ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : สำนักพิมพ์นานมีบุุ๊คส์
การเสนอต้นฉบับงานเขียนให้สำนักพิมพ์
เริ่มต้นเขียน
ก่อนอื่น คุณควรมีต้นฉบับ เมื่อเขียนเสร็จแล้ว ค่อยหาสำนักพิมพ์ก็ยังไม่สาย ถ้าสำนักพิมพ์นี้ปฏิเสธ คุณก็ยังเอาไปส่งที่อื่นได้ งานที่คุณเขียนออกมาแล้ว ไม่มีทางสูญเปล่า ดังนั้นอย่าลังเลที่จะเริ่มเขียน โปรดจำไว้ว่า สำนักพิมพ์ไม่สามารถตัดสินใจได้จากแค่โครงเรื่อง หรือเรื่องย่อของคุณ ไม่ว่ายังไงก็ต้องขออ่านเรื่อง
1.ในขั้นเริ่มต้น ควรเขียนทุกสิ่งที่คุณอยากเขียน ตามใจฝันของคุณ
2.อย่าหยุดอยู่ที่เรื่องเดียว เขียนเรื่อยๆ เพื่อฝึกฝีมือ อย่ากังวลอยู่กับการได้ตีพิมพ์หรือไม่ได้
3.ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่จะเขียนให้ดี ให้เรื่องมีความสมจริง อย่าเขียนแบบนั่งเทียน หรืออาศัยแต่จินตนาการ
4.ศึกษากลุ่มผู้อ่านของคุณ เขียนหนังสือให้เหมาะกับเขา อย่าให้มั่วจนไม่รู้ว่าใครจะอ่านกันแน่
• เด็กเล็ก
• เด็กโต
• ผู้หญิง -------- แต่ละแนว
• ผู้ชาย --------- แต่ละแนว
5.ศึกษาตลาด
• ดูว่าคนอื่นเขาเขียนกันยังไง
• ดูว่าเรื่องในแนวของคุณมีคนเขียนเยอะหรือไม่
• ดูว่าเรื่องในแนวของคุณมีคนอ่านเยอะหรือไม่
• ดูว่ามีสำนักพิมพ์ไหนบ้างที่พิมพ์เรื่องแนวของคุณ
6.นำข้อมูลมาพิจารณาว่าคุณจะแทรกเข้าไปในส่วนไหนในตลาดได้ นั่นหมายถึงว่า
• เรื่องของคุณต้องมีจุดขาย (สนุกมาก, มีเนื้อหาแปลก, จับประเด็นที่คนกำลังสนใจ, ตัวนักเขียนน่าสนใจ ฯลฯ)
• เรื่องของคุณต้องมีความแตกต่างจากหนังสือแนวเดียวกัน
7.เขียนเสร็จแล้ว ลองให้คนอื่นอ่านด้วย
• พยายามหาคนที่เป็น Target Group ของหนังสือคุณ
• หาคนอื่นที่ไม่ใช่ญาติ คนที่จะพูดกับคุณตรงๆ โดยไม่มีอคติ
• ลองให้อ่านหลายๆ คน
มองหา-ติดต่อสำนักพิมพ์
1.ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสำนักพิมพ์ต่างๆ ดูว่าต้นฉบับของคุณเหมาะกับสำนักพิมพ์ไหน เลือกดูสำนักพิมพ์ที่เคยพิมพ์แนวนี้
• ดูจากหนังสือในร้าน หรือในร้านหนังสือออนไลน์
• ดูจากเว็บไซต์ของสำนักพิมพ์โดยตรง
• ติดต่อไปที่สำนักพิมพ์แบบสุ่มๆ เลย ถามเขาว่าสนใจหนังสือแนวของคุณหรือไม่
2.เลือกสำนักพิมพ์ที่คิดว่าถูกจริตกับคุณ ที่จะทำงานร่วมกันได้ มีภาพลักษณ์ใกล้เคียงกัน มองเห็นภาพอนาคตร่วมกัน
3.เมื่อเลือกสำนักพิมพ์ได้แล้ว หาวิธีติดต่อ เพื่อขอส่งต้นฉบับไปให้
• ที่อยู่-เบอร์โทรของสำนักพิมพ์ มักจะมีอยู่ในหนังสือทุกเล่ม ให้ดูตรงส่วนที่เขียนว่า “ผู้จัดพิมพ์”
• ค้นหาที่อยู่-เบอร์โทร-เว็บไซต์ ของสำนักพิมพ์จาก google
• ในเว็บไซต์ของบางสำนักพิมพ์ จะมีบอกวิธีส่งต้นฉบับให้พิจารณา ให้ทำตามนั้นได้เลย
• เพื่อความมั่นใจ ควรถามสำนักพิมพ์ก่อน ว่าจะให้คุณส่งต้นฉบับไปด้วยวิธีใด และส่งถึงใคร
4.การโทรหาสำนักพิมพ์
• โทรไปขอพูดกับ “บรรณาธิการบริหาร” หรือ “บรรณาธิการผู้ดูแลหนังสือแนว...(แนวที่คุณเขียน)” หรือ “ฝ่ายพิจารณาต้นฉบับ”
• ไม่จำเป็นต้องรู้ชื่อบรรณาธิการ บางครั้งบ.ก.คนที่มีชื่ออยู่ในหนังสือ อาจเปลี่ยนไปทำหนังสือแนวอื่นแล้ว หรืออาจลาออกแล้วก็ได้ แต่ตำแหน่งของเขายังคงอยู่เสมอ
• อย่า โทรไปฝ่ายบุคคลของบริษัท
• อย่า เสนอเรื่องกับโอเปอเรเตอร์หรือคนที่รับโทรศัพท์โดยตรง เพราะเขาอาจไม่รู้เรื่อง แล้วก็จะคุยกันไม่รู้เรื่อง
ทำให้คุณพลาดโอกาสในการได้คุยกับ บ.ก.
