คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 2 - Happy Alley ร้านใหม่
Chapter2
“พี่ตี๋กลับมานานแล้วหรอ?” เต๋าทักพี่ชายร่วมสายเลือดเมื่อเปิดประตูบ้านเข้ามาแล้วพบว่าตี๋นั่งอ่านหนังสืออยู่ ถ้าจำไม่ผิดตั้งแต่เต๋าย้ายมาอยู่ที่นี่ก็เห็นพี่ตี๋ตั้งอกตั้งใจอ่านหนังสือเล่มเล็กนี้ทุกวัน
“สักพักแล้ว”
“ที่ร้านเป็นไงบ้างพี่” เต๋าถามแล้วดึงชายเสื้อเชิ้ตออกจากกางเกงทำงาน พับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นเล็กน้อยแล้วนั่งลงบนโซฟา ‘ร้าน’ ที่เต๋ากำลังพูดถึงคือธุรกิจเล็กๆที่พี่ตี๋กำลังจะเป็นเจ้าของ
“ใกล้แล้วหละ อีกสักสี่ห้าวันก็คงเสร็จ” ร้านเล็กๆที่ติดกับร้านอาหารตามสั่งประจำซอยของลุงเทพกำลังถูกดัดแปลงให้กลายเป็นร้านชานมไข่มุก หลังจากที่เจ้าของเก่าปล่อยเช่า ตี๋ที่กำลังสนใจธุรกิจก็เห็นว่าเป็นโอกาสเหมาะ
“เอ้อพี่ ...ว่าแต่ทำไมต้องร้านชานมไข่มุก?” เต๋าเลิกคิ้วถามอย่างสงสัยเมื่อรู้ว่าร้านที่พี่ชายของตนเองกำลังจะเปิดคือร้านอะไร แต่หากคิดไปคิดมาไอเดียการเปิดร้านชานมไข่มุกก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อย
“พอดีเพื่อนพี่มันขายเฟรนไชส์ มันเลยแนะนำมา พี่เห็นว่าน่าสนใจดี แล้วแถวนี้ก็ยังไม่มีคนเปิดร้านชานมไข่มุกจริงจังเลยลองดู”
“ว่าแต่มีอะไรให้เต๋าช่วยก็บอกได้นะพี่ พร้อมรับใช้ครับ”
“ไม่ต้องถามครับคุณน้องเต๋า มีแน่ๆ ไม่ต้องใจร้อน”
“ว่ามาโลดน้องเต๋ายินดีรับใช้ครับพี่ตี๋”
“พี่กำลังหาพนักงานประจำร้าน อยากได้สักสองคนแต่ตอนนี้ยังหาไม่ได้ว่ะ แล้วอาทิตย์หน้าร้านจะเปิดแล้วด้วย ช่วงนี้ก็ยุ่งๆกับงานที่บริษัท”
“เข้าใจแล้ว ไว้ผมจะถามให้นะพี่ อยากได้ประมาณไหน Full Time หรือ Part Time”
“ขอ Full Timeแล้วกัน อยากได้คนมาดูแลร้านได้ตลอดเลย ฝากด้วยนะไอ้น้องรัก” เต๋าพยักหน้าแล้วยิ้มให้กับพี่ชายคนสนิท
“อันที่จริง ไอเดียร้านชานมไข่มุกนี้ พี่ได้มาจากคชาว่ะ” เต๋าที่กำลังเลื่อนมือไปจับแก้วน้ำ ก็ต้องหยุดชะงักลงแล้วหันมามองหน้าตี๋
“ตอนแรกที่พี่คิดจะเช่าร้านแต่ยังไม่รู้ว่าจะเปิดอะไร ว่าจะไปขอคำปรึกษาจากมิ้นท์แต่พอดีเจอคชานั่งกินชานมไข่มุกอยู่เลยได้ไอเดีย”
“คชาชอบกินชานมไข่มุก?”
“ไม่รู้ว่าชอบไหม แต่ก็เห็นกินอยู่บ่อยๆ อย่างน้อยไม่ได้ขายใคร พี่ก็ได้ขายให้คชานี่แหละ” ตี๋หัวเราะออกมา ตบบ่าน้องชายแล้วหันไปสนใจหนังสือในมือต่อ
-------------------------------------------------------------
เสียงสะบัดผ้าดังสองสามทีก่อนจะตามมาด้วยเสียงกระทบกันของราวเหล็กกับไม้แขวนเสื้อ หลังจากที่เต๋าย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้ได้ไม่นาน ก็ดูเหมือนว่าจะได้รับมอบหมายภารกิจประจำตัว อันที่จริงก่อนที่เต๋าจะเข้ามาอยู่ ทั้งตี๋และเฟรมก็ต่างใช้ชีวิตตามประสาหนุ่มโสดไม่ได้สนใจงานบ้านมากมายเท่าไหร่ เสื้อผ้ากองพะเนินไว้เต็มอาทิตย์ถึงจะได้ฤกษ์เอาไปซัก ส่วนจานก็ล้างบ้างตามอารมณ์ของสองพี่น้อง ที่จริงการใช้ชีวิตของเต๋าก็ไม่ได้ต่างกันนัก หากแต่เมื่อมาอยู่ด้วยกันสามคนก็ดูเหมือนจะต้องปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตเล็กน้อย ทั้งตี๋ เต๋าแล้วเฟรม ตกลงกันว่าจะปรับปรุงตัวใหม่ จะพยายามมีระเบียบในชีวิตให้มากขึ้น ข้อสรุปจากการทำข้อตกลงจึงเริ่มจาก การแบ่งหน้าที่ประจำบ้านให้แต่ละคน ทำให้เต๋าได้รับมอบหมายหน้าที่ซักผ้าตากผ้า ซึ่งไม่สามารถจะปล่อยให้กองพะเนินเป็นอาทิตย์ได้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เพราะถ้ารอให้ครบอาทิตย์ ที่ตากคงไม่พอกันพอดี
แกร่ก...
