คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ก ร ะ สุ น นัด เ ดี ย ว 'รักคนของคนอื่น III' (อัปครบ)
คำเตือน : นิยายเรื่องนี้เป็นความคิดจากงานเขียนไม่มีอยู่จริง เนื้อหาค่อยข้างละเอียดอ่อน
ตัวละครมีมุมมองต่างกัน หากมีหักดิบบ้าง หวานบ้าง เถื่อนบ้าง ดราม่าบ้าง
ทุกสถานการณ์ขึ้นอยู่กับการดำเนินเรื่อง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านตามความชอบ
กลุ่มลับ ในเพจ
EPISODE ๐.๓
ก ร ะ สุ น นัด เ ดี ย ว 'รักของคนอื่น III'
สาบานเราไม่ใช้คำหยาบแบบนี้กับใครยิ่งเฉพาะเบอร์โทรของผู้ชายเราไม่มีนอกจากเฮีย
‘คนเดียว’
นี้มัน…
Rrrr
สายที่สองโทรเข้ามาก็ยังคงเป็นคนเดิม
ฉันตัวสั่นไปหมดแล้วถึงได้ลุกนั่งมองปลายสายอยู่อย่างนั่น
งั้นแสดงว่า… มือถือเครื่องนี้ไม่ใช่ของเรา
กระสุน
TALK
“มึงแน่ใจนะว่าเห็นมือถือมึงเมื่อตอนเช้า”
ไอ้เชฟถามผมในขณะที่ไอ้เหนือกดโทรเข้าหามือถือผมเป็นรอบที่สาม
พวกผมกำลังอยู่ในห้องซ้อม
วันนี้ผมมีนัดซ้อมวง
พวกมันจึงมากันตั้งแต่เช้า มือถือเป็นสิ่งสำคัญรองจากชีวิตของผม
ในเครื่องเต็มไปด้วยรูปถ่ายของ…ผมมั่นใจว่าเห็นมันในตอนเช้า
ผมจำได้
“มึงแน่ใจว่าไม่ได้เมาจนทิ้งไว้ที่ร้าน” ไอ้ชฟถามต่อ
ขณะเดียวกันผมจุดบุหรี่สายตาค้างที่ไหนสักแห่งของห้อง
ร้าน? จริงด้วยสิ
เมื่อคืนผมดื่มหนักจนเมาไม่รับรู้อะไร เป็นไปไม่ได้ว่าผมจะมีสติ
“กูกลับมาที่ห้องได้ไง”
นั้นคือคำถาม พวกไอ้เชฟถึงได้หันมองหน้าผม
“มึงขับรถกลับมาเองหรือเปล่า”
ไอ้ทาวน์เปิดปากถามครั้งแรกหลังจากนั้นเงียบมานาน ผมมั่นใจว่าผมไม่ได้ขับรถกลับมาเองแน่เพราะผมเมามาก
เป็นไปไม่ได้
“ปกติมึงเมาเจ๊ช่ายจะไปรับ?”
ไอ้เหนือเสริมด้วยการเหลือบมองผมในตอนที่แนบมือถืออยู่
“เออวะ” ไอ้เชฟดีดนิ้วเห็นด้วย
ผมผลักประตูหมายจะออกจากห้อง คิดว่าจะเข้าไปถามช่ายให้รู้เรื่องแต่เท้าผมยังไม่ทันได้ก้าวออกจากห้องเลยเสียงไอ้เหนือก็ดังขึ้น
“ใคร” มันกรอกเสียงถามไปยังปลายสาย
พวกไอ้เชฟขมวดคิ้วมองผมกันหมด “นัดเดียว?” ไอ้เหนือหลุดพูดออกมา
“หะหา”
ดูเหมือนว่าไอ้เชฟจะตกใจที่สุด มันออกอาการแทรกตัวเข้าไปหาไอ้เหนือ จากนั้นดึงมือถือไอ้เหนือออกมาพร้อมกับ
“มึงเปิดโฟนดิ” ทำให้เสียงเล็ก ๆ เล็กลอดออกมา
[คะคือว่า…]
