คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2
ข่าวล่ามาแรงบอกว่า ‘คาสโนวาฆ่าไม่ตาย’
ของเราเก็บแต้มไปได้อีกหนึ่ง ‘หนูรุ้ง
รุ้งพราย’ ออกตัวแรงเกินไป ‘เต - ตินพล’ เลยขอโบกมือลา ข่าวแว่วว่าคู่นี้ต่างคนต่างไป
สวมคอนเวิร์สกันเรียบร้อยแล้วจ้า
พาดหัวจากสำนักข่าวเดียวกัน
ทว่าเนื้อหากลับสวนทางกับเมื่อไม่กี่วันก่อนโดยสิ้นเชิง ตินพลมองปราดรวดเดียว
ก็กดปิดทิ้งอย่างไม่เอาใจใส่
หลังจากวันที่ได้สะสางปัญหาหัวใจกัน
รุ้งพรายหายหน้าไปไม่มาให้เห็น ไม่มีการฝากข้อความใดๆไม่มีการโทรศัพท์มาตัดพ้อต่อว่า
เธอจากไปเงียบๆไม่ต่างอะไรจากสายลมพัดผ่าน
ใจหนึ่ง
ตินพลยอมรับว่าเป็นห่วงหญิงสาวไม่น้อย
แต่อีกใจที่เข้มแข็งกว่าก็รั้งตัวเองไว้ได้ทัน เขาไม่ควรให้ความหวังอะไรเธออีก
เมื่อจบแล้วก็ควรจบกันไป การยื้อเธอไว้รังแต่จะสร้างความเจ็บปวดไม่จบสิ้น
โดยเฉพาะเขาไม่ได้รักเธอ ดังนั้นเขาไม่ควรเอาเปรียบความรักที่เธอมีให้
เสียงโทรศัพท์ดังกังวานขึ้นเป็นเพลง
ตินพลก้มลงมองชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ แล้วบอกตัวเองว่า ‘สายนี้ไม่รับคงไม่ได้’
“ครับแม่” เขากรอกเสียงไปตามสาย
“ตาเต” เพียงคำเรียกชื่อสั้นๆคนเป็นลูกชายก็สัมผัสถึงอารมณ์ไม่สบายใจที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงนั้น
เขารีบดักคอเสียก่อน ไม่ยอมเปิดโอกาสให้ท่านได้เป็นฝ่ายถามโดยไม่ทันตั้งตัว
“ข่าวไม่มีอะไรหรอกครับ
แม่อย่าซีเรียส”
“เออแน่ะ” คนเป็นแม่อุทาน “รู้ตัวเหมือนกันหรือว่าทำให้แม่ซีเรียส”
“ผมกับรุ้งพรายเป็นแค่เพื่อนกัน
แต่พวกนักข่าวเขาชอบออกข่าวแรงๆแบบนี้แหละครับ เขาว่ามันขายได้”
คำอธิบายรวบรัดชัดเจน
และจบทุกประเด็นคำถามภายในครั้งเดียว แม้จะนึกขวางหน่อยๆที่อีกฝ่ายแก้ตัวได้ไหลลื่นนัก
ทว่าความรักที่มีต่อลูกชายคนเดียวก็ทำให้ลลนาไม่อยากตำหนิอะไรเขามากไปกว่านี้
“เป็นแค่เพื่อนกันแน่นะ”
เธอย้ำ “ไม่ใช่อะไร แม่สงสารผู้หญิงเขา
หน้าตาหนูรุ้งก็สะสวยน่ารัก เรานี่ก็นะ เมื่อไหร่จะเลิกคบไม่เลือกแบบนี้เสียที
แล้วไอ้ฉายาอะไรพวกนั้น แม่ไม่ปลื้มหรอกนะ พูดจริงๆ”
“ฉายาก็เท่านั้นละครับ
แม่อย่าไปสนใจเลย อย่างที่ผมบอก พวกนักข่าวเขาต้องขายข่าว วงการนี้ก็แบบนี้แหละ
หวือหวาไว้ก่อน ความจริงอาจมีแค่ประโยคเดียว ขยายเสียจนกลายเป็นสามสี่หน้า
ผมอยู่มานาน ชินเสียแล้วครับ แรกๆก็ตื่นเต้นดี หลังๆชักไม่รู้สึกอะไรแล้ว”
“ตอบได้ไม่มีช่องโหว่เลยนะ”
มารดาค่อน “แม่ว่าเตน่าจะเรียนนิติศาสตร์มากกว่า
ไปเรียนทำไมก็ไม่รู้วิศวะ ไม่เห็นเข้ากับนิสัย”
ตินพลหัวเราะ “ขืนผมเรียนก็ยุ่งตายเท่านั้นเอง
ขนาดไม่เรียนยังหัวหมอเสียขนาดนี้ ถ้าเรียนจะขนาดไหนล่ะครับ” เขาล้อเลียนตัวเองหน้าตาเฉย แล้วเปลี่ยนเรื่อง “ว่าแต่แม่สบายดีนะครับ
ผมคิดถึงแม่จัง”
“อย่ามาปากหวานหน่อยเลย”
มารดาบ่น แต่น้ำเสียงก็สดชื่นขึ้น “คิดถึงแล้วทำไมไม่แวะมาเยี่ยมแม่บ้าง”
“งานผมยุ่ง แม่ก็รู้นี่ฮะ
เพิ่งปิดกล้องละครเรื่องล่าสุดไป กำลังจะเปิดใหม่อีกละ วันนี้ผมก็ต้องไปถ่ายแบบ
นัดกับทางนิตยสารเขาไว้ ๑๑ โมง อีกเดี๋ยวก็ต้องไปแล้ว”
อีกฝ่ายนิ่งเงียบจนตินพลคิดว่าสัญญาณขาดหายไป
ทว่าพอเขาขยับจะยกโทรศัพท์ขึ้นดู ก็ได้ยินคำถามแว่วมา “อีกสองเดือนลูกก็จะครบ
