คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 3 - Happy Alley ยังเด็ก [Edited]
Chapter 3
“ผมส่งไฟล์ไปที่เมลล์แล้วนะ โอเคพี่ หวัดดีครับ” ร่างสูงขาวของเต๋าที่พึ่งเดินจากร้านมาถึงหน้าบ้าน ปกติแล้วเต๋าคงไม่เดินมาถ้าก่อนหน้านี้เขาไม่ได้แวะไปที่ร้านชานมไข่มุกเสียก่อน พอคิดว่าจะต้องโบกมอเตอร์ไซค์รับจ้างอีกครั้งก็ขอเลือกที่จะเดินดีกว่า แดดก็ไม่มีแล้ว ช่วงนี้ก็ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย แล้วอีกอย่างก็ประหยัดด้วย
“คชา” ยอมรับว่าเหนื่อยกับการทำงานและจากการเดินทางอยู่ไม่น้อย แต่หากความรู้สึกบางอย่างที่มีมากกว่าทำให้เต๋าเดินไปยังหน้าบ้านของเพื่อนบ้าน มองเห็นคนตัวเล็กนั่งหันหลังเข้าหาสระปลาเล็กๆหน้าบ้าน แค่เห็นแผ่นหลังบางคุ้นเคยนั่นก็อดไม่ได้ที่จะร้องทัก แล้วทิ้งความเหนื่อยล้าจากการทำงานทั้งหมดไว้ข้างหลัง
“พี่เต๋า” คชาหันไปหาพี่ชายข้างบ้าน ที่กำลังเปิดประตู้รั้วเดินเข้ามาในตัวบ้านโดยไม่ได้ขออนุญาตเจ้าของบ้านสักคำ แต่ก็อย่างว่าเต๋ามีเหตุผลร้อยพันในการเดินเข้ามาในบ้านหลังนี้อยู่แล้ว จะต้องไปขออะไร
“ทำอะไรอยู่หละเรา” เต๋าเดินไปยังโต๊ะม้าหินอ่อนหน้าบ้าน วางสำภาระทั้งหมดลงก่อนจะเดินไปยังคนตัวเล็กที่กลับไปนั่งหันหลังสนใจบ่อปลาเล็กอีกครั้ง
“พึ่งล้างสระปลาเสร็จ กำลังนั่งคุยกับแยมส้มอยู่” นิ้วเล็กจุ่มลงไปยังบ่อปลา แล้วใช้ปลายนิ้วจิ้มไปยังปลาทองตัวอ้วนกลมที่กำลังว่ายน้ำอยู่
“ตัวไหนนะแยมส้ม พี่ยังแยกไม่ออกเลยว่าตัวไหนแยมส้มตัวไหนปังปิ้ง” เต๋านั่งลงด้านข้างคนตัวเล็ก ตาคมจ้องมองปลาทองสี่ห้าตัวที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในสระน้ำอย่างมีความสุข ใช่ว่าเต๋าจะไม่เคยมานั่งมองเจ้าปลาทองพวกนี้ว่ายน้ำเสียเมื่อไหร่ ตอนแรกที่คชาพาเขามาหาเจ้าแยมส้มกับเจ้าปังปิ้ง เต๋ายังประหลาดใจอยู่เลยว่ามันจะมีสักกี่คนบนโลกที่ตั้งชื่อปลาทองแบบนี้ได้นอกจากคนน่ารักข้างๆเขา
“ก็นี่ไง แยมส้มจะตัวใหญ่กว่าปังปิ้ง”
“นั่นวัฟเฟิลใช่ไหม”
“ไม่ใช่ ๆ วัฟเฟิลเข้าถ้ำไปแล้ว...นั่นมันโกโก้ พี่เต๋าอะจำไม่ได้สักที”
“โอเคๆ งั้นบอกพี่อีกที รอบนี้พี่จำได้แน่ๆ” แล้วปากเล็กๆกับน้ำเสียงใสๆก็เริ่มอธิบายชื่อของปลาทองเพื่อนยากอีกครั้ง
“ก็ตัวนี้โกโก้ โกโก้ตัวใหญ่สุด แล้วนั่นก็แยมส้มกำลังจะตามวัฟเฟิลเข้าถ้ำ แล้วนั่นก็...”
