คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : OVERLOAD || Episode 2 [100%]
Episode 2
[ Special part : Trabfah ]
“ไม่ใช่...หมายถึงถ้าเธอรู้แล้วฉันจะได้อะไรตอบแทน...” ผมบอกพร้อมกับก้าวเข้าไปประชิดตัวเจ้าขาอย่างรวดเร็วจนเธอไม่ทันตั้งตัว เธอทำหน้าตาแตกตื่นเล็กน้อยแต่ก็พยายามบังคับสติตัวเองไว้ เธอพยายามจะไม่แสดงความอ่อนแอออกมาให้ผมได้เห็น
“...”
“หอมแก้ม...” ผมมองไปที่แก้มแดงๆ ที่ดูจะแดงผิดปกตินั่น
“...”
“จูบปาก...” เลื่อนสายตามองริมฝีปากอวบอิ่มที่บัดนี้ซีดเซียวสิ้นดี
“...”
“หรือตัวเธอที่อยู่ใต้ร่างของฉัน...” ผมถามในขณะที่เธอใช้เพียงความเงียบเพื่อตอบคำถาม มันน่าหงุดหงิดมากจริงๆ เวลาที่เธอทำเหมือนผมเป็นอากาศธาตุแบบนี้
“...”
“ไม่ตอบงั้นจะสรุปเองแล้วกันว่าได้ทุกอย่าง...” ผมบอกพร้อมกับค่อยๆ โน้มใบหน้าของตัวเองลงไปใกล้เธอที่ตัวเล็กกว่า กลิ่นกายหอมๆ ของเธอปลุกปั่นอารมณ์ผมได้ดีเสมอ
ก็แค่จะแกล้งไม่ได้อยากถูกตัวเธอนักหรอก...
“ไม่อยากรู้แล้ว” เธอรีบบอกทันทีเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังเสียเปรียบ ผมนิ่งไปเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ถึงไอร้อนจัดผิดปกติจากร่างกายเธอ ถึงแม้จะไม่ได้สัมผัสผิวกายของเธอโดยตรง แต่มันก็เริ่มทำให้ผมรู้แล้วว่าเธอกำลังทนอยู่กับพิษไข้ที่ดูน่าจะสูงพอสมควร
“แต่ฉันอยากได้ของตอบแทน” ผมบอกก่อนจะฉวยโอกาสกอดรั้งเอวคอดกิ่วของเจ้าขาให้เข้ามาใกล้กว่าเดิม ก่อนจะได้หยุดคิดในสิ่งที่ควรหรือไม่ควร ริมฝีปากของผมก็ประทับลงบนกลีบปากนุ่มของเธอไปซะแล้ว แม้จะรู้สึกเกลียดเธอมากแค่ไหน แต่ร่างกายของผมไม่สามารถปฏิเสธเธอได้เลย
ร้อน...
นั่นคือความรู้สึกแรกของผมหลังจากที่รั้งเธอเข้ามาประชิดตัว ไม่ใช่ว่าเธอเร่าร้อน แต่เป็นร่างกายของเธอที่กำลังร้อนราวกับไฟเพราะพิษไข้
“อื้อ! ” เจ้าขาพยายามที่จะดิ้นออกไปจากพันธนาการของผม แต่ดูเหมือนเธอจะมีแรงไม่มากพอ ทำไมเธอจะต้องทำเหมือนกับตัวเองเก่งและไม่เป็นอะไรต่อหน้าผมด้วย
แบบนี้มันไม่สนุกเลย
“นึกว่าจะเก่ง แค่นี้ยังดิ้นไปไหนไม่ได้เลย” ผมเอ่ยเบาๆ หลังจากผละริมฝีปากออกห่างเธอพร้อมกับยิ้มเยาะนิดๆ เจ้าขามองผมด้วยแววตาที่หลากหลายอารมณ์และหนึ่งในนั้นคือ...ความเสียใจ น้อยใจและตัดพ้อ
“คน...เลว” เธอบอกแค่นั้นก่อนจะทิ้งตัวลงในอ้อมแขนของผมเพราะหมดสติ ความรู้สึกหนึ่งก่อเกิดขึ้นกับเหตุการณ์ตรงหน้า
เป็นห่วง...