น้ำเสียงแบบนั้นดูกะกุกะกักยังไงอยู่
ผมเหลือบมองไอ้เหนือเพื่อให้มันถามว่ามือถือผมไปอยู่ที่ ‘คนนอก’ ได้ยังไง
“มือถือไอ้กระสุนอยู่ที่เธอได้ไง”
ไอ้เหนือกรอกเสียงลงไปอีกครั้ง ไอ้ทาวน์เองฮัมเพลงเบา ๆ
ปลายเสียงยังคงเงียบและดูเหมือนเงียบไปสักพัก
ผมเป็นคนรำคาญง่าย ไม่ชอบรอ
ตัดสินใจเดินเข้าไปดึงมือถือออกจากไอ้เชฟมันทำสีหน้าประมาณว่า ‘มึงห้ามดุเขา’
ผมไม่สน
ผมไม่รู้จักเธอและเธอไม่มีสิทธิยุ่งกับของ ๆ ผมด้วย
“เอามือถือมาคืนฉันเดี๋ยวนี้” ผมสั่งอย่างรำคาญแบบไม่มีลูกเล่นใด
ๆ
[กะกระสุน] เหมือนได้ยินเสียงเธอแต่ผมไม่ได้สนใจฟังเลือกตัดสายไป
“เห้ย” ไอ้เชฟเองเดินเข้ามาเกี่ยวคอผมไว้ในตอนนั้น
มันมองหน้าผมเหมือนเฝ้ารอคำตอบอะไรอยู่
“มองหน้ากูทำไม” พวกมันทุกคนมีสีหน้าแปลกใจทั้งที่ผมเองไม่ได้สนห่าอะไรขนาดนั้น
“แปลกมือถือมึงไปอยู่ที่น้องเขาได้ไง” ไอ้เชฟจับผิดในตอนที่ผมเลิกคิ้วมองมัน “เห้ย ๆ นี่มึงอย่าบอกนะไม่รู้เรื่อง?” ผมดูเหมือนคนโกหกตรงไหน “มึงไม่รู้จักน้องเขาจริง?”
ชีวิตผมต้องรู้จักใครอีก มีแค่พวกมัน พี่น้องแฝด
ผมก็ปวดหัวจะแย่ ผมควรสนใครอีกวะ
“กูต้องรู้จัก” ผมบอกเบื่อ ๆ ผละตัวออกจากไอ้เชฟดึงกีตาร์จากไอ้ทาวน์เพื่อปรับสาย
พวกมันทุกคนกำลังนั่งมองผมรวมถึงไอ้เหนือด้วย
“นี่อย่าบอกนะว่ามึงไม่รู้จักน้องเขาจริง ๆ” ไอ้เชฟดูท่าไม่ยอมจบ
“จริงดิ” ไอ้ทาวน์เองดูแปลกใจไม่น้อย
ผมอัดควันเข้าปอดวางกีตาร์ตัวเมื่อกี้ลงพร้อมถอนหายใจเหนื่อย ๆ มองพวกมันอีกที
“ตกลงพวกมึงจะพาดพิงถึงคนอื่นอีกนานมั้ย? ถ้าจะคุยเชิญกูจะได้ออกจากห้องกลับไปนอน”
ผมยืดตัวขึ้นเบนสายตามองไอ้เหนือ มันยกไหล่ส่งสายตามองไอ้เชฟขณะเดี๋ยวกันไอ้ทาวน์เคาะนิ้วลงบนกลองทำให้ผมมองมันอีกคน
“ถ้าไม่กูลุก”
ผมลุกจริงไอ้เชฟถึงได้วิ่งเข้ามากอดคอผมไว้อีกครั้ง
“โธ่พวกกูเลิกถามมึงก็ได้” ไอ้เชฟว่า
“มึงคนเดียวที่เสือก”
ตุบ!
ไอ้เหนือโยนมือถือมันทิ้ง เดินผ่านหน้าผมเพื่อจับเบส
ดวงตาคมของมันดูเฉยชาขึ้น
จนเวลาผ่านไปสักพักประตูห้องที่ปิดสนิทกลับถูกเปิดออก
ร่างเล็กปรากฏตัวขึ้น ผมลากสายตาออกจากตัวโน้ตมองไปยังจุดนั้น
เธอคนนั้นดูไม่มั่นใจ
เพราะมือทั้งสองข้างกำขอบกระโปรงตัวเองไว้แน่นส่วนริมฝีปากกัดเม้มจนมันห่อไปด้วยเลือด
“แฟนใคร?”
