NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลวงรักจิตเสน่หา (ฉบับรีไรต์) -ซีรีส์ลวงรัก-

    ลำดับตอนที่ #3 : 2-1 คำเตือนจากเพื่อนสาว (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.12K
      14
      15 พ.ค. 67

    ในเมืองที่เคยคลาคล่ำไปด้วยผู้คนปรากฏความเงียบสงัด คล้ายกับว่าจะกลายเป็นเมืองร้างจึงไม่มีแม้รถยนต์สักคันปรากฏให้เห็น

    นวีนา นึกไม่ออกว่าเพื่อนรักจะพาไปไหน ยังมีเรื่องน่าประหลาดใจเสียจนเธอต้องชะเง้อคอมองไปรอบ ๆ โดยที่ยังเดินตามสาวร่างบางในเสื้อยืดกางเกงยีนซีดเก่า บนทางเท้าก่อด้วยอิฐแดง จับกุมมือกันแน่น ก้าวไว ๆ ผ่านทางเดินมืดแคบ ออกไปยังถนนอีกเส้นหนึ่ง ถัดจากตรอกเล็ก ๆ ด้านหลังมหาวิทยาลัย

    ลิลลี่เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนตั้งแต่ไฮสคูลในสหรัฐฯ ที่ไหนมีลิลลี่ จะมีไมค์เสมอ แต่ไหนแต่ไรเธอให้ความไว้วางใจทั้งสองคนเป็นอย่างมาก มองตาก็รู้ใจว่าพวกเขาจะทำอะไร ขณะที่บรรยากาศเปลี่ยนไปจากถนนเส้นก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง โดยรอบถนนสองเลน ตลอดสองข้างทางรายล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่ มีไฟส่องสว่างเพียงน้อยนิด โคมไฟสูงตามรายทางติด ๆ ดับ ๆ

    เพื่อนสาวเอาแต่เดินเร็ว เหมือนรีบไปที่ไหนสักแห่ง ดึงข้อมือเรียวให้คนข้างหลังต้องก้าวตาม นวีนาส่ายคอมองซ้ายขวาโดยไม่ถามอะไร รู้ตัวอีกทีก็มาถึงร้านอาหารไทยย่านสุขุมวิทที่เน้นการประดับประดาด้วยโทนขาวสไตล์วินเทจ ต้นลีลาวดีตระหง่านตาหน้าทางเข้า ครอบครัวของเธอมักจะมารับประทานอาหารที่นี่อยู่บ่อยครั้ง เอ๊ะ...! นี่เธอไม่ได้อยู่ในอเมริกา?

    “ระวังตัวด้วยนะวี อย่ามาที่นี่... ฉันต้องไปแล้ว...”

    “จะไปไหนลิลลี่ เป็นอะไรของแกทำไมไม่หันมาคุยกันดี ๆ” มือเรียวกระตุกดึงบ่าเพื่อนอย่างเสียอารมณ์ ด้วยความที่เดินตามมาได้สักพัก โดยอีกคนไม่ยอมบอกอะไรเลย ทันใดนั้นเอง ศีรษะร่องแร่งเหวี่ยงกลับมาตามแรงแขน เลือดแดงฉานไหลย้อยจากหน้าผาก สาดกระเซ็นใส่เสื้อยืดขาวกางเกงยีนจนเปรอะเปื้อน เธอหน้าตะลึงมองเพื่อนรักในสภาพสยดสยอง

    “กรี๊ด!” หวีดร้องเสียงแหลม ลืมตาพรึบมองเพดานในห้องนอนเย็นเฉียบจากอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศ หน้าผากยันท้ายทอยแซมด้วยเม็ดเหงื่อ

    ฝันไปหรือนี่!

    ลมเย็นยะเยือกพัดผ่านใบหน้าสดสวยที่ซีดขาวราวกระดาษ ริมฝีปากอมแดงอมชมพูพ่นลมหายใจหนัก พลันภาพสยดสยองในความทรงจำพาลให้หลุดพ้นจากอาการงัวเงียในระยะเวลาสั้น ๆ แม้ยังคงรู้สึกหนาววูบไปทั่วเรือนกาย เธอลุกขึ้นนั่งเอื้อมมือไปหยิบกรอบรูปข้างเตียงมาดูเหมือนทุกวัน

    สวนหย่อมร่มรื่นหน้ามหาวิทยาลัยเมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ ในวันรับปริญญาอากาศสดชื่นแจ่มใส แฝดคนพี่ยืนฉีกยิ้มกว้างโอบไหล่แฝดน้อง ด็อกเตอร์สาวยืนอยู่ระหว่างกลางข้างหลังทั้งสอง ชุดครุยคนละสีเพราะเป็นคนละระดับปริญญา จำได้ว่าเธอเรียนจบก่อนเพื่อน ๆ อายุไล่เลี่ยกัน รวมถึงไมค์กับลิลลี่ พวกเขาพยายามเป็นอย่างมากเพื่อให้สามารถเรียนที่เดียวกับเธอได้

    “ขอโทษนะลิลลี่ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะกรี้ดใส่หน้าแกจริง ๆ”

    น่าเสียดายที่คำขอโทษของเธอคงไปไม่ถึงเพื่อน หลังสงบสติอารมณ์ลง เลื่อนปลายนิ้วไปสัมผัสใบหน้าเล็กจิ๋วของชายหนุ่มในรูปถ่าย นัยน์ตากลมโตภายใต้ขนตางอนเป็นแพมีน้ำหยดใสเกาะกุม

    สองปี...

    มันผ่านมาตั้งสองปีแล้ว...

    “คุณอยู่ที่ไหนนะไมค์...” ในน้ำเสียงเศร้าหมองระทมทุกข์ เธออดไม่ได้ที่จะนึกถึงช่วงเวลาสนุกสนาน ความผูกพันระหว่างเธอและแฝด เดวย์น โดยเฉพาะแฝดคนพี่

    ทำไมแม่เธอถึงไม่ยอมรับไมค์ ลิลลี่ เพราะพวกเขาเป็นเด็กกำพร้าแค่นั้นเองหรือ? แม่พูดเสมอว่าพวกเขาไม่มีหัวนอนปลายเท้า ลูกเต้าเหล่าใครก็ไม่รู้...

    คิดไปก็เท่านั้น นวีนาส่ายศีรษะไปมาสลัดความฟุ้งซ่าน ลุกเข้าห้องน้ำไปจัดการกับตัวเองให้เรียบร้อยในระยะเวลาสั้น ๆ หยิบเสื้อเชิ้ตลายสก็อตเข้ากับกระโปรงเรียบร้อยมาสวม คลุมทับด้วยเสื้อสูทและกระเป๋าสะพายแบรนด์เนม

    ด้วยผิวพรรณขาวผุดผ่องเป็นธรรมชาติทำให้เธอไม่ต้องทำอะไรมาก แม้สองปีมานี้แก้มเนียนใสจะซูบตอบลง น้ำหนักหายไปเกือบห้ากิโลฯ เส้นผมแตกปลายไร้น้ำหนักเพราะไม่ได้รับสารอาหารเพียงพอต่อร่างกาย เธอดูเหมือนคนป่วยที่ยังคงสวยสง่าทุกกระเบี้ยดนิ้วอย่างลูกผู้ดีมีเงิน แค่รองพื้นกันแดด ทาแป้งเขียนคิ้วสักหน่อยเธอก็ออกจากบ้านได้สบาย ๆ อย่างที่หลายคนชื่นชมว่าดอกเตอร์สวยไร้ที่ติ เหมาะจะเป็นนางเอกละครมากกว่ามายืนถือไม้บาตองคุมวงออเคสตร้าหรือเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย

    ใจนึกขอบคุณผู้ให้ความงามแต่กำเนิด ไม่ต้องไปขึ้นเขียงหมอเหมือนบรรดาเพื่อนฝูงรุ่นเดียวกัน ไม่เสียเวลาแต่งหน้าทำผมนาน ๆ หลายชั่วโมง พอดีกับที่เสียงคุณแม่ดังผ่านบานประตูไม้สัก ด้วยความเป็นห่วงลูกสาว

    วี ลูก... ลงมากินข้าวเช้าได้แล้วนะ ตื่นรึยัง?”

    “แต่งตัวแล้วค่ะ กำลังจะลงไป”

    “เร็ว ๆ หน่อยลูก มี๊หิวค่ะ”

    ช่วงนี้คุณแม่ไม่มีธุระในต่างประเทศ เลยนั่งรอลูกสาวมารับประทานอาหารเช้าด้วยกันแทบทุกวัน นี่ตั้งแปดโมงเช้าแล้วเห็นลูกยังไม่ลงมา แถมลูกสาวคนเดียวของบ้าน พิชยเดชาหน้าตาคร่ำเครียด หอบความกังวลใจมาถึงห้องรับประทานอาหาร พอพบคุณแม่ก็แสร้งทำเป็นยิ้มกลบเกลื่อน

    “กับข้าวเต็มโต๊ะ บ้านย่าชมเอาขนมปังมาฝากหรือมี๊?” ถามพลางกวาดสายตามองอาหารบนโต๊ะไม้ตัวใหญ่ในห้องกว้าง มีขนมไทยฝีมือมารดา เบเกอรี่หลายอย่าง ทั้งขนมปังฝรั่งเศส เครื่องเคียงเป็นเนยแข็งที่แม่บ้านนำมาจากบ้านใหญ่ซึ่งอาศัยพึ่งพากัน เช้า ๆ จะมีแม่บ้านนำกับข้าวมาฝาก หากทานไม่หมดก็นำไปให้แม่บ้าน ให้คนขับรถไปแบ่งกันรับประทานต่อ

    “ย่าชมไปเซ็นทรัลวันก่อนน่ะ ซื้อขนมปังมาเยอะ ป้าเอี่ยมเอามาให้บ้านเราเมื่อเช้า หนูกินเยอะ ๆ นะ”

    คุณแม่กำชับ ได้แต่หวังว่าลูกจะทานเยอะหากได้ยินว่าคุณย่าที่เธอเคารพรักฝากแม่บ้านนำอาหารมาเผื่อเธอ เพียงหยิบขนมปังแผ่นเดียว ตามด้วยกาแฟ