ผมไม่ควรจะเป็นห่วงคนที่ทำร้ายผมเลยสักนิด ผมบอกตัวเองไว้แบบนั้นแต่กลับช้อนร่างเธอขึ้นมา ก่อนจะอุ้มเข้าไปวางไว้บนเตียงในห้องนอนของตัวเอง
“เธอมันแม่มดร้าย...” ไม่แน่ใจว่าผมพูดกับเธอหรือกำลังเตือนสติตัวเองกันแน่ สายตาของผมยังคงจับจ้องไปยังร่างบางที่นอนนิ่งไม่ได้สติอยู่บนเตียง สุดท้ายก็ลุกไปหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตามตัวให้เธอพร้อมกับเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เสร็จสรรพ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิดกับการที่จะห้ามสายตาไม่ให้มองไปตามเรือนร่างที่แสนเย้ายวนนั่น แต่ผมก็ไม่ได้บ้าพอจะปลุกปล้ำคนไม่ได้สติหรอกนะ มีวิธีอีกมากมายที่เราจะใช้ปลดปล่อยอารมณ์ดิบเถื่อนของตัวเอง
เช้าวันรุ่งขึ้นผมยังตื่นมาในเวลาปกติแม้จะรู้สึกง่วงมากแค่ไหน ผมแทบไม่ได้นอนเลยทั้งคืน!
ไหนจะต้องคอยดูแลคนที่ไข้ขึ้นสูงตลอดคืนแถมยังเพ้อไม่หยุด แล้วไหนจะต้องจัดการกับอารมณ์ตัวเองเวลาสัมผัสกับร่างนุ่มนิ่มนั่นอีกล่ะ ผมควบคุมตัวเองได้ดีมาตลอด แต่เจ้าขาคงเป็นข้อยกเว้น เธอคือข้อยกเว้นทุกอย่างในชีวิตของผม
ผมวางถาดข้าวต้มหมูทรงเครื่องลงที่ลิ้นชักข้างหัวเตียงก่อนจะหย่อนกายนั่งลงข้างๆ ร่างบางที่ยังคงหลับสนิท ไข้เธอลดลงมามากแล้ว สีหน้าดูดีขึ้นมากกว่าเมื่อวาน
“เจ้าขา...” ผมเรียกชื่อเธอด้วยความเคยชินและออกแรงเขย่าเบาๆ เพื่อให้เธอตื่นขึ้นมาจากนิทรา ผมไม่ได้ห่วงใยเธอ เพียงแต่ผมไม่อยากให้เธอเป็นอะไรไปก่อนที่ผมจะได้เล่นสนุกกับเธอแค่นั้นแหละน่า
“อื้อ...” คนที่กำลังหลับใหลส่งเสียงครางเล็กน้อยก่อนจะเริ่มขยับตัว
“ขนาดหลับอยู่ยังคิดจะอ่อยฉันเหรอ” ผมบอกในขณะที่สายตาจับจ้องไปยังแพขนตายาวงอนที่กำลังขยับราวกับปีกของผีเสื้อ และแน่นอนว่าเธอทำสีหน้าตกใจทันทีเมื่อลืมตาตื่นมาแล้วเจอหน้าผมเป็นอันดับแรก
“ตราบฟ้า! ” น้ำเสียงแห้งผากดังขึ้นพร้อมกับการขยับตัวหนีของคนป่วย
“ก็ฉันไง คิดว่าบรรดาผู้ชายคนไหนของเธอกัน” ผมบอกก่อนจะละสายตาจากเจ้าขา เอื้อมมือไปหยิบถาดข้าวต้มหอมกรุ่นมาถือไว้ในมือแล้วเอ่ยอีกครั้ง “ข้าวต้มร้อนๆ กินซะ”
“...”
เธอเลือกใช้ความเงียบคุยกับผมอีกแล้ว...
เกลียด!
“อย่าคิดว่าป่วยแล้วจะเห็นใจ” ผมบอกกับเธอก่อนจะวางถาดข้าวต้มไว้ที่เดิมแล้วเอื้อมมือไปกระชากแขนของเธอให้ขยับเข้ามาใกล้ๆ ผมใจดีมากพอที่จะป้อน...
