ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    We are Superstars [Andy VerSioN : My SaSSy GirL]

    ลำดับตอนที่ #3 : We are Superstars [Andy VerSioN : My SaSSy GirL] Chapter 3 ~~ช่วยผมที T.T~~

    • อัปเดตล่าสุด 9 ม.ค. 51


    Chapter 3

    วันนี้ที่รอคอย วันที่แสนจะงดงามในความรู้สึก มันพังทลายไปพร้อมๆกับสาวในฝันของผมแล้ว...ผมขอถอนคำพูดที่บอกว่าเธอเป็นนางฟ้า....ไม่ใช่ครับ เธอไม่ได้เป็นนางฟ้า แต่เธอเป็นนางมารที่จำแลงกายมาหลอกล่อหนุ่มหล่อในคราบนางฟ้าต่างหาก...

    อย่าเข้าใจผิดนะครับ นางมารไม่ได้หลอกล่อผมเพื่อไปสูบเอาพลังชีวิตแบบในหนังหรอกนะ แต่เธอล่อลวงให้ผมไปเป็นอุปกรณ์ในการออกกำลังกายบริหารหน้าแข้งของเธอต่างหาก...เตะมาแต่ละที เจ๊บเจ็บ ฮือออออ....

    ผมไม่รู้ตัวเลยว่ามาที่สถานีตำรวจได้ยังไง แต่คุณพี่ตำรวจบอกว่า พวกเขาช่วยกันแบกสภาพรุ่งริ่งของผมมาครับ ผมโดนสอบปากคำเสียนาน แรกๆก็ไม่อยากบอกหรอกนะครับว่าผมชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไร อายเขาครับ นักร้องหนุ่มหล่ออย่างผมต้องมาจบชีวิต เอ๊ย ต้องมาเจอเรื่องราวบ้าๆอย่างนี้ ผมอายครับ...
       
    ทีแรกผมก็สงสัยว่าทำไมคุณพี่ตำรวจถึงจำผมไม่ได้ พูดไปแล้วก็กระดากปาก ผมไม่ได้หลงตัวเองหรอกนะ แต่ผมเชื่อว่าทั่วทั้งเกาหลีใต้ ไม่มีใครไม่รู้จัก แอนดี้ ชินฮวา อย่างแน่นอน...แต่พอผมเห็นสภาพของตัวเองในกระจกที่พี่ตำรวจยื่นมาให้ ผมก็บรรลุแล้วครับ มันก็สมควรแล้วครับที่พี่ตำรวจจะจำผมไม่ได้ว่าผมเป็นใคร ก็สภาพเยินซะขนาดนี้ จำได้ก็เก่งแล้วล่ะครับ...
       
    ผมบ่ายเบี่ยงเล่นลิ้นไม่ยอมบอกประวัติผมอยู่นาน....แล้วพี่ตำรวจก็ทำผมเจ็บครับ...พี่เขาไปปล่อยเยจินออกมากัดผมครับ...ทีแรกพี่ตำรวจก็จับเราสองคนแยกคอกกันไว้แล้ว แต่พอพี่เขาสอบปากคำเยจินเสร็จ พี่เขาก็ปล่อยเธอมางับผม...ท่าเดินลิ่วๆตรงมาที่ผม ทำให้ผมกลืนน้ำลายไม่ลงคอ ได้แต่หวาดผวา ไม่รู้ว่าจะได้เจอชุดใหญ่อีกยกรึเปล่า...

    พอเธอประชิดตัวผมได้ ก็ไม่ต้องพูดพล่ามทำเพลงล่ะครับ ทั้งมือ ทั้งบาทา ประเคนลงมาที่ตัวผม แต่ก็ยังดีที่คราวนี้แค่ชุดเล็ก เพราะพี่ตำรวจมาแยกเราสองคนออกจากกันเสียก่อน...แต่ก็นั่นแหละครับ กว่าจะแยกเราสองคนออกจากกันได้ ก็เล่นเอาอลหม่านกันทั้งสถานีตำรวจ คนที่เข้ามาแจ้งความ หรือกำลังถูกสอบสวนอยู่ ไม่เป็นอันทำอะไรแล้วครับ แต่หันมาเชียร์มวยคู่เอกแทน...
       
    มุมน้ำเงิน คือ น้องเยจิน ผู้ครองเข็มขัดแชมป์ ตั้งแต่อยู่ที่ตรอกมุมตึกสถานที่เกิดเหตุแล้ว

    ส่วนมุมแดง ก็คือ ผมเองครับ สภาพเลือดที่ไหลรินของผม ช่างเข้ากับสีมุมจริงๆ...
       
    หลังจากหมดยก...เราสองคนต่างก็อยู่ที่มุมของตัวเอง แต่บางทีมุมน้ำเงินก็แว๊บมากระทืบมุมแดงอยู่บ่อยๆ โหดจริงๆเลย น้องเยจิน...
       
