NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    『Whisper of LOVE • Short Fanfiction』

    ลำดับตอนที่ #25 : ▲ [D.Gray man] White & Dark lord (Tyki x Allen) - Part 4

    • อัปเดตล่าสุด 14 มิ.ย. 65


    ** มีฉากบรรยายถึงเลือด และความรุนแรงในตอน เป็นพฤติกรรมที่ไม่ควรลอกเลียนแบบ**



    แนะนำกดเล่นเพลงเพื่ออรรถรสได้นะคะ :)










           อเลนขยับกายขึ้นนั่งบนเตียงด้วยความรู้สึกปวดที่คอ ใบหน้าหวานแสดงความงัวเงียพักหนึ่ง ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองรอบห้องเมื่อได้สติ

     

           เมื่อคืนนี้เขารีบวิ่งหนีออกมาจากห้องของทีกี้อย่างไม่คิดชีวิต ตรวจดูประตูหลายรอบแล้วว่าล็อคอย่างดี หัวใจที่เต้นรัวเป็นกลองชุดทำให้เขาไม่สามารถข่มตาลงนอนได้ แต่อาจเพราะความเหนื่อยล้าสะสมหลังเจอเรื่องราวมากมาย รู้ตัวอีกทีก็เผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้

     

           สภาพของเขายังปกติ ประตูห้องไม่ได้มีร่องรอยโดนพังเข้ามา แต่ความรู้สึกมึนหัวตีเข้ามาเล็กน้อยเพราะเมื่อคืนพักผ่อนไม่เพียงพอ

     

           รอยกัดที่คอสะท้อนผ่านภาพในกระจกกลับมาในสายตา มันทิ้งไว้เพียงรอยแผลรูปฟันที่เริ่มจะแห้งลงแล้วกับความรู้สึกปวดตุบๆ คิ้วเรียวนิ่วเข้าหากันเล็กน้อยยามที่นิ้วมือสัมผัสไปโดน แม้ติดกระดุมเม็ดบนสุดแล้วก็ยังปกปิดได้ไม่มิด

     

    สิ่งที่พบเห็นมันเกินความเข้าใจไปมากโข อเลนไม่รู้ว่าลอร์ดทีกี้ มิกก์มีกี่คนกันแน่ แต่ทั้งสองคนที่เจอเมื่อวานมีระดับพลังแปรปรวนจนรู้สึกได้ ไหนจะคำพูดแปลกๆอย่าง‘เป็นฉันทั้งคู่’นั่นด้วยอีก

     

    พลันประตูห้องที่ถูกผลักออกอย่างง่ายดายก็กระชากสติของคนที่กำลังใช้ความคิดให้หายไป สาบานว่าเมื่อคืนเขาล็อกมันอย่างดีแล้ว แต่ร่างที่แทรกกายเข้ามาก็ทำให้เจ้าของห้องที่กำลังตกใจต้องชะงักไป

     

    “ทีกี้ทำนายกลัวงั้นหรอ” เสียงนั้นเอ่ยทักขึ้นพร้อมรอยยิ้ม เธอคือโร้ด คาเมลอต เด็กสาวร่างเล็กที่มักจะไปไหนมาไหนกับหัวหน้าตระกูลโนอาอยู่บ่อยๆ ดวงตาสีทองของอีกฝ่ายลอบมองมายังลำคอของคนตรงหน้า ก่อนจะสังเกตเห็นรอยช้ำบนผิวขาวจัด

     

    “หมอนั่นจะไม่เล่นแรงเกินไปหน่อยหรือไง”

     

    อเลนไม่ได้สนใจประโยคเหล่านั้น ผู้คนจากโนอาทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวมากกว่าสิ่งใด ยิ่งปลายเท้าของโร้ดใกล้เข้ามาเท่าไร เด็กหนุ่มก็ยิ่งถอยหลบมากขึ้นเท่านั้น กระทั่งฝ่ามือของคนตัวเล็กกว่ายื่นเข้ามาสัมผัสใบหน้า ร่างกายมันก็ดันตอบสนองด้วยการหลับตาปี๋อัตโนมัติ

     

    “นายเนี่ยหน้าตาน่ารักชะมัด… หมอนั่นก็แค่ชอบแกล้งคนน่ารักนี่นะ” สัมผัสที่ไม่คุกคามทำให้แพขนตาหนาค่อยๆเปิดขึ้น รอยยิ้มจากอีกฝ่ายทำให้คนจากศาสนจักรผ่อนคลายลง ก่อนที่เขาจะผละออกมาให้มีระยะห่างระหว่างคนทั้งคู่มากขึ้น

     

    ถ้าโดนแกล้งจริงก็เล่นแรงเกินไปจริงๆนั่นแหละ… ทำเอาวันนี้ไม่อยากออกไปเจอหน้าอีกแล้ว

     

    “พวกเขามีสองคนงั้นหรอครับ” ตัดสินใจถามสิ่งที่กำลังสงสัย บางทีอาจจะเป็นสามคนเสียด้วยซ้ำหากนับรวมร่างปกติที่เคยเจอครั้งแรก พลังชีวิตของแต่ละร่างไม่เท่ากันสักคนจนน่าแปลกใจ

     

           พลันสีหน้าที่เคยประดับไปด้วยรอยยิ้มของเด็กสาวก็เปลี่ยนเป็นความนิ่งสนิท ดวงตาสีทองที่จ้องเข้ามาในดวงตาของเขาทำให้อเลนประหม่าเล็กน้อย

     

    “คำสาปยังไงล่ะ

     

    “เหมือนที่พวกนายโดนริบพลังศักดิ์สิทธิ์ไป ตระกูลของฉันก็โดนคำสาปด้วยเหมือนกัน”

     

           เด็กหนุ่มนึกถึงเรื่องราวที่เคยได้ยินมาตั้งแต่เด็ก ที่ว่าโนอาโดนคำสาปให้ไม่อาจควบคุมพลังของตนได้ และมันจะเป็นเหมือนดาบสองคมคอยแว้งกัด บางทีนั่นอาจจะเป็นคำอธิบายของปรากฏการณ์เหล่านี้

     

    “ในคืนแรมกับพระจันทร์เต็มดวง นายก็ระวังไว้ด้วยล่ะ… พวกเขาควบคุมตัวเองไม่ได้หรอกนะ”

     

           บรรยากาศในการสนทนากับเด็กคนนี้ให้ความรู้สึกผ่อนคลายมากกว่าโนอาคนอื่น ถึงอย่างนั้นอเลนที่เป็นคนระมัดระวังตัวก็ยังไม่ได้ให้ความไว้วางใจใครทั้งนั้น

     

           หากแต่โร้ดกำลังใช้ประโยคด้วยคำว่าพวกเขา’ เท่ากับยอมรับว่าสองคนนั้นเป็นลอร์ดทีกี้ด้วยกันทั้งคู่ แต่เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับโนอาทุกคนเลยหรือเปล่าก็ไม่อาจรู้ได้

     

    “เธอก็ด้วยหรอครับ”

     

    “เฉพาะแค่ทีกี้น่ะ” เธอคนนี้เอาแต่ยกยิ้มให้อเลนราวกับถูกใจมากมายนักหนา

     

    “ไปกันเถอะ ฉันอยากกินข้าวกับนายชะมัด”

     

           ทั้งพฤติกรรมและคำพูดคำจาของคนตัวเล็กดูไม่เหมือนกับเด็ก ไม่รู้ว่าเพราะเป็นปีศาจหรือเปล่าจึงทำให้พวกเขาเยาว์วัยกว่าอายุจริง อเลนขมวดคิ้วงุนงงครู่หนึ่ง ก่อนจะพลันนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายเอ่ยเชิญชวนในสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ออกมา

     

    “เดี๋ยวก่อนครับ ผมน่ะหรอนั่งกินข้าวกับเธอ”

     

           เด็กหนุ่มมักจะแสดงท่าทางเลิ่กลั่กให้เห็นอยู่บ่อยๆ และภาพเหล่านั้นมันค่อนข้างตลกในสายตาของคนมอง โร้ดยิ้มขำ ทีกี้ต้องไปแกล้งเด็กคนนี้มากขนาดไหนเจ้าตัวถึงได้มีท่าทีเข็ดขยาดได้มากขนาดนั้น

     

     

     

     

     

     

           บรรยากาศในห้องอาหารดำเนินไปอย่างเงียบสงัด เป็นครั้งแรกที่อเลน วอล์คเกอร์พาตัวเองมานั่งบนเก้าอี้ฉลุลายหรูหราเหล่านี้ ข้างกันคือโร้ด และฝั่งตรงข้ามคือชายร่างสูงที่กำลังยกแก้วชาขึ้นมาจิบด้วยใบหน้าเรียบสนิท คราวนี้เจ้าตัวมีแค่คนเดียวเท่านั้น แต่ให้ความรู้สึกแตกต่างออกไปจากเมื่อคืน แม้รอยแผลเป็นบนหน้าผากของตระกูลโนอาจะยังคงอยู่ แต่กลิ่นอายราวกับผสมรวมคนทั้งคู่เอาไว้ด้วยกัน

     

           บางทีผู้ชายคนนี้อาจจะจำเรื่องราวทุกอย่างไม่ได้ แต่อย่างไรก็น่ากลัวอยู่ดี …ไม่รู้ว่าจะกำลังโกรธอยู่หรือเปล่า การที่โร้ดชวนมาร่วมโต๊ะทานอาหารด้วยกันแบบนี้ เขาจะไม่โดนบีบคอตายไปเลยหรือไงนะ

     

           มือขาวยกแก้วน้ำขึ้นมาจิบด้วยความประหม่า ทั้งที่สมาชิกคนอื่นต่างก็มีท่าทีผ่อนคลายกับอาหารตรงหน้า พลันดวงตาสีทองของคนนั่งตรงข้ามที่อยู่ๆก็เลื่อนมามองบริเวณรอยกัดก็ทำให้เด็กหนุ่มสำลักน้ำด้วยความตกใจ

     

           ริมฝีปากได้รูประบายยิ้มกับท่าทีเหล่านั้น ก่อนปลายนิ้วมือที่พยายามยื่นไปสัมผัสลำคออีกฝ่ายจะให้ความรู้สึกเหมือนไฟช็อตจนคนตัวเล็กกว่าต้องรีบผละตัวห่างออกไป

     

    เจ็บหรือเปล่า เมื่อคืนฉันดันกัดแรงไปหน่อย

     

    เอ๊ะ

     

    “อ..อย่าเข้ามาใกล้ผมนะครับ!” ดวงตาสีขี้เถ้าเบิกกว้างอย่างกับไข่ห่าน พร้อมทั้งร่างบางที่เด้งขึ้นยืนแล้วถอยออกไปทั้งที่ยังจัดการกับอาหารตรงหน้าไม่เรียบร้อย

     

    คนๆนี้จำเรื่องราวทุกอย่างได้หมด… นี่มันหมายความว่ายังไงกัน

     

           รอยยิ้มพอใจที่เหมือนจะไม่ยอมหุบลงง่ายๆทำให้อเลนทำตัวไม่ถูก สายตาคู่นั้นที่มองมาราวกับจะทำให้สติที่มีโดนดูดไปจนหมดสิ้นนั่นอีกแล้ว ก้อนเนื้อใต้อกมันก็พาลตอบสนองอย่างรุนแรงเสียจนใบหน้ามันร้อนวูบวาบไปทั้งหมด

     

     

     

     

     

     

           สุดท้ายอเลนก็ได้ข้อสรุปจากการพยายามนั่งเชื่อมโยงเรื่องราวทุกอย่างอยู่พักใหญ่ ลอร์ดทีกี้ มิกก์คือว่าที่ผู้นำตระกูลโนอาซึ่งจะได้รับการแต่งตั้งโดยสมบูรณ์ในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า รวมถึงเป็นผู้ที่มีพลังสูงสุดในหมู่พี่น้องทั้งหมดด้วย

     

           เพราะคำสาปจากสงครามศักดิ์สิทธิ์ทำให้โนอาทุกคนไม่อาจควบคุมระดับพลังที่ขึ้นๆลงๆของตนได้ ในกรณีของทีกี้อาจจะเลวร้ายกว่าตรงที่เขาถูกแยกร่างออกเป็นสองในคืนแรมหรือพระจันทร์เต็มดวง ส่วนรายละเอียดอื่นๆของร่างที่ถูกแยกออกมาเด็กหนุ่มยังไม่ทราบแน่ชัด และเมื่อไรก็ตามที่เข้าสู่ช่วงรุ่งสาง ทีกี้ก็จะกลับมาเป็นคนๆเดิมแบบที่มีพลังของคนทั้งคู่ผสมรวมอยู่ในกาย

     

    อย่างน้อยยังพอโล่งใจได้ว่าพลังที่ไม่เสถียรอาจจะทำให้ชายคนนั้นข้ามไปทำร้ายผู้คนที่ศาสนจักรไม่ได้

     

           อเลนได้แต่จมกับความคิดของตัวเองซ้ำไปซ้ำมา บทลงโทษที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายไร้กำลังอาจจะสร้างความแค้นใจได้ไม่น้อย แต่เป้าหมายของการขึ้นสู่จุดสูงสุดจะทำไปเพื่ออะไรกันแน่ หากพวกเขายอมใช้ชีวิตต่างคนต่างอยู่ในโลกของตัวเองตั้งแต่แรกก็คงไม่ต้องเกิดการสูญเสียมากมายขนาดนี้

     

           พวกเขามีความสัมพันธ์ในตระกูลที่ดีต่อกัน ทีกี้เป็นอาของโร้ดและเป็นเจ้านายที่ดีของปราสาทแห่งนี้ แต่ไม่ใช่ชายที่ดีกับคนจากโลกมนุษย์

     

           ช่วงเวลาที่เด็กหนุ่มถูกปล่อยให้อยู่คนเดียวในปราสาทอันเงียบสงัดไม่ได้ทำให้เขารู้สึกกลัว ทีกี้และโร้ดออกไปข้างนอกแต่ไม่ได้พาเขาไปด้วยเช่นทุกครั้ง รู้สึกว่าอย่างน้อยก็ยังมีเวลาให้เขาได้พักหายใจจากเรื่องราวที่ไม่เข้าใจอีกมากมาย อเลนไม่ได้มีความคิดจะหนีออกไปจากที่แห่งนี้ เพราะอย่างไรก็ตามโลกภายนอกก็ยังเต็มไปด้วยปีศาจที่เขาไม่อาจรับมือไหว

     

           ตลอดช่วงเวลาหนึ่งปีหลังจากที่เสนาธิการครอสหายตัวไปอย่างลึกลับ อเลนพยายามหาเบาะแสที่อาจเกี่ยวข้องกับเรื่องราวทั้งหมดมาโดยตลอด สิ่งที่ทำให้ตัดสินใจเดินทางมายังโลกปีศาจอย่างไม่ลังเลคงเป็นเพราะความลับที่วาติกันพยายามซ่อนมาโดยตลอดถูกเปิดเผย

     

    และเขาไม่คิดจะกลับไปใช้ชีวิตในศาสนจักรอีกครั้งเลยด้วยซ้ำ

     

           ไม่ใช่ความผิดของเหล่าผู้คนที่เขาเติบโตมาด้วยและให้ความสนิทใจ หากแต่เป็นการตัดสินใจของผู้มีตำแหน่งสูงส่งต่างหากที่ทำให้ความเชื่อถือที่เคยมีพังครืนลงอย่างไม่มีทางย้อนกลับ

     

    ไม่ช้าก็เร็วความลับของบรรณาการที่ถูกสับเปลี่ยนจะถูกเปิดเผย เมื่อถึงเวลานั้นเจ้านั่นก็จะออกตามล่าเขาอีกครั้ง

     

    แปล๊บ

     

           ความรู้สึกปวดเสียดแล่นไปทั่วร่างกายซีกซ้ายทันทีเมื่อเด็กหนุ่มคิดเช่นนั้น อยู่ๆบรรยากาศที่เคยเงียบสงัดในปราสาทก็กลับหนักอึ้งขึ้นมาอย่างกะทันหัน อเลนหอบหายใจอย่างลำบาก ความรู้สึกปวดแสบปวดร้อนค่อยๆปะทุออกมาเหมือนกับคืนที่มาน่าโดนสังหาร มันเข้าโจมตีจนเสียหลักลงไปนั่งกับพื้นอย่างหมดท่า

     

           สายลมแห่งความหวาดกลัวพัดเข้ามาปะทะใบหน้า พร้อมๆกับขนนกสีขาวที่พลันผลุดขึ้นมาบนแขนข้างซ้ายอย่างรวดเร็วจนให้ความรู้สึกหนักอึ้ง

     

    หาเจอแล้ว… อยู่ที่นี่เองสินะ

     

           เสียงพูดหนึ่งดังก้องเข้ามาในหัว เสียงที่น่าหวาดกลัวแต่คุ้นเคยดีเหลือเกินทำให้ลมหายใจของร่างบางขาดห้วง ชั่วขณะนั้นอเลนสัมผัสได้ถึงระดับพลังมหาศาลที่กำลังย่างกรายเข้ามาใกล้มากขึ้นทุกที

     

    ต้องหนีไปให้ไกลจากที่นี่… มีแต่ต้องหนีไปตลอดชีวิตเท่านั้น

     

    หาเจอแล้ว อเลน… วอล์คเกอร์

     

           เสียงนั้นยานคางจนน่าขนลุก ปลายเท้าทั้งคู่พาร่างวิ่งออกไปอย่างไม่คิดชีวิต แม้ในตอนนี้ปราสาทจะเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยกว่าภายนอก แต่การรั้นจะอยู่แต่ในที่แห่งนี้ก็เหมือนเป็นเป้านิ่งให้โดนตามล่า กลิ่นอายและบรรยากาศหนักอึ้งแบบนั้นเป็นมันไม่ผิดแน่

     

    ทำไมมันถึงข้ามมาโลกนี้ได้… ซ้ำยังมาได้ถูกเวลาอย่างกับวางแผนล่วงหน้าเอาไว้แล้ว


           แขนซ้ายที่เขาแสนจะรังเกียจเป็นเหมือนกับสิ่งระบุตำแหน่งให้มันได้รับรู้ ความรู้สึกร้อนระอุผสมรวมกับความหนักอึ้งเมื่อขนนกเริ่มเพิ่มปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆจนมีรูปลักษณ์เหมือนกับปีก อเลนหอบหายใจไล่ความรู้สึกเสียดแทงที่อัดแน่นเต็มอก ร่างของเขากำลังเริ่มออกห่างจากปราสาทของโนอามากขึ้นทุกที

     

    มันไม่เคยมีใครช่วยเขาได้เลย… แม้แต่ตัวเขาก็ยังไม่มีความสามารถในการปกป้องตัวเองเลยด้วยซ้ำ

     

    พลั่ก

     

           แต่แล้วแรงปะทะจากด้านหน้าก็ทำให้ทั้งร่างเซถลา ฝ่ามือใหญ่ของฝ่ายตรงข้ามคว้าไหล่บางได้ทันก่อนที่ร่างนั้นจะเสียหลักล้มลงไป ทีกี้มองคนตรงหน้าที่มีรูปลักษณ์แปลกไปอย่างไม่เข้าใจนัก

     

    “เธอหนีอะไรมาหนุ่มน้อย”

     

    ….” ไร้เสียงตอบรับจากคนตัวเล็ก ไหล่บางสั่นระริกพร้อมกับใบหน้าหวานที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อตามไรผม

     

           อเลน วอล์คเกอร์มักจะมีท่าทีตื่นกลัวอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่เมื่อพบกันครั้งแรก โดยเฉพาะกับเขาที่เจ้าตัวดูจะพยายามรักษาระยะห่างอยู่ตลอดเวลา ในเวลานี้กลับไม่มีท่าทีต่อต้านแม้ไหล่ทั้งสองข้างจะกำลังโดนกอบกุมอยู่ก็ตามที ราวกับมีบางสิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นกำลังไล่ตามเด็กคนนี้

     

    “เกิดอะไรขึ้นงั้นหรออเลน” เป็นจังหวะเดียวกับโร้ดที่เดินตามหลังมาแทรกตัวเข้าไปสวมกอดคนที่กำลังหวาดกลัวอย่างแผ่วเบา อเลนไม่ได้มีท่าทีต่อต้าน ขาทั้งสองข้างอ่อนแรงจนลงไปนั่งกับพื้น พร้อมกับดวงตาสีขี้เถ้าที่จ้องมองเข้าไปในความว่างเปล่าด้วยความหวาดกลัว

     

    ท่าทางว่าคงสติหลุดไปแล้วจริงๆ… เด็กหนุ่มไม่ตกใจกับปฏิกิริยาของโร้ดเลยด้วยซ้ำ

     