“โอ๊ย! ” เธอส่งเสียงร้องออกมาอย่างเจ็บปวดทันที ผมรู้ดีว่าสภาพร่างกายของเธอบอบช้ำมากแค่ไหน ใจกล้าบ้าบิ่นโดดลงมาจากรถแบบนั้น แค่ไม่ตายนี่ก็มหัศจรรย์มากแล้ว
“เจ็บเหรอ? เจ็บก็ดีจะได้ไม่ดื้ออีก” ผมบอกก่อนจะยกถาดข้าวต้มมาวางไว้บนตักของตัวเองแล้วใช้ช้อนตักข้าวต้มในชามขึ้นมาเพื่อจะป้อนเธอ “อ้าปาก ข้าวต้มกินทางปากไม่ใช่จมูก”
“ฉันไม่หิว...” เจ้าขาบอกด้วยน้ำเสียงระโหยโรยแรง ใบหน้ายังคงซีดเซียวแม้จะดูดีกว่าเมื่อคืนมากแล้วก็ตาม เธอเลื่อนสายตามองไปทางอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงการสบตากับผม
อวดดี!
“แต่ฉันจะให้เธอกิน” ผมว่าพลางเลื่อนช้อนที่มีข้าวต้มอยู่ไปจ่อที่ปากของเธอ
“เกลียดนักทำไมไม่ฆ่าให้ตาย! ” เธอถามด้วยน้ำเสียงโมโหระคนน้อยใจ แววตายามที่มองมามันช่างหลากหลายความรู้สึกจนผมไม่รู้เลยว่าจริงๆ แล้วเธอรู้สึกยังไง หยาดน้ำใสๆ ร่วงหล่นลงมาจากดวงตาของเธออีกครั้ง และมันก็มากพอจะทำให้หัวใจของผมกระตุกวูบ
“เคยบอกไปแล้วไงว่ามันไม่สะใจ” ผมรีบปรับอารมณ์ตัวเอง ก่อนจะเอ่ยตอบไปอย่างไม่คิดจะโอนอ่อน
“นายกลายเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันตราบฟ้า” คำถามของเธอทำให้ผมวางช้อนข้าวต้มในมือลงแล้วเลื่อนสายตาจ้องมองเธออีกครั้ง เธอจะถามในสิ่งที่เธอรู้ดีอยู่แก่ใจไปทำไมกัน
“ไม่รู้จริงๆ น่ะเหรอ...” ผมบอกก่อนจะยกถาดข้าวต้มไปวางไว้ที่เดิม
“...” พอผมถามกลับ เธอก็เลือกใช้ความเงียบเป็นคำตอบอีกครั้ง
“เธออยากรู้จริงๆ น่ะเหรอว่าทำไม? ” ผมว่าพลางเริ่มขยับตัว
“...” เจ้าขาถดตัวหนีเมื่อผมขยับเข้าไปใกล้เธอ เธอทำสีหน้าราวกับตัวเองทำผิดพลาดที่ถามผมแบบนั้น แน่นอนว่าเธอพลาดมากที่ถามคำถามที่รู้คำตอบดีอยู่แก่ใจ!
