คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : 4 สายตาคู่นั้น 3/6
เจ้าของห้องกดปุ่มบันทึกแปลนออฟฟิศสาขาใหม่ของพาวเวอร์สตีมที่ตนเขียนขึ้นในโปรมแกรมออกแบบ
ก่อนวางเมาส์ปากกาลงแล้วเดินมานั่งบนโซฟาตัวเล็กชุดเดียวกับตัวใหญ่ที่ภูธิปยึดเป็นพื้นที่ส่วนตัวไปเรียบร้อยแล้ว
“เป็นอะไร ทำไมมึงถึงเปลี่ยนใจกลับมารับช่วงต่อได้วะ
ก็เห็นว่างานที่โน่นกำลังไปได้สวย”
ภูธิปพ่นลมหายใจออกมาหนัก ๆ
ปัญหาชีวิตที่เกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัวทำให้เขาเริ่มลังเลเรื่องที่จะอยู่ต่างจังหวัดถาวร
และในช่วงที่เครียดอยู่นั้นพ่อก็โทรมาหา
แน่นอนว่าเป็นเรื่องปกติอย่างเช่นทุกครั้งที่ท่านต้องหว่านล้อมให้เขากลับมารับช่วงต่อ
แต่น่าแปลกที่คราวนี้เขาไม่คิดคัดค้านแม้แต่น้อย
“กูเลิกกับเขาแล้ว” เขาตอบทั้งที่ยังหลับตา
“เขาไหน”
“เขาไหน ?
มึงพูดอย่างกับเพื่อนมึงคบหลายคน” คุณหมอหนุ่มย้อนกลับเสียงฉุน
“ใครจะไปรู้วะ ตกลงว่าใคร”
“ก็คนที่กูบอกมึงว่าอยากแต่งงานกับเขานั่นไงล่ะ”
“เฮ้ย ! แค่สาวทิ้ง
มึงถึงกับต้องหนีมาเลียแผลใจที่กรุงเทพ ฯ เลยหรือวะ
พ่อมึงพูดอยู่ตั้งหลายปีไม่ยอมกลับ แต่สาวบอกเลิกแค่นี้มึงป๊อดหนีกลับบ้าน”
ธตรัฐตบฝ่ามือลงบนไหล่เพื่อนแรง ๆ เขาไม่ได้แค่ต้องการทำให้ภูธิปเจ็บ
แต่อยากให้เพื่อนรู้สึกตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ด้วย
นายแพทย์หนุ่มลุกขึ้นนั่งตัวตรง
แผ่นหลังหนาพิงกับพนักโซฟาอย่างทิ้งแล้วทุกสิ่ง
เกิดมาสามสิบห้าปีเพิ่งเข้าใจคำว่าอกหักอย่างถ่องแท้
แล้วแจ็กพอตก็คือเป็นการอกหักที่ไม่ธรรมดาเลย
“เออ มึงจะด่าอะไรกูก็ด่าเถอะว่ะ
กูแม่ง...โง่ฉิบหาย”
“อะไรของมึง”
หลายเดือนก่อนเขานัดเพื่อนมาเจอเพื่อปรึกษาเรื่องผู้หญิงที่เขาเกือบจะถลำลึกหากไม่ได้เห็นความจริงด้วยตาตัวเอง
แต่เดือนนี้กลับต้องมานั่งปลอบเพื่อนที่อกหักรักคุดเสียได้
“เขามีผอสระอัวแล้วว่ะ”
ดวงตาภูธิปฉายแววผิดหวังชัดเจน
เพียงแค่นี้คนมองก็รู้ว่าเพื่อนจริงจังกับรักครั้งนี้ขนาดไหน
“มึงแน่ใจ”
“เออ
จดทะเบียนกันถูกต้องตามกฎหมายมานานแล้วด้วย
แต่ทะเลาะกันเขาเลยใช้กูเป็นเครื่องมือจะให้ผัวหึง มึงคิดดูสิ”
ภูธิปชี้นิ้วมาที่ตัวเอง
ธตรัฐส่ายหน้าน้อย ๆ หลังได้ฟังสาเหตุที่ทำให้คาสโนวาปลาไหลกลายเป็นหนูเมายาเบื่อ
ยังดีที่เพื่อนเขารู้ตัวก่อน ไม่เช่นนั้นชีวิตอาจไม่ปลอดภัย
“มึงอกหักว่าอย่างนั้นเถอะ”
“กูไม่ได้อกหัก แล้วเขาก็ไม่ได้หักอกกู
แต่กูถอยออกมาเองเว้ย !”