    คุณพี่ตำรวจอดทนฟังผมตอบคำถามวกไปวนมาอยู่นาน แค่ถามชื่ออย่างเดียว ก็ปาเข้าไปครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ชื่อผม...ถึงแม้จะมีน้องเยจินคอยเตือนสติผมให้ตอบพี่ตำรวจเขาไปดีๆ ด้วยการฟาดกำปั้น เตะหน้าแข้ง ตบหัวผม แต่ผมก็ไม่บอกครับ ผมไม่มีวันบอกเป็นอันขาด ว่าผม ชื่อ แอนดี้ หรือ อีซอนโฮ...
       
    “ถ้านายไม่ตอบคำถามของฉันดีๆ ฉันจะเอานายไปขังคุก...” เอ่อ...แรงไปรึเปล่าครับพี่ตำรวจ  แต่ก็นั่นแหละผมก็ไม่ให้ความร่วมมือเลย สมควรแล้วที่พี่เขาจะจับผมเข้าไปนั่งเกาะลูกกรงรอคนซื้อของมาเยี่ยม...
       
    และแล้ว คำพูดต่อมาของพี่ตำรวจก็ทำให้ผมเปลี่ยนใจอย่างกะทันหัน “ฉันลืมบอกนายไปว่า เมื่อวานเราไปทลายซ่องกระเทยมา กระเทยเต็มห้องขังเลย เป็นโอกาสของนายแล้วล่ะนะ เผื่อจะได้เจอสาวในฝัน...”
       
    ไม่ต้องให้พูดขู่ซ้ำซากครับ ผมรีบหยิบบัตรประจำตัวส่งให้พี่ตำรวจ ผมเป็นพลเมืองดีครับ ให้ความร่วมมือกับคุณพี่ตำรวจเต็มที่....
       
    “อีซอนโฮ....เฮ้ยๆๆ แอนดี้ๆๆๆ” ครับพี่ตำรวจ...ผมกับไอ้รูปหล่อในบัตรเป็นคนเดียวกันครับ ไม่ต้องตบโต๊ะรัวๆอย่างนั้นก็ได้ครับ ผมเจ็บมือแทนพี่นะครับ
       
    ส่วนนางมารเยจิน เธอหันมามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า...บอกแล้วไงว่าไม่ใช่โจรบ้ากาม  เชอะ ไม่เชื่อกันเลย เป็นไงล่ะ ขอโทษผมมาเสียดีๆนะ...
       
    “แล้วไงคะ แอนดี้ ชินฮวาเป็นโจรบ้ากามไม่ได้เหรอคะ” ฟังนางมารพูดสิครับ ไม่น่ารักเอาเสียเลย
       
    “แต่ผมคิดว่า น่าจะเป็นการเข้าใจผิดกันมากกว่า” ผมได้แต่พยักหน้าหงึกๆตามที่พี่ตำรวจบอก...พี่ตำรวจพูดถูกต้องตรงเผงเลยครับ เข้าใจผิดแน่นอนพันเปอร์เซ็นต์เลย
       
    “ไม่คะ...ฉันยืนยันว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”
       
    “โห!!! แค่นี้เจ๊ยังเอาเรื่องผมไม่พออีกเหรอ” ผมหมั่นไส้นางมารสุดๆก็เลยพะงาบๆอ้าปากเถียงไปเสีย
       
    พลั่วะ...มาอีกหนึ่งหนครับ หัวผมรับน้ำหนักมือเธอไปเต็มๆ...”ใครเป็นเจ๊นาย ทะลึ่ง”
       
    หนึ่งหนไม่พอครับ มาอีกสองครับ ก็ที่เดิมแหละครับ หัวของผมเอง...แถมนางมารยังไปเค้นคอคุณพี่ตำรวจให้เอาเรื่องผมเสียด้วย เธอยืนยันว่าจะแจ้งความจับผมให้ได้...
       
    ผมกับพี่ตำรวจฟังน้องเยจินวีนแตกอยู่นานก็เริ่มเมื่อยหู พี่ตำรวจทนไม่ไหว ก็เลยบอกผมว่า “คุณแอนดี้ครับ ผมว่าคุณหาคนมาประกันตัวคุณดีกว่านะ”
       
    แม่...ช้อยส์แรกที่ผมนึกขึ้นได้ เกิดเรื่องทีไรต้องไปหาแม่ แต่คราวนี้เรื่องมันนักหนาสาโหดเกินไป ไม่สมควรให้แม่ หรือคนในครอบครัวรู้...
       