เสียงหมุนลูกบิดประตูจากบ้านหลังด้านข้าง เรียกให้เต๋าหันไปมองก่อนจะพบร่างเล็กของคชากำลังเดินคุยโทรศัพท์ออกมาโดยไม่ทันได้สังเกตว่าเต๋ายืนอยู่ข้างนอก
“อย่าลืมของฝาก”
“แบบรอบที่แล้วไม่เอานะ ไม่เห็นอร่อยเลย”
“อะไรก็ได้ ของฝากไม่จำเป็นต้องบอก”
“ไอ้เบนบ้า ไม่ต้องมาล้อเลย”
มือหนาหยุดชะงักจากการตากผ้าแล้วยกความสนใจทั้งหมดไปที่บทสนทนาทางโทรศัพท์ของคชากับใครอีกคน ชื่อของบุคคลที่เขาเคยแอบนึกสงสัยก็ถูกเอ่ยขึ้น เรียกความหงุดหงิดในใจเต๋าได้ไม่น้อย อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปหยิบไม้แขวนเสื้อโลหะ แขวนผ้าลงไปในไม้แล้วกระแทกมันแรงๆกับราวโลหะไม่ต่างกันจนเกิดเสียงดังจนทำให้คนที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่หันหน้ามา
“พี่เต๋า..” คชาว่าออกมาเบาๆ พึ่งสังเกตเห็นว่าเต๋ายืนตากผ้าอยู่ตรงนั้น
“เอ้อๆ งั้นแค่นี้แหละ เดินทางปลอดภัย เที่ยวให้สนุก”
“บายยยยย” ล่ำลาปลายสายเสร็จ คชาก็เดินมาเกาะริมรั้วเอ่ยทักทายพี่ชายข้างบ้าน แม้จะพึ่งย้ายมาอยู่ได้อาทิตย์กว่าๆ แต่ก็ดูเหมือนว่าระดับความสัมพันธ์ระหว่างเต๋ากับคชาจะพัฒนาไปไม่น้อย ไม่รู้ว่าเพราะเป็นเรื่องปกติของคนที่เป็นเพื่อนบ้านกันหรือเพราะความตั้งใจของใครสักคนที่อยากให้มันดำเนินมาในรูปแบบนี้
“พี่เต๋ามายืนอยู่ตรงนี้นานยัง”
‘ก็นานพอจะได้ยินคชาคุยโทรศัพท์กับใครบางคน’ อยากตอบไปแบบนี้แต่ก็ทำได้แต่คิดในใจ
“ก็สักพักแล้วหละ” บอกออกไปแบบนั้นโดยที่ไม่ได้หันไปมองอีกคนที่อยู่อีกฟากรั้วเลยสักนิด
“ก็ไม่เรียก...แล้ววันนี้เวรตากผ้าหรอ”
“อาฮะ” อยากจะตอบแล้วหันไปคุยมากกว่านี้ แต่อารมณ์ขุ่นเคืองบางอย่างมันห้ามไม่ได้จริงๆ นี่เขาเป็นบ้าอะไรเนี่ย
“ผ้าเยอะไหม ให้ไปช่วยเปล่า?” เต๋าหันไปมองคชาแต่ลมหายใจก็ต้องสะดุดกับภาพที่เห็น คชากำลังเกาะรั้ว แขนสองข้างค้ำอยู่กับรั้วทรงเตี้ย ตากลมนั่นส่งสายตามาหาเขาแล้วกระพริบปริบๆ รู้ตัวบ้างไหมว่าทำอะไรอยู่?
ประโยคข้างบนนั้นเต๋าไม่ได้ถามคชาคนเดียวแต่ถามตัวเองด้วย เพราะเมื่อรู้สึกตัวอีกทีเขาก็วางผ้าในมือแล้วเดินมาหยุดอยู่ที่กำแพงรั้วเสียแล้ว
“เมื่อกี้คุยกับเพื่อนหรอ?”
“ใช่ๆ เพื่อนจะไปเที่ยวฮ่องกงเลยทวงของฝาก” ถึงแม้จะรู้สึกว่าตัวเองสนิทกับคชาขึ้นมาก คนตัวเล็กตรงหน้าชอบมาเล่านู้นเล่านี่ให้เขาฟังอยู่เสมอ บทสนทนาถูกแลกเปลี่ยนผ่านสองฟากรั้วแทบจะทุกวันเหมือนเป็นกิจวัตร แต่ถึงอย่างนั้นคชายังไม่เคยพูดถึงเพื่อนคนชื่อเบนอะไรนั่นให้เต๋าฟังสักที เต๋าไม่ได้อยากรู้แต่ถ้าเล่าก็อยากจะฟังอยู่นะ
“เพื่อนที่โรงเรียน?” คชาพยักหน้ารับ ดวงตาคู่กลมจ้องมองใบหน้าขาวของอีกคนสลับกับผ้าในตะกร้า
“พี่เต๋าไม่ตากผ้าแล้วหรอ?”