“สระปลาสกปรกมากไหม” เต๋าที่จ้องหน้าคชาสักพักเอ่ยสวนคำบอกเล่าของเด็กน้อยตรงหน้า ยอมรับก็ได้ว่าเขาแทบจะไม่ได้สนใจสิ่งที่คชาพูดเลย เพราะมัวแต่จ้องแก้มใสกับปากเล็กที่กำลังเจื้อยแจวนั่น
“ก็นิดนึง ไม่ได้ล้างนานแล้ว”
“มิน่า แก้มเลยเลอะแบบนี้” มือหนายกขึ้นไปสัมผัสแก้มใสของคชาโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างเล็กสะดุ้งเล็กน้อยแต่หากไม่ได้เขยิบถอยหนีปล่อยให้พี่ชายข้างบ้านสัมผัสแก้มนุ่มของตนเองอยู่อย่างนั้น นิ้วโป้งเกลี่ยบางเบาตรงจุดที่คชาคิดว่าน่าจะมีรอยเปื้อนเกาะอยู่ สัมผัสบางเบาที่ผิวหน้าอีกทั้งความมุ่งมั่นตั้งใจบางอย่างในแววตาของพี่เต๋ากำลังทำให้คชาประหม่า หากเมื่อนิ้วโป้งที่เคยสัมผัสที่แก้มเนียนหยุดเคลื่อนไหว ดวงตาคมที่จ้องมองแก้มใสจึงได้เลื่อนมาสบเข้ากับดวงตาคู่กลม ความรู้สึกบางอย่างในแววตาของเต๋ากำลังทำให้หัวใจดวงน้อยของคชาเต้นแรงกว่าปกติ ถ้าไม่รีบทำอะไรสักอย่างตอนนี้หัวใจคชาต้องระเบิดแน่ๆ
“นี่แหนะ!” แล้วมือเล็กก็วักน้ำจากสระปลาไปยังใบหน้าคมขาวของเต๋า แล้วรีบยันตัวให้ลุกขึ้นยืน ทิ้งให้พี่ชายตัวโตนั่งยกแขนเอามือเช็ดหยดน้ำออกจากใบหน้า
“เข้าบ้านแล้ว ยุงเยอะเดี๋ยวยุงกัด” แล้วคนตัวเล็กก็รีบสาวเท้าจ้ำอ้าวเข้าบ้านไปอย่างไม่รีรอ
ถ้าคชารู้ว่าเมื่อกี้แก้มตัวเองไม่ได้มีรอยเปื้อน คชาจะโกรธพี่เต๋าไหมนะ?
-------------------------------------------------------------
“เต๋าทำไรอยู่ พี่เข้าไปได้ไหม?”
“เขามาเลยพี่ ไม่ได้ล็อค” เต๋าที่กำลังนั่งอยู่บนเตียง ตาคมละจากหน้าจอโน้ตบุ๊คไปมองพี่ชายที่เดินเข้ามาในห้องก่อนจะหยุดแล้วนั่งลงที่เตียง
“ทำไรอยู่วะ”
“เคลียร์งานนิดหน่อย” เต๋าว่าก่อนจะหันไปสนใจตัวหนังสือบนหน้าจอโน๊ตบุ๊คอีกครั้ง
“เป็นไงบ้างแก เข้ามาอยู่บ้านพี่จะเดือนนึงแล้ว”
“ดีสิพี่ ดีมากเลยหละ ขอบคุณพี่ตี๋อีกครั้งนะครับ ที่ชวนน้องเต๋าคนนี้มาอยู่ด้วย” เต๋าตอบแล้วยกมือไหว้ล้อเลียนตี๋ยกใหญ่ จนคนเป็นพี่อดไม่ได้จะยกมือขึ้นผลักมือเต๋าออก
“ตั้งแต่แกเลิกกับเอมไป แกยังไม่มีแฟนใหม่หรอวะ? พี่ไม่เห็นแกพูดถึงใครเลย”
“ก่อนหน้านี้ก็มีบ้าง แต่พอคุยกันแล้วเข้ากันไม่ได้ว่ะพี่ ส่วนมากบอกว่าไม่มีเวลาให้”
“เอ้อๆ ยังงี้แหละว่ะ บางครั้งผู้หญิงก็เข้าใจยาก”
“แล้วพี่หละ หลังจากจีบพี่มิ้นท์ไม่ติด พี่ก็ยังจีบผู้หญิงคนไหนไม่ติดอีกเลยใช่ไหม?” เต๋าเอ่ยทักพี่ชายตัวเองอย่างล้อเลียน
“เดี๋ยวเถอะแก พี่กำลังยุ่งเว้ย กำลังสร้างเนื้อสร้างตัว ยังไม่อยากหาใครมาตกระกำลำบากด้วย” ตี๋แก้ตัวออกไปอย่างนั้น อันที่จริงก็ไม่ได้แก้ตัวไปเสียหมด เขากำลังอยากสร้างฐานะของตัวเองให้มั่นคงกว่านี้ ถ้าหากมีใครในตอนนี้ตี๋คิดว่าคงไม่มีเวลาให้เหมือนที่เต๋าบอกจริงๆ
“โอเคครับพี่ตี๋คนดี” เต๋ายิ้มขำกับคำแก้ตัวของพี่ชาย
“แล้วกับคชาเป็นไงบ้าง เห็นสนิทกับแกดีหนิ”
“ก็ดีพี่ คชาก็น่ารักแบบพี่ตี๋บอกนั่นแหละ” อดอมยิ้มขึ้นมาไม่ได้เมื่อนึกถึงน้องชายตัวเล็กข้างบ้าน
“อื้ม ดีแล้ว คชาไม่ใช่คนที่จะสนิทกับใครได้ง่าย แต่แกอย่าลืมนะเต๋าว่าคชายังเด็ก” เต๋าละความสนใจจากโน้ตบุ๊ค หันหน้าไปมองพี่ชาย รู้สึกตงิดใจเล็กน้อยกับสิ่งที่ตี๋พูด เต๋าขมวดคิ้ว เป็นสัญญาณไปยังอีกคนว่าต้องการคำอธิบาย แต่ตี๋กลับลุกขึ้นยืนตบบ่าเขาเบาๆ บอกฝันดีแล้วเดินออกจากห้องไป ...
