ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Reborn Hero - เกิดอีกที ครั้งนี้ต้องลุย

    ลำดับตอนที่ #22 : ตอนที่ 20 : ความลับของอากิระ

    • อัปเดตล่าสุด 30 ม.ค. 65


    ตกดึกของวันนั้น ตัวของอากิระกำลังเดินไปที่ห้องของนาวินเพื่อไปเรียกเขา แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง ตัวของเขาก็เกิดอาการหูแว่ว และได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังเข้ามาในหูของเขา

    “ข้านำความจากท่านโซนิคมาบอกกับเจ้า ไปพบกับเขาที่โกดังในเขตดอนเมือง เขาฝากมาบอกว่า หากเจ้าอยากรู้เรื่องของผู้พันจอห์นสัน…”

    จากนั้นไม่นาน เสียงประหลาดนั้นก็ค่อยๆเลือนหายไป ตัวของอากิระถึงกับแปลกใจเล็กน้อย แต่เขาก็พยายามประคองสติไปที่ห้องของนาวินอย่างรวดเร็ว เขาเคาะประตูที่ห้องของนาวิน นาวินก็เดินออกมาในสภาพที่ใส่แค่กางเกงตัวเดียว

    “อ้าว อากิระเหรอ??”

    “พี่วิน รบกวนหรือเปล่าพี่ คุณดันเต้เรียกหน่ะครับ” อากิระพูดขึ้น

    “อ้อๆ เออนี่ นายเป็นอะไรหรือเปล่า สีหน้าดูกังวลนะ??” นาวินถามไป

    “อ้อ ไม่มีอะไรพี่ ผมไปรอนะ” อากิระรีบตัดบท จากนั้นก็รีบเดินออกไปด้านนอกในทันที ในขณะเดียวกันเวียนก็ลุกขึ้นแล้วมาหาเขาอย่างรวดเร็ว

    “มีอะไรหรือเปล่าคะคุณวิน??” เวียนถามไป

    “อ้อ คุณดันเต้เรียกพวกเราหน่ะครับ” นาวินพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็รีบใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว และเดินออกไปด้านนอกเพื่อไปสมทบกับคนอื่นอย่างรวดเร็ว

     

    นาวินและเวียนเดินไปเรื่อยๆ เพื่อพบกับดันเต้ ซึ่งในตอนนั้นคนอื่นๆก็กำลังรอนาวินและเวียนอยู่พอดี และเมื่อนาวินเดินทางมาถึงแล้ว ดันเต้ก็ทักทายกับนาวินในทันที

    “อ้อ มาแล้วสินะครับคุณวิน” ดันเต้พูดขึ้น

    “อ้อครับผม แล้วนี่คุณอีสครินน่าไม่มาด้วยเหรอครับ??” นาวินถามไป

    “คุณอีสครินน่ากำลังทำพิธีของเธออยู่ค่ะ คุณลูอีสกำลังคุ้มกันเธออยู่” พัตติยาพูดขึ้น

    “ว่าแต่ ที่เรียกพวกเรามามีอะไรเหรอครับ??” นาวินถามอย่างสงสัย และในขณะเดียวกันนั้นเอง ตัวของลันโทสก็เปิดวีดีโออะไรบางอย่างให้กับคนอื่นๆได้ดูในทันที ในวีดีโอนั้นปรากฏภาพการต่อสู้ระหว่างกลุ่มผู้เกิดใหม่ กับกองกำลังปริศนา ซึ่งดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไร แต่ความประหลาดนั้นอยู่ที่ว่า กองกำลังปริศนานั้นดูจะแข็งแกร่งมากกว่าที่พวกเขาคิด

    “โห ดูไอ้บ้าคนนั้นสิ ขนาดไม่ได้ใส่เกราะหนักอะไร ฆ่าแทบไม่ตายเลย” โลร็องต์พูดขึ้น

    “หรือว่า มันจะเอาหุ่นมาสู้กับเราหล่ะครับนั่น??” นายลุ้นถามไป

    “ถ้ามันเป็นหุ่นยนต์ ต้องบอกว่างานแนบเนียนเหมือนมนุษย์มาก” ลันโทสพูดขึ้น

    “ผมว่า ทาง UNASO ต้องประดิษฐ์อาวุธชนิดใหม่สำเร็จแล้วหล่ะครับ” ซีโร่พูดขึ้น

    “มันเป็นอาวุธแบบไหนหล่ะครับ หุ่นไซบอร์กเหรอ??” นาวินถามอย่างแปลกใจ

    “ผมว่ามันก็ไม่เชิงครับ เท่าที่ดูจากลักษณะ เหมือนกับว่าจะเป็นมนุษย์ที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรมมากกว่าครับ ผมเคยเห็นการวิจัยในหลายประเทศ” ภาภินพูดขึ้น

    “ดูเหมือนว่ามันจะใช้มนุษย์พวกนั้น มาเล่นงานพวกเราสินะ” ฮารุพูดขึ้น

    “เฮ้อ พวกมันจะแน่ซักแค่ไหนกันเชียวหล่ะ??” อินเนสซ่าถามไป

    “อย่าประมาท พวกมันอาจจะมีดีกว่าที่เราคิดก็ได้นะ” โจไซอาห์พูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น เขาจะดัดแปลงพันธุกรรมพวกเราได้หรือเปล่าครับ??” นายลืมถามอย่างซื่อๆ

    “โธ่ไอ้น้อง พวกเรามันตายไปแล้ว จะทำยังไงได้หล่ะ??” ลูโดวิกพูดปรามไป

    “เอาเถอะครับ ดูเหมือนว่าพวกเราจะมีศัตรูใหม่แล้วสินะครับ” เสี่ยวหลงพูดขึ้น

    “แล้วเราจะรับมือกับพวกมันยังไงคะ สงสัยคงต้องหาจุดอ่อนของพวกมันอีก” อัญชันพูดขึ้น

    “นั่นสิ ต่อให้แข็งแกร่งยังไง มันก็ต้องมีจุดอ่อนบ้างสิ” อากิระพูดขึ้น

    “อืม หรือว่าเราจะต้องจับมันมาทดลองดูหล่ะคะ??” ลาลินถามไป

    “พี่ว่านะ พวกมันคงไม่ยอมให้เราจับได้ง่ายๆหรอก” เวียนพูดไป

    “ครับ แล้วก็อีกเรื่องนะครับ คุณเบ็ตตี้ติดต่อมา ว่าพวกเธอต้องการความช่วยเหลือจากเรา พวกของเธอเชื่อว่าใน 3 วันจะมีการส่งมอบอาวุธให้กองกำลังเพื่อป้องกันตัว พวกเธอต้องการกำลังคนเพื่อคุ้มกันหน่ะ” ดันเต้พูดขึ้น

    “หมายความว่า พวกมันคงต้องมาป่วนการขนส่งอาวุธแน่ๆ” ลันโทสพูดขึ้น

    “เอาเถอะ มันก็แค่งานคุ้มกันสินะ คงไม่น่ามีอะไรมากหรอก” ฮารุพูดขึ้น

    “จะว่าไป เราอาจจะจับไอ้พวกบ้านั่นซักคนมาได้นะ แล้วเอามาทดลองดูว่ามันมีอะไรซ่อนอยู่” เวียนพูดขึ้น

    “แต่ว่า เราจะจับมันมายังไงหล่ะคะ??” ลาลินถามอย่างสงสัย

    “สงสัยคงต้องหาอะไรมัดมันเอาไว้แล้วหล่ะ ไม่ก็กระทืบให้มันสลบไปเลย” อากิระพูดขึ้น

    “เออ ว่าแต่ เรื่องของนายโซนิคนี่ จะเอายังไงต่อหล่ะคะ??” อัญชันพูดขึ้น และในตอนนั้นเมื่ออากิระได้ยินก็ถึงกับสะดุ้งเฮือก

    “อ้าว อากิระ เป็นอะไรของนายหล่ะ??” โจไซอาห์ถามไป

    “เราคงสู้ไอ้บ้านั่นไม่ได้ตอนนี้ ถึงยังไงก็อย่าไปปะทะกับมันตรงๆก็แล้วกัน” อินเนสซ่าพูดขึ้น

    “มันสามารถควบคุมจิตใจพวกเราได้ พวกเราแย่แน่ ด็อกเตอร์ครับ น่าจะหาของอะไรมาช่วยหน่อยก็ดีนะครับ” นายลุ้นพูดขึ้น

    “ว่าแต่ นักการเมืองคนนั้นเป็นยังไงบ้างหล่ะ??” ลูโดวิกถามอย่างสงสัย

    “ตอนนี้กำลังรวบรวมหลักฐานอยู่ แต่เราให้เขากบดานอย่างดีแล้วหล่ะ” ภาภินพูดขึ้น

    “เฮ้อ เมื่อไหร่จะให้เขากลับบ้านได้หล่ะครับ??” นายลืมถามอย่างแปลกใจ

    “ตอนนี้การให้เขากลับไปไม่ใช่ความคิดที่ดีเลยนะครับ” ซีโร่พูดขึ้น

    “เอาเถอะครับ ยังไงก็ต้องดูแลเขาให้ดีก่อนก็แล้วกัน” เสี่ยวหลงพูดขึ้น

    “ตอนนี้เราก็คงต้องเตรียมตัวเพื่อไปช่วยพวกเขาในอีก 3 วันสินะ” โลร็องต์พูดขึ้น

    “อืม ฉันขอไปดูคุณอีสครินน่าก่อนนะคะ” พัตติยาพูดขึ้น จากนั้นตัวของเธอก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว

    “ถ้าอย่างงั้นก็แยกย้ายกันไปก่อนดีกว่านะครับ ถ้าใกล้ถึงเวลาแล้วค่อยว่ากันก็แล้วกันนะครับ” นาวินบอกกับทุกคนไป จากนั้นพวกเขาก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนในทันที

     

    ในห้องของนาวิน ตัวของวินกำลังนั่งคิดอะไรบางอย่างอยู่ในห้อง ซึ่งในตอนนั้นเวียนก็ได้มากอดเขาจากด้านหลัง นาวินก็กุมมือเวียนเอาไว้

    “คุณคิดอะไรอยู่หรือเปล่าคะ??” เวียนถามนาวินไป

    “อ้อ ไม่มีอะไรครับ ผมแค่คิดว่าวันนี้อากิระมีท่าทีแปลกๆ” นาวินพูดขึ้น

    “แปลกเหรอคะ อืม จะว่าไป วันนี้เขาก็ดูลนๆนะคะ” เวียนพูดขึ้น

    “อืม ใช่ครับ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหมอนั่นหรือเปล่า” นาวินพูดขึ้น

    “จะว่าไป เขาดูลนๆตอนที่พูดถึงโซนิคนะคะ” เวียนพูดขึ้น

    “อืม ถ้าอย่างงั้นผมจะลองจับตาดูเขานะครับ” นาวินพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็หันไปจูบกับเวียน แล้วก็พาเธอนอนลงบนเตียงในทันที

     

    ทางด้านของอากิระ ตัวของอากิระนั่งคิดอะไรบางอย่างอยู่ในห้องของเขา ในขณะที่ตัวของเสี่ยวหลงออกไปด้านนอก ตัวของเขากำลังนั่งตัดสินใจอะไรบางอย่างในห้อง พร้อมกันนั้น เขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตูมาจากหน้าห้อง เขารีบไปเปิดประตูในทันที

    “พี่อากิระ นี่หรือเปล่าที่พี่อยากได้??” นายลืมซึ่งในตอนนั้นยื่นหมวกอะไรบางอย่างให้กับอากิระไป

    “อืม อย่าบอกใครนะว่าพี่เอามา” อากิระพูดขึ้น

    “เอ๊ะ เอาอะไรมาพี่ แล้วผมมาที่นี่ได้ยังไงกัน??” นายลืมถามอย่างสงสัย ทำเอาอากิระถึงกับยิ้มไป จากนั้นก็ปิดประตูอย่างรวดเร็ว ตัวของเขารีบเอาหมวกไปวางไว้ที่โต๊ะ และในขณะเดียวกัน จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูอีกรอบ อากิระรีบซ่อนหมวกเอาไว้ จากนั้นก็ไปเปิดประตูอย่างรวดเร็ว

    “เฮ้ อากิระ เจ้าลืมมาทำอะไรแถวนี้เนี่ย??” เสี่ยวหลงถามไป

    “อ้อ อย่าไปใส่ใจเลย สงสัยคงมาเดินเล่นหล่ะมั้ง” อากิระพูดขึ้น และในตอนนั้นเสี่ยวหลงก็เข้ามาในห้องของอากิระ จากนั้นก็ไปนอนลงบนเตียงของเขาอย่างรวดเร็ว

    “เฮ้อ ฉันขอนอนก่อนนะ เหนื่อยจริงๆเลย” เสี่ยวหลงพูดขึ้น

    “อ่าๆ ว่าแต่ อัญชันไปไหนหล่ะ??” อากิระถามอย่างสงสัย

    “ก็คงอยู่กับพัตติยาหล่ะนะ” เสี่ยวหลงพูดขึ้นพลางหาวไปหนึ่งที จากนั้นก็ค่อยๆหลับตาลงนอนไปเพื่อพักผ่อน และในขณะเดียวกันนั้นเอง ตัวของอากิระก็หยิบปืนของเขา ทั้งปืนพกและปืนเลเซอร์ของดันเต้ เขาพกมันติดตัวไว้ จากนั้นก็ใส่หมวกที่นายลืมให้เขามาด้วย แล้วเดินไปที่ประตูหน้าห้อง

    “โทษทีนะเสี่ยวหลง แล้วฉันจะกลับมา” 

    อากิระพูดในใจ จากนั้นเขาก็เดินออกไปนอกห้องอย่างรวดเร็ว

     

    ที่ห้องพักรับรองห้องหนึ่ง ห้องที่อีสครินน่าใช้มันในการทำพิธีเพื่อเปิดกล่องหทัยราชันย์ โดยที่ตัวของลูอีสและพัตติยาก็คอยมองดูเธออยู่ด้านนอก และในขณะเดียวกัน อัญชันก็เดินมาหาพัตติยาเพื่อคุยกับเธอด้วย

    “พัตติยา คุณอีสครินน่าเป็นยังไงบ้างหล่ะ??” อัญชันถามไป

    “อ้อ ตั้งแต่เมื่อเย็นแล้ว ยังไม่พูดกับใครเลย” พัตติยาพูดขึ้น

    “สงสัยคุณอีสครินน่าคงต้องใช้สมาธิหน่ะครับ” ลูอีสพูดขึ้น

    “คุณลูอีส ยังไงก็ต้องระวังที่นี่ให้หนักนะคะ พวกมันอาจจะบุกมาที่นี่ได้ทุกเวลาค่ะ” พัตติยาพูดขึ้น

    “แต่ถึงยังไง พวกเราก็ต้องไปทำงานของพวกเราใน 3 วันนี้นะ” อัญชันพูดขึ้น

    “เออ พวกคุณไปทำงานอะไรอย่างงั้นเหรอครับ??” ลูอีสถามไป

    “อ้อ ไม่มีอะไรค่ะ ตอนนี้พวกองค์กรลับคิดจะมาปล้นอาวุธของพวกใต้ดิน เราต้องไปคุ้มกันมันค่ะ” พัตติยาพูดขึ้น

    “ได้ยินคุณดันเต้บอกว่าศัตรูครั้งนี้มันน่ากลัวมาก คงต้องระวังตัวหน่อยหล่ะ” อัญชันพูดขึ้น

    “นั่นสินะ คุณลูอีส ยังไงฉันฝากอีสครินน่าด้วยนะคะ” พัตติยาพูดขึ้น

    “ได้ครับ ผมจะคุ้มกันเธอเองครับ” ลูอีสพูดขึ้น

    “งานนี้เราคงต้องยื้อเวลาไปซักพัก รอให้คุณอีสครินน่าทำพิธีสำเร็จ แล้วค่อยมาหาทางกันอีกที” พัตติยาพูดขึ้น

    “นั่นสิ หวังว่าพวกมันจะไม่มาเจอที่นี่ก่อนนะคะ” อัญชันบอกกับพัตติยาไป

     

    ทางด้านของคนอื่นๆ ในตอนนั้นพวกเขาต่างนอนไม่หลับกัน พวกเขาจึงมาฝึกยิงปืนกัน พวกเขาใช้ปืนหลายชนิดตามที่ดันเต้มี และในขณะเดียวกัน พวกเขาก็คุยกันไปด้วยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น

    “เฮ้อ ดูเหมือนว่างานนี้เราคงต้องสู้กับศัตรูที่น่ากลัวกว่าที่เราเคยเจอแล้วหล่ะ” ฮารุพูดขึ้นพลางยิงปืนไฟชนิดดัดแปลงของเธอใส่เป้าไป

    “โห ยิงแม่นเหมือนกันนะคะพี่!!” ลาลินพูดอย่างตื่นเต้น 

    “เฮ้อ ผมนี่อยากยิงแม่นๆเหมือนพี่จังเลย” โลร็องต์พูดขึ้น

    “นายก็ฝึกให้มันเยอะๆหน่อยสิ” ลูโดวิกพูดขึ้นพลางยิงเป้าไปบ้าง

    “ฉันไม่ค่อยสันทัดปืนไฟสมัยใหม่เท่าไหร่ แต่ก็พอใช้เป็นหล่ะ” โจไซอาห์พูดขึ้น จากนั้นก็ลองทำท่าเล็งปืนดู

    “มันใช้ง่ายกว่าอาวุธที่นายเคยใช้ซะอีก” อินเนสซ่าพูดขึ้นพลางยิงปืนไปบ้าง

    “งานนี้เราคงต้องใช้มากกว่าปืนหล่ะ ถ้าเราอยากจะชนะพวกมัน” ลันโทสพูดขึ้นพลางกระหน่ำยิงเข้าไปเป็นชุด

    “นั่นสิครับ งานนี้คงต้องใช้สมองกับพวกมันหน่อย” ซีโร่พูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ดันเต้ก็เดินไปเดินมาแถวนั้น จนมาถึงเขตซ้อมยิงปืน ดันเต้รีบไปทักทายทุกคนในทันที และในขณะเดียวกันนั้นเอง นายลุ้นก็กำลังเอาห่อไพ่ของเขาออกมาดูอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกัน ดันเต้ก็เดินไปดูไพ่ของนายลุ้นอย่างรวดเร็ว

    “อะไรเหรอ ไพ่ใหม่อย่างงั้นเหรอ??” ดันเต้ถามไป

    “อ้อ ใช่ครับ ผมไปเจอมันที่ถ้ำหน่ะครับ” นายลุ้นพูดขึ้น

    “จะว่าไป ไพ่ใหม่ของลุ้นนี่ก็ดูเหมือนไพ่ทาโรห์เลยนะครับ” ภาภินพูดขึ้น และในขณะเดียวกัน พวกเขาก็เห็นนายลืมเดินเข้ามาในห้องซ้อมยิงปืนด้วย เพื่อมาดูการฝึกซ้อมของทุกคน

    “โห ฝึกกันหนักเลยนะครับเนี่ย” นายลืมพูดขึ้น

    “ทำไมหล่ะ นายอยากจะลองหน่อยหรือเปล่าหล่ะ??” โลร็องต์ถามไป จากนั้นก็ยื่นปืนให้กับนายลืมในทันที ตัวของนายลืมก็หยิบปืนขึ้นมาแล้วเล็งไปที่เป้า

    “เฮ้ย นี่นายจะเอาจริงเหรอ??” ลูโดวิกถามอย่างสงสัย

    “ปัง!!”