    พี่ฮาคยอง...ช้อยส์ข้อสอง ผมว่าถ้าผู้จัดการส่วนตัวของผมมา ผมคงโดนกระทืบยิ่งกว่าน้องนางมารเหยียบผมแน่ๆ เพราะพี่ฮาคยองจะทนไม่ได้ ถ้าเกิดเห็นน้องรักในความดูแลของพี่เค้าถูกตำรวจจับ องค์บรู๊ซลีจะสิงสู่ร่างพี่ฮาคยองทันที ไม่ครับ ผมยังไม่อยากตาย
       
    พี่เอริค... ใช่เลย ช้อยส์นี้แหละ โดนใจผมที่สุด   
       
    ผมแจ้งให้พี่ตำรวจทราบว่าผมเลือกเอาเอริค  หรือ มุนจองฮยอก หัวหน้าวงผู้แสนดีเป็นบุคคลที่ถูกแจ็คพ็อทได้รับรางวัลให้มาประกันตัวผม...
       
    คุณพี่ตำรวจอนุญาตให้ผมโทรไปหาพี่เอริคได้ครับ...แต่กว่าที่พี่จะยอมรับสายผม ทั้งเบอร์มือถือ เบอร์ห้อง ผมโทรไปหลายสิบหนอย่างอดทน...จนผมกลัวว่าพี่เอริคนอนตายคาห้องรึเปล่า ทำไมไม่รับโทรศัพท์ของผม...ผมอดทนโทรหาอย่างใจเย็น ตื้อจนรับโทรศัพท์ของผมนั่นแหละครับ

    “โทรมาทำบ้าอะไรตอนนี้วะ...” พี่เอริคตะคอกใส่ผมด้วยความหงุดหงิดที่ผมไปขัดเวลานอนอืดถืดของเขา...น้องชายสุดที่รักกำลังจะโดนจับยัดไปขังรวมกับกระเทยนะเว้ย

    แต่ตอนนี้ผมไม่มีเรี่ยวแรงจะด่ากลับครับ อีกอย่างผมต้องเรียกคะแนนสงสารให้พี่เอริคมาประกันตัวผมเสียก่อน “พี่....มาช่วยผมที....”
       
    “แอนดี้...แกอยู่ที่ไหนวะ  ทำไมเสียงเป็นอย่างนั้น” ได้ผลครับ พี่เอริคถามเสียงร้อนรนทันทีเลยเชียว
       
    “อย่าเพิ่งถามมาก...ตอนนี้ผมอยู่ที่สถานีตำรวจ...” ผมยิ่งทำเสียงให้เหมือนกับคนใกล้จะตาย...แล้วก็ส่งโทรศัพท์ให้คุณตำรวจ ต้องกดดันมากๆครับ จะได้รีบมาพาผมไปจากที่นี่เสียที
       
    “คุณเอริคใช่มั๊ยครับ...ผมได้รับแจ้งความจากเจ้าทุกข์...เธอชื่อฮานเยจินครับ...เธอแจ้งว่าถูกคุณแอนดี้ลวนลาม  ผมขอรบกวนให้คุณมาประกันตัวคุณแอนดี้ด้วยนะครับ” พี่ตำรวจครับ ผมชื่นชมพี่มาก พี่ทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แบบจริงๆ
       
    “ครับ...คุณแอนดี้แจ้งว่า คุณเป็นบุคคลที่เขาสามารถติดต่อได้เพียงคนเดียวในเวลานี้...ผมอยากให้คุณมาประกันตัวตอนนี้เลยครับ ผมเกรงว่านักข่าวจะมาทำข่าวจนเป็นเรื่องใหญ่โตน่ะครับ” พี่ตำรวจครับ พี่ต้องเรียนจิตวิทยาได้Aมาแน่ๆ แค่ผมฟังพี่กล่อมพี่เอริค ผมยังเคลิ้มเลย
       
    “รออีกนิดนะครับ ใจเย็นๆทั้งคู่นะ เดี๋ยวคุณเอริคเขาก็จะมาประกันตัวคุณแอนดี้แล้วครับ”
       
    นางมารร้ายเบะปากครับ เสียงของเธอแว๊ดๆเอาเรื่องผมต่อ แบบไม่เว้นวรรคหายใจ ใครพูดอะไรที่เข้าข้างผมสักนิดหน่อย  นางมารก็ร่ายมนต์กรี๊ดใส่เขาครับ เถียงฉอดๆแบบชนะเลิศ เฮ่ย...เมื่อไหร่พี่เอริคจะมาเสียที ผมเมื่อยหูเต็มทีแล้ว

    ^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^

    “คุณตำรวจคะ...ไอ้บ้านี่จะลวนลามฉันจริงๆนะคะ” เสียงตวาดแว๊ดๆของน้องนางมารเริ่มทำให้ผมชินแล้วครับ ยิ่งน้ำหนักมือของเธอ ผมยิ่งชินเข้าไปใหญ่ ผมนั่งหน้าย่นเหมือนกระดาษถูกขยำอยู่เกือบหนึ่งชั่วโมง ท่านหัวหน้าวงชินฮวาก็เดินทางมาถึงสถานีตำรวจครับ