“เอ่อ นั่นแหละ พี่ไปนอนก่อน ฝันดีๆ”
เต๋าวางงานทั้งหมดลงแล้ว แต่แผ่นหลังหนายังคงพิงอยู่กับหัวเตียง สมองยังคงครุ่นคิดอยู่กับสิ่งที่ตี๋บอก
‘แต่แกอย่าลืมนะว่าคชายังเด็ก’
ใช่คชายังเด็ก ยังเด็กมากด้วย...
-------------------------------------------------------------
เช้าวันเสาร์แห่งทรวงสวรรค์ของพนักงานเงินเดือนกำลังเริ่มต้นขึ้น วันหยุดที่เฝ้ารอกำลังยืนส่งยิ้มอยู่ตรงหน้า แต่สำหรับยอดมนุษย์เงินเดือนตัวสูงผิวขาวภายใต้ชายคาบ้านเลขที่ 23/2ยังคงเคาะแป้นคีย์บอร์ดบันทึกข้อมูลการทำงานตั้งแต่เช้าตรู่จวบจนจะเที่ยงวัน ปลายนิ้วยังคงถูกใช้งานอย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน ดูเหมือนงานที่เต๋าแบกมาทำสุดสัปดาห์นี้จะหนักไม่น้อย แต่ก็ทำได้เพียงอดทนและตั้งใจทำมันให้เสร็จ คิดถึงหน้าของใครบางคนที่ตั้งใจไว้ว่าเมื่อเคลียร์งานเสร็จจะเดินไปหาที่บ้านก็ดูเหมือนจะสร้างกำลังใจให้ไม่น้อย
“คชา พี่ว่าจะ...” เต๋าที่พึ่งเคลียร์งานเสร็จ ก็รีบปรี่มาที่บ้านอีกหลังทันที แต่เมื่อเปิดประตูเข้ามาในตัวบ้านก็ต้องผงะตกใจไม่น้อย เมื่อภาพที่เห็นคือคนตัวเล็กกำลังเดินลงบันไดมาพร้อมกับเด็กผู้ชายอีกคน พูดคุยกันสนุกสนานราวกับสนิทสนมกันมากมาย
“พี่เต๋า มาตั้งแต่เมื่อไหร่” แต่ก็ดูเหมือนจะใจชื้นขึ้น เมื่อคนตัวเล็กวิ่งดุ๊กๆมาหาทันทีที่เห็นเขาเปิดประตูเข้ามา
“พี่พึ่งเข้ามาเมื่อกี้นี่แหละ ไม่ล็อคประตูบ้านอีกแล้วนะเรา ถ้ามีคนแปลกหน้าเข้ามาจะทำยังไง?” เต๋าเอ็ดคชาเล็กน้อย สายตาที่เคลือบแฝงไปด้วยความห่วงใยทำให้คชารู้สึกผิด
“คชาล็อคแล้วนะ...เบน ตอนแกเข้ามาแกไม่ล็อคประตูใช่ไหม?” คนตัวเล็กขมวดคิ้วก่อนจะหันหน้าไปหาอีกคนที่กำลังเดินลงบันไดตามมา ส่งสายตาดุๆไปให้แล้วว่าออกไป แต่นั่นก็ดูเหมือนจะไม่ได้อยู่ในสายตาของคนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างคชา เต๋าอึ้งไปเล็กน้อยตั้งแต่ได้ยินชื่อของเด็กผู้ชายอีกคนแล้ว นี่หรือคนที่ชื่อเบน...
“สงสัยใช่ว่ะ โทษทีๆ” เบนเอ่ยขอโทษก่อนจะเดินมาหยุดที่ด้านหน้าของเต๋าและคชา
“อ่อ พี่เต๋านี่เบนเป็นเพื่อนคชา เบนนี่พี่เต๋าเป็นน้องพี่ตี๋ เป็นพี่พี่เฟรม พึ่งย้ายมาอยู่” คชาแนะนำเสร็จสรรพแล้วหันไปมองหน้าคนตัวสูงด้านข้าง ที่กำลังจ้องมองเบนอย่างไม่วางตา
“เอ่อ หวัดดีครับพี่เต๋า ยินดีที่ได้รู้จักครับ” แล้วเหมือนเบนจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกไม่ชอบมาพากลที่ออกมาทางแววตาของเต๋า รู้สึกเกร็งไม่น้อยก่อนจะยกมือไหว้อีกคน
“ยินดีที่ได้รู้จักนะเบน” เต๋าส่งยิ้มให้กับอีกคน ในใจยังคงรู้สึกหงุดหงิดคิดถึงภาพที่คนตัวเล็กเดินลงบันไดมากับเพื่อนสนิท นี่เบนก็เข้าไปห้องนอนคชาอีกคนแล้วใช่ไหม?
