คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #27 : ▲ [D.Gray man] White & Dark lord (Tyki x Allen) - Part 6
แนะนำกดเล่นเพลงเพื่ออรรถรสได้นะคะ :)
ความจริงแล้วปลายทางของการออกมาข้างนอกในวันนี้ไม่ใช่การซื้อของ แต่เป็นคฤหาสน์ของอีกหนึ่งคนในตระกูลโนอา ลอร์ดทีกี้ได้รับเชิญในฐานะผู้นำตระกูลให้เข้าร่วมงานวันเกิดของไวส์ลี่ คาเมล็อต ผู้ชายที่มีตาสามดวงบนหน้าผากคนนั้น
ความโอ่อ่าของคฤหาสน์ที่ไม่ได้ต่างไปจากที่ที่จากมา
ร่วมกับบรรยากาศครื้นเครงของงานทำให้อเลนรู้สึกประหลาดใจกับกิจวัตรประจำวันของคนรวยนัก
โนอาก็ใช้ชีวิตเหมือนมนุษย์ทั่วไปทุกอย่าง ไม่เคยเห็นว่าพวกเขาจะสนใจการครอบครองอำนาจอย่างที่ศาสนจักรกำลังทำ
ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ที่เกิดความขัดแย้งระหว่างสองขั้วอำนาจ
ถ้าทั้งสองฝ่ายเลือกที่จะต่างคนต่างอยู่ตั้งแต่แรกก็คงไม่ต้องมีการสูญเสียที่เปล่าประโยชน์
ทั้งอย่างนั้นแต่ศาสนจักรกลับไม่ยอมรามือและพยายามส่งเจ้านั่นมารุกรานอีกครั้ง
ในระหว่างที่กำลังจมอยู่ในความคิด
หน้าผากมนของอเลนก็ชนเข้าอย่างจังกับกำแพงมนุษย์ที่อยู่ๆก็หยุดเดินอย่างกะทันหัน
เขาผละออกมายืนลูบหัวตัวเองป้อยๆ
ก่อนจะเห็นว่าเจ้าของใบหน้าคมคายหันกลับมามองพร้อมยื่นฝ่ามือที่สวมถุงมือสีขาวมาไว้ตรงหน้า
“ทำอะไรครับ” มันเหมือนกับเจ้าของกำลังขอมือสุนัขไม่มีผิด
คนตัวเล็กกว่ายิ่งขมวดคิ้วเมื่อเห็นรอยยิ้มอ่อนโยนจากอีกฝ่าย
“ข้างในนั่นปีศาจเยอะ เธอจะไม่กลัวจนตัวสั่นเหมือนคราวก่อนอีกหรือไง”
คนๆนี้สังเกตปฏิกิริยาของเขามาโดยตลอด
ทั้งที่รู้ว่ากลัวมากขนาดนั้นก็ยังลากไปไหนมาไหนด้วย
เพราะเมื่อครู่มัวแต่เหม่อจึงเพิ่งรู้สึกตัวถึงกลิ่นอายปีศาจรอบตัวที่ไม่ได้มีเพียงคนในตระกูลโนอา
อย่างน้อยก็มีปีศาจตนอื่นๆสักสิบยี่สิบคนอยู่ในงานด้วย
“ไม่เป็นไรครับ”
สองมือเล็กกระชับเสื้อคลุมตัวนอกให้แน่นขึ้นก่อนปั้นสีหน้าไม่พอใจใส่คนตรงหน้า
จริงอยู่ว่าระยะหลังรวมถึงวันนี้ทีกี้ทำตัวใจดีกว่าทุกครั้ง
มันทำให้คนตัวเล็กตอบสนองกลับไปไม่ถูก
แต่ก็ยังไม่ได้ลืมสิ่งที่ร่างผมยาวของชายคนนี้เคยทำเอาไว้ในคืนแรมนั่น หากเข้าใกล้มากเกินไปอเลนก็กลัวว่าคนตัวใหญ่จะกระโจนเข้ามากัดคออีก
เขาไม่ได้มีพละกำลังพอจะไปต่อต้านไหวเลยสักนิด
รอยยิ้มพอใจปรากฏขึ้นบนริมฝีปากได้รูปของคนอายุมากกว่าหลังเห็นใบหูของอีกฝ่ายที่ขึ้นสีแดงจางๆ
วันนี้เขาเอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่หลังจากทำหน้าบึ้งตึงมาหลายวัน