นั้นคือสิ่งที่ผมพูดหลังจากมองเธอคนนี้ไม่เกินสามวิ
ผมไม่เคยมองใครนานหรือมากกว่านี้นอกจากคนรู้จัก
“น้องนัดเดียว” ไอ้เชฟกำลังดื่มมันน้ำวิ่งออกไปทันที
สีหน้ามันดูสดใสมากกว่าซ้อมเมื่อกี้
คงเป็นแฟนไอ้เชฟ
ผมตัดสินใจไปแบบนั้นแล้วเพราะมันรู้จักเธอ แต่สิ่งที่ทำให้ผมสนใจต่อจากนั้นก็คือ
“ระเราเอามือถือมาคืน”
เสียงเล็กฟังไม่ได้ศัพท์แถมสั่นกำลังพูด ผมเงยหน้าจากโน้ตเพลงอีกครั้ง
ในมือขวามีขวดน้ำอยู่
กร๊อบ…
ผมบีบมันแน่นพร้อมทิ้งลงบนพื้นอย่างไม่แยแส
หมับ!!
“เห้ย ๆ” ไอ้เชฟตกใจในตอนที่ผมฉวยมือถืออกจากร่างบาง
มันแรงจนเธอเซเกือบล้มแต่ไอ้เชฟดันรับเธอไว้ได้
“…” เธอคนนั้นเงียบ สีหน้าไม่ได้บอกว่าจะร้องไห้หรืออ่อนแอ
ผมผ่อนลมหายใจต่อหน้าเธอ
สำรวจมือถือตัวเองไปด้วย มือถือผมมีรอยตรงด้านหลัง ทุกรายละเอียดผมจำได้
ผมเงยหน้ามองผู้หญิงตรงหน้าอีกครั้ง จากนั้นประเมินเธอทางสายตาก่อนจะหยุดตรงมือบางซึ่งเธอยังกำขอบกระโปรงตัวเองอยู่
เธอยังกำมันไว้แน่น
“มึงอย่ารุนแรงกับน้องเขาดิวะเห็นมั้ยน้องกลัวจนตัวซีดหมดแล้ว” เสียงไอ้เชฟดังขึ้นใกล้ ๆ แต่ผมไม่ได้มองหน้ามัน
“ทำไมสภาพมันพัง”
ผมใช้คำว่าพังทั้งที่มันไม่ได้เสียหายอะไรนอกจากมีรอยถลอกเล็กน้อย
“ไอ้กระสุน..” วินาทีนั้นผมเหลือบมองไอ้เชฟ
มันก็รู้ว่าผมคิดอะไรถึงได้หุบปากทันที
“ผู้ใหญ่ถามตอบ”
เฮือก!
เธอคนนี้ดูยังไงก็เด็กกว่าผมหลายปี
ยิ่งผมดุเธอก็ยิ่งถอยหลังออกจากห้องไปเรื่อย ๆ
“ไม่ตอบฉันจับเธอส่งตำรวจ”
“ข้อหา?” ไอ้เชฟแทรกขึ้นหลังจากเงียบไปแป๊บเดียว
“ข้อหาขโมยของ” ผมตอบกลับใช้หลังมือเช็ดรอยถลอกไปด้วย
สักพักร่างเล็กขยับตัว ผมไม่ได้มองหน้าเธอเลย ไม่เคยคิดอยากจะมอง
สิ่งที่โฟกัสคือพื้น
“ไอ้ห่ามึงจะเอาผิดน้องเขาทำไมวะน้องฝึกงานอยู่ที่นี้นะเว้ย” ไอ้เชฟลั่นวาจาทำให้ผมเงยหน้ามองเด็กคนนี้อีกครั้ง
“ฝึกงาน?”