    “คุณเอริคครับ...ทางนี้ครับ” เสียงคุณพี่ตำรวจทำให้ผมหัวใจพองโต ในที่สุดผมก็หลุดพ้นจากนางมาร้ายฮานเยจินได้แล้ว แต่ผมยังเกิดความอายอยู่ครับ ผมไม่กล้ามองหน้าเพื่อนเต็มตา ด้วยสภาพที่เหมือนถูกรุมกระทืบจากคนหมู่มากอย่างนี้ ผมยิ่งอายพี่เอริคเข้าไปใหญ่ ก็เมื่อเย็น ผมโทรไปโม้ให้พี่เอริคฟังว่าผมจะไปรับเยจิน แทนที่พี่เค้าจะเจอผมระริกระรื่น แต่กลับมาต้องมาเจอผมในสภาพราวกับผ่านสมรภูมิรบมา แค่คิดก็อายครับ...ผมรับหันหลังให้ทันที ผมขอเวลาทำใจก่อนที่ผมจะต้องมาทนรับคำดูถูกเหยียดหยามว่าผมโดนผู้หญิงซ้อม

    “พี่เป็นเพื่อนหมอนี่เหรอ....” น้ำเสียงของเยจินพาลหาเรื่องพี่เอริคเต็มที่ ผมได้แต่ภาวนาให้พี่เอริคเกิดอารมณ์โมโห ตบกะโหลกน้องเยจินสักเปรี้ยงหนึ่ง

    ”ครับ...” คำภาวนาของผมไม่ได้ผลครับ สงสัยน้องเยจินน่ากลัวมาก ขนาดพี่เอริคยังไม่กล้าส่งพลังจิตใส่เลย

    “วันหลังพี่ก็สั่งสอนเพื่อนพี่บ้างนะคะ  หน้าตาก็ดี เป็นถึงนักร้องดัง ทำไมมาลวนลามฉัน หรือว่าเพื่อนพี่เป็นโรคจิต ว่างๆพี่ก็พาไปหาจิตแพทย์เสียบ้างสิคะ” น้อยๆหน่อยนะนางมาร ใครเป็นโรคจิตกันแน่ ผู้หญิงที่ซ้อมผู้ชายหล่อต่างหากที่โรคจิต

    “เอ่อ...คุณผู้หญิงครับใจเย็นๆครับ ค่อยพูดจากันนะครับ” พี่ตำรวจผู้แสนดีพยายามไกล่เกลี่ยรอมชอมอย่างเต็มความสามารถ

    ‘ปึกกกกกก...’ เจ้าทุกข์คนสวยทุบโต๊ะเต็มแรง จนผมสะดุ้งสุดตัว...

    “ไม่ยงไม่เย็นมันแล้วคะคุณตำรวจ ฉันไม่ยอมนะ ไอ้คนบ้า ลามก โรคจิต” ด่าผมอย่างเดียวสินางมาร จะมาฟาดผมทำไม ผมเจ็บนะ....ส่วนพี่เอริคก็ได้แต่เงียบ ผมไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองหน้าพี่เอริคเลยครับ อย่างว่าแหละ ผมยังทำใจที่จะยอมรับความอับอายยังไม่ได้

    “ผมว่ารอมชอมกันก็ดีนะครับ อาจจะเป็นการเข้าใจผิดกันก็ได้”

    “อ๊าย....คุณตำรวจทำไมพูดอย่างนี้ล่ะ จะเข้าข้างไอ้คนเลวนี่เหรอ ไม่รู้ล่ะ ฉันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดเลย”

    “ผมว่าแค่สภาพของคุณแอนดี้ มันก็พอสมควรแล้วนะครับ” คุณตำรวจมองผมด้วยแววตาเห็นใจและแอบเวทนาที่นักร้องรูปหล่อติดชาร์จต้องมามีสภาพอย่างนี้

    “แอนดี้...เล่ามาทีสิ เกิดอะไรขึ้น...” พี่เอริคแตะมือที่ไหล่ผมครับ ซึ้งครับซึ้ง เพื่อนห่วงผมจริงๆ

    “เล่าไปสิ...นายแต๊ะอั๋งฉัน...” เสียงตะคอกของนางมาร ทำเอาอารมณ์ซึ้งๆของผมหดหายไปเกือบหมด ผมกลั้นใจกลบความอาย แล้วค่อยๆหันหน้าไปหาพี่เอริค

