ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ ๓ เพิ่งสังเกตุ
หลังจากได้ย้อนเวลามาใช้ชีวิตอีกครั้ง ฉันก็มาเรียนตามปกติ ตั้งแต่ได้บังเอิญเจอพี่วิน และ พี่คีย์ในวันนั้น ฉันก็มักได้เจอพวกเขาบ่อยๆในช่วงเย็น ที่ต้องเดินไปรอพี่คินที่คณะ เพราะช่วงที่ผ่านมาฉันมักจะเลิกกิจกรรมที่คณะก่อนพี่คิน ซึ่งหลายเหตุการณ์ยังคงเกิดขึ้นเหมือนชีวิตก่อน ก็มีบางเหตุการณ์ที่เปลี่ยนไป ถ้าฉันไม่ได้ปล่อยให้เหตุการณ์เกิดขึ้นหรือดำเนินไปเหมือนชีวิตก่อน แต่สุดท้ายผลลัพธ์ของบางเรื่องราวคำตอบก็คล้ายกันแม้จะเปลี่ยนแปลงการดำเนินไป และวันนี้ฉันก็กำลังทำกิจกรรมรับน้องที่คณะ
"ผลโหวตดาวคณะนิเทศศาสตร์ปีนี้ ตัวแทนคือ...น้องอิงฟ้านะครับ" ช่วงเย็นหลังเลิกเรียนก็เหมือนเดิมคือกิจกรรมรับน้องของคณะ และในวันนี้รุ่นพี่ก็ให้ทุกคนในคณะร่วมเสนอและโหวตตัวแทนดาวเดือนคณะ เพื่อซ้อมกิจกรรมประกวดของมหาวิทยาลัย ผลโหวตก็เหมือนชีวิตก่อนที่เป็นฉัน และอีกเรื่องที่ยังเหมือนเดิมในชีวิตก่อนและชีวิตนี้ คือฉันและพัดชาที่แข่งกันลุ้นผลดาวคณะ ในชีวิตก่อนฉันที่รู้สึกว่าไม่อยากแข่งขันกับเพื่อน กลัวเพื่อนจะรู้สึกแย่ จึงขอถอนตัวแต่รุ่นพี่และเพื่อนๆก็ไม่ยอมเพราะผลโหวตคือฉัน แต่ในชีวิตนี้ฉันบอกเลยว่าฉันพร้อมสู้ ฉันจึงเลือกที่จะไม่ขอถอนตัว เพราะในเมื่อเธอไม่เคยเห็นฉันเป็นเพื่อน แค่เข้ามาเพื่อผลประโยชน์ ฉันก็จะให้เธอเข้าใกล้เข้าร่วมกลุ่ม แต่ฉันคงไม่ให้ใจหรือความรู้สึกของคำว่าเพื่อนกับเธอ
"ขอบคุณคะที่ไว้ใจอิงให้เป็นตัวแทนของคณะ" ฉันเอ่ยขอบคุณทุกคนที่ไว้ใจฉันให้เป็นตัวแทนของคณะ
"ก็อิงสวยที่สุดแล้วจะไม่ไว้ใจได้ไง" เพื่อนผู้หญิงของคณะคนหนึ่งตะโกนบอกขึ้นมา
"ใช่ๆ ทั้งสวย ทั้งน่ารัก แถมใจดีอีกต่างหาก" และเพื่อนอีกคนก็เอ่ยขึ้นต่อ
"ยิ้มที่ใจเราจะละลาย" เป็นเสียงตะวันเพื่อนผู้ชายในคณะ ที่เป็นตัวแทนเดือนเอ่ยขึ้น กลุ่มของตะวันเป็นกลุ่มที่หล่อสุด ฮอตสุดของปีหนึ่งแล้วหล่ะ เพราะกลุ่มของตะวันเป็นลูกเศรษฐีทั้งกลุ่ม
"อืม...น้องตะวันครับ พี่ให้ประกวดดาวเดือนร่วมกัน ไม่ได้ให้จีบกันครับ" พี่กันต์รุ่นพี่ปีสามแซวขึ้น ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของคนอื่นๆในคณะ
ฉันแอบเหลือบไปมองหน้าพัดชาโดยไม่ให้เธอรู้ว่าฉันมอง ก็ได้เห็นสายตาที่มองฉันอย่างโกรธเคือง อาฆาต ร่วมไปถึงมือที่กำหมัดแน่น ในชีวิตก่อนฉันไม่เคยสังเกตเธอเลยจริงๆ ฉันไม่เคยแม้แต่จะเอ๊ะใจกับอะไรเลย
"ดีใจด้วยนะอิง อิงเหมาะสมที่สุดเลยนะ" ฉันเดินกลับมานั่งที่ในแถว พัดชาก็เอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มที่ครั้งหนึ่งฉันเคยเข้าใจว่ามันคือของจริง แต่มันคือภาพลวงตา
"อืม ขอบใจนะ" ฉันตอบเธอกลับไปแค่นั้น ถ้าในชีวิตก่อนฉันจำได้ว่าฉันบอกเธอว่า...
