ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : โครงสร้าง DNA


ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 นักเคมีชาวเยอรมัน ชื่อ เอ โคสเซล (A. Kossel) และ เอ ที เลวีน (A. T. Levene) ได้เริ่มต้นศึกษาเกี่ยวกับกรดนิวคลีอิกอย่างจริงจัง หลังจากที่มิเชอร์ได้ค้นพบสารเคมีชนิดนี้มาแล้วเมื่อ ค. ศ. 1869 โดยโคสเซลได้ศึกษาเกี่ยวกับคุณสมบัติและองค์ประกอบของกรดนิวคลีอิก และพบว่ากรดนิวคลีอิกมี 2 ชนิด คือ กรดดีออกซีไรโบนิวคลีอิก หรือ DNA และกรดไรโบนิวคลีอิก หรือ RNA ซึ่งพบว่ากรดนิวคลีอิกประกอบด้วยสารต่างๆ ที่เป็นหน่วยพื้นฐาน 3 ชนิด คือ
1. นิวคลีโอไทด์เบส (Nucleotide Base) หรือ ไนโตรจีนัสเบส (Nitrogenous Base) หรือเรียกสั้นๆ ว่า เบส (Base) เป็นหน่วยพื้นฐานที่ประกอบด้วยสารอินทรีย์ที่มีธาตุไนโตรเจนเป็ฯองค์ประกอบซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภทตามความแตกต่างกันในเชิงองค์ประกอบและโครงสร้าง ดังนี้
1) พิวรีน (Purine) โครงสร้างหลักประกอบด้วย โครงสร้างเป็ฯรูปวงแหวน 2 วง สารประกอบพิวรีนแบ่งตามสมบัติทางเคมีและธาตุที่เป็นองค์ประกอบได้ 2 ชนิดคือ เบสอะดีนีน (Adenine หรือ A ) กับเบสกวานีน (Guanine หรือ G)
2) ไพริมิดีน (Pyrimidine) โครงสร้างหลักประกอบด้วย โครงสร้างรูปวงแหวน 1 วง สารประกอบไพริมิดีน แบ่งตามสมบัติทางเคมีและธาตุที่เป็นองค์ประกอบได้ 2 ชนิด คือ ไทมีน (Thymine หรือ T) และไซโทซีน (Cytosine หรือ C)
จากการค้นพบเบสทั้ง 4 ชนิด ซึ่งเป็นองค์ประกอบของกรดคลีอิกนี่เอง ทำให้โคสเซลได้รับรางวัลโนเบลใน ค.ศ. 1910 และทำให้มีผู้หันมาสนใจศึกษาเกี่ยวกับกรดนิวคลีอิกมากขึ้น
2. สารประกอบพวกคาร์โบไฮเดรตที่มีคาร์บอนเป็นองค์ประกอบอยู่ 5 อะตอมเลวีนได้ศึกษาส่วนประกอบของกรดนิวคลีอิกจากเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ตามวิธีการศึกษาของโคสเซล พบว่าในกรดนิวคลีอิกนั้นนอกจากจะพบสารประกอบไนโตรเจนทั้ง 4 ชนิดแล้วยังพบน้ำตาลที่มีคาร์บอนเป็นองค์ประกอบ 5 อะตอม คือน้ำตาลเพนโทส (Pentose Sugar) ซึ่งมีลักษณะแตกต่างจากสารประกอบคาร์โบไฮเดรตที่มีคาร์บอนเป็นองค์ประกอบ 6 อะตอม เลวีนยังพบว่าน้ำตาลเพนโทสแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ น้ำตาลไรโบส (Ribose) พบมากในเซลล์ของยีสต์และพืช กรดนิวคลีอิกที่มีน้