“มาช่วยไหมหละ” เต๋ากอดอกแล้วก้มลงมองร่างเล็กตรงหน้า
“สบายมาก” ก่อนที่คชาจะกระโดดข้ามกำแพงรั้วเตี้ยอีกฝั่งมาหาอีกคนอย่างชำนาญ แล้วลงมือช่วยพี่ชายข้างบ้านทำหน้าที่ภารกิจประจำตัว
-------------------------------------------------------------
‘กินข้าวเย็นบ้านพี่มิ้นท์นะ’
ข้อความที่ได้รับจากเฟรมเมื่อบ่ายแอบทำให้หัวใจพองโตไม่น้อย เต๋าแทบจะรีบเคลียร์งานให้เสร็จในตอนนั้นแล้วกลับมารอกินข้าวเย็น ก็ใช่ว่าจะไม่เคยมากินข้าวบ้านพี่มิ้นท์ ตรงกันข้ามเต๋ามีเหตุผลร้อยพันในการเดินเข้าไปในบ้านหลังนั้น
‘คชาพี่เอาถ้วยมาคืน’
‘คชาพี่ลืมไปว่ามีอีกใบ’
‘พี่ว่าไอ้เฟรมล้างจานไม่ค่อยสะอาดเดี๋ยวพี่ไปล้างมาให้อีกรอบ’
หรือแม้กระทั่ง...
‘คชา...วันนี้พี่ไม่มีคนกินข้าวด้วย’
บอกแล้วว่าเต๋ามีเหตุผลร้อยพัน
แอ๊ด...
“เต๋ามาพอดีเลย นั่งรอก่อนใกล้เสร็จแล้ว” พี่มิ้นท์เอ่ยชวนในขณะที่ตนเองกำลังง่วนอยู่กับเมนูอาหารเย็น เต๋านั่งลงที่โต๊ะกินข้าว สายตามองหาร่างเล็กของใครอีกคนที่แอบคาดหวังว่าจะได้พบทันทีเมื่อเข้ามาถึงตัวบ้าน ก่อนจะได้ยินเสียงน้องชายของตนเองมาจากทางบันได
“ไว้พี่จะยืมอีกนะคชา เล่มที่แล้วสนุกมากนี่ถ้าออกเล่มใหม่ขอจองยืมคนแรก” เฟรมกับคชากำลังเดินลงบันไดมาพร้อมกัน มือขวาของเฟรมถือหนังสือการ์ตูนสองเล่มไว้ ถ้าเต๋าเดาไม่ผิดไอ้เฟรมมันขึ้นไปบนห้องนอนคชามาใช่ไหม?
“นี่แกไม่คิดจะซื้อเองเลยหรอเฟรม เห็นมายืมแต่คชา” ประโยคที่ตี๋ทักทำให้เต๋าอดคิดไม่ได้ มายืมแต่คชา? หมายความว่าเฟรมมันได้ขึ้นไปบนห้องนอนคชาหลายครั้งแล้วใช่ไหม เต๋ามองดูภาพตรงหน้าบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าจะหงุดหงิดทำไม เมื่ออีกคนก็น้องแล้วอีกคนก็....น้อง(หละมั้ง)
“ไม่เป็นไรผมยืมอ่านได้ ซื้ออีกเล่มเดี๋ยวโลกร้อนเนาะคชาเนาะ” คชายิ้มขำให้กับเฟรมก่อนที่ตากลมจะหันไปทางด้านเต๋า ยิ้มให้เล็กๆก่อนจะเดินตรงมาที่โต๊ะกินข้าวอย่างไม่รีรอ ดูเหมือนว่าต่อหน้าคนอื่นเต๋ากับคชาจะไม่คุยกันมากหากเทียบกับตอนที่อยู่ด้วยกันสองคน
“พี่ตี๋เด็กที่ให้หาให้ได้แล้วนะ เป็นหลานของแม่บ้านที่บริษัท เดี๋ยววันพฤหัสนี้ให้น้องมันเข้ามาหานะ เต๋านัดไว้แล้ว”
“เร็วดีว่ะ ขอบคุณมาก”
“แล้วเรื่องของที่ร้านเรียบร้อยดีแล้วหรอตี๋” มิ้นท์ถามขึ้นแล้วเริ่มวางอาหารลงที่โต๊ะ
“ขาดอีกไม่กี่อย่าง เพราะส่วนมากทางเฟรนไชน์เขาส่งมาให้แล้ว ไว้พรุ่งนี้หลังเลิกงานว่าจะไปเดินดูของ”
“แต่พรุ่งนี้พี่มีนัดกับช่างเรื่องแต่งร้านไม่ใช่หรอ” เฟรมเตือนพี่ชาย
“เอ่อว่ะ”
“เดี๋ยวผมไปซื้อให้ก็ได้นะพี่ พี่ก็จดรายการมาให้ โปรเจคท์เก่าพึ่งส่งไปคงเลิกเวลาปกติ” เต๋าเสนอตัวเมื่อเห็นว่าพี่ชายของตนดูยุ่งๆ
“งั้นเดี๋ยวให้คชาไปเป็นเพื่อนเต๋าก็ได้ คชาพรุ่งนี้ไม่ได้ไปไหนใช่ไหม?” มิ้นท์เสนอความคิดแล้วหันไปถามน้องชายที่กำลังก้มหน้าก้มตาตักข้าวใส่จาน
“ไม่ฮะ”
“งั้นตอนเย็นไปช่วยพี่เต๋าเขาซื้อของด้วยแล้วกัน” คชาพยักหน้ารับแล้วหันไปสนใจกับทัพพีข้าวในมือต่อ
-------------------------------------------------------------