“นึกว่าพี่เต๋าไม่อยู่บ้านซะอีก” คชาถูกพี่มิ้นท์ลากให้ตื่นตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า ชี้นู้นชี้นี่ให้ทำไม่หยุดแต่ดูเหมือนว่าดวงตาคู่กลมก็ยังมิวายเหลือบออกไปมองบ้านอีกหลังอยู่ดี
“พี่ทำงานอยู่ที่ห้อง...นี่ก็พึ่งเสร็จว่าจะมาชวนเราออกไปร้านพี่ตี๋ แต่ถ้ามีแขกก็ไม่เป็นไร” เต๋าเอ่ยแผ่วเบา หันหน้าไปมองแขกที่ตนเองกล่าวถึงแล้วหันกลับมามองคนตัวเล็กตรงหน้า ที่กำลังส่ายหน้ารัวทันทีที่ฟังเขาพูดจบก่อนมือเล็กนั้นจะยกขึ้นเกาะแขนของเขาอย่างไม่รู้ตัว
“ไม่ๆ อยากกินชานมสตอร์เบอรี่อยู่พอดีเลย เบนไปร้านพี่ตี๋กัน”
“ห๊ะ?”
“ร้านชานมไข่มุกของพี่ตี๋ไง ร้านน่ารักๆอยู่กลางซอยตอนเข้ามาไม่เห็นหรือไง?”
“ก็ดี จะได้แวะไปหาแพรวาด้วย”เบนยักไหล่ ก่อนจะเดินตามเพื่อนสนิทที่ลากแขนพี่ชายข้างบ้านออกไปก่อนหน้าแล้ว
-------------------------------------------------------------
“แพรวา!”
“อั๊ย!” เบนที่เดินย่องเงียบไปข้างหลังแพรวาที่กำลังรับออเดอร์จากลูกค้าตกใจร้องกรี๊ดออกมาก่อนจะหันหลังไปหาเพื่อนสนิทขี้แกล้ง
“ไอ้เบน ไอ้บ้า เล่นอะไรของแก”
“โหยย..กรี๊ดใหญ่เลยนะน้องแพรวา”
“ทำมาเป็นพูดดี ไหนหละของฝาก” แพรวาที่เดินเอารายการอาหารไปยื่นให้พ่อ หันมายืนค้เอวมองหน้าเพื่อนเบนแล้วเอ่ยทวงของฝากจากเพื่อนสนิท
“อะไร เจอหน้าก็ทวงของฝากเลยหรอ? …พ่อเทพหวัดดีครับ” เบนสังเกตเห็นพ่อของแพรวาก็รีบยกมือขึ้นไหว้ทันที
“ไม่มีก็ไปเลยนะไอ้เบน อย่ามากวนแถวนี้” แพรวาเงื้อมือขึ้นใส่เบน แอบโกรธอยู่เล็กน้อยที่แกล้งตนเองเมื่อสักครู่
“โหดว่ะ...คชาช่วยด้วย” เบนจึงรีบวิ่งไปหลบหลังคชา สองมือยกขึ้นเกาะไหล่ขนตัวเล็กเอาไว้ โผล่หน้าออกมายังไหล่คชาเล็กน้อย และด้วยส่วนสูงที่ต่างกันไม่มากทำให้แก้มคชากับแก้มของเบนแทบจะชิดกันอยู่รอมร่อ
“ชวนให้มาหากันนะ ไม่ได้ชวนมาให้ทะเลาะกัน”
“ก็คชาดูแพรวาดิว่ะ โหดชิบหาย”
“โหดอะไรเล่า เดี๋ยวเถอะ”
เต๋ามองดูสามเพื่อนสนิทที่กำลังยืนคุยกันอย่างออกรสออกชาติ ภาพของเบนที่ใช้สองมือจับไปที่ไหล่ของคชาทำให้รู้สึกหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย ก่อนหน้านี้ที่เดินออกจากบ้านมาด้วยกันสามคน ตอนแรกคนตัวเล็กนั่นก็เกาะแขนเขาอยู่ดีๆ แต่สักพักก็ย้ายไปเดินข้างเพื่อน พูดคุยสนทนาในหัวข้อที่เขาไม่เข้าใจและไม่สามารถนำตัวเองไปร่วมกับเรื่องราวน่าสนุกเหล่านั้นได้ คนตัวสูงขาวจึงได้แต่เดินตามหลังสองเพื่อนสนิทด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
ความรู้สึกที่เต๋าก็บอกตัวเองไม่ได้ว่าทำไมถึงรู้สึกเหนื่อยแปลกๆ อยากจะถอนหายใจออกมาสักพันครั้ง ทั้งๆที่คิดว่าเครียดจากเรื่องงานจะออกมาหากำลังใจแท้ๆ แต่ก็มาเป็นแบบนี้ไปได้ จ้องมองแผ่นหลังบางของคนตัวเล็กอยู่สักพักจึงตัดสินใจเดินเข้าร้านชานมไป
ความรู้สึกที่หาเหตุผลอธิบายไม่ได้ มันเหนื่อยอย่างนี้นี่เอง ...
