คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #30 : จูบแรก
ตอนที่ 30 จูบแรก
ฉินฉินเล่าเรื่องแผนที่ตนเองได้คิดเอาไว้ให้ทุกคนรับรู้ โดยบรรดาสหายก็ให้ความร่วมมือตั้งใจฟังอย่างดี
มีเพียงเหยียนซือเท่านั้นที่เอาแต่ใช้นิ้วพันผมหญิงสาวเล่น แต่หูยังคงฟังที่นางพูดอยู่
"ข้าว่าเราควรจะขอแรงชาวบ้านช่วยกันปลูกข้าวโพดไว้กินช่วงหน้าหนาว หากลงมือตอนนี้ยังทันนะ ตอนแรกข้าตั้งใจจะปลูกมันแต่ระยะเวลาที่ใช้นานพอสมควรกว่าจะเก็บเกี่ยวได้ก็เกือบปี ข้าวโพดนี่แหละน่าจะดีที่สุดแล้ว"
ว่านหลงเห็นด้วยกับวิธีนี้ เพราะคงดีกว่าปล่อยให้ชาวบ้านอดตายอย่างน้อย ๆ หากมีเสบียงตุนไว้ยังพอรอดไปได้สักระยะ
"ข้าว่าเพียงแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว เราช่วยเท่าที่ทำได้เถิด ถึงแม้จะเหลือระยะเวลาสั้น ๆ ก็ขอให้ทุกคนทำมันอย่างเต็มที่"
หยางมี่ที่นั่งฟังเงียบ ๆ มาตลอดยกมือแสดงความคิดเห็น
"ข้าว่าเราควรจะมีเนื้อสัตว์ด้วยนะเจ้าคะ ข้าวโพดทำให้อิ่มท้องก็จริงแต่ข้าว่าคุณค่าทางด้านอาหารยังไม่เพียงพอ"
ฉินฉินเห็นด้วย นางจึงมีความคิดดี ๆ เพิ่มขึ้นมาอีก
"ข้าเห็นด้วย ข้าวของข้าเพิ่งเก็บเกี่ยวไป จะแบ่งที่ดินไว้เลี้ยงลูกเจี๊ยบเพิ่ม ถึงหน้าหนาวข้าจะแบ่งให้แค่หมู่บ้านละสิบตัว ทุกวันให้ต้มน้ำซุปแจกจ่ายลูกบ้านของตน บางวันข้าจะให้ข้าวเสริมไปด้วยจะทำเป็นโจ๊กได้"
บุรุษทั้งสามพยักหน้าเห็นด้วยเช่นเดียวกัน สำหรับพวกเขาทุกคนเรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องเกินตัว ต่อให้ต้องเลี้ยงไก่ทีเดียวเป็นหมื่นตัวก็ยังมีกำลังเสริมจากทางการมาช่วยอยู่ดี
ว่านหลงภูมิใจในตัวภรรยามาก และเนื่องจากมีคนนอกเพิ่มมาอีกสองคนทำให้พวกเขาแสดงความรักกันไม่ได้
ชายหนุ่มจึงทำได้เพียงลูบท้องชมภรรยาให้ลูกฟังแทน
"ลูกพ่อดูสิ แม่ของเจ้าฉลาดยิ่งนัก พ่อเลือกคนไม่ผิดจริง ๆ”
ฉินฉินอยากจะปาจอกชาใส่สหายเหลือเกิน แต่กลัวพลาดไปโดนคนท้องแทนนี่สิ
"ว่านหลงเจ้าไปขอความช่วยเหลือจากท่านเจ้าเมืองล่วงหน้า ขอให้แบ่งกำลังทหารไปประจำการล่วงหน้าอยู่ตามหมู่บ้าน แล้วให้ช่วยกันสร้างโรงทานขึ้น ชาวบ้านจะได้ไม่ต้องเดินทางไกลเข้าเมืองให้ลำบาก"
ว่านหลงพยักหน้ารับ..