    นายลืมเหนี่ยวไกออกไป แต่ก็ดูเหมือนจะยังไม่เข้าเป้าดีนัก ตัวของฮารุจึงไปสอนนายลืมต่อ

    “นี่ เล็งตรงนี้ ยืนให้มั่นคง อย่าเกร็งหล่ะ” ฮารุพูดขึ้น จากนั้นก็จัดท่าทางให้กับนายลืม จากนั้นนายลืมก็เหนี่ยวไกต่อในทันที

    “ปัง!!”

    กระสุนเข้าใกล้เป้ามากขึ้น นายลุ้นเห็นดังนั้นจึงตื่นเต้นมาก

    “เย้ๆ ผมยิงโดนแล้ว!!” นายลืมพูดขึ้น

    “เออ ยังไงก็ต้องฝึกทุกวันหล่ะ จะได้คล่องมือ แล้วก็อย่าพยายามลืมวิธีหล่ะ” โจไซอาห์พูดขึ้น 

    “ฉันว่าไม่กี่นาทีก็คงจะลืมหมดแล้วหล่ะ” อินเนสซ่าพูดขึ้น

    “ด็อกเตอร์ครับ เราจะรับมือกับโซนิคได้ยังไงหล่ะครับ??” ลันโทสถามดันเต้ไป

    “อืม งานนี้คงต้องใช้ทุกอย่างที่มีแล้วหล่ะ ไอ้หมอนี่มันตัวอันตราย ฉันโง่เองที่เคยไว้ใจมัน” ดันเต้พูดขึ้น

    “เฮ้อ ต้องสู้กับพวก UNASO แล้วไหนจะโซนิคอีก งานนี้คงต้องเหนื่อยหน่อยหล่ะ” นายลุ้นพูดขึ้น

    “เรื่องนี้ผมเตรียมพร้อมรับมือพวกมันแล้วหล่ะครับ” ซีโร่พูดขึ้น

    “แต่ก่อนอื่น เราต้องทำให้แน่ใจว่าพวกมันจะไม่มีที่นี่นะครับ เพราะถ้าพวกมันได้หทัยราชันย์ไป โลกใบนี้ได้ล่มสลายแน่ๆ” ภาภินพูดขึ้น

    “นี่ก็แปลว่า โลกนี้ฝากความหวังไว้ที่พวกเราแล้วสินะคะ” ลาลินพูดขึ้น

    “จะว่าไป ช่วงนี้ผมลองสอดแนมการสนทนาของพวกมัน พอรู้มาว่าช่วงนี้หน่วย UNASO กำลังติดต่อกับใครบางคนอยู่ และไม่กี่วันมานี้ ติดต่อกันบ่อยมากครับ แต่ผมยังเจาะเครือข่ายของอีกฝ่ายไม่ได้เลยครับ” ภาภินพูดขึ้น

    “อืม ไอ้คริสเตียลมันจะติดต่อกับใครได้บ้างกันนะ??” ลันโทสถามอย่างแปลกใจ

    “หรือว่าจะเป็น The Green มีข่าวมาว่าเธอมาอยู่เมืองไทยแล้ว แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้เธอกำลังเก็บตัวอยู่” ดันเต้พูดขึ้น

    “แล้วทำไม พวกนั้นถึงไม่ไปรวมตัวกันหล่ะ ไหนว่าเป็นพวกเดียวกันไง??” ฮารุถามไป

    “อืม ผมว่า เรื่องนี้มันต้องมีลับลมคมในแน่นอนครับ” นายลุ้นพูดขึ้น

    “หรือว่า พวกมันก็มีเรื่องขัดแย้งภายในกันเองเหมือนกัน??” ลูโดวิกตั้งข้อสงสัยไป

    “ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็แปลว่าตอนนี้เรามีศึก 3 ฝ่ายสินะคะ” ลาลินพูดขึ้น

    “ถึงยังไงก็ต้องระวังบ้าง ศึก 3 ฝ่ายนี่น่ากลัวกว่า 2 ฝ่ายเยอะครับ อาจจะมีการหักหลังได้ทุกเมื่อ” ซีโร่พูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง

    “ปัง!!”

    นายลุ้นเองก็ซ้อมยิงปืนชนิดที่ไม่สนใจคนที่กำลังคุยกันอยู่เลย

    “เฮ้ย จะยิงอะไรก็ระวังๆหน่อยสิ!!” โลร็องต์ตะโกนออกมา

    “ขอโทษครับพี่ ผมแค่ฝึกไว้ ไม่อยากลืมวิธีใช้หน่ะ” นายลืมตอบไป

    “ช่างมันเถอะ ตอนนี้คงต้องจัดการพวกมันทั้งสองฝ่าย” โจไซอาห์พูดขึ้น

    “หรือไม่ก็ปล่อยให้พวกมันฆ่ากันเองให้ตายกันก่อนดีกว่า” อินเนสซ่าพูดขึ้น

    “ผมว่า พวกมันคงไม่ยอมโง่ฆ่ากันเองหรอกครับ มันคงจะตัดกำลังทั้งสองฝ่าย และออมกำลังฝ่ายตัวเองไว้ รอจนกว่าฝ่ายหนึ่งใกล้ตาย แล้วเผด็จศึกฝ่ายนั้น ส่วนอีกฝ่าย ก็หาทางกำจัดเลย” ภาภินพูดขึ้น

    “จริงด้วย พวกมันคงไม่โง่ขนาดนั้นหรอก เราคงต้องรอให้มันเคลื่อนไหวก่อนหล่ะ” ฮารุพูดขึ้น

    “หรือไม่ เราก็เคลื่อนไหวเลย ตัดกำลังมันซะก็จบ” ลูโดวิกพูดขึ้น

    “ความคิดดีนะ แต่เราจะเริ่มจากตรงไหนหล่ะ??” ลันโทสถามไป

    “ถ้าจะให้ดี เราควรจะจัดกำลังพวกมันจากพวกตัวเล็กตัวน้อยก่อน พอพวกมันไม่มีมือมีเท้า เราก็จัดการได้ง่ายขึ้น” ซีโร่พูดขึ้น

    “ถ้าจะจัดการง่ายที่สุด ก็คงเป็นบรรดาลูกน้องของไอ้คริสเตียลหน่ะ” โจไซอาห์พูดขึ้น

    “นั่นสิ ไอ้หัวหน้าที่ชื่อฮาเวิร์ด น่าจะเล่นงานมันก่อนเลย” อินเนสซ่าพูดขึ้น

    “อืม ผมว่ามันคงไม่ยอมให้เราเคี้ยวพวกมันเล่นง่ายๆหรอกครับ” นายลุ้นพูดขึ้น

    “นั่นสินะ งั้นก็เล่นผู้ติดตามของมันไปก่อนก็ได้” โลร็องต์พูดขึ้น

    “หรือว่าเราจะยกพวกไปที่โกดังนั่นเลยหล่ะคะ??” ลาลินถามไป

    “ห่ะ นี่เราจะไปช่วยใครอีกเหรอครับ??” นายลืมถามอย่างสงสัย ทำเอาทุกคนถึงกับส่ายหัว

    “อืม ถ้าเราไปโจมตีที่นั่น ก็ต้องไปแบบไม่ให้พวกมันรู้ตัว หรือไม่ เราก็บอกตำแหน่งของพวกมันให้คุณเบ็ตตี้รู้” ดันเต้พูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น ผมจะติดต่อกับคุณเบ็ตตี้เองครับ” ลันโทสพูดขึ้น

    “นั่นสิครับ ถ้าเกิดกองกำลังของเบ็ตตี้ลุยเอง น่าจะชนะได้ไม่ยากครับ” ซีโร่พูดขึ้น

    “ส่วนเรื่อง The Green ถ้าผมยังพอมีแรง ผมจะลองสืบหาตัวเธอเองครับ ว่าเธออยู่ที่ไหน” ภาภินพูดขึ้น

    “พูดถึง The Green ยังไงก็ต้องระวังด้วยหล่ะ เธอไม่ใช่คนที่เราจะลูบคมได้ง่าย” ดันเต้พูดขึ้น

    “คอยดุเถอะ ยัยบ้าเวอร์รีนนั่น เจออีกเมื่อไหร่จะเล่นเผาหัวให้” ฮารุพูดขึ้น

    “เออ ยังไงก็ระวังเถอะ มันอาจจะเป็นเธอที่โดนมันเล่นงาน” โจไซอาห์พูดขึ้น

    “แต่ไม่รู้ว่ากองกำลังของคุณเบ็ตตี้จะเล่นงานโซนิคได้หรือเปล่านะคะ” ลาลินพูดขึ้น

    “อืม แต่ถึงยังไงก็คงทำให้พวกมันปั่นป่วนได้บ้าง” อินเนสซ่าพูดขึ้น และในขณะเดียวกัน ตัวของลุ้นเองก็ลองจั่วไพ่ขึ้นมาใบหนึ่ง 

    “DEAL!!”

