NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    『Whisper of LOVE • Short Fanfiction』

    ลำดับตอนที่ #27 : ▲ [D.Gray man] White & Dark lord (Tyki x Allen) - Part 6

    • อัปเดตล่าสุด 14 มิ.ย. 65


    แนะนำกดเล่นเพลงเพื่ออรรถรสได้นะคะ :)










           ความจริงแล้วปลายทางของการออกมาข้างนอกในวันนี้ไม่ใช่การซื้อของ แต่เป็นคฤหาสน์ของอีกหนึ่งคนในตระกูลโนอา ลอร์ดทีกี้ได้รับเชิญในฐานะผู้นำตระกูลให้เข้าร่วมงานวันเกิดของไวส์ลี่ คาเมล็อต ผู้ชายที่มีตาสามดวงบนหน้าผากคนนั้น

     

           ความโอ่อ่าของคฤหาสน์ที่ไม่ได้ต่างไปจากที่ที่จากมา ร่วมกับบรรยากาศครื้นเครงของงานทำให้อเลนรู้สึกประหลาดใจกับกิจวัตรประจำวันของคนรวยนัก โนอาก็ใช้ชีวิตเหมือนมนุษย์ทั่วไปทุกอย่าง ไม่เคยเห็นว่าพวกเขาจะสนใจการครอบครองอำนาจอย่างที่ศาสนจักรกำลังทำ

     

           ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ที่เกิดความขัดแย้งระหว่างสองขั้วอำนาจ ถ้าทั้งสองฝ่ายเลือกที่จะต่างคนต่างอยู่ตั้งแต่แรกก็คงไม่ต้องมีการสูญเสียที่เปล่าประโยชน์ ทั้งอย่างนั้นแต่ศาสนจักรกลับไม่ยอมรามือและพยายามส่งเจ้านั่นมารุกรานอีกครั้ง

     

           ในระหว่างที่กำลังจมอยู่ในความคิด หน้าผากมนของอเลนก็ชนเข้าอย่างจังกับกำแพงมนุษย์ที่อยู่ๆก็หยุดเดินอย่างกะทันหัน เขาผละออกมายืนลูบหัวตัวเองป้อยๆ ก่อนจะเห็นว่าเจ้าของใบหน้าคมคายหันกลับมามองพร้อมยื่นฝ่ามือที่สวมถุงมือสีขาวมาไว้ตรงหน้า

     

    “ทำอะไรครับ” มันเหมือนกับเจ้าของกำลังขอมือสุนัขไม่มีผิด คนตัวเล็กกว่ายิ่งขมวดคิ้วเมื่อเห็นรอยยิ้มอ่อนโยนจากอีกฝ่าย

     

    “ข้างในนั่นปีศาจเยอะ เธอจะไม่กลัวจนตัวสั่นเหมือนคราวก่อนอีกหรือไง”

     

           คนๆนี้สังเกตปฏิกิริยาของเขามาโดยตลอด ทั้งที่รู้ว่ากลัวมากขนาดนั้นก็ยังลากไปไหนมาไหนด้วย เพราะเมื่อครู่มัวแต่เหม่อจึงเพิ่งรู้สึกตัวถึงกลิ่นอายปีศาจรอบตัวที่ไม่ได้มีเพียงคนในตระกูลโนอา อย่างน้อยก็มีปีศาจตนอื่นๆสักสิบยี่สิบคนอยู่ในงานด้วย

     

    “ไม่เป็นไรครับ” สองมือเล็กกระชับเสื้อคลุมตัวนอกให้แน่นขึ้นก่อนปั้นสีหน้าไม่พอใจใส่คนตรงหน้า

     

           จริงอยู่ว่าระยะหลังรวมถึงวันนี้ทีกี้ทำตัวใจดีกว่าทุกครั้ง มันทำให้คนตัวเล็กตอบสนองกลับไปไม่ถูก แต่ก็ยังไม่ได้ลืมสิ่งที่ร่างผมยาวของชายคนนี้เคยทำเอาไว้ในคืนแรมนั่น หากเข้าใกล้มากเกินไปอเลนก็กลัวว่าคนตัวใหญ่จะกระโจนเข้ามากัดคออีก เขาไม่ได้มีพละกำลังพอจะไปต่อต้านไหวเลยสักนิด

