คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #27 : 5 จูบ...มีฤทธิ์สะกิดหัวใจ 2/7
มานิลาตระหนักได้แล้วว่าเธอควรซื้อวิโอลาไว้อีกคัน
เผื่อว่าต้องไปแสดงนอกสถานที่จะได้มีเป็นของตัวเอง หลังจากสอนพิเศษให้ธริษตรีเสร็จจึงแวะเข้าร้านขายเครื่องดนตรีในห้างสรรพสินค้าซึ่งอยู่ไม่ไกลจากอะพาร์ตเมนต์มากนัก
วันนี้ไม่มีเล่นดนตรีที่ไหนจึงมีเวลาว่างตั้งแต่ช่วงบ่าย
มือบางหยิบวิโอลาคันแล้วคันเล่าขึ้นมาลองเล่น
พลันสายตาก็เหลือบไปเห็น ไวโอลิน เชลโล และดับเบิลเบส
เครื่องสายอีกสามชนิดที่เรียกได้ว่าเป็นพี่น้องของวิโอลา
เธอเคยเรียนเครื่องสายพวกนี้จนในที่สุดก็เล่นได้ทุกชนิด
เพียงแต่ไม่มีชนิดไหนที่ถูกใจเธอเท่าวิโอลาอีกแล้ว
...และเพราะแม่ชอบ เธอถึงชอบด้วย
ครูสอนดนตรีเคยบอกว่าเสียงไวโอลินอ่อนหวานพลิ้วไหว
เปรียบเหมือนผู้หญิงที่สดใส ร่าเริง ยิ้มง่าย เสียงเชลโลนุ่มทุ้ม ฟังดูเศร้าสร้อย
เปรียบเหมือนผู้ชายรักสันโดษ ส่วนเสียงดับเบิลเบสให้ความรู้สึกหนักแน่น
เปรียบเสมือนผู้ชายตัวโต ดุดัน ลึกลับ น่าเกรงขาม แต่พอเธอถามถึงวิโอลา
ครูดนตรีกลับลังเลว่าจะให้มันเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย วิโอลาเสียงทุ้มนุ่มนวล
ในขณะเดียวกันก็พลิ้วไหว
หรือถ้าให้พูดกันตามจริงคงเปรียบได้ว่าเจ้าเครื่องสายชนิดนี้มีจุดเด่นของเครื่องสายอีกสามชนิดอยู่ในตัว
มานิลาเลือกอยู่นานก็เจอวิโอลาคันที่ถูกใจที่สุด
หญิงสาวถือมันไปยังเคาน์เตอร์
พอจ่ายเงินเสร็จก็เดินออกจากร้านโดยในมือหิ้วกล่องสีเบจที่ข้างในมีเจ้าเครื่องสายสีน้ำตาลทองซึ่งด้านหน้าเป็นไม้สปรูซ
ส่วนด้านข้างและด้านหลังทำจากไม้เมเปิลเห็นลวดลายไม้ชัดเจน
ธตรัฐกลับเข้ามาทำงานในช่วงบ่ายแก่ ๆ
เจ้าของร่างสูงเดินหน้าเครียดเข้าห้องทำงานโดยไม่สนใจพนักงานที่ยกมือไหว้
แม้แต่ดุจเดือนกับปานฤทัยซึ่งนั่งหน้าห้องทำงานก็ต้องหน้าเจื่อนเมื่อถูกเจ้านายเมิน
และนับว่าเป็นเวลาหลายเดือนแล้วที่ชายหนุ่มอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ เช่นนี้
ไม่มีใครรู้เหตุผล
แต่เจ้าตัวรู้ดีว่าเขาไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบข้าง ทว่ากลับมาให้ความสนใจกับ งาน งาน
งาน และก็งาน
นับแต่บังเอิญไปเจอมานิลากับเสี่ยอ้วนพุงพลุ้ยต่อรองค่าตัวกันที่โรงแรมนั่น
“พี่เดือนคิดเหมือนปิ่นไหม”
ปานฤทัยป้องปากกระซิบถาม
“คิดอะไรของเธอ”
“ก็คิดว่าที่คุณบอมเป็นแบบนี้เพราะอกหักน่ะสิคะ”
ดุจเดือนเด้งตัวจากเก้าอี้มาปิดปากคนพูดมากทันทีที่ได้ยินความคิดไม่เข้าท่า
แรก ๆ ผู้ช่วยของเธอก็กระซิบดีอยู่หรอก แต่พอคำว่า ‘อกหัก’ ทำไมต้องพูดเสียงดังด้วยก็ไม่รู้
“ถ้ายังไม่อยากออกไปวิจัยฝุ่นก็เลิกนินทาเจ้านายได้แล้ว”
ปานฤทัยพยักหน้า
ดุจเดือนจึงคลายมือที่ปิดปากอยู่ออก
แต่คนพูดมากไม่วายยืนยันความคิดเดิมของตนด้วยเสียงที่หากวัดได้คงไม่เกินสามสิบเดซิเบล
“แต่ปิ่นสงสัยจริง ๆ นะ
เรื่องคุณบอมอกหัก”
“จะอกหักได้ยังไงล่ะ
คุณบอมยังไม่มีแฟนเลยด้วยซ้ำ ถ้ามีพี่ต้องรู้สิ” ดุจเดือนพูดด้วยเสียงที่เบาพอกัน
ทำงานกับธตรัฐมาแปดปีเธอยังไม่เคยเห็นเจ้านายควงใครออกหน้าออกตา...หรือว่ามี
แต่เธอไม่รู้
“ว่าได้หรือคะ พี่เดือนเป็นเลขา ฯ นะคะ
ไม่ใช่แม่ที่คุณบอมเขาจะบอกทุกเรื่อง”
“เอ๊ะ ! เธอนี่”
ผู้เป็นสุดยอดเลขานุการอย่างที่ธริษตรียกให้ถึงกับฉุน “นี่เธอหลอกด่าพี่หรือ”
“ปิ่นเปล่านะคะ” ปานฤทัยส่ายหน้าหวือ
มือสองข้างก็โบกปฏิเสธไปมา
“จริงนะ”
“แน่นอนค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็แล้วไป”
ดุจเดือนค้อนใส่แล้วเดินมานั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้ประจำตำแหน่ง
ตั้งหน้าตั้งตาตอบจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ลูกค้าที่ทำค้างไว้ก่อนหน้านี้ต่อ
“เอ๊ะ ! หรือว่าคุณบอมกับคุณคิงเขาเป็นแฟนกันคะ”
ปานฤทัยเริ่มสะระตะไปไกลถึงขั้วโลก “พักนี้คุณคิงไม่ค่อยมาหา คุณบอมเลยหงุดหงิด
ตาย ๆๆๆ อย่าบอกนะว่าคุณหมอคิงสุดหล่อของปิ่นเสร็จคุณบอมจอมเฮี้ยบไปแล้วน่ะ”
“นี่เธออยากจะตกงานจริง ๆ ใช่ไหม”
คราวนี้ไม่ใช่แค่ดุ แต่ดุจเดือนหนีบนิ้วชี้กับนิ้วโป้งลงตรงแขนผู้ช่วยสาวแล้วออกแรงบิดด้วย
“โอ๊ย ๆๆ พี่เดือน ปิ่นเจ็บค่ะ”
“ก็จะทำให้เจ็บน่ะสิ
เธอจะได้ไม่พูดพร่ำเพรื่อแบบนี้อีก”
“ค่ะ ๆ ไม่พูดแล้วก็ได้” ปานฤทัยห่อปาก
มือลูบแขนตัวเองที่ถูกหยิกป้อย ๆ หยิกมาแรงขนาดนี้ พรุ่งนี้แขนเธอจะเขียวหรือเปล่าก็ไม่รู้
ความคิดเห็น