-------------------------------------------------------------
บรรยากาศร้านชานมไข่มุกประจำซอยที่ลูกค้ายังคงคึกคัก ด้วยความที่ร้านยังคงใหม่อีกทั้งสภาพอากาศที่ร้อนจึงทำให้ผู้คนยังคงแวะเวียนมาหาสถานที่หลบแดดบวกกับลิ้มลองความหอมหวานของชานมไข่มุกร้านนี้อย่างไม่ขาดสาย
“คุณเฟรมครับมันไม่ใช่แบบนั้นนะครับ”
“อ้าวพี่เต้ นี่เฟรมก็ทำตามที่พี่บอกแล้วนะ มันจะไม่ใช่ได้ยังไง”
“คุณเฟรมสลับส่วนผสมกันนะครับ”
“อ้าวหรอ ตกลงอันนี้3 ไอ้นี่4 ใช่ไหม?”
“ครับ”
“เดี๋ยวพี่เต้ บอกกี่ทีแล้วว่าไม่ต้องเรียกคุณนำหน้าชื่อ”
“โทษทีครับคุณเฟรม แต่ผมยังไม่ชิน”
“ก็เต้มันเป็นคนสุภาพไม่ได้หยาบเหมือนแก ” เป็นตี๋ที่ว่าเหน็บแหนมน้องชายตัวเอง แต่เฟรมก็ใช่ว่าจะสนใจนี่นะเรื่องปกติของพี่น้องบ้านนี้
“คุณเฟรม คุณเฟรม ทีไรขนลุกเลยนะพี่เต้ เหมือนตัวเองเลอค่าบอกไม่ถูก” เฟรมหัวเราะออกมา ก่อนจะหันไปเห็นพี่ชายอีกคนที่กำลังผักประตูร้านเข้ามา
“อ้าว พี่เต๋างานเสร็จแล้วหรอ นึกว่าวันนี้จะไม่ออกมาซะอีก”
“อื้อ..เสร็จแล้ว” น้ำเสียงเรียบเฉยถูกส่งออกไปเล่นเอาคนฟังสามคนหันหน้ามองกันอย่างสงสัย
“คุณเต๋ารับอะไรไหมครับ” พนักงานโปเต้เอ่ยถามทันทีเมื่อเห็นเต๋านั่งลงไปยังเก้าอี้
“เหมือนเดิมก็ได้เต้” โปเต้พยักหน้ารับ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบส่วนผสมของชานมเผือก แต่เป็นเฟรมที่แย่งไปเสียก่อน
“มาๆพี่เต้ ผมขอแก้มืออีกรอบ”
“ไอ้เฟรม ให้แกทำแล้วเต๋ามันจะได้กินไหมเนี่ย” ตี๋ที่พึ่งเดินเอาชานมสองแก้วไปเสิร์ฟลูกค้าที่โต๊ะถามน้องชายตนเอง
“กินไม่ได้ก็ทำใหม่ดิพี่ คนกำลังฝึกวิชาอยู่ต้องเข้าใจ ใช่ไหมพี่เต้?”