'ไม่หรอก จริงๆเราว่าพัดชาเหมาะสมกว่าเราอีก เราอยากให้พัดชาเป็นตัวแทน วันนี้เลิกเรียนแล้วไปกินข้าวกันนะ เราอยากเลี้ยงขอโทษพัดชาเรื่องนี้'
แต่ชีวิตนี้เหรอ ฉันไม่มีทางชวนเธอไปกับฉันหรอก
หลังจากเลือกตัวแทนเสร็จ พี่ๆก็ทำกิจกรรมรับน้องอีกนิดหน่อย และเรียกฉันกับตะวันไปคุย เพื่ออธิบายเรื่องการแสดงที่เลือกไว้ ร่วมถึงเรื่องนัดซ้อมการแสดงตัวแทนคณะ ที่อาจจะเลิกดึก หรืออาจจะขอนัดซ้อมวัดหยุดบ้าง พอคุยเสร็จฉันก็เดินมาหยิบกระเป๋าเพื่อจะโทรหาพี่คิน เพราะในชีวิตก่อนวันนี้ฉันทักไปขอพี่คินไปทานข้าวกับพัดชา ซึ่งมีตะวันไปด้วยและเราก็ไปรถของตะวันกัน ทานเสร็จพี่คินไปรอรับที่ร้านอาหาร ส่วนพัดชาตะวันอาสาขับรถไปส่งให้ เพราะเห็นว่าบ้านฉันกับพัดชาไปคนละเส้นทาง และตะวันไปทางเดียวกับพัดชา
"น้องอิงครับ" ขณะที่ฉันกำลังกดโทรศัพท์เพื่อโทรหาพี่คิน ก็มีเสียงเรียกฉันดังขึ้นจากด้านหลัง ฉันจึงหมุนตัวเพื่อหันไปหาเจ้าของเสียงเรียกนั้น
"อ้าวพี่คีย์ สวัสดีคะ" ทันทีที่เห็นว่าเป็นใคร ฉันก็ยิ้มให้พี่คีย์ พร้อมทั้งเอ่ยสวัสดีพี่คีย์ ชีวิตก่อนพี่คีย์คือคนที่ดีกับฉัน อยู่ข้างฉันแม้จะในฐานะน้องสาวก็ตาม พี่คีย์คือพี่ชายที่แสนดีอีกคนหนึ่งนอกจากพี่คิน
"พี่คินพาพี่พอร์ชไปโรงพยาบาลนะครับ พอดีเกิดอุบัติเหตุกับพี่พอร์ชนิดหน่อย พี่คินเลยขอช่วยพี่มารับน้องอิงที่คณะไปส่งที่บ้านนะครับ" พี่คีย์เอ่ยตอบฉันพร้อมรอยยิ้มที่มีให้ฉันเสมอ
ฉันก็พึ่งมาสังเกตุอีกนั้นแหละ ในชีวิตก่อนปกติพี่คีย์จะเป็นผู้ชายที่นิ่ง สุขุม เย็นชา ไม่ค่อยยิ้ม ยกเว้นเพื่อนสนิทหรือคนสนิท โดยเฉพาะกับผู้หญิงจะไม่ค่อยยุ่งด้วย นิสัยจะคล้ายๆกับพี่คิน ซึ่งแตกต่างกับพี่วิน ที่ขี้เล่น เฟรนลี่ ยิ้มง่าย เข้าถึงทุกคน โดยเฉพาะผู้หญิงอย่างที่ฉันเจอในชีวิตก่อน แต่ชีวิตก่อนฉันไม่เคยสังเกตอะไรพวกนี้เลย ไม่เคยสังเกตหรือสงสัยพี่วิน จนนำหายนะมาให้ตัวเอง แต่พี่คีย์นอกจากเพื่อนสนิทหรือคนสนิทแล้ว คนเดียวที่พี่คีย์มักจะยิ้มให้ และนิสัยแตกต่างจากปกติ ก็มีแค่ฉัน แค่เพียงฉันคนเดียวเท่านั้น แม้จะให้ในฐานะพี่ชายก็ตาม
ฉันจำได้ว่าหลังจากพัดชาเข้ามาร่วมกลุ่มกับฉันแล้ว มีหลายครั้งที่พัดชาพยายามเข้าไปคุย ไปเล่นกับพี่คีย์ แต่พี่คีย์ก็เมินเฉย เย็นชา ไม่ตอบโต้หรือแม้แต่ยิ้มให้เธอเลยสักครั้ง ชีวิตในครั้งนี้ความใจดีของพี่คีย์ที่มีให้อิงจะยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปใช่ไหมคะ
"น้องอิงครับ" เสียงเรียกของพี่คีย์ทำให้ฉันหลุดจากภวังค์ความคิด ที่กำลังคิดถึงเรื่องราวในชีวิตก่อน
"คะพี่คีย์" ฉันขานตอบรับพี่คีย์ ที่กำลังมองฉันอยู่
"น้องอิงเป็นอะไรหรือเปล่าครับ พี่เรียกน้องอิงหลายครั้งแล้ว แต่น้องอิงก็ไม่ได้ยินนะครับ" พี่คีย์เอ่ยถามฉันด้วยน้ำเสียงห่วงใย และสายตาของพี่คีย์ที่ฉันมองเห็นก็คือห่วงใยจริงๆ
"อ่อเปล่าคะ อิงแค่คิดว่าพี่พอร์ชจะเป็นอะไรมากหรือเปล่านะคะ" ฉันยิ้มตอบพี่คีย์ แม้จะโกหกก็เถอะ
"ไม่เป็นอะไรมากแล้วครับ งั้นเราไปกันเลยนะครับ" พี่คีย์เอ่ยตอบ พร้อมชวนกลับบ้านอีกครั้ง ฉันจึงพยักหน้าตอบพี่คีย์ และเราทั้งคู่ก็เดินไปที่รถของพี่คีย์ซึ่งจอดอยู่ที่หน้าคณะ
"น้องอิงหิวหรือเปล่าครับ" พี่คีย์เอ่ยถามฉันขณะที่เรากำลังนั่งอยู่ในรถ ที่มีพี่คีย์เป็นคนขับ
"ยังไม่หิวเท่าไรคะ พี่คีย์หิวแล้วเหรอคะ" ฉันหันไปยิ้มตอบพี่คีย์ พร้อมทั้งถามพี่คีย์ด้วยความเป็นห่วง กลัวพี่คีย์จะหิวเพราะพี่คีย์ต้องเสียเวลาไปส่งฉันที่บ้าน
"ยังไม่หิวเท่าไร แสดงว่าก็หิว งั้นเราแวะทานข้าวก่อนไหมครับ น้องอิงรีบกลับบ้านหรือเปล่า" พี่คีย์หันมามองฉันแปปหนึ่งก่อนหันไปมองถนนต่อ พร้อมทั้งถามฉัน ก็ดีนะแวะทานข้าวกับพี่คีย์ก่อนกลับบ้านก็ได้ ชีวิตก่อนวันนี้ฉันก็ทานข้าวนอกบ้านนี่น่า
"งั้นเราแวะทานข้าวกันก่อนก็ได้คะ" ฉันหันไปยิ้มตอบพี่คีย์อีกครั้ง
"น้องอิงอยากทานอะไรครับ" ผมเอ่ยถามน้องอิงเพื่อให้เธอเลือกว่าเธออยากทานอะไร
"อืม...ทานอะไรก็ได้คะ พี่คีย์มีร้านอร่อยแนะนำไหมคะ" เธอเอียงคอทำท่าคิด ก่อนจะหันมายิ้มตอบผม พร้อมทั้งถามผมให้แนะนำร้านอร่อย เธอจะรู้ตัวไหมว่าที่เธอทำมันน่ารักน่าเอ็นดูขนาดไหน
"งั้นไปทานร้านนี้แล้วกันครับ อร่อยมาก ได้รับการโปรโมทจากสนามบินให้นักท่องเที่ยวด้วยนะครับ" ผมหันไปตอบคนตัวเล็กข้างๆ ที่กำลังนั่งยิ้มมองผมอยู่ ก่อนที่เธอจะพยักหน้าน้อยๆ
ผมชอบรอยยิ้มของเธอ เธอไม่เหมาะกับการร้องไห้ ผมได้แต่บอกตัวเองว่าผมจะต้องปกป้องรอยยิ้มนี้ ไม่ให้หายไปแล้วแทนที่ด้วยน้ำตา ผมจะไม่ถอย ผมจะต้องเปลี่ยนแปลงมันให้ได้
วันนี้ช่วงเย็นพี่ๆปีสี่กำลังช่วยกันติดป้ายกิจกรรมคณะ ซึ่งคนที่ปีนบันไดขึ้นไปติดป้ายคือพี่พอร์ช บันไดที่พี่พอร์ชปีนอยู่นั้น อยู่ๆน๊อตก็หลุด ทำให้บันไดล้ม พี่พอร์ชตกลงมา ทั้งแขนทั้งขาเกิดบาดเจ็บไม่แน่ใจกระดูกร้าวหรือเปล่า พี่คินจึงต้องรีบพาพี่พอร์ชซึ่งเป็นเพื่อนสนิทไปโรงพยาบาล ผมช่วยพยุงพี่พอร์ชไปที่รถพี่คิน ก่อนไปพี่คินเลยขอช่วยผม ให้ไปรับน้องอิงที่คณะเพื่อพาไปส่งบ้าน ผมดีใจมากที่พี่คินขอช่วยผมให้มารับเธอไปส่งบ้าน ผมเลยส่งข้อความไปบอกเพื่อนในกลุ่ม แล้วรีบขับรถออกจากคณะตัวเองเพื่อไปรอรับน้องอิงที่คณะนิเทศศาสตร์ทันที
ร้านอาหารดาวล้อมเดือน
"ที่นี้บรรยากาศดีและสวยมากเลยนะคะพี่คีย์ ไม่คิดว่าจะมีร้านแบบนี้ในกรุงเทพ" น้องอิงเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้นกับบรรยากาศร้านที่ผมพาเธอมา
ร้านอาหารร้านนี้บรรยากาศตามชื่อร้านเลยครับ เป็นร้านอาหารยกพื้นสูง เดินขึ้นบันไดมาจะเห็นต้นไม้ใหญ่อยู่ตรงกลาง เหมือนพื้นที่ทานอาหารสร้างล้อมรอบต้นไม้ใหญ่ ด้านบนจะห้อยโคมไฟรูปดาวลงมา ประดับไฟคล้ายดวงดาว และที่ต้นไม้ใหญ่ตรงกลางร้าน จะมีไฟรูปพระจันทร์ดวงใหญ่อยู่กลางต้น ประมาณดาวล้อมเดือน
"ใช่ครับ บรรยากาศดีแล้วรสชาติอาหารก็ดีมากด้วยนะครับ" ผมเอ่ยบอกน้องอิงที่กำลังชื่นชมบรรยากาศของร้าน ผู้หญิงอย่างเธอเหมาะกับรอยยิ้มที่สุดแล้วจริงๆ
"พี่คีย์คะถ่ายรูปให้อิงหน่อยสิคะ บรรยากาศดีจนอิงอยากได้รูปไปอัพสตอรี่คะ" น้องอิงยื่นโทรศัพท์ของเธอมาให้ผมถ่ายรูปให้ ผมถ่ายให้เธอไปหลายรูปเลยครับ และผมก็แอบใช้โทรศัพท์ผมถ่ายรูปเธอเก็บไว้หลายรูปเหมือนกัน แต่เธอคงไม่ทันสังเกตว่าผมสลับใช้โทรศัพท์ผมถ่ายด้วย ถ่ายเสร็จผมก็ยื่นโทรศัพท์ให้เธอ
"ถ้าพี่อยากเอารูปไปอัพบ้างได้ไหมครับ" ผมแกล้งเอ่ยถามน้องอิง เพราะผมมีรูปที่ผมอยากเอาไปอัพบ้าง
"หือ...รูปอะไรคะ ทำไมต้องมาขออิงคะ" เธอถามผมด้วยท่าทีที่แสดงออกถึงความสงสัย
"ก็รูปบรรยากาศร้านไงครับ แบบน้องอิงอัพ แล้วพี่อัพด้วย อีกอย่างในภาพที่พี่ถ่ายติดน้องอิง แม้จะเห็นลางๆ แต่พี่กลัวน้องอิงไม่สะดวกใจ" ผมจ้องตาพร้อมอธิบายเหตุผลที่ทำไมต้องขออนุญาตเธอก่อน
"ก็...ถ้าพี่คีย์ไม่กลัวเสียยอดความนิยมจากสาวๆ ก็ได้นะคะ" น้องอิงเธอตอบคำถามของผม ด้วยคำตอบที่เป็นคำถามกลับให้ผม พร้อมส่งรอยยิ้มให้ผมรู้ว่าเธอไม่ว่าอะไรถ้าผมไม่กลัวสิ่งที่อยู่ในคำถามของเธอ
ผมไม่กลัวหรอกว่าจะเสียความนิยมจากสาวๆ เพราะผมไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนมาก่อนอยู่แล้ว นอกจากผู้หญิงคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับผม อาหารมื้อนี้เป็นมื้อที่อร่อยที่สุดสำหรับผมเลยหล่ะ ไม่ใช่เพราะบรรยากาศ ไม่ใช่เพราะรสชาติ แต่เพราะคนที่อยู่ตรงหน้าผมต่างหาก ทานอาหารเสร็จผมก็พาน้องอิงกลับไปส่งบ้านอย่างปลอดภัย ผมจะปกป้องรอยยิ้มของเธอ ไม่มีวันให้ใครมาพรากไปเด็ดขาด
"ผลโหวตดาวคณะนิเทศศาสตร์ปีนี้ ตัวแทนคือ...น้องอิงฟ้านะครับ" ช่วงเย็นหลังเลิกเรียนก็เหมือนเดิมคือกิจกรรมรับน้องของคณะ และในวันนี้รุ่นพี่ก็ให้ทุกคนในคณะร่วมเสนอและโหวตตัวแทนดาวเดือนคณะ เพื่อซ้อมกิจกรรมประกวดของมหาวิทยาลัย ผลโหวตก็เหมือนชีวิตก่อนที่เป็นฉัน และอีกเรื่องที่ยังเหมือนเดิมในชีวิตก่อนและชีวิตนี้ คือฉันและพัดชาที่แข่งกันลุ้นผลดาวคณะ ในชีวิตก่อนฉันที่รู้สึกว่าไม่อยากแข่งขันกับเพื่อน กลัวเพื่อนจะรู้สึกแย่ จึงขอถอนตัวแต่รุ่นพี่และเพื่อนๆก็ไม่ยอมเพราะผลโหวตคือฉัน แต่ในชีวิตนี้ฉันบอกเลยว่าฉันพร้อมสู้ ฉันจึงเลือกที่จะไม่ขอถอนตัว เพราะในเมื่อเธอไม่เคยเห็นฉันเป็นเพื่อน แค่เข้ามาเพื่อผลประโยชน์ ฉันก็จะให้เธอเข้าใกล้เข้าร่วมกลุ่ม แต่ฉันคงไม่ให้ใจหรือความรู้สึกของคำว่าเพื่อนกับเธอ
"ขอบคุณคะที่ไว้ใจอิงให้เป็นตัวแทนของคณะ" ฉันเอ่ยขอบคุณทุกคนที่ไว้ใจฉันให้เป็นตัวแทนของคณะ
"ก็อิงสวยที่สุดแล้วจะไม่ไว้ใจได้ไง" เพื่อนผู้หญิงของคณะคนหนึ่งตะโกนบอกขึ้นมา
"ใช่ๆ ทั้งสวย ทั้งน่ารัก แถมใจดีอีกต่างหาก" และเพื่อนอีกคนก็เอ่ยขึ้นต่อ
"ยิ้มที่ใจเราจะละลาย" เป็นเสียงตะวันเพื่อนผู้ชายในคณะ ที่เป็นตัวแทนเดือนเอ่ยขึ้น กลุ่มของตะวันเป็นกลุ่มที่หล่อสุด ฮอตสุดของปีหนึ่งแล้วหล่ะ เพราะกลุ่มของตะวันเป็นลูกเศรษฐีทั้งกลุ่ม
"อืม...น้องตะวันครับ พี่ให้ประกวดดาวเดือนร่วมกัน ไม่ได้ให้จีบกันครับ" พี่กันต์รุ่นพี่ปีสามแซวขึ้น ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของคนอื่นๆในคณะ
ฉันแอบเหลือบไปมองหน้าพัดชาโดยไม่ให้เธอรู้ว่าฉันมอง ก็ได้เห็นสายตาที่มองฉันอย่างโกรธเคือง อาฆาต ร่วมไปถึงมือที่กำหมัดแน่น ในชีวิตก่อนฉันไม่เคยสังเกตเธอเลยจริงๆ ฉันไม่เคยแม้แต่จะเอ๊ะใจกับอะไรเลย
"ดีใจด้วยนะอิง อิงเหมาะสมที่สุดเลยนะ" ฉันเดินกลับมานั่งที่ในแถว พัดชาก็เอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มที่ครั้งหนึ่งฉันเคยเข้าใจว่ามันคือของจริง แต่มันคือภาพลวงตา
"อืม ขอบใจนะ" ฉันตอบเธอกลับไปแค่นั้น ถ้าในชีวิตก่อนฉันจำได้ว่าฉันบอกเธอว่า...
'ไม่หรอก จริงๆเราว่าพัดชาเหมาะสมกว่าเราอีก เราอยากให้พัดชาเป็นตัวแทน วันนี้เลิกเรียนแล้วไปกินข้าวกันนะ เราอยากเลี้ยงขอโทษพัดชาเรื่องนี้'
แต่ชีวิตนี้เหรอ ฉันไม่มีทางชวนเธอไปกับฉันหรอก
หลังจากเลือกตัวแทนเสร็จ พี่ๆก็ทำกิจกรรมรับน้องอีกนิดหน่อย และเรียกฉันกับตะวันไปคุย เพื่ออธิบายเรื่องการแสดงที่เลือกไว้ ร่วมถึงเรื่องนัดซ้อมการแสดงตัวแทนคณะ ที่อาจจะเลิกดึก หรืออาจจะขอนัดซ้อมวัดหยุดบ้าง พอคุยเสร็จฉันก็เดินมาหยิบกระเป๋าเพื่อจะโทรหาพี่คิน เพราะในชีวิตก่อนวันนี้ฉันทักไปขอพี่คินไปทานข้าวกับพัดชา ซึ่งมีตะวันไปด้วยและเราก็ไปรถของตะวันกัน ทานเสร็จพี่คินไปรอรับที่ร้านอาหาร ส่วนพัดชาตะวันอาสาขับรถไปส่งให้ เพราะเห็นว่าบ้านฉันกับพัดชาไปคนละเส้นทาง และตะวันไปทางเดียวกับพัดชา
"น้องอิงครับ" ขณะที่ฉันกำลังกดโทรศัพท์เพื่อโทรหาพี่คิน ก็มีเสียงเรียกฉันดังขึ้นจากด้านหลัง ฉันจึงหมุนตัวเพื่อหันไปหาเจ้าของเสียงเรียกนั้น
"อ้าวพี่คีย์ สวัสดีคะ" ทันทีที่เห็นว่าเป็นใคร ฉันก็ยิ้มให้พี่คีย์ พร้อมทั้งเอ่ยสวัสดีพี่คีย์ ชีวิตก่อนพี่คีย์คือคนที่ดีกับฉัน อยู่ข้างฉันแม้จะในฐานะน้องสาวก็ตาม พี่คีย์คือพี่ชายที่แสนดีอีกคนหนึ่งนอกจากพี่คิน
"พี่คินพาพี่พอร์ชไปโรงพยาบาลนะครับ พอดีเกิดอุบัติเหตุกับพี่พอร์ชนิดหน่อย พี่คินเลยขอช่วยพี่มารับน้องอิงที่คณะไปส่งที่บ้านนะครับ" พี่คีย์เอ่ยตอบฉันพร้อมรอยยิ้มที่มีให้ฉันเสมอ
ฉันก็พึ่งมาสังเกตุอีกนั้นแหละ ในชีวิตก่อนปกติพี่คีย์จะเป็นผู้ชายที่นิ่ง สุขุม เย็นชา ไม่ค่อยยิ้ม ยกเว้นเพื่อนสนิทหรือคนสนิท โดยเฉพาะกับผู้หญิงจะไม่ค่อยยุ่งด้วย นิสัยจะคล้ายๆกับพี่คิน ซึ่งแตกต่างกับพี่วิน ที่ขี้เล่น เฟรนลี่ ยิ้มง่าย เข้าถึงทุกคน โดยเฉพาะผู้หญิงอย่างที่ฉันเจอในชีวิตก่อน แต่ชีวิตก่อนฉันไม่เคยสังเกตอะไรพวกนี้เลย ไม่เคยสังเกตหรือสงสัยพี่วิน จนนำหายนะมาให้ตัวเอง แต่พี่คีย์นอกจากเพื่อนสนิทหรือคนสนิทแล้ว คนเดียวที่พี่คีย์มักจะยิ้มให้ และนิสัยแตกต่างจากปกติ ก็มีแค่ฉัน แค่เพียงฉันคนเดียวเท่านั้น แม้จะให้ในฐานะพี่ชายก็ตาม
ฉันจำได้ว่าหลังจากพัดชาเข้ามาร่วมกลุ่มกับฉันแล้ว มีหลายครั้งที่พัดชาพยายามเข้าไปคุย ไปเล่นกับพี่คีย์ แต่พี่คีย์ก็เมินเฉย เย็นชา ไม่ตอบโต้หรือแม้แต่ยิ้มให้เธอเลยสักครั้ง ชีวิตในครั้งนี้ความใจดีของพี่คีย์ที่มีให้อิงจะยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปใช่ไหมคะ
"น้องอิงครับ" เสียงเรียกของพี่คีย์ทำให้ฉันหลุดจากภวังค์ความคิด ที่กำลังคิดถึงเรื่องราวในชีวิตก่อน
"คะพี่คีย์" ฉันขานตอบรับพี่คีย์ ที่กำลังมองฉันอยู่
"น้องอิงเป็นอะไรหรือเปล่าครับ พี่เรียกน้องอิงหลายครั้งแล้ว แต่น้องอิงก็ไม่ได้ยินนะครับ" พี่คีย์เอ่ยถามฉันด้วยน้ำเสียงห่วงใย และสายตาของพี่คีย์ที่ฉันมองเห็นก็คือห่วงใยจริงๆ
"อ่อเปล่าคะ อิงแค่คิดว่าพี่พอร์ชจะเป็นอะไรมากหรือเปล่านะคะ" ฉันยิ้มตอบพี่คีย์ แม้จะโกหกก็เถอะ
"ไม่เป็นอะไรมากแล้วครับ งั้นเราไปกันเลยนะครับ" พี่คีย์เอ่ยตอบ พร้อมชวนกลับบ้านอีกครั้ง ฉันจึงพยักหน้าตอบพี่คีย์ และเราทั้งคู่ก็เดินไปที่รถของพี่คีย์ซึ่งจอดอยู่ที่หน้าคณะ
"น้องอิงหิวหรือเปล่าครับ" พี่คีย์เอ่ยถามฉันขณะที่เรากำลังนั่งอยู่ในรถ ที่มีพี่คีย์เป็นคนขับ
"ยังไม่หิวเท่าไรคะ พี่คีย์หิวแล้วเหรอคะ" ฉันหันไปยิ้มตอบพี่คีย์ พร้อมทั้งถามพี่คีย์ด้วยความเป็นห่วง กลัวพี่คีย์จะหิวเพราะพี่คีย์ต้องเสียเวลาไปส่งฉันที่บ้าน
"ยังไม่หิวเท่าไร แสดงว่าก็หิว งั้นเราแวะทานข้าวก่อนไหมครับ น้องอิงรีบกลับบ้านหรือเปล่า" พี่คีย์หันมามองฉันแปปหนึ่งก่อนหันไปมองถนนต่อ พร้อมทั้งถามฉัน ก็ดีนะแวะทานข้าวกับพี่คีย์ก่อนกลับบ้านก็ได้ ชีวิตก่อนวันนี้ฉันก็ทานข้าวนอกบ้านนี่น่า
"งั้นเราแวะทานข้าวกันก่อนก็ได้คะ" ฉันหันไปยิ้มตอบพี่คีย์อีกครั้ง
"น้องอิงอยากทานอะไรครับ" ผมเอ่ยถามน้องอิงเพื่อให้เธอเลือกว่าเธออยากทานอะไร
"อืม...ทานอะไรก็ได้คะ พี่คีย์มีร้านอร่อยแนะนำไหมคะ" เธอเอียงคอทำท่าคิด ก่อนจะหันมายิ้มตอบผม พร้อมทั้งถามผมให้แนะนำร้านอร่อย เธอจะรู้ตัวไหมว่าที่เธอทำมันน่ารักน่าเอ็นดูขนาดไหน
"งั้นไปทานร้านนี้แล้วกันครับ อร่อยมาก ได้รับการโปรโมทจากสนามบินให้นักท่องเที่ยวด้วยนะครับ" ผมหันไปตอบคนตัวเล็กข้างๆ ที่กำลังนั่งยิ้มมองผมอยู่ ก่อนที่เธอจะพยักหน้าน้อยๆ
ผมชอบรอยยิ้มของเธอ เธอไม่เหมาะกับการร้องไห้ ผมได้แต่บอกตัวเองว่าผมจะต้องปกป้องรอยยิ้มนี้ ไม่ให้หายไปแล้วแทนที่ด้วยน้ำตา ผมจะไม่ถอย ผมจะต้องเปลี่ยนแปลงมันให้ได้
วันนี้ช่วงเย็นพี่ๆปีสี่กำลังช่วยกันติดป้ายกิจกรรมคณะ ซึ่งคนที่ปีนบันไดขึ้นไปติดป้ายคือพี่พอร์ช บันไดที่พี่พอร์ชปีนอยู่นั้น อยู่ๆน๊อตก็หลุด ทำให้บันไดล้ม พี่พอร์ชตกลงมา ทั้งแขนทั้งขาเกิดบาดเจ็บไม่แน่ใจกระดูกร้าวหรือเปล่า พี่คินจึงต้องรีบพาพี่พอร์ชซึ่งเป็นเพื่อนสนิทไปโรงพยาบาล ผมช่วยพยุงพี่พอร์ชไปที่รถพี่คิน ก่อนไปพี่คินเลยขอช่วยผม ให้ไปรับน้องอิงที่คณะเพื่อพาไปส่งบ้าน ผมดีใจมากที่พี่คินขอช่วยผมให้มารับเธอไปส่งบ้าน ผมเลยส่งข้อความไปบอกเพื่อนในกลุ่ม แล้วรีบขับรถออกจากคณะตัวเองเพื่อไปรอรับน้องอิงที่คณะนิเทศศาสตร์ทันที