    “เฮ้ย....แอนดี้ไปฟัดกับหมาที่ไหนมาวะ” พี่เอริคร้องเสียงดังเมื่อเห็นสภาพของผม....ก็คนที่นั่งหน้าโหดข้างๆนี้แหละที่กัด ผมอยากยุให้พี่เอริคไปกัดกับน้องเยจินเพื่อกู้ศักดิ์ศรีคืนมาให้ผมอยู่เหมือนกัน

    “อ้าว...พี่ชายพูดแบบนี้อยากเจ็บตัวอีกคนเหรอ”น้องตะคอกใส่พี่เอริค...เอาเลยครับพี่ ตบกะโหลกน้องเยจินไปเลย...ผมได้แต่ยุยงในใจ
    แต่พี่เอริคก็ทำผมเซ็งอยู่เหมือนกัน นึกว่าจะกู้ศักดิ์ศรีให้ผม แต่พี่กลับหงอนางมารเสียนี่ “ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เมื่อกี๊มันเป็นแค่คำอุทาน อย่าคิดมาก”

    “แล้วไป...” นางมารเห็นพี่เอริคให้ก็ไม่ว่าอะไร แต่กลับมาลงที่ผมแทน “เมื่อไหร่จะรับสารภาพสักที เสียเวลานะ กล้าทำแล้วต้องกล้ารับสิ”

    “คือว่า...” ผมพูดได้แค่สองคำครับ นางมารก็แว๊ดขึ้นทันควัน

    “ทำไมยะ จะไม่ยอมรับเหรอ เจ็บตัวแค่นี้ยังน้อยไปใช่มั๊ย” พูดแล้วก็ทำ...เธอฟาดกำปั้นไปที่ไหล่ของผมอีกสามหน...พูดเฉยๆไม่ได้รึไง ทำไมต้องลงไม้ลงมือประกอบคำพูดด้วย ผมเจ็บนะ

    “น้องครับ...น้องคงเข้าใจผิดกันนะครับ...ฟังพี่สักนิดนะครับ...” พี่เอริคพยายามขอให้นางมารใจเย็นลงสักนิด

    “ว่ามาเลยพี่ เหนื่อยนะ ง่วงด้วย” ได้ผลครับ นางมารค่อยหยุดอาการวีนลงได้

    “เอ่อ...คือว่า น้องรู้แล้วใช่มั๊ยว่าโจเป็นแดนซ์เซอร์ให้พวกพี่...แล้วโจก็วานให้แอนดี้ไปรับน้องน่ะ เขาห่วงว่าน้องกลับบ้านดึก แล้วเขาก็ไม่ว่างไปรับ”

    “จริงเหรอ ทำไมพี่โจไม่บอกฉันล่ะ” บอกแล้วว่าเข้าใจผมผิด เฮอะ...

    “พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน...ว่าแต่น้องจะรอมชอมกันได้มั๊ย สงสารแอนดี้มันเถอะ แค่นี้ก็เจ็บตัวจะแย่อยู่แล้ว แล้วถ้าขืนนักข่าวรู้ มีหวังเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ”

    “พี่ชายพูดจริงเหรอ...พี่โจไม่น่าให้ไอ้นักร้องโรคจิตมารับฉันเลยนะ” คำก็โรคจิต สองคำก็โรคจิต บอกว่าเข้าใจผิด ทำไมไม่ฟังผมเลย

    “จริงสิ...ถ้าไม่เชื่อก็ถามโจเลยก็ได้...” เอริคคงจะกินปลามาเยอะครับเลยฉลาด มันส่งโทรศัพท์ให้น้องเยจินคุยกับพี่โจ เจอตัว เมื่อไหร่ผมจะฆ่าพี่โจ ฆ่าน้องไม่ได้ ผมจะฆ่าพี่แทน

    “พี่โจ...ตอนนี้ฉันอยู่ที่สถานีตำรวจ มารับหน่อย มีคนจะลวนลามฉัน...รีบมานะ อยู่ที่สถานี... เร็วๆนะ ง่วงจะตายอยู่แล้ว” โห...ขนาดกับพี่ชาย นางมารยังกรี๊ดใส่ได้ ถ้าเป็นน้องผมคงจะโดนผมตบกะโหลกไปแล้ว

    “เดี๋ยวพี่โจมา...ถ้าไม่ใช่เรื่องจริงละก็ เตรียมใจไว้เลย ถ้าไม่หยอดน้ำข้ามต้ม ก็ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าฮานเยจิน” น้องเยจินตบอกตัวเองแรงๆสองสามที...จ้า รู้แล้วว่าเก่ง รู้แล้วว่าโหด ไม่ต้องตบแรงขนาดนั้นก็ได้ ยิ่งแฟ่บๆอยู่

    “ขอเบรกไปกินกาแฟพักนึงนะคะ”

    “เอ่อ...ครับ...เชิญครับ...” คุณพี่ตำรวจผงกหัวรับคำ...