“ครับๆ” พนักงานประจำแอบส่ายหัวแต่ก็ต้อง ปล่อยให้น้องชายเจ้าของร้านลงมือทำชานมเผือกแก้วของเต๋าต่อ แล้วคอยเตือนนู้นห้ามนี่แทน
“เป็นไรวะเต๋า มีปัญหาเรื่องงานหรอ เห็นทำหน้าแปลกๆตั้งแต่เดินเข้าร้านมาแล้ว” ตี๋เดินมานั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามแล้วถามอีกคนที่เขาสังเกตว่าสีหน้าไม่ค่อยปกติเท่าไหร่นัก
“เปล่าพี่ ไม่มีอะไร” เต๋าลอบถอนหายใจอย่างแผ่วเบา นึกหงุดหงิดตัวเองอยู่มากที่อยู่ๆก็แสดงความรู้สึกไม่พอใจและอารมณ์เสียจนคนรอบข้างจับสังเกตได้แบบนี้
“เหมือนพี่เห็นแว๊บๆว่าแกเดินมากับคชา”
“คุยกับเพื่อนอยู่ร้านลุงเทพ” ตี๋พยักหน้าเออออ จับสังเกตอาการของน้องชายสักพักแล้วลุกขึ้นหันไปมองสามเพื่อนสนิทร้านด้านข้าง ทำให้พอจะเดาสาเหตุอาการหน้านิ่วคิ้วขมวดของน้องชายตนเองได้
“ไอ้เต๋าเอ้ยไอ้เต๋า” ตี๋พึมพำออกมาแล้วตามด้วยเสียงหัวเราะ แล้วหันไปต้อนรับลูกค้าที่กำลังเดินเข้ามา
เต๋านั่งปล่อยอารมณ์ความคิดกับตัวเองสักพัก ถอนหายใจออกมาประปราย ตาคมเหลือบมองร้านด้านข้างบ้างจนท้ายที่สุดพ่ายแพ้ความคิดตนเองจนต้องย้ายมานั่งยังเก้าอี้อีกฝั่ง เมื่อยิ่งมองยิ่งดูเหมือนอารมณ์จะขุ่นมัวและฟุ้งซ่านมากขึ้น ภาพของคชาที่พูดคุยสนิทสนมกับเบนตามประสาเพื่อนสนิทหากเขาคงผิดเองที่คิดอะไรไปต่างๆนาๆ อีกทั้งคำพูดของพี่ตี๋เมื่อวันก่อนตีกลับเข้ามาอยู่ในห้วงความคิดอีกครั้ง... พี่ตี๋พูดถูกคชายังเด็กอยู่ ยังเด็กเกินไป
-------------------------------------------------------------
ในขณะที่พูดคุยถามไถ่สารทุกข์ สุขดิบ บวกกับทวงของฝากกันอย่างเพลิดเพลินสนุกสนาน คชาก็เริ่มสังเกตได้ว่าพี่ชายข้างบ้านไม่ได้ยืนอยู่ข้างหลังตนอย่างที่ควรจะเป็น ปล่อยให้เพื่อนสองคนคุยกันอีกสักพักแล้วจึงเอ่ยปากชวนให้เปลี่ยนบรรยากาศเข้ามาคุยกันต่อในร้านชานมของพี่ตี๋
“พี่ตี๋ พี่เต๋าหละฮะ?” คชาที่ปรี่เข้ามาในร้านชานมก่อนใครเพื่อนเอ่ยถามตี๋ เมื่อมองเข้ามาในตัวร้านแล้วไม่พบพี่ชายข้างบ้านที่เดินมาด้วยกัน
“อยู่หลังร้านนะ”
“คชามาสั่งเร็ว จะได้คุยต่อกำลังมันส์” แพรวาเรียกคชาที่กำลังมองไปยังบานประตูหลังร้าน ตอนแรกคนตัวเล็กตั้งใจว่าจะเดินไปหาพี่ชายข้างบ้านแต่ก็ต้องถอยหลังกลับแล้วเดินไปหาเพื่อนอีกสองคนแทน
“คชาเอาเหมือนเดิมฮะพี่เต้” สั่งเสร็จสรรพเรียบร้อย สามเพื่อนสนิทก็มองหาโต๊ะว่าง แล้วนั่งลงพูดคุยกันต่อทันที
แม้หูยังคงฟังเรื่องเล่าประสบการณ์การไปเที่ยวฮ่องกงของเบน พยักหน้ารับพอให้อีกฝ่ายรับรู้บ้างว่าตนเองยังสนใจในบทสนทนา แต่ทว่าดวงตาคู่เล็กยังคงเหลือบมองไปยังประตูหลังร้าน แอบหวังให้พี่เต๋าเดินออกมาเสียที แต่ก็ดูเหมือนจะไร้วี่แววจวบจนสามเพื่อนสนิทหมดสิ้นบทสนทนาจะออกจากร้าน คชาจึงเดินไปถามพนักงานประจำร้านอีกครั้ง
“พี่เต้ๆ พี่เต๋าเข้าไปทำอะไรหลังร้านตั้งนาน ทำไมยังไม่ออกมาฮะ”
“อ่อ คุณเต๋าไม่ได้อยู่หลังร้านครับ ออกไปตั้งนานแล้ว”
“อ้าว ไม่เห็นบอกกันเลย” คชาเอ่ยอย่างแผ่วเบา นึกสงสัยในความผิดปกติบางอย่างตั้งแต่เดินออกมาจากบ้านจวบจนมาถึงร้านชานมไข่มุก วันนี้เขากับพี่เต๋าคุยกันแทบจะนับประโยคได้เลยนี่นา