    ลูกสาวหยิบหนังสือพิมพ์มาอ่าน หลังจากที่ก้มหน้ากดมือถืออยู่สักพัก เพื่อหาข่าวของตัวเองและคุณแม่ นอกเหนือจากที่มีเลขานุการคอยรายงาน เป็นกิจวัตรอีกอย่างหนึ่งของเธอ คอยช่วยงานบริษัทอยู่บ้างนาน ๆ ครั้ง ด้วยความที่เธอเองก็มีเรื่องต้องทำ มีงานประจำเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย

    พูดถึงวงการเซเลบเมืองไทย นามสกุลดัง ‘พิชยเดชา’ เจ้าแม่สินค้าแบรนด์เนมเพื่อสุภาพบุรุษและสตรี บริษัท ‘JiDaPa’ เป็นของคุณนายจิดาภารวมไปถึงธุรกิจความงามในเครือ จากที่มีกำไรเล็กน้อยในรุ่นบิดาผู้เคยบริหารไว้ บัดนี้เติบใหญ่กลายเป็นธุรกิจที่ทำรายได้มหาศาล ด้วยฝีมือของหญิงม่ายที่เปลี่ยนการสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิตให้กลายเป็นโอกาส

    “อ่านข่าวอะไรอยู่ลูก?”    

    “คะ...?”

    คนที่เพิ่งหลุดจากภวังค์พลิกหนังสือพิมพ์กลับหัวให้เข้าที่ ปรายตาไปยังข่าวคอลัมน์ใหญ่ในหน้าแรก กระแอมไออ่านเสียงดังฟังชัดอย่างนักข่าวสาวในยามเช้า

    “อะแฮ่ม! สามโจรโฉดเจอดี ควงสปาต้าปล้นหมอโหด โดนกระทืบหวิดดับ”

    หัวข้อข่าวประหลาดควรเป็นที่ฮือฮาในโซเชียล คุณแม่กลับไม่สนใจ ดวงตาคู่สวยใต้อายไลเนอร์คมกริบ หรี่มองหนังสือพิมพ์เล่มหนาที่ตั้งฉากกั้นระหว่างเธอและลูกด้วยความเป็นกังวล มือปัดมันออกไปอีกทาง

    “เมื่อเช้าหนูฝันร้ายอีกแล้วนะลูก มี๊ว่าเราไปลองเข้าคอร์สบำบัดดีมั้ย?”

    “บำบัดความงามเหรอ? มี๊... ดีเหมือนกัน ช่วงนี้เราสองคนไม่ค่อยได้ไปเสริมสวยกันเลยเนอะ”

    “มี๊ไม่ได้พูดเล่น หยุดนอกเรื่องเลย ไปหาหมอกัน”

    “วีสบายดีค่ะ”

    ลูกไม่สบาย มี๊บอกหลายทีแล้วนะ ไปหน่อยเถอะนะลูกนะ ไปให้มี๊สบายใจหน่อย

    วีเพิ่งตรวจสุขภาพประจำปีที่มหาลัยมาเอง วีสบายดี มี๊เชื่อสิ เอาใบรับรองแพทย์ให้ดูเลยก็ได้

    คิดว่าไปเป็นเพื่อนมี๊ก็ได้ เนี่ย มี๊อยากไปลองชมกิจกรรมที่ทางโรงพยาบาลเขาจัด บำบัดเรื่องการนอนก็มี แล้วเผื่อว่าบางทีนะ มี๊อาจจะได้หุ้นส่วนเพิ่ม...

    “มี๊ก็อ้างไปเรื่อยอะ”

    “โธ่... ลูก ทำไมคิดแบบนั้น ไปเป็นเพื่อนมี๊หน่อยไม่ได้รึไง เมื่อก่อนลูกไม่เคยดื้อกับมี๊เลยนะ”

    มี๊... ธุรกิจเรามันเป็นเรื่องแฟชั่นสาวอินเทรนด์ มี๊จะไปถือหุ้นอะไรที่โรงพยาบาล

    หม่ามี๊ของเธอเฉไฉไปเรื่อยจริงๆ! ลูกสาวได้แต่แอบบ่นในใจ จนปัญญาจะเถียงมารดา มือคว้าขนมพอดีคำบนโต๊ะมาชิมพลางคลี่ยิ้มหวาน

    “พายนี่อร๊อย อร่อย ฝอยทอง ทองหยอด ทองหยิบนี่ก็น่าหยิบมาดม ใครทำน้า” แล้วเริ่มหยอกล้อด้วยการหยิบขนมมาเปรียบเทียบกับบรรดาหนุ่ม ๆ ในมือ “เอ... เลือกเอาสักคนดีไหมคะ วันก่อนคุณนายพูดถึงคุณหมอสุดหล่อใจดีรักเด็ก ยังกับว่าหลุดออกมาจากนิยาย วันนี้อยากได้ลูกเขยเป็นคุณชาย ตายละ ฉันปวดหัว ลูกสาวคุณนายจิสวยเลือกได้”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×