    เยจินลุกขึ้นเดินตรงไปยังประตูห้องแจ้งความเพื่ออกไปหากาแฟร้อนๆดื่ม...โล่งครับ อยู่ไกลๆนางมารพักนึงก็ดี ผมจะได้ไม่ต้องน่วมมากไปกว่านี้
    พอลับหลังนางมาร พี่เอริคก็รีบสัมภาษณ์ผมทันที “แกทำจริงรึเปล่า....”

    “ไม่...เข้าใจผิดกัน” ทำไมถามผมอย่างนี้ เห็นผมบ้ากามเหมือนพี่เฮซองรึไง อย่างผมน่ะ ไม่ต้องข่มขืนใครหรอก มีสาวๆมาให้แต่งงานด้วยเพียบบบบบ...เฮอะ

    “ทำไมไม่อธิบายล่ะวะ...”

    “ไม่ทันได้พูดเลย แม่คุณก็ชก ตบ เตะ กัด เอากระถางต้นไม้ฟาดหัว...” เสียงของสลดอ่อนแรงเมื่อเอ่ยถึงเหตุการณ์รันทดเมื่อครู่

    “ผมไม่อยากนินทาเจ้าทุกข์นะครับ...แต่ตอนที่ไปเจอคุณแอนดี้ ยอมรับเลยว่าฝีมือของเธอเหนือชั้นจริงๆ” พี่ตำรวจครับ พี่ไม่ต้องพูดถึงความสามารถของน้องเยจินด้วยน้ำเสียงชื่นชมอย่างนั้นก็ได้นะ ผมแสลงใจครับ

    “เธอเป็นนักกีฬาไอคิโดประจำเขตครับ” คำพูดของพี่เอริคทำให้ผมเกิดอาการลมตีขึ้น ได้ยินแต่เสียงวิ้งๆๆ...จากนั้นผมก็ไม่พูดอะไรอีกแล้วครับ ผมเข้าใจแล้ว น้องนางมารเยจิน เป็นนักกีฬาไอคิโด สงสัยเธอคงได้เหรียญทองมาตลอดการแข่งขัน...

    ผมเจ็บใจตัวเองครับ ไม่น่าให้ความสวยมาบังตาเลย...ไม่น่าเลย...เรี่ยวแรงของผมหดหายไป ได้แต่หลับตาเขียวช้ำ เอาหัวที่ร้าวระบมพิงกับกำแพง

    “พี่โจ....ทางนี้พี่ทางนี้” เสียงของเยจินไม่ได้ทำให้ผมอยากลืมตามามองดูโลกเอาเสียเลย ในเมื่อโลกโหดร้ายกับผม...ผมก็ไม่อยากมองมัน

    “ไปทะเลาะกับใคร ไหนเธอสัญญากับพี่ว่าจะไม่ไปชกต่อยกับใครไงล่ะ” ไอ้บ้าพี่โจ น้องพี่ไม่ได้ชกกับผม แต่น้องพี่ซ้อมผมข้างเดียวเว้ย

    “ฉันไม่ได้ไปหาเรื่องนะ...ไอ้บ้าเนี่ย มันลวนลามฉัน” มาถึงขั้นนี้แล้วจะให้หลับตาต่อก็ดูไม่ดี...ผมค่อยๆลืมตาอย่างลำบากอย่างเย็น ฤทธิ์หมัดของนางมารกำลังเล่นงานผมเต็มที่ ปวดกระบอกตาสุดๆไปเลย ผมค่อยๆง้างปากบวมเจ่อพะงาบขึ้นเพื่อจะแก้ตัว แต่ก็ไม่มีเสียงออกมา...

    พี่โจมองเห็นผมก็สะดุ้งตกใจ นี่แหละฝีมือน้องสาวคนสวยของพี่  “เฮ้ย....”

    “ก็ไอ้นักร้องดังมันลวนลามฉัน มันบอกว่าพี่ให้มารับฉัน...” นางมารมีขู่แฮ่ๆครับ ถลกแขนเสื้อขึ้นเตรียมซ้อมผมอีกรอบ

    “เยจิน...เพี่บอกให้เขาไปรับเธอจริงๆ” ทีอย่างนี้ล่ะมาพูดอุบอิบงุบงิบ ทำไมไม่บอกน้องตั้งแต่แรกวะไอ้พี่โจ...

    ”ฮ๊า...” สาแก่ใจผมครับที่เห็นนางมารอ้าปากค้าง หึ หึ หึ...

