ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Reborn Hero - เกิดอีกที ครั้งนี้ต้องลุย

    ลำดับตอนที่ #28 : ตอนที่ 26 : ลาก่อน ลืม

    • อัปเดตล่าสุด 13 มี.ค. 65


    นาวินและกลุ่มของเขาเผชิญหน้ากับนายแสนที่ตอนนี้ได้กลายเป็นภูติผู้เกิดใหม่เรียบร้อยแล้ว ทั้งสองฝ่ายกำลังจ้องกันอย่างดุเดือดพร้อมจะต่อยตีกันทุกเมื่อ

    “นี่ แกเข้ามาในนี้ได้ยังไง??” นาวินตะโกนถามไป

    “ฉันก็สัมผัสได้เหมือนพวกแก ฉันมีพลังแบบพวกแก งานนี้ฉันขอดวลกับอากิระคนเดียว ใครที่ไม่เกี่ยว ถอยไป!!” นายแสนตะโกนออกมา และในตอนนั้น ตัวของอากิระก็เก็บปืน จากนั้นก็เดินออกมาเผชิญหน้ากับนายแสนในทันที

    “ก็ได้ ทุกคนถอยไปครับ” อากิระพูดขึ้น จากนั้นไม่นานทุกคนก็เดินถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็ว ตัวของนาวินเอาอุปกรณ์ของเขาให้อากิระ ประกอบไปด้วยสนับมือกลและเสื้อเกราะของเขา เอาให้อากิระใส่

    “พี่ ผมว่า..” อากิระยังพูดไม่ทันจบ

    “เอาน่า นายต้องใช้มัน” นาวินพูดขึ้น อากิระในตอนนั้นก็รีบใส่สนับมือกับเสื้อเกราะของนาวินอย่างรวดเร็ว และเมื่อใส่เรียบร้อยแล้ว นายแสนก็แปลงร่างและวิ่งเข้าจู่โจมอากิระอย่างรวดเร็ว 

    “หวืบ!!”

    อากิระหลบการโจมตีของนายแสนได้อย่างรวดเร็ว แต่นายแสนก็ยังไม่ลดละวิ่งเข้าใส่อากิระต่อ

    “ย้าก!!”

    “ตุ๊บ!!”

    อากิระต่อยนายแสนเข้าไปที่หน้าอก ทำเอานายแสนถึงกับจุกไป 

    “ไอ้ระยำ อย่าคิดว่ากูจะยอมง่ายๆนะ!!”

    นายแสนวิ่งเข้าไปแล้วใช้สันไหล่ของเขาชนอากิระ แต่อากิระก็ใช้สนับมือของเขายันไว้ได้ จากนั้นก็ต่อยหน้าของนายแสนจะกระเด็นลงพื้น

    “มึงนี่มันน่าสมเพชจริงๆ ขนาดเป็นผู้เกิดใหม่แล้วก็ยังทำอะไรไม่ได้เลย ไอ้ขี้แพ้!!” อากิระตะโกนออกมา

    “ไอ้ระยำ คิดว่าจะสู้กูได้เหรอ??”

    นายแสนคราวนี้พุ่งเข้าไปโจมตีอากิระต่อ แต่คราวนี้ดูเหมือนว่านายแสนจะโจมตีอากิระอย่างบ้าคลั่ง และไม่คิดหน้าคิดหลัง บางการโจมตีดูจะสะเปะสะปะ ทำเอาอากิระจับจุดได้ เขาปล่อยให้นายแสนจู่โจมไปราวกับคนบ้า จากนั้นไม่นาน อากิระก็กระโดดตะครุบตัวของนายแสนจับเอาไว้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ค่อยๆต่อยไปตามร่างของนายแสนจนน่วม และไม่นานนัก ตัวของนายแสนก็ค่อยๆคืนร่างเดิมอย่างรวดเร็ว โดยที่อากิระก็ปล่อยให้นายแสนนอนไปแบบนั้น

    “ไอ้ระยำเอ้ย แปลงร่างสิวะ!!” นายแสนพูดขึ้นและพยายามจะแปลงร่าง แต่ด้วยบาดแผลที่อากิระทำกับนายแสน ทำเอานายแสนแทบจะลุกไม่ขึ้น 

    “เฮ้อ จบซะทีสินะ” อากิระพูดขึ้น และไม่นานนัก นายลืมก็รีบวิ่งมาหาทุกคนอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็มาพูดกับทุกคน

    “พี่ๆ พวกมันจับผมไว้ พวกมันอยู่ด้านโน่น!!” นายลืมพูดขึ้น แต่ในตอนนั้นเอง ตัวของนายแสนก็ใช้แรงเฮือกสุดท้ายกระโดดใส่คนที่อยู่แถวนั้น แต่นายลืมเห็นก่อนจึงเอาตัวมารับไว้แทน จากนั้นนายแสนก็ค่อยๆกินร่างของนายลืมอย่างรวดเร็ว นายลืมร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด อากิระโกรธมากจึงกระชากตัวของนายแสนมา จากนั้นก็กระหน่ำต่อยนายแสนไปอย่างไม่ยั้งมือ ส่วนคนอื่นๆก็รีบมาช่วยดูอาการของนายลืมที่เลือดท่วมร่างอย่างรวดเร็ว

    “รีบพาเขาเข้าไปห้องรักษาเร็ว!!” ดันเต้พูดขึ้น จากนั้นนาวินก็แบกร่างของนายลืมเข้าไปในห้องรักษาอย่างรวดเร็ว ส่วนอากิระก็ต่อยนายแสนจนนอนแน่นิ่งไป จนกระทั่งคนอื่นๆก็มาห้ามเอาไว้ ก่อนที่อากิระจะทำอะไรไปมากกว่านี้

    “เย็นไว้ก่อนสิอากิระ!!” เวียนพูดขึ้นพลางเอาตัวเขาขึ้นมา 

    “จับตัวไอ้บ้านี่ไปก่อนเถอะค่ะ” อีสครินน่าพูดขึ้น จากนั้นลูอีสและคนของเขาก็ช่วยกันเอาร่างของนายแสนไปในทันที ส่วนคนอื่นๆก็รีบไปที่หน้าห้องพยาบาลที่นายลืมรักษาตัว พวกของนาวินพากันรอผลอย่างใจจดใจจ่อ แต่ไม่นานนัก ตัวของดันเต้ก็เดินออกมาจากห้องทำแผล แล้วก็มาคุยกับทุกคน

    “นายลืมจากเราไปแล้ว” ดันเต้พูดขึ้น ทำเอาทุกคนในตอนนั้นถึงกับเศร้าสร้อย โดยเฉพาะอากิระที่นั่งทรุดลงไปกับพื้น อีสครินน่ารีบเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว จากนั้นไม่นานพร้อมกับออกมาพร้อมพลังสีทองอะไรบางอย่าง ตัวของเธอท่องมนต์พร้อมกับเผาพลังนั้นทิ้งไปอย่างรวดเร็ว

    “นี่ ทำอะไรของคุณหน่ะ??” พัตติยาถามไป

    “เราต้องทำลายดวงจิตเทพ ก่อนที่พลังนั้นจะย้ายไปเข้าร่างอื่นหน่ะ” อีสครินน่าพูดขึ้น

    “เรามาช่วยกันทำศพให้นายลืมดีกว่านะครับ” นาวินพูดขึ้น ในขณะที่อัญชันก็ได้แต่นั่งปลอบอากิระไป

    “ไม่เป็นไรนะอากิระ นายทำดีที่สุดแล้ว” อัญชันพูดขึ้น และไม่นานนัก ลูอีสก็กลับมาหาทุกคนอย่างรวดเร็วเพื่อมาคุยด้วย

    “ทุกคนครับ ผมจับไอ้หมอนั่นล่ามเอาไว้แล้ว มันไม่มีทางหนีไปไหนได้ครับ” 

    “ผมจะไปจัดการกับมันเอง” อากิระพูดขึ้น จากนั้นก็รีบเดินออกไปด้านนอกในทันที 

    “เดี๋ยวก่อน พี่ไปด้วย” ซูซาคุพูดขึ้น จากนั้นก็รีบเดินตามอากิระไปอย่างรวดเร็ว ร่างของนายลืมสลายหายไปไม่มีแม้แต่การบอกลาเลย พวกเขาเดินออกมาด้านนอกพร้อมด้วยอารมณ์เศร้า และในขณะเดียวกัน หุ่นดรอยด์ของดันเต้ก็จับชายสามคนซึ่งเป็นลูกน้องของนายแสนมาได้อย่างรวดเร็ว

    “เราเจอสามคนนี้กำลังนั่งเอ๋ออยู่ด้านหลังนั้นครับ!!”