“พรุ่งนี้พี่คงถึงบ้านสักหกโมง คชารออยู่ที่บ้านแล้วกันเดี๋ยวค่อยเรียกแท็กซี่ไปซื้อของด้วยกัน” เต๋าบอกกับคชาที่เดินเคียงข้างตนเองมา หลังจากที่กินข้าวเย็นเสร็จสามหนุ่มก็ขอตัวกลับ และเป็นเรื่องปกติที่คชาจะต้องเดินออกมาส่งและปิดประตูรั้วหน้าบ้าน
“ให้คชาไปรอที่ห้างเลยก็ได้นะ”
“ก็อยากเหมือนกัน แต่ของพี่เยอะนี่สิ อยากเอาของมาเก็บที่บ้านก่อน”
“อ่อ โอเคฮะ งั้นเดี๋ยวรอที่บ้านนะ” คชาบอกเต๋าแล้วก้มลงปิดประตูและล็อคกุญแจรั้ว
“พรุ่งนี้เจอกันนะ...ฝันดีครับ” เต๋าบอกฝันดีอีกคนในขณะที่ตนเองยืนอยู่หน้าบ้าน ก่อนที่คชาจะยิ้มให้แล้วตอบกลับไม่ต่างกัน
“ฝันดีฮะ”
-------------------------------------------------------------
วันนี้คงเป็นวันที่เขามองนาฬิกาบ่อยที่สุดในรอบปี เย็นนี้เขามีนัดไปซื้อของกับคชาสองคน ที่จริงมันก็คงปกติถ้าเต๋าไม่เติมคำว่าสองคนเข้าไปเพราะคิดทีไรก็แอบหลุดยิ้มออกมาทุกที แต่เหมือนคำว่าสองคนจะถูกดีดปลิวออกไปเมื่อท้ายที่สุดก็ไม่ได้ออกมาสองคนอย่างที่เต๋าคิดไว้ เมื่อเฟรมกลับมาจากมหาวิทยาลัยก่อนเวลาจึงตามติดมาด้วยอีกคน
“ส่วนมากเป็นพวกภาชนะมากกว่า แล้วก็มีพวกอุปกรณ์ทำความสะอาด” เต๋าพึมพำออกมาในขณะที่สองมือใหญ่ใช้บังคับรถเข็น
“เดี๋ยวผมมานะพี่ ปวดฉี่ไปเข้าห้องน้ำก่อน ซื้อไปก่อนเดี๋ยวโทรหา” เต๋าพยักหน้าให้น้องชายก่อนจะผลักหัวเฟรมที่รีบวิ่งออกไป
“พี่ยังไม่เคยมาเดินห้างนี้เลย คชารู้ไหมว่าโซนไหนเป็นโซนไหน” เต๋าหยุดเดินปล่อยมือสองข้างออกจากรถเข็นแล้วก้มลงดูรายการของบนแผ่นกระดาษอีกครั้ง
“ขอดูหน่อยว่ามีอะไรบ้าง” ร่างเล็กหยุดยืนข้างเต๋า ปลายเท้าเขย่งขึ้นเพื่อให้มองเห็นแผ่นกระดาษที่อยู่ในมือของอีกคนได้ถนัด จึงทำให้หัวกลมๆของคชาขึ้นมาอยู่ในระดับจมูกของเต๋าพอดี ปลายจมูกของคนตัวสูงกว่าจึงสัมผัสกลุ่มผมดำอย่างไม่ทันตั้งตัว กลิ่มหอมอ่อนๆของแชมพูที่คชาใช้ อีกทั้งกลุ่มผมที่สัมผัสเบาบางที่ริมฝีปากได้รูป ทำให้เต๋าถึงกับลืมหายใจ
“งั้นไปซื้อพวกแก้วก่อนดีกว่า แล้วค่อยไปซื้อไม้ถู” คชาพูดในขณะที่ตนยังคงก้มมองแผ่นกระดาษในมือหนา ก่อนจะหันหน้าขึ้นมามองเต๋า และพบว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องมองตัวเองอยู่ ทุกสิ่งหยุดเคลื่อนไหวชั่วขณะเมื่อสองสายตาแววตาสบประสาน ดวงตาคู่กลมกับแววตาสดใสของของคชากำลังทำให้เต๋าลืมความเป็นตัวเอง ท้ายที่สุดเป็นคชาที่รู้สึกตัวก่อนและเบนสายตาไปอีกทาง
“ไม่ต้องรอพี่เฟรมใช่ไหม งั้นไปทางนี้นะ” เต๋าส่ายหัวสองสามทีเพื่อเรียกสติกลับมา มือหนาเลื่อนไปจับรถเข็นอีกครั้งแล้วออกแรงดันไปให้ทันอีกคน ที่เดินนำล่วงหน้าไปแล้ว โดยที่ไม่รู้เลยว่าคนตัวเล็กที่เป็นฝ่ายเบนสายตาไปก่อน กำลังยกมือขึ้นมาจับแก้ม แล้วบ่นพึมพำกับตัวเอง
‘บ้าชะมัด’
-------------------------------------------------------------
“พี่ตี๋ขอโทษจริงๆนะพี่” ย้อนกลับไปเมื่อวานที่เต๋าได้นัดว่าที่พนักงานร้านชานมไข่มุกให้เข้ามาสัมภาษณ์ แต่ก็ต้องวุ่นวายกันอีกครั้งเมื่อรายนั้นโทรมาบอกว่าได้งานที่อื่นเสียแล้ว ปัญหาอยู่ที่อีกสองวันร้านจะเปิดแต่ยังหาคนเฝ้าร้านไม่ได้นี่สิ ความหวังเดียวที่มีอยู่ตอนนี้ก็คือใบปลิวที่ฝากไว้ตามที่ต่างๆ กับการโพสท์ข้อความรับสมัครพนักงานผ่านอินเทอร์เน็ต
“ไม่เป็นไรๆ ยังไงร้านก็เปิดวันอาทิตย์ สลับกันดูไปก่อน เดี๋ยวคงมีคนมาสมัครบ้างแหละ” ตี๋พูดเหมือนอยากให้อีกฝ่ายสบายใจ แต่ใครๆก็รู้ว่ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะการที่ตี๋ต้องนัดว่าที่พนักงานมาคุยไม่ใช่แค่เพียงเรื่องข้อตกลงในการจ้างงานแต่ก่อนที่จะทำงานได้ก็ต้องสอนงานให้เสียก่อน เพราะคงมีไม่กี่คนที่จะทำชานมไข่มุกได้โดยไม่ต้องสอนอะไร แต่ถ้าหากมีจริงๆนั่นก็แสดงว่าเขาโชคดีไม่น้อย
“แล้วมีใครติดต่อมาบ้างไหมพี่” เฟรมถามพี่ชาย ตี๋ส่ายหัวก่อนจะเดินไปที่เคาท์เตอร์ ในใจกำลังขบคิดถึงถึงการแก้ปัญหา เต๋าก็ใช่ว่าจะอยู่เป็นสุข ดวงตาคู่คมมองทะลุกระจกใจออกไปนอกตัวร้าน สองมือล้วงเข้าที่กระเป๋ากางเกงยีนส์ด้านหลัง ถอนหายใจออกมาแผ่วเบา ก่อนจะสังเกตเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินตรงมายังประตูกระจกใสของร้านแล้วผลักมันเข้ามา
“สวัสดีครับ นี่ใช่ร้าน Refresh ไหมครับ พอดีผมตามใบสมัครนี่มา จะมาสมัครเป็นพนักงานครับ” สามหนุ่มหันหน้ามองกันอย่างไม่ได้นัดหมายก่อนที่ตี๋จะรีบเรียกว่าที่พนักงานให้นั่งลงแล้วจัดการสัมภาษณ์ ภาพที่เห็นตอนนี้จึงเป็นภาพของพี่น้องสามคนนั่งเก้าอี้คนละตัวล้อมว่าที่พนักงานไว้
“ชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ ทำงานอะไรมาก่อน” ข้อมูลเบื้องต้นถูกถามโดยตี๋ ทำให้ชายหนุ่มว่าที่พนักงานรู้สึกประหม่าเล็กน้อย บวกกับสภาพของเขาที่โดนรุมอยู่ตอนนี้ด้วยแล้ว อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นขยับกรอบแว่นและเกาหัวด้วยความงุนงง
“คือชื่อ โปเต้ครับ แต่เรียกสั้นๆว่าเต้ก็ได้ อายุ 22 ก่อนหน้านี้เคยทำอยู่ร้านชานมไข่มุกมาก่อน นี่เป็นหลักฐานการสมัครงานของผม”
“เห๊ย! จริงดิ แสดงว่าทำเป็นอยู่แล้ว?” ตี๋ร้องออกมาเสียงดังจนว่าที่พนักงานสะดุ้งเล็กน้อย ส่วนเต๋ารับซองเอกสารที่ว่าที่พนักงานโปเต้ยื่นมาให้ก่อนจะค่อยๆไล่อ่านทีละแผ่น
“ค ครับ”
สามหนุ่มสุมหัวด้วยกันอีกครั้ง สามสายตาก้มลงอ่านเอกสารของว่าที่พนักงานก่อนจะกระซิบกระซาบปรึกษาให้ได้ยินกันสามคน
“แต่ถ้ายังไม่สะดวกผมกลับก่อนก็ได้นะครับ” โปเต้ที่มีสีหน้าเป็นกังวลเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นสามพี่น้องพูดคุยปรึกษากันอย่างเอาจริงเอาจัง
“ไม่ต้อง!!” สามเสียงประสานขึ้นพร้อมกัน
“พี่ตกลงรับเราเข้าทำงาน” ตี๋บอกแล้วลุกขึ้นเดินมาหยุดที่หน้าของโปเต้
“ห๊ะ! จริงหรือครับพี่” โปเต้กระพริบตาสองสามทีก่อนจะยกมือขยับกรอบแว่นอีกครั้ง
“จริง แต่เริ่มงานพรุ่งนี้เลยได้ไหมวะ” ตี๋เดินมาจับไหล่ว่าที่พนักงานประจำร้าน
“ไม่มีปัญหาครับพี่ ขอบคุณมากนะครับขอบคุณมาก” พนักงานประจำร้านคนใหม่เอ่ยขอบคุณ ก่อนจะยกมือไหว้ตี๋เป็นการใหญ่ สามหนุ่มยกยิ้มขึ้นพร้อมกันในรอบหลายชั่วโมงของวัน เดินมาทักทายพนักงานโปเต้ก่อนจะเริ่มทำความรู้จักพูดคุย
-------------------------------------------------------------
ท้องฟ้ายามค่ำคืนในกรุงเทพมหานคร ไม่ปรากฏแสงของดวงดาว มีเพียงแสงจากดวงจันทร์เท่านั้นที่ยังคงทอแสงนวลผ่องเปล่งประกาย เสียงบทสนทนาพูดคุยข้ามฟากรั้วของคนสองคน ที่ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของทั้งเต๋าและคชาปรากฏขึ้น
“ได้พนักงานแล้วหรอ ดีจัง”
“ใช่ โชคดีมากที่พนักงานคนนั้นเคยทำงานร้านชานมไข่มุกมาก่อน คงไม่ต้องฝึกอะไรกันมาก เผลอๆพี่ตี๋คงต้องฝึกจากพนักงานด้วยซ้ำไป”
“ดีแล้วๆ เมื่อวานบ้านพี่เต๋าเหมือนดงอะไรสักอย่าง แต่ละคนทำหน้าเหมือนโลกจะแตกวันนี้พรุ่งนี้”
“จริงหรอ” แต่เต๋าก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกนะว่าตนเองแอบเครียดไม่น้อย
“จริงสิ เมื่อวานพี่เต๋าเงียบจะตาย คิ้วสองข้างก็แทบจะชนกันแล้วด้วย คชาเห็นแล้วไม่กล้าเข้าไปคุยด้วยเลย” เต๋านึกตลกไม่น้อย อยากรู้เหมือนกันว่าเมื่อวานนี้เขาทำหน้าแบบไหนทำไมคชาถึงแอบกลัวได้
“พี่น่ากลัวขนาดนั้นเลย?”
“ใช่ๆ หน้าเหมือนผีดิบ” ดวงตากลมโตตอบอย่างใสซื่อ
“หือ ว่าไงนะ...ผีดิบเลยหรอ” เกือบจะเชื่ออยู่แล้วเชียวว่าตัวเองทำหน้าเหมือนผีดิบถ้าคนตัวเล็กไม่หลุดหัวเราะออกมา นี่เขาโดนคชาหลอกด่าใช่ไหม?
“ตัวแสบ” ก่อนจะอดไม่ได้ที่จะยกมือไปยังรั้วอีกฝั่ง แล้วขยี้ศีรษะกลมนั้นอย่างหมั่นเขี้ยว แต่ก็ใช่ว่าคนที่โดนแกล้งจะต่อต้าน ตรงกันข้ามเสียงใสนั้นยังคงหัวเราะคิกคักเมื่อรู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นผู้ชนะที่ได้แกล้งพี่ชายข้างบ้าน
“งั้นพรุ่งนี้เดี๋ยวเข้าไปช่วยที่ร้านนะ”
“ไม่ต้องไปติวแล้วหรอ”
“ไม่ต้องแล้วฮะ หมดคอร์สแล้ว” คชาตอบ อมยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อนึกถึงความสุขช่วงปิดเทอมที่โหยหา และการที่ไม่ต้องเดินเข้าไปในโรงเรียนกวดวิชาถือเป็นหนึ่งในนั้น
“ดีใจด้วยนะ แล้วทีนี้จะมีเรื่องอะไรมาเล่าให้พี่ฟังไหมเนี่ย” เต๋าแซวเพราะส่วนใหญ่เรื่องที่คชาเอามาเล่าให้เขาฟังจะเกี่ยวกับการไปกวดวิชา
“มีสิๆ ถึงไม่ได้ออกไปข้างนอกแต่เดี๋ยวคชาก็จะขุดเรื่องมาเล่าให้พี่เต๋าฟังเหมือนเดิม” ก่อนหน้านี้พี่ตี๋เคยบอกเขาเอาไว้ว่า คชาจะเป็นคนเงียบๆถ้าอยู่กับคนแปลกหน้า แต่สำหรับเต๋าตอนนี้คงข้ามผ่านสถานะพวกนั้นมามากพอตัว ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นคนสนิทของคชาหรือเปล่า แต่การที่ไม่ได้เป็นคนแปลกหน้า แล้วได้ฟังเจ้าตัวเล่าเรื่องราวต่างๆ คุยนู้นคุยนี้ ถึงตอนนี้อยากให้พี่เต๋าคนนี้เป็นอะไร พี่เต๋าคนนี้ก็ขอยอม
“ขุดเก่งจริงนะ เป็นจอบหรือไงเรา”
“เปล่าสักหน่อย ไม่เห็นต้องเป็นจอบก็ขุดเก่งได้เหอะ” เสียงหัวเราะสดใส พูดคุยหยอกล้อยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความมืดมิดของท้องฟ้าที่ไร้แสงดาว แต่หากคืนนี้ใครบางคนกำลังคิดว่าตนเองนั้นกำลังจ้องมองดวงดาวที่คงจะหล่นลงมาจากที่ไหนสักที่บนท้องฟ้ากว้าง ดวงดาวที่เปล่งประกายไปด้วยความสดใส...ดวงดาวที่กำลังหัวเราะอยู่ต่อหน้าเขาตอนนี้
-------------------------------------------------------------
ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงพิธีเปิดร้านก็เสร็จสิ้นลง ตี๋ เต๋าและเฟรมเดินไปส่งพระอาจารย์ ที่นิมนต์มาจากวัดเพื่อมาเจิมร้านชานมไข่มุกของตนและรดน้ำมนต์เพื่อความเป็นศิริมงคล แล้วกราบลาพระอาจารย์ก่อนที่รถกระบะจะเคลื่อนที่ออกไป ตี๋หันกลับมามองร้านชานมไข่มุก ‘REFRESH’ ร้านชานมไข่มุกที่เป็นกิจการแรกในชีวิตของเขาอย่างภาคภูมิใจ หลังจากที่เฝ้าลงทุน ลงแรง ลงกาย ลงใจไป วันนี้ร้านในฝันของเขาก็สำเร็จเป็นรูปเป็นร่างเสียที ผู้คนในซอยรวมไปถึงเพื่อนสนิทเริ่มเดินทางมาร่วมแสดงความยินดี บางคนหอบหิ้วกล่องของขวัญรวมไปถึงช่อดอกไม้มามอบให้ จนทำให้พื้นที่ของร้านที่ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากเล็กลงไปถนัดตา เต๋าเดินไปกอดไหล่พี่ชายที่ยิ้มกริ่มก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปในตัวร้านพร้อมกันสามคน