๒๕ แล้วสินะ”
“ครับ” ลูกชายรับคำอย่างไม่เอาใจใส่ “ปีนี้ผมไม่อยากได้อะไรพิเศษ
แม่ไม่ต้องซื้อของขวัญให้ก็ได้”
“เต...” คราวนี้เสียงของมารดาแผ่วต่ำ น้ำเสียงนั้นสื่อบางอย่างที่ซับซ้อนลึกซึ้ง “เจอลุงบ้างหรือเปล่า”
ตินพลชะงักไป
นึกดีใจที่เป็นการพูดคุยผ่านโทรศัพท์ ไม่ได้เห็นหน้าค่าตากัน
ไม่อย่างนั้นเขาคงระงับพิรุธได้ลำบากเต็มที “ไม่ได้เจอเลยฮะ แต่ลุงก็น่าจะยังสอนอยู่ที่เก่า
มีอะไรหรือเปล่าครับแม่”
ลลนาถอนใจลึก
เธอไม่พูดถึงประเด็นเดิมอีก แต่เปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่น
“ไม่มีอะไร
แต่ว่าแม่อยากให้เตบินมาหาแม่ที่นี่ พอจะปลีกตัวได้ไหม เอาช่วงใกล้ๆวันเกิดนะ”
“จะให้ผมไปฉลองที่โน่นหรือครับ”
ตินพลแปลกใจ ตามปกติแม่เอาใจใส่วันเกิดของเขาสม่ำเสมอ แต่ก็ไม่ถึงขั้นขอร้องให้บินข้ามประเทศไปพบเจอ
ทั้งคู่ห่างเหินกันจนเคยชินเสียแล้ว
เนื่องจากหน้าที่การงานทำให้ท่านต้องโยกย้ายตามพ่อไปประเทศต่างๆทั่วโลก
ส่วนใหญ่ท่านมักส่งของขวัญวันเกิดมาให้เขาล่วงหน้าทางไปรษณีย์เสียมากกว่า “เอ...ผมยังไม่แน่ใจ คงต้องขอดูตารางเวลาก่อน
พอดีผมเพิ่งเซ็นสัญญาละครเรื่องใหม่ไป น่าจะใช้เวลาถ่ายราวๆ๔-๖ เดือน
ถ้าไปหลังละครถ่ายเสร็จ น่าจะ...”
“ไม่ได้” มารดาขัด “เอาเป็นว่าเตจะทำยังไงก็ได้
มาหาแม่ให้ได้ช่วงวันเกิดแล้วกัน แค่ ๒-๓ วันเท่านั้น รับปากแม่สิ”
น้ำเสียงเข้มงวดแกมบังคับของอีกฝ่ายทำให้คิ้วของตินพลขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ
ตามปกติแม่ไม่เคยขอร้องหรือสั่งอะไรเขา มีแต่คอยตามใจอยู่เสมอมา
ดังนั้นคำขอครั้งนี้จะต้องเป็นกรณีพิเศษ
เพียงแต่เขายังเดาไม่ออกว่าเหตุผลเบื้องหลังที่ซ่อนอยู่คืออะไร
“๒-๓ วันคงไม่ได้หรอกครับ”
เขาเลือกเอาน้ำเย็นเข้าลูบ “ฝรั่งเศสนั่งเครื่องตั้งสิบชั่วโมง
อย่างน้อยก็ต้องไปสักอาทิตย์หนึ่ง เอาอย่างนี้ ผมขอคุยคิวกับผู้จัดการก่อน
แล้วจะรีบโทร.บอกแม่ เพราะยังไงก็ต้องจองตั๋วกับทำวีซ่าล่วงหน้า”
เมื่อลูกชายตอบอย่างเรียบร้อยไม่ตีรวนหรือขัดใจ
ลลนาก็ดูจะพอใจ เสียงของเธออ่อนลง
“แล้วแม่จะโทร.มาถามอีกที
เตจัดการให้เรียบร้อยแล้วกันนะ”
“ครับผม” ตินพลรับคำง่ายๆทว่าคงมีแต่เจ้าตัวที่รู้ดีว่า แท้จริงแล้วเรื่องนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด
การรับละครแต่ละเรื่องหมายถึงการทุ่มเทอย่างหนัก เขาต้องอ่านบท ทำความเข้าใจตัวละคร
และยังต้องประสานงานร่วมกับนักแสดงคนอื่นๆตามปกติแล้ว ตลอดช่วงเวลาการถ่ายทำ
ซึ่งกินเวลาราว ๔-๖ เดือนนั้น ตินพลจะตั้งสมาธิและมีสติอย่างเต็มที่
ไม่วอกแวกคิดเรื่องอื่น สำหรับเขา งานแสดงไม่ใช่งานสบาย มีหน้ามีตา
แต่เป็นงานที่เหนื่อยหนัก ต้องใช้ทั้งอารมณ์และวิญญาณ
ชายหนุ่มตั้งใจว่าพอถึงเวลาใกล้ๆค่อยอธิบายเหตุผลให้มารดาฟังน่าจะไม่มีปัญหา
หากยกเรื่องงานขึ้นมาอ้าง แม่น่าจะเข้าใจ เพราะเขาเองก็ไม่ได้เถลไถล แต่ทำงานจริงๆจังๆอาชีพของเขาถือว่างานหนักไม่แพ้อาชีพอื่นใด
นอกจากจะต้องใช้อารมณ์ลึกซึ้งแล้ว ยังต้องใช้เวลาและการฝึกฝนเพื่อให้ผลงานออกมาดี
เป็นที่ยอมรับของทุกคน คนอย่างเขาโด่งดังขึ้นมาได้ก็เพราะคุณสมบัติเหล่านี้
ไม่ใช่แค่เฉพาะหน้าตาเท่านั้นหรอก
ตินพลไม่อาจรู้เลยว่า ครั้งนี้เขาคิดผิด!