    “สงสัยคงโดนเจ้าลืมเล่นซะเสียศูนย์เลย” นายลุ้นพูดขึ้น

    “แบบนี้ก็ฆ่ามันให้หมดเลยสิ” ฮารุพูดขึ้น

    “เดี๋ยวผมเอาไปจัดการข้างนอกเองครับ” ลูอีสพูดขึ้น จากนั้นก็ลากทั้งสามคนออกไปด้านนอกในทันทีเพื่อเก็บงาน

    “เออนี่ เราไปดูอากิระกันดีมั้ย??” โจไซอาห์ถามไป

    “ฉันว่าอากิระเอาหมอนั่นตายแน่ อย่าไปยุ่งเลยดีกว่า” อินเนสซ่าพูดไป

    “ก็ดีเหมือนกัน ให้อากิระจัดการเองดีกว่า” โลร็องต์พูดขึ้น และไม่นานนัก พวกเขาก็ได้ยินเสียงปืนดังมาจากด้านนอกสามนัดติดกัน ทำเอาพวกเขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

    “พวกมันคงไปนอนเฝ้ารากมะม่วงแล้วหล่ะ” ลูโดวิกพูดขึ้น

    “เห็นทีคงต้องป้องกันทางเข้าออกเพิ่มเติมแล้วหล่ะครับ” ซีโร่ออกความเห็นไป

    “นั่นสิ ถ้ามันเข้ามาที่นี่ได้ แสดงว่ามันต้องมีช่องโหว่แน่ๆ” ลันโทสพูดขึ้น

    “เรื่องนั้นผมจะจัดการเองครับ” ดันเต้พูดขึ้น

    “เฮ้อ ไม่ทันได้เตรียมใจกันเลย เห็นกันไม่นานแท้ๆ” ลาลินพูดขึ้น

    “ผมอยากไปเห็นหน้าไอ้บ้านั่นตอนโดนพี่อากิระซ้อมจริงๆ” ภาภินพูดขึ้นพลางกำหมัดไป

    “ถ้าอย่างงั้น เราตามอากิระไปดีกว่า” นาวินพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบเดินตามหาอากิระในทันที

     

    ที่ห้องขังของนายแสน นายแสนถูกจับพันธนาการไว้กับโซ่เหล็กอย่างดี ทำเอาตัวของนายแสนขยับอะไรไม่ได้เลย นายแสนพยายามจะขยับและตะโกนออกมา โดยที่ทั้งอากิระและซูซาคุก็ยืนดูอยู่ตรงนั้นอย่างสมเพช

    “ไอ้ระยำเอ้ย ปล่อยกูนะเว้ย!!” นายแสนตะโกนออกมา

    “เฮ้อ ปล่อยก็โง่หน่ะสิ ไอ้ระยำเอ้ย” ซูซาคุพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง และไม่นานนัก กลุ่มของนาวินคนอื่นๆก็เดินตามอากิระเข้ามาในห้องขังของนายแสน โดยที่พวกเขาก็ได้เห็นนายแสนร้องโหยหวนอย่างทรมาน

    “ปล่อยกู กูหิว ปล่อยกูนะเว้ย!!”

    “คุณอีสครินน่า มันเป็นเทพประเภทไหนอีกครับ??” นาวินถามอีสครินน่าไป

    “เทพโซฮัง ภูติแห่งความหิวโหย เทพองค์นี้มีพละกำลัง แต่ต้องกินเนื้อเป็นอาหาร เพื่อไม่ให้ร่างกายหิวโหย และถ้ามันไม่ได้อะไรกิน จะทรมานมาก” อีสครินน่าพูดขึ้น

    “แล้วเราจะเอายังไงกับมันดีหล่ะครับ??” นายลุ้นถามอย่างสงสัย

    “ก็ปล่อยให้มันเน่าตายไปซะเลยสิ” ฮารุพูดขึ้น

    “จริงด้วย ถ้าเกิดมันไม่ได้กินอะไร มันจะเป็นยังไง??” โจไซอาห์ถามไป และในตอนนั้น อากิระก็เดินเข้าไปหานายแสน จากนั้นก็ลองค้นกระเป๋ากางเกงของมัน แล้วก็พบว่ามีโทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่งที่ปิดอยู่

    “โทรศัพท์เหรอ จะเอามาทำอะไรหล่ะ??” อินเนสซ่าถามไป และไม่นานนัก อากิระก็ลองเปิดเครื่องในทันที

    “มึงจะทำเหี้ยอะไรวะ??” นายแสนตะโกนถามไป

    “นี่ นายเงียบไปเถอะ จะตายอยู่แล้วยังไม่รู้ตัวอีก!!” เวียนตะโกนออกไป

    “แน่จริงพวกมึงก็ฆ่ากูเลยสิ ฆ่ากูเลย!!” นายแสนตะโกนออกมา แต่ทุกคนสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดของเขา

    “เฮ้อ ปล่อยให้มึงหิวตายไปเองดีกว่าหว่ะ” ภาภินพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆ ก็มีโทรศัพท์ติดต่อเข้ามาที่เครื่องของนายแสน ทำเอาทุกคนถึงกับแปลกใจ

    “เอ๊ะ ใครโทรมากันคะ??” ลาลินถามไป

    “สงสัยคงต้องรับสายหล่ะ ถึงจะได้รู้” ลันโทสพูดขึ้น อากิระกดรับสายอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เปิดลำโพงให้ทุกคนได้ฟังด้วย

    “ไอ้แสน นี่แกอยู่ไหน แกได้ยินฉันมั้ย??” ตอนนั้นนายแสนที่ได้ยินเสียงก็รู้ว่าเสียงนั้นเป็นเสียงใคร นายแสนก็ตะโกนเรียกไปในทันที

    “ป๊า ช่วยผมด้วยป๊า!!”

    “อ้าว นี่พ่อโทรมาอย่างงั้นเหรอเนี่ย??” ซีโร่พูดขึ้น

    “เฮ้อ ลูกมึงกำลังจะตายแล้วโว้ย!!” โลร็องต์ตะโกนออกมาอย่างสะใจ

    “นี่ เย็นไว้ก่อน ให้พ่อลูกเขาคุยกันหน่อย” ลูโดวิกพูดปรามไป

    “นี่ พวกแกทำอะไรกับลูกฉัน??” เสียงปลายสายได้ถามไป

    “ตอนนี้ลูกคุณยังปลอดภัย แต่คงอีกไม่นานหล่ะนะ” ดันเต้ตะโกนกลับไป

    “นี่ อย่าทำอะไรเขาเลย พวกคุณอยากได้เงินเท่าไหร่ บอกผมสิ??” ปลายสายถามไป

    “ตอนเนี้ย เงินเท่าไหร่ก็ซื้อความปลอดภัยให้ลูกมึงไม่ได้หรอก ลูกมึงเสือกแกว่งท้าหาเสี้ยนเอง” อากิระพูดไป

    “โธ่เอ้ย แล้วพวกแกต้องการอะไรกันแน่??” ปลายสายถามต่อ

    “ก็ไม่มีอะไรหรอก ลูกมึงพึ่งจะฆ่าเพื่อนกูตาย ลูกมึงจะต้องชดใช้!!” อากิระพูดขึ้น

    “โธ่เอ้ย จะอะไรนักหนา แกอยากได้เท่าไหร่ก๊บอกมาสิ!!” ปลายสายตะโกนออกมา

    “เฮ้อ พวกคนรวยนี่มันอะไรกันนะ ตีค่าชีวิตคนอื่นเป็นเงินอย่างเดียวเลย” อัญชันพูดขึ้น

    “ถ้าคุณสั่งสอนลูกคุณไม่ได้ ฉันจะสั่งสอนมันเอง!!” ซูซาคุพูดขึ้น

    “ผมขอโทษด้วยก็แล้วกัน หว่านอะไรไว้ก็ได้ผลแบบนั้น ลูกมึงทำตัวเอง อย่ามาโทษกู!!” อากิระตะโกนกลับไป จากนั้นก็ตัดสายทิ้งไปอย่างไม่ใยดี จากนั้นก็เหวี่ยงโทรศัพท์ทิ้งอย่างรวดเร็ว

    “อากิระ กูขอร้อง ให้กูกลับไปอยู่กับพ่อกูเถอะ พวกกูจะไปเมืองนอกกันแล้ว กูกับมึงจะจบเรื่องกันแค่นี้” นายแสนพูดขึ้น

    “พูดอย่างกับว่าตอนนี้มึงมีตัวเหลือยังไงอย่างงั้นหล่ะ มึงเข้ามาที่นี่ ฆ่าน้องกู แล้วจะเดินออกไปง่ายๆอย่างงั้นเหรอ??” อากิระถามไป

    “ตอนนี้แกกลายเป็นผู้เกิดใหม่ไปแล้ว ถ้าเราปล่อยแกไป โลกนี้ได้ปั่นป่วนแน่ๆ” อีสครินน่าพูดขึ้น