“คราวหน้าอย่าถามอะไรที่รู้คำตอบดีอยู่แล้ว...เข้าใจไหม? ” เมื่อเห็นท่าทางน่าเวทนานั่น ผมก็ล้มเลิกความคิดที่จะรังแกเธอลงไว้แค่นั้น
“...” เธอไม่ได้พูดอะไรแต่พยักหน้าน้อยๆ เป็นคำตอบ
“อ้าปาก...เร็วๆ ” ผมออกคำสั่งอีกครั้งและดูเหมือนเธอจะฉลาดขึ้นมากที่ไม่ทำตัวดื้อกับผม ผมไม่ได้พิศวาสอะไรเธอทั้งนั้น ทั้งหมดที่ทำไปก็เพราะไม่อยากให้เธอชิงตายไปซะก่อน ความแค้นที่รอสะสางมานานตลอดสี่ปีมันเพิ่งจะเริ่มเองนะ ผมยังไม่ได้สนุกไปกับมันเลย จะปล่อยให้มาชิงตายไปก่อนได้ยังไง
ต่อจากนี้ผมสาบานว่าจะทำทุกทางให้เธอได้รับแต่ความทุกข์และเจ็บปวด
และผมจะไม่มีวันปล่อยเธอไปจนกว่าจะพอใจ อะไรก็ช่วยให้เธอรอดไปจากผมไม่ได้หรอก
แม้แต่ความตาย
ผม...จะไม่มีวันยอมปล่อยให้เธอตายก่อนเด็ดขาด
เกือบอาทิตย์แล้วที่ผมกักตัวเจ้าขาไว้ เนื้อตัวของเธอยังมีแผลอีกหลายจุดที่ยังไม่หายดีโดยเฉพาะแผลบริเวณขมับขวา พอนึกดูอีกครั้งแล้วก็มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่จะกระโดดลงจากรถในขณะที่รถวิ่งด้วยความเร็วขนาดนั้น ผมคิดว่าเธอคงตายแน่ๆ แต่เธอกลับอึดมากกว่าที่คิด ผมเหลือบมองร่างบางที่นั่งเหม่อลอยอยู่บนเตียง ไม่รู้ว่าใจลอยไปหาหนุ่มที่ไหน
Rrrr Rrrr
โทรศัพท์ของเธอสั่นอยู่ในมือของผม วันหนึ่งมีสายเข้าไม่ต่ำกว่าสิบ มีทั้งเพื่อนๆ ของเธอ อาจารย์ และผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อ ‘ไม้’ แค่เห็นชื่อก็ไม่ถูกชะตา
‘แต่มีข่าวลือว่าเป็นสาวไซด์ไลน์ด้วยว่ะ’
ประโยคของเพื่อนๆ ที่พูดกันในวันนั้นยังดังสะท้อนอยู่ในหัว ผมบอกไม่ถูกว่าตอนนั้นรู้สึกยังไง รู้แค่ว่าต้องเค้นข้อมูลจากเพื่อนให้ได้มากที่สุด ก่อนที่สองวันถัดมาผมจะไปดักรอเจ้าขาที่หน้ามหาวิทยาลัย
“จะนั่งตายซากอีกนานไหม? ” ผมถามขึ้นอย่างรู้สึกหงุดหงิด ไม่ว่าจะทำอะไรเธอก็จะตอบกลับมาด้วยความเงียบและเฉยชา เธอจงใจจะปั่นหัวผมชัดๆ ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจกว่าที่ผมคิดไว้มาก
[ Special part : End ]
เกือบอาทิตย์แล้วที่ฉันใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังนี้ อยู่แบบมีชีวิตไปวันๆ เท่านั้น ฉันไม่สามารถติดต่อกับใครได้เลยเพราะตราบฟ้ายึดโทรศัพท์มือถือของฉันไว้ เรื่องครอบครัวฉันไม่ห่วงเพราะพ่อกับแม่ของฉันจากโลกนี้ไปแล้ว ห่วงก็แต่เรื่องที่มหาวิทยาลัย ฉันยังเรียนไม่จบและปีหน้าก็จะต้องเริ่มฝึกงาน หากเวลาเรียนไม่พอแบบนี้กลัวว่าจะต้องมีปัญหาแน่ๆ
“จะนั่งตายซากอีกนานไหม? ” เสียงของตราบฟ้าดังแทรกเข้ามาในความคิดของฉัน หลายวันมานี้ฉันทำตัวเมินเฉยกับเขาเพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดเพื่อจะได้ไม่ต้องปะทะกัน ฉันเพิ่งจะหายจากอาการป่วยแถมแผลบนร่างกายก็ยังหายไม่สนิท ขืนถูกเขากระชากลากถูอีกคงได้เป็นไข้อีกรอบแน่
“...” ฉันไม่ได้ตอบโต้กลับไป สมองยังคงมีความคิดมากมายที่แก้ไม่ตก นอกจากเรื่องเรียนแล้วก็คงเป็นเรื่องระหว่างฉันกับเขา ที่ผ่านมาฉันหนีและหลบซ่อนตัวจากสายตาของตราบฟ้ามาตลอด แต่ตอนนี้เขาเจอฉันแล้ว ไม่รู้ว่าสุดท้ายจะมีจุดจบยังไง
เมื่อก่อนตราบฟ้าเป็นผู้ชายที่จิตใจดี เขามีรอยยิ้มที่อบอุ่นและมักใช้สายตาที่อ่อนโยนจ้องมองมาที่ฉัน
แต่ในวันนี้...ไม่ใช่
“ไม่ต้องห่วงหรอก พรุ่งนี้ฉันจะพาเธอไปอยู่หอพักใหม่” เขาพูดขึ้นมาอีกหลังจากที่ต่างคนต่างเงียบอยู่นาน ฉันเหลือบมองเขาด้วยสายตาที่เคลือบความสงสัย ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดที่จะทำอะไรกับฉันกันแน่ เขาโกรธแค้นฉันเรื่องในอดีตและต้องการแก้แค้น ฉันรู้แค่นั้นแต่ก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองต้องเจอกับอะไรบ้าง
‘หายไปซะ แล้วอย่ากลับมาอีก...’