ร่างระหงของหญิงสาวคนหนึ่งผ่านเข้ามาในสายตาเมื่อก้าวลงจากรถ
ตินพลเหลือบมองแว่บหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ และอีกฝ่ายก็เหลียวมาพอดี
ตาต่อตาประสานกัน ยิ้มหวานสดใสปรากฏบนเรียวปากของฝ่ายหญิง
ดวงตาคู่นั้นเป็นประกายพราวระยิบขณะเอ่ยทักเขาอย่างเป็นกันเอง
“สวัสดีค่ะ คุณเต”
ตินพลยิ้มตอบ “ว่ายังไงครับ
คุณร้อยแก้ว”
เจ้าของชื่อ ‘ร้อยแก้ว’ หัวเราะแจ่มใส เธอไม่ใช่คนสวยเด่น แต่เป็นผู้หญิงหน้าตาเก๋ชวนมอง
โดยเฉพาะรอยยิ้มเปิดเผยอวดฟันเขี้ยวซี่เล็กๆที่มุมปาก ผมยาวตรง
ด้านหน้าตัดหน้าม้าเฉียบกริบ เข้ากับบุคลิกปราดเปรียว
“ดีจัง คุณเตจำกันได้
คิดว่าจะโดนทำหน้างงใส่เสียอีก”
ตินพลเลิกคิ้ว
สารจากแววตาและท่าทีของอีกฝ่ายส่งตรงถึงใจ จากประสบการณ์ที่ยาวนานและจัดเจน
ทำให้เขาแน่ใจว่าสาวสวยคนนี้กำลังทอดไมตรีให้เขา
ชายหนุ่มทบทวนความทรงจำเกี่ยวกับหญิงสาว
ร้อยแก้ว เป็นนักแสดงสังกัดช่องเดียวกับเขา
ความสวยเก๋จนบางครั้งก็ดูเปรี้ยวนั้นไม่เหมาะกับบทนางเอก
ซึ่งผู้กำกับมักเลือกสาวน้อยหน้าหวานบุคลิกเรียบร้อยเป็นส่วนใหญ่
แต่หน้าตาสะอาดสะอ้านและยิ้มใสๆก็ไม่เหมาะที่จะรับบทนางร้าย
ดังนั้นบทที่เธอได้จึงมักเป็นบทของเพื่อนนางเอกหรือน้องสาวพระเอก
ถือเป็นบทที่เด่นพอสมควร แต่ก็ไม่ถึงกับโด่งดังมากมายอะไรนัก
เนื่องจากยังไม่เคยทำงานร่วมกัน
ทั้งคู่จึงไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว
ทว่าตินพลก็คุ้นหน้าหญิงสาวตามประสานักแสดงร่วมช่อง ส่วนที่เธอมีสายตาให้เขานั้น
ชายหนุ่มถือเป็นเรื่องปกติ คนอย่างเขาเคยชินกับการมีผู้หญิงมาทอดไมตรีให้อยู่แล้ว
ยิ่งตอนนี้เขาโสด ก็ยิ่งตอบรับได้เต็มที่
“คุณแก้วมาถ่ายแบบหรือยังไงครับ
ผมมาถ่ายปกให้เพชรพราว”
“อ๋อ” ร้อยแก้วลากเสียง “แก้วมาถ่ายกับบิวตี้แอนด์เดอะไบรด์ค่ะ
สตูดิโอบลูสกาย คุณเตถ่ายสตูไหนคะ”
“กรีนมิ้นต์ครับ”
แววตาของร้อยแก้วเป็นประกายพราว
เธอสบตาชายหนุ่ม สีหน้าท้าทาย
“คุณเตถ่ายงานเสร็จกี่โมงล่ะคะ
เย็นนี้พอมีเวลาว่างไหม แก้วหาเพื่อนกินข้าวอยู่พอดี”
ตินพลไม่หลบสายตา
เขาชินกับการเป็นฝ่ายถูกผู้หญิงไล่ตามจนไม่รู้สึกสะดุ้งสะเทือนอะไรอีกแล้ว
และยังตั้งรับได้อย่างปกติเสียด้วย ยิ้มน้อยๆระบายบนเรียวปาก
เป็นรอยยิ้มเกียจคร้านเปี่ยมเสน่ห์ที่เรียกความสนใจจากผู้หญิงได้ทุกคน
ไม่เคยผิดพลาด ครั้งนี้ก็เช่นกัน
“น่าจะไม่เกินห้าโมงเย็น
คุณแก้วล่ะครับ”
“แก้วถ่ายเซตในแค่สามชุดเท่านั้นค่ะ
น่าจะเสร็จก่อน แก้วจะไปหาคุณเตที่สตูก็แล้วกัน...” ท้ายประโยค
หญิงสาวเลิกคิ้วน้อยๆ“ได้ไหมล่ะคะ”
ตินพลยักไหล่
แววตาของเขาท้าทายไม่แพ้กัน “แล้วแต่คุณแก้วสิครับ ผมยังไงก็ได้”
ร้อยแก้วหัวเราะเสียงใส “สุภาพบุรุษจริงนะคะ”
เธอเย้า “ได้ค่ะ เสร็จงานแล้วแก้วจะไปหา
แต่ถ้าแก้วไปช้า คุณเตเดินมาตามที่สตูได้เลยนะคะ ไม่ต้องเกรงใจ!”