     

           รอยยิ้มพอใจปรากฏขึ้นบนริมฝีปากได้รูปของคนอายุมากกว่าหลังเห็นใบหูของอีกฝ่ายที่ขึ้นสีแดงจางๆ วันนี้เขาเอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่หลังจากทำหน้าบึ้งตึงมาหลายวัน อเลนไม่เข้าใจเหตุผลและยังไม่กล้าพอที่จะมองตาคู่คมนั้นตรงๆ ไม่ว่าอย่างไรมันก็น่ากลัวเกินไปในหลายๆความหมาย

     

    มือเรียวยกขึ้นสัมผัสรอยฟันที่คอที่ตอนนี้ทิ้งไว้เพียงสะเก็ดแผล ก่อนปลายเท้าทั้งคู่จะก้าวเดินตามร่างข้างหน้าไปโดยไม่กล้าทิ้งระยะห่างมากนัก

          

    ไม่ปฏิเสธว่าผู้คนจำนวนมากมายทำให้มนุษย์เพียงคนเดียวรู้สึกหวาดกลัว คงเป็นเพราะเสื้อโค้ทของทีกี้ เด็กหนุ่มจึงไม่ได้เป็นที่สนใจต่อใครเท่าไรนัก และมีโร้ดที่วิ่งแจ้นเข้ามาเกาะแขนด้วยท่าทีสนิทสนมเลยทำให้สามารถคลายความตึงเครียดลงได้บ้าง

     

           เบื้องหน้าคือเหล่าสมาชิกจากตระกูลโนอาที่ยืนรวมกันตรงกลางห้องโถง เพราะผิวสีน้ำตาลเทาที่เป็นเอกลักษณ์จึงทำให้พวกเขาดูโดดเด่นท่ามกลางคนหมู่มาก เจ้าของงานผู้มีเรือนผมสีขาวเบนความสนใจมายังใบหน้าของบรรณาการเมื่อเจ้าตัวมาถึง พลางยกมือขึ้นโบกทักทายราวกับรู้จักกันมานาน

     

    “นายนี่มันใจร้ายจังเลยนะ พาตัวเจ้าสาวมางานวันเกิดฉันเพราะมีจุดประสงค์อย่างอื่นงั้นหรอ”

     

           ตาหลายดวงบนใบหน้าที่จับจ้องมาทำให้อเลนสะดุ้ง ไม่ว่าจะใต้คิ้วหรือบนหน้าผาก ม่านตาสีทองนั่นก็ราวกับกำลังจะอ่านความคิดในหัวของเขาได้ ทันทีที่คิดแบบนั้นไวส์ลี่ก็ระบายยิ้มทะเล้นราวกับกำลังตอบความสงสัย

     

    ไม่จำเป็นต้องเล่าให้มากความ ไวส์ลี่ก็สามารถทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดจากทั้งสองคนตรงหน้า

     

    “บอกให้สบายใจไว้ก่อนว่าไม่ใช่ฝีมือเขาหรอกนะทีกี้”

     

    คนโดนจ้องไม่เข้าใจบทสนทนานั้น ส่วนคนพูดก็ดูจะมีท่าทีสนใจอย่างออกนอกหน้า

     

    “ว่าแต่อเลน วอล์คเกอร์ พออยู่ในชุดของทีกี้แล้วมองไม่ออกเลยนะว่าเป็นผู้หญิงหรือเป็นผู้ชาย”

     

           ได้มองชัดๆแล้วจึงรู้ว่าเด็กหนุ่มมีองค์ประกอบของใบหน้าน่ารักราวกับตุ๊กตา ทั้งเสื้อที่สวมใส่ก็หลวมโคร่งจนต้องพับแขนเสื้อเข้ามาไม่ให้เทอะทะ แม้จะบดบังสรีระที่แท้จริง แต่อย่างน้อยกลิ่นอายของทีกี้ก็ช่วยปกปิดความเป็นมนุษย์ของเขาได้ดี

