คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : 4 สายตาคู่นั้น 6/6
“ไปเถอะจ้ะ
น้องฟ้าอย่าชวนน้าเขาเล่นอะไรแผลง ๆ นะลูก”
“เจ้าค่ะ คุณปรางนวลเจ้าขา”
ชรัมพรพูดแกล้ง ๆ แต่ดูน่ารัก
ก่อนฉวยมือธริษตรีแล้วพากันวิ่งต๊อก ๆ ลงบันไดไป
“ดูสิทิพย์ พี่ละปวดหัวกับน้องฟ้าจริง ๆ
ไม่ได้ความเรียบร้อยจากรัญมาบ้างเลย
นี่ถ้าไม่บอกคงไม่มีใครรู้ว่าเมื่อก่อนเคยเป็นเด็กขี้โรค”
หลานสาวคนเดียวของท่านมีโรคประจำตัวคือโรคไต รักษาด้วยการฟอกไตกันมานานหลายปี
จนเมื่อสามปีก่อนได้รับการปลูกถ่ายไตที่เข้ากันจากผู้บริจาค
แพทย์ที่ทำการปลูกถ่ายไตให้ชรัมพรไม่ใช่ใครที่ไหน
แต่เป็นคนที่ธตรัฐคุ้นเคยดีอย่างนายแพทย์พลัช บิดาภูธิปนั่นเอง
“ตอนบรีสอายุเท่าน้องฟ้าก็ซนเหมือนกันนั่นแหละค่ะพี่นวล
จนตอนนี้ยี่สิบก็ยังกระโดกกระเดกอยู่เลยค่ะ” อาจารย์ตรีทิพย์เผาลูกสาว
แล้วเปลี่ยนมาคุยกับศรัญญาบ้าง “น้านึกว่ารัญจะไปฝรั่งเศสกับคุณวาเสียอีก”
“รัญต้องดูแลบลูจัสมินน่ะค่ะน้าทิพย์
และก็อยู่เป็นเพื่อนคุณแม่ด้วย”
ธตรัฐรับรู้ได้ถึงคำตอบที่ออกจะไกลจากความจริงไปสักหน่อย
เท่าที่เขารู้คือโต้โผหลักในการดูแลโรงแรมอคิราห์สกาย รวมทั้งห้องอาหารบลูจัสมินคือศิริญดา
ส่วนศรัญญานั้นมีอำนาจรองลงมาเพราะหน้าที่หลักคือเป็นผู้ช่วยสามีดูแลกิจการอาหารกระป๋อง
“รัญไม่สบายหรือเปล่า หน้าซีดเชียว”
อาจารย์ตรีทิพย์ถามเมื่อสังเกตเห็นความผิดปกติ
“ปวดหัวนิดหน่อยค่ะน้าทิพย์
แต่ดีขึ้นบ้างแล้วค่ะ”
“ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้วละ”
วงสนทนากลับมาครึกครื้นอีกครั้งเมื่อคุณธีรัฐเปิดหัวข้อการสนทนาใหม่
เสียงหัวเราะอย่างเป็นสุขดังเคล้ารอยยิ้มทุกคนในห้องรับแขก
คงมีเพียงศรัญญาเท่านั้นที่ทำมากสุดได้เพียงยิ้มเห็นด้วย
ไม่ได้หัวเราะอย่างออกรสเหมือนคนอื่น ๆ
“น้าบรีสว่าแม่กระต่ายจะเจ็บไหมคะ”
ชรัมพรพูดไปก็น้ำตาไหลไปด้วย
และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกเพราะเด็กสาวเสียน้ำตาทุกครั้งที่มาดูกระต่ายแม่ลูกในกรงแล้วเห็นว่าสะโพกของตัวแม่มีเพียงหนังสีชมพูปราศจากขนปกคลุม
แถมยังเป็นแผลเล็ก ๆ จากการที่เจ้าสี่ขาถอนขนตัวเองมาเป็นเบาะนอนให้ลูก ๆ
“ก็คงเจ็บ”
ธริษตรีตอบขณะสายตามองเจ้าตัวเล็ก ๆ สามตัวที่ขนยังไม่งอก
“แต่คงเป็นความเจ็บที่แม่กระต่ายยินดี”
“น้าบรีสบอกเหมือนคุณแม่เลยค่ะ
แต่ฟ้าก็ยังสงสารมันอยู่ดี”
“มันเป็นกลไกธรรมชาติ
เดี๋ยวแม่กระต่ายก็งอกขนใหม่ น้องฟ้าไม่ต้องเศร้าหรอกน่า”