    “บอกแล้วว่าเข้าใจผิด...” ตั้งแต่มาถึงที่สถานีตำรวจ พี่เอริคเพิ่งพูดโดนใจผมก็ประโยคนี้แหละครับ

    “ไม่ได้เข้าใจผิดนะพี่ชาย ถึงพี่โจจะให้หมอนี่ไปรับฉันก็จริง แต่มันลวนลามฉันนะ” เฮ่ย...อยากมอบถ้วยทองให้น้องเค้าจริงๆเลย แถได้ลงคูคลองมาก รั้นให้มันน้อยๆหน่อยก็ได้นะแม่คุณ

    แต่สายตาของพี่โจ พี่เอริค  และคุณพี่ตำรวจที่มองมายังผมทำให้ผมนึกเคือง ต้องแก้ตัวกันสักหน่อย เรื่องอะไรจะให้เธอหาความอยู่ฝ่ายเดียว พวกผมมีเยอะครับ อย่างน้อยๆก็พี่เอริคล่ะคนหนึ่ง ผมไม่กลัวนางมารแล้วครับ

    “ไม่ได้ลวนลาม...แต่เรียกน้องเค้าแล้วไม่ได้ยิน ก็เลยเดินไปแตะไหล่ แล้วหลังจากนั้น ฉันก็ตกมาอยู่ในสภาพนี้...”

    สายตาทั้งสามคู่เปลี่ยนไปมองนางมารแทน...แถมพี่โจยังถามน้องสาวเสียงเข้ม ”แค่แตะไหล่นะเยจิน เธอจะแก้ตัวว่ายังไง”

    นางมารอึกอัก ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ทู่ซี้เถียงคำไม่ตกฟากต่อครับ “อ้าว...ก็ถ้าเขาจะเรียกฉันจริงๆ ทำไมไม่เรียกดังๆล่ะ นี่มาแตะไหล่ฉันตรงซอกตึก ใครจะไปรู้ล่ะ”

    “สรุปว่าเป็นการเข้าใจผิดใช่มั๊ยเยจิน” พี่โจเน้นเสียงเข้มเรียกน้องสาว...

    เยจินเบ้ปาก พอเห็นหน้าของผมก็สะบัดหน้าพรืด...

    “สรุปว่าเรื่องทั้งหมดเป็นการเข้าใจผิด คุณผู้หญิงจะถอนแจ้งความมั๊ยครับ...” คุณพี่ตำรวจคงอยากจะรีบไล่ให้พวกเรากลับไปสักที คงจะเบื่อพวกเราเอาการอยู่เหมือนกันครับ ค่าที่พี่เขาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระแบบนี้มาค่อนคืน

    เยจินไม่ยอมพูด หน้าบึ้งตึง จนพี่ชายต้องเตือน...“เยจิน....อย่าให้พี่ต้องคุยกับที่บ้านเรื่องของเธอนะ”

    “ฮึ..ถอนก็ได้...” เยจินตอบไปแกนๆอย่างไม่สบอารมณ์นัก...เฮอะ นึกว่าจะแน่ ผมไม่ยอมหรอกครับ งานนี้ต้องเอาคืน

    “พี่ต้องให้น้องสาวพี่ขอโทษผมด้วย”

    เยจินฟังคำพูดของผมแล้วก็หันกลับมามองอย่างเอาเรื่อง...แต่ผมไม่กลัวครับ กิ้วๆๆๆ ไม่กลัวเว้ย

    “พอเถอะว่ะ...เรื่องมากนัก ฉันง่วงจะตายอยู่แล้ว พรุ่งนี้ต้องไปทำงานอีก” พี่เอริคนี่ไม่เข้าข้างผมเสียเลย แค่ให้ขอโทษเองนะ จะอะไรกันนักกันหนา

    “ไม่...เธอต้องขอโทษผม ที่ทำให้ผมเจ็บตัว แถมยังเสียเวลาอีกด้วย...” ผมไม่ยอมครับ สิบไม่ยอม ร้อยไม่ยอม พันไม่ยอม

    “แอนดี้...ถือเสียว่าฉันขอร้อง ให้จบแค่นี้เถอะ...” พี่โจก็อีกคนจะตามใจน้องสาวมากทำไมกัน เห็นๆอยู่ว่านางมารร้ายเยจินผิดเต็มประตู

    “แค่ขอโทษนะพี่โจ” ผมแย้ง เธอก็ทำผมเจ็บเสียปางตายแบบนี้ ให้ขอโทษผมก็เป็นเรื่องสมควรแล้วไม่ใช่เหรอครับ

    “ฉันขอร้อง....” พี่โจอ้อนวอนผม...สายตาของพี่บอกให้ผมรู้ว่า พี่กำลังลำบากใจที่จะบังคับน้องสาวตัวเอง

    “พอเถอะว่ะแอนดี้...ไม่ต้องขอโทษหรอก นายพาน้องกลับบ้านเถอะโจ” พี่เอริครีบตัดบทแล้วพยักเพยิดให้พี่โจรีบพาเยจินกลับ

    “ไปนะ...” พี่โจหันมาบอกสั้นๆ แล้วโอบไหล่เยจินเดินออกไป...ไอ้บ้าพี่โจ กลับมาก่อนนนนนน พาเยจินมาขอโทษผมก่อน

    “กลับกันเถอะ เดี๋ยวฉันจะพาแกไปโรงพยาบาล...” พี่เอริคบอกผม แล้วก็หันไปลาคุณพี่ตำรวจ

    “ขอบคุณครับคุณตำรวจที่ไม่ถือสาเอาเรื่อง...”