    “เดี๋ยวๆๆๆ กูจะบอกให้ก็ได้ว่าใครทำให้กูเป็นแบบนี้” นายแสนพูดขึ้น

    “แกอยากจะบอกอะไร ว่ามา??” นาวินถามไป

    “วันก่อน มีพยาบาลคนหนึ่ง บอกว่าคนที่ชื่อโซนิคส่งเธอมา เธอบอกว่าถ้าอยากแก้แค้น จะต้องฆ่าตัวตายและกลายเป็นผู้เกิดใหม่ แล้วเธอก็ให้ยาฆ่าตัวตายกับฉัน แล้วฉันก็กลายเป็นแบบนี้”

    “เฮ้ย โซนิคอีกแล้วเหรอ??” พัตติยาถามไป

    “แม่งเอ้ย ไอ้บ้านี่มันไม่จบไม่สิ้นจริงๆ” ฮารุสบถออกมา

    “แสดงว่า โซนิคก็ต้องรู้แน่ๆ ว่าไอ้บ้านี่มันก็เป็นผู้เกิดใหม่ได้” เวียนพูดขึ้น

    “แล้วนี่ผมต้องรักษายังไง ช่วยผมด้วย ผมสัญญาจะไม่ระรานพวกคุณอีกแล้ว!!” นายแสนขออย่างลนลาน ในตอนนั้นโจไซอาห์รู้สึกสงสาร เขาเลยแบ่งช็อคโกแลตของเขาชิ้นหนึ่งให้กับนายแสนไป ทำให้นายแสนอาการดีขึ้นมาบ้าง

    “อย่าเพิ่งรีบตายหล่ะไอ้ระยำ” โจไซอาห์พูดขึ้น

    “การรักษาก็มีวิธีเดียว ต้องควักหัวใจออกมา แต่ถึงยังไง แกก็ต้องตายอยู่ดี เพราะดวงจิตของเทพเจ้ามันผูกติดกับวิญญาณของแกแล้ว” อีสครินน่าพูดขึ้น

    “นี่หมายความว่าผมต้องตายเหรอ??” นายแสนถามด้วยน้ำเสียงเว้าวอน

    “ก็เสือกไปเชื่อไอ้โซนิคมันเองนี่หว่า” อินเนสซ่าพูดขึ้น ในตอนนั้นทำเอานายแสนร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรออกมา

    “เราไม่มีทางอื่นเลยเหรอคะ??” ลาลินถามไป

    “ไม่มีหรอก เราจะทำยังไง ถึงปล่อยมันไป มันก็ไปทำร้ายคนอื่นอยู่ดี” นายลุ้นพูดขึ้น

    “ใช่ แล้วมันก็เพิ่งจะฆ่าไอ้ลืมตายไปนะ อย่าลืมสิ” ภาภินพูดเสริม 

    “บ้าเอ้ย ถ้าอย่างงั้น ผมขอพูดอะไรกับพ่อผมหน่อยได้หรือเปล่า??” นายแสนตะโกนถามไป จากนั้นลันโทสก็เอากล้องวีดีโอมาตั้งไว้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พูดกับนายแสน

    “มีอะไรก็รีบๆพูดมา เดี๋ยวพวกเราจะส่งคลิปไปให้พ่อนายเอง” ลันโทสพูดขึ้น และในตอนนั้น นายแสนก็ร้องไห้ออกมาราวกับจะขาดใจ

    “ทุกคนครับ รบกวนเงียบซักครู่หน่อยครับ” ซีโร่บอกกับทุกคนไป

    “พ่อครับ ผมขอโทษ ผมขอโทษจริงๆ ผมรักพ่อนะครับ” นายแสนพูดขึ้นพลางร้องไห้ออกมา และพูดอะไรไม่ออก ตัวของลันโทสเองก็รีบปิดกล้องอย่างรวดเร็ว

    “เออ อย่างน้อยก็ให้มันได้สั่งเสียสินะ” โลร็องต์พูดขึ้น

    “นั่นสิ อากิระ นายจะเอายังไงต่อหล่ะ??” ลูโดวิกถามอากิระไป จากนั้น ตัวของอากิระก็ชักปืนออกมาอย่างรวดเร็ว และเดินไปอยู่ตรงหน้าของนายแสนที่กำลังร้องไห้อยู่

    “เกิดชาติหน้าค่อยมาแก้แค้นฉันใหม่นะเว้ย!!”

    “ปัง!!”

    อากิระยัดลูกตะกั่วเข้าไปที่หัวใจของนายแสน นายแสนโดนเข้าไปก็ถึงกับตายคาที่ จากนั้นร่างของเขาก็ค่อยๆมอดไหม้ด้วยเปลวเพลิงประหลาดอย่างรวดเร็ว

    “จบไปแล้วอีกคนสินะ” ดันเต้พูดขึ้น และไม่นานนัก อีสครินน่าก็เดินไปที่เอาจิตวิญญาณเทพของนายแสนออกมา จากนั้นเธอก็รีบเผาทำลายมันอย่างรวดเร็ว

    “พรึ่บ!!”

    “เอาหล่ะ เรียบร้อยแล้วหล่ะ” อีสครินน่าพูดขึ้น 

    “ถึงจบเรื่องนี้ ก็ยังต้องเจอเรื่องอื่นอยู่ดี” พัตติยาพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ลูอีสก็เดินเข้ามาพูดอะไรบางอย่างกับคนอื่นๆ

    “ทุกคนครับ คุณเสี่ยวหลงฟื้นแล้วครับ” 

    อากิระได้ยินแบบนั้นก็รีบวิ่งไปหาเสี่ยวหลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่คนอื่นๆแทบจะห้ามไม่ทัน 

    “เฮ้อ ดูท่าเขาจะเป็นห่วงเสี่ยวหลงมากเลยนะ” ซูซาคุพูดขึ้น

    “เป็นห่วงมากหน่ะสิคะ ไม่เป็นห่วงสิแปลก” พัตติยาพูดขึ้น

    “ว่าแต่ เราจะเอายังไงกันต่อดีคะ??” อัญชันถามไป

    “สถานการณ์ เรายังไม่รู้ความเคลื่อนไหวของพวกมันเลย ต้องดูว่าพวกมันกำลังจะทำอะไร” นาวินพูดขึ้น

    “เออ พี่วินครับ จะว่าไป ผมลองสอดแนมที่ฐานของมัน ช่วงนี้มันเอากำลังคนมาเสริมเยอะมากครับ” ภาภินพูดขึ้น

    “ฉันว่า ถ้าเกิดไม่เอามาโจมตีพวกเรา ก็คงต้องจัดการกับโซนิคตามที่ The Green บอกแล้วค่ะ” เวียนพูดขึ้น

    “ปัญหาคือ พวกนั้นจะลงมือกันเมื่อไหร่หล่ะ??” ฮารุถามไป และในตอนนั้นเอง ตัวของนายลุ้นก็อ่านไพ่ของเขา จากนั้นก็พูดขึ้น

    “ผมว่านะ คงจะเป็นคืนนี้แหละ” นายลุ้นพูดขึ้น

    “โห อยากรู้จริงๆว่าใครที่จะชนะกันแน่??” โจไซอาห์ถามไป

    “ถึงฝ่ายไหนจะชนะ พวกนั้นก็ต้องมาลุยเราอยู่ดี” อินเนสซ่าพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น เราจะไปดูดีมั้ยคะว่าฝ่ายไหนจะชนะ??” ลาลินถามไป

    “ไม่ต้องหรอก ให้เจ้าภินดูก็น่าจะรู้แล้ว” ลูโดวิกพูดขึ้น

    “นั่นสิ ถ้าเกิดมีไอ้บ้าที่ไหนโผล่เข้ามาอีก พวกเราอาจจะไม่มีคนคุ้มกันที่นี่นะ” โลร็องต์พูดขึ้น

    “ว่าแต่ ไอ้บ้านั่นมันเข้ามาที่นี่ได้ยังไงกันครับ??” ลันโทสหันไปถามดันเต้

    “ดูเหมือนว่ามันจะบุกเข้ามาที่ท่อระบายอากาศที่ต่อขึ้นไปด้านบน ตอนนี้ผมส่งคนไปจัดการแล้ว” ดันเต้พูดขึ้น

    “งานนี้คงต้องเฝ้ายามกันหนักหน่อยนะครับ” ซีโร่พูดขึ้น

    “อืม นั่นสิ ถ้าอย่างงั้นฉันจะช่วยพวกคุณเองนะคะ” ซูวาคุพูดขึ้น แต่ในขณะเดียวกันนั้น จู่ๆ โทรศัพท์ของซูซาคุก็ดังขึ้นมา ตัวของเธอรับสายอย่างรวดเร็ว

    “ฮัลโหล ฮันเตอร์เหรอ??”