    “อะไรกัน ข้อตกลงเหรอ??” นายลุ้นถามไป

    “ไม่เข้าใจเลย มันจะตกลงอะไรกัน??” โลร็องต์ถามอย่างแปลกใจ

    “ไม่แน่ อาจจะมีข้อเสนออะไรซักอย่างแน่ๆ” ลูโดวิกพูดขึ้น

    “นี่ พวกพี่เล่นปริศนาคำทายกันอย่างงั้นเหรอครับ??” นายลืมพูดขึ้น ทำเอาทุกคนถึงกับส่ายหน้าไป 

     

    กลับมายังศูนย์บัญชาการของหน่วย UNASO หลังจากที่โซนิคกลับมาก็พบว่าที่นี่ถูกบุกรุก และตัวของเบลก็ยังถูกชิงไป ทำให้โซนิคถึงกับต้องสั่งให้คริสเตียลจัดการเรื่องการรักษาความปลอดภัยใหม่ ในขณะที่ตัวของโซนิคเองก็กลับมานั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมของเขา และในขณะเดียวกันนั้นเอง ตัวของกาลีน่าก็มาขอพบกับโซนิคตามลำพัง ลีน่าพาเธอไปหาโซนิคที่กำลังนั่งอยู่ โซนิครีบคุยกับเธอในทันที

    “อืม มาแล้วเหรอกาลีน่า มีอะไรมาบอกฉันงั้นเหรอ??” โซนิคถามเธอไป

    “คือว่า มีความเป็นไปได้สูงที่พวกมันอาจจะหาทางลอบสังหารคุณ ตอนนี้ดูเหมือนพวกมันกำลังติดต่อกับใครบางคนบ่อยๆ พูดเกี่ยวกับเรื่องภารกิจของเราด้วยค่ะ” กาลีน่าพูดขึ้น

    “มันกล้าทำกับที่รักขนาดนั้นเลยเหรอ ที่รักคะ ไปฆ่าพวกมันเถอะค่ะ” ลีน่าพูดด้วยความโมโห

    “เดี๋ยวก่อน ถ้าไปจัดการพวกมันตอนนี้ เรื่องมันอาจจะบานปลายนะ” เดวิดพูดขึ้น

    “นั่นสิ ฉันยังต้องพึ่งพวกมันอยู่ อีกอย่าง พวกมันลอบสังหารฉันไม่ได้หรอก” โซนิคพูดขึ้น

    “มันมีคลิปเสียงด้วยนะคะ แต่มันต้องไปปรับเสียงใหม่” กาลีน่าพูดขึ้นพลางเอาโทรศัพท์ที่เธออัดเสียงให้กับลีน่า ลีน่ารีบเอามันมาในทันที และในขณะเดียวกัน จู่ๆ โซนิคก็เกิดได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง ตัวของเขาได้ฟังอย่างตั้งใจ จากนั้นก็พูดขึ้น

    “เธอกลับไปก่อนเถอะกาลีน่า เธอทำได้ดีมาก เธอได้แก้แค้นแน่ ฉันสัญญา” โซนิคพูดทิ้งท้ายไว้ จากนั้นกาลีน่าเองก็เดินออกไปนอกห้องอย่างรวดเร็ว ส่วนตัวของโซนิคเองก็กลับมาคุยกับลีน่าและเดวิด

    “ไอ้อากิระมันมาแล้ว” โซนิคพูดขึ้น

    “งั้นเหรอคะ จะให้เอายังไงกับมันดีคะ??” ลีน่าถามไป

    “ไอ้บ้านั่นมันยิงผม ผมจะฆ่ามันเอง” เดวิดพูดขึ้น

    “แกสู้มันไม่ได้หรอก ฉันมีแผนการที่ดีกว่านั้น ไอ้หมอนั่นมันก็แค่ทางผ่าน” โซนิคพูดขึ้น

    “ที่รักจะควบคุมจิตใจของมันอย่างงั้นเหรอคะ??” ลีน่าถามไป

    “มันมีพลังสะท้อนกลับ เราทำอะไรกับมันได้ยาก เอาฉันจะจัดการเอง เธอจัดการเรื่องคลิปเสียง เดวิด นายจับตาดูคริสเตียลกับพวกมันของมันไว้ ถ้าพวกมันล้ำเส้น จัดการได้เลย” เดวิดพูดขึ้น

    “รับทราบครับผม” เดวิดรับคำสั่งไป

    “ฉันจะไปที่โกดังนั่น จะไปเจอกับอากิระมันหน่อย ดูท่ามันอยากจะรู้เรื่องของผู้พันจอห์นสันซะเต็มประดา” โซนิคพูดขึ้น

     

    และที่ด้านนอก ตัวของกาลีน่าเองก็รีบเดินกลับไปยังห้องพักของเธออย่างรวดเร็ว แต่ในระหว่างทาง ตัวของเธอก็ได้เจอกับวูฟยืนรออยู่แถวนั้น

    “ไง ดูเหมือนว่าจะหานายใหม่ได้แล้วสินะ” วูฟพูดขึ้น ทำเอากาลีน่าถึงกับสะดุ้งเฮือก

    “อะไรของนาย อย่ามาพูดดีกว่า ฉันมีมีดเงินนะ” กาลีน่าตอบกลับไป

    “อืม ถ้าเกิดว่าฉันไปบอกกับคนอื่น ว่าเธอเป็นหนอนบ่อนไส้หล่ะ จะเป็นยังไงนะ??” วูฟถามไป

    “ฉันว่านายเลือกให้ถูกฝ่ายดีกว่า” กาลีน่าตอบกลับไป

    “คนอย่างฉันเลือกถูกฝ่ายเสมอ ส่วนเธอหน่ะ คิดดีแล้วเหรอ ถ้าเกิดเล่นผิดฝ่ายเมื่อไหร่ นอกจากจะไม่ได้แก้แค้นแล้ว อาจจะได้แค้นยิ่งกว่าเดิมอีกนะจ๊ะคนดี” วูฟพูดขึ้นพลางทำท่าจุ๊บปากใส่กาลีน่าไป

    “นี่ นายไม่รู้อะไรอย่าพูดดีกว่า ฉันทำเพื่อพวกเราทุกคนนะ” กาลีน่าพูดกับวูฟ

    “จะพูดอะไรก็พูดได้ น้องสาว เอาเป็นว่า ฉันจะลืมที่เธอไปคุยอะไรกับเจ้านั่นก็แล้วกัน แต่เธอติดหนี้ฉันทีนึงแล้วนะ” วูฟพูดขึ้นพลางหันหลังเดินจากไป

     

    ที่ห้องพักของแสงจันทร์ ในตอนนั้นตัวของเขาก็ได้จัดหนักจัดเต็มกับรูกิทั้งคืน และหลังจากเสร็จกิจ พวกเขาทั้งคู่ก็นอนด้วยกัน แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าแสงจันทร์จะมีอะไรเป็นกังวล รูกิเลยถามแสงจันทร์ไปในทันที

    “นี่ โร่ว์ นายดูเครียดนะ ไม่มันส์หรือไง??”

    “ไม่รู้สิ ช่วงนี้ฉันรู้สึกเชื่อใจคนลำบากหน่ะ” แสงจันทร์ตอบกลับไป

    “ทำไม เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ??” รูกิถามไป

    “เธอไม่สงสัยเรื่องกาลีน่าอย่างงั้นเหรอ??” แสงจันทร์ถามไป ทำเอาเธอพูดขึ้นในทันที

    “นี่นายก็สงสัยยัยนั่นเหมือนกันเหรอ คิดถูกแล้วหล่ะ เราสองคนมาช่วยกันจับตาแม่นั่นกันดีกว่า” รูกิพูดขึ้น

    “ผมไม่เข้าใจนะ เธอจะทำแบบนั้นไปทำไม??” แสงจันทร์ถามไป

    “เธอคงอยากจะแก้แค้น ไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่น เลยทำได้ทุกอย่าง” รูกิพูดขึ้น

    “เอาเถอะ ถ้าเธอทำอะไรขึ้นมา ผมไม่เอาเธอไว้แน่” แสงจันทร์พูดขึ้น

    “แล้วฉันจะรอซ้ำเอง” รูกิพูดขึ้น จากนั้นก็หอมแก้มของแสงจันทร์ไปหนึ่งที

     

    กลับมายังห้องวางแผนของคริสเตียล ตัวของเขาได้รับรายงานจากสายข่าวว่าจะมีการขนส่งอาวุธสงครามให้กลุ่มผู้เกิดใหม่ ตัวของคริสเตียลจึงได้วางแผนกับฮาเวิร์ด เพื่อหยุดการขนส่งอาวุธพวกนั้นในทันที

    “สายข่าวของเรารายงานมาว่า พวกมันจะขนส่งอาวุธกันที่นี่ เราจะระดมกำลังไปหยุดพวกมัน โจมตีพวกมันจากทุกด้าน ได้ยินว่าตัวใหญ่อย่างเบ็ตตี้จะไปด้วย” คริสเตียลพูดขึ้น

    “ผมว่าถ้าจะจับตัวเธอคงไม่ง่าย เพราะหลายฝ่ายคงต้องไปคุ้มกันเธอแน่นอนครับ” ฮาเวิร์ดพูดขึ้น

    “นั่นสิคะ ถ้าเบ็ตตี้ไป พวกของด็อกเตอร์ดันเต้ทั้งหมดต้องไปด้วยแน่ๆ” เวอร์รีนพูดขึ้น

    “นั่นสินะ แต่ไม่ต้องห่วง งานของเราก็แค่จัดการการขนถ่ายอาวุธของพวกมันนี่ครับ” รูกี้พูดขึ้น

    “เออนี่ ว่าแต่ รูกิหายไปไหนกันหล่ะ??” คริสเตียลถามไป

    “สงสัยจะอยู่กับพ่อหนุ่มโร่ว์นั่นหน่ะ” ฮาเวิร์ดพูดขึ้น

    “ช่างมันเถอะ แต่ถึงยังไง งานนี้เราต้องรอบคอบไว้ คนของเราที่ต้องเอาไปต้องเป็นหัวกะทิด้วย” คริสเตียลพูดขึ้น