ำตาลไรโบสเป็นองค์ประกอบเรียกว่า กรดไรโบสนิวคลีอิก (Ribonucleic Acid หรือ RNA ) อีกพวกหนึ่ง คือ น้ำตาลดีออกซีไรโบส (Deoxyribose) ซึ่งส่วนใหญ่ได้จากเซลล์สัตว์ กรดนิวคลีอิกที่มีน้ำตาลดีออกซีไรโบสเป็นองค์ประกอบเรียกว่า กรดดีออกซีไรโบนิวคลีอิก (Deoxyribonucleic Acid หรือ DNA)
จากการศึกษาต่อมาพบว่ากรดนิวคลีอิกทั้ง 2 ชนิด คือ DNA และ RNA แตกต่างกันตรงส่วนที่เป็นน้ำตาลกับชนิดของเบส คือ DNA ประกอบด้วยดีออกซีไรโบสและเบสพวกอะดีนีน (A) กวานีน (G) ไซโทซีน (C) และไทมีน (T) ส่วนRNA จะมีน้ำตาลไรโบสและมีพวกเบสพวกไพริมิดีนอีกชนิดหนึ่ง คือ ยูราซิล (Uracil หรือ U) แทนที่จะเป็นไทมีน
3. สารประกอบฟอสเฟต กรดนิวคลีอิกนอกจากจะมีเบสและน้ำตาลแล้วยังมีหมู่ฟอสเฟต (PO42-) ซึ่งมีธาตุฟอสฟอรัสเป็นองค์ประกอบ หมุ่ฟอสเฟตทำให้โมเลกุลของกรดนิวคลีอิกมีสมบัติเป็นกรดถึงแม้จะมีเบสอยู่ด้วยก็ตาม
สารประกอบทั้ง 3 ชนิด คือ น้ำตาลที่มีคาร์บอน 5 อะตอม สารประกอบไนโตรจีนัสเบส และหมุ่ฟอสเฟตจะประกอบเข้ากันเป็นหน่วยโครงสร้างพื้นฐานที่เรียกว่า นิวคลีโอไทด์ (Nucleotide) ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ชนิด ตามประเภทของกลุ่มเบส ที่เป็นองค์ประกอบ คือ A, T, G, C ในกรณีที่เป็นโมเลกุลของ DNA หรือ A, U, G, C ในกรณีที่เป็นโมเลกุลของ RNA โครงสร้างพื้นฐานของหน่วยนิวคลีโอไทด์ในโมเลกุลของ DNA มีลักษณะดังภาพ
ใน ค.ศ. 1953 นักชีววิทยาชื่อ เจ ดี วัตสัน (J. D. Watson) กับนักฟิสิกส์ชาวอังกฤษชื่อ เอฟ เอช ซี คริก (F. H. C. Crick) แห่งมหาวิทยาลัยเคมหริดจ์ ได้ร่วมกันเสนอโครงสร้างของโมเลกุล DNA ว่าประกอบด้วยสายพอลินิวคลีโอไทด์ (Polynucleotide) 2 สาย ปิดหมุนขนานควบคคู่กันไป ในการจับเกาะของพอลินิวคลีโอไทด์ทั้งสองสอยเกิดอย่างเป็นระเบียบหรือมีแบบแผนแน่นอนคืออะดีนีน (A) จะจับเกาะกับไทมีน (T) และมีพันธะไฮโดรเจน 2 พันธะเป็นตัวเชื่อม ส่วนกวานีน (G) จะจับเกาะกับไซโทซีน (C) โดยมีพันธะโฮโดรเจน 3 พันธะยึดเกาะสายทั้งสองของพอลินิวคลีโอไทด์จะพันเป็นเกลียว โดยความยาวของแต่ละเกลียวประมาณ 34 อังสตรอม (Aº) แต่ละเกลียวจะมีประมาณ 10 นิวคลีโอไทด์ และนิวเคลียสแต่ละเกลียวจะมีประมาณ 10 นิวคลีโอไทด์ และนิวคลีโอไทด์ในแต่ละสายจะอยู่ห่างกัน 3 – 4 อังสตรอม (Aº) ระหว่างนิวคลีโอไทด์ของสายเดียวกันจะเชื่อมกันด้วยหมู่ฟอสเฟต
ความคิดเห็น