นั้นคือสิ่งที่ผมพูดออกมา ก็ไม่ใช่ว่าจะแจ้งจับไม่ได้
ถึงขั้นลักขโมยของผมถือว่าทำเรื่องผิด ต้องเป็นคนประเภทไหนถึงได้มีนิสัยแบบนี้
จะโทษสังคม ครอบครัวก็คงไม่ได้ มันอยู่ที่สันดานมากกว่า
“คะคือว่า”
หลังจากเงียบมานานเธอเองก็คงอยากจะพูดถึงได้ขยับปากเปิดเสียงออกมา
ผมไม่ได้ยืนอยู่ในจุดตรงนั้นแล้ว กลับกันเลือกกลับมานั่งที่เดิม
ไอ้ทาวน์ไม่มีความคิดเห็นส่วนไอ้เหนือทำได้แค่มอง
“จะพูดอะไรก็พูดมาก่อนที่ฉันจะจับส่งตำรวจ” ผมจับปากกาในตอนที่พูดสายตาไล่อ่านตัวโน๊ตไปด้วย
“มึงแม่ง” ไอ้เชฟพึมพำแต่ผมไม่สนใจ
“คือว่านัดเดียว”
พูดมาได้หนึ่งประโยคเธอก็เงียบอีก นี่ผมไม่มีเวลามานั่งฟังเรื่องไร้สาระหรอกนะ
“ถ้าไม่พูด…” ผมสวนขึ้นแต่เธอก็ตัดบท
“คือว่านัดเดียวไม่ได้มีเจตนามือถือของเฮียไป”
“…”
“นัดเดียวแค่”
แค่ช่วงเวลาสั้น ๆ
ผมกลับขมวดคิ้วชะงักตัวไปชั่วคราว เธอกำลังแทนชื่อตัวเองพร้อมเรียกผมว่าเฮีย
มันเหมือนเหตุการณ์เคยเกิดขึ้น
ผมไม่ได้บอกใช่ไหมว่าผมเป็นคนไม่สนใจโลก
ไม่สนห่าอะไรนอกจากสิ่งที่กำลังทำอยู่ ครอบครัวเพื่อนฝูงผมมีกำจัด
คนนอกยิ่งแล้วใหญ่เลยผมไม่เคยจดจำใครได้ ผมหมายถึงผมไม่สนใจต่างหาก
ชื่อนี้ไอ้เหนือเคยพูด
ไอ้เชฟก็เรียกออกมาแล้ว
“…”
“ระเรา”
“เราไหน” ดูเหมือนประโยคนี้ผมเคยพูดออกไปแล้ว
“นะนัดเดียว”
หึ ใช่สินะเด็กคนเมื่อเช้า ไม่แปลกที่ผมจำเธอไม่ได้เพราะผมมองหน้าเธอไม่เกินสามวิ
“งั้นเธอจะบอกว่าเมื่อตอนเช้าเข้ามาในห้องฉันเพื่อเช็ดอ้วก
หลังจากนั้นออกจากห้องไปโดยมือถือฉันติดมือไปด้วย”
เธอกำลังมองผม ทำไมผมจะไม่รู้ “อยากได้ค่าตอบแทนว่างั้น?”
“มะไม่ใช่นะคะ”
ผมมองข้ามเธอเลือกหันไปสบตาไอ้เหนือ มันรู้ว่าผมสื่ออะไร
ไม่นานนักมันลุกเดินเข้ามาหาผมพร้อมส่งกระเป๋าตังมาให้
ในนั้นมีแบงค์พันจำนวนหนึ่ง ผมดึงออกมาราวห้าใบ
ปึก!
“มาเอาสิ”
ผมไม่ใช่คนที่ชอบดูถูกคนอื่นแต่ ‘ผมเกลียดคนประเภทขี้ขโมยต่างหาก” มือถือผมอยู่ที่เธอได้แน่นอนว่าเธอเป็นคนนำมันออกไปจากห้องผม
ไม่ทำให้เธอขายหน้าวันนี้
วันข้างหน้าเธอคงตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก เมื่อถึงตอนนั้นไม่มีใครช่วยเธอได้
ดัดนิสัยเราต้องดัดตอนที่ยังเป็นไม้อ่อน…เธอคงไม่เกินเยียวยาหรอกนะ
“เธอจะเอาไม่เอาก็เรื่องของเธอ”
ผมพูดขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ไอ้เหนือตบไหล่ผมเบา ๆ
มันรู้ว่าผมคิดยังไง
ถึงผมจะไม่สนโลกหรือสนใจอะไรแต่เรื่องแบบนี้ผมไม่ได้มองข้าม
เธอยังเด็กอยู่มีอนาคตที่สดใสรออยู่
จะให้ผมทำดีบอกไม่เป็นไร
เธอคงได้ใจแล้วไม่สำนึกแน่