“ยากจังค่ะ ฝืนตัวเองไม่ให้เศร้าเนี่ย”
เด็กสาวหน้าเศร้า มือลูบขนนิ่ม ๆ ตรงหัวของแม่กระต่ายแสนเชื่องไปมา
“ปิดเทอมแบบนี้ฟ้าเบื่อจังค่ะ ไม่มีอะไรทำก็มาเล่นกับกระต่าย มันน่ารักนะคะน้าบรีส
แต่ก็อดสงสารแม่กระต่ายไม่ได้”
“อืม ถ้าอย่างนั้นพอมีวิธีอยู่”
“วิธีอะไรหรือคะ” ชรัมพรเอียงหน้าตั้งใจฟัง
“น้ามีครูมาสอนพิเศษที่บ้าน
ถ้าน้องฟ้าจะไปเรียนด้วยก็ได้นะ จะได้ไม่เบื่อช่วงปิดเทอมไงล่ะ”
“เรียนพิเศษหรือคะ”
เด็กสาวส่ายหน้าหวือ
คนแนะนำถึงกับหลุดหัวเราะพรืด
เธอกับชรัมพรเหมือนกันอยู่อย่างคือขยาดการเรียนพิเศษและคุ้นเคยกับคำว่าโดดเรียนเป็นอย่างดี
แต่พนันได้เลยว่าถ้าชรัมพรได้มาเรียนกับมานิลาจะต้องติดใจเหมือนที่เธอติดใจ
“สนุกออก
แม่ให้ลูกศิษย์มาสอนภาษาอังกฤษให้น้าที่บ้าน”
“ภาษาอังกฤษด้วยหรือคะ ไม่ไหวมั้งคะ
ขนาดภาษาไทยฟ้ายังเอาตัวไม่รอดเลยค่ะน้าบรีส”
“ลองดูไหมล่ะ ถ้าน้องฟ้าเรียนได้เกินหนึ่งอาทิตย์น้าจะขออนุญาตป้านวล
พี่วา และก็พี่รัญให้น้องฟ้าไปเที่ยวเชียงใหม่ด้วยกันเดือนหน้า”
สรรพนามทั้งที่ธริษตรีใช้เรียกตัวเองและเรียกคนในครอบครัวนี้หากใครมาได้ยินคงหาว่าแปลก
ก็ใครอยากจะเกิดเป็นลูกหลงของพ่อกับแม่กันเล่า เพราะเลี่ยงที่จะเรียกตามศักดิ์ไม่ได้เธอเลยต้องแก่เมื่อตกที่นั่งน้าของชรัมพร
และเป็นน้องที่อายุดูห๊างห่างกับวาริชและศรัญญาจนเป็นพ่อแม่ลูกกันได้เลยด้วยซ้ำ
“จริงหรือคะ” ชรัมพรตาโต
ไม่ใช่เพราะจะได้เรียนพิเศษแต่เป็นเพราะคำว่า ‘เชียงใหม่’ ต่างหาก
ใคร ๆ ก็บอกว่าเธอโชคดีที่เกิดมาบนกองเงินกองทอง
แถมยังเป็นทายาทคนเดียวของทั้งฝ่ายพ่อและฝ่ายแม่
ถูกเลี้ยงมาแบบยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม แทบไม่รู้จักด้วยซ้ำว่ายุงหน้าตาเป็นเช่นไร
ตั้งแต่จำความได้ฝ่าเท้าก็ไม่เคยเปื้อนดิน
คุณยายบอกว่าเพราะเธอสุขภาพไม่ดีตั้งแต่เด็กท่านจึงต้องประคบประหงม แต่อดคิดในทางลบไม่ได้ว่าที่สุขภาพไม่ดีเป็นเพราะไม่เคยตากแดด
ไม่เคยตากฝน
ไม่เคยถอดรองเท้าเดินบนดินบนหญ้าจนภูมิต้านทานเชื้อโรคในร่างกายขี้เกียจทำงานไปแล้วหรือเปล่า
จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าเด็กผู้หญิงซึ่งถูกเลี้ยงมาแบบไข่ในหินอย่างเธอก็อยากจะมีชีวิตปกติธรรมดาแบบคนทั่วไปบ้าง
“จริงสิ น้าจะให้แม่ช่วยขอด้วย
งานนี้ป้านวลต้องอนุญาตแน่ ๆ”
“ถ้าอย่างนั้น...”
ชรัมพรเงยหน้าครุ่นคิด ก่อนตอบออกมาด้วยรอยยิ้มซ่อนความสนุกและความสุขเอาไว้เพียบ
“ฟ้าเรียนค่ะ”
ความคิดเห็น