“ยินดีด้วยนะไอ้ตี๋ขอให้กิจการรุ่งเรือง”
“ขอบคุณมากครับเฮีย ฝากด้วยแล้วกันเฮียร้านใกล้เรือนเคียง” ตี๋ยื่นมือไปรับกล่องพระจากเฮียเทพ เอ่ยขอบคุณแล้วพูดคุยกันสักพัก
“หายเหนื่อยแล้วหละสิตี๋ ดีใจด้วยนะ ขอให้กิจการรุ่งเรือง” ตี๋ยื่นมือไปรับกล่องของขวัญในมือเพื่อนบ้านแสนดี พูดได้เต็มปากเลยว่ามิ้นท์ได้ช่วยเหลือเขาในเรื่องการเปิดร้านนี้ไว้มาก
“ขอบคุณมากนะมิ้นท์ ขอบคุณจริงๆ” มิ้นท์ส่งยิ้มให้เพื่อนบ้านตัวโต รอยยิ้มที่มีความหมายให้ตี๋ตีความเอง รอยยิ้มที่บอกว่า ‘ไม่เป็นไร’
“ตี๋มีร้าน มีบ้าน ตอนนี้เหมือนจะขาดคนรู้ใจ ถ้าคนแถวนี้บอกว่าพร้อมก็จะขอจีบอีกครั้งนะ” จนแล้วจนรอดตี๋ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซวเพื่อนบ้านคนสวย
“แหม รอไปเถอะย่ะ”
“แหนะๆ พี่ตี๋จีบพี่สาวคชาหรอ” เป็นเสียงใสของคชาดังขึ้น เมื่อแอบมองพี่สาวของตัวเองกับพี่ชายตัวโตข้างบ้านอยู่พักใหญ่แล้วเดินมาเกาะแขนพี่สาวของตนอย่างหวงแหน
“อยากจีบแต่พี่เราไม่ให้พี่จีบนี่สิ” ตี๋บอกแล้วส่งยิ้มให้คชาก่อนที่จะขอตัวไปหาเพื่อน
“หวงพี่เหมือนกันนะเรา” เต๋าที่เห็นเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้นถามขึ้น
“ก็พี่เค้านี่นา” แล้วหัวกลมของคชาก็ก้มลงพิงที่ไหล่ของพี่สาว
“มีน้องขี้หวงแบบนี้พี่มิ้นท์จะมีแฟนไหมครับ?”
“ถ้าให้มีก็มีได้ แต่ถ้าต้องเลือกระหว่างแฟนกับน้องชายตัวแสบ พี่คงต้องเลือกน้องชายตัวแสบคนนี้” เต๋ายิ้มให้กับความน่ารักของสองพี่น้อง ไม่แปลกหรอกที่จะเลือกคชา ถึงแม้พี่มิ้นท์จะพร่ำบ่นเสมอว่าน้องชายคนนี้เอาแต่ใจและดื้อแค่ไหน แต่ความน่ารักสดใสที่มีอยู่ในตัวคชายังคงเอาชนะทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ดี
“คชากินชานมไข่มุกแล้วยัง” คชาส่ายหน้าดวงตากลมมองตามพี่สาวที่เดินไปทักคนในซอย
“ไปที่เคาท์เตอร์กัน” เต๋าเอ่ยชวนคชา มือหนายื่นไปสัมผัสข้อแขนบางของอีกคนก่อนจะจูงให้เดินไปที่เคาท์เตอร์ด้วยกัน
“คชาสั่งสิ พี่ให้กินฟรี” ตี๋บอกน้องชายตัวเล็กข้างบ้านที่ถือเป็นอีกหนึ่งหัวเรี่ยวหัวแรงในการทำร้านของเขา
“ได้ไงฮะ ของซื้อของขาย”
“งั้นเดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง” เป็นคนที่ยืนอยู่ด้านหลังที่โพล่งขึ้นมา ทำให้ดวงตากลมหันกลับไปยังร่างสูง ยิ้มให้เล็กน้อยก่อนที่จะหันไปหาพนักงานประจำร้าน
“งั้นคชาเอาชานมสตรอร์เบอรี่ใส่ไข่มุกแก้วนึง มีคนจ่ายให้แล้วงั้นขอไข่มุกเยอะๆนะฮะ”
“งั้นพี่เอาชานมเผือกนะเต้” พนักงานโปเต้สิ่งยิ้มพยักหน้ารับ แล้วลงมือทำชานมสตรอร์เบอร์รี่ของคชาทันที
“วันนี้พี่เต๋าไม่ได้ลืมเอากระเป๋าตังค์มาใช่ไหม?” คชายิ้มล้อเลียน เมื่อนึกถึงวันที่เต๋าบอกว่าจะเลี้ยงข้าวตนเองที่ร้านลุงเทพ แต่ดันลืมเอากระเป๋าเงินมาด้วย
“นี่กะจะล้อพี่ยันลูกบวชเลยใช่ไหม?”