• อย่า โทรไปตอนเที่ยง หรือก่อน 8.00 น. หรือหลัง 17.00 น. หรือเสาร์อาทิตย์
• ไม่ควร โทรไปช่วงใกล้งานหนังสือ หรือระหว่างงานหนังสือ เพราะจะเป็นช่วงที่สำนักพิมพ์ยุ่งมาก
5.ส่งอีเมลถึงสำนักพิมพ์
• ส่วนใหญ่ email address ที่สำนักพิมพ์บอกไว้ มักจะเป็นของส่วนกลาง ดังนั้น คุณต้องระบุสิ่งต่อไปนี้ให้ชัดเจนในอีเมลของคุณ
อีเมลนี้เป็นเรื่องอะไร (ส่งต้นฉบับเพื่อพิจารณา หรือ สอบถามเรื่องการส่งต้นฉบับเพื่อพิจารณา ก็ได้)
ส่งถึงใคร (“บรรณาธิการบริหาร” หรือ “บรรณาธิการผู้ดูแลหนังสือแนว...(แนวที่คุณเขียน)” หรือ “ฝ่ายพิจารณาต้นฉบับ”)
ผู้ส่งคือใคร (ลงชื่อ+เบอร์ติดต่อกลับเสมอ)
• เขียนอีเมลให้ชัดเจน เข้าใจง่าย สร้างความประทับใจแรกให้บ.ก.
• บางสำนักพิมพ์จะรับต้นฉบับพิจารณาทางอีเมลเลย แต่บางสำนักพิมพ์จะไม่รับ ควรตรวจสอบให้ดีก่อน
6.หากไม่สะดวกจะโทรหรือส่งอีเมลไป ก็ส่งต้นฉบับไปทางไปรษณีย์ได้เลย
• จ่าหน้าซองถึง “บรรณาธิการบริหาร” หรือ “บรรณาธิการผู้ดูแลหนังสือแนว...(แนวที่คุณเขียน)” หรือ “ฝ่ายพิจารณาต้นฉบับ” พร้อมวงเล็บระบุว่า “ส่งต้นฉบับเพื่อพิจารณา”
• ควรมีจดหมายนำสั้นๆ ปะหน้าไปด้วย
7.การเดินเข้าไปส่งต้นฉบับเองเลย สามารถทำได้ แต่หากคุณต้องการพบบ.ก.ด้วย ควรโทรนัดก่อน
8.ต้นฉบับหนึ่งเรื่อง ควรส่งครั้งละสำนักพิมพ์ อย่าส่งหว่าน
เตรียมต้นฉบับส่งสำนักพิมพ์
1.ควรพิมพ์ต้นฉบับ อย่าเขียน และควรพิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์ เพราะเมื่อถึงที่สุดแล้ว สำนักพิมพ์ต้องใช้ไฟล์ในการทำงาน
2.ควรทำเป็นต้นฉบับกระดาษเตรียมไว้เสมอ แม้ว่าบางสำนักพิมพ์จะรับพิจารณาต้นฉบับที่เป็นไฟล์ก็ตาม
และหากสำนักพิมพ์ไม่ขอ ก็ไม่ควรส่งไฟล์งานไปให้
3.ทำสำเนาต้นฉบับไว้เสมอ อย่าคิดจะขอต้นฉบับคืนจากสำนักพิมพ์
4.พิมพ์ตัวอักษรขนาดใหญ่พอประมาณ เลือกฟอนต์ให้อ่านง่าย อย่าพิมพ์ตัวหนังสือเล็กไปหรือใหญ่ไป
เพราะจะทำให้สำนักพิมพ์คำนวณไม่ถูก ว่าต้นฉบับของคุณจะทำออกมาเป็นหนังสือได้กี่หน้า
5.ไม่จำเป็นต้องจัดหน้าให้อลังการ ควรเน้นให้อ่านง่ายสบายตา แบ่งฉาก แบ่งย่อหน้าให้เห็นชัดเจน
อย่าเขียนหนังสือโดยไม่มีย่อหน้า
6.หากมีความสามารถและทุนทรัพย์เพียงพอ คุณจะจัดทำต้นฉบับให้สวยงามเพียงใดก็ได้ตามสะดวก
แต่ความสวยงามของต้นฉบับ ไม่ใช่สิ่งที่สำนักพิมพ์ใช้พิจารณา
• ไม่จำเป็นต้องทำรูปเล่มให้เหมือนหนังสือจริง แต่ควรเย็บเล่มเข้าปกให้เรียบร้อย