    “คุณซูครับ ผมไม่อยากจะรบกวน แต่ทางทำเนียบขาวต้องการพบคุณครับ”

    “ห่ะ จริงเหรอ เรื่องอะไรกันหล่ะ??” ซูซาคุถามไป

    “ดูเหมือนว่าพวกเขาจะรู้แล้วว่าคุณติดต่ออยู่กับกลุ่มผู้เกิดใหม่ พวกเขาอยากจะตกลงอะไรกับคุณหน่อยครับ”

    “ตกลง พวกนั้นต้องการอะไรกัน??” ซูซาคุถามไป

    “เออ คือ เขาบอกมาว่า ถ้าคุณยังไม่กลับมาสถานทูต เขาบอกว่าให้คุณพยายามหว่านล้อมกลุ่มผู้เกิดใหม่ ให้พวกเขาจัดการกับโซนิคหน่ะครับ”

    “เฮ้อ ฉันว่านะ The Green ต้องอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แน่ๆ บอกพวกนั้นไปด้วยว่าฉันไม่รับปาก” ซูซาคุพูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็วางสายไปอย่างรวดเร็ว

    “มีอะไรเหรอครับคุณซู??” ดันเต้ถามอย่างสงสัย

    “ดูเหมือนว่า The Green จะไปฟ้องทำเนียบขาวเข้าแล้วว่าฉันอยู่กับพวกคุณ พวกนั้นขอให้ฉันมาคุยกับพวกคุณ ให้ร่วมมือกันกำจัดโซนิค” ซูซาคุพูดขึ้น

    “เฮ้อ อสรพิษจริงๆแม่นี่” พัตติยาพูดขึ้น

    “แต่หนูว่า ถ้าเราจัดการกับโซนิคได้ เราก็น่าจะช่วยโลกไว้ได้นะคะ” อัญชันพูดขึ้น

    “มันก็ใช่นะ แต่เราจะรู้ได้ยังไง ว่าถ้าเราช่วย พวกนั้นจะไม่หักหลังเรา??” ฮารุถามไป

    “จริงด้วย หลังจากที่เราทำงานให้พวกมันเสร็จ พวกมันอาจจะเก็บเราทั้งหมดก็ได้” ภาภินพูดขึ้น

    “แต่หนูว่า พวกเราก็ตายไปแล้วนี่คะ ถ้าจะตายอีกรอบ แต่ช่วยโลกใบนี้ไว้ได้ มันก็น่าจะคุ้มนะคะ” ลาลินพูดขึ้น

    “อืม ก็จริง ถ้าอย่างงั้น เราคงต้องหาหลักประกันแล้วหล่ะ” เวียนพูดขึ้น

    “ว่าแต่ เราจะเอาอะไรเป็นหลักประกันหล่ะคะ??” อินเนสซ่าถามไป

    “คุณซู คุณมีความเห็นอะไรหน่อยมั้ยครับ??” โจไซอาห์ถามซูซาคุไป

    “อืม เรื่องนี้ฉันจะลองเจรจากับทางทำเนียบขาวดู” ซูซาคุพูดขึ้น

    “เฮ้อ ผมไม่ค่อยเชื่อใจพวกมันเลย” โลร็องต์พูดขึ้น

    “เรื่องนี้เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ไม่ว่าจะเลือกทางไหน ก็ยากสำหรับพวกเราอยู่ดี” ลูโดวิกพูดขึ้น

    “เอาเถอะ พวกคุณเอายังไง ผมก็เอาด้วยอยู่แล้ว” ลันโทสพูดขึ้น

    “ผมก็เหมือนกันครับ” ซีโร่พูดเสริม

    “เกมนี้เราคงต้องมีอะไรที่ใช้ต่อรองกับพวกมันได้” นายลุ้นพูดขึ้น

    “อืม ถ้าเป็นเรื่องข้อมูล พวก UNASO ออกปฏิบัติงานนอกกฎหมายไปทั่วโลก แต่เรื่องของพวกนั้นที่ตะวันออกกลาง สามารถใช้เล่นงานพวกมันได้” ซูซาคุพูดขึ้น

    “ไม่ว่าจะทำยังไงก็แล้วแต่ ตอนนี้เราคงต้องเร่งมือแล้วหล่ะค่ะ หากเทพโซราห์ทำอะไรขึ้นมา โลกนี้ได้ถึงจุดจบแน่ๆ” อีสครินน่าพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ซูซาคุก็หยิบโทรศัพท์มือถือมาอีกรอบ จากนั้นก็โทรหาฮันเตอร์ในทันที

    “ฮันเตอร์ นี่ฉันเอง”

    “คุณซูครับ ว่ายังไงครับ??”

    “ฉันอยากให้นายเอาข้อมูลที่ฉันเคยฝากนายส่งมาให้กับฉันหน่อย ฉันจะส่งพิกัดที่อยู่ไป แล้วฉันจะช่วยพูดกับพวกเขาให้” ซูซาคุพูดขึ้น

    “อ้อ ได้ครับผม” ฮันเตอร์พูดขึ้น จากนั้นซูซาคูก็วางสายไป

    “เอาหล่ะ ตอนนี้เราคงต้องสู้กับโซนิคแล้วสินะคะ” พัตติยาพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นเราคงต้องตามเรื่องแล้วหล่ะค่ะ ว่าพวกงานนี้ฝ่ายไหนจะชนะ” นาวินบอกกับทุกคนไป

     

    เช้ามืดของวันต่อมา ในวันนั้นตัวของโซนิคก็นั่งจิบไวน์อยู่ในห้องอย่างสบายอารมณ์ โดยที่คนอื่นๆในห้องก็กำลังนั่งพักผ่อนอยู่ในห้องอย่างสบายใจ แต่ในระหว่างที่พวกเขากำลังนั่งพักผ่อนกัน จู่ๆ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามารายงานอะไรบางอย่างกับโวนิคอย่างหน้าตาตื่น

    “ท่านโซนิคครับ แย่แล้วครับ!!” 

    แต่ในตอนนั้น โซนิคยังคงทำตัวใจดีสู้เสือ จากนั้นก็พูดขึ้นมาอย่างใจเย็น

    “กะแล้วว่าพวกมันต้องเอาแบบนี้” โซนิคพูดขึ้น

    “ตอนนี้พวกเราเตรียมพร้อมแล้วครับ กำลังของพวกมันมีน้อย เราพร้อมจะสู้ครับ” เจ้าหน้าที่พูดขึ้น

    “ดี ไปเรียกพวกเรามาให้หมด พวกนั้นไม่มีกำลังพอจะสู้กับพวกเราหรอก” ลีน่าพูดขึ้น จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว

    “คุณโซนิคครับ ผมจะไปเตรียมรถนะครับ” เดวิดพูดขึ้น

    “ดี จัดการตามแผนสองเลยเดวิด” โซนิคพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง กาลีน่าก็ใส่กระสุนในปืนสไนเปอร์ของเธออย่างรวดเร็ว

    “มาเถอะค่ะ ฉันจะคุ้มกันคุณเอง” กาลีน่าพูดขึ้น

    “ดี ออกไปเผชิญหน้ากับพวกมันเลย” โซนิคพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาทุกคนก็เดินออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว พวกเขาเดินไปจนพบกับกลุ่มของคริสเตียล กับเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งยืนถือปืน และไม่นานนัก เจ้าหน้าที่ที่โซนิคซื้อตัวไว้ก็มาคุ้มกันโซนิค โดยการเล็งปืนใส่คริสเตียลอย่างรวดเร็ว

    “ฉันอุตส่าห์ให้โอกาสพวกแก แต่พวกแกกลับเลือกแบบนี้” โซนิคพูดขึ้น

    “ฉันยอมให้พวกแกทำอะไรกับโลกใบนี้ไม่ได้หรอก” คริสเตียลพูดขึ้น

    “ใช่ ในนามของสหประชาชาติ ของจับกุมแกข้อหาบ่อนทำลายมนุษยชาติ!!” ฮาเวิร์ดตะโกนออกมา โซนิคได้ยินดังนั้นก็หัวเราะร่า

    “เฮ้อ พวกแกจะทำอะไรได้ ขนาดพวกแกบางคนยังเป็นพวกของฉันเลย ตอนนี้พวกแกมีน้อยกว่าเรา??” โซนิคถามไป และในตอนนั้น เวอร์รีนก็ชูมือขึ้นให้สัญญาณ และไม่นานนัก บรรดาเจ้าหน้าที่พร้อมอาวุธครบมือที่ซุ่มอยู่ด้านนอกก็เดินเข้ามาด้านในอย่างรวดเร็ว และดูเหมือนว่าเจ้าหน้าที่พวกนี้จะเอาจริงด้วย

    “เฮ้ย พวกแกอยากได้เงินหรือเปล่า ถ้าอยากได้ เปลี่ยนฝั่งตอนนี้ยังทันนะ??” ลีน่าตะโกนออกไป แต่ก็ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังคุยกับหุ่นยนต์ที่ไม่มีชีวิต พวกนั้นไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับมาเลย

    “เย็นไว้ลีน่า ฉันว่าไอ้พวกนี้มันไม่ใช่มนุษย์อย่างที่เราคิดหรอก” โซนิคพูดขึ้น

    “พวกคุณหยุดแค่นี้เถอะ ไม่อย่างงั้นผมต้องหยุดพวกคุณ” แสงจันทร์พูดขึ้น

    “นี่ ไอ้หนุ่ม นายเลือกเองนะ!!” เดวิดตอบกลับไป

    “กาลีน่า ยอมซะเถอะ ถือว่าฉันขอหล่ะ” ยูริบอกกับลีน่าด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน แต่ดูเหมือนว่ากาลีน่าจะไม่ยอมฟังอะไรเลย

    “กาลีน่า เธอทำแบบนี้คิดดีแล้วเหรอ??” จ่าชัยถามไป

    “นี่ ฉันว่าแม่นั่นคงให้คำตอบเราแล้วหล่ะ” รูกี้พูดขึ้น

    “ก็ดี ฉันจะได้ชำระความกับเธอเลย” รูกิพูดขึ้น

    “ยอมแพ้ซะดีๆ ไม่อย่างงั้นพวกเราต้องใช้กำลัง!!” เวอร์รีนตะโกนออกมา

    “ฉันว่าลุยมันเลยดีกว่า” วูฟพูดขึ้น แต่ตัวของเขาตอนนี้พยายามหลบอยู่หลังคนอื่น เพราะวูฟรู้ว่าโซนิคสามารถควบคุมเขาได้ แต่ในตอนนั้นเอง โซนิคก็เอ่ยปากอะไรบางอย่างออกมาเป็นคลื่นเสียงพลังสูงใส่พวกของคริสเตียล

    “พวกเรา หลบเร็ว!!” 

    คริสเตียลและคนอื่นๆรีบกระโดดหลบอย่างรวดเร็ว คลื่นเสียงได้ทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า แต่ในตอนนั้น กองกำลังปริศนาของคริสเตียลก็ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นอะไรมาก พวกนั้นยังยืนได้อยู่ ทำเอาโซนิคถึงกับแปลกใจ

    “จัดการมัน!!”

    คริสเตียลตะโกนออกมา จากนั้นพวกของคริสเตียลก็ระดมยิงใส่โซนิคอย่างรวดเร็ว กลุ่มของโซนิคต้องรีบหาที่หลบ กาลีน่าใช้สไนเปอร์ยิงสวนคนพวกนั้นกลับไป เธอยิงใส่มันเข้าที่กลางอกจนล้มลงพื้น แต่ในตอนนั้น เธอเห็นมันค่อยๆลุกขึ้นมา พร้อมกับแผลที่ค่อยๆฟื้นฟูตัวเองไป

    “เฮ้ย นั่นมัน ตัวอะไรกัน??” กาลีน่าตะโกนไป

    “เฮ้อ น่าสนุกดีนี่ พวกนายอยู่ที่นี่ คุ้มกันฉันด้วย” โซนิคพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็ใช้พลัง Super Human พุ่งออกไปโจมตีมนุษย์แปลงพวกนั้นอย่างรวดเร็ว โซนิคใช้หมัดต่อยพวกมันกระเด็นไปทีละคน แต่พวกมันก็ยังลุกขึ้นมาได้ แล้วพยายามรุมล้อมโซนิค

    “เฮ้อ ไม่ได้สนุกแบบนี้นานแล้ว!!” โซนิคพูดขึ้นพลางจับมันคนหนึ่งฉีกร่างออกมา จากนั้นก็ค่อยๆทำลายเนื้อเยื่อของมันทิ้ง ทางด้านของคนอื่นๆ กาลีน่าพยายามยิงใส่พวกของคริสเตียล แสงจันทร์เห็นดังนั้นจึงพยายามวิ่งไปด้านข้างเพื่อโอบล้อม กาลีน่าเล็งปืนใส่แสงจันทร์ที่กำลังวิ่ง รูกิเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งตามแสงจันทร์ไปในทันที

    “แสงจันทร์ ระวัง!!”

    “ปัง!!”

    รูกิกระโดดมารับกระสุนแทนแสงจันทร์ แสงจันทร์ยิงสวนกลับไปอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นก็รีบพารูกิไปหลบอย่างรวดเร็ว คนอื่นๆเมื่อได้เห็นรูกิโดนยิงก็รีบบุกเข้าไปหมายจะจัดการกับกาลีน่า

    “ระยำเอ้ย แกอย่าอยู่เลย!!” รูกี้พูดขึ้นพลางยิงใส่กาลีน่า ทำเอากาลีน่าต้องรีบหาที่หลบก่อน

    “เราต้องรีบไปช่วยรูกิ!!” จ่าชัยพูดขึ้น

    “พวกมันยิงกดเราหนัก เราต้องจัดการพวกมันก่อน” ฮาเวิร์ดพูดขึ้นจากนั้นก็ไล่ยิงคนของโซนิคที่อยู่กันมากมาย

    “ฉันจะไปช่วยเธอ!!” เวอร์รีนพูดขึ้น จากนั้นก็จะวิ่งไปหารูกิ แต่กาลีน่าก็ยิงใส่เวอร์รีนจนเธอต้องหาที่หลบ 

    “ฉันจัดการกาลีน่าเอง” ยูริพูดขึ้น จากนั้นเขาก็พยายามหาที่หลบและค่อยๆบุกเข้าไป ส่วนตัวของวูฟ ตอนนั้นวูฟได้โอกาสก็รีบแปลงร่างในทันที แล้วกระโจนไปที่ไหนซักแห่ง ตัวของวูฟรีบกระโจนไปหาโซนิคซึ่งกำลังโดนมนุษย์แปลงรุมเล่นงานอยู่ ในตอนนั้นพวกมนุษย์แปลงก็รุมกันจับตัวโซนิค แต่โซนิคก็พยายามขัดขืนสุดชีวิต และในตอนนั้น วูฟก็เดินไปที่ด้านหลังของโซนิค และพูดขึ้น

    “พลังของมึง กูขอนะเว้ย!!” วูฟพูดขึ้นก็จะใช้กรงเล็บแทงเข้าใส่โซนิค แต่โซนิคก็เหวี่ยงมนุษย์แปลงคนอื่นออก จากนั้นก็มาจับแขนของวูฟไว้ จนในตอนนี้วูฟก็ใกล้จะควักหัวใจโซนิคได้แล้ว

    “ไอ้หมาเลี้ยงไม่เชื่อง!!” โซนิคพูดขึ้น จากนั้นก็ปล่อยคลื่นพลังเสียงของเขาใส่วูฟ จนวูฟถึงกับหูอื้อและยืนนิ่งไป โซนิคจะเข้าไปเล่นงานวูฟ แต่ก็โดนพวกมนุษย์แปลงเล่นงานต่ออีก และเมื่อวูฟได้สติ ตัวของวูฟเห็นโซนิคกำลังถูกรุมก็จะเข้าเล่นงานอีกรอบ 

    “ย้าก ตายซะ!!”

    โซนิคในตอนนั้นสลัดมนุษย์ดัดแปลงหลุด เลยใช้หมัดของเขาแทงเข้าไปที่ร่างของวูฟอย่างรวดเร็ว และก็ได้หยิบหัวใจของวูฟมาด้วย ตัวของวูฟยืนนิ่งและทำอะไรไม่ได้ จากนั้นโซนิคก็ผลักวูฟลงไปนอนกับพื้นในทันที่ และร่างของวูฟก็ค่อยๆมอดไหม้ด้วยเปลวเพลิงประหลาด

    “พลังของมึง กูขอแล้วกัน” โซนิคพูดขึ้น จากนั้นเขาก็กินหัวใจของวูฟอย่างรวดเร็ว และไม่นานนัก เดวิดก็ตะโกนบอกกับโซนิคอย่างรวดเร็ว

    “ท่านโซนิค เราต้องหนีแล้วครับ!!”

