจ้าสาวคนใหม่มากมายขนาดนั้น
อย่างน้อยเวลามันคงจะช่วยทำให้ทุกอย่างดีขึ้นได้บ้าง…
ขบวนรถไฟที่มีปลายทางที่โลกปีศาจไม่ได้เงียบเหงาอีกต่อไป
คันดะขอปลีกตัวออกไปใช้ชีวิตอยู่คนเดียวเงียบๆ
ส่วนครอสก็อาสาขึ้นรถไฟมาพร้อมกับเหล่าโนอาโดยไม่ได้สนใจว่าเป้าหมายเป็นโลกที่ตัวเองไม่เคยรู้จักมาก่อนเลยแม้แต่นิด
พิธีแต่งงานถูกจัดขึ้นในคฤหาสน์ของหัวหน้าตระกูลโนอาโดยมีเหล่าพี่น้องของเขามาร่วมงานกันคับคั่ง
เจ้าสาวของงานยังคงสวมใส่เครื่องแต่งกายสีขาวตั้งแต่หัวจรดเท้าที่ไม่ว่ามองอย่างไรก็ส่งให้เจ้าตัวเสมือนดั่งเทวทูตผู้แสนบริสุทธิ์
ทีกี้ไม่ได้ต้องการให้งานมีขนาดใหญ่นักตามนิสัยไม่ชอบเข้าสังคมของเขา
งานแต่งถูกจัดขึ้นในคืนพระจันทร์เต็มดวง คืนนี้ไม่มีทั้งร่างสีดำและสีขาวที่แยกออกเป็นสอง
มีเพียงหัวหน้าตระกูลโนอาผู้หล่อเหลาที่เป็นเจ้าของงานเท่านั้น
ประสงค์ของพระเจ้าเป็นจริงดังที่เขาหวัง
ตอนจบของสงครามที่บรรจบลงด้วยความรักของคนจากทั้งสองโลก
อดีตเสนาธิการกลมกลืนไปกับงานเลี้ยงราวกับเป็นคนจากโลกปีศาจเสียเอง
เขาคุยถูกคอและกลายเป็นเพื่อนร่วมวงแอลกอฮอล์ของไวส์ลี่ไปโดยปริยาย ไม่ต้องลำบากอเลนมาโดนยัดเยียดให้ดื่มแล้วเมาแอ๋หน้าแดงไม่ได้สติอีก
พยานของงานครบถ้วนทั้งฝั่งบ่าวสาว
ไม่มีอะไรขัดขวางสายสัมพันธ์ครั้งนี้ได้อีกต่อไป…
ทันทีที่งานเลี้ยงสิ้นสุดและเสียงดนตรีที่เคยบรรเลงเงียบไป
บ่าวสาวถูกส่งเข้าสู่ห้องนอนพร้อมมีมือดีแอบมาล็อคประตูเอาไว้ใม่ให้คนทั้งคู่ออกไปไหนได้
ต่อให้บานไม้นั่นจะไม่ได้คณามือคนที่เป็นถึงหัวหน้าตระกูลโนอาเลยก็เถอะ
คนอายุน้อยกว่าทำได้เพียงนั่งแข็งทื่ออยู่ที่ปลายเตียง
มือไม้เริ่มอยู่ไม่นิ่งตามประสาคนทำอะไรไม่ถูก
ไม่ใช่ว่าเรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้น แต่ตอนนั้นเขาไม่ได้มีสติเต็มร้อยเสียหน่อย ทีกี้ก็นั่งห่างออกไปเพียงไม่ถึงคืบเท่านั้น
หัวใจมันก็พาลเต้นระส่ำราวกับกลองชุด
“อ๋า อึดอัดชะมัดเลย ผมไปเปลี่ยนชุดดีกว่า”
ว่าพลางดีดร่างของตัวเองขึ้นเหมือนไม้กระดก
ยังไม่ทันได้ก้าวขาวิ่งออกไป
ข้อมือเล็กก็ถูกคนแรงเยอะกว่าคว้าเอาไว้จนทั้งร่างเซถลาไปนั่งบนตักกว้างของใครอีกคนได้พอดิบพอดี
แขนแกร่งโอบรัดเอวคอดกิ่วนั้นไว้แน่นราวกับกลัวว่าคนตัวเล็กจะหายไปจากสายตาอีกครั้ง
เขาวางใบหน้าคมลงบนไหล่ของอีกฝ่าย
กลิ่นหอมที่คละคลุ้งจากคนน้องเรียกให้ฝังจมูกลงไปบนลำคอขาวนั้นอย่างไม่อาจกลั้น
กลิ่นนี้ยังคงหอมหวานเหมือนเดิม …ไม่สิ ดูเหมือนจะมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ
“หนุ่มน้อย เธอรู้ไหมว่าถ้าฉันกัดหลังคอของเธอไป เธอจะกลายเป็นของฉันตลอดกาลเลยนะ”
น้ำเสียงนุ่มทุ้มนั้นช่างน่าฟัง มันราวกับกับดักของปีศาจที่จะล่อลวงคนฟังเข้าสู่ราคะอันน่าพิศมัย
อเลนรีบยกมือขึ้นมาป้องหลังคอตัวเองทันทีที่รู้ตัว
“พูดอะไรน่าขนลุกจังเลยครับ”
ใบหน้าน่ารักนั้นเคลือบไปด้วยสีแดงราวกับลูกตำลึงสุกปลั่ง