อเลนไม่เข้าใจเหตุผลและยังไม่กล้าพอที่จะมองตาคู่คมนั้นตรงๆ
ไม่ว่าอย่างไรมันก็น่ากลัวเกินไปในหลายๆความหมาย
มือเรียวยกขึ้นสัมผัสรอยฟันที่คอที่ตอนนี้ทิ้งไว้เพียงสะเก็ดแผล
ก่อนปลายเท้าทั้งคู่จะก้าวเดินตามร่างข้างหน้าไปโดยไม่กล้าทิ้งระยะห่างมากนัก
ไม่ปฏิเสธว่าผู้คนจำนวนมากมายทำให้มนุษย์เพียงคนเดียวรู้สึกหวาดกลัว
คงเป็นเพราะเสื้อโค้ทของทีกี้ เด็กหนุ่มจึงไม่ได้เป็นที่สนใจต่อใครเท่าไรนัก
และมีโร้ดที่วิ่งแจ้นเข้ามาเกาะแขนด้วยท่าทีสนิทสนมเลยทำให้สามารถคลายความตึงเครียดลงได้บ้าง
เบื้องหน้าคือเหล่าสมาชิกจากตระกูลโนอาที่ยืนรวมกันตรงกลางห้องโถง
เพราะผิวสีน้ำตาลเทาที่เป็นเอกลักษณ์จึงทำให้พวกเขาดูโดดเด่นท่ามกลางคนหมู่มาก
เจ้าของงานผู้มีเรือนผมสีขาวเบนความสนใจมายังใบหน้าของบรรณาการเมื่อเจ้าตัวมาถึง
พลางยกมือขึ้นโบกทักทายราวกับรู้จักกันมานาน
“นายนี่มันใจร้ายจังเลยนะ
พาตัวเจ้าสาวมางานวันเกิดฉันเพราะมีจุดประสงค์อย่างอื่นงั้นหรอ”
ตาหลายดวงบนใบหน้าที่จับจ้องมาทำให้อเลนสะดุ้ง
ไม่ว่าจะใต้คิ้วหรือบนหน้าผาก
ม่านตาสีทองนั่นก็ราวกับกำลังจะอ่านความคิดในหัวของเขาได้
ทันทีที่คิดแบบนั้นไวส์ลี่ก็ระบายยิ้มทะเล้นราวกับกำลังตอบความสงสัย
ไม่จำเป็นต้องเล่าให้มากความ
ไวส์ลี่ก็สามารถทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดจากทั้งสองคนตรงหน้า
“บอกให้สบายใจไว้ก่อนว่าไม่ใช่ฝีมือเขาหรอกนะทีกี้”
คนโดนจ้องไม่เข้าใจบทสนทนานั้น
ส่วนคนพูดก็ดูจะมีท่าทีสนใจอย่างออกนอกหน้า
“ว่าแต่อเลน วอล์คเกอร์
พออยู่ในชุดของทีกี้แล้วมองไม่ออกเลยนะว่าเป็นผู้หญิงหรือเป็นผู้ชาย”
ได้มองชัดๆแล้วจึงรู้ว่าเด็กหนุ่มมีองค์ประกอบของใบหน้าน่ารักราวกับตุ๊กตา
ทั้งเสื้อที่สวมใส่ก็หลวมโคร่งจนต้องพับแขนเสื้อเข้ามาไม่ให้เทอะทะ
แม้จะบดบังสรีระที่แท้จริง
แต่อย่างน้อยกลิ่นอายของทีกี้ก็ช่วยปกปิดความเป็นมนุษย์ของเขาได้ดี
ปากบอกไม่ชอบ แต่ก็ใส่ใจเขาน่าดูเลยนี่…
“วันแรกที่เจอกันก็เผลอคิดว่าเป็นสาวน้อยน่ารักไปซะแล้ว”
“ผมเป็นผู้ชายครับ”
เจ้าของวันเกิดยิ้มขำเมื่อเห็นสีหน้าไม่รับแขกของฝ่ายตรงข้าม อเลนรีบถอยหลังหนีเมื่อเห็นว่าคนอายุไล่เลี่ยกันทำท่าเหมือนจะเข้ามาใกล้
วันนั้นด้วยเหตุสุดวิสัยถึงต้องใส่กระโปรงอย่างช่วยไม่ได้ต่างหาก
แต่รู้ตัวอีกทีแก้วเครื่องดื่มใบหนึ่งก็โดนยัดใส่มือ
พร้อมกับแขนหนักๆที่วางพาดมาบนบ่าเสียแล้ว
“ไม่—!”