ทีมงานกำลังเตรียมงานอย่างขะมักเขม้นเมื่อตินพลผลักประตูก้าวเข้าไปในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆห้องนั้น
ผนังด้านหนึ่งฉาบสีเขียวอ่อนสมชื่อห้อง ‘กรีนมิ้นต์’ ช่างภาพเป็นชายหนุ่มท่าทางคล่องแคล่ว
กำลังสาละวนอยู่กับการจัดแสงและไฟพร้อมผู้ช่วยอีกสองคน
ถัดไปคือสไตลิสต์และผู้ช่วยกำลังดูแลเสื้อผ้าให้พร้อม
สไตลิสต์หันมาเห็นเขาเข้าพอดี
เธออยู่ในวัยไม่เกิน ๓๕
แต่งกายทันสมัยด้วยเสื้อแขนกว้างสีดำและกางเกงยีนสีเดียวกันดูทะมัดทะแมง
ผมรวบตึงเผยหน้าผากโค้งมนได้รูป ใบหน้านั้นแต้มด้วยสีเงินวาวๆกรีดอายไลเนอร์คมเฉียบ
ต่างหูห่วงเงินวงใหญ่แกว่งไปมาระบ่าขณะเจ้าตัวสาวเท้าตรงเข้ามาหาเขา
“มาแล้วหรือสุดหล่อ
เอ้า มาแต่งหน้าก่อนเร้ว”
ตินพลพนมมือทำความเคารพ
เขาไม่ได้ไหว้หญิงสาวแค่เพียงคนเดียว แต่เผื่อแผ่ไปถึงคนอื่นๆด้วย
ทุกคนก็รับไหว้แล้วส่งยิ้มตอบอย่างคุ้นหน้ากันดี
“ไงครับพี่เม้ย”
เขาทักอีกฝ่าย“สบายดีนะพี่ ไม่ได้เจอกันนานเลย”
“สบายดี เราล่ะ
เห็นข่าวว่าเลิกกับยายหนูรุ้งแล้ว จริงหรือเปล่า”
สีหน้าของตินพลแปร่งไปเล็กน้อย
แต่ริมฝีปากยังยิ้มละไมปกติ
“ใครว่าผมเลิกกับเขา
เขาต่างหากขอเลิกกับผม พี่ก็พูดไป”
‘พี่เม้ย’ หรือชื่อจริงกะทัดรัดเก๋สมตัวว่า ‘เมนา’ จุปาก
“ยังคารมดีเหมือนเดิม
สมเป็นพระเอกตัวจริง เอ้า มารู้จักผู้ช่วยคนใหม่ของพี่เสียก่อน เขาชื่อ ‘เพลงฝน’ ชื่อเล่นไม่มี พี่เลยตั้งให้ว่าเรน
ที่แปลว่าฝนนั่นแหละ ตรงตัว เรียกง่ายดี อ้อ เรนยังไม่เคยเจอเตใช่ไหม นี่แหละ
พระเอกที่ฮอตที่สุดของยุค หล่อไหมล่ะจ๊ะ”
หญิงสาวผู้ถูกเรียกว่า ‘เพลงฝน’ วางมือจากการรีดเสื้อที่แขวนเรียงอยู่บนราวเหล็กเงาวาววับ
แล้วหันมาพนมมือทำความเคารพเขา เมื่อเงยหน้าขึ้น ตินพลได้เห็นดวงตากลมโตใสแจ๋วเหมือนเด็กๆจมูกและริมฝีปากค่อนข้างเล็ก
กลมกลืนไปกับรูปหน้าเรียวบอบบาง ผมสีน้ำตาลซอยสั้นเสยขึ้นไปแล้วติดคลิป
เปิดให้เห็นดวงหน้าใสและผิวนวลลออ
เด็ก...นั่นคือคำจำกัดความที่เขามีให้หญิงสาวตรงหน้า
ผู้ซึ่งหลังจากพนมมือไหว้เขา ก็หันกลับไปรีดผ้าต่อด้วยท่าทางไม่เอาใจใส่อะไรอีก
มีบางอย่างสะกิดใจตินพล...นิดเดียวเท่านั้น
ปกติแล้วผู้หญิงทุกคน โดยเฉพาะในวัยนี้ มักจะมีสีหน้าทึ่งหรืออย่างน้อยก็ยิ้มแย้มแจ่มใสกับหนุ่มหล่ออย่างเขา
เพิ่งจะมีสาวน้อยคนนี้นี่แหละที่ดูจะไม่สนใจจริงๆจังๆ
ความคิดนั้นจางหายไปภายในเวลาอันสั้น
เมื่อเมนาเอื้อมมือมาจับแขน จูงให้เขาตามเข้าไปนั่งในห้องรับรองที่อยู่ใกล้ๆกัน
มีประตูคั่นเอาไว้เป็นสัดส่วน
ช่างแต่งหน้าและช่างทำผมรออยู่แล้ว
ล้วนแต่เป็นคนคุ้นหน้า เคยทำงานร่วมกันมา ทั้งคู่เป็นชายกึ่งหญิง
ท่าทางกระตุ้งกระติ้ง พอเห็นชายหนุ่มก็ทักทายอย่างแจ่มใส
“เอ้า นั่งๆสุดหล่อ
กินอะไรมาหรือยัง จะสั่งอะไรก่อนไหม” ช่างทำผมทักขึ้นก่อน
