คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : [BIGGEST LIE] โกหกครั้งที่ 3
บทที่ ๓
ปวดหัวชิบหายเลย
คือความรู้สึกแรกที่ผมได้รับตอนเช้าของวันเสาร์ต่อมา …
รู้ตัวและตื่นจริงๆก็ตอนที่รู้ตัวว่าไม่ได้อยู่ห้องนอนของตัวเอง เตียงสีขาวๆในห้องสีเทาๆของใครบางคน
บ้าชิบ ! กูว่าแล้ว ห้องไอ้พี่ดิน ผมรู้ได้ยังไงน่ะเหรอครับ ก็รู้เพราะมีรูปกรอบรูปเล็กๆของมันกับพี่หลินยืนกอดคอยิ้มแฉ่ง (พี่หลินยิ้มแฉ่ง มันแค่อมยิ้ม) อยู่ข้างเตียงนอน ผมลุกขึ้นจากเตียงมายืนอยู่บนพื้นห้องทันที
ไอ้เหตุผลนี้แหละครับที่ทำให้ผมไม่อยากมางานที่มีไอ้พี่ดิน หรืองานที่จัดที่บ้านมัน
เพราะถ้าหากผมเมาแล้วเกิดบ้ากระโดดเข้าใส่มัน จะไม่มีใครห้ามผม และถึงผมจะชวนเพื่อนมาด้วยมันก็ไม่ได้ห้ามผมไม่ให้ย่องขึ้นห้องไอ้พี่ดินได้เลยสักนิด เพราะมันเองก็เมาเหมือนกัน ให้ผมเดา… ผมคงขึ้นมาเองส่วนคนอื่นๆ นอนตายกันอยู่ข้างล่างอย่างหมดสภาพ …
ฟู่วววว …
ผมถอนหายใจ ดีแค่ไหนแล้วที่ไอ้พี่ดินมันไม่ได้นอนอยู่แล้วข้างบน
แล้วผมย่องขึ้นมาลักหลับมันน่ะ
ผมเดินลากขาเข้ามาในห้องน้ำ ล็อคประตู ยืนหลับตาล้างมือหน้ากระจก ก้มหน้าลงล้างหน้าแล้วก็เงยหน้าขึ้นมองตัวเองในกระจก …
…
…
…..
เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย !
ผมอ้าปากค้าง ไม่ใช่อึ้งที่ตัวเองเปลือยท่อนบนอย่างเดียว แต่อึ้งเพราะรอบๆคอ ลดลงมาบน
หน้าอกจนถึงสะดือ มีรอยจ้ำแดงๆเต็มไปหมด
และแล้วภาพความทรงจำเรื่องเกมส์บอดี้ช็อตส์ก็ไหลกลับเข้ามาในสมองผมคล้ายเทปที่ฉาย
ซ้ำอย่างรวดเร็ว ทุกๆคนทำบอดี้ช็อตส์กันจนถึงผม ทุกๆคนเลือกดื่มแอลกอฮอล์จากมือผม จนกระทั่งถึงตาไอ้พี่ดิน สาวๆเลยพากันตะโกนเชียร์เป็นเสียงเดียวกัน
ถอดเสื้อ!
ถอดเสื้อ!
ถอดเสื้อ !
ไอ้ผมก็เสือกบ้าจี้ถอด แล้วก็เล่นบอดี้ช็อตส์เลเวลโหดกว่าใครอื่น เหตุผลเพราะพวกมันต่างก็
อ้างว่าผมกับไอ้พี่ดินแม่งโสดไม่เห็นต้องไว้ตัว ด้วยความเมาผมก็เลยสมัครใจ
ถ้าจะให้ผมขยายความว่าผมกับไอ้พี่ดินเล่นกันยังไง มันก็เป็นอย่างนี้ครับ…
เริ่มจากมันเลียต้นคอผม … แล้วก็โรยน้ำตาลเอาไว้ตรงนั้น จากนั้นก็กินน้ำตาลที่เดิมอีก
รอบ ก่อนจะลดลงมาดื่มวอดก้าที่หน้าท้องของผม ก่อนจะกลับขึ้นไปแย่งชิ้นมะนาวบางๆที่ผมคาบไว้ด้วยริมฝีปากก่อนหน้านี้
แต่เรื่องของเรื่องคือมันดันไม่หยุดอยู่แค่นั้น …
ก๊อก ก๊อก ก๊อก !