     

    ปากบอกไม่ชอบ แต่ก็ใส่ใจเขาน่าดูเลยนี่

     

    “วันแรกที่เจอกันก็เผลอคิดว่าเป็นสาวน้อยน่ารักไปซะแล้ว”

     

    “ผมเป็นผู้ชายครับ” เจ้าของวันเกิดยิ้มขำเมื่อเห็นสีหน้าไม่รับแขกของฝ่ายตรงข้าม อเลนรีบถอยหลังหนีเมื่อเห็นว่าคนอายุไล่เลี่ยกันทำท่าเหมือนจะเข้ามาใกล้ วันนั้นด้วยเหตุสุดวิสัยถึงต้องใส่กระโปรงอย่างช่วยไม่ได้ต่างหาก

     

    แต่รู้ตัวอีกทีแก้วเครื่องดื่มใบหนึ่งก็โดนยัดใส่มือ พร้อมกับแขนหนักๆที่วางพาดมาบนบ่าเสียแล้ว

     

    “ไม่—!

     

    “ดื่มแล้วไม่สบายเลยหรอ” ทำไมพูดเหมือนรู้สิ่งที่กำลังคิดไปหมด

     

    “นายอ่านความคิดผมหรอครับ” คนจากศาสนจักรพยายามแกะแขนของอีกฝ่ายออกอย่างทุลักทุเล มองไปรอบข้างก็ไม่เห็นทีกี้ที่ยืนอยู่ด้วยกันอีกแล้ว พอรู้ว่าอยู่กับโนอาแล้วจะไม่เป็นอะไรก็ปล่อยทิ้งไว้แบบนี้เลยเนี่ยนะ

     

    “ฮะฮะ ดื่มๆเข้าไปเถอะน่า”

     

           ต่อต้านไปก็เหมือนทำอะไรไม่ได้ อีกฝ่ายเป็นปีศาจที่มีพละกำลังมากกว่า เสียงหัวเราะกับท่าทางตื่นเต้นเริ่มจะทำให้อเลนรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อยแล้ว

     

    “เดี๋ยว—!” ของเหลวสีแดงถูกกรอกลงคออย่างไม่ทันตั้งตัว ถ้าไม่ย่นคอหนีเด็กหนุ่มคงโดนแก้วกระแทกปากแตกไปแล้ว แอลกอฮอล์ทำให้เขารู้สึกแสบร้อนไปทั้งอก ซักพักความร้อนนั้นก็ตีขึ้นมาบนใบหน้าผสมปนเปกับความรู้สึกมึนหัว

      

    ทำไมต้องจงใจให้ดื่มขนาดนี้ด้วย… เขามันไม่ค่อยถูกโรคกับเครื่องดื่มมึนเมาซักเท่าไรนัก

     

    “ทำอะไรของนายเนี่ย” เสียงทุ้มที่คุ้นเคยเอ่ยขึ้นพร้อมกับแรงกระชากจนร่างบางชนเข้ากับแผ่นอกกว้าง ทิ้งช่วงหันไปคุยกับคนอื่นๆในตระกูลแค่แป๊บเดียวก็หันมาเจอไวส์ลี่กำลังกอดคอยัดแก้วเครื่องดื่มใส่ปากอเลนเสียแล้ว

     

    “เข้าใจเลยว่าทำไมนายถึงชอบแกล้งเขานัก หมอนี่น่ารักชะมัดเลยนี่นาทีกี้” เจ้าของวันเกิดเซไปเซมาแต่ก็ยังไม่ละความพยายามที่จะพ่นหัวเราะออกมา

     

    นั่นไงล่ะ… เจ้าไวส์ลี่กำลังเมาชัดๆ

     

    “หนุ่มน้อย เธอโอเคไหม” ผู้นำตระกูลโนอาละความสนใจจากคนเมาและย้ายสายตามาจับจ้องยังคนตัวเล็กข้างตัว อเลนสะบัดใบหน้าสองสามครั้งก่อนยกมือขึ้นมาบีบนวดขมับที่กำลังเต้นตุบๆของตัวเองเบาๆ