-------------------------------------------------------------
วันนี้ก็เป็นเหมือนเช่นทุกวัน ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิดไม่มีทั้งแสงสว่างจากดวงดาวและดวงจันทร์ เต๋าก็เป็นคนเดิมที่ออกมายืนให้ท้องฟ้าสีดำโอบล้อม มุ่งมั่นทำภารกิจประจำตัวเดิมๆ ตั้งใจจะรีบตากผ้าให้เสร็จแล้วรีบเข้าบ้าน แต่พอหน้าที่เสร็จสิ้นขามันกลับไม่ไปตามสมองสั่ง เต๋ายังคงยืนพิงประตูแหงนหน้ามองท้องฟ้าสลับกับหลังบ้านของบ้านอีกหลัง
“พี่เต๋า นึกว่าจะขึ้นนอนแล้วซะอีก” คนตัวเล็กที่พึ่งเปิดประตูหลังบ้านออกมาเอ่ยทัก เรียกให้เต๋าที่ยืนเหม่อรู้สึกตัว
“พี่กำลังจะไปแล้วหละ พอดีพึ่งตากผ้าเสร็จ” เต๋าโกหกคำโต มือหนาเอื้อมไปหยิบตะกร้าผ้า เตรียมตัวจะเปิดประตูเข้าบ้านหากแต่เป็นเสียงของอีกคนที่ทักเอาไว้ก่อน
“ทำไมกลับมาไม่บอก” มือหนาที่กำลังยื่นไปสู่ลูกบิดประตูชะงักลง ก่อนที่ร่างสูงจะหันไปทางคนตัวเล็ก
“หันมาอีกทีพี่เต้ก็บอกว่าพี่เต๋าออกไปทางหลังร้านแล้ว”
“เห็นคุยกับเพื่อนอยู่เลยไม่อยากเข้าไปกวน”
“ได้ไงเล่า มาด้วยกันจะกลับก็บอกกันก่อนดิ” ปากเล็กเบะออกอย่างขัดใจ ยกแขนขึ้นกอดอกด้วยความเคยชิน
“ไว้ครั้งหน้าจะบอกนะ” เต๋าตั้งท่าจะจับลูกบิดประตูอีกครั้ง แต่เป็นน้ำเสียงแผ่วเบาของคนตัวเล็กที่รั้งเขาไว้อีกหน น้ำเสียงแบบที่เขาไม่เคยได้ยินจากคชามาก่อน
“พี่เต๋า...เป็นอะไร โกรธอะไรคชาหรือเปล่า?” คชาเดินมาเกาะที่ริมรั้วอีกครั้ง แววตาที่เคยสดใสนั่นดูหม่นลงจนเต๋าตกใจ ขายาวกระตุกก้าวเท้าไปหาอีกคนทันที
“เปล่า.....ดึกแล้วเข้าบ้านได้แล้วนะเรา”
“จะไม่บอกจริงๆหรอว่าเป็นอะไร”
“ไม่มีอะไรครับ พี่จะไปโกรธอะไรเรา...ดึกแล้วเข้าบ้านได้แล้วนะ” เต๋ามองเด็กน้อยที่ยืนก้มหน้ามองพื้นเหมือนตัวเองทำความผิด มือข้างที่ว่างจากการถือตะกร้ากำลังจะยกขึ้นลูบศีรษะกลมนั่นด้วยความเคยชิน แต่อะไรบางอย่างสั่งให้เขายั้งมือเอาไว้ก่อน
“ไม่ได้โกรธจริงๆใช่ไหม? งั้นอย่าเป็นแบบนี้อีกนะ” เด็กน้อยตรงหน้าเงยหน้าขึ้นมามองพี่ชายที่อยู่อีกฝากฝั่งรั้ว
“แบบนี้...แบบไหน?”
“ก็แบบที่เฉยๆ เงียบๆ มีอะไรไม่บอก...แล้วก็หายไปทั้งที่ควรจะยืนอยู่” น้ำเสียงแผ่วเบากับแววตาไร้เดียงสาของคชาทำให้เต๋าหลุดยิ้มออกมา ยอมรับว่ามันทำให้อารมณ์ขุ่นมัวที่มีอยู่ลดลงไปมาก
“โอเคครับ” ท้ายที่สุดก็อดไม่ได้ที่ยกมือไปหาศีรษะกลมของอีกฝ่าย นี่คชาจะทำตัวเด็กให้เขารู้สึกผิดไปถึงไหนกัน
“งั้นพรุ่งนี้เลี้ยงชานมสตอร์เบอรี่หน่อยสิฮะ” เกือบจะดีใจที่อีกฝ่ายมาง้อ แต่ที่ไหนได้เหมือนโดนเด็กหลอกให้เลี้ยงขนม
“มาง้อพี่ หลอกให้พี่เลี้ยงหรอเนี่ย”
“เปล่านะ...ก็วันนี้ที่พี่เต๋ามาหาที่บ้านเพราะจะมาชวนไปกินชานมไม่ใช่หรอ”
“แล้ว....” เต๋าเลิกคิ้วด้วยความสงสัยกับถ้อยคำที่ยังไม่ชัดเจน
“ก็ยังไม่ได้กินด้วยกันเลยไม่ใช่หรอฮะ” หัวกลมก้มต่ำลงจนไม่เห็นแววตาสดใส คชากำลังเขินกับสิ่งที่ตัวเองพูดออกไปแต่จะทำยังไงได้ก็พูดออกไปแล้ว
“อ่า...นั่นสิเนาะ” คนตัวเล็กเงยหน้ามามองคนตัวสูงกว่าที่กำลังยืนอมยิ้มอยู่
“ว่าแต่ชอบจังเลยนะชานมสตอร์เบอรี่เนี่ย อร่อยมากหรอ?”
