ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พ่ายรักนางร้าย (มี E-book)

    ลำดับตอนที่ #3 : ความคิดของแต่ละคน

    • อัปเดตล่าสุด 8 มี.ค. 66


    เซียวซ่งก็กำลังมองมาที่เด็กสาวอยู่เช่นกัน พี่ชายใหญ่มักจะชมนางอยู่เพียงเรื่องเดียวก็คือ ผิงจินเยว่เป็นเด็กหญิงที่มีใบหน้างดงาม ยามนี้เมื่อได้เห็นตัวจริงเต็มสองตาในระยะใกล้ เขาก็พบว่าคำยกยอของพี่ชายที่พร่ำชมนางไม่ขาดปากเป็นประจำนั้นอาจจะดูน้อยเกินไปเสียด้วยซ้ำ นางไม่ใช่เด็กหญิงที่งดงามเพียงเท่านั้น แต่นางเป็นหญิงสาววัยเยาว์ที่งดงามราวกับเทพธิดา ไม่ว่าจะใบหน้า คิ้ว ตา ใบหู จมูก ริมฝีปาก เรือนร่าง ผิวพรรณ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นนางราวกับสวรรค์บรรจงสร้างผลงานชิ้นเอกออกมาไม่ผิดเพี้ยน

    “คารวะคุณชายรองเจ้าค่ะ” เสียงหวานราวกับน้ำผึ้งของหญิงสาวเยาว์วัยดังขึ้นมาเป็นการเรียกสติของเซียวซ่งให้กลับมาอีกครั้ง

    “คุณหนูผิงเกรงใจแล้ว พวกเรามีโอกาสได้พบกันเสียทีสินะ” เซียวซ่งอมยิ้มบางเบาเอ่ยทักทายเด็กสาวด้วยท่าทีสงบนิ่ง แม้ว่าในใจจะเต้นไม่เป็นจังหวะอยู่ก็ตาม 

    ผิงจินเยว่เห็นแววตาที่ตกตะลึงและสั่นไหวเบาๆ ของชายหนุ่มตรงหน้าอย่างชัดเจน นางลอบยกยิ้มมุมปากข้างหนึ่งอย่างทะนงตน นางรู้ดีว่าใบหน้าของนางมีอำนาจในการล่อลวงใจผู้คนมากเพียงใด เมื่อพิจารณาบุรุษตรงหน้าให้ชัดเจนอีกครั้งนางก็เห็นว่าเขาหล่อเหลากว่าพี่ใหญ่เซียวซ่านของเขายิ่งนัก และในบรรดาสหายที่เป็นบุรุษของนางทุกคนก็ไม่มีผู้ใดจะสง่างามไปกว่าคุณชายรองแซ่เซียวผู้นี้เลยสักคน เช่นนั้นยามที่นางออกไปเที่ยวเล่นนอกจวนคราใดหากมีคุณชายรองผู้นี้เดินตามนางไปด้วย คงจะดีไม่น้อยที่ทุกคนจะได้เห็นว่าแม้แต่บุรุษรูปงามเป็นหนึ่งผู้นี้ยังต้องยอมสยบให้กับนาง จึงคิดจะดีกับเขาสักหน่อย

    “คุณชายรองก็มาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของข้าด้วยใช่หรือไม่เจ้าคะ เช่นนั้นท่านก็ออกไปพร้อมกับพวกเราเลยดีหรือไม่ ท่านแม่ ข้าชวนพี่ซ่งไปร่วมโต๊ะกับพวกเราได้หรือไม่เจ้าคะ” เด็กสาวหันมาออดอ้อนผู้เป็นมารดาทันที

    “ขออภัยท่านป้า เมื่อครู่ข้าไม่ทันได้เห็นท่าน” เซียวซ่งรีบลุกขึ้นมาคำนับให้กับหลานหย่วนเหอ เมื่อครู่เขามัวแต่มองคุณหนูสกุลผิงจนไม่ทันได้เห็นว่าฮูหยินใหญ่ก็เดินตามหลังเข้ามาด้วย

    “อาซ่ง เจ้าก็กระไรเรียกขานข้าว่าท่านป้าท่านลุง แม้แต่นายท่านผู้เฒ่าเจ้าก็เรียกปู่ใหญ่ เหตุใดจึงเรียกเยว่เอ๋อร์เสียห่างไกลเช่นนั้นเล่า นางก็เหมือนน้องสาวเจ้าคนหนึ่งนั่นล่ะ” 

    หลานหย่วนเหอโบกผ้าเช็ดหน้าในมือแสดงว่าไม่ได้ใส่ใจกับการที่เขาไม่ได้ทักทายนางก่อน นางรู้ดีไม่ว่าบุรุษผู้ใดเมื่อพบเห็นใบหน้าของบุตรสาวก็มักจะตกตะลึงเช่นนี้กันทุกคน อย่าว่าแต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่คนทั้งสองได้พบกันในช่วยวัยที่เป็นหนุ่มเป็นสาวกันแล้วด้วย