     

    “มึนๆนิดหน่อยครับ”

     

    คออ่อนกว่าที่คิด… ดื่มเข้าไปแค่แก้วเดียวก็เป็นได้ขนาดนี้เลยหรอ

     

           มือหนาจับไหล่ที่โซซัดโซเซให้ยืนนิ่งๆ พวงแก้มที่ขึ้นสีแดงกับดวงตาคู่สวยที่ในเวลานี้ฉ่ำวาวไปด้วยน้ำตาสะกดให้เขาไม่อาจละสายตาออกไปได้ ราวกับว่าก้อนเนื้อใต้อกเต้นแรงขึ้นมากะทันหัน เด็กหนุ่มไม่ได้รู้ตัวด้วยซ้ำว่าอานุภาพของการเป็นโซลเมทมันรุนแรงแค่ไหน

     

    แต่แล้วร่างที่เคยอยู่ในมือก็โดนกระชากออกไปอีกครั้ง ผู้มาใหม่คือเด็กสาวผมสั้นที่กอดแขนอเลนไว้แน่น

     

    “อันตรายชะมัดเลย วันนี้ฉันจะไปนอนด้วย” โร้ดกรอกตามองมายังใบหน้าคมคายราวกับต้องการตำหนิ

     

    “ทิ้งอเลนไว้กับนายตามลำพังไม่ได้หรอกนะ”

     

    เข้าใจแล้วล่ะน่า” ว่าที่ผู้นำตระกูลยกมือขึ้นมาจับผมตัวเองเหมือนคนไม่รู้จะวางมือลงตรงไหน ทั้งอย่างนั้นใบหน้าหล่อเหลากลับกำลังเจือไปด้วยสีระเรื่อ อีกคนที่โดนดึงไปมาตั้งแต่เมื่อครู่ก็รีบยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองก่อนบ่นกระปอดกระแปด

     

    “หยุดกระชากซักทีได้ไหมครับ ผมรู้สึกอยากจะอ้วกอยู่แล้ว”

     

     

     

     

     

     

           สิ่งหนึ่งที่อเลนรับรู้หลังมาในฐานะบรรณาการคือหัวหน้าตระกูลโนอาไม่ชอบเข้าสังคม เขาจะไม่ไปงานรื่นเริงอะไรเลยนอกจากคำเชิญของคนในตระกูลเท่านั้น เป็นครั้งแรกที่เด็กหนุ่มเห็นชายคนนั้นกำลังนั่งทำงาน กองเอกสารมากมายวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะรับแขก ดวงตาสีทองกำลังจ้องนิ่งเข้าไปในหนังสือเล่มหนึ่งที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับอัญมณี

     

    ดูเหมือนเจ้าตัวจะเป็นเจ้าของเหมืองแร่หลายที่ในโลกปีศาจแห่งนี้ ไม่แปลกใจว่าเหตุใดเขาจึงซื้อของราคาแพงได้อย่างไม่เสียดาย

     

           นับตั้งแต่วันแรกที่มาถึง เด็กหนุ่มก็ทำหน้าที่ประหนึ่งเป็นพ่อบ้านส่วนตัวของชายคนนี้มาโดยตลอด ไม่ว่าทีกี้จะไปที่ไหน เขาก็โดนสั่งมาว่าให้ตามไปด้วยทุกฝีก้าว ทั้งอย่างนั้นกลับยังไม่ถอดสถานะเจ้าสาวของโนอาออกไป ซึ่งมันทำให้อเลนวางตัวไม่ถูกว่าต้องปฏิบัติตัวแบบไหนกันแน่

     

           กายสูงใหญ่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวยาวที่ฉลุลายหรูหราเกินความจำเป็น เขาวางหนังสือเล่มหนาลงบนตัก ยกแก้วเซรามิกที่มีชากลิ่นดอกไม้ขึ้นมาจิบก่อนบีบนวดขมับของตนเองเบาๆ แม้จะไม่ได้พูดออกไปตรงๆ แต่ทีกี้ชอบกลิ่นของอเลน พ่อบ้านจึงเป็นเหตุผลที่ดีที่สุดที่จะมีคนตัวเล็กอยู่ใกล้ๆได้ตลอดเวลา