เขาเป็นชายหน้าหวาน ผิวขาวละเอียด ตรงกันข้ามกับช่างแต่งหน้า ซึ่งเป็นหนุ่มหน้าไทย
ผิวคล้ำตาคม แต่ที่เหมือนกันคือรูปร่างแข็งแรงอย่างคนออกกำลังดูแลสุขภาพเป็นประจำ
“ผมกินมาแล้วพี่แดน”
ตินพลทักตอบอย่างเป็นกันเอง “แต่กินกับพี่อีกรอบก็ได้
ไม่ว่ากัน”
แดนหัวเราะ “งั้นมานั่งก่อนเลย
เดี๋ยวพี่จัดผมหล่อๆให้ วันนี้เอาทรงไหนดี เจ๊เม้ย”
“คนมันหล่อ
ทำทรงไหนก็หล่ออะนะ” เมนาสัพยอก “ขอเนี้ยบๆหน่อยแล้วกัน
ใส่เจลเสยก็ได้ เสื้อผ้าวันนี้เน้นสูทกับเบลเซอร์ จะเป็นลุคหนุ่มออฟฟิศเท่ๆ”
“โอเคจ้ะ” แดนรับคำ แล้วลงมือเริ่มงานของตน
เช่นเดียวกับช่างแต่งหน้าที่เปิดกระเป๋าเครื่องสำอางใบใหญ่หยิบหลอดครีมเล็กๆออกมา
เตรียมรองพื้นให้ผิวหน้าเกลี้ยงเกลา ตินพลชินเสียแล้วกับการนั่งนานๆให้ช่างแต่งหน้าทำผมปรับรูปโฉมให้เข้ากับการทำงานในแต่ละครั้ง
ก็เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดเกมที่เล่นค้างอยู่ แล้วรัวนิ้วอย่างคล่องแคล่ว
ไม่ได้สนใจบรรยากาศรอบตัวอีก
ชายหนุ่มไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่า ระหว่างนั้นสายตาของใครคนหนึ่งจับจ้องมาที่เขาตลอดเวลา
กระแสจากแววตาครุ่นคิด ลังเล ระคนสับสนไม่แน่ใจ
แต่ในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยการตัดสินใจและห่วงใยอยู่ในที
ร้อยแก้วก้าวฉับๆ เข้ามาในสตูดิโออย่างมั่นใจ
เธอยิ้มทักทายทีมงานทุกคน ซึ่งต่างก็คุ้นหน้ากันดีเพราะทำงานอยู่ในวงการเดียวกัน
จากนั้นก็ยกมือโบกให้ตินพล ผู้หล่อเหลาอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตขาว กางเกงดำ
ผูกเน็คไทเส้นเรียวเล็กไว้หลวมๆที่คอ และมีเสื้อเบลเซอร์พาดบ่า
กำลังแสดงแบบอยู่ในฉากสีขาว
ช่างแต่งหน้าและช่างทำผมสบตากันแล้วเลิกคิ้วแปลกใจ
แดนถึงกับเอ่ยถามหญิงสาวตรงๆไม่อ้อมค้อม
“ไปรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะจ๊ะเนี่ย
ยายหนูแก้ว”
ร้อยแก้วยิ้มพราย “เมื่อเช้าเองพี่
แก้วชวนเตเขาไปกินข้าว”
“ว้าย” ช่างแต่งหน้าผู้มีชื่อเรียกเล่นๆว่า ‘วิว’ ยกมือทาบอก “ไวขนาดนั้น แล้วแฟนหล่อนล่ะยะ
ไม่ว่าอะไรหรือไง”
สีหน้ารื่นเริงของร้อยแก้วขรึมลงเล็กน้อย
เธอเหลือบมองหนุ่มหล่อขาดใจในฉาก พอให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้ยินบทสนทนานั้นแน่
แล้วลดเสียงลงต่ำ “พี่ เหยียบไว้ อย่าพูดให้เตได้ยินนะว่าแก้วมีแฟน เดี๋ยวเขาหนี”
“อ้าว” แดนงง “นี่หล่อนคิดอะไรกันแน่จ๊ะยายแก้ว
กะนอกใจแฟนหรือยังไง”
ร้อยแก้วหลิ่วตาอย่างซุกซน “นิดหน่อยพี่ ขำๆ
พอให้ชีวิตมีรสชาติ”
วิวทำท่าไม่เห็นด้วย
แต่ความที่รู้จักนิสัยดาราสาวดี ก็เลยไม่คิดจะห้ามปราม
ถึงกระนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะเตือนตามประสาผู้ใหญ่ที่หวังดีต่อเด็ก “เธอบอกว่าขำๆ
