ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    We are Superstars [Andy VerSioN : My SaSSy GirL]

    ลำดับตอนที่ #2 : We are Superstars [Andy VerSioN : My SaSSy GirL] Chapter 2 ~~ผมถูกทำร้าย T.T~~

    • อัปเดตล่าสุด 8 ม.ค. 51


    Chapter 2

    ผมนั่งชื่นชมรูปอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง...จากการสอบปากคำของพี่โจ ผมเลยได้เบาะแสว่า น้องสาวที่พี่โจบอกว่าเป็นญาติ เธอมีชื่อเสียงเรียงนามว่า ฮานเยจิน...อายุ 24 ปี นิสัยน่ารัก เรียบร้อย อ่อนหวาน ก็เข้ากันดีกับรูปร่างหน้าตาอันงดงามของเธอ...ผมโชคดีใช่มั๊ยล่ะครับ ที่จะมีว่าที่แฟนใหม่ที่เพียบพร้อมซะขนาดนี้...

    น้องเยจินผู้งดงามของผม...ผิวของเธอขาวราวกับไข่ปอก  ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้ม จมูกโด่งสวยได้รูป ปากแดงระเรื่อ ผมยาวสลวยสีดำขลับ มองแล้วสวยชะมัดเลยล่ะครับ...และกว่าผมจะได้รูปจากพี่โจมา ผมต้องกล่อมจนหมดน้ำลายไปหลายโอ่ง แถมด้วยคำสัตย์ปฏิญาณว่า จะไม่เอารูปน้องเค้าไปทำโฟโต้ช็อปตัดต่อภาพโป๊เปลือยเป็นอันขาด ฮึ่ย!!! ...ไอ้บ้าพี่โจ ทำไมเห็นผมเป็นคนลามกแบบนั้นไปได้ ผมไม่ใช่พี่ดงวานนะครับ ผมน่ะเป็นคนดีร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มเลย...

    แถมพี่โจยังย้ำนักย้ำหนาว่า ห้ามเอารูปน้องสาวพี่เค้าไปทำเสน่ห์เป็นอันขาด...หนอย!!! พูดแบบนี้ แสดงว่าดูถูกกัน อย่างผมไม่ต้องทำเสน่ห์ให้เมื่อยหรอกครับ สาวๆมีตรึม แต่ที่ผมชอบน้องเยจินก็เพราะคำตอบเดียวเลย น้องเค้าสวยมากมาย โดนใจผมไปเต็มๆ...

    ผมนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ มองรูปที่บรรจงเก็บไว้ในกระเป๋าอย่างดี จนจอนจินอดหมั่นไส้ผมไม่ได้...อย่างงี้แหละครับ คนขี้อิจฉา แฟนตัวเองอยู่ไกล แล้วไม่ได้สวีทหวานทุกวัน เลยมานั่งตาร้อนใส่ผม...

    “แกจะมองรูปอีกนานมั๊ย...มองนานๆ ระวังรูปซีดนะเว้ย” ดูความปากเปราะของมันสิครับ...แต่ผมไม่ถือหรอก เพราะผมกำลังมีความสุข

    ผมไม่โต้ตอบครับ ช่างหัวมัน คิดเสียว่าเป็นเสียงนกเสียงกา เสียงหมูเสียงแมวไปเสีย ผมเอาเวลาหงุดหงิดคิดคำด่ามันมานั่งมองน้องเยจินผู้สวยงามดีกว่า...

    และตัวมารก็มาขัดขวางความสุขของผมอีกตัวหนึ่งครับ...ว่าที่เจ้าบ่าวโทรเข้ามา วันนี้พี่เฮซองโทรหาผมยี่สิบหนแล้ว เพื่อที่จะบอกว่ามีความสุข กำลังจู๋จี๋กับนามิจัง และลงท้ายด้วยคำพูดหยามว่าผมอกหัก...เฮ๊อะ!! ผมอกหักที่ไหน ผมมีความสุขต่างหาก เพราะผมกำลังจะมีแฟนใหม่ เป็นสาวสวย น่ารัก ไม่แพ้นามิจังเลยเชียวล่ะ...
    จอนจินลดหนังสือที่อ่านอยู่ลงเมื่อเห็นผมตัดบท ไม่อยากคุยกับว่าที่เจ้าบ่าวที่ไม่สำนึกเงาหัวตัวเอง ผมอุตส่าห์ร่วมขบวนไปช่วยกล่อมนามิจังให้สงสาร แล้วผลที่ได้ก็คือพี่เฮซองก็มากระแนะกระแหนผม รู้แบบนี้ ปล่อยให้โดนสาวเมินจนวันตายเสียจะดีกว่า...