ผมสะดุ้งเพราะเสียงเคาะประตูนั่น ผมเอามือข้างขวาถูๆที่ต้นขอของตัวเองระหว่างที่เปิด
ประตูหวังว่ามันจะหายไปบ้าง แต่ทว่ามันคงจะพาแต่ทำให้มันลุกลามไปใหญ่…
“O_O”
อึ้ง กิม กี่ อีกรอบ เมื่อคนที่เคาะประตูเมื่อกี้คือเจ้าของห้อง หรือเจ้าของรอยที่ถูกฝากไว้บน
รอบๆตัวผมเมื่อคืน สายตาคมกริบเลื่อนมองมือของผมที่วางอยู่บนต้นคอ ก่อนจะเลื่อนลงมาเรื่อยๆ ผมเอามือลงอย่างรวดเร็ว
ผมเคยเปลือยท่อนบนต่อหน้าเพื่อน บ่อยจะตายไป แต่ไม่เคยรู้สึกอายเท่านี้มาก่อนเลยว่ะ
ผมแสร้งหัวเราะแหยะๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“โทษที ขึ้นมานอนบนนี้ได้ไงไม่รู้” ผมก้าวออกมาจากห้องน้ำ
“ขอโทษเหมือนกัน เรื่อง…” มันยกคิ้ว ยกมือขึ้นกวัดแกว่งอยู่ข้างหน้าผม
“…” อ่อ รอยจ้ำแดงๆที่มึงฝากไว้บนตัวกูอ่ะนะครับ
“พอดีเมาไปหน่อย อย่าถือสาละกัน ขำๆ”
ผมเลิกคิ้ว อ้าปากค้างขณะที่มันแทรกตัวเข้าไปในห้องน้ำแล้วก็ปิดประตู
อะไรนะ … เมาไปหน่อย ให้อภัยได้ ผมเองก็เมา ถ้าไม่เมาคงไม่ยอมเล่นพิเรนท์ๆแบบนั้นหรอก
อย่าถือสาละกัน … ไม่ถือสาเลยครับ ไม่สักนิด ผมชอบ ขำๆ… ขำพ่องดิ ผมไม่ขำเฟ้ย !
พอดีเมาไปหน่อย อย่าถือสาละกัน ขำๆ
เป็นคำพูดที่พอมารวมเป็นประโยคเดียวกัน ฟังแล้วกลับขำไม่ออกครับ
มันเจ็บ เจ็บและแค้นมากกกกกกก อยากรู้ไหมครับว่าขำจริงๆมันเป็นยังไง เดี๋ยวผมจะแสดงให้เห็นเองว่าขำจริงๆมันเป็นยังไง
หลังจากเดินลงมาข้างล่าง เห็นสภาพแต่ละคนแล้วก็เมื่อยแทนครับ ไอ้แดนนี่กะไอ้เกดนอน
เอาขาก่ายกันบนโซฟา เอมมี่ บอย กอน กับอลิซก็นอนคอพิงโซฟาอยู่ข้างล่าง บ้างก็นอนหนุนตักกัน ส่วนพี่หลินตัวแสบที่มอมเหล้าผมเมื่อคืนก็คงนอนอยู่ห้องไหนสักแห่งในบ้านหลังนี้
“เชี่ยแดน ไอ้เกด” ผมเดินไปเขย่าไหล่พวกมันสองคนบนโซฟา เกดขยี้ตาตื่นก่อน
“อ้าวต้า ตื่นเช้าจังงง”
“กลับบ้านกัน”
“ไมรีบกลับจังวะ อยู่ต่อไม่ได้เหรอ” ไอ้แดนนี่ประท้วงทั้งๆที่ยังไม่ลืมตา
“จะกลับไม่กลับ ถ้าไม่กลับพวกมึงไม่ต้องมาคบกูเป็นเพื่อน”
พวกมันสองคนสะดุ้งตื่นกันเลยทีเดียว
“เกิดอะไรขึ้น เป็นอะไร อารมณ์ไม่ดีเหรอ” เกดถามตาแป๋ว
“กลับบ้านจะเล่าให้ฟัง” ไม่มีอารมณ์ยิ้มครับ เซ็ง เมื่อย เหนื่อย และอยากกลับไปนอนที่บ้าน
นอนเตียงตัวเอง อยู่ที่ไหนก็ได้ที่ไม่มีคนที่ชื่อดินอยู่ไกล้ๆ