ฉันกลัวแต่เดี๋ยวเธอจะเอาตัวไม่รอด ไม่รู้หรือไง
พ่อคาสโนวาฆ่าไม่ตายรายนี้เขาเสน่ห์แรงแค่ไหน สาวไหนเข้าใกล้ ฉันไม่เห็นพ้นอกหักสักราย
คิดสมัครเป็นแฟนเขา ไม่กลัวอกเดาะหรือยังไงยะ”
ร้อยแก้วหัวเราะชอบใจ “พี่วิวก็พูดเกินไป
แก้วชอบผู้ชายที่ท้าทาย เตเนี่ยแก้วเล็งมานานแล้ว แต่เขาคิวแน่น แฟนเต็มตลอด
เพิ่งเจอจังหวะเขาว่างจังๆก็คราวนี้ ขอนิดนึงเถอะพี่ อยากรู้ว่าจะเปรี้ยวแค่ไหน
ยายรุ้งถึงได้อกหักสะบักสะบอมหายหน้าหายตาเสียขนาดนั้น”
“วุ้ย” วิวทำเสียงรำคาญ เมื่อเห็นว่าเตือนแล้วอีกฝ่ายไม่ฟัง
เขาก็ประชดส่งอย่างนึกหมั่นไส้ “เอาเถอะย่ะ
เตือนแล้วไม่เชื่อก็แล้วแต่ อกเดาะเมื่อไหร่ อย่ามาให้ฉันปลอบแล้วกัน”
“รับรองไม่เดาะแน่ค่ะ”
ร้อยแก้วเชิดหน้าสูงอย่างมั่นใจ “เผลอๆแก้วอาจเป็นตัวจริงของเขาก็ได้นะ
ใครจะรู้”
แดนสั่นศีรษะด้วยท่าทางกึ่งปลงกึ่งเวทนา
เขาเองผ่านโลกมานาน ได้เห็นและได้รู้จักความรักมาก็มาก
รู้ดีว่าพิษสงของมันร้ายกาจมากมายเพียงใด ยิ่งกับโลกมายาที่เรียกกันว่าวงการบันเทิงนี้
ความรักของหนุ่มสาวที่ต่างก็มีรูปร่างหน้าตาหล่อสวยมักเริ่มต้นและจบลงในระยะเวลาอันสั้น
หลายคนทำใจได้ก็เดินหน้าก้าวต่อไป แต่บางคนทำใจไม่ได้ ก็ต้องอดทนกล้ำกลืน
เขาเห็นมาหลายคนแล้ว ภายนอกสะสวยสมบูรณ์แบบ แต่ใครจะรู้ว่าภายในหน้าชื่นอกตรม
ตัวเขาเองรู้จักทั้งร้อยแก้วและคนรักดี
ทั้งคู่คบหากันได้สักพักแล้ว แม้ไม่ได้ประกาศตัวเอิกเกริก แต่วงในก็รู้กันดี
วาทีเป็นชายหนุ่มหน้าตาเรียบๆไม่มีอะไรดึงดูดใจ
ทั้งยังมีนิสัยพูดตรงเหมือนขวานผ่าซาก เรียกว่าขาดเสน่ห์ในด้านวาจา แต่ข้อดีคือเขารักเดียวใจเดียว
ไม่เคยมองผู้หญิงอื่น นอกจากนี้ยังเอาการเอางาน ขยันและมีมานะ ในวัยเพียง ๓๒ วาทีก็ก้าวขึ้นแท่นผู้กำกับ
แม้จะยังรับผิดชอบละครฟอร์มเล็กเป็นหลัก ไม่ถึงกับได้จับงานใหญ่ๆแต่ก็มีท่าทีว่าจะพัฒนาก้าวไปได้ไกลในอนาคต
ส่วนตินพล...แดนเบนสายตาไปมองเจ้าของชื่อผู้ถ่ายแบบอยู่ในฉากแล้วถอนใจ
เขาเห็นตินพลมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กหนุ่ม อายุแค่ ๑๙ เจ้าตัวหล่อเฉียบขาดไปทุกมุม
หน้าคม ตาคม จมูกปากสวยราวแกะสลัก รูปร่างสูงเพรียวได้ส่วนสัด
เรียกว่าขนาดว่ายืนเฉยๆสาวๆก็ยังกรี๊ดว่างั้นเถอะ
ที่สำคัญหนุ่มน้อยไม่ได้มีดีแค่หน้าตา ฝีมือการแสดงยังแนบเนียนเป็นธรรมชาติ
สื่ออารมณ์ทั้งแววตาและน้ำเสียงได้อย่างชัดเจนลึกซึ้ง ผู้กำกับรายไหนก็รายนั้น
พอรู้ว่ามีชื่อตินพลรับบทพระเอก ล้วนโล่งใจกันถ้วนหน้า
เพราะนอกจากละครจะขายดีได้รับคำชมแล้ว ยังทำงานกันง่าย เนื่องจากพระเอกรู้งาน
ไม่ต้องพูดต้องสอนกันให้ลำบาก ทั้งยังเข้ากับทีมงานได้ดีมาก ไม่ถือตัว
แต่เป็นกันเองและอารมณ์ดีอยู่เสมอ
ทว่าคนเราก็ไม่ได้มีแต่ด้านดี...