     

    ดวงตาสีทองละออกจากกองเอกสารตรงหน้า ก่อนย้ายมายังใบหน้าหวานของคนที่ยืนอยู่ไม่ห่างออกไป

     

    “หนุ่มน้อย เธอเองก็มานั่งตรงนี้สิ” มือหนาตบลงตรงที่ว่างข้างตัวเป็นจังหวะ ส่งให้คนมองได้แต่ขมวดคิ้วงุนงงจนสามารถอ่านสีหน้าออกมาได้ชัดเจนว่าคนตรงหน้ากำลังทำอะไรแปลกๆอยู่

     

    สำหรับอเลนแล้ว ลอร์ดทีกี้ มิกก์ก็ยังเป็นผู้ชายที่น่ากลัวอยู่ดี

     

    “ไม่เอาหรอกครับ ผมไม่ชอบอ่านหนังสือ”

     

    เพราะประโยคปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย ทำให้ดวงตาสีทองยังคงจ้องเขม็งเข้ามาในดวงตาของเขา และไม่มีทีท่าว่าจะยอมเลิกจ้องง่ายๆเสียด้วย

     

    อะไรของเขาอีกล่ะ

     

    “มานั่งตรงนี้เถอะน่า” เสียงทุ้มเอ่ย น้ำเสียงนั้นไม่ใช่ทั้งการดุหรือออกคำสั่ง

     

           ทีกี้ไม่ปล่อยโอกาสให้คิ้วของเด็กหนุ่มคลายออกจากกันเลยด้วยซ้ำ ยิ่งอยู่ด้วยก็ยิ่งเข้าใจยาก จึงตัดสินใจพาร่างของตัวเองลงไปทิ้งกับที่ว่างอีกฟากของเก้าอี้ทั้งความงุนงง กายบางขยับไปจนชิดกับพนักวางแขนอีกข้าง ท่านั่งก็พาลแข็งเกร็งอย่างไม่เป็นธรรมชาติ

     

    อยู่ๆก็นึกสงสารเขาที่ยืนอยู่มุมห้องมานานร่วมชั่วโมงขึ้นมาหรือไง

     

    ทำอะไรของคุณน่ะครับ!

     

           อยู่ๆความรู้สึกหนักอึ้งที่ตักก็ทำให้ทั้งร่างต้องสะดุ้งโหยง เมื่ออยู่ๆร่างสูงก็ทิ้งตัวลงนอนตรงหน้า ใบหน้าหล่อเหลาปรากฏขึ้นเมื่อเจ้าตัวตั้งใจวางศีรษะลงบนหน้าขาของพ่อบ้านจำเป็นโดยไม่ขออนุญาต เปลือกตาบางทั้งสองข้างปิดสนิทลงจนเห็นแพขนตาเรียงสวย และริมฝีปากได้รูปคงไว้ซึ่งรอยยิ้มบางๆ

     

    “ฉันเหนื่อยน่ะ ขอนอนเฉยๆซักพักแล้วกัน”

     

    “คุณ…!

     

           จะเอ่ยทักท้วงแต่ก็จำต้องกลืนคำพูดลงคอไปเมื่อเห็นหัวคิ้วของอีกฝ่ายที่เริ่มคลายออกอย่างผ่อนคลาย หนังสือเล่มเดิมที่เจ้าตัวให้ความสนใจมาตั้งแต่เมื่อครู่ถูกวางคว่ำลงบนหน้าท้อง ยกขายาวขึ้นวางพาดบนพนักวางแขนอีกข้างที่ว่างอยู่ ก่อนลมหายใจของคนตัวสูงจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นจังหวะสม่ำเสมอ

     

           สิ่งที่อเลนทำมีเพียงการนั่งมองภาพคนตรงหน้าโดยไม่พูดอะไร ทีกี้ทำแค่นอนเฉยๆจริงๆอย่างปากว่า และเหมือนเจ้าตัวจะหลับไปแล้วเสียด้วย ใฝเล็กๆใต้ตาข้างซ้ายดึงดูดสายตาคนมองได้ไม่ยาก ได้กลิ่นบุหรี่อ่อนๆติดตามเสื้อผ้าของอีกฝ่ายแม้ในเวลานี้จะไม่ได้สูบแล้วก็ตาม