“อร่อยสิไม่งั้นคชาไม่ชอบหรอก..ถ้าอยากรู้ว่าอร่อยจริงไหม เดี๋ยวพรุ่งนี้จะให้ชิมนะ” เต๋ามองหน้าคชาสักพักจนคนตัวเล็กต้องหลบแววตาคนตัวสูงกว่าอีกหน เต๋ากำลังอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่เหมือนมีบางสิ่งบอกให้เขาใช้เวลาทบทวนก่อน แต่เหมือนท้ายที่สุดก็ห้ามหัวใจตัวเองไม่ได้
“แล้วถ้าพี่ชอบขึ้นมาต้องทำยังไงครับ” คชาเงยหน้าขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินอีกคนพูดจบ ดวงตาคู่สบเข้ากับอีกฝ่าย ใบหน้าคมเข้มกับดวงตาที่จดจ้องมองมาหาตนเองของพี่เต๋าทำให้สมองของคชาเหมือนถูกพักงานไปชั่วขณะ
เต๋าไม่ได้ถามถึงเรื่องชานมรสโปรดของคชา
‘แล้วถ้าชอบคชาขึ้นมา พี่เต๋าคนนี้ต้องทำยังไงครับ” นี่คือสิ่งที่เขาอยากรู้มากกว่า
“ถ..ถ้าชอบก็สั่งสิฮะ” ดวงตาสดใสที่เลิ่กลักไม่อยู่นิ่ง น้ำเสียงติดขัดกุกกักอีกทั้งแก้มเนียนที่ขึ้นสีระเรื่อนั้นอีก เต๋าหัวเราะให้กับอาการประหม่าของคนตัวเล็ก อยากรู้เหลือเกินว่าสมองนั่นคิดอะไรอยู่ทำไมถึงได้ทำท่าทางน่ารักออกมาได้แบบนั้น
“เจอกันพรุ่งนี้ฮะ” คนตัวเล็กหมุนตัวไปมาซ้ายขวาด้วยความประหม่าเล็กน้อย
“ครับ เข้าบ้านได้แล้วเนาะ...” เต๋ายิ้มให้อีกคน รอยยิ้มอารมณ์ดีเกินเหตุจนเหมือนลืมไปว่าก่อนหน้านี้อารมณ์ตนเองนั้นขุ่นมัวมากเพียงใด คชายิ้มหวานตอบกลับแล้วเดินกลับเข้าไปในตัวบ้าน ก่อนจะโผล่หน้าออกมาทางบานประตูอีกครั้ง มองมายังร่างสูงขาวของเต๋าที่ยังคงยืนติดชิดรั้วเช่นเดิมไม่ไปไหน เต๋าเพียงแค่อยากให้คนตัวเล็กเดินเข้าไปในตัวบ้านก่อนแล้วหลังจากนั้นเขาถึงจะเดินเข้าบ้านของตนเอง
“ฝันดีฮะ” ประตูสีขาวค่อยๆถูกปิดลงอย่างช้าๆพร้อมกับเสียงลงกลอนตามมา เต๋าเดินยิ้มเข้าบ้านของตนเองเมื่อเห็นอีกคนปิดประตูลงกลอนเรียบร้อย คืนนี้เต๋าคงต้องนั่งทบทวนกับตัวเองอีกครั้ง ลองทิ้งรายละเอียดบางอย่างไปบ้าง รายละเอียดบางอย่างที่ยังดูซับซ้อนเกินกว่าที่จะครุ่นคิดในช่วงเวลาแห่งการเริ่มต้นแบบนี้...
คชายังเด็กเกินไปก็จริง...แต่เต๋าคิดว่าเขาคงจะโตพอแล้วหละ ;)
-------------------------------------------------------------
ตอนนี้ยากจัง T_T … ตกลงพี่เต๋าเขาเป็นคนยังไงกันแน่หรอคะ? อยากรู้ 5555 ให้มันเป็นไปแบบนี้เรื่อยๆแล้วกัน หมุนไปหมุนมาเหมือนเข็มนาฬิกาที่กำลังปรับตั้งเวลา (อะไรเนี่ย) ตอนแรกที่ตั้งใจจะแต่งมันไม่ใช่แบบนี้แต่พอแต่งออกมาแล้วมันเป็นแบบนี้ 5555 แต่ก็นั่นแหละอารมณ์ล้วนๆ ...ฝากอีกที ดีใจที่มีคนเข้ามาอ่านมาคอมเม้นท์ บางครั้งโลกความจริงมันโหดร้าย อยู่กับคชาในจินตนาการบ้างก็มีความสุขดี (ฮ่า)
ปล. ฝากโปเต้ด้วยนะ >///////<
@CHICKIMILK
ความคิดเห็น