คงเพราะรูปร่างหน้าตาที่สมบูรณ์แบบและเสน่ห์อันมากมายของเจ้าตัว
ทำให้ตินพลตกเป็นเป้าหมายของสาวๆจำนวนมาก ทั้งดารานางแบบหรือแม้แต่นักร้องเสียงดีผลัดเปลี่ยนเวียนกันมาเป็น
‘คนรู้ใจ’ ของเขาไม่ขาดสาย
บางคนคบนานหน่อยก็อยู่ยาวเกือบปี
แต่ส่วนใหญ่จะจากกันไปภายในเวลาไม่กี่เดือนเสียมากกว่า และทุกครั้ง
ผู้หญิงเหล่านั้นมักเผชิญอาการอกหักช้ำรักด้วยกันทั้งสิ้น
ในขณะที่พระเอกหนุ่มกลับใช้ชีวิตตามปกติ ไม่มีทีท่าว่ารู้สึกอะไรกับการแยกทางเหล่านั้น
จนหลายคนมองว่าเขาเป็นผู้ชายใจหิน ไม่เคยมีหัวใจที่แท้จริงให้ใคร
ความจริงแล้ว ถ้าพูดอย่างเป็นกลาง
แดนก็ไม่อยากจะปรักปรำตินพลเกินไปนัก ในสายตาเขา พระเอกหนุ่มไม่ใช่ผู้ชายเจ้าชู้เผื่อเลือก
เวลาคบใครก็คบทีละคน ไม่เคยคบซ้อน ไม่เคยกะล่อน มีแต่เปิดเผยจริงใจ ตรงไปตรงมา
นอกจากนี้ พระเอกหนุ่มไม่ใช่คนนิสัยเลวร้าย แต่เป็นคนเอาการเอางาน มีน้ำใจ
ไม่ถือตัว ทั้งยังมีอารมณ์ขันช่างยิ้มหัว โดยรวมแล้ว
ถือเป็นผู้ชายที่เข้าท่ามากคนหนึ่ง บางทีแดนก็อยากจะคิดว่าไอ้คุณสมบัติดีๆนี่แหละ
เป็นสาเหตุของเรื่องยุ่งยากทั้งหมด
เพราะผู้หญิงส่วนใหญ่มองตินพลเหมือนขนมหวานทั้งนั้น ไม่ต้องดูอื่นไกล
ตรงหน้าเขาก็คนหนึ่ง รู้ว่าพ่อหนุ่มรายนี้เป็นไฟ แต่ก็ยังไม่กลัวที่จะเล่น
ไม่ได้คิดเลยว่าความร้อนนั้นอาจลวกมือเมื่อไหร่ก็ได้
“เอาเถอะนังหนูเอ๊ย”
เขาทำเสียงปลงๆ“ยังไงก็สับรางให้ดี
ตาเตน่ะไม่เท่าไหร่หรอก รายนี้ยังไงก็คงไม่อกเดาะแน่ แต่เจ้าวาสนี่สิ
ขืนมันรู้เรื่องเข้า เดี๋ยวได้คลั่งเอาปืนมายิงไม่รู้ตัวหรอก
ท่าทางมันยิ่งขี้หวงอยู่ด้วย”
ร้อยแก้วเพียงแต่ยิ้มเหมือนอีกฝ่ายพูดเล่น
พร้อมกันนั้นเอง ช่างภาพหนุ่มก็ประกาศเสียงดังฟังชัดได้ยินกันทั่วห้อง
“อยู่แล้วครับ
ปิดจ๊อบได้”
ตินพลก้าวออกจากฉากโดยไม่ลืมพนมมือไหว้และกล่าวขอบคุณทีมงานทุกคน
วงหน้าคมคายแต่งไว้เนียนเหมือนหุ่น
ช่างแต่งหน้าบรรจงระบายขอบตาด้วยอายไลเนอร์อย่างสุดฝีมือ
นัยน์ตาคู่นั้นจึงยิ่งคมกริบ เมื่อบวกกับประกายคมลึกในแววตา
และริมฝีปากที่หยักลงเป็นรอยยิ้มกึ่งเกียจคร้านเปี่ยมเสน่ห์
รูปลักษณ์นั้นยิ่งเด่นสะดุดตาจนแม้แต่แดนกับวิวที่เคยเห็นชายหนุ่มมาหลายต่อหลายครั้ง
ก็ยังอดที่จะชื่นชมไม่ได้
ดูเหมือนร้อยแก้วเองก็หนีไม่พ้นมนตร์เสน่ห์นั้นเช่นกัน
หญิงสาวหันมาหลิ่วตาให้สองหนุ่มหัวใจหญิง แล้วก้าวฉับๆตัดห้องตรงเข้าไปหาชายหนุ่มด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจ
ไม่ลังเลแม้สักนิดเดียว
สองหนุ่มสาวที่นั่งอยู่ในมุมลึกสุดกลายเป็นเป้าสายตาของทุกคนในร้านอาหารกึ่งบาร์แห่งนั้น
ทั้งนี้เพราะฝ่ายชายคือพระเอกดาวรุ่งผู้โด่งดัง ส่วนฝ่ายหญิงคือนางรองสาวสวยบุคลิกเก๋
หลายคนซุบซิบอย่างแปลกใจถึงท่าทีสนิทสนมที่ทั้งคู่มีให้กัน
บางคนวิจารณ์อย่างคะนองปาก โดยยกข่าวลือเรื่องการเลิกราของฝ่ายชายกับนางแบบสาวสวยคนล่าสุดเมื่อสัปดาห์ก่อนขึ้นมาพูดถึง
อย่างไรก็ตาม คนถูกวิจารณ์ทั้งสองไม่สนใจ ต่างนั่งคุยพลางรับประทานอาหารด้วยสีหน้าผ่องใส
ราวกับมีกันอยู่แค่สองคนในโลก
“สงสัยแฟนใหม่คุณเตแหงๆ”
คนหนึ่งออกความเห็น
“ไม่ใช่มั้ง
ร้อยแก้วเขามีแฟนแล้วนี่ ผู้กำกับละครยังไง ชื่อวาที” อีกคนแย้ง
“แล้วทำไมปล่อยมาอย่างนี้
คุณเตเจ้าชู้จะตาย หนูรุ้งสวยขนาดนั้น ยังทิ้งมาได้ลง”