    โซนิคได้ยินดังนั้นจึงรีบวิ่งตามเดวิดไปในทันที จากนั้นพวกเขาก็รีบพากันออกไปนอกโกดังอย่างรวดเร็ว ในขณะที่คริสเตียลก็สั่งให้คนของเขาไล่ตามโซนิคไปอย่างรวดเร็ว

    “ตามล่ามัน ฆ่ามันให้ได้!!” คริสเตียลตะโกนออกมา ในขณะเดียวกัน ตัวของแสงจันทร์ก็พยายามจะช่วยเหลือรูกิ แต่ตัวของรูกิถูกยิงตรงจุดสำคัญ ร่างกายของเธอค่อยๆทรุดลงอย่างเห็นได้ชัด

    “รูกิ ทำใจดีๆไว้นะ” แสงจันทร์พูดกับรูกิและพยายามจะใช้มือปิดแผลเธอ

    “ฉันคงไม่รอดแล้ว ฉันขอโทษนะสำหรับทุกอย่าง ฉันคงช่วยคุณได้แค่นี้ ฉันรักคุณนะแสงจันทร์ กลับไปหาครอบครัวของคุณนะคะ พวกเขารอคุณอยู่” รูกิพูดเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นตัวของเธอก็ค่อยๆล้มลงสิ้นสติบนอ้อมกอดของแสงจันทร์ ตัวของแสงจันทร์เองก็กอดเธอไว้อีกครั้ง

    “ผมขอโทษ” แสงจันทร์พูดกับรูกิไป

     

    ที่ด้านนอกโกดัง ตัวของโซนิคและแก๊งค์ของเขารีบหนีออกมาเพื่อไปขึ้นรถที่เตรียมไว้ โดยที่พวกเขาได้เข้าใกล้ระยะปืนของเซนพอดี เซนที่เห็นตัวของโซนิคนั้นก็เล็งปืนไปที่หัวของโซนิค จากนั้นก็เหนี่ยวไกในทันที

    “ปัง!!”

    กระสุนเฉียดหัวของโซนิคไปนิดเดียว ตัวของโซนิครีบหลบที่ในทันที กาลีน่าเองที่เห็นจึงใช้สไนเปอร์ของเธอหาตำแหน่งของเซน เซนที่เห็นกาลีน่าก็พยายามจะยิงเธอ แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง

    “ตู้ม!!”

    เซนได้ยินเสียงระเบิดที่ตัวของเขาวางไว้เป็นกับดัก เซนรู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เซนเลยรีบเก็บปืนของเขาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็รีบปีนขึ้นไปยังดาดฟ้าของโกดังในทันที จากนั้นก็วิ่งไปตามหลังคาโกดัง ไปที่เชือกเส้นหนึ่งซึ่งเขาผูกไว้เพื่อลงไปด้านล่าง เซนรีบรูดเชือกลงไปในทันที 

    “ตุ๊บ!!”

    แต่เมื่อเซนถึงพื้น เขาก็เจอกับกลุ่มเจ้าหน้าที่นับร้อยที่พยายามไล่ตามเขา เซนรีบชักปืนพกขึ้นมาแล้วยิงสวนไปในทันที 

    “ไอ้บ้าเอ้ย จะเอาแบบนี้ใช่มั้ย??” 

    เซนรีบวิ่งเข้าหาร่มเงา จากนั้นก็กระโดดลงไปในเงาเพื่ออำพรางตัว ฝ่ายเจ้าหน้าที่ที่ตามมาก็งงก็เซนหายไปไหน

    “เฮ้ย มันหายไปไหนวะ??”

    “เอาไฟส่องสิวะ!!”

    เจ้าหน้าที่ตะโกนออกมา จากนั้นพวกเขาก็ส่องสปอร์ทไลท์หาตัวของเซน แต่ไม่นานนัก กลุ่มของโซนิคก็ขึ้นรถหนีออกไป โดยที่เจ้าหน้าที่มีการวอบอกกันด้วย

    “ไล่ตามรถของศัตรูไป เร็ว!!”

    เจ้าหน้าที่เปลี่ยนเป้าหมายไปตามจับโซนิคแทน และเมื่อปลอดภัย เซนก็รีบออกจากเงาอย่างรวดเร็ว ตัวของเขาเดินโซซัดโซเซออกมาด้านนอก รถของโซนิคขับออกไปถึงหน้าด่าน แต่ก็ต้องพบกับกลุ่มของแก้วที่กำลังรออยู่ ตัวของเบลเห็นรถของโซนิคและเห็นเดวิดที่อยู่หน้ารถ เบลก็กระหน่ำยิงรถคันนั้นในทันที

    “ปังๆๆๆๆๆ!!”

    รถของโซนิคเซไปเล็กน้อย แต่เดวิดก็ยังประคองรถไว้ได้ เบลพยายามยิงรถไล่หลังไป แต่ก็ไม่เป็นผลมากนัก จนกระทั่งพวกเขาก็ได้ยินเสียงของรถอีกกลุ่มหนึ่งที่ตามหลังพวกเขามา ทำเอาพวกเขาต้องรีบหลบในทันที

    “รีบกลับไปที่รถ เร็ว!!” ไคตะโกนออกมา จากนั้นพวกเขาก็รีบไปขึ้นรถที่พวกเขาจอดไว้อย่างรวดเร็ว โดยที่ไคได้เป็นคนขับ คนอื่นๆเข้ามานั่งกันครบทุกคน

    “ตามไอ้บ้าโซนิคไปเลย ฉันจะไปชำระความกับมันหน่อย!!” เบลตะโกนออกมา

    “นี่ เรายังสู้มันไม่ได้หรอก เราถอยไปตั้งหลักก่อนดีกว่า” เกเบรียลพูดขึ้น

    “จริงด้วย เราก็พยายามขับรถสะกดรอยตามโซนิคไปก็ได้นี่คะ” แก้วพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นฉันจัดการเอง!!” ไคพูดขึ้น จากนั้นเธอก็สตาร์ทรถออกไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่กลุ่มเจ้าหน้าที่ของคริสเตียลก็พากันแยกย้ายไปตามล่าโซนิคอย่างดุเดือด

    “พวกเรา จับโซนิคมาให้ได้ ไม่ว่าเป็นหรือตาย!!” คริสเตียลตะโกนออกคำสั่งไป

    ที่รถของโซนิค พวกเขาขับรถหนีออกจากพื้นที่ของโกดังมาเรื่อยๆ เดินทางออกไปยังชานเมือง เดวิดใช้เส้นทางที่เขาเตรียมไว้ เดวิดขับเข้าไปในซอยเล็กซอยหนึ่ง เพื่อหลบหนีจากตำรวจที่ไล่ล่าพวกเขา

    “พวกมันคงตามล่าเราทั้งคืน มีใครตามเรามาหรือเปล่า??” โซนิคถามไป

    “ตอนนี้ไม่มีใครตามมาค่ะที่รัก” ลีน่าตอบไปหลังจากที่หันไปดูด้านหลัง

    “เดี๋ยวเราก็จะรอดแล้วครับ ไม่ต้องห่วงนะครับ” เดวิดพูดขึ้น

    “พวกมันคงปิดทางเข้าออกกรุงเทพหมด ยังไงก็ระวังด้วยหล่ะ” กาลีน่าบอกกับเดวิดไป จากนั้นเดวิดก็ขับรถต่อไปเรื่อยๆ โดยตรงจุดไม่ห่างกันนัก รถของไคที่พยายามตามโซนิคมาก็ค่อยๆขับรถอย่างช้าๆ เพื่อไม่ให้โซนิครู้ตัว ในขณะที่คนอื่นๆก็พยายามมองช่วยไคไปด้วย

    “เรารู้ป้ายทะเบียนมันแล้ว น่าจะตามได้ไม่ยาก” เบลพูดขึ้น

    “ฉันจะลองดักฟังวิทยุตำรวจดู” ไคพูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็เปิดวิทยุที่เธอเตรียมมาไปด้วย

    “ประกาศๆ ขณะนี้รถไม่ทราบชนิดสีเทาของผู้ต้องสงสัยกำลังขับไปทางดอนเมือง..”

    “มันจะไปดอนเมืองอย่างงั้นเหรอ??” เกเบรียลถามอย่างสงสัย

    “แถวนั้นมีถนนไม่กี่เส้น น่าตามได้ไม่ยากหรอก” แก้วพูดขึ้น

    “ก็ต้องรอดูแล้วกัน” ไคพูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็เร่งความเร็วรถยนต์ในทันที 

    “โห ขับเบาๆหน่อยก็ได้สาวน้อย” เกเบรียลพูดขึ้น

    “นี่ เดี๋ยวเราก็คลาดกับพวกมันหรอก” เบลตอบกลับไป

    “เอาเถอะค่ะ ยังไงก็ต้องรู้ให้ได้ว่าพวกมันไปที่ไหน” แก้วพูดไป

    ทางด้านของเซน ตัวของเขารีบหนีออกไปด้านหลังโกดังต่อ โดยใช้จังหวะที่พวกเจ้าหน้าที่สาละวนกับการตามล่าโซนิค เซนวิ่งไปเปิดประตูด้านหลัง จากนั้นก็รีบไปที่มอเตอร์ไซค์ที่เขาจอดเอาไว้ แต่ในตอนนั้นก็มีคนไล่ตามเขามา

    “เฮ้ย จับมันไว้!!”