    “แกเป็นอะไร ว่าที่เจ้าบ่าวโทรมาหงุงหงิงอะไรให้ฟังอีกล่ะ”

    “ไม่ได้บ่นคร่ำครวญถึงความทุกข์หรอก...โทรมาเล่าความสุขชื่นมื่นสุดๆให้ฟัง  คุยกับพี่เฮซองยี่สิบนาที ฉันนับชื่อนามิจังได้สองร้อยครั้ง...เบื่อคนมีความรักจริงๆเลย” ผมเบ้ปาก แล้วเอื้อมมือไปหยิบแก้วกาแฟ...ร้านนี้รสชาติเยี่ยมไปเลย สมแล้วที่ไปเข้าคิวซื้อตั้งนาน...

    “ตอนแกมีแฟนก็เป็นอย่างนี้เหมือนกันล่ะว๊า ทำเป็นว่าคนอื่น” ลูกนกกับแม่นกปากมันเหมือนกันเลยครับ เลี้ยงน้องหมาในปากไว้เป็นฟาร์ม ชอบทำร้ายจิตใจผู้ชายแสนดีอย่างผมอยู่เรื่อย
       
    “เหมือนที่ไหนกัน ฉันไม่ได้เป็นแบบนั้นสักหน่อย” เรื่องอะไรผมจะรับว่ามันเป็นความจริงล่ะครับ...

    “เออ...ไม่เหมือนหรอก แต่อาการหนักกว่า ตามเขาต้อยๆ ไปหาทุกวันไม่มีพลาด เขาสั่งอะไรมาก็ทำตามหมด...” จอนจินประชดผมเข้าให้

    เรื่องที่อยู่ในหัว ที่ผมพยายามจะไม่นึกถึงมัน คำพูดของจอนจินไปสะกิดต่อมอยากลืมของผมเข้าพอดิบพอดี...

    เรื่องที่ผมเลิกกับไดอาน่า ความจริงไม่ใช่เรื่องที่ควรจะเอามาพูดถึง ผมไม่ได้เกลียดเธอหรอกครับ ตอนที่ขอเลิก ผมก็เจ็บปวดเหมือนๆกับเธอ แต่ทำยังไงได้ ในเมื่อผมหมดรักเธอแล้ว และด้วยนิสัยบางอย่างของเธอ ทำให้ผมอึดอัด และเหนื่อยหน่ายที่จะตามติดเธอแจ

    การที่ไม่ตามติดเธอนี่แหละครับที่เป็นสาเหตุทำให้เธอหึงหวงผมอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง ผมคุยกับผู้หญิงก็ไม่ได้ และร้ายยิ่งกว่านั้น ความรักที่เธอมีต่อผม กำลังทำให้ผมไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลงานของผม แม้จะได้รับคำชมจากผู้คน แต่ผมกลับรู้สึกว่า ผมยังทำมันได้ไม่เต็มที่ เพราะทุกครั้งที่ต้องเข้าร่วมงานกับผู้หญิง เธอเป็นต้องตามมาเฝ้าผมทุกครั้ง จนผมนึกเกรงใจทีมงานอยู่เหมือนกัน นั่นเป็นต้นเหตุที่ทำให้ผมรู้สึกอึดอัด และต่อมามันก็ขยายวงกว้างขึ้นๆเรื่อยๆ ในที่สุดผมก็หมดรักเธอ...

    และทุกครั้งที่ผมขอเลิกกับเธอนั้น  เราสองคนไม่เคยเลิกกันได้เด็ดขาดสักที...ถึงผมจะไม่ไปง้อเธอ แต่ผมก็ใจไม่แข็งพอเมื่อยามที่เธอโทรมาง้อขอคืนดี...ยอมรับครับว่ายังมีเยื่อใยกับเธออยู่ แต่ผมก็ไมได้รักเธอแล้ว ที่กลับไปทุกครั้งก็เพราะผมสงสารเธอ...และคราวนี้ก็เหมือนเดิม เธอหายไปสองวัน และก็โทรมาหาผม โชคดียังเป็นของผมอยู่บ้าง ที่คำพูดของเพื่อน ช่วยทำให้ผมใจแข็งมากขึ้น

    ผมจะยอมเป็นคนใจดำตามที่พี่เอริคบอก...

    ผมจะยอมเป็นคนเห็นแก่ตัวตามที่พี่เฮซองบอก…

    ผมจะยอมเป็นคนร้ายกาจตามที่พี่ดงวานบอก…

    ผมจะยอมเป็นผู้ชายห่วยๆอย่างที่พี่มินวูบอก…

    ผมจะยอมเป็นคนเลวอย่างที่จอนจินบอก…

    เพื่อให้เธอไปเจอคนที่ดีกว่าผม เจอคนที่รักเธอมากกว่าผม...


    “ไดอาน่าโทