ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ไออุ่นของคิว : Chapter 2
2
หลังจากนั้นฉันก็ไปที่ร้านใหม่แทบจะทุกวัน
บางวันก็ไปก่อนจะตี้กับเพื่อนๆบางวันก็หลังจากตี้ แต่เวลาเข้าไปในร้านฉันจะเลือกทำเลที่เห็นเคาน์เตอร์ไม่ได้ตรงไปนั่งเหมือนที่ผ่านๆมาแทน
ไม่งั้นน้องคิวก็รู้หมดน่ะสิว่าจุดประสงค์ฉันคือการไปหาเขาน่ะ
“ไงอุ่น” เสียงทุ้มลึกพร้อมกับแขนที่พาดมาบนไหล่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นใคร
“แขนก็หนักยังจะเอามาวางบนไหล่คนอื่นอีกนะพี่ม่อน” หันไปแขวะพร้อมกับพยายามดันท่อนแขนเขาออกแต่ไม่เป็นผลเลยปล่อยเลยตามเลย
“ว่าแต่เมื่อวานไปดื่มมาเหรอ?
เห็นลงสตอรี่ หรือพวกมึงไปตี้โดยไม่บอกกูวะ?” ซีเลิกคิ้วให้ฉันเล็กน้อยก่อนจะจ้องหน้าเพื่อนที่เหลือในกลุ่ม
“กูไปคนเดียว” ทำไมฉันต้องมารายงานพวกมันด้วยวะ
“ร้านใหม่เหรอ?
ดูไม่คุ้น” ประโยคนี้เรย์เป็นคนถามออกมา
ฉันจึงพยักหน้ากลับไปเพราะไม่รู้จะปิดไว้ทำไม
“ดีปะ? พาพวกกูไปหน่อยดิ” พี่ม่อนหันมาทำตาแพรวพราว “แต่แม่งต้องดีแน่ๆเลยว่ะไม่งั้นไออุ่นของเราจะไปเหรอ”
“ก็ดี” บาเทนเดอร์ดี
“งั้นพาพวกกูไป...”
“ไม่เอา” ฉันปฏิเสธก่อนที่พี่ม่อนจะพูดจบจนทุกคนเพ่งสายตามายังฉันเพียงคนเดียว
“ทำไม?” เหมือนคำที่กราฟพูดจะเป็นสิ่งที่อยู่ในใจของทุกๆคนเลยอะ
“ก็แบบ คือว่า...” ฉิบแล้วไงไออุ่น เอาไงดีวะเนี้ย
“หรือว่ามึงชอบใครในนั้น?” รู้ว่าเรย์แค่พูดลอยๆแต่กลับทำฉันชะงักอย่างเห็นได้ชัดจนอีกฝ่ายตาโต “เชี่ย จริงเหรอวะอุ่น?”
“มันก็ไม่เชิงชอบอะไรแบบนั้น” พอไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไรสุดท้ายฉันก็ถอนหายใจแล้วตอบออกมาเสียงเบา
“ไหนบอกว่าจะไม่เอาผู้ชายในร้านเหล้า” เรย์จ้องหน้าฉันอย่างจับผิด
ความจริงแม่งก็เหมือนจะจับผิดกูทุกคนอะ
ขนาดไอ้ซีที่น่าจะกำลังแชทกับแฟนมันอยู่ยังละสายตาจากจอมามองฉันเลยคิดดู
“แต่เขาเป็นบาเทนเดอร์นะ” ฉันเถียง เคนตะเอียงคอเล็กน้อยพร้อมกับดันแว่นแล้วพูดกลับมาว่า...
“บาเทนเดอร์ก็อยู่ในร้านเหล้าปะวะ”
เออว่ะ
‘ผู้ชายในร้านเหล้าน่ะไม่จริงจังหรอก’
คติประจำใจฉันแว็บเข้ามาในทันที
ลืมไปเลยว่ากำลังแหกกฎที่ตัวเองตั้งไว้
“แต่แบบน้องเขาก็เป็นบาเทนเดอร์ปะวะ
มันคงจะคนละชั้นกับผู้ชายทั่วไปไหมอะ” แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังหาถ้อยคำมาแย้ง
“กินเด็กซะด้วยว่ะ” พี่ม่อนพึมพำ
“สิ่งที่มึงพูดคือข้ออ้างทั้งนั้นเลยอุ่น” เรย์กอดอกพร้อมกับพูดแทงใจดำ ชิ...ไอ้เพื่อนคนนี้นี่เป็นคนตรงๆไม่ต่างกับฉันเลย
“แล้ววันนี้จะไปอีกรึเปล่า?” พอทุกคนเลิกสงสัยเรื่องฉันพี่ม่อนก็หันมากระซิบกระซาบ
อะไรของมันวะจะกระซิบเพื่อ?
“ไป...มั้ง”
“งั้นไปด้วยดิ” เพื่อนคนเดิมพูดเสียงอ้อน
“เฮ้ย จะไปทำไม?”
พี่ม่อนกอดอกยืดตัวตรงพลางชำเลืองสายตามาทางฉัน “อยากไปเห็นหน้าไอ้คนที่ทำให้ผู้หญิงอย่างไออุ่นผิดคำพูดตัวเองอะดิ”
“ผิดคำพูดที่ไหนกูบอกแล้วไงว่าไม่ได้ชอบน้องเขาขนาดนั้น” หันไปเผชิญหน้ากับเขาก่อนจะเป็นฝ่ายกอดอกแทน “ทำเป็นอยากเห็นหน้า อยากเปลี่ยนที่ดื่มก็บอกมาเถอะ”
“ก็แหม่...” พอโดนจับไต๋ได้พี่ม่อนก็พูดเสียงอ่อยพร้อมกับอมลมในปาก “ร้านประจำพอไม่ได้ไปด้วยกันมันรู้สึกแปลกๆนี่นา”
“แหวะ จะอ้วก” นี่เป็นเสียงเรย์นะไม่ใช่ฉันแต่ก็เป็นคำที่จะพูดอยู่พอดีนั่นแหละเพียงแต่เรย์ไวกว่า
“ผู้หญิงพวกนี้ใจร้ายว่ะ ถึงว่าทำไมไม่มีใครเอา”
“อ้าวพี่ม่อน กูมีแฟนแล้วนะจ๊า” เรย์ใช้มือพัดเข้าหาตัวเองอย่างพราวๆจนน่าหมั่นไส้ ในกลุ่มมีแค่เรย์กับซีเท่านั้นแหละที่มีแฟนแล้วส่วนคนอื่น...โบ๋เบ๋
“กูไม่คุยกับมึงแล้ว” พี่ม่อนสะบัดหนีจากเรย์ก่อนจะหันมามองฉันพร้อมกับดึงมือไปกุมไว้หลวมๆ “ตกลงตามนี้นะ ดีล!”
เดี๋ยว ใครไปดีลกับแกกันไอ้บ้าม่อน!
ดีลไม่ดีลสุดท้ายมันก็ตามมาจนได้...
“ไกลจากบ้านมึงพอสมควรเลยนะเนี้ย” หลังจากพี่ม่อนตามฉันมาสำเร็จเจ้าตัวก็เงยหน้ามองชื่อร้านที่ตั้งตระหง่านตาอยู่ตรงหน้า
“เรื่องแบบนี้อยู่ไกลแค่ไหนแต่อยากกินต้องได้กินปะ” ฉันหันไปยักคิ้วกวนให้คนตัวสูงแต่ประโยคที่ได้รับกลับมาทำเอาฉันสะอึกในทันที
“หมายถึงเหล้าหรือผู้ชาย?”
“ล้อเล่นนิดเดียวเองปัดโถ่” พูดเสร็จก็เดินล้วงกระเป๋าเข้าร้านไปหน้าตาเฉยทำเอาฉันรีบวิ่งตามเพราะขายาวๆนั้นก้าวสี่ก้าวก็ถึงประตูแล้ว
วันแรกมาคับคั่งแค่ไหนวันนี้มาคนก็ยังเยอะเหมือนเดิม
ฉันกับพี่ม่อนหาที่นั่งโดยเลือกที่ที่สามารถมองไปยังเคาน์เตอร์ได้ชัดเจน
“ไหนคนไหน” ผู้ชายข้างๆมองตรงไปยังเคาน์เตอร์บาร์พร้อมกับชี้นิ้ว แสดงท่าทางอยากรู้อยากเห็นโดยไม่คิดจะปิดบัง “คนนั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่”
“คนนั้น?”
“ไม่อะ”
“โอ๊ย แล้วมันคนไหนวะ!?” พอชี้ไม่ถูกคนสักทีพี่ม่อนก็เริ่มโวยวายพร้อมกับฉุดแขนฉันให้ลุกขึ้นยืน
“เฮ้ย! มึงจะลากกูไปไหน?” ฉันรีบถามเสียงฉงนในขณะสองเท้าก็ก้าวตามคนตรงหน้าไปอย่างช่วยไม่ได้
“นั่งตรงนี้มันไม่เห็น ไปนั่งตรงนู้นแม่งเลย”
ตรงนู้นที่ว่าก็คือเคาน์เตอร์นะ!
ในที่สุดไอ้พี่ม่อนก็ลากฉันมานั่งที่เคาน์เตอร์จนได้
ฉันถอนหายใจพร้อมกับเสหน้าไปทางอื่นเพราะไม่อยากมองหน้ามันก่อนที่สายตาจะไปปะทะกับคนที่กำลังตามหาพอดี
“นั่นไงพี่ม่อน” สะกิดแขนมันก่อนจะยกมือขึ้นหวังทักทายแต่ภาพตรงหน้ากลับทำเอาฉันค่อยๆลดมือลง
ภาพที่น้องคิวกำลังเท้าคางพร้อมกับยิ้มกว้างอย่างน่ารักให้กับผู้หญิงคนหนึ่ง เพราะอยู่ไม่ห่างกันเท่าไรเลยได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักแล่นเข้ามา
“แบบนี้พี่ต้องมาบ่อยๆแล้วแหละครับ” นั่นเสียงน้องคิว
“พี่ชักชอบร้านนี้แล้วสิ” นี่เสียงของผู้หญิงคนนั้น
“เป็นไรวะอุ่น นิ่งเชียว” หางตาเห็นว่าพี่ม่อนชะโงกหน้าเข้ามาดู
“มึง” ฉันเรียกเขาในขณะที่สายตายังคงจับจ้องไปยังน้องคิวอยู่ “รอยยิ้มนั่น”
“…”
“เขาไม่ได้ยิ้มให้กูคนเดียวว่ะ”
พี่ม่อนมองเลยไปตามสายตาฉันก่อนจะเท้าคางลงกับเคาน์เตอร์ข้างๆ “มันก็ต้องแน่อยู่แล้วปะวะ
เขาเป็นบาเทนเดอร์นะก็ต้องพยายามเรียกลูกค้าเข้าร้านสิ”
“ของมันแน่อยู่แล้ว พี่สวยขนาดนี้ผมก็ต้องจำได้สิครับ”
“ไออุ่นของคิวไงครับ”
ที่เขาทำไปทั้งหมด...เพียงเพราะเป็นหน้าที่เท่านั้นเองเหรอ?
“อย่าบอกนะว่ามึง...” พี่ม่อนหันมาทำตาโตใส่ฉัน “ชอบเพราะเขาทำแบบนั้นใส่น่ะ!?”
“เออดิวะ” ฉันคราง “น้องแม่งยิ้มโคตรน่ารักเลย”
“โอ๊ยไอ้เชี่ยอุ่น” ทำไม การที่ฉันชอบรอยยิ้มเขามันผิดรึไง? ก็น้องแม่งน่ารักเองนี่หวา
โอ๊ย...โลกสีชมพูของฉันพังทลายลงในพริบตา
สุดท้ายก็ไม่ควรไปยุ่งกับผู้ชายในร้านเหล้าจริงๆสินะ...เฮ้อ
“อ้าวพี่ไออุ่น” เสียงเรียกอันแสนสดใสส่งผลให้ฉันเงยหน้าไปมอง
รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าเกือบทำให้ฉันหลงเขาอีกรอบถ้าไม่ติดตรงที่ว่ามีท่อนแขนใครมาพาดลงบนไหล่ก่อนเนี้ยแหละ
ไอ้พี่ม่อน!
“ทำอะไรของมึงเนี้ย?” ฉันหันไปกระซิบลอดไรฟันกับเจ้าของการกระทำ
“วันนี้พี่มากับเพื่อนเหรอครับ?” น้องคิวเบนหน้าไปมองพี่ม่อนพลางเหลือบสายตาจ้องมือที่วางอยู่บนไหล่ฉันพร้อมกับถามเสียงเรียบ
“คือ...”
“เอาตัวเดิมที่ชอบกินปะ?” ยังไม่ทันได้พูดอะไรไอ้พี่ม่อนก็แทรกขึ้นมาเสร็จจึงถามฉันเสียงหวานอย่างที่มันไม่เคยทำมาก่อน
“น้ำเสียงอะไรของมึง กูขนลุกหมดแล้วเนี้ย”
“เอาตามนี้นะ” เขาไม่ได้สนใจฉันแต่เงยหน้าไปสั่งเครื่องดื่มกับน้องคิวแทน พอได้รับออเดอร์น้องเขาก็ฉีกยิ้มเล็กน้อยแต่ไม่เหมือนปกติที่เจ้าตัวเคยทำเลย
มันดูเยือกเย็นอย่างบอกไม่ถูกแฮะ
“ตัวนี้ผมทำไม่เป็น เดี๋ยวผมไปเรียกพี่บาเทนเดอร์คนอื่นมาทำให้แทนนะครับ” พูดจบก็เดินออกไปเลย
“แต่มันเป็นตัวเบสิกเลยนะ” ฉันพึมพำก่อนจะสะบัดศีรษะเลิกสนใจเรื่องนี้แต่กลับไปสนใจไอ้เพื่อนเวรแทน “มึงทำอะไรของมึงเนี้ย? มือบ้านี้ด้วย เอาออกไปเลย”
“ใจเย็นดิมันเป็นกลยุทธิ์”
“กลยุทธิ์เชี่ยไรของมึง?” ฉันทำตาขวาง
“เอาน่า เอาเป็นว่าพรุ่งนี้มึงลองมาอีกดิน้องเขาแม่งถามหากูชัวร์”
“ถามเชี่ยไรมึงไม่เห็นรึไงว่าน้องเขาแม่งเดินออกไปไม่ยอมคุยกับกูแล้ว!” ฉันหันไปทางที่น้องคิวเดินไปพร้อมกับใช้กำปั้นทุบอกพี่ม่อนไปหนึ่งทีจนเขาร้องโอ๊ย
“ไม่เชื่อพรุ่งนี้มึงลองทำตามที่กูบอกดู”
ถ้าพรุ่งนี้น้องเขาไม่คุยด้วยกูจะฆ่ามึงไอ้พี่ม่อน!
วันต่อมา
ไม่รู้อะไรดลใจให้ฉันมาตามที่พี่ม่อนบอกจริงๆ
คือปกติจะมาวันเว้นวันไม่ก็สักสามวันมาครั้งอะไรแบบนี้ไง
วันนี้ไม่มีที่นั่งเลยจำต้องมาที่เคาน์เตอร์แทน ฉันจ้องมองน้องคิวที่กำลังชงเครื่องดื่มด้วยความตั้งใจ
ถึงแม้สิ่งที่เขาพูดหยอดหรือยิ้มให้ฉันจะเป็นเพียงหน้าที่แต่ก็ช่างมันเถอะ
หลังจากนี้จะยกน้องเขาให้เป็นอาหารตาเท่านั้นก็พอ
แบบนี้ก็ถือว่าตัวเองไม่ผิดคำพูดที่ว่าจะไม่ยุ่งกับคนในร้านเหล้าด้วย
“ดื่มเก่งขนาดนี้ บ้านพี่ผลิตตับส่งออกเหรอครับ?” ไอ้เด็กนี่...ดูคำแรกที่ทักทายฉันสิ
“เป็นอะไรทำไมดูอารมณ์ไม่ดี?” ฉันเลิกคิ้วใส่เขา
คนอื่นอาจจะมองว่ามันธรรมดาแต่จากการเฝ้าดูเขามาเกือบเดือนทำให้ฉันดูออกว่าบนใบหน้านั้นมีรังสีไม่สบอารมณ์แฝงอยู่
“ไม่มีอะไรหรอกครับ”
“ไม่เชื่...”
“ว่าแต่ผู้ชายคนเมื่อวานไม่มาด้วยเหรอครับ?” ยังไม่ทันที่ฉันจะได้พูดจนจบประโยคน้องคิวก็แทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด...อะไรของน้องเขาวะ
ว่าแต่...เมื่อกี้น้องเขาถามหาใครนะ พี่ม่อน?
“เอาน่า
เอาเป็นว่าพรุ่งนี้มึงลองมาอีกดิน้องเขาแม่งถามหากูชัวร์”
คำพูดของเขาแล่นเข้ามาให้ทันที...
เชี่ย แม่งถามหาจริงด้วยว่ะ
“ถาม...ทำไมเหรอ?” ฉันเอียงหน้าถามอีกฝ่ายด้วยความสงสัย
น้องคิวหันหน้าไปทางอื่นแล้วพรูหายใจออกมาก่อนจะยกมือขึ้นกอดอก
“ถามไปงั้นแหละ เห็นดูสนิทกันหนิครับ”
“ก็สนิทสิ”
“สนิทมากเลยเหรอ?” ผู้ชายตรงหน้าเบนสายตากลับมามองฉัน แววตาที่คาดคั้นคำตอบนั้นทำเอาฉันไม่เข้าใจ
“สุดๆเลยล่ะ”
“หึ นั่นสิในเมื่อ...”