    เซนยิงสกัดมันอย่างดุเดือด จากนั้นก็รีบสตาร์ทมอเตอร์ไซค์ของเขา จากนั้นก็เร่งเครื่องหนีออกจากพื้นที่อย่างรวดเร็ว ก่อนที่พวกนั้นจะไล่ตามเขามา

    “พวกมึงเจอกูแน่!!” เซนสบถออกมา

     

    ณ บ้านพักหลังหนี่ง ในเขตชานเมืองกรุงเทพ ตั้งอยู่บริเวณเขตรกร้าง แต่ตัวบ้านยังคงสะอาด รถคันหนึ่งได้ขับมาจอดบริเวณลานจอดรถของบ้าน และไม่นานนัก คนขับก็พาคนคนหนึ่งลงมาจากรถ ซึ่งนั่นก็คือเพี้ยนนั่นเอง

    “อืม บ้านนี้ก็สวยดีนะ” เพี้ยนพูดขึ้น

    “เออ แล้วจะพูดทำไมหล่ะเนี่ย??” ชายคนขับรถถามเพี้ยนไป

    “ก็พูดหน่อยไม่ได้หรือไง ไหนๆเรื่องก็จะจบแล้ว และเมื่อกี้ โซนิคก็เจอศึกหนักมาพอสมควรนะ” เพี้ยนพูดขึ้น

    “เฮ้ย อะไร คุณโซนิคเป็นอะไรไป??” คนขับรถได้ถามเพี้ยนไป

    “ก็โดนพวกองค์กรลับเล่นงานซะยับหน่ะสิ แต่ไม่ต้องห่วง ตอนนี้เขาไม่เป็นอะไร กำลังมาหาพวกเรา” เพี้ยนพูดขึ้น

    “เออ แล้วนี่ เรื่องนี้มันจะจบยังไงหล่ะ??” 

    “อืม ตอนนี้ก็พอรู้นะ แต่ยังไม่บอกตอนนี้หรอก เดี๋ยวไรท์ก็ด่าเราอีก” เพี้ยนพูดขึ้น

    “เฮ้ย นี่มึงกวนตีนกูเหรอ??” ชายคนขับรถถามและพยายามจะชักปืนออกมา

    “เดี๋ยวก่อนพี่ชาย พี่ชายไม่ได้รับอนุญาตให้รู้หรอก” เพี้ยนพูดขึ้นพลางยกมือห้ามไว้

    “ไอ้ห่าเอ้ย นี่ถ้าคุณโซนิคไม่สั่งไว้นะ ฉันฆ่าแกไปแล้ว” 

    “นี่ๆ เราเหนื่อยแล้ว พาไปห้องพักหน่อยสิ ไม่แน่เราอาจจะบอกพี่ชายก็ได้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป” เพี้ยนพูดขึ้น

    “เออ มึงรีบๆตามกูมาเลย!!”

    ชายคนนั้นเดินนำทางเพี้ยนเพื่อพาเพี้ยนเข้าไปในบ้าน แต่ในระหว่างทาง ตัวของเพี้ยนก็พูดเรื่อยเจื่อยไประหว่างทาง

    “ใครว่าเราพูดแบบไร้สาระ ต่อไปนี้จะเป็นสาระล้วนๆ งานนี้สงครามคงจะปะทุ กรุงเทพคงจะพังไปทั้งเมืองแน่ๆ ดูแล้วทั้งสองฝ่ายคงจะกินกันไม่ลง คุณโซนิคอาจจะเจ็บหนักหน่อยนะงานนี้” เพี้ยนพูดขึ้น

    “เฮ้ย กรุงเทพจะพังเลยเหรอ??” คนขับรถคนนั้นถามไป

    “อาจจะยิ่งกว่าพังอีกนะพี่ คนจะตายไปเป็นล้านเลยหล่ะ” เพี้ยนพูดขึ้น

    “แล้วกูจะรอดหรือเปล่า??” คนขับรถถามไป

    “อืม ถ้าพี่ทำตัวดีๆ แล้วก็อยู่เงียบๆ พี่ก็อาจจะไม่ตายก็ได้” เพี้ยนพูดขึ้น

    “เออ ขอให้มึงทายถูกก็แล้วกัน” คนขับรถพูดขึ้น จากนั้นไม่นาน พวกเขาก็มาถึงหน้าห้อง คนขับรถก็เปิดประตูห้องให้เพี้ยนในทันที

    “อู้ว ห้องนอนแจ่มมากเลย หมอนก็ดี ที่นอนก็ดี มีห้องน้ำในตัวด้วย!!” เพี้ยนพูดอย่างตื่นเต้น

    “เออ แกอยากจะทำอะไรก็ทำไปเลย” 

    “อืม ถ้าเกิดมีเครื่องเล่นเกมให้เล่นหน่อยจะดีมากเลย” เพี้ยนพูดขึ้น

    “จะเอาอะไรนักหนาวะ??” คนขับรถถามไป และในขณะเดียวกันนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงรถดังมาจากด้านนอก ค่อยๆขับรถเข้ามาในเขตบ้าน

    “ดูเหมือนโซนิคจะมาแล้วนะ” เพี้ยนพูดขึ้น

    “เออๆ อยู่เงียบๆไปแล้วกัน” ชายคนขับรถพูดขึ้น จากนั้นก็เดินลงไปด้านล่างเพื่อไปรับโซนิค

    “อิอิ ไรท์อย่าบอกมันหล่ะว่ามันจะตายตอนจบ” เพี้ยนพูดขึ้นก่อนที่จะเดินเข้าห้องไป

     

    เข้าวันต่อมา บังกะโลชั่วคราวที่ตัวของมิกิใช้เป็นสถานที่หลบซ่อนชั่วคราว ก่อนที่เธอจะออกเดินทางขึ้นเรือไปยังมาเก๊า ตัวของเธอเข้าไปในห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัวของเธอ และหลังจากที่เอออกมาจากห้องน้ำ เธอก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าในทันที เธอรีบเก็บของใส่กระเป๋าต่อ แต่ในตอนนั้น ตัวของเธอก็ได้ยินเสียงรถมาจากด้านหน้าบังกะโลของเธอ มิกิรีบหยิบปืนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แล้วก็ค่อยๆเดินเข้ามาด้านหน้า จากนั้นก็ได้ยินเสียงเคาะประตู

    “คุณมิกิอยู่ข้างในหรือเปล่าครับ คุณเบ็ตตี้ส่งผมมา??”

    ตัวของมิกิได้ยินก็รู้สึกเอะใจเล็กน้อย เธอเลยลองมองผ่านช่องประตูอย่างรวดเร็ว และเธอก็พบว่าหมอนั่นเป็นคนของเบ็ตตี้จริงๆ ตัวของเธอรีบเปิดประตูอย่างรวดเร็ว

    “คุณมิกิ ในที่สุดก็เจอซะที”

    “นี่ มาทำอะไรที่นี่ ตามหาฉันทำไม??” มิกิถามไป

    “ผมจะมาบอกว่า ตอนนี้คุณออกนอกประเทศไม่ได้ ยังไม่ปลอดภัย”

    “เดี๋ยวฉันจะไปที่ท่าเรือ ฉันมีเรือแล้ว ไม่ต้องห่วง” มิกิพูดขึ้น

    “ท่าเรือด้านโน้นเหรอครับ ตอนนี้ตำรวจกำลังคุมพื้นที่อยู่ พวกนั้นพยายามล่อให้คุณไป โดยให้เด็กของท่าเรือมาตามคุณ ถ้าคุณไปที่ท่าเรือ มันจับตัวคุณแน่” 

    “นี่ พวกแกหลอกฉันหรือเปล่า??” มิกิถามไป

    “คุณอยากจะไปดูก็ได้นะครับ ถ้าเกิดว่า 8 โมงเช้าคุณไม่ไปที่ท่าเรือ ตำรวจมันมาที่บังกะโลนี้แน่ คุณอยากจะลองดูหรือเปล่า??” ลูกน้องของเบ็ตตี้ถามไป ตัวของเบ็ตตี้ก็ค่อนข้างไว้ใจชายคนนี้เพราะทั้งคู่เคยร่วมมือกันมาก่อน

    “แล้วจะให้ฉันไปไหน??” มิกิถามไป

    “ขนของขึ้นรถผมก่อนเถอะครับ” มิกิได้ยินดังนั้นก็รีบขนของไปขึ้นรถของลูกน้องเบ็ตตี้ตามคำบอก จากนั้นเธอก็ขึ้นรถไปกับลูกน้องของเบ็ตตี้ในทันที จากนั้นเขาก็ขับรถไปหลบอยู่บริเวณพุ่งหญ้าซึ่งไม่ห่างจากบังกะโลเท่าไหร่นัก และในไม่กี่อึดใจ รถตำรวจประมาณ 5 คันก็ขับมายังบังกะโลอย่างรวดเร็ว พวกนั้นขับมาจอดแล้วลงจากรถ จากนั้นก็ตรวจค้นบังกะโลทุกซอกทุกมุม ตัวของมิกิมองนาฬิกา ก็พบว่าเป็นเวลาประมาณ 8 โมง 7 นาทีแล้ว

    “ผมบอกแล้ว ไอ้เฮียเจ้าของท่าเรือมันหักหลังคุณแล้ว” 