“ไม่ถึงขนาดนั้นสักหน่อย เอาแค่ถึงแต่งงานพอ” คชายังคงหัวเราะต่อเนื่อง พูดคุยกันไม่นานชานมสองแก้วที่สั่งไปก็ถูกยื่นส่งมาให้ลูกค้าประจำในอนาคตทั้งสองคน ก่อนที่เต๋าจะชวนคชาไปนั่งโต๊ะว่างที่อยู่ติดมุมของร้าน
“คชาชอบกินชานมสตรอร์เบอรี่หรอ?”
“ฮะ” ริมฝีปากบางก้มลงสัมผัสหลอดที่เสียบอยู่กลางแก้ว ก่อนจะค่อยๆดูดชานมไข่มุกรสโปรดอย่างเอร็ดอร่อย
“แล้วทำไมถึงชอบสตรอร์เบอรรี่หละ”
“ก็มันอร่อยหนิ”
“แค่นั้นหรอ” คชาพยักหน้า
“แล้วทำไมพี่เต๋าถึงชอบชานมเผือกหละ”
“ก็มันอร่อย”
“เห็นไหม..ก็เหมือนกันแหละ ก็มันอร่อย ไม่เห็นต้องมีเหตุผลอื่นเลย”
แล้วบทสนทนาทั้งหมดก็หยุดลงเพียงเท่านั้น เหลือไว้แต่เพียงคนตัวเล็กที่ก้มลงดูดชานมไข่มุกในมืออย่างตั้งอกตั้งใจ กับดวงตาคู่คมของใครอีกคนที่จับจ้องอากัปกิริยาของคชาอย่างตั้งใจไม่ต่างกัน
คงจะจริงอย่างที่คชาบอก บางอย่างก็ไม่จำเป็นที่ต้องมีเหตุผลอื่นเลย ที่กินก็เพราะว่าอร่อย...ที่ชอบก็เพราะว่าใช่ ที่ใช่ก็เพราะว่าน่ารักแบบนี้ ไม่เห็นต้องมีเหตุผลอื่นเลยจริงๆ
“เด็กน้อยจริงๆเลยนะ เลอะปากแล้วครับ” นิ้วโปงเลื่อนไปสัมผัสมุมปากบางของคนตัวเล็ก เกลี่ยมันเบาๆ ก่อนที่ดวงตาคู่กลมของคชาจะมองมาที่เต๋าอย่างงงๆ แอบตกใจกับสัมผัสนั้นอยู่ไม่น้อย สัมผัสบางเบาที่ทำให้หัวใจดวงน้อยของคชาเต้นเร็วกว่าเดิมหลายเท่าตัว
เต๋ายังคงจ้องมองคชาอย่างเอ็นดู ก้มลงดูดชานมไข่มุกในแก้วของตัวเองบ้าง หลุดยิ้มออกมาบ้างเมื่อเห็นคชาตั้งใจดูดกินไข่มุกเม็ดสีดำที่ดูเหมือนจะไม่เข้าข้างคนตัวเล็กเท่าไหร่นัก เมื่อเจ้าไข่มุกเม็ดกลมไม่เดินทางขึ้นมาตามหลอดยาว จนทำให้คชาต้องเปลี่ยนทิศทางหลอดดูดอยู่หลายครั้ง สายตาของเต๋ายังคงไม่ละออกจากใบหน้าของคนมุ่งมั่นตรงหน้า โดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีสิ่งมีชีวิตอีกสองคนกำลังชวนกันจ้องมองสังเกตการกระทำของตัวเองด้วยความสนอกสนใจ
-------------------------------------------------------------
มันอาจจะดูเร็วๆไป ตัดไปตัดมา -/\- เข้าใจเราไหมหนอ?
ฝากฟิคเสด็จพี่นนทนันท์ด้วยนะคะ ไม่รู้เคยอ่านกันไหม มันไม่มีสาระและตรรกะอะไร (แล้วจะแต่งทำไม?) เอ่อนั่นแหละ
ลองดูๆ http://sadejpeeandhischaya.exteen.com/
ปล. โหวตสู้ๆเน้ออ... ^__^
ความคิดเห็น