“ในเมื่อเขาเป็นเพื่อนสนิทในกลุ่มของพี่นี่นา” ฉันพูดต่อพร้อมรอยยิ้ม น้องคิวพอได้ยินแบบนั้นก็ชะงักกึกพลางเบิกตากว้าง
“เพื่อน...เหรอครับ?” เขาถามว่างั้นอะ
“แน่สิ คิดว่าเป็นอะไรเล่า” ฉันเงียบไปประมาณสามวินาทีได้ก่อนที่จะเป็นฝ่ายเบิกตาบ้างพร้อมกับชี้หน้าน้องเขาอย่างตกตะลึง “นี่อย่าบอกนะว่าคิดว่าพี่กับมันเป็นแฟนกันน่ะ”
น้องคิวบุ้ยปากบ่งบอกว่าสิ่งที่ฉันพูดเป็นความจริง
“ไหนบอกว่ารู้ว่าพี่ไม่มีแฟนไง?” วันแรกที่เจอกันยังมั่นอกมั่นใจนักหนาว่าฉันยังโสดอยู่เลยนี่นา
“ก็ดูพี่ทั้งสองคนสนิทกันเกินไปหนิครับ
แตะเนื้อต้องตัวกันด้วย”
“เดี๋ยวนี้ชายหญิงแตะเนื้อต้องตัวกันเป็นเรื่องธรรมดาแล้วปะไอ้น้อง” โดยเฉพาะคนที่เสพติดสกินชิปอย่างไอ้พี่ม่อนด้วยแล้ว... ฉันใช้ข้อศอกวางลงบนเคาน์เตอร์แล้วนำคางลงบนฝ่ามือพลางยิ้มร้ายกาจใส่คนตรงหน้า “หึงพี่เหรอ?”
“ครับ”
กึก... ราวกับร่างกายชาขึ้นมาซะอย่างนั้นหลังจากได้ฟังคำตอบที่อีกฝ่ายสวนกลับมาในทันที
เมื่อกี้เขาเพิ่งยอมรับว่าตัวเองกำลังหึงฉันอย่างนั้นเหรอ?
อา...คงเป็นหนึ่งในกลยุทธิ์ดึงลูกค้าเข้าร้านของเขาสินะ
....เกือบใจเต้นแรงไปแล้วมั้ยล่ะ...
“อย่าโกหกไปหน่อยเลย” ฉันแค้นหัวเราะออกมา
“ผมไม่ได้...”
“ดูเหมือนผู้หญิงคนนั้นจะอยากเจอนายนะ” ฉันขัดประโยคของเขาโดยการพยักพเยิดหน้าไปทางผู้หญิงคนหนึ่งที่มองมาทางนี้อยู่
“เธอคงอยากจะสั่งเครื่องดื่มเดี๋ยวผมเรียกพี่บาเทนเดอร์คนอื่นให้” เขาไม่ได้หันไปมองผู้หญิงคนนั้นด้วยซ้ำ
“แต่ดูเหมือนเธอจะเจาะจงนายนะ” จากการที่มีบาเทนเดอร์คนหนึ่งที่เมื่อกี้กำลังคุยกับเธอคนนั้นกำลังเดินตรงมาทางนี้แล้วนั้น
“ช่างเขาสิครับ บาเทนเดอร์คนอื่นก็มี”
“เดี๋ยวเธอก็ไม่พอใจในการบริการหรอก”
“แต่ผม...”
“พี่ก็กะจะกลับแล้วเหมือนกัน” ฉันลุกขึ้นยืนพร้อมกับส่งยิ้มบางเบาไปให้ผู้ชายตรงหน้าก่อนจะหมุนตัวแล้วเดินออกมา
“พี่ไออุ่น!” ได้ยินเสียงเรียกตามหลังมาแต่ฉันเลือกที่จะไม่สนใจมัน
เขาเป็นเพียงอาหารตาเท่านั้นอย่าถลำลึกไปมากกว่านี้เชียวนะไออุ่น
สิ่งที่เขาทำหรือคำพูดทุกคำมันก็แค่หน้าที่ของเขาเท่านั้น
ก็อย่างที่บอกไปว่าผู้ชายในร้านเหล้าน่ะคบไม่ได้หรอก...
ความคิดเห็น