“ไม่รู้ซียะ” กองขัดขัดต่อ แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นทำตาลอยอย่างชื่นชม “ว่าแต่คุณเตนี่หล่อจริงจังนะ มาดเขาเหลือร้าย ดูท่าจับแก้วเหล้าสิยะ
เท่ซะไม่มี มิน่าสาวๆไล่ตาม ถ้าสวยๆฉันก็คงไล่ตามเหมือนกัน”
บรรดาคนพูดทั้งหลาย
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าแววตาของตินพลเข้มขึ้นนิดๆเมื่อร้อยแก้วหันไปสั่งค็อกเทลเพิ่มเป็นแก้วที่สาม
เธอเบือนหน้ามายิ้มกับเขาอย่างน่ารัก แล้วถามด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง
“เอาอะไรอีกสักแก้วไหมคะ
วิสกี้ในมือจะจืดหรือยัง แก้วเห็นแกว่งมาสักพักแล้ว”
ตินพลหัวเราะ “อย่าดีกว่า
ผมยังต้องขับรถครับ ไม่อยากเป็นข่าวขึ้นหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่ง”
เขามองร้อยแก้วผู้สดสวยอยู่ในชุดกระโปรงสีดำรัดรูปเน้นรูปร่างเพรียวระหง
ดวงหน้าเด่นสะดุดตา เนื่องจากเจ้าตัวยังไม่ได้ล้างเครื่องสำอางออก ดวงตาดำแพรวพราวไล้อายแชโดว์สีดำระบายทับด้วยสีทองเป็นเงา
แลดูลึกลับอยู่ในที ริมฝีปากของร้อยแก้วสวยมาก เต็มอิ่มเหมือนกลีบดอกไม้
ยิ่งเคลือบสีแดงสด ก็ยิ่งดูเย้ายวนชวนค้นหา
ตินพลประสานสายตากับหญิงสาวซึ่งมองตอบเขาอย่างท้าทาย
ท่าทางของร้อยแก้ว เขามองปราดเดียวก็รู้ว่าคิดอะไรในใจ และถ้าเพียงแต่เขาจะตอบรับ
เธอก็คงกลายมาเป็นผู้หญิงคนใหม่ของเขาแทนที่รุ้งพรายได้อย่างภาคภูมิ
แต่ว่า...
แม้ภายนอกจะยังยิ้มแย้มพูดคุยเป็นปกติ
ทว่าในใจ ตินพลกลับรู้สึกถึงเงาของอะไรบางอย่างที่เข้ามาแทรกกลางอย่างเงียบเชียบ
ความรู้สึกนั้นทำให้เขาไม่อาจสนุกได้อย่างที่ควรจะเป็น
เจ้าตัวเองก็ตอบไม่ถูกว่าความรู้สึกนั้นคืออะไร
รู้เพียงว่าบัดนี้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม
ก่อนหน้านี้เขาเคยเริงรื่นไปกับความสาวความสวยของหญิงสาวที่เข้ามาในชีวิต
เคยมองทุกอย่างเป็นกำไร
ความรักของพวกเธอเคยเป็นพลัง...ทำให้เขาเชื่อมั่นในตัวเองและรู้สึกเติมเต็ม
ทว่า มาบัดนี้ไม่ใช่อีกแล้ว
ร้อยแก้วไม่มีท่าทีว่าล่วงรู้ความในใจของชายหนุ่มตรงหน้า
หญิงสาวยิ้มแย้มแจ่มใส แววตาเป็นประกายสุกสว่างเหมือนแสงดาว
เธอรับค็อกเทลสีฟ้าใสจากพนักงานเสิร์ฟ ดื่มรวดเดียวครึ่งแก้ว
ก่อนช้อนตาขึ้นมองเขา
“ปกตินอนกี่โมงคะ”
ตินพลเลิกคิ้ว “ผมนอนดึกอยู่แล้ว
ทำไมล่ะ จะชวนไปฟังเพลงต่อหรือไง”
“เปล่าหรอก
แก้วอยากชวนไปสวนสนุกน่ะ เคยไปหรือยังคะ ดรีมแลนด์แดนหรรษา...เป็นสวนสนุกเปิดใหม่
เปิดถึงเที่ยงคืน แปลกดีเหมือนกันนะ”
“ดรีมแลนด์แดนหรรษา...?”
ตินพลทวนคำ แล้วทันใด[A1] ความทรงจำบางอย่างก็วาบขึ้นมา
ดรีมแลนด์แดนหรรษา...ใช่แล้ว
วันนี้เขานัดกับน้ำหนึ่งว่าจะไปเจอกันที่สวนสนุกแห่งนี้ตอนห้าโมงเย็น นี่ก็...เกือบ[A2] สองทุ่มแล้ว เวรละ
ดันลืมเสียได้!
ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูอย่างร้อนใจ
ก็พบว่ามีสายเรียกเข้าจากน้ำหนึ่งเรียงกันเป็นตับ ทว่าเขาปิดเสียงไว้ เลยไม่ได้ยิน
ซวย...
“น่าสนใจมากครับ”
เขาตอบร้อยแก้ว ซึ่งเบิกตาโตอย่างแปลกใจกับท่าทีร้อนรนของอีกฝ่าย “ผมกำลังอยากไปอยู่พอดี ถ้าอย่างนั้นเราไปตอนนี้เลยแล้วกัน น่าจะถึงราวๆสามทุ่มพอดี
แก้วคงไม่รีบไปไหนนะ นอนดึกอยู่แล้วใช่ไหม”
โดยไม่รอคำตอบ ตินพลหันไปโบกมือเรียกพนักงานที่เดินอยู่แถวนั้น
แล้วเรียกเก็บเงินแทบจะในทันที!
ความคิดเห็น