พอมาถึงบ้านปุ๊บ ก็เป็นเวลาสิบโมงกว่าๆพ่อกับแม่อรพากันออกไปจ่ายตลาดข้างนอก ผม
กับพวกมันเลยนั่งคุยกันอยู่ข้างล่างหน้าจอทีวี โดยมีผมนั่งหน้างออยู่ตงกลางพวกมันนั่งขนาบข้างเหมือนเคย
“…ได้ยินแบบนั้นแล้วพวกมึงจะโมโหไหมละ” ผมเลิกเสื้อฮู้ดขึ้น ให้พวกมันเห็นรอยบาง
ส่วนบนต้นคอของผม “กูออกบ้านไม่ได้ไปหลายวันแบบนี้แม่งขำๆเหรอไงวะ”
“เกดเข้าใจนะ แต่ถ้าสมมุตินะ แค่สมมุติเฉยๆว่าพี่ดินแกก็อาจจะชอบต้าเหมือนกันแต่เป็น
พวกขี้อายอ่ะแสดงความรู้สึกไม่เก่ง หรือไม่เขาก็อาจจะไม่อยากให้ใครรู้ก็ได้ว่าเขาชอบผู้ชาย”
“ไม่อ่ะ เป็นไปไม่ได้กูไม่เคยเห็นมันคุยกับผู้ชายคนไหนมาก่อน แล้วก็เป็นไปไม่ได้ที่มันจะมา
ชอบกูด้วย มึงก็รู้ว่าหน้ามันระดับนายแบบ แล้วกูอ่ะคนเดินดินกินข้าวแกงธรรมดาๆ”
“กูว่าเป็นไปได้ว่ะไอ้ต้า เมื่อคืนมึงอาจจะจำไม่ได้ แต่กูจำตอนมึงกับพี่ดินเล่นบอดี้ช็อตส์ได้ พี่
แกแม่งเล่นเลยเถิดสุดๆ”
“ก็คงไม่เลยหรอกถ้าต้าไม่ดึงพี่เขาเอาไว้ด้วย…” พูดเฉยๆไม่พอ ไอ้เกดยังมีการยกมือขึ้นมา
ทำเหมือนกอดอากาศให้ดูอีกด้วย
“ถ้าพวกกูไม่แยกพวกมึงออกจากกันนะ…”
“พอ!”
ผมหลับตา นับหนึ่งถึงสามซ้ำไปซ้ำมาในใจ
“พอแล้ว กูไม่อยากได้ยิน”
“…” มันสองคนมองหน้ากันแล้วก็ยิ้มให้กันอย่างมีเลศนัยข้ามหน้าข้ามตา ข้ามหัวผมที่นั่ง
อยู่ตรงนี้ พวกมึงครับ ถ้าพวกมึงจะนินทากูด้วยรอยยิ้มที่รู้กันแบบนั้น มึงพูดออกมาเลยดีกว่า
“ไม่รู้แหละ กูไม่ยอมอยู่เฉยๆแน่ ใครหน้าไหนที่รุกรานเขตแดนกูแล้วเห็นว่าเป็นเรื่องขำๆ ไม่มี
ทางได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขแน่”
2 วันต่อมา
09.34 น.
From I’Gorn – งานศุกร์ที่แล้วสนุกดีเนอะ วันหลังมาปาร์ตี้ด้วยกันอีกนะ
To I’Gorn – กูไม่หนุก วันหลังไม่ต้องชวนกู ขอบใจมาก
From I’Gorn – 555 โดยฉเพาะบอดี้ช็อตส์
To I’Gorn – ถ้ามึงพูดเรื่องนั้นขึ้นมาอีก มึงระวังหลังเอาไว้ดีๆ
From I’Gorn – 55555555555
To I’Gorn – พ่อกูเคยสอน ‘วิธีซ่อนศพแบบไม่ให้มีใครหาเจอ’ เอาไว้
From I’Gorn – 55555555555 กลัวจนหัวหดแล้วเนี่ย
To I’Gorn – จริงๆนะ อย่าชวนกูอีก กูไม่ไปปปปปปปป
From I’Gorn – ไอ้ดินก็บอกอย่างนี้ 555555
13.55 น
From P’Lin – รู้ไหมว่าทำไมวันนี้ดินถึงได้หน้าหงิกทั้งวัน?
ทำไมทุกคนต้องมารายงานเรื่องชีวิตประจำวันมันให้ผมรู้ด้วยเนี่ยยย
To P’Lin – ทำไมครับ?
From P’Lin – ใครก็ไม่รู้น่ะสิ เอาลูกปิงปองมาเทใส่ห้องดินเต็มไปหมดเลย พอเปิดประตูห้องออกมานะ ลูกบอลไหลโครมร่วงลงบรรไดมาเต็มเลย
To P’Lin – 555 สมน้ำหน้า ถ่ายรูปมาให้ดูหน่อยได้ไหมครับ
From P’Lin –
ผมมองดูภาพไอ้พี่ดินกับไอ้กอนช่วยกันตักลูกปิงปองใส่ถุงอย่างหน้าดำคร่ำเครียดแล้ว
ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาคนเดียว ช่วยไม่ได้ว่ะ เล่นกับใครไม่เล่น ดันมาเล่นกับคนอย่างไอ้ต้า
เมื่อวานนี้ผมไอ้เกดแล้วก็แดนนี่พากันไปซื้อลูกปิงปองจากโรงงานมาหลายลังเชียวครับ 555 แล้วก็พากันปีนหน้าต่างขึ้นห้องมัน
From P’Lin – ฝีมือเราใช่ไหม แสบนักนะ
To P’Lin – เห้ยยย ใช่ที่ไหน น้องพี่ไปสร้างศัตรูไว้ที่ไหนหรือเปล่า
From P’Lin – 555 ศัตรูหัวใจก็พอจะมีอยู่นะ
To P’Lin – ใครวะพี่ ศัตรูหัวใจ
From P’Lin – กำ ดินเห็นพี่ยิ้มกับโทรศํพท์คนเดียวเลยหันมามอง
To P’Lin – ???
From P’Lin – มันจะแย่ง หเทาสทดเกทาเท
อะไรวะ ผมอ่านไม่เข้าใจ แต่หลังจากนั้นพี่แกก็ไม่ได้ส่งข้อความอะไรมาอีก ผมก็เลยนั่งเล่น
เกมส์อยู่บนเตียง จนกระทั่งสองชั่วโมงต่อมา เสียงก๊อกแก๊กบริเวณหน้าต่างห้องผมก็ดังขึ้นตามด้วยเสียงตุ๊บเหมือนคนกระโดดลงมา พอผมหันไปมอง… เชี่ยและ !
ผมวางคอนโทรล ยืดตัวขึ้นยืนมองไอ้พี่ดินตื่นๆ กงเกมส์อะไรไม่สนใจแล้ว รู้แต่ว่าไอ้พี่ดินแม่
งเสือกบุกเข้ามาในห้องผม พี่แกเล่นมองผมเหมือนอยากจะฉีกผมเป็นชิ้นๆ อย่าบอกนะว่ารู้แล้ว
“ปีนหน้าต่างเข้ามาในห้องผมทำไมเนี่ย!?”
มันเดินจ้ำๆไม่กี่ก้าวก็มาพิชิตตัวผมได้แล้ว เพราะผมเดินถอยหลังไม่ทัน
“แล้วนายทำอะไรไว้ล่ะ ไม่ใช่ว่าปีนเข้าไปห้องฉันเหมือนกันเหรอ”
“ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร ไม่รู้ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย” ผมทำหน้าไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เดาเอาว่าฝ่าย
ตรงข้ามคงอยากหักคอผมเต็มทนแต่ก็อดกลั้นเอาไว้พร้อมกับคำรามในลำคอเบาๆ ก่อนจะรวบเอวผมขึ้นพาดบ่า
“เห้ยจะทำอะไร ปล่อยผมลงนะเว้ยยย!” ผมดิ้นสุดกำลังแต่ก็ไม่เป็นผล
มันวางผมลงบนเก้าอี้คอมพ์ฯในห้อง กดตัวผมเอาไว้ไม่ให้ลุกขึ้นในขณะที่มันควานหาเชือกที่เตรียมมาด้วยออกมาจากกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ต
“…” มันยกยิ้มก่อนจะรัดตัวผมกับเก้าอี้ด้วยเชือกหนาๆนั่นอย่างหนาแน่น
“ทำงี้ไม่ได้นะเว้ยยย ปล่อยยยยย” ผมตะโกนด่าจนหน้าดำหน้าแดง แต่มันสนไหม ไม่สน
“บุกรุกเข้าบ้านคนอื่น ไม่แจ้งตำรวจจับก็บุญแล้ว” มันชี้หน้าผม
“โอ้โห ขอบคุณมากเลยครับ ซึ้งใจจริงๆ พี่นี่เป็นคนที่จิตใจงามอะไรเยี่ยงนี้” ผมประชด ช่าง
เป็นพี่ที่ห่วงใยน้องอะไรอย่างนี้ แทนที่จะแจ้งตำรวจจับดันมันจับผมเอาไว้ด้วยตัวเองแบบนี้เนี่ยนะ !
“ทีนี้ก็จำไว้ ว่าอย่าเอาลูกปิงปองไปเทใส่ห้องใครเล่นอีก ถ้าจะซื้อมาเยอะขนาดนั้น เอาไป
บริจาคตามโรงเรียนดีกว่า” มันนั่งลงกับพื้น จนหน้าเราอยู่ในระดับเดียวกัน
“ครับพี่ครับ ผมรู้แล้วว่าพี่ใจบุญ ทีนี้ก็แก้มัดได้แล้วครับ”
“ไม่รู้สินะ วันนี้ว่าจะขอให้พ่อนายกับแม่ฉันไปซื้อของข้างนอกสักหน่อย คงจะกลับดึกๆ”
ผมอ้าปากค้าง ไม่ … ไม่นะเว้ยยยยย เพราะถ้ามันไม่แก้มัดให้ผม และถ้าพ่อกับแม่อรไม่กลับมาเร็วๆนี้ ผมก็ต้องนั่งติดกับเก้าอี้นี่ไปอีกหลายชั่วโมง
“ไอ้พี่บ้า! ไอ้โรคจิต”
“ว้า… เกือบจะใจอ่อนแก้มัดให้อยู่แล้วเชียว” ผมกัดฟันกรอดดดด ไอ้พี่เวรนี่แม่งงงง กวนตีน
จริงๆเลยโว้ยยย
“เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆนะโว่ย”
มันเลิกคิ้ว “เหรอ งั้นก็รีบๆเริ่มจากแก้มัดให้ได้ก่อนนะไอ้เปี๊ยก” มันเอามือขยี้หัวผม ยิ้มอย่าง
พอใจ แล้วก็เดินบิดตูดออกจากห้องไปอย่างไม่เร่งรีบ ผมเม้มปากแน่น กลัวว่าจะหลุดพ่นคำด่าออกไป แต่สุดท้าย “เปี๊ยกพ่อง!” มันหันขวับกลับมาตาเขียวปั๊ดเหมือนหมาโดนเหยียบหาง
“ว่าไงนะ” มันเอามือหนาๆมาบีบปากผมราวกับจะรีดพิษสุนัขบ้าออกไปให้หมด
“เอี๊ยกอ้องอิ” มันมองผมด้วยสีหน้าที่ซีเรียสยิ่งกว่าเดิม
แล้วมันก็ถีบเก้าอี้คอมพ์ที่ผมนั่งอยู่จนร่วงลงไปชนกับพื้นแข็งๆดัง ปัง!
“โอ้ยยย ไอ้เ-ยยยย” ผมร้องโอดโอยเพราะจุกอย่างแรง คิดแล้วก็ไม่เข้าใจว่าไปหลงสเน่ห์ไอ้
คนป่าเถื่อนชอบใช้ความรุนแรงอย่างมันได้ยังไง
“เจอแบบนี้ซะบ้างจะได้หายซ่า” มันพูดอย่างมีความสุขแล้วก็ออกจากห้องผมไป
เมิงนะเมิงงงง แค้นนี้ต้องชำระ!
“ก็มึงอ่ะ ด่าอะไรไม่ด่าไปด่าพ่อพี่แกก็เลยเจองี้ไง” ไอ้กอนว่าขณะช่วยแก้มัดให้ผม
ถามว่ามันมาช่วยผมได้ไงอ่ะเหรอครับ ผมโทรหาใครไม่ได้ ส่งข้อความหาใครก็ไม่ได้เพราะแขนถูกมัดติดกับเก้าอี้ ดีนะที่ไอ้กอนมันแอบตามไอ้พี่ดินมา
“ทำไมวะ”
“ก็พ่อมันตายแล้ว มึงไม่รู้เหรอ” อ้าว เวรละ จริงด้วย ผมก็ลืมไป มิน่าล่ะมันถึงได้กลับมาถีบ
เก้าอี้ผมเสียหงายหลังขนาดนั้น
“เออว่ะ นี่กูผิดใช่มั้ย กูไม่ได้ตั้งใจนะเว้ย ใครๆเขาก็ด่าพ่อกันทั้งนั้น กูพูดไปไม่คิดอ่ะ กูมัน
ปากหมาเองใช่มั้ย”
“เห้ยๆ ใจเย็นๆ กูยังไม่ได้ว่าอะไรเลย จะโวยวายทำไมนักหนา ทำยังกับมึงแคร์งั้นแหละว่าไอ้
ดินจะรู้สึกยังไง” ผมเบิกตากว้าง ไอ้เชี่ยนี่พูดแทงใจดำ
“เปล่า แคร์อะไร คนอย่างกูอ่ะนะจะแคร์ กูไม่แคร์”
มันเลิกคิ้วเหมือนจะล้อเลียน ไอ้เวรนี่ รู้จักกันแปปเดียวเหมือนซี้ผมมาตั้งแต่ชาติปางไหน
“ไม่จริงๆนะเว้ย ไม่รู้แหละตอนนี้มึงเป็นหนอนให้กูละ เอาคืนครั้งหน้ามึงต้องช่วยกู”
“อ้าว กูไปตกลงเป็นหนอนให้มึงตอนไหนเนี่ย”
“ก็ตั้งแต่ที่มึงแก้มัดให้กูเนี่ย” มันแก้มัดเสร็จแล้วลุกขึ้นยืน ก่อนจะหันมาช่วยดึงผมให้ลุกขึ้น
แม่งเอ้ยย เมื่อยแขนชิบหายอะครับ
“ซะอย่างงั้น มึงนี่จริงๆเลย” มันหัวเราะ
“ตกลงจะช่วยไม่ช่วย”
“ช่วย” 555 ไอ้นี่
“ใจง่ายจริงนะมึงเนี่ย” ผมล้อเลียน กล่อมหน่อยก็ยอมแล้ว ไอ้นี่น่าคบเป็นเพื่อนเป็นฝูง
“นานๆทีเห็นไอ้ดินถูกแกล้งก็สะใจดีเหมือนกัน อีกอย่างกูอยากจะรู้เหมือนกันว่าเรื่องนี้มันจะ
จบยังไง”
“งั้นก็ดี ตอบแทนที่มึงช่วยกู ดวลกับกูซักตามั้ย” ผมชี้ไปที่ xbox ในห้อง มันเหลือบ
มองกล่องเกมส์ทั้งหลายแล้วหันมายิ้มให้ผม
“นึกว่าจะไม่ชวนซะแล้ว”
1 ชั่วโมงต่อมา
ไอ้เกดกะแดนนี่เดินพรวดพราดเข้ามาในห้องผมพร้อมกับถุงขนมเต็มไปหมด ไอ้พวกนี้ไม่
ต้องกดออดหรือรอให้ลงไปเปิดประตูเชิญเข้ามาก็ได้ครับ ได้รับอนุญาติจากผมแล้วจะเข้าจะออกข้างนอกข้างในก็แล้วแต่พวกมันเลย
“นี่พวกมึงสนิทกันตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย” ไอ้กอนเงยหน้าขึ้นยิ้มๆให้ไอ้แดนนี่ที่ยังยืนอึ้ง มือถือ
ถุงน้ำอัดลม
ผมกับไอ้กอนหันมองหน้ากันยิ้มๆ
“เรื่องมันยาว พวกมึงมาก็ดีแล้ว กูจะได้บอกแผนการต่อไป”
ความคิดเห็น