    “ไม่เป็นไรครับ...ความจริงตำรวจทุกคนก็ไม่อยากให้ใครต้องมาเดือดร้อน ถ้ายอมคาวามกันได้ ทางเราก็ยินดีครับ โชคดีนะครับที่ยังไม่ลงบันทึกประจำวัน” พอเรื่องจบแล้วก็ยิ้มระรื่นกันทุกคน มีแต่ผมคนเดียวที่เจ็บตัว เจ็บใจ

    “หวังว่าคราวหน้าเราได้เจอกันอีกนะครับ” ดูน้องหมาในปากพี่เอริคเห่าสิครับ เอาไว้ให้พี่มาติดคุกเองสิ แล้วค่อยกลับมาเที่ยวที่นี่

    “ครับ...ผมก็หวังเช่นนั้นเหมือนกัน” เสียงหัวเราะของพี่เอริคกับคุณพี่ตำรวจทำผมเซ็งครับ

    ผมกับพี่เอริคเดินออกจากสถานีตำรวจในเวลาสี่นาฬิกาของวันใหม่...

    “รถแกอยู่ไหน...”

    “อยู่หน้าที่ทำงานของฮานเยจิน...พรุ่งนี้ค่อยให้พี่ฮาคยองไปเอา” ผมตอบพี่เอริคไปอย่างเซ็งๆ

    “แกยังโกรธที่น้องเค้าไม่ยอมขอโทษแกอย่างนั้นเหรอ”

    “เด็กนั่นถูกตามใจเสียจนเคย...ทำผิดแล้วไม่รู้จักขอโทษ...” ผมตอบด้วยความหงุดหงิด เคืองครับเคือง ทำผิดแล้วไม่ขอโทษ

    “แกรู้ไหมว่าสำหรับคนบางคนน่ะ คำขอโทษมีค่ามากนะ ถ้าจะพูดออกไปโดยที่ไม่รู้สึกอยากจะขอโทษจริงๆล่ะก็ ไม่พูดเสียเลยจะดีกว่า...” แล้วสิ่งที่เยจินทำกับผมมันไร้ค่าขนาดที่เธอจะไม่ขอโทษผมเลยเหรอ

    “แล้วยัยเด็กนั่นไม่คิดว่าตัวเองผิดหรือไง...” ผมเจ็บตัวครับ...แต่ตอนนี้เจ็บใจมันมีมากกว่าเจ็บตัวเสียอีก...

    “คงคิด...แต่ไม่อยากยอมรับ...”

    “ทำไม...” ผมถามอย่างไม่เข้าใจ สงสัยพี่เอริคกับนางมารเยจินจะเข้าใจหัวอกคนนิสัยประหลาดเหมือนกัน

    “ไม่รู้สิ...”

    คำตอบของพี่เรอิคทำเอาผมตกอยู่ในภวังค์ ยังไงผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี แค่คำว่าขอโทษ มันยากที่เอ่ยปากนักเหรอ ในเมื่อเราทำผิดจริงๆ คนทำผิดก็สมควรรับผิด และรู้จักขอโทษคนอื่นไม่ใช่เหรอครับ ...

    “ไปโรงพยาบาลทำแผลก่อน สะบักสะบอมซะขนาดนี้” พี่เอริคหวังดีครับ จะพาผมมาทำแผลที่โรงพยาบาล แต่นาทีนี้ผมอยากกลับบ้านมากว่า ผมเหนื่อยครับ เหนื่อยใจ เจ็บกาย อยากพักจริงๆ

    “ไม่... แวะซื้อยาหน้าคอนโดก็ได้ มีร้านขายยายี่สิบสี่ชั่วโมงอยู่...พี่ไปส่งผมที่บ้านทีสิ”

    ผมหลับไปเพราะความเพลียจัด มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่พี่เอริคปลุกผมว่ามาถึงคอนโดแล้ว พี่ช่วยผมตะกายขึ้นไปถึงห้องจนได้ พร้อมทั้งหายาแก้ปวด และทำแผลให้ผม...

    ผมหลับไปอีกครั้ง พร้อมกับคำถามที่อยู่ในใจ...ฮานเยจิน ผู้หญิงที่ทำให้ผมเวียนหัวที่สุด


    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×