     

    สิ่งที่เด็กหนุ่มทำมีเพียงปล่อยให้คนตัวสูงใช้ตักนอนต่างหมอนต่อไป …เพียงแค่นั้นจริงๆ

     

     

     

     

     

     

           น่าประหลาดที่เวลาผ่านไปรวดเร็วอย่างไม่รู้ตัว แม้จะไม่ใช่ทุกวัน แต่ทีกี้มักจะเรียกเด็กหนุ่มเข้าไปที่ห้องทำงานและใช้ตักของเขาต่างหมอนทุกครั้งที่อยากงีบ แม้ช่วงหลังๆอเลนจะตั้งใจถือหมอนติดมือมาด้วย เจ้าตัวก็ยังปฏิเสธและบอกว่าต้องเป็นตักเท่านั้นถึงจะนอนหลับ

     

    ฟังทีไรก็ให้ความรู้สึกขนลุกแปลกๆ อเลนคิดว่าผู้ชายคนนั้นน่าจะกำลังสนุกกับการแกล้งเขาอยู่

     

           หลังจากเหตุการณ์วันนั้นก็ดูเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งคู่จะดีขึ้นนิดหน่อย มีบ่อยครั้งที่โร้ดแวะเวียนเข้ามาที่คฤหาสน์แห่งนี้ บางครั้งก็พาคุณครูมาสอนหนังสือบ้าง เหตุผลที่ทำให้เด็กคนนั้นอยากมาอยู่ที่คฤหาสน์ของทีกี้มากกว่าบ้านตัวเองนั่นเป็นเพราะเขา ซึ่งอเลนก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าตัวเองไปทำอะไรให้เด็กสาวถูกใจได้ขนาดนั้น

     

           ช่วงเวลาวนมาถึงวันพระจันทร์เต็มดวงอีกแล้ว เพราะงานของพ่อบ้านต้องตัวติดกับเจ้านายตลอดทั้งวัน กว่าทีกี้จะยอมปล่อยเขาออกมาพระอาทิตย์ก็เริ่มตกดินแล้ว กว่าจะจัดการธุระส่วนตัวเสร็จอีกท้องฟ้าก็มืดสนิทเสียก่อน

     

           เหมือนกับวันนั้นที่เด็กหนุ่มพาร่างออกมาจากห้องอาบน้ำในเวลาฟ้ามืด เขาสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ไปแตะต้องประตูห้องของเจ้าของคฤหาสน์อีกเด็ดขาด ปลายเท้าทั้งคู่รีบตรงไปยังห้องตัวเองอย่างแน่วแน่ ลมเย็นๆของยามค่ำคืนทำให้ใจไม่ดีว่าอาจจะเจอกับร่างที่แยกออกเป็นสองของชายคนนั้นได้ตลอดเวลา ได้แต่ภาวนาให้ลางสังหรณ์ครั้งนี้ไม่เป็นจริงก็คงดี

     

    ไง ออกมาทำอะไรดึกๆล่ะหนุ่มน้อย

     

           เสียงทุ้มที่ทักขึ้นมาอย่างถูกจังหวะทำให้ไหล่ลาดของอเลนสะดุ้งโหยงอย่างแรง ทันทีที่หางตามองเห็นร่างโปร่งของผู้นำตระกูลยืนอยู่ตรงหน้า แม้จะเป็นร่างที่มีผิวสีไข่ไก่เหมือนมนุษย์ แต่แขนทั้งสองข้างก็ยกขึ้นมาตั้งการ์ดโดยอัตโนมัติ

     

    “คุณ อย่าเข้ามาใกล้ผมนะครับ!” รางสังหรณ์ของเขามันจะไม่แม่นเกินไปหน่อยหรือไงนะ

     