ธตรัฐจนใจกับข้อแก้ตัว
เพื่อนเขาเหมือนผู้ร้ายที่ปฏิเสธเสียงแข็งทั้งที่หลักฐานชัดเจน
“เรียนจบตั้งหมอ
แต่โง่จนเกือบได้เป็นชู้กับเมียชาวบ้าน” คนอกหักเริ่มต่อว่าตัวเองอีกยก
“แล้วมึงจะย้ายมานี่เมื่อไร”
“เดือนหน้า”
“เอาน่า กลับมาอยู่บ้านก็ดีแล้ว
ไม่ต้องหาข้าวกินเอง สบายตัว” ธตรัฐตบไหล่เพื่อนอีกครั้งแล้วลุกขึ้นยืน
“อย่าเครียด ลุกเว้ยไอ้คิง ไปหาอะไรกินกันดีกว่าว่ะ”
ธตรัฐติดจะไม่พอใจอยู่นิด ๆ
หากก็ไม่อยากขัดใจเมื่อร้านที่เพื่อนสนิทเป็นฝ่ายเลือกคือร้านอาหารกลางสวนบรรยากาศดีที่เขาเคยใช้เป็นสถานที่ทำเซอร์ไพร์สวันเกิดให้กิรตรา
ระหว่างเดินตามเพื่อนเข้ามาภายในร้าน
ก็หมายใจว่าวันนี้จะไม่เจอติวเตอร์ของน้องสาวที่นี่
แต่ดวงตะวันไม่มีความเป็นไปได้ที่จะขึ้นทางทิศตะวันตกฉันใด
สิ่งที่ธตรัฐหวังก็ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ฉันนั้น
ภูธิปมองว่าเป็นเรื่องยิ่งกว่าโชคดีที่แม้ร้านอาหารร้านนี้จะมีลูกค้าแน่น
แต่ก็ยังมีที่ว่างเหลือให้พวกเขาได้จับจอง
แถมโต๊ะนั้นยังเป็นโต๊ะด้านหน้าสุดติดขอบเวทีเสียด้วย ทว่าสำหรับธตรัฐแล้ว
นี่มันคือเรื่องโชคร้ายของวันชัด ๆ
“เวลาอกหักแล้วฟังเสียงไวโอลินนี่โคตรอินว่ะ
แม่ง...เฮิร์ตฉิบ ดนตรีเขาแต่งมาเพื่อกูหรือเปล่าวะ” คุณหมอหนุ่มบอกอย่างใส่อารมณ์
(อกหัก) เต็มที่ แถมคำพูดยังไร้แล้วซึ่งความไพเราะ แน่ละ
ระหว่างเขากับธตรัฐถ้าจะหาคำพูดหวานหูหรือคำพูดที่ฟังดูสุภาพอะไรเทือกนั้นคงหาได้ยากเต็มที
“นั่นเขาเรียกวิโอลา เครื่องใหญ่กว่าไวโอลิน
แต่เสียงต่ำกว่า”
“เป๊ะว่ะ
รู้ดีอย่างกับเคยจีบสาวเล่นวิโอลา” พูดจบคนเพิ่งอกหักมามาด ๆ
ก็กระดกไวน์แดงรสเลิศเข้าปาก
คำแซวของเพื่อนกระแทกกระทั้นทั้งอกทั้งใจธตรัฐเข้าจัง
ๆ อยากบอกไอ้หมอคิงนักว่าสาวที่เขา ‘เกือบ’ จีบ ก็คือคนเดียวกับที่อยู่บนเวทีนั่นไงเล่า
“ยิ่งมอง กูก็ว่าน้องเขาน่ารัก”
“มึงหายเศร้าแล้วหรือ”
ธตรัฐถามเสียงทุ้มต่ำ
โดยที่หาคำตอบไม่ได้ว่าทำไมต้องหงุดหงิดเวลาได้ยินผู้ชายคนอื่นชมมานิลาว่าน่ารัก
“เชี่ยบอม ! กูจะลืมเรื่องอกหักได้แล้วเชียว มึงรื้อขึ้นมาอีกจนได้
ฟื้นฝอยหาตะเข็บทำไมวะ” หัวใจเขาไม่ใช่กล้องดิจิตอลที่พอถ่ายได้รูปไม่ถูกใจก็ลบทิ้งโดยไม่เหลือไฟล์เก่าไว้ให้รกความจำ
แต่มันเป็นกล้องฟิล์มที่พอลั่นชัตเตอร์ก็ไม่สามารถแก้ไขใดๆ ได้อีก
ในเมื่อคิดไปก็มีแต่เครียด ทางที่ดีที่สุดคือเลี่ยงเสีย “มึงยังไม่ตอบกูเลย
น้องเขาน่ารักไหมวะ”
ความคิดเห็น