“นัดเดียวไม่ได้ขโมยนะเฮีย”
ร่างเล็กพยายามพูดเธอส่ายเท้าเข้ามาให้ห้อง ไอ้เชฟเปิดทางให้เธอเดินเข้ามาหาผม “ถึงนัดเดียวจะไม่รวยแต่นัดเดียวมีความคิดนะคะ”
หึ
ได้ถ้าหากว่าเด็กคนนี้ยืนยันแบบนั้นผมเองคงไม่ต้องพูดอะไรอีก
“ออกไป”
ผมมองหน้าเธอในตอนนั้นเห็นแววตาเศร้าเป็นครั้งแรก “ฉันไม่จับเธอส่งให้กับตำรวจหรอกดังนั้นออกไป”
นัดเดียว
Talk
ใจร้ายหาว่าเราขโมยของ โอ๊ะ
ไม่ร้องนะนัดเดียว ฉันก้มหน้าลงต่ำ มือสองข้างกำลังกำขอบกระโปรงตัวเองไว้
เราห้ามร้อง เราไม่ได้ผิด
เฮียต่างหากไม่รับฟังคนอื่น
คนใจร้าย
“ไอ้เชฟ”
เสียงดุดันดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เขาไม่ได้พูดกับฉัน
การเคลื่อนไหวของกระสุนทำให้ตัวฉันหวั่นใจ
เขาเคาะโต๊ะพร้อมถอนหายใจอีกที
“เอาแฟนมึงออกไป”
ฟะแฟน เราเม้มปากหนักขึ้น
ขอบตาเริ่มร้อนแต่ก็อดทนไว้ เขาไล่หมายความว่าเราห้ามอยู่ตรงนี้สินะ
“ไม่ต้องไล่”
ฉันตัดสินใจพูดในตอนที่พี่เชฟเข้ามาสะกิดแขน การพยายามทำเสียงให้ดูดีทำไมมันยากจัง
เราไม่เคยอยู่ในสายตากระสุนอยู่แล้ว
จะร้องไห้ จะทำหน้ายังไง เขาก็ไม่เคยมองไม่เคยสนใจ เราจะทนอยู่ตรงนี้ทำไม
นี่แอบคิดในใจกระทืบเท้าแล้วเดินออกไปเชิด
ๆ แต่ฉันดันยกมือไหว้ทุกคนที่อยู่ในห้องรวมถึงคนดุด้วย
“นัดเดียวขอตัวค่ะ” ฉันบอกสูดลมหายใจเข้าปอดเพราะเริ่มมีน้ำมูกออกมา
จากนั้นเดินออกมาจากห้องทันที
จังหวะประตูกำลังจะปิดลง
“น้องง”ง
คงเป็นเสียงพี่เชฟที่เรียกฉันยาวยืด ฉันไม่ได้หันกลับไปมอง
เมื่อกี้ไม่ได้มองกระสุนด้วย เงินของเขาเราไม่เคยอยากได้
ถึงนัดเดียวจนแต่บ้านนัดเดียวรวยมาก
หึ
ฉันออกจากห้องใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำมูกพร้อมกับไล่ฝ่าเท้าไปตามพื้นและใช้ความคิด
เมื่อกี้กระสุนหาว่าเราเป็นแฟนพี่เชฟ? แถมยังกล่าวหาว่าเราเป็นขโมย
มันไม่จริงสักหน่อย
คนที่นัดเดียวชอบมาตลอดคือขาต่างหาก
ขณะที่ยืนหน้าบึ้งฉันกลับฉุดคิดขึ้นมา
ก่อนหน้านี้เราอยู่บ้าน มือถือกระสุนอยู่ที่เราได้ไงเราเองก็หาคำตอบไม่ได้
ที่นัดเดียวรู้ตอนนี้ก็คือป๊ากับม๊าโกรธมากแน่
นัดเดียวต้องรีบกลับบ้านฉะนั้นเราตัดสินใจกลับบ้านด้วยการยืนรอรถตรงป้ายรถเมล์
ฉันขับรถไม่เป็น มือถือฉันก็หายทางเลือกที่ดีที่สุดคือรอรถเมล์
ระหว่างรอฉันก็ดูอย่างอื่นไปเรื่อย ๆ
สมองเองก็บวกลบคูณหารอย่างอื่น
เอ๊ะ
ฉันหยุดความคิดลงเมื่อแขนด้านซ้ายถูกสะกิดเบา
ๆ เมื่อเบี่ยงหน้ามองฉันกลับพบว่าเป็นพี่เหนือ? เขามาตั้งแต่เมื่อไหร่
ออกมาจากห้องซ้อมทำไม
แถมตรงนี้มันเป็นที่สาธารณะอีกด้วย