    “แล้วนี่ เราต้องบอกกับไอ้โซนิคด้วยหรือเปล่าคะ??” เวอร์รีนถามไป

    “เรื่องนี้เบื้องบนกำชับว่า ถ้าเป็นไปได้ อย่าให้โซนิคมาเกี่ยว” คริสเตียลพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น คงต้องปิดเรื่องที่พวกของดันเต้จะไปที่นั่นสินะ” รูกี้พูดขึ้น

    “คุณ The Green บอกเราว่าจะส่งหน่วยรบมือดีไปสมทบกับเรา” คริสเตียลพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นเราคงเบาใจได้หน่อยครับ” ฮาเวิร์ดพูดขึ้น

    “ว่าแต่ มีอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับกาลีน่าบ้างหล่ะตอนนี้??” คริสเตียลถามไป

    “ตอนนี้เธอยังปิดปากเงียบอยู่ครับ” รูกี้พูดขึ้น

    “ถ้าเกิดนางเกิดไม่น่าไว้ใจ ฉันจะจัดการเองค่ะ” เวอร์รีนบอกกับคริสเตียลไป

     

    ที่ห้องของจ่าชัย ในวันนั้นตัวของเขาและยูริก็มานั่งดื่มด้วยกันเพื่อคลายเครียด หลังจากที่เผชิญเรื่องหนักหนามาทั้งวัน ในระหว่างนั้นพวกเขาก็คุยกันไปด้วย

    “เออนี่ นายว่าไอ้วูฟมันจะได้เรื่องหรือเปล่า??” ยูริถามจ่าชัยไป

    “ฉันว่าไม่หรอก เผลอๆมันจะเอาเรื่องของเราไปบอกกาลีน่าด้วย” จ่าชัยพูดขึ้น

    “เสียดาย ไม่น่าหลุดปากไปเลยแหะ” ยูริพูดขึ้น

    “แต่ก็ไม่แน่ ดูไอ้วูฟมันไม่พอใจโซนิคอยู่เป็นทุนเดิม มันคงไม่ไปเข้าร่วมกับเธอหรอก” จ่าชัยพูดขึ้น

    “แต่มันก็ไม่แน่เหมือนกัน ตอนนี้อะไรมันก็เกิดขึ้นได้หมด” ยูริพูดขึ้น

    “อยากรู้จริงถ้าฉันไปพูดกับคุณคริสเตียลจะเป็นยังไง” จ่าชัยพูดไป

    “ฉันแนะนำว่าอย่าเพิ่ง รอดูสถานการณ์ไปก่อนดีกว่า” ยูริพูดปรามเขาไป

    “เออ ก็แล้วแต่นายแล้วกัน” จ่าชัยพูดขึ้นพลางยกแก้วเหล้าดื่มจนหมด

     

    กลับมาที่ห้องของเพี้ยน ในตอนนั้นตัวของเพี้ยนก็ถูกโซนิคควบคุมตัวด้วยมาตรการสูงสุด โซนิคส่งกำลังพลชั้นดีมาป้องกันไม่ให้เพี้ยนหนีไปไหน พวกนั้นจ้องเพี้ยนราวกับพยัคฆ์คุมเหยื่อ ไม่ให้เพี้ยนหนีไปไหน 

    “นี่ ไปบอกโซนิคของนายหน่อยสิ ไม่ต้องส่งคนมาเฝ้าฉันขนาดนี้ก็ได้ ฉันไม่ไปไหนหรอกจ้ะแหม่!!”

    “เฮ้ย เงียบปากโว้ย!!” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งตะโกนออกมา

    “แหม่ๆๆ เข้มเชียวนะพี่ชาย รู้น่าว่าเงินเดือนออกช้า” เพี้ยนตอบกลับไป

    “เฮ้ย นี่มึงชักจะมากไปแล้วนะเว้ย!!” เจ้าหน้าที่คนนั้นพูดขึ้น แต่เจ้าหน้าที่อีกคนก็มาห้ามเอาไว้

    “เฮ้ย อยากโดนนายเล่นงานหรือไง??”

    “นี่ ฝากบอกคุณโซนิคด้วย ว่าคนที่เขาจะไปเจอ ไม่ได้ตามจับง่ายๆหรอกนะ” เพี้ยนพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็ค่อยๆเอนหลังนอนไปอย่างรวดเร็ว

    “เฮ้อ กำลังง่วงอยู่พอดีเลย”

     

    กลับมายังบ้านพักของแก้ว ในตอนนี้กลุ่มของแก้วก็มานั่งพักกันที่ห้องรับแขก ซึ่งตัวของแก้วได้ให้แม่บ้านเตรียมเลี้ยงรับรองทั้งไค เบล และเกเบรียล พวกเขาทั้งสี่คนนั่งดื่มกันบนโซฟาในบ้าน และไม่นานนักพวกเขาก็คุยกันไปด้วยถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น

    “เฮ้อ นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้นั่งโซฟาดีๆแบบนี้??” เบลพูดขึ้นพลางดื่มเหล้าไปด้วย

    “เออๆ อย่ามัวแต่เมาเยอะไปก็แล้วกัน” เกเบรียลพูดปรามเขาไป

    “เออนี่คุณแก้ว คุณแก้วพอจะรู้มั้ยคะ ว่าทั้งหมดนี้มันเกิดอะไรขึ้น??” ไคถามอย่างสงสัย

    “อืม ฉันลองติดต่อหลานๆฉันที่รู้เรื่องนี้แล้ว ดูเหมือนว่าเรื่องนี้มันใหญ่เกินกว่าที่พวกเขาจะรับมือหน่ะ ได้ยินว่ารัฐบาลเอาจริงเรื่องนี้ด้วย” แก้วพูดขึ้น

    “โห ถ้าอย่างงั้น งานนี้เราจะรอดกันหรือเปล่าเนี่ย??” เกเบรียลถามอย่างสงสัย

    “เอาน่า ถ้าเราเก็บตัวเงียบๆซักเดือน เดี๋ยวเรื่องก็เงียบไปเอง” เบลพูดขึ้น

    “เออนี่คุณแก้วคะ แม่บ้านที่นี่ไว้ใจได้หรือเปล่าคะ??” ไคแอบถามแก้วไป

    “ไม่ต้องห่วง พวกเธอไว้ใจได้ทุกคน” แก้วพูดขึ้น

    “ขอให้มันเป็นอย่างงั้น ตอนนี้เราไว้ใจใครแทบไม่ได้เลย” เบลพูดขึ้นพลางกระดกไปหมดแก้ว

    “เฮ้ย อย่าพูดดังมากสิวะ” เกเบรียลพูดปรามเขาไป

    “เอาเถอะค่ะ ตอนนี้ยังไงก็คงต้องกบดานกันไปก่อน” ไคพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง จู่ๆ แม่บ้านคนหนึ่งก็เดินมาหาเธออย่างรวดเร็ว และเอาโทรศัพท์มาให้กับเธอด้วย

    “คุณแก้วคะ คุณวิชิตอยู่ในสายแล้วค่ะ” แม่บ้านพูดขึ้น จากนั้นแก้วก็หยิบโทรศัพท์มาแล้วรับสายในทันที

    “ฮัลโหล ว่ายังไง??” แก้วถามไป การสนทนามีขึ้นได้ไม่นาน แก้วก็วางสายโทรศัพท์ในทันที

    “มีอะไรเหรอคะ??” ไคถามอย่างสงสัย

    “หลานฉันรู้ตัวไอ้คนที่มันตามล่าฉันแล้ว” แก้วพูดขึ้น

    “งั้นเหรอ แล้วพวกมันเป็นใครอยู่ที่ไหนกันหล่ะ??” เกเบรียลถามอย่างสงสัย

    “สงสัยจะเป็นพวกกุ๊ยทั่วๆไปแหงๆ” เบลพูดขึ้นพลางรินเหล้าต่อ

    “ใช่แล้วหล่ะ แต่ดูเหมือนว่าพวกมันก็คงจะรับงานมาอีกต่อนึงหน่ะ” แก้วพูดขึ้น

    “หรือว่าเราจะไปเล่นงานพวกมันเลยหล่ะ??” เกเบรียลถามไป

    “นั่นสิ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ลองถามมันดูหน่อยว่าใครใช้มันมา” เบลพูดขึ้น

    “ก็ดีนะ แต่ว่าตอนนี้เราคงต้องหาอาวุธก่อน” แก้วพูดขึ้น

    “ถ้าเรื่องอาวุธ คงไม่ยากหรอกที่จะหามันหน่ะ แต่ที่ฉันกลัวก็คือตำรวจอาจจะมาป้วนเปี้ยนแถวๆนี้อีก” ไคพูดขึ้น

    “อ้อ เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง หลานฉันจัดการได้อยู่แล้ว” แก้วพูดขึ้น

    “อืม ถ้าอย่างงั้น เราคงต้องตามสืบให้ได้ก่อนว่าพวกมันอยู่ที่ไหน” ไคพูดขึ้น

    “เรื่องตามสืบคงไม่อยากหรอก ถ้าเจอมันก็จับมันมาถามก็สิ้นเรื่อง” เกเบรียลพูดขึ้น

    “นั่นสิ แล้วเราจะไปตามหามันเมื่อไหร่หล่ะ??” เบลถามอย่างสงสัย

    “พรุ่งนี้ค่อยออกไปตามล่าตัวมันได้เลย หลานของฉันสืบมาแล้วว่ามันอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่” แก้วพูดขึ้น

    “เยี่ยม ในที่สุดก็จะได้ยืดเส้นยืดสายซะที เน้อ” เกเบรียลพูดขึ้น

    “โอเคค่ะ ถ้างั้นเราจะเล่นกันแบบนี้นะคะ เราจะไปจับตัวมันมา เอามาไว้ที่นี่ แล้วเราค่อยเค้นถามมันอีกที” ไคบอกกับทุกคนไป

    “อืม โอเค ถ้าอย่างงั้นก็จัดการตามนั้นแล้วกัน” เบลบอกกับทุกคนไป

     

    กลับมายังสถานที่กบดานของมิกิ ในตอนนี้มิกิได้พักผ่อนในเซฟเฮ้าส์ของเธอเพื่อหนีจากการตามล่าของกลุ่มตำรวจ ในขณะเดียวกันมิกิได้เปิดโน๊ตบุ๊คของเธอเพื่ออ่านข่าวสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่จู่ๆ โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น เธอรีบหยิบมันมารับสายอย่างรวดเร็ว

    “ฮัลโหล??”