‘ถ้าเธอกลับเข้ามาในชีวิตเขาเมื่อไหร่ เธอเดือดร้อนแน่’
ฉันสะดุ้งเฮือกเมื่อปล่อยให้ตัวเองตกสู่ห้วงความคิด น้ำเสียงเย็นเหยียบและสายตาดุดันนั่นยังติดตรึงอยู่ในห้วงของความทรงจำ
“เป็นอะไร” ตราบฟ้าเอ่ยถามหลังจากที่เขาจ้องมองฉันอยู่เงียบๆ การกระทำทุกอย่างของฉันอยู่ภายใต้สายตาของเขา
“...” ฉันส่ายหน้าแทนคำตอบและเลือกที่จะไม่ปริปากเช่นเดิม ช่วงนี้เขาดูร้ายกาจน้อยกว่าวันแรกที่เรากลับมาเจอกัน อาจเป็นเพราะฉันป่วยอยู่เขาถึงยังไม่กล้าทำอะไรก็ได้ คงกลัวฉันจะตายก่อนที่ตัวเองจะได้แก้แค้นจนพอใจ
“เธอจะเล่นสงครามประสาทกับฉันเหรอเจ้าขา” น้ำเสียงข่มขู่ของเขาเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง นี่ฉันเพิ่งจะชมเรื่องเขาทำตัวดีขึ้นไปเองนะ
“ฉันไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไร ในเมื่อนายตัดสินฉันไปแล้ว” ฉันตอบออกไปในที่สุด ฉันรู้ว่าเขาเองก็ไม่ได้ผิดที่จะคิดแค้น วันนั้นที่เลือกเดินออกจากชีวิตของเขา ฉันใจร้ายกับเขามากทีเดียว ไม่มีคำลา ไม่มีเหตุผล เลือกที่จะหันหลังให้ในวันที่เขากำลังอ่อนแอ ฉันดูเป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจมากจริงๆ นั่นแหละ ทั้งที่บอกว่ารักเขามากแท้ๆ
“ฉันตัดสินจากสิ่งที่ฉันเห็นและเจอมันด้วยตัวเอง” ดูเหมือนตราบฟ้ากำลังพยายามสะกดกลั้นความไม่สบอารมณ์เอาไว้
“...” ฉันเงียบลงอีกครั้ง ฉันไม่มีอะไรจะแก้ตัวในสิ่งที่ได้ทำลงไปจริงๆ
“หรือเธอจะปฏิเสธว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงร้ายกาจคนนั้น! ” แต่ยิ่งฉันเงียบกลับเหมือนยิ่งทำให้อารมณ์ของเขาเดือดดาล คำพูดของตราบฟ้าทำให้ฉันรู้สึกจุกในลำคอ มีเหตุผลมากมายที่เก็บมันเอาไว้ในใจ ฉันไม่อยากจะรื้อฟื้นอะไรขึ้นมาอีกแล้ว ฉันไม่อยากจะทำร้ายเขาซ้ำสอง และฉันก็ไม่อยากจะทำร้ายตัวเองด้วยเช่นกัน
ทางออกโง่ๆ ที่ฉันคิดออกในตอนนี้คือการเงียบ ปล่อยให้ตราบฟ้าทำทุกอย่างที่เขาต้องการ เป็นการชดใช้และสุดท้ายเรื่องราวในอดีตที่แสนเจ็บปวดเหล่านั้นก็จะเริ่มเลือนรางไป
แต่มันก็เป็นแค่สิ่งที่ฉันคิดเท่านั้น
ความคิดเห็น