กลายเป็นภาพน่ามองที่ตัดกับทัศนียภาพขาวละเอียดตั้งแต่หัวจรดเท้าของเจ้าตัว
“ฉันจะทำให้เธอตั้งครรภ์ลูกของเราไปเลยดีไหมนะ
ที่โลกนี้ไม่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น”
ใบหน้ายิ้มละไมของชายคนนี้มันช่างร้ายกาจ
ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่อาจเก็บซ่อนความเขินอายเอาไว้ได้อีก
และท่าทางเหล่านั้นมันก็ถูกใจคนขี้แกล้งอย่างทีกี้เสียเหลือเกิน
“คืนนี้เธอไม่ได้เมาแล้ว ฉันจะไม่ยั้งตัวเองหรอกนะ”
“ก็… ก็ตามใจคุณเถอะครับ”
คนโกหก…
คราวก่อนเรียกว่ายั้งมืออยู่อีกหรอ
คนพี่เอาแต่แกล้งแย่จนเด็กน้อยไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาสบตา
มือหนาจึงสบโอกาสเชยคางมนขึ้นเพื่อให้มองเห็นใบหน้าน่ารักได้ทุกรายละเอียด ลอร์ดทีกี้ มิกก์หล่อเหลาราวกับงานฝีมือของพระเจ้า
ใฝใต้ดวงตาที่เขาชอบ ม่านตาสีทองที่จ้องมองมาราวกับกำลังดึงดูดเขาเข้าไปสู่ห้วงแห่งความต้องการ ทุกครั้งที่ได้มองสติมันก็ขาวโพลนไปเสียทุกที
คนตัวสูงประกบริมฝีปากลงมาอย่างอ่อนโยน จุมพิตนี้มันช่างหอมหวานเกินกว่าน้ำตาลที่ไหน แพขนตาหนาของคนน้องปิดสนิทลง
ปล่อยให้ลิ้นร้อนของอีกฝ่ายแทรกเข้ามาในโพรงปากได้อย่างไม่ห้ามปราม
บทเพลงรักนี้ยังคงดำเนินต่อไป
และมันคงยาวนานอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ผู้นำตระกูลโนอาโอบกอดร่างบอบบางนั้นไว้แน่นราวกับเป็นสัญญาณว่าจะไม่มีทางปล่อยให้หลุดมืออีกเป็นครั้งที่สอง
และเขาก็ไม่ลืมที่จะฝังเขี้ยวลงบนหลังคอขาวเพื่อเป็นสัญญาผูกมัดว่าพวกเขาจะเป็นของกันและกันตลอดไป…
THE END
แง กรี๊ดด ในที่สุดก็จบแล้วค่ะทุกคนน
เรื่องนี้ไรเตอร์ตั้งใจแต่งมากๆ มาถึงฝั่งฝันกันแล้วค่ะ;-;
ความสัมพันธ์ของสองคนนี้คือมันพันกันยุ่งเหยิงไปหมดตั้งแต่ในมังงะแล้วค่ะ
นี่ก็เลยเอามาแต่งฟิคแบบให้คงเหลือกลิ่นอายเนื้อเรื่องจริงซักนิดหน่อย
แล้วไรเตอร์ก็เป็นคนที่ต้องเปิดเพลงสร้างมู้ดตอนแต่งตลอดเวลาด้วย
สำหรับเรื่องนี้ก็คือเพลงนี้เลย Crying over you - HONNE
เข้ากับบรรยากาศ Toxic สุดๆ แถมเรายังตั้ง loop เอาไว้
จนยูทูปมาสรุป Recap เอาไว้ให้ เล่นเอาตกใจเลยค่ะ555555
ฟังซ้ำไป 2,345 ครั้ง เลขสวยซะด้วย
ไหนๆก็จะปิดเรื่องกันแล้ว ขอพื้นที่โปรโมทฟิคเรื่องต่อไปนิดนึงนะคะ
เรื่องต่อไปที่แพลนจะแต่งก็คือออ ฟิค Daiya no ace
เป็นคู่ของมิยูกิและซาวามูระค่ะ //อยากจะใส่เอฟเฟ็ควิ้งวับให้เยอะๆ
มีใครชอบคู่นี้กันไหมคะ อีกหนึ่งคู่โปรดมากๆของเราเลย
ตีมเรื่องจะเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาเรียนมหาวิทยาลัยกันแล้วค่ะ
ซึ่งน่าจะแต่งง่ายกว่าเรื่องนี้เยอะเลย แหะๆ
เรื่องเวลาลงยังไม่แน่นอนนะคะ
แต่ช่วงนี้ไรเตอร์พอจะจัดสรรเวลาส่วนตัวได้บ้างแล้ว
อาจจะไม่ได้มีเวลาว่างเยอะเท่าแต่ก่อน แต่จะพยายามเข้ามาอัพเรื่อยๆนะคะ
แล้วพบกันกับฟิคเรื่องใหม่ค่ะ^^
ความคิดเห็น