ร้านอาหารดาวล้อมเดือน
"ที่นี้บรรยากาศดีและสวยมากเลยนะคะพี่คีย์ ไม่คิดว่าจะมีร้านแบบนี้ในกรุงเทพ" น้องอิงเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้นกับบรรยากาศร้านที่ผมพาเธอมา
ร้านอาหารร้านนี้บรรยากาศตามชื่อร้านเลยครับ เป็นร้านอาหารยกพื้นสูง เดินขึ้นบันไดมาจะเห็นต้นไม้ใหญ่อยู่ตรงกลาง เหมือนพื้นที่ทานอาหารสร้างล้อมรอบต้นไม้ใหญ่ ด้านบนจะห้อยโคมไฟรูปดาวลงมา ประดับไฟคล้ายดวงดาว และที่ต้นไม้ใหญ่ตรงกลางร้าน จะมีไฟรูปพระจันทร์ดวงใหญ่อยู่กลางต้น ประมาณดาวล้อมเดือน
"ใช่ครับ บรรยากาศดีแล้วรสชาติอาหารก็ดีมากด้วยนะครับ" ผมเอ่ยบอกน้องอิงที่กำลังชื่นชมบรรยากาศของร้าน ผู้หญิงอย่างเธอเหมาะกับรอยยิ้มที่สุดแล้วจริงๆ
"พี่คีย์คะถ่ายรูปให้อิงหน่อยสิคะ บรรยากาศดีจนอิงอยากได้รูปไปอัพสตอรี่คะ" น้องอิงยื่นโทรศัพท์ของเธอมาให้ผมถ่ายรูปให้ ผมถ่ายให้เธอไปหลายรูปเลยครับ และผมก็แอบใช้โทรศัพท์ผมถ่ายรูปเธอเก็บไว้หลายรูปเหมือนกัน แต่เธอคงไม่ทันสังเกตว่าผมสลับใช้โทรศัพท์ผมถ่ายด้วย ถ่ายเสร็จผมก็ยื่นโทรศัพท์ให้เธอ
"ถ้าพี่อยากเอารูปไปอัพบ้างได้ไหมครับ" ผมแกล้งเอ่ยถามน้องอิง เพราะผมมีรูปที่ผมอยากเอาไปอัพบ้าง
"หือ...รูปอะไรคะ ทำไมต้องมาขออิงคะ" เธอถามผมด้วยท่าทีที่แสดงออกถึงความสงสัย
"ก็รูปบรรยากาศร้านไงครับ แบบน้องอิงอัพ แล้วพี่อัพด้วย อีกอย่างในภาพที่พี่ถ่ายติดน้องอิง แม้จะเห็นลางๆ แต่พี่กลัวน้องอิงไม่สะดวกใจ" ผมจ้องตาพร้อมอธิบายเหตุผลที่ทำไมต้องขออนุญาตเธอก่อน
"ก็...ถ้าพี่คีย์ไม่กลัวเสียยอดความนิยมจากสาวๆ ก็ได้นะคะ" น้องอิงเธอตอบคำถามของผม ด้วยคำตอบที่เป็นคำถามกลับให้ผม พร้อมส่งรอยยิ้มให้ผมรู้ว่าเธอไม่ว่าอะไรถ้าผมไม่กลัวสิ่งที่อยู่ในคำถามของเธอ
ผมไม่กลัวหรอกว่าจะเสียความนิยมจากสาวๆ เพราะผมไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนมาก่อนอยู่แล้ว นอกจากผู้หญิงคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับผม อาหารมื้อนี้เป็นมื้อที่อร่อยที่สุดสำหรับผมเลยหล่ะ ไม่ใช่เพราะบรรยากาศ ไม่ใช่เพราะรสชาติ แต่เพราะคนที่อยู่ตรงหน้าผมต่างหาก ทานอาหารเสร็จผมก็พาน้องอิงกลับไปส่งบ้านอย่างปลอดภัย ผมจะปกป้องรอยยิ้มของเธอ ไม่มีวันให้ใครมาพรากไปเด็ดขาด
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น