    “ก็ไปกันพร้อมกันทั้งหมดนี่ล่ะ อย่าปล่อยให้แขกต้องรอนานเลย” ผิงเก่อตัดบท

    ผิงจินเยว่รีบหันมาพยุงท่านปู่ของนางให้ลุกขึ้นด้วยท่าทางอ่อนโยน เซียวซ่งเห็นว่านางตัวเล็กนักเกรงว่าจะรับน้ำหนักชายชราไม่ไหว จึงรีบก้าวเข้าไปพยุงแขนของผิงเก่ออีกข้างเอาไว้

    ผิงเก่อหันมองเด็กหนุ่มและเด็กสาวทีละคนอย่างพึงพอใจ หากเป็นไปได้เขาก็อยากจะเกี่ยวดองกับสกุลเซียวเช่นกัน เขารักและเอ็นดูหลานชายสกุลเซียวสองคนนี้ตั้งแต่เป็นเด็กกะโปโลตัวกะเปี๊ยกจนกระทั่งเติบโตเป็นชายหนุ่มรูปงามกันทั้งคู่ ติดก็แค่ว่าหลานสาวยังเด็กเกินไป เช่นนั้นเปิดโอกาสให้ทั้งสองได้สร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น รอให้เยว่เอ๋อร์อายุ 15 แล้วค่อยจัดการหมั้นหมายนางกับเซียวซ่งเสียคงจะดี

    “เจ้าสองคนอยู่ข้างๆ ปู่เช่นนี้ล่ะดีแล้ว ปู่รำคาญที่จะต้องมีผู้คนมาชวนคุยมากมาย คุยกับเจ้าสองคนก็พอแล้ว" ผิงเก่อกล่าวพลางก้าวเดินออกจากเรือนไปโดยมีหนุ่มสาวสองคนประคองแขนเอาไว้คนละข้าง

     

    สถานที่จัดงานเลี้ยงวันเกิดของผิงจินเยว่อยู่บริเวณสวนดอกไม้ริมทะเลสาบภายในจวนสกุลผิง โดยปกติผิงจินเยว่แทบจะไม่เดินไปมาภายในจวนของตนเองเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นเพราะนางเกรงว่าผิวของนางจะเสียหากต้องเดินตากแดดตากลมเป็นเวลานาน นางจึงมักจะใช้ให้บ่าวไพร่ในจวนแบกนางขึ้นเกี้ยวไปในทุกๆที่ ไม่ว่าจะใกล้ไกลเพียงใด

    แต่นางก็เป็นสตรีที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดีและยังเฉลียวฉลาดยิ่งนัก เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนนางก็มักจะแสดงท่าทีเป็นคุณหนูในห้องหอที่มีมารยาทงามเป็นเลิศ ยิ่งเวลานี้อยู่ต่อหน้าเซียวซ่งบุรุษรูปงามที่นางหมายจะหลอกล่อให้เขามาติดตามนาง นางยิ่งแสดงท่าทีเป็นสตรีอ่อนแอบอบบางแต่อ่อนโยนเป็นพิเศษ

    “ท่านปู่ ท่านนั่งเกี้ยวไปไม่ดีกว่าหรือเจ้าคะ หากท่านปู่ต้องมาเหน็ดเหนื่อยในงานเลี้ยงของข้า ข้าคงให้อภัยตนเองไม่ได้เป็นแน่” เด็กสาวมองชายชราด้วยน้ำตาเอ่อคลอเต็มสองหน่วย 

    “เยว่เอ๋อร์ของปู่เป็นเด็กดี เจ้าอย่าร้องเดี๋ยวปู่นั่งเกี้ยวไปก็ได้ พ่อบ้านลี่ให้คนมายกเกี้ยวให้หลานฮูหยินด้วยเลยก็แล้วกัน” ผิงเก่อสั่งความ หลานฮูหยินผู้เป็นสะใภ้มีร่างกายค่อนข้างอ้วนท้วม คงจะเดินในระยะทางไกลไม่ไหวเป็นแน่

     

    อีกครู่หนึ่งผิงจินเยว่และเซียวซ่งก็ช่วยกันประคองส่งร่างผู้อาวุโสทั้งสองขึ้นเกี้ยว และยืนมองส่งคนทั้งสองที่นำหน้าไปก่อนอยู่พักหนึ่ง แล้วจึงพากันเดินต่อไป

     

    ผิงจินเยว่ที่เหน็ดเหนื่อย และเจ็บเท้าจนรู้สึกระบมไปหมด ได้แต่ลอบถลึงตาจ้องมองสาวใช้อย่างดุดันพร้อมกับจิกเล็บลงไปบนแขนของสาวใช้สองคนที่ช่วยพยุงนางอยู่ แต่ปากก็ชักชวนชายหนุ่มพูดคุยถึงเรื่องราวในวัยเด็กอย่างไร้เดียงสาน่ารักน่าเอ็นดู