"ได้ ข้าจะลองไปปรึกษาท่านเจ้าเมืองดู ข้าว่าเท่านี้น่าจะเพียงพอแล้ว ประชาชนก็คงเริ่มเตรียมพร้อมรับมือแล้วเช่นกัน"
เมื่อจัดการวางแผนเรียบร้อยแล้ว ทุกคนกำลังจะแยกย้ายไปทำตามหน้าที่ของตนเอง หูต้าลู่มารับน้องสาวกลับจวนทันทีตามเวลานัด
เขามาทันเห็นภาพชายหนุ่มผู้หนึ่งนั่งโอบไหล่น้องสาวของตน รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา จึงรีบสาวเท้ายาว ๆ มาดึงตัวน้องสาวออก
"กลับจวน!"
ฉินฉินไม่ทันได้ตั้งตัว นางเห็นแล้วว่าพี่ชายเดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่พอใจเหมือนโกรธใครมาสักคน แต่ไม่คาดคิดว่าเขาจะดึงตัวนางขึ้นกะทันหันเช่นนี้ ทำให้ขาของนางไปเกี่ยวกับฐานโต๊ะหน้าเกือบทิ่มดิน
เหยียนซือคว้าเอวหญิงสาวไว้ได้ทัน เขาออกแรงนิดเดียวส่งผลให้นางนั่งทับบนตักแกร่งพอดิบพอดี
หูต้าลู่ไม่กล้าจับตัวน้องสาวสุ่มสี่สุ่มห้าอีก ได้แต่จ้องตากับสหายของน้องสาวแล้วสั่งเสียงเข้ม
"ปล่อยมือ"
ฉินฉินรู้สึกตัวก็สัมผัสได้ว่าบรรยากาศกำลังมาคุ ส่วนสหายสามคนหายตัวไปแล้วเร็วกันจริง ๆ
หญิงสาวพยายามเกลี้ยกล่อมพี่ชายให้ใจเย็น ๆ มือก็ดันตนเองให้ลุกออกจากตักสหาย แต่เหยียนซือไม่ยอมกลับรั้งเอวนางให้กลับมานั่งที่เดิม พลางกอดเอวนางไว้ทั้งอย่างนั้น
"เอ่อ พี่ใหญ่ใจเย็น ๆ ก่อนเจ้าค่ะ นี่! เจ้าก็ปล่อยข้าได้แล้ว เป็นอะไรไปกันหมดเนี่ย"
หลังต้นไม้ใหญ่ที่ตั้งอยู่ไกลจากศาลา มีชายสองหญิงหนึ่งกำลังแอบซุ่มดูสถานการณ์อยู่ คนที่ดูสนุกที่สุดน่าจะเป็นจางหมินที่กำลังขบฟันลุ้นว่า
ศึกชิงนางครั้งนี้ใครจะเป็นฝ่ายชนะ
"เหยียนซือไม่ธรรมดา พี่ต้าลู่ดุถึงเพียงนั้นยังจะกล้าแหย่รังแตนอีก"
ทางด้านฉินฉินยังคงไม่เข้าใจว่าชายทั้งสองคนเป็นอะไรไป หรือพวกเขาจะเคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อนหน้านี้ แล้วทำไมข้าถึงไม่รู้
"เหยียนซือปล่อยข้าก่อนเถิด ทำเช่นนี้ข้าเสียหายนะรู้หรือไม่ หากคนนอกมาเห็นเข้าเจ้าได้แต่งเข้าจวนข้าแน่"
"ได้สิ ข้าจะรับผิดชอบแต่งเข้าจวนเจ้าเอง จะไม่เรียกสินสอดแม้แต่อีแปะเดียว เจ้าอย่าลืมพาท่านลุงมาสู่ขอข้าเล่า"
ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอก้มหน้าวางคางบนไหล่หญิงสาว แล้วกระชับเอวคอดกอดนางแน่นขึ้น ก่อนจะเหล่ตามองชายที่ยืนกำหมัดกัดฟันกรอดให้กับท่าทางยียวนกวนประสาทเขา
ฉินฉินตัวแข็งทื่อไปแล้ว ปรกติเขาชอบนั่งใกล้นางและจับผมนางเล่นบ้าง มากสุดก็แค่โอบไหล่ไม่เคยทำถึงขั้นนี้มาก่อน
นางเริ่มรู้สึกอึดอัด
"เจ้าอย่าทำเป็นเล่น ปล่อยข้าก่อน"
เหยียนซือไม่ตอบแต่กลับใช้มือแข็งกระด้าง ที่ผ่านประสบการณ์ฝึกวิชาต่อสู้มามากมายจับคางหญิงสาวให้หันเข้าหาตน และโดยที่ไม่มีใครทันได้ตั้งตัวเขาก็ก้มหน้าประกบจูบนางต่อหน้าต่อตาพี่ชายและคนทั้งสามที่แอบดูอยู่หลังต้นไม้
ฉินฉินทำตาโตและได้กลายเป็นก้อนหินไปแล้ว
จูบแรกที่ข้าหวงแหนมานาน โดนเจ้าเพื่อนบ้าตัณหากลับขโมยไปแล้ว!
เหยียนซือลืมตาขึ้นมองหน้านาง เห็นหญิงสาวหน้าแดงก็รู้สึกพอใจอยากจะทำมากกว่านี้ แต่เขาเลือกที่จะปล่อยมือให้นางได้หยุดพักหายใจเอาอากาศเข้าปอดเสียก่อน
"ข้าทำเจ้าเสียหายแล้ว..ข้าจะไปสู่ขอเจ้าเอง"
ชายหนุ่มไม่มีท่าทางสำนึกผิด เขาพูดเสียงเรียบเหมือนกำลังฝึกเล่านิทานให้เด็กฟังก่อนนอนเสียมากกว่า
หูต้าลู่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างตรงหน้า สองตากำลังจ้องเขม็งด้วยความโกรธจัด รีบกระชากแขนดึงน้องสาวเหวี่ยงออกไปด้านนอก แล้วเงื้อมือขึ้นต่อยใบหน้าของเหยียนซือเต็มแรง
พลั่ก
ฉินฉินได้สติขึ้นมาก็พบว่าตนกำลังลอยอยู่กลางอากาศ ก่อนจะตกกระแทกพื้นเสียงดัง จนคนที่แอบดูอยู่ต้องรีบวิ่งออกมาช่วยพยุงให้นางลุกขึ้น แล้วลากไปหลบให้ไกลจากที่ศาลาให้ได้มากที่สุด
"เจ้าเป็นอย่างไรบ้างเจ็บตรงไหนหรือไม่"
ฉินฉินรู้สึกเจ็บที่ข้อเท้าจึงก้มลงมองดู เห็นเท้ามีรอยแดงเริ่มบวมมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็ให้รู้สึกเจ็บจนน้ำตาซึม
นางเงยมองชายหนุ่มร่างใหญ่สองคนผลัดกันปล่อยหมัดอย่างดุเดือดในศาลา จนโต๊ะที่ถูกตอกยึดติดกับพื้นล้มออกมากองอยู่ด้านนอก
"ฮึก..ข้าเจ็บขา"
พ่อบ้านชราได้ยินเสียงดังโครมครามจึงวิ่งมาดู เห็นเป็นนายท่านของตนกำลังสู้กับสหายของคุณหนู โดยมีคุณหนูนั่งร้องไห้อยู่ใต้ต้นไม้มองคนสู้กัน
"เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือขอรับ"
จางหมินมีสติก่อนใครรีบหันไปสั่งพ่อบ้านของสหาย
"ท่านลุงช่วยตามหมอมาที แล้วช่วยส่งคนไปตามท่านลุงอี้เทียนมาด้วย บอกว่าทางนี้เกิดเรื่องขึ้นให้มาช่วยห้ามที ว่านหลงไปหาผ้ากับน้ำแข็งมา"
"ได้ ๆ"
ว่านหลงรับคำสั่งวิ่งออกไปทันที
"ได้ขอรับ"
พ่อบ้านชราวิ่งออกไปสั่งคนให้ไปตามหมอและนายท่านใหญ่มา ก่อนจะวิ่งกลับมารอดูสถานการณ์ต่อ
"พี่ใหญ่พอเถิดอย่าสู้กันเลย"
ฉินฉินตะโกนเรียกสติคนในศาลา แต่พวกเขาหูดับไปแล้ว ศึกแห่งศักดิ์ศรีของบุรุษต้องสู้กันให้รู้ผลแพ้ชนะจึงจะยุติลงได้
หญิงสาวไม่เข้าใจว่าพวกเขาเป็นอะไรกันไปหมดจะสู้กันทำไม ถูกผีนักรบเข้าสิงกันหรือถึงได้สู้กันเอาเป็นเอาตายเช่นนั้น
ฉินฉินมองจางหมินที่กำลังช่วยนวดข้อเท้าให้ตนเองอยู่ พลันเอ่ยถามด้วยใบหน้าใสซื่อ..
"จางหมินเจ้ารู้หรือไม่ เหยียนซือกับท่านพี่มีเรื่องอะไรกันมาก่อนหรือ"
หยางมี่ที่กำลังหยิบผ้าเช็ดหน้าของตน แล้วย่อตัวนั่งบนพื้นดินซับเหงื่อและคราบน้ำตาออกให้สหายเป็นตอบคำถามแทน
"พวกเขาชอบเจ้าอย่างไรเล่า! พี่ชายเจ้าแอบชอบเจ้า เหยียนซือก็เช่นกัน เขาแสดงออกชัดเจนขนาดพวกข้าที่เป็นคนนอกยังรู้ มีเพียงเจ้าคนเดียวเท่านั้นที่ยังไม่รู้สึกตัว"
ฉินฉินตกใจอ้าปากค้าง นางส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อว่าสิ่งที่สหายพูดเป็นเรื่องจริง
"แต่พี่ใหญ่เป็นพี่ชายของข้านะ ส่วนเหยียนซือข้ากับเขาเคยไม่ชอบหน้ากันมาก่อน ตีกันแทบทุกวันเขาจะชอบข้าได้อย่างไร"
จางหมินมัวแต่ห่วงสหายจนเผลอออกแรงบีบมากเกินไป ฉินฉินเจ็บเท้ามากจึงเผลอกระตุกเท้าถีบเขาตีลังกาหงายท้อง
"ข้าขอโทษ!"
หญิงสาวรู้สึกผิดเขาอุตส่าห์ลดตัวลงมาช่วยนวดเท้าให้ ตนยังจะไปทำร้ายร่างกายเขาอีก
ทว่าจางหมินกลับไม่ถือสารีบลุกขึ้นมานวดต่อ
"พี่ชายเจ้าเป็นคนละสายเลือดกับเจ้าไม่ใช่หรือ หากจะแต่งงานกันก็ไม่นับว่าผิดกฎหมายอะไร”
“ส่วนเหยียนซือเขาเป็นชายหนุ่มมีความคิดเป็นของตนเอง ที่เขาชอบแกล้งเจ้าอาจเป็นเพราะเขาพึงใจเจ้าก็ได้ อย่าโชว์โง่นักเลยรีบแต่งงานได้แล้ว!"