“ดื่มแล้วไม่สบายเลยหรอ” ทำไมพูดเหมือนรู้สิ่งที่กำลังคิดไปหมด
“นายอ่านความคิดผมหรอครับ”
คนจากศาสนจักรพยายามแกะแขนของอีกฝ่ายออกอย่างทุลักทุเล
มองไปรอบข้างก็ไม่เห็นทีกี้ที่ยืนอยู่ด้วยกันอีกแล้ว
พอรู้ว่าอยู่กับโนอาแล้วจะไม่เป็นอะไรก็ปล่อยทิ้งไว้แบบนี้เลยเนี่ยนะ
“ฮะฮะ ดื่มๆเข้าไปเถอะน่า”
ต่อต้านไปก็เหมือนทำอะไรไม่ได้
อีกฝ่ายเป็นปีศาจที่มีพละกำลังมากกว่า
เสียงหัวเราะกับท่าทางตื่นเต้นเริ่มจะทำให้อเลนรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อยแล้ว
“เดี๋ยว—!”
ของเหลวสีแดงถูกกรอกลงคออย่างไม่ทันตั้งตัว
ถ้าไม่ย่นคอหนีเด็กหนุ่มคงโดนแก้วกระแทกปากแตกไปแล้ว
แอลกอฮอล์ทำให้เขารู้สึกแสบร้อนไปทั้งอก
ซักพักความร้อนนั้นก็ตีขึ้นมาบนใบหน้าผสมปนเปกับความรู้สึกมึนหัว
ทำไมต้องจงใจให้ดื่มขนาดนี้ด้วย… เขามันไม่ค่อยถูกโรคกับเครื่องดื่มมึนเมาซักเท่าไรนัก
“ทำอะไรของนายเนี่ย”
เสียงทุ้มที่คุ้นเคยเอ่ยขึ้นพร้อมกับแรงกระชากจนร่างบางชนเข้ากับแผ่นอกกว้าง
ทิ้งช่วงหันไปคุยกับคนอื่นๆในตระกูลแค่แป๊บเดียวก็หันมาเจอไวส์ลี่กำลังกอดคอยัดแก้วเครื่องดื่มใส่ปากอเลนเสียแล้ว
“เข้าใจเลยว่าทำไมนายถึงชอบแกล้งเขานัก
หมอนี่น่ารักชะมัดเลยนี่นาทีกี้”
เจ้าของวันเกิดเซไปเซมาแต่ก็ยังไม่ละความพยายามที่จะพ่นหัวเราะออกมา
นั่นไงล่ะ… เจ้าไวส์ลี่กำลังเมาชัดๆ
“หนุ่มน้อย เธอโอเคไหม”
ผู้นำตระกูลโนอาละความสนใจจากคนเมาและย้ายสายตามาจับจ้องยังคนตัวเล็กข้างตัว
อเลนสะบัดใบหน้าสองสามครั้งก่อนยกมือขึ้นมาบีบนวดขมับที่กำลังเต้นตุบๆของตัวเองเบาๆ
“มึนๆนิดหน่อยครับ”
คออ่อนกว่าที่คิด… ดื่มเข้าไปแค่แก้วเดียวก็เป็นได้ขนาดนี้เลยหรอ
มือหนาจับไหล่ที่โซซัดโซเซให้ยืนนิ่งๆ
พวงแก้มที่ขึ้นสีแดงกับดวงตาคู่สวยที่ในเวลานี้ฉ่ำวาวไปด้วยน้ำตาสะกดให้เขาไม่อาจละสายตาออกไปได้