    “สวัสดีคุณมิกิ นี่ฉันเบ็ตตี้เอง สบายดีนะคะ??”

    “อ้อค่ะ ก็ดีค่ะ แต่ที่พักใหม่ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่นะคะ” มิกิพูดขึ้น

    “ฉันเข้าใจ แต่ว่าตอนนี้คงต้องกบดานไปก่อน สถานการณ์ของทางเราก็หนักอยู่พอสมควรค่ะ” 

    “งั้นเหรอคะ มันเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ??” มิกิถามอย่างสงสัย

    “ดูเหมือนว่าพวก UNASO จะใช้กองกำลังชุดใหม่เล่นงานพวกเรา ตอนนี้พวกเราสูญเสียอย่างหนักเลยค่ะ”

    “อย่างงั้นเหรอคะ ฉันเองก็ได้ข่าวจากสายข่าวมาว่า หัวหน้าใหญ่ของ UNASO กำลังกบดานอยู่ในกรุงเทพนี่หล่ะค่ะ” มิกิพูดขึ้น

    “หือ ข่าวนี้เชื่อได้แค่ไหนคะ??” เบ็ตตี้ถามไป

    “เชื่อได้แน่นอนค่ะ สายข่าวของฉันไม่เคยพลาด” มิกิพูดขึ้น

    “อืม ถ้าเรื่องนั้น เราจะตามล่าเธอเองค่ะ” 

    “ก็เอาเลยค่ะ แต่หวังว่าจะไม่โดนตามล่าซะเองนะคะ” มิกิพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วงค่ะ คนของฉันจัดการได้แน่นอนค่ะ”

    “ถ้าอย่างงั้นก็จัดการเลยค่ะ” มิกิพูดขึ้น จากนั้นมิกิก็วางสายอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กลับไปอ่านข่าวอย่างรวดเร็ว

    “เฮ้อ คุณอยู่ที่ไหนกันนะ??” มิกิคิดในใจไป 

     

    กลับมายังโกดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ที่ที่เซนและคิฮาระได้ดักซุ่มเพื่อเตรียมยิงคนในหน่วย UNASO โดยที่เซนได้ซุ่มดูความเคลื่อนไหวที่โกดังตลอด 24 ชั่วโมง ในระหว่างที่เซนกำลังซุ่มดูพื้นที่ คิฮาระก็ค่อยๆเดินมาหาเซนเพื่อคุยด้วย

    “เฮ้ เซน เป็นยังไงบ้าง??” 

    “อ้อ ไม่เป็นอะไรหรอก” เซนตอบกลับไป

    “แล้วนี่ ได้พักบ้างหรือยังหล่ะ??” คิฮาระถามไป

    “ก็นิดหน่อย ความจริงฉันไม่จำเป็นต้องพักหนอก” เซนพูดขึ้น

    “แล้วนี่ เจออะไรบ้างหล่ะ??” คิฮาระถามไป

    “อ้อ ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเคลื่อนไหวเลย” เซนพูดขึ้น

    “ดูเหมือนพวกมันไม่กล้าออกมาเลยนะเนี่ย”

    “นั่นสิ ดูท่าทางพวกมันจะกลัวว่าเราจะโจมตีพวกมัน” เซนพูดขึ้น

    “สงสัยคงต้องบุกเข้าไปในนั้นหล่ะทั้ง??” คิฮาระถามไป

    “นั่นสิ คงต้องบุกเข้าไปแล้วหล่ะ” เซนพูดขึ้น และในขณะเดียวกัน ตัวของเซนก็มองเห็นอะไรบางอย่าง ซึ่งนั่นคือโซนิคที่ออกมาเดินเล่นอยู่ด้านหลังโกดัง ตัวของเซนจึงเล็งปืนไปที่โซนิคในทันที

    “หือ ผู้เกิดใหม่อย่างงั้นเหรอ??” เซนถามอย่างแปลกใจ

    “แปลกแหะ ผู้เกิดใหม่มาทำอะไรที่นี่หล่ะ??” คิฮาระถามไป

    “ฉันก็ไม่แน่ใจ มันอาจจะทำงานให้ไอ้พวก UNASO ก็ได้” เซนพูดขึ้น

    “แล้วนี่จะเอายังไงต่อหล่ะ??” คิฮาระถามไป

    “ก็เล่นมันเลยสิ” เซนพูดขึ้น จากนั้นตัวของเขาก็เตรียมจะเหนี่ยวไกเพื่อหมายสังหารโซนิค แต่ในตอนนั้นดูเหมือนว่าโซนิคจะรู้ตัวก่อน เขาเงยหน้ามองเซน สายตาสองสายตาประสานกัน

    “ปิ้ว!!”

    กระสุนปืนพุ่งเข้าใส่โซนิค แต่ดูเหมือนว่าตัวของโซนิคได้แค่เซเล็กน้อย เซนเห็นท่าไม่ดีเลยรีบหนีออกจากโกดังในทันที โดยบอกกับคิฮาระให้รีบหนีในทันที เซนรีบเก็บปืนอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หนีออกจากโกดังในทันที

    “หนีไปที่หน้าโกดังเลย!!” เซนตะโกนออกมา จากนั้นเขาก็ชักปืนเก็บเสียงออกมาในทันที คิฮาระช่วยเซนเปิดโกดัง แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง

    “ผลั๊ก!!”

    กระบอกปืนปริศนาถูกตีเข้าที่หน้าของเซนจนล้ม ส่วนตัวคิฮาระเอาก็โดนล็อคตัวจากด้านหลังด้วย คิฮาระพยายามจะดิ้นแต่ก็ไม่หลุดเลย ในขณะเดียวกันนั้นเอง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็ใช้เข็มอะไรบางอย่างจิ้มเข้าไปที่แขนของคิฮาระ จากนั้นก็ดึงออกมาอย่างรวดเร็ว

    “เจอตัว P-20 แล้ว!!” เจ้าหน้าที่คนนั้นพูดขึ้น จากนั้นก็วอคุยกับใครบางคนในทันที

    “เราเจอตัว P-20 แล้ว กำลังจะจับกุมตัวเธอไปครับ”

    “เฮ้ย แล้วไอ้กร๊วกนี่จะเอายังไง??” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งถามเพื่อนเขาไป

    “เอามันไปด้วย น่าจะพอมีประโยชน์” เจ้าหน้าที่อีกคนพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็เอาถุงสีดำคลุมหัวเซนอย่างรวดเร็วและจับตัวเขาไปด้วย ส่วนคิฮาระเองก็โดนเหมือนกัน จากนั้นพวกเจ้าหน้าที่ก็ลากเอาตัวทั้งคู่เข้าไปที่รถตู้คันหนึ่งในทันที

    “เราต้องรีบออกเดินทางแล้วหล่ะ” คนขับรถพูดขึ้น จากนั้นเขาก็สตาร์ทรถแล้วเดินทางออกไปในทันที

     

    ณ ถนนเส้นหนึ่งซึ่งจะเดินทางไปยังเขตธัญบุรี ตำแหน่งล่าสุดซึ่งตัวของฮันเตอร์ส่งมาให้เธอทางโทรศัพท์มือถือของซูซาคุ ตัวของซูซาคุเองก็พยายามขับรถวนหาแถวนั้นอย่างรวดเร็ว แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผลมากนัก เพราะตัวของเธอไม่เห็นคนที่เธอตามหาเลยแม้แต่เงา

    “ฮันเตอร์ ฉันลองขับรถไปที่ตำแหน่งที่นายบอกแล้ว ไม่เจออะไรเลย” ซูซาคุพูดขึ้น

    “เหรอครับ แต่สายข่าวของผมไม่น่าจะพลาดนะครับ??”

    “แล้วเขาอยู่ที่ไหนกันนะ??” ซูซาคุถามไป และในขณะเดียวกันนั้นเอง ตัวของเธอก็มาจอดรถไว้แถวๆนั้น จากนั้นก็คุยโทรศัพท์ต่ออย่างรวดเร็ว

    “ตอนนี้เป็นยังไงบ้างครับ??” ฮันเตอร์ถามอย่างสงสัย

    “อ้อ ยังไม่เจออะไรเลยหน่ะ ฉันเลยจะจอดรถพักหน่อย” ซูซาคุพูดขึ้น

    “ครับ ยังไงผมก็จะลองช่วยอีกแรงครับ” ฮันเตอร์พูดขึ้น

    “อืม ฝากด้วยก็แล้วกันนะ” ซูซาคุพูดขึ้น และอีกฝากหนึ่ง รถกระบะสีดำคันหนึ่งซึ่งตามซูซาคุมาได้ซักพักก็จอดอยู่ไม่ห่างจากจุดของซูซาคุเท่าไหร่นัก คนขับรถคันนั้นแอบมองเธอจากบนรถ แล้วก็โทรศัพท์หาใครบางคนไปด้วย

    “นายครับ เราเจอเธอแล้วครับ!!”

    “เออ แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้าง??” 

    “ตอนนี้เธอกำลังจอดรถ แล้วลงมาข้างล่างครับ”

    “เออ ถ้าได้จังหวะเมื่อไหร่ เก็บเธอเลย!!”

    “รับทราบครับนาย”

    หลังจากที่คุยจบ ชายคนนั้นก็หยิบเอาปืนไรเฟิลกระบอกหนึ่งออกมาจากด้านหลังรถของเขา จากนั้นก็เตรียมเล็งไปที่ตัวซูซาคุ ซูซาคุเองก็กำลังจะเดินกลับไปขึ้นรถ ในขณะเดียวกันนั้นเอง เธอก็เห็นมอไซค์คันหนึ่งแล่นผ่านเธอไปอย่างรวดเร็ว ตัวของเธอสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง แม้จะได้ไม่มากแต่เธอก็รู้สึกได้ ตัวของเธอรีบขึ้นรถอย่างรวดเร็วและขับรถตามมอไซค์คันนั้นไป ส่วนมือปืนก็รีบเก็บปืนของเขาอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ซูซาคุเลี้ยวรถกลับมา จากนั้นเขาก็กลับมานั่งที่ของเขาต่อและโทรกลับไปหาเจ้านายของเขา

    “นายครับ ผิดแผนนิดหน่อยครับ”

    “ผิดแผน อะไรของแกวะ??”

    “มันขับรถออกไปแล้ว เหมือนว่ามันจะไล่ตามใครซักคนครับ” ชายคนนั้นพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ซูซาคุที่ขับรถผ่านกระบะของเขาไปก็ชักปืนเก็บเสียงออกมา จากนั้นก็ยิงใส่ที่ขางหลังเขาอย่างรวดเร็ว

    “ปัง!!”

    “เฮ้ย อีระยำเอ้ย!!”

    “เกิดอะไรขึ้นวะ??”

    “มันยิงยางผมครับนาย”

    “ไอ้บ้าเอ้ย ไม่ได้เรื่อง มึงก้ให้คนอื่นตามไปแทนสิวะ!!”

    “ครับนาย” มือปืนพูดและวางสายไป จากนนั้นตัวของเขาก็ติดต่อกับลูกน้องของเขาอีกคนในทันที

     

    กลับมายังถ้ำของวิบัติ ถึงแม้ว่าวิบัติจะช่วยเหลือเมืองผาออกมาจากถ้ำจนได้ แต่ดูเหมือนว่าวิญญาณของเมืองผาจะบิดเบี้ยวไป ตัวของวิบัติสังเกตได้ดังนั้นจึงพูดกับเมืองผาในทันที

    “เมืองผา เจ้าเป็นอันใดไปเนี่ย ข้าเป็นห่วงเจ้านะ??”

    “สงสัยวิญญาณของข้าถูกใช้งานมานาน ไอวิญญาณของข้าจึงถูกกลืนไป” เมืองผาพูดขึ้น

    “ถ้าเช่นนั้น ข้าจักหาทางช่วยเจ้าเอง” วิบัติพูดขึ้น จากนั้นตัวของวิบัติก็กลับไปนั่งที่นั่งของเขา โดยที่เมืองผาเองก็นั่งสมาธิลงต่อหน้าของวิบัติ ในขณะที่วิบัติเองก็นั่งท่องมนต์เพื่อช่วยเหลือเมืองผา และไม่นานนัก ตัวของวิบัติก็ลืมตาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

    “พวกเจ้าหน่ะ เฝ้าเมืองผาไว้ อย่าให้มีอันใดมารบกวน!!” วิบัติตะโกนสั่งวิญญาณบริวารของเขาไป ในขณะที่วิบัติก็เอามีดของเขาออกมา และขีดเขียนวงกลมอะไรบางอย่างไปที่รอบตัวของเมืองผา

     

    กลับมายังบ้านพักของสส.สุรสิงห์ ในตอนนี้ตัวของเขากำลังจะออกเดินทางไปเยี่ยมนายแสน ลูกของเขาที่กำลังนอนอยู่ในโรงพยาบาล หลังจากที่เขาแต่งตัวเสร็จ เขาก็ไปขึ้นรถกับเลขาของเขา จากนั้นรถก็ออกเดินทางในทันทีเพื่อไปยังโรงพยาบาล

    “ท่านคะ ดิฉันติดต่อเรื่องโรงพยาบาลที่สวิสแล้วค่ะ เขาบอกเตรียมห้องรักษาคุณหนูไว้แล้ว”

    “อืม ดี งานนี้คงต้องรีบหนีให้เร็วที่สุด แล้วเรื่องหลักฐานที่จะแฉไอ้ประกอบหล่ะ??” นายสิงห์ถามไป

    “ดิฉันจัดการส่งให้นักข่าวแล้วค่ะ”

    “ดี ให้พวกมันได้รู้ซะบ้าง ถ้าฉันพัง พวกมันก็ต้องพังไปด้วย” นายสิงห์พูดขึ้น

    “รับทราบค่ะท่าน”

    “ทำหนังสือลาออกจากพรรคไปเลย ตอนนี้ฉันต้องรีบลาออกให้เร็วที่สุด” นายสิงห์พูดขึ้น

    “ฉันส่งหนังสือไปแล้วค่ะท่าน”

    “ดี ตอนนี้เราคงต้องรีบเดินทางกันแล้วหล่ะ” นายสิงห์พูดขึ้น จากนั้นรถของเขาก็ขับไปเรื่อยๆเพื่อออกเดินทางไปเยี่ยมลูกชายของเขาที่โรงพยาบาล

    และที่โรงพยาบาลของนายแสน ในวันนั้นตัวของเขาก็นอนพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาลอย่างหงอยเหงา และในขณะเดียวกัน พยาบาลคนหนึ่งก็เอาอาหารมาให้กับนายแสน หลังจากที่เอาอาหารมาให้ ตัวของพยาบาลก็มายืนอยู่ตรงหน้าของนายแสนอย่างไม่เกรงกลัว

    “เฮ้ยเธอ จะทำอะไรฉันเนี่ย??” นายแสนถามไป

    “คุณโซนิคส่งฉันมาถามคุณว่า คุณอยากแก้แค้นอากิระหรือเปล่า??” พยาบาลถามไป และในตอนนั้น ลูกน้องของเขาก็เข้ามาด้านในเพื่อคุ้มกันนายแสน

    “เฮ้ย พวกมึงออกไปก่อน!!” นายแสนตอบกลับไป ในตอนนั้นลูกน้องของเขาก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว

    “การที่จะเป็นผู้เกิดใหม่แบบอากิระ คุณต้องฆ่าตัวตายไปจากโลกนี้ซะก่อน คุณโซนิคบอกกับคุณว่า คุณสามารถเป็นผู้เกิดใหม่ได้” พยาบาลพูดขึ้น

    “เดี๋ยว ฉันจะเชื่อได้ยังไง แล้วอีกอย่าง โซนิคมันเป็นใครกันวะ??” นายแสนถามไป

    “เขาคือเทพเจ้าแห่งผู้เกิดใหม่ทั้งมวล เขาฝากมาบอกว่า นี่เป็นโอกาสเดียวที่คุณจะล้างแค้นศัตรูของคุณ” พยาบาลคนนั้นพูดขึ้น

    “จริงเหรอ แล้วฉันจะทำได้ยังไง ฉันไม่มีอะไรให้ฆ่าตัวตายได้เลย??” นายแสนถามไป

    “ในน้ำนี้มียาพิษชนิดพิเศษ คุณจะตายในไม่นาน แต่คุณต้องเต็มใจดื่มมัน ถึงจะเป็นผู้เกิดใหม่ได้” พยาบาลคนนั้นพูดขึ้น นายแสนหยิบน้ำถ้วยนั้นมาดื่มโดยไม่มีลังเล จากนั้นไม่นาน ตัวของเขาก็ล้มลงนอนบนเตียงอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ค่อยๆหลับตา ราวกับว่าตัวของเขาได้ตายจากโลกนี้ไปแล้ว

    “เฮ้อ!!” นายแสนลุกขึ้นและร้องออกมาอย่างตกใจ ในขณะที่ตัวของเขาก็พบว่าร่างเดิมของเขาได้นอนนิ่งอย่างสงบ

    “เฮ้ย นี่มันอะไรวะ กูตายแล้วเหรอ??” นายแสนถามอย่างแปลกใจ

    “คุณคงจะยังไม่คุ้นเคย คุณพอจะรู้หรือเปล่าว่าพลังของคุณคืออะไร??” พยาบาลคนนั้นถามอย่างสงสัย และในตอนนั้นเอง มือของเขาก็เปลี่ยนสภาพเป็นทูตตัวร้ายมีกรงเล็บแหลม นายแสนมองมือของเขาอย่างตื่นเต้น จากนั้นตัวของเขาก็ลุกจากเตียงและเดินไปเดินมาอย่างคล่องแคล่วว่องไว

    “เฮ้ย เยี่ยมไปเลย!!” นายแสนตะโกนออกมา 

    “แล้วพลังในกล่องนี้ คุณโซนิคฝากให้คุณเป็นของแถม คุณจะได้รู้เองว่ามันคืออะไร รีบเอามันใส่เข้าร่างสิคะ” พยาบาลคนนั้นพูดขึ้น จากนั้นนายแสนก็เปิดกล่องใบนั้นออกมา เขารีบหยิบเอาแสงสีขาวที่อยู่ในกล่องออกมาแล้วกินมันอย่างรวดเร็ว และไม่นานนัก ลูกน้องของนายแสนก็เข้ามาในห้องเพื่อดูด้วยความเป็นห่วง พวกเขามองเห็นนายแสนที่กำลังเดินไปเดินมา พร้อมกับร่างของนายแสนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง ทำให้ลูกน้องของเขาถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก

    “เฮ้ย นายครับ นี่นายตายแล้วเหรอครับ??” 

    “ไอ้บ้าเอ้ย ถ้ากูตายแล้ว พวกมึงจะเห็นกูได้ยังไง??” นายแสนถามไป และในตอนนั้นเอง ลูกน้องของนายแสนก็ค่อยๆเอื้อมมือมาจับตัวของนายแสน และไม่นานก็พบว่าสามารถจับตัวนายแสนได้ราวกับว่าเขาเป็นมนุษย์คนหนึ่ง

    “ฮ่าๆๆๆ คราวนี้หล่ะ ฉันจะได้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตเหนือมนุษย์แล้ว!!” นายแสนพูดขึ้น

    “แล้วศพของคุณหนูจะเอายังไงต่อหล่ะครับ??” ลูกน้องของเขาถามไป

    “บอกพ่อให้เอาไปเก็บไว้ให้ดี รักษาอย่าให้เน่าหล่ะ” นายแสนพูดขึ้น และไม่นานนัก ตัวของนายสิงห์พ่อเขาก็เดินเข้ามาในห้องพยาบาล ตัวของนายสิงห์เมื่อได้เห็นทั้งร่างที่ไร้วิญญาณของลูกชายเขา รวมถึงตัวของเขาที่ยังคงเดินเหินไปเหมือนกับมนุษย์ทั่วไป นายสิงห์ค่อยๆเดินไปจับตัวลูกชายของเขาในทันที และก็พบว่าเขาสามารถจับต้องลูกชายของเขาได้ราวกับว่าเขายังมีชีวิต

    “พ่อ ดูสิ ผมกลายเป็นเทพแล้ว คราวนี้หล่ะ” 

    “นี่แก ฉันคงจะหยุดแกไม่ได้แล้วสินะ” นายสิงห์พูดอย่างไม่สบอารมณ์

    “ไม่ต้องห่วงค่ะ ท่านโซนิคจะจัดการรับผิดชอบทุกอย่างเองค่ะ เขาจะช่วยลูกคุณแก้แค้น” พยาบาลคนนั้นพูดขึ้น

    “นี่เธอเป็นใคร แล้วไอ้โซนิคเป็นใคร มาเกี่ยวอะไรกับลูกฉันด้วยหล่ะ??” นายสิงห์ถามพยาบาลคนนั้นไป

    “ไม่ต้องห่วงพ่อ เรื่องนี้ผมจะจัดการเอง ผมจะจบมันด้วยตัวเอง ผมไม่ทำให้พ่อเดือดร้อนแน่” นายแสนบอกกับพ่อของเขาไป ในขณะที่ตัวของนายสิงห์ก็เดินหันหลังกลับออกไปจากห้องด้วยอาการหัวเสีย

    “คราวนี้แหละ ถึงเวลาของกูซะที ไอ้อากิระ!!” นายแสนตะโกนออกมา

     

    กลับมายังโกดังของหน่วยรบ UNASO หลังจากที่โซนิคถูกลอบยิงเข้าที่ร่างกาย ตัวของเขาก็จัดการฟื้นฟูตัวของอย่างรวดเร็ว โดยที่ลีน่าได้คอยช่วยเหลือเขา ไม่นานนัก โซนิคที่นั่งอยู่ด้านในโกดังก็พูดขึ้นในทันที

    “มันเป็นใครวะ ถึงได้บังอาจมาทำแบบนี้กับกู??” 

    “ตอนนี้ฉันส่งคนไปตามล่ามันแล้วค่ะ” ลีน่าพูดขึ้น และในขณะเดียวกัน ตัวของคริสเตียลก็เดินเข้ามาในห้องของโซนิค จากนั้นก็มารายงานกับโซนิคในทันที

    “ท่านครับ เราส่งคนออกตามล่ามือปืนคนนั้นแล้วครับ!!”

    “เฮ้อ แค่นั้นไม่พอหรอก แต่ว่ามันแอบเข้ามาที่นี่ได้ยังไง??” เดวิดถามไป

    “ไม่มีทางที่มนุษย์ธรรมดาจะบุกเข้ามาได้แน่นอนครับ” คริสเตียลพูดขึ้น

    “หรือว่า จะเป็นพวกผู้เกิดใหม่คะที่รัก??” ลีน่าถามไป

    “เออ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ช่าง จับมันมาให้ได้ ลีน่า เดวิด เตรียมรถและคนให้ฉัน ตามแผน” โซนิคบอกกับทั้งคู่ไป

    “ครับ เชิญทางนี้ครับท่าน” เดวิดพูดขึ้นพลางพาโซนิคเดินไปขึ้นรถที่ด้านนอกอย่างรวดเร็ว ส่วนตัวของคริสเตียลเองก็ถอนหายใจแล้วเดินตามออกไป

     

    กลับมายังฐานทัพของดันเต้ ในวันนั้นพวกของนาวินก็ยังคงพักผ่อน รวมถึงรอเวลาที่จะไปคุ้มกันกองกำลังเบ้ตตี้ที่จะขนส่งอาวุธให้กัน แต่ในวันนั้น พวกเขาไม่เห็นอากิระเลยแม้แต่เงา ตัวของนาวินลองเดินไปถามคนอื่นๆซึ่งกำลังนั่งล้อมวงคุยกันอยู่บริเวณห้องรับแขก

    “เฮ้ ทุกคน เห็นอากิระหรือเปล่า??” นาวินถามทุกคนไป

    “อืม ไม่เห็นนะ จะว่าไป ไม่เห็นตั้งนานแล้วนะคะ” ฮารุตอบไป

    “นั่นสิ จะว่าไป หมอนั่นหายไปไหนกันนะ??” โจไซอาห์ถามอย่างสงสัย

    “เออนี่ เสี่ยวหลง อากิระไม่บอกเหรอว่าไปไหน??” อินเนสซ่าถามเสี่ยวหลงไป

    “ไม่นะครับ จะว่าไป ตื่นมาเขาก็หายไปเลย” เสี่ยวหลงพูดขึ้น

    “เออ ฉันก็ไม่ได้สังเกตเหมือนกัน” อัญชันพูดขึ้น

    “หรือว่า หมอนั่นจะออกไปด้านนอกกันหล่ะ??” พัตติยาถามไป

    “อ้าว แล้วเขาจะออกไปข้างนอกทำไมกันหล่ะ??” เวียนถามอย่างสงสัย และในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆ นายลืมก็พูดขึ้น

    “เออ พี่อากิระ พี่อากิระงั้นเหรอ??” นายลืมถามไป 

    “อะไร นี่นายรู้อะไรอย่างงั้นเหรอ??” ลาลินถามอย่างสงสัย และในตอนนั้นเอง ลาลินก็รีบเอาอุปกรณ์ของนายลืมมาใช้งานในทันที ลาลินเอาหมวกครอบหัวของนายลืม จากนั้นก็ต่อสายนั้นเข้ากับกล้องของนายลืม จากนั้นก็ถ่ายรูปในลืมอย่างรวดเร็ว

    “แชะ!!”

    รูปใบนั้นออกมาอย่างรวดเร็ว และไม่นานนักทุกคนก็พบว่านายลืมกำลังยื่นหมวกอะไรบางอย่างให้กับอากิระ 

    “เอ๊ะ นายเอาหมวกอะไรให้พี่อากิระหล่ะ??” นายลุ้นถามอย่างแปลกใจ ในขณะเดียวกัน ตัวของดันเต้เมื่อได้เห็นหมวกนั้น เขาก็พูดขึ้น

    “นี่มัน หมวกป้องกันการควบคุมจิตใจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านี่หน่า” ดันเต้พูดขึ้น

    “ไม่เข้าใจแหะ อากิระจะเอาหมวกนี่ไปทำอะไรกัน??” ลันโทสถามอย่างสงสัย และในขณะเดียวกันนั้นเอง ตัวของภาภินก็รีบเดินมาหากลุ่มของนาวินอย่างรวดเร็ว 

    “พี่วิน คือว่า หลังจากที่พี่อากิระหายไป ผมพยายามแฮ็กโทรศัพท์เขาเพื่อคุยด้วย พี่อากิระบอกว่า พี่เขาจะไปสะสางเรื่องอะไรบางอย่าง พี่เขาย้ำมาด้วยว่า ไม่ต้องตามหา เขาจะกลับมาเองครับ!!” ภาภินพูดขึ้น

    “เฮ้ย จริงเหรอ นี่เขาไปไหนของเขากันเนี่ย??” โลร็องต์ถามอย่างสงสัย

    “เออ หรือว่า เขาอาจจะมีอะไรสำคัญจริงๆก็ได้หละมั้งครับ??” ซีโร่พูดขึ้น

    “หรือว่าเราจะไปช่วยหมอนั่นกันดีหล่ะ??” ลูโดวิกถามไป

    “ไม่ต้องหรอก ฉันเชื่อว่าเขาต้องกลับมาได้แน่นอน ไม่ต้องห่วงนะเสี่ยวหลง” อัญชันบอกกับเสี่ยวหลงไป

    “เอาแบบนี้ ภาภิน พยายามแกะรอยว่าอากิระไปไหน ถ้าเป็นไปได้ ลองดูกล้องวงจรปิดแถวๆนั้นด้วย เผื่อว่าจะมีกล้องซักตัวจะจับภาพไว้ได้” นาวินพูดขึ้น ตอนนั้นภาภินก็พยักหน้าตอบรับแล้ววิ่งกลับไปที่ห้องของเขา ในขณะที่คนอื่นๆก็เป็นห่วงอากิระว่าเขาเป็นตายร้ายดียังไง

    ====================================================================

    โซนิคกำลังกุมความลับอะไรของอากิระกันแน่ และเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย

    https://ko-fi.com/shinobinon ถูกใจนิยาย อยากเลี้ยงกาแฟผม จัดเลย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×