    ตั้งสติหน่อย” ทีกี้ยื่นมือเข้าไปล็อคคางมนนั้นให้หันกลับมา ดวงตาคู่คมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย

     

    “ใครกำลังตามเธอมากันแน่”

     

           เป็นครั้งแรกที่ร่างบางเห็นสายตาที่แปลกไปจากคนตรงหน้า ดวงตาสีทองในเวลานี้ไม่ได้น่ากลัวแบบทุกครั้งแต่กลับให้ความรู้สึกตรงกันข้าม สติที่กระเจิดกระเจิงเริ่มกลับเข้ามาอีกครั้ง

     

    คนตรงหน้าให้ความรู้สึกปลอดภัย… ทำไมในเวลานี้โนอาจึงปฏิบัติกับเขาแบบนี้กันนะ

     

    “เจ้านั่นมันมีเป้าหมายเป็นผม” อเลนก้มหน้าต่ำลง เขาไม่อาจห้ามมือทั้งสองข้างของตนให้สั่นได้ จึงทำได้แค่กุมมันเอาไว้แน่น ความรู้สึกร้อนวูบวาบที่แขนก็เริ่มจางหายไปแล้ว

     

           ต่อให้หนีมาที่โลกปีศาจแล้วเจ้านั่นก็ยังตามมาได้… เคยคิดว่าโนอาอาจจะพอทำอะไรซักอย่างได้ แต่นั่นก็เหมือนเขากำลังลากภัยมาสู่คนอื่นแบบที่ทำมาโดยตลอดอีกครั้ง

     

    เขามันก็แค่คนเห็นแก่ตัวคนหนึ่งเท่านั้น

     

           แม้จะยังไม่เข้าใจเรื่องราวต่างๆ แต่มวลอากาศที่พัดผ่านเข้ามาก็ทำให้ทีกี้รีบผละตัวออกไป ดวงตาคู่คมกวาดมองรอบตัวอย่างระแวดระวังในทันที เขารู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่มีพลังมหาศาลอยู่ไม่ห่างออกไป และมันก็กำลังตามล่าเด็กคนนี้อย่างที่เจ้าตัวพูดไม่มีผิด

     

           จนกระทั่งเมื่อเวลาผ่านไปพักหนึ่ง กายสูงโปร่งก็กลับมายืนในท่าปกติอีกครั้ง เขาหยิบบุหรี่มวนหนึ่งขึ้นมาจุดก่อนพ่นควันสีขาวออกจากริมฝีปากอย่างใจเย็น พลันดวงตาสีทองก็หรี่ลงอย่างครุ่นคิด

     

           แขนซ้ายที่มีรูปลักษณ์เหมือนปีกนกของอีกฝ่าย แม้ในเวลานี้จะค่อยๆจางหายไปแล้วทำให้เขาสะกิดใจ บางสิ่งที่เคยคุกคามกำลังถอยห่างออกไป ชายหนุ่มรู้สึกราวกับว่าเคยได้ยินเรื่องราวทั้งหมดมาจากที่ใดมาก่อน

     

    “มันไปแล้วล่ะ”

     

           อเลน วอล์คเกอร์ที่กำลังหวาดกลัวไม่อยู่ในสภาพพร้อมพูดเท่าไรนัก ทีกี้จึงเลือกที่จะไม่ถามอะไรไปมากกว่านั้น

     

     

     

     

     

     

           ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ที่เขาปล่อยให้โร้ดพาตัวเองมานั่งอยู่ในห้องนอนนี้อีกครั้ง สิ่งที่อเลนทำมีเพียงการนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเองเป็นเวลาเนิ่นนาน เขาชันเข่าทั้งสองข้างขึ้นมาและนั่งกอดมันไว้แบบนั้น โดยที่ดวงตาคู่สวยทำเพียงมองทะลุออกไปในความมืด

     

           ภาพเหตุการณ์ที่ต้องสูญเสียทั้งมาน่าและครอสไปมันกำลังวนกลับมาฉายในหัวซ้ำๆราวกับต้องคำสาป แม้จะยังไม่พบร่างของเสนาธิการหนุ่ม แต่ปริมาณเลือดที่เปรอะเปื้อนไปทั่วห้องมันทำให้เขาคนนั้นถูกตั้งสถานะว่าเสียชีวิตไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย

     

    ไม่ว่าใครที่พยายามต่อต้านต่างก็ต้องพบกับจุดจบแบบนั้น… ความจริงเขาไม่ควรเอาตัวเองไปอยู่ใกล้ใครเลยด้วยซ้ำ

     

           เพราะเกิดมาจากพลังบริสุทธิ์ของพระเจ้า เจ้าสิ่งนั้นที่มีสถานะเหมือนกันจึงต้องการรวมเป็นหนึ่งเพื่อถือกำเนิดอาวุธที่มีอานุภาพเพียงพอจะทำลายโนอาได้ ปณิธานที่สิ่งนั้นกำลังทำสอดคล้องกับเป้าหมายของศาสนจักรเสียจนน่าขำ อเลนรู้ความจริงมาระยะหนึ่งแล้วว่าคนที่ส่งมันมาไม่ใช่ใครจากที่ไหนไกล

     

    หากแต่เป็นวาติกันที่ต้องการครอบครองอำนาจสูงสุดเหนือกว่าโลกปีศาจ โดยไม่ได้สนใจชีวิตที่ต้องแลกมาด้วยเลยแม้แต่นิด

     

           ใบหน้าหวานซบลงกับเข่าของตัวเองอย่างเหนื่อยล้า ความจริงข้อนั้นทำให้เขารู้สึกหมดศรัทธาทุกครั้งที่นึกถึง มีน้อยคนนักที่จะเข้าถึงความจริงเรื่องนี้ได้ เพราะคนที่ศาสนจักรถูกปลูกฝังมาให้ปกป้องมนุษย์จากการรุกรานของปีศาจ แต่ไม่มีใครได้รับรู้ความจริงว่าเบื้องบนของพวกเขากำลังวางแผนจะทำลายอีกโลกหนึ่งให้ราบคาบ

     

           อเลนไม่รู้ว่าโนอากำลังวางแผนจะทำลายโลกมนุษย์เช่นเดียวกันหรือไม่ แต่ระดับพลังที่ขึ้นๆลงๆของว่าที่ผู้นำตระกูลทำให้เขารู้สึกสะกิดใจไม่น้อย คืนก่อนที่ได้พบกับร่างที่แยกออกเป็นสอง คนหนึ่งมีบรรยากาศและพลังปีศาจมากมายจนน่าขนลุก แต่อีกคนกลับสัมผัสไม่ได้ถึงกลิ่นอายอันตรายใดๆออกมาจากร่างเลยแม้แต่นิด

     

    นั่นหมายความว่าพวกเขาไม่มีกำลังพอจะทำร้ายศาสนจักรได้หรือเปล่านะ

     

           เสียงประตูห้องที่ถูกเปิดออกเรียกความสนใจจากเด็กหนุ่มให้เงยหน้าขึ้นมามองอีกครั้ง เขาถูกปล่อยให้นั่งอยู่คนเดียวในห้องมาพักใหญ่ แต่ร่างที่ปรากฏกายขึ้นมาคนแรกในเวลานี้กลับเป็นทีกี้ที่กำลังสาวเท้าใกล้เข้ามา สีหน้าเย็นชาและดวงตาสีทองคู่นั้นดูน่ากลัวกว่าทุกครั้ง แต่อเลนกลับไร้เรี่ยวแรงที่จะแสดงความหวาดกลัวกลับไปอีกแล้ว

     

     

    เจ้านั่นคืออโพคริฟอสใช่ไหม …เป็นเธอที่ตั้งใจล่อมันให้มาหาฉันสินะ

     

       



     







              

    กลิ่นมาม่ารุนแรงเหลือเกิน
    นี่มัน Toxic relationship ของแท้ค่ะ ชีวิตน้องจะรันทดไปไหน

    ขอโทษที่มาอัพช้านะคะ ก่อนหน้านี้รู้สึกเขียนไม่ออกนิดหน่อย
    เลยไปเปิดสมองกับการอ่านและการดูสื่อหลายๆอย่างมาเพิ่มเติม
    ถือว่าช่วยได้เยอะทีเดียวเลยค่ะ

    แล้วพบกันพาร์ทหน้าค่ะ





    SNAP
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×