ฉันก้มหน้าลงเล็กน้อยในตอนที่เดินห่างจากจุดตรงนั้น
หลังป้ายคงเป็นที่ปลอดภัย พี่เหนือเองไม่พูดอะไรด้วยซ้ำ เขาเดินตามหลังฉันมาติด ๆ
ตึง
ปลายเท้าบางหยุดชะงักพร้อมกับเงยหน้าสบตาคนเบื้องบน
เขาสูงนะสูงมากด้วยใบหน้านิ่งนั้นกำลังกวาดมองกระเป๋าสะพายของฉันอยู่
เราเกร็งถึงแม้จะเจอหน้าทำงานด้วยกันบ่อยก็เถอะ
“พี่มีอะไรให้เราช่วยเหรอ”
ฉันถามหลังจากเงียบไปสักพัก ขืนรอให้เขาพูดคงรอถึงช่วงบ่ายเป็นแน่
เราเป็นคนตอบช้าเพราะคิดหาเหตุผลที่ดีที่สุดส่วนพี่เหนือเป็นคนนิ่งไม่ค่อยพูดหรอก
ด้วยความที่ฉันถามร่างหนาถึงปรายตามองใบหน้า
เขาไม่ได้มองกระเป๋าสะพายของนัดเดียวอีกแล้ว
“พี่มีงานให้เราแก้แต่ดูแล้วเราคงรีบ..” ใช่เรารีบเพราะป๊ากับม๊ารวมถึงเฮียรอเราอยู่ที่บ้าน พวกเขารอทานข้าว
หากนัดเดียวไม่กลับไปมีหวังโดนงอลแน่
แต่..เราฝึกงานอยู่ที่นี้ถึงแม้พี่ช่ายบอกว่าให้กลับไปพักได้ก็เถอะนะ..
เราควรตอบตกลงใช่ไหมอ่า
ในช่วงกำลังใช้ความคิดฉันเผลอขมวดคิ้วไล่ฝ่ามือไปตามกรอบหน้า
อากาศมันร้อนเลยทำให้ฉันขมวดคิ้วไปด้วย
“ถ้ารีบไว้พรุ่งนี้ก็ดะได้…” กลิ่นน้ำหอมแบบผู้ชายกำลังยู่ตรงหน้าฉัน
“วันนี้ก็ได้ค่ะ”
ฉันบอกเพราะอีกฝ่ายเริ่มขมวดคิ้วตาม
ความเกรงใจเราต้องมาที่หนึ่ง
เรื่องครอบครัวเราเป็นสิ่งสำคัญไว้นัดเดียวโทรไปบอกป๊าก็ได้เนอะ ป๊าคงเข้าใจนัดเดียวแหละ
“งั้นเราจะยืน..” ใช่สิเรายืนตรงนี้นานมาก
ดูเหมือนพี่เหนือร้อนมากด้วย เหงื่อเขาไหลจากขมับลงมาถึงสาบเสื้อตรงแผ่นอก
ไม่เอาแบบนี้จะให้คนของประชาชนดูแย่ไม่ได้
พรึบ
“อะไร?” เขาถามพลางมองผ้าเช็ดหน้าลายหมีพูของนัดเดียวด้วย
ถึงมันจะไม่เข้ากับหน้าพี่แต่มันช่วยพี่ได้นะ
“เราเห็นพี่เหงื่อไหลเราคิดว่าพี่คงร้อน” ฉันบอกเหนื่อย ๆ เริ่มเบี่ยงตัวออกไปทางซ้ายเพราะว่าเมื่อกี้มีกลุ่มวัยรุ่นมองมาด้วย
“ไม่เป็นไร”
ระหว่างมองกลุ่มวัยรุ่นพี่เหนือเองก็ตอบปัด เขาหันหลังให้ฉันจังหวะนั้นเขากำลังเดินออกไป
หมับ!
เราไม่ได้คิดอะไรนอกจากหวังดี
ร่างสูงหยุดชะงักทันทีเหลือบหางตามองมายังฉัน
คิ้วที่ขมวดกลับขมวดมากขึ้นไปอีก
นี่เรากำลังจับชายเสื้อพี่เขาอยู่เหรอ
พรึบ
“ขอโทษค่ะ” ฉันปล่อยพร้อมยัดผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นไปให้
เราเห็นขาเป็นพี่เห็นเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียง เราไม่อยากให้เขาดูแย่ที่สาธารณะ
“เอาไปเถอะค่ะ”
ฉันพูดจบเดินออกมาจากตรงนั้น เห็นลาง ๆ ว่าพี่เหนือเดินตามมาด้วย
อัปครบ
น้องผ้าเช็ดหน้าน้องเช็ดน้ำมูกของน้องแล้วนะลูก โอ๊ยยยสงสารใครดีเนี่ยยย
1 เม้น 1 กำลังใจ
ความคิดเห็น