    “พี่ซ่งอีกนิดก็จะถึงงานเลี้ยงแล้วเจ้าค่ะ ขอข้าหยุดพักเพื่อเช็ดเหงื่อจัดผมสักหน่อยนะเจ้าคะ แป้งบนใบหน้าข้าเลอะไปหมดแล้ว” เด็กสาวกรีดนิ้วลูบหน้าลูบผมตนเองอย่างเชื่องช้า สีหน้าอ่อนแรงดูน่าสงสาร

    เซียวซ่งเห็นอากัปกิริยาที่ดูอ่อนช้อยงดงาม อีกทั้งยังเห็นใบหน้างามที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นเต็มทั้งใบหน้าและลำคอของเด็กสาวก็กลืนน้ำลายลงไปหนึ่งที ก่อนจะเบือนหน้าหลบสายตาออกไปอย่างแนบเนียน

    “พักสักครู่ก็ดี คุณหนูผิงตามสบายเลย ข้าเองก็อยากพักสักครู่เช่นกัน” ชายหนุ่มตอบเสียงอ่อนโยน

    ผิงจินเยว่เดินนำเซียวซ่งไปยังศาลาพักร้อนที่อยู่ใกล้ๆ โดยความช่วยเหลือของสาวใช้สามคน นางนั่งลงหลับตาปล่อยให้สาวใช้จัดการกับใบหน้าและทรงผมอย่างสบายอารมณ์ ส่วนเซียวซ่งเขาไม่คิดจะเข้าไปในศาลาด้วยกันกับหญิงสาวจึงเลือกที่จะนั่งพักอยู่บนก้อนหินก้อนใหญ่ที่ใช้ตกแต่งสวนใกล้ๆ กับศาลานั้นแทน

    เขาเห็นว่านางหลับตาลงไปแล้ว ส่วนสาวใช้ทั้งสามคนต่างก็กำลังกุลีกุจอจัดการกับใบหน้างามอยู่ จึงลอบมองไปที่เด็กสาวอย่างหลงใหลตามประสาคนหนุ่มอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้สายตาของเขากลับสะดุดเข้ากับข้อมือและท่อนแขนของบ่าวรับใช้สตรีสองคนที่กำลังบรรจงซับเหงื่อให้นางอยู่ แม้ว่าเขาจะอยู่ไกล แต่รอยเลือดและรอยแดงหลายจุดบนแขนของสาวใช้ทั้งสองก็ปรากฎให้เห็นได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังมีรอยดำของแผลที่หายแล้วและบางจุดยังตกสะเก็ดอยู่อีกหลายแห่งอีกด้วย

    โดยพลันสายตาของเขาก็เลื่อนไปที่เล็บสีแดงสดบนนิ้วมือเรียวขาวราวกับต้นหอมของเด็กสาว เมื่อคิดได้ก็รีบสะบัดหน้าไล่ความคิดอันชั่วร้ายของตนเองออกไป เด็กสาวที่งดงามอ่อนโยนและแสนดีเช่นนั้นจะลงมือทำร้ายสาวใช้อย่างทารุณได้อย่างไร แผลเหล่านั้นอาจเป็นเพราะสาวใช้พวกนี้ทะเลาะตบตีกันเองเป็นแน่

     

    “พี่ซ่งเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ ไปกันเถิด” เด็กสาวเดินเข้ามาใกล้เซียวซ่งที่กำลังเหม่อมองไปทางอื่นอยู่

    “คุณหนูผิงหายเหนื่อยแล้วเช่นนั้นหรือ”

    “ดูท่านสิ เหตุใดยังเรียกข้าว่าคุณหนูอยู่เล่า ท่านแม่ก็บอกแล้วว่าข้าเป็นเหมือนน้องสาวคนหนึ่งของท่าน ท่านเรียกข้าว่าเยว่เอ๋อร์เถิดนะเจ้าคะ” เด็กสาวออดอ้อนส่งสายตาน้อยอกน้อยใจออกไป

    “มิได้ ข้ากับเจ้าอย่างไรก็ไม่ใช่พี่น้องกันโดยแท้ เรียกขานกันเช่นนั้นอาจจะไม่เหมาะสมเท่าใดนัก” เซียวซ่งคิดเช่นนั้นจริงๆ แม้ว่าเขาจะหลงใหลไปกับรูปลักษณ์ของนาง แต่เขาก็เป็นสุภาพบุรุษพอที่ไม่คิดจะฉวยโอกาสจากความสัมพันธ์ของผู้อาวุโสในสกุล อีกทั้งเด็กสาวผู้นี้ยังเยาว์วัยยิ่งนักนางบริสุทธิ์และไร้เดียงสาเกินไป เขาอายุมากกว่านาง 4 ปี สมควรจะชี้แนะในเรื่องที่เหมาะควร

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×