ราวกับว่าก้อนเนื้อใต้อกเต้นแรงขึ้นมากะทันหัน
เด็กหนุ่มไม่ได้รู้ตัวด้วยซ้ำว่าอานุภาพของการเป็นโซลเมทมันรุนแรงแค่ไหน
แต่แล้วร่างที่เคยอยู่ในมือก็โดนกระชากออกไปอีกครั้ง
ผู้มาใหม่คือเด็กสาวผมสั้นที่กอดแขนอเลนไว้แน่น
“อันตรายชะมัดเลย วันนี้ฉันจะไปนอนด้วย”
โร้ดกรอกตามองมายังใบหน้าคมคายราวกับต้องการตำหนิ
“ทิ้งอเลนไว้กับนายตามลำพังไม่ได้หรอกนะ”
“…เข้าใจแล้วล่ะน่า”
ว่าที่ผู้นำตระกูลยกมือขึ้นมาจับผมตัวเองเหมือนคนไม่รู้จะวางมือลงตรงไหน ทั้งอย่างนั้นใบหน้าหล่อเหลากลับกำลังเจือไปด้วยสีระเรื่อ
อีกคนที่โดนดึงไปมาตั้งแต่เมื่อครู่ก็รีบยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองก่อนบ่นกระปอดกระแปด
“หยุดกระชากซักทีได้ไหมครับ ผมรู้สึกอยากจะอ้วกอยู่แล้ว”
สิ่งหนึ่งที่อเลนรับรู้หลังมาในฐานะบรรณาการคือหัวหน้าตระกูลโนอาไม่ชอบเข้าสังคม
เขาจะไม่ไปงานรื่นเริงอะไรเลยนอกจากคำเชิญของคนในตระกูลเท่านั้น
เป็นครั้งแรกที่เด็กหนุ่มเห็นชายคนนั้นกำลังนั่งทำงาน
กองเอกสารมากมายวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะรับแขก ดวงตาสีทองกำลังจ้องนิ่งเข้าไปในหนังสือเล่มหนึ่งที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับอัญมณี
ดูเหมือนเจ้าตัวจะเป็นเจ้าของเหมืองแร่หลายที่ในโลกปีศาจแห่งนี้
ไม่แปลกใจว่าเหตุใดเขาจึงซื้อของราคาแพงได้อย่างไม่เสียดาย
นับตั้งแต่วันแรกที่มาถึง
เด็กหนุ่มก็ทำหน้าที่ประหนึ่งเป็นพ่อบ้านส่วนตัวของชายคนนี้มาโดยตลอด
ไม่ว่าทีกี้จะไปที่ไหน เขาก็โดนสั่งมาว่าให้ตามไปด้วยทุกฝีก้าว
ทั้งอย่างนั้นกลับยังไม่ถอดสถานะเจ้าสาวของโนอาออกไป
ซึ่งมันทำให้อเลนวางตัวไม่ถูกว่าต้องปฏิบัติตัวแบบไหนกันแน่
กายสูงใหญ่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวยาวที่ฉลุลายหรูหราเกินความจำเป็น
เขาวางหนังสือเล่มหนาลงบนตัก
ยกแก้วเซรามิกที่มีชากลิ่นดอกไม้ขึ้นมาจิบก่อนบีบนวดขมับของตนเองเบาๆ
แม้จะไม่ได้พูดออกไปตรงๆ แต่ทีกี้ชอบกลิ่นของอเลน พ่อบ้านจึงเป็นเหตุผลที่ดีที่สุดที่จะมีคนตัวเล็กอยู่ใกล้ๆได้ตลอดเวลา
ดวงตาสีทองละออกจากกองเอกสารตรงหน้า
ก่อนย้ายมายังใบหน้าหวานของคนที่ยืนอยู่ไม่ห่างออกไป
“หนุ่มน้อย เธอเองก็มานั่งตรงนี้สิ”
มือหนาตบลงตรงที่ว่างข้างตัวเป็นจังหวะ
ส่งให้คนมองได้แต่ขมวดคิ้วงุนงงจนสามารถอ่านสีหน้าออกมาได้ชัดเจนว่าคนตรงหน้ากำลังทำอะไรแปลกๆอยู่
สำหรับอเลนแล้ว ลอร์ดทีกี้ มิกก์ก็ยังเป็นผู้ชายที่น่ากลัวอยู่ดี…
“ไม่เอาหรอกครับ ผมไม่ชอบอ่านหนังสือ”
เพราะประโยคปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
ทำให้ดวงตาสีทองยังคงจ้องเขม็งเข้ามาในดวงตาของเขา และไม่มีทีท่าว่าจะยอมเลิกจ้องง่ายๆเสียด้วย
อะไรของเขาอีกล่ะ…
“มานั่งตรงนี้เถอะน่า” เสียงทุ้มเอ่ย
น้ำเสียงนั้นไม่ใช่ทั้งการดุหรือออกคำสั่ง
ทีกี้ไม่ปล่อยโอกาสให้คิ้วของเด็กหนุ่มคลายออกจากกันเลยด้วยซ้ำ
ยิ่งอยู่ด้วยก็ยิ่งเข้าใจยาก จึงตัดสินใจพาร่างของตัวเองลงไปทิ้งกับที่ว่างอีกฟากของเก้าอี้ทั้งความงุนงง
กายบางขยับไปจนชิดกับพนักวางแขนอีกข้าง ท่านั่งก็พาลแข็งเกร็งอย่างไม่เป็นธรรมชาติ
อยู่ๆก็นึกสงสารเขาที่ยืนอยู่มุมห้องมานานร่วมชั่วโมงขึ้นมาหรือไง…
“ทำอะไรของคุณน่ะครับ!”
อยู่ๆความรู้สึกหนักอึ้งที่ตักก็ทำให้ทั้งร่างต้องสะดุ้งโหยง
เมื่ออยู่ๆร่างสูงก็ทิ้งตัวลงนอนตรงหน้า
ใบหน้าหล่อเหลาปรากฏขึ้นเมื่อเจ้าตัวตั้งใจวางศีรษะลงบนหน้าขาของพ่อบ้านจำเป็นโดยไม่ขออนุญาต
เปลือกตาบางทั้งสองข้างปิดสนิทลงจนเห็นแพขนตาเรียงสวย และริมฝีปากได้รูปคงไว้ซึ่งรอยยิ้มบางๆ
“ฉันเหนื่อยน่ะ ขอนอนเฉยๆซักพักแล้วกัน”
“คุณ…!”
จะเอ่ยทักท้วงแต่ก็จำต้องกลืนคำพูดลงคอไปเมื่อเห็นหัวคิ้วของอีกฝ่ายที่เริ่มคลายออกอย่างผ่อนคลาย
หนังสือเล่มเดิมที่เจ้าตัวให้ความสนใจมาตั้งแต่เมื่อครู่ถูกวางคว่ำลงบนหน้าท้อง
ยกขายาวขึ้นวางพาดบนพนักวางแขนอีกข้างที่ว่างอยู่ ก่อนลมหายใจของคนตัวสูงจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นจังหวะสม่ำเสมอ
สิ่งที่อเลนทำมีเพียงการนั่งมองภาพคนตรงหน้าโดยไม่พูดอะไร
ทีกี้ทำแค่นอนเฉยๆจริงๆอย่างปากว่า และเหมือนเจ้าตัวจะหลับไปแล้วเสียด้วย
ใฝเล็กๆใต้ตาข้างซ้ายดึงดูดสายตาคนมองได้ไม่ยาก
ได้กลิ่นบุหรี่อ่อนๆติดตามเสื้อผ้าของอีกฝ่ายแม้ในเวลานี้จะไม่ได้สูบแล้วก็ตาม
สิ่งที่เด็กหนุ่มทำมีเพียงปล่อยให้คนตัวสูงใช้ตักนอนต่างหมอนต่อไป …เพียงแค่นั้นจริงๆ
น่าประหลาดที่เวลาผ่านไปรวดเร็วอย่างไม่รู้ตัว
แม้จะไม่ใช่ทุกวัน
แต่ทีกี้มักจะเรียกเด็กหนุ่มเข้าไปที่ห้องทำงานและใช้ตักของเขาต่างหมอนทุกครั้งที่อยากงีบ
แม้ช่วงหลังๆอเลนจะตั้งใจถือหมอนติดมือมาด้วย
เจ้าตัวก็ยังปฏิเสธและบอกว่าต้องเป็นตักเท่านั้นถึงจะนอนหลับ
ฟังทีไรก็ให้ความรู้สึกขนลุกแปลกๆ
อเลนคิดว่าผู้ชายคนนั้นน่าจะกำลังสนุกกับการแกล้งเขาอยู่
หลังจากเหตุการณ์วันนั้นก็ดูเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งคู่จะดีขึ้นนิดหน่อย
มีบ่อยครั้งที่โร้ดแวะเวียนเข้ามาที่คฤหาสน์แห่งนี้
บางครั้งก็พาคุณครูมาสอนหนังสือบ้าง
เหตุผลที่ทำให้เด็กคนนั้นอยากมาอยู่ที่คฤหาสน์ของทีกี้มากกว่าบ้านตัวเองนั่นเป็นเพราะเขา
ซึ่งอเลนก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าตัวเองไปทำอะไรให้เด็กสาวถูกใจได้ขนาดนั้น
ช่วงเวลาวนมาถึงวันพระจันทร์เต็มดวงอีกแล้ว
เพราะงานของพ่อบ้านต้องตัวติดกับเจ้านายตลอดทั้งวัน
กว่าทีกี้จะยอมปล่อยเขาออกมาพระอาทิตย์ก็เริ่มตกดินแล้ว
กว่าจะจัดการธุระส่วนตัวเสร็จอีกท้องฟ้าก็มืดสนิทเสียก่อน
เหมือนกับวันนั้นที่เด็กหนุ่มพาร่างออกมาจากห้องอาบน้ำในเวลาฟ้ามืด
เขาสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ไปแตะต้องประตูห้องของเจ้าของคฤหาสน์อีกเด็ดขาด
ปลายเท้าทั้งคู่รีบตรงไปยังห้องตัวเองอย่างแน่วแน่ ลมเย็นๆของยามค่ำคืนทำให้ใจไม่ดีว่าอาจจะเจอกับร่างที่แยกออกเป็นสองของชายคนนั้นได้ตลอดเวลา
ได้แต่ภาวนาให้ลางสังหรณ์ครั้งนี้ไม่เป็นจริงก็คงดี
“ไง ออกมาทำอะไรดึกๆล่ะหนุ่มน้อย”
เสียงทุ้มที่ทักขึ้นมาอย่างถูกจังหวะทำให้ไหล่ลาดของอเลนสะดุ้งโหยงอย่างแรง
ทันทีที่หางตามองเห็นร่างโปร่งของผู้นำตระกูลยืนอยู่ตรงหน้า
แม้จะเป็นร่างที่มีผิวสีไข่ไก่เหมือนมนุษย์ แต่แขนทั้งสองข้างก็ยกขึ้นมาตั้งการ์ดโดยอัตโนมัติ
“คุณ อย่าเข้ามาใกล้ผมนะครับ!” รางสังหรณ์ของเขามันจะไม่แม่นเกินไปหน่อยหรือไงนะ
ท่าทางแปลกประหลาดทำให้คนตรงหน้าหลุดก้อนหัวเราะออกมาอย่างไม่อาจกลั้น
อเลนที่ไม่เคยเห็นภาพแบบนั้นมาก่อนได้แต่ทำหน้างงเป็นไก่ตาแตก
อีกฝ่ายไม่ได้มีท่าทีคุกคามหรือขยับกายเข้ามาใกล้
ดวงตาสีขี้เถ้าจึงรีบตวัดหาอีกร่างที่ยังไม่ปรากฏตัว
เพราะคืนแรมและพระจันทร์เต็มดวงทีกี้จะถูกแยกออกเป็นสอง บางทีร่างผมยาวอาจจะปรากฏตัวออกมาเมื่อไรก็ได้
เมื่อถึงตอนนั้นเด็กหนุ่มจะไม่อาจรับประกันสวัสดิภาพของตนได้อีก
“ขอโทษที่ก่อนหน้านี้เจ้านั่นทำตัวหยาบคายกับเธอด้วยแล้วกัน”
ริมฝีปากอิ่มระบายยิ้ม
พร้อมกับดวงตาสีทองที่จ้องเข้ามาในตาของเขา สายตาแบบนี้อีกแล้วที่อเลนมองว่ามันน่ากลัวเสียเหลือเกิน
แม้รูปลักษณ์ภายนอกนอกจากสีผิวจะเหมือนกับทีกี้ทุกประการ
แต่ร่างนี้กลับให้ความรู้สึกอ่อนโยนกว่า ทั้งยังไร้กลิ่นอายของปีศาจ
ราวกับว่าเขาเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
‘แกคิดจะทำอะไรของของฉัน’
แต่ก็นั่นแหละ… อเลนยังไม่ได้ลืมประโยคที่คนๆนี้พูดขึ้นครั้งแรกที่เจอกันหรอกนะ
เขารีบเบนหน้าหลบสายตาคู่คม
ความรู้สึกเห่อร้อนกำลังตีขึ้นมาบนใบหน้าอย่างไม่มีสาเหตุ
ร่างบางไม่รู้ว่าควรต้องเดินไปทางไหน
หรือมีทางใดบ้างที่เขาจะรอดออกไปจากสถานการณ์น่าอึดอัดนี้ได้
อย่างน้อยการดักเจอครั้งนี้คงไม่ได้มีเป้าหมายแค่มากล่าวราตรีสวัสดิ์กันสั้นๆอย่างแน่นอน
“คุณต้องการอะไรจากผมครับ” ปลายเท้าทั้งคู่ถอยกรูดออกไปโดยอัตโนมัติ
ไม่กลับห้องทางนี้ก็ได้ เขายอมเดินอ้อมปราสาทออกไปอีกทางเลย
เจ้าของดวงตาสีทองที่ยังไม่ได้ละสายตาออกไปตั้งแต่เมื่อครู่ยกยิ้มขำ
ท่าทางขี้ตกใจของเด็กตรงหน้ามันดูเหมือนกับกระต่ายตัวน้อยๆไม่มีผิด
“ทำไมยืนห่างตั้งขนาดนั้น ฉันไม่ทำอะไรหรอกนะ”
อเลนขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น
คำพูดของผู้ชายคนนี้ไม่ได้ดูน่าเชื่อถือเลยซักนิด
“จนกว่าจะเช้าฉันกลับร่างเดิมไม่ได้ นอนก็ไม่ได้เหมือนกัน”
“งั้นเธอมาอยู่เป็นเพื่อนฉันหน่อยแล้วกัน”
ทั้งสองคนกำลังค่อยๆเปิดใจเข้าหากันแล้วค่ะ
บรรยากาศเรื่องเลยนุบนิบหัวใจขึ้นกว่าเดิมมากทีเดียว
ที่จริงทีกี้เขาก็น่ารักนะ แต่ทิฐิมันบังตาแหละเนาะ
กว่าจะยอมคุยกันดีๆก็ผ่านมาหลายตอนแล้ว;-;
แล้วพบกันพาร์ทหน้าค่ะ
ความคิดเห็น