แหม ด่าเจ็บเสียด้วย
ที่สำคัญคำด่านั้นจางหมินแอบจำมาจากฉินฉินเวลานางด่าเขา
ว่านหลงวิ่งมาพร้อมกับผ้าใส่น้ำแข็ง รีบยื่นส่งให้จางหมินช่วยประคบเท้าให้หญิงสาวต่อ
"ท่านลุงมาถึงแล้ว ท่านเจ้าเมืองก็มาด้วย"
จางหมินได้ยินก็รีบถกประโปรงมาปิดข้อเท้าให้ฉินฉินก่อน หากคนนอกมาเห็นเข้ามันจะดูไม่งาม
อี้เทียนวิ่งเข้ามาไม่พูดพร่ำทำเพลง เดินดุ่ม ๆ เข้าไปในศาลายกมือจับผมชายหนุ่มที่กำลังตีกัน ใช้แรงจากกล้ามแขนที่ทำงานครัวมาสามสิบปีเหวี่ยงชายหนุ่มทั้งสองคนลงไปในน้ำเสียงดัง
ยังดีที่น้ำไม่ลึกมาก ชายร่างใหญ่อย่างหูต้าลู่และเหยียนซือยืนขึ้นได้สบายมาก
"เจ้าเด็กพวกนี้ตีกันอย่างกับหมู ไม่อายคนบ้างหรือ ต้าลู่บอกพ่อมา! เจ้าตีสหายน้องสาวของเจ้าทำไม"
"ท่านพ่อเขารังแกน้องรองจะให้ข้าทนดูได้อย่างไร"
เจ้าเมืองหลิงหลงเดินมาหยุดอยู่วงนอกไม่ถามอะไร ทำเพียงยืนมองเหตุการณ์ตรงศาลาเงียบ ๆ
เหยียนซือหันมามองหญิงสาวที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ เห็นนางตาแดง ๆ ใจของเขาราวกับถูกบีบจึงก้มหน้ายอมรับผิดกับบิดาของนาง
"ท่านลุงข้าได้ขโมยจูบแรกของฉินฉินมาแล้ว ข้ายินดีรับผิดชอบขอรับ ข้าจะส่งแม่สื่อไปสู่ขอกับท่าน"
"ข้าไม่ยอม!"
ฉินฉินตะโกนขัดขึ้นมา ตอนนี้นางเพิ่งจะอายุสิบสี่เองยังไม่รีบมีสามี! คนยุคนี้แต่งงานมีลูกเร็วเกินไปนางรับไม่ได้
"ข้าจะไม่แต่งงานกับใครทั้งนั้น จนกว่าจะอายุครบสิบแปดปี เจ้าไม่ต้องมารับผิดชอบข้า คนที่จะมาเป็นคู่ชีวิตอยู่กินกันจนแก่เฒ่าต้องมาจากความรักสิ ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาจับคลุมถุงชน หรือแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักเด็ดขาด"
ทุกคนพร้อมใจกับเงียบไม่รู้จะพูดอย่างไรต่อดี ทางด้านเจ้าเมืองหลิงหลงก็อยากจะให้บุตรชายแต่งกับเด็กสาวผู้นี้เช่นกัน ทว่าดูเหมือนยังไม่ทันจะเริ่มบุตรชายของเขาก็มีศัตรูหัวใจถึงสองคนแล้วสินะ
"ทุกคนใจเย็น ๆ กันก่อน ไปสงบจิตสงบใจกันก่อนดีหรือไม่ แล้วค่อยมาพูดคุยปรับความเข้าใจกัน..นางหนูไปรักษาขาของเจ้าก่อนเถิด หมอรออยู่ในเรือนแล้ว ส่วนพวกเจ้าสองคนที่อยู่ในน้ำ ก็รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ข้าจะไปรอที่ห้องรับแขก”
“ส่วนอี้เทียนเราไปจิบชารอเด็ก ๆ กันด้านในเถิด"
ท่านเจ้าเมืองอาสาคลี่คลายเรื่องราวให้แล้ว ว่านหลงจึงขอตัวพาภรรยากลับไปพักผ่อนก่อน ส่วนจางหมินยังอยู่ต่อรอดูเรื่องสนุกตามประสาคนว่าง แล้วช่วยประคองสหายเดินเข้าไปในตัวเรือน
ความคิดเห็น