• สำหรับนวนิยาย หรือวรรณกรรมเยาวชน ไม่จำเป็นต้องใส่ภาพประกอบ หรือออกแบบปกไปให้
เพราะเวลาทำงานจริง สำนักพิมพ์จะดูแลเรื่องเหล่านี้เอง (ยกเว้นคุณจะทำภาพประกอบได้สวยมาก ก็ใส่ไปให้สำนักพิมพ์ดูด้วย)
• หากเป็นนิทานภาพ การ์ตูน หรือหนังสืออื่นที่คุณอยากให้มีรูปเล่มแบบพิเศษ ก็ให้ทำ mock up ไปด้วย (รูปเล่มเสมือนจริง)
7.ควรแนบสิ่งเหล่านี้ไปกับต้นฉบับด้วย
• ประวัติของคุณ อย่าอายที่จะโฆษณาตัวเอง บอกถึงผลงานที่เคยทำ เคยเขียน โดยเฉพาะเรื่องที่เคยตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์
อื่นมาแล้ว
• บอกนามปากกา ชื่อจริง ที่อยู่ส่งเอกสาร เบอร์โทร เบอร์อีเมล
• ข้อมูลคร่าวๆ ของต้นฉบับ บอกจุดเด่น จุดขาย กลุ่มผู้อ่าน แนวหนังสือ เรื่องย่อ ฯลฯ
เกณฑ์การพิจารณาของนานมีบุ๊คส์
1.รับพิจารณาต้นฉบับหนังสือหลากหลายแนว เช่น
• นิทาน-หนังสือสำหรับเด็กปฐมวัย
• วรรณกรรมเยาวชนทุกแนว
• นวนิยายผู้ใหญ่ทุกแนว (นวนิยายรัก, นวนิยายชีวิต, นวนิยายสืบสวนสอบสวน, นวนิยายอิงประวัติศาสตร์)
• รวมเรื่องสั้น
• สารคดีสำหรับเยาวชนทุกแนว
• สารคดีผู้ใหญ่ทุกแนว
2.นิทาน การ์ตูน สามารถส่งแต่เนื้อเรื่อง สำนักพิมพ์จะจัดหาผู้วาดภาพประกอบให้เองหากตกลงทำจริง
3.จำนวนหน้าของต้นฉบับ ไม่ใช่สิ่งที่สำนักพิมพ์ใช้พิจารณาเป็นหลัก ผู้เขียนควรดูตามความเหมาะสม
ว่าเนื้อหาของเรื่องควรยาวเท่าใด
4.นวนิยาย-วรรณกรรมเยาวชน แบบไหนที่สำนักพิมพ์จะสนใจ
• เรื่องที่อ่านสนุก วางไม่ลง น่าติดตามตลอดทั้งเล่ม
• มีเนื้อหาแปลกใหม่ น่าสนใจ แตกต่างจากเล่มอื่นๆ ในท้องตลาด
• ไม่ใช่เรื่องที่ลอกเลียน ดัดแปลง หรือมีเนื้อหาใกล้เคียงกับเรื่องของคนอื่นมาก
• เจาะกลุ่มเป้าหมายชัดเจน มองเห็นได้ง่ายว่าจะขายให้ใครอ่าน
• เขียนด้วยภาษาที่สละสลวย อ่านสบาย ไม่ติดขัด
• เป็นงานเขียนที่มีคุณค่าทางวรรณกรรม จรรโลงใจผู้อ่าน ไม่ทำร้ายสังคม
• เป็นเรื่องที่เห็นแนวโน้มว่าจะพัฒนา แก้ไข ปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นได้
5.เรื่องที่จะไม่ผ่านการพิจารณา
• เรื่องที่ลอกเลียน หรือดัดแปลง หรือแปลมา
• เรื่องที่ไม่สนุก ไม่สมจริง
• อ่านไม่รู้เรื่อง ภาษาไทยแย่มาก
• เรื่องที่ไม่รู้จะให้ใครอ่าน มีเนื้อเรื่องและภาษาที่ไม่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย
• มีเนื้อหาซ้ำซาก ไม่ต่างจากของคนอื่น มองไม่เห็นโอกาสที่จะโดนใจลูกค้า
• เรื่องที่เฉพาะกลุ่มเกินไป เช่น มีแต่คนเขียนและครอบครัวเท่านั้นที่จะอ่านสนุก
• เรื่องที่ล้าสมัยไปแล้ว หรือมีเนื้อหาล้าสมัยได้ง่าย
• เรื่องที่สุดจะเยียวยา เกินความสามารถของบ.ก.จะช่วยเหลือได้
6.ระยะเวลาในการพิจารณา: ประมาณ 2-6 เดือน
7.รับพิจารณาต้นฉบับทางไปรษณีย์เท่านั้น ไม่รับพิจารณาต้นฉบับทางอีเมล์ แฟกซ์ หรือสื่ออื่นๆ โดยส่งต้นฉบับไปที่
ฝ่ายลิขสิทธิ์ บริษัท นานมีบุ๊คส์ จำกัด
เลขที่ 11 ซอยสุขุมวิท 31 (สวัสดี) ถ.สุขุมวิท
แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110
วงเล็บมุมซองว่า ( ส่งผลงานให้พิจารณา)
8.เมื่อพิจารณาเสร็จแล้ว จะแจ้งผลกลับทางโทรศัพท์ ดังนั้นโปรดระบุหมายเลขและชื่อผู้ติดต่อมาให้ชัดเจน
9.สำนักพิมพ์จะไม่ส่งต้นฉบับคืนให้แก่นักเขียน ดังนั้น กรุณาส่งสำเนามาเสมอ
เมื่อต้นฉบับผ่านการพิจารณาแล้ว สำนักพิมพ์จะเริ่มคุยเรื่องต่อไปนี้
• ค่าลิขสิทธิ์ •สัญญาลิขสิทธิ์ •กำหนดออกหนังสือ •รูปแบบหนังสือ •การตรวจแก้ต้นฉบับ •จัดทำรูปเล่ม •ออกแบบปก •ตั้งชื่อ •ขั้นตอนการทำหนังสือ •แผนการตลาด •การขาย •การประชาสัมพันธ์ •กิจกรรมส่งเสริมการขาย
ข้อแนะนำจาก บ.ก.
- ตั้งใจทำงานเขียนของคุณให้ดีที่สุด นั่นคือหน้าที่ที่สำคัญที่สุดของนักเขียน
- นำเสนอตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อให้สำนักพิมพ์สนใจ
- ต้องมีเรื่องให้สำนักพิมพ์อ่าน ไม่ใช่มีแค่ชื่อเรื่องหรือพล็อตเรื่อง อย่ากลัวสำนักพิมพ์จะลอกไอเดียคุณ
- ก่อนจะเริ่มเขียน หรือก่อนจะขายต้นฉบับได้ อย่ากังวลเรื่องต่อไปนี้
o ความยาวของหนังสือ (ไม่ต้องถามสำนักพิมพ์ว่าควรเขียนกี่หน้า เพราะคนที่ควรรู้เรื่องนี้ดีที่สุดคือนักเขียน)
o รูปเล่ม รูปประกอบ หน้าปก
o ค่าลิขสิทธิ์
o การขายลิขสิทธิ์ไปต่างประเทศ
o การเดินสาย book tour หรือทำสื่อประชาสัมพันธ์อื่นๆ
- เปิดใจรับฟังความเห็นของคนอ่านและสำนักพิมพ์
- นำคำแนะนำที่ได้รับไปปรับปรุงงานของตัวเอง
- อย่ารอให้ต้นฉบับเรื่องแรกได้ตีพิมพ์ แล้วค่อยเขียนเรื่องที่สอง เพราะคุณอาจไม่มีวันได้เขียนอีกเลย
- อย่าเสียดายต้นฉบับ ถ้าบ.ก.บอกว่าต้องแก้ไขหรือรื้อทิ้ง ก็ควรจะทำ หรือเก็บเรื่องนี้ไปก่อน แล้วเขียนเรื่องใหม่แทน
- ลองเปลี่ยนแนวเรื่องที่เขียน บางทีคุณอาจจะเขียนเรื่องแนวอื่นได้ดีกว่าแนวนี้ ฟังคำแนะนำจากคนอ่านประกอบการตัดสินใจ
ของเค้าเยอะจริงๆ เพราะฉะนั้นตามนี้เลยจ้า
ขอขอบคุณเครดิตจาก http://www.nanmeebooks.com/reader/news_inside.php?newsid=741
ความคิดเห็น