           ท่าทางแปลกประหลาดทำให้คนตรงหน้าหลุดก้อนหัวเราะออกมาอย่างไม่อาจกลั้น อเลนที่ไม่เคยเห็นภาพแบบนั้นมาก่อนได้แต่ทำหน้างงเป็นไก่ตาแตก อีกฝ่ายไม่ได้มีท่าทีคุกคามหรือขยับกายเข้ามาใกล้ ดวงตาสีขี้เถ้าจึงรีบตวัดหาอีกร่างที่ยังไม่ปรากฏตัว

     

           เพราะคืนแรมและพระจันทร์เต็มดวงทีกี้จะถูกแยกออกเป็นสอง บางทีร่างผมยาวอาจจะปรากฏตัวออกมาเมื่อไรก็ได้ เมื่อถึงตอนนั้นเด็กหนุ่มจะไม่อาจรับประกันสวัสดิภาพของตนได้อีก

     

    “ขอโทษที่ก่อนหน้านี้เจ้านั่นทำตัวหยาบคายกับเธอด้วยแล้วกัน”

     

           ริมฝีปากอิ่มระบายยิ้ม พร้อมกับดวงตาสีทองที่จ้องเข้ามาในตาของเขา สายตาแบบนี้อีกแล้วที่อเลนมองว่ามันน่ากลัวเสียเหลือเกิน แม้รูปลักษณ์ภายนอกนอกจากสีผิวจะเหมือนกับทีกี้ทุกประการ แต่ร่างนี้กลับให้ความรู้สึกอ่อนโยนกว่า ทั้งยังไร้กลิ่นอายของปีศาจ ราวกับว่าเขาเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น

     

    แกคิดจะทำอะไรของของฉัน

     

           แต่ก็นั่นแหละ… อเลนยังไม่ได้ลืมประโยคที่คนๆนี้พูดขึ้นครั้งแรกที่เจอกันหรอกนะ เขารีบเบนหน้าหลบสายตาคู่คม ความรู้สึกเห่อร้อนกำลังตีขึ้นมาบนใบหน้าอย่างไม่มีสาเหตุ ร่างบางไม่รู้ว่าควรต้องเดินไปทางไหน หรือมีทางใดบ้างที่เขาจะรอดออกไปจากสถานการณ์น่าอึดอัดนี้ได้

     

    อย่างน้อยการดักเจอครั้งนี้คงไม่ได้มีเป้าหมายแค่มากล่าวราตรีสวัสดิ์กันสั้นๆอย่างแน่นอน

     

    “คุณต้องการอะไรจากผมครับ” ปลายเท้าทั้งคู่ถอยกรูดออกไปโดยอัตโนมัติ ไม่กลับห้องทางนี้ก็ได้ เขายอมเดินอ้อมปราสาทออกไปอีกทางเลย

     

    เจ้าของดวงตาสีทองที่ยังไม่ได้ละสายตาออกไปตั้งแต่เมื่อครู่ยกยิ้มขำ ท่าทางขี้ตกใจของเด็กตรงหน้ามันดูเหมือนกับกระต่ายตัวน้อยๆไม่มีผิด

     

    “ทำไมยืนห่างตั้งขนาดนั้น ฉันไม่ทำอะไรหรอกนะ”

     

    อเลนขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น คำพูดของผู้ชายคนนี้ไม่ได้ดูน่าเชื่อถือเลยซักนิด

     

    “จนกว่าจะเช้าฉันกลับร่างเดิมไม่ได้ นอนก็ไม่ได้เหมือนกัน”

     

     

    งั้นเธอมาอยู่เป็นเพื่อนฉันหน่อยแล้วกัน   

     



     






              

    ทั้งสองคนกำลังค่อยๆเปิดใจเข้าหากันแล้วค่ะ
    บรรยากาศเรื่องเลยนุบนิบหัวใจขึ้นกว่าเดิมมากทีเดียว

    ที่จริงทีกี้เขาก็น่ารักนะ แต่ทิฐิมันบังตาแหละเนาะ
    กว่าจะยอมคุยกันดีๆก็ผ่านมาหลายตอนแล้ว;-;

    แล้วพบกันพาร์ทหน้าค่ะ





    SNAP
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×