    “เออ แล้วนายจะให้ฉันทำยังไง??” มิกิถามไป

    “คุณมิกิมีบ้านพักอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ผมจะพาไปเองครับ” 

    “แล้วนี่ รู้ตำแหน่งฉันได้ยังไงหล่ะ??” มิกิถามไป

    “คนในวงการรู้กันหมด ว่าถ้าอยากขึ้นเรือเพื่อหนีออกนอกประเทศ ต้องมาที่ท่าเรือนี้เท่านั้น ผมมีเส้นทางลับ พวกเราจะพาคุณไปที่เซฟเฮ้าส์ของคุณเบ็ตตี้ครับ” ลูกน้องของเบ็ตตี้พูดขึ้น จากนั้นก็ขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว

     

    กลับมายังถ้ำของวิบัติ ตัวของวิบัติเองพยายามจะนั่งสมาธิเพื่อฝึกฝนวิชารวมสองวิญญาณเข้าด้วยกันเพื่อเพิ่มพลังในการต่อสู้กับโซนิค แต่จนแล้วจนรอด ตัวของเขาก็ยังคงทำไม่สำเร็จ ตัวของเขาลืมตาขึ้นมาพร้อมกับอาการเจ็บปวดร่างกาย

    “นายท่านขอรับ” วิญญาณรับใช้ของเขาพูดขึ้น

    “เฮ้อ ไม่น่าเชื่อว่ามันจะแรงกว่าที่ข้าคิด” วิบัติพูดขึ้น

    “กระผมว่า นายท่านอย่าฝืนตัวเองเลยนะขอรับ” 

    “หากข้าไม่ลอง แล้วข้าจักรู้ได้เยี่ยงไรเล่า” วิบัติพูดขึ้น

    “แต่ว่า พ่อของท่านก็ป่วยหนักเพราะพยายามฝึกฝนวิชานี้นะขอรับ”

    “ข้าไม่ยอมหยุดเพียงเท่านี้ดอก ข้าแค่ชีวิตเดียว ข้าห่วงแต่ชีวิตอื่นด้วยหน่ะสิ” วิบัติพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็พยายามจะนั่งสมาธิเพื่อฝึกฝนวิชาต่อ

     

    ณ ห้องพักรับรองของนายสิงห์ สนามบินสุวรรณภูมิ ตัวของนายสิงห์หลังจากที่ได้โทรศัพท์คุยกับกลุ่มของนาวินแล้ว ตัวของเขาก็รู้ว่าจะไม่ได้พบกับลูกของเขาอีกแล้ว ตัวของเขานั่งเศร้าอยู่ในห้อง และในขณะเดียวกันนั้นเอง เลขาของเขาก็เดินกลับเข้ามาในห้อง โดยที่เอาโทรศัพท์เครื่องหนึ่งมาให้กับเขาได้ดูด้วย

    “ท่านค่ะ คือว่า มันอาจจะรุนแรง แต่ท่านน่าจะดูหน่อยนะคะ”

    เลขายื่นโทรศัพท์เครื่องนั้นให้นายสิงห์ดูในทันที

    “พ่อครับ ผมขอโทษ ผมขอโทษจริงๆ ผมรักพ่อนะครับ”

    นายสิงห์เห็นตอนนั้นจึงรีบปัดโทรศัพท์ทิ้งไปในทันทีอย่างหัวเสีย

    “มันไม่เคยทำอะไรให้ฉันภูมิใจเลย ฮือๆๆๆๆ” นายสิงห์พูดพลางร้องไห้ออกมา เลขาของเขาต้องมาคอยปลอบเขาไว้

    “ไม่เป็นไรนะคะท่าน ท่านจะให้เราเอาคืนพวกมันหรือเปล่าคะ??”

    “ไม่ พอแค่นี้เถอะ ฉันเสียลูกฉันไปแล้ว ฉันจะไม่ยอมเสียใครไปอีก” นายสิงห์พูดขึ้น

    “ค่ะ ดิฉันเข้าใจแล้วค่ะ”

    “เครื่องพร้อมหรือยัง ฉันอยากจะไปแล้ว??” นายสิงห์ถามไป

    “เรียบร้อยแล้วค่ะ เครื่องพร้อมออกเดินทางแล้วค่ะ” เลขาพูดขึ้น และในขณะเดียวกัน จู่ๆ ก็มีโทรศัพท์ติดต่อมาในมือถือของเลขา เลขาของเขาก็รับโทรศัพท์ในทันที

    “ฮัลโหล อืม โอเค” เลขาฟังและพูดสั้นๆ จากนั้นก็วางสายในทันที

    “ท่านคะ ตำรวจนำกำลังมาค้นบ้านท่านแล้วค่ะ”

    “คงไม่มีเวลาแล้ว รีบออกเดินทางกันเลย” นายสิงห์พูดขึ้น

     

    กลับมายังฐานทัพของดันเต้ หลังจากที่พวกเขาจัดการเรื่องของนายแสนที่บุกเข้ามาเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็มารอฟังข่าวเกี่ยวกับการต่อสู้กันเองระหว่างโซนิคและหน่วย UNASO ในตอนนั้นดันเต้ก็เรียกทุกคนมาคุยด้วยอย่างรวดเร็ว

    “ทุกคนครับ คุณเบ็ตตี้ติดต่อมา พวกเธอยืนยันว่าโซนิคหนีไปได้ครับ”

    “โซนิคหนีไปได้ ถ้าอย่างงั้นพวก UNASO ต้องปิดเมืองตามล่าเขาแน่” นาวินพูดขึ้น

    “ใช่ครับพี่ ผมลองสอดแนมวิทยุตำรวจ ตอนนี้พวกนั้นปิดเส้นทางเข้าออกกรุงเทพแทบทุกที่เลยครับ” ภาภินพูดขึ้น

    “ไม่รู้ว่าคุณซูจะเป็นยังไงบ้างนะเนี่ย” ฮารุพูดขึ้น

    “ฉันว่าเธอคงไม่เป็นอะไรมากหรอก” เวียนพูดขึ้น และในขณะที่พวกเขากำลังคุยกัน จู่ๆ วิญญาณตนหนึ่งก็ล่องลอยมาหาพวกเขา จากนั้นก็มาคุยกับพวกเขาอย่างรวดเร็ว

    “ทุกคน นี่ข้าวิบัติเอง!!”

    “อ้าว คุณวิบัติ ตอนนี้ปลอดภัยดีนะครับ??” ดันเต้ถามไป

    “ข้าปลอดภัยดี แต่เพลานี้ไอ้บ้าโซนิคมันหนีรอดไปได้ ข้าส่งวิญญาณของข้าออกเสาะหามันแล้ว” วิบัติพูดขึ้น

    “ผมว่าไม่ต้องหรอกครับ หมอนั่นต้องเปิดเผยตัวออกมาแน่” นายลุ้นพูดขึ้น

    “จริงด้วย หมอนั่นคงต้องเริ่มเดินเกมแล้ว” โจไซอาห์พูดขึ้น

    “ถ้าเช่นนั้น ข้าจักระดมกองกำลังวิญญาณของข้ามาช่วยเสริม หากพวกมันต้องการต่อรบ” วิบัติพูดขึ้น

    “ปัญหาก็คือ เราจะทำยังไง ให้เมืองนี้เสียหายน้อยที่สุด” อินเนสซ่าพูดขึ้น

    “นั่นสิคะ ไม่อย่างงั้นชาวบ้านชาวเมืองได้พลอยเดือดร้อนกันหมดแน่ๆ” ลาลินพูดขึ้น

    “ผมว่า ต่อให้รับบาลจะสั่งอพยพคน ก็คงไม่ทันแน่นอนครับ” ซีโร่พูดขึ้น

    “เฮ้อ เห็นทีคนไทยคงจะเลี่ยงศึกใหญ่นี้ไม่ได้แน่ๆ” โลร็องต์พูดขึ้น

    “หรือว่า เราจะไปตามล่าโซนิคก่อนดีหล่ะ??” ลูโดวิกถามไป

    “ฉันว่าไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกค่ะ ถ้าเกิดเราไปรบกับพวกนั้น พวก UNASO อาจจะมาซ้ำพวกเราแน่ๆ” พัตติยาพูดขึ้น

    “ตอนนี้เราต้องตามหาโซนิคก่อน เราต้องรู้ให้ได้ด้วยว่ามันกำลังจะทำอะไร งานนี้คงมีชะตากรรมของโลกเป็นเดิมพันแล้วหล่ะ” นาวินบอกกับทุกคนไป

    ====================================================================

    โซนิคจะมีแผนอะไรต่อไป และศึกใหญ่ของนาวินครั้งนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย

    https://ko-fi.com/shinobinon ถูกใจนิยาย อยากเลี้ยงกาแฟผม จัดเลย

    R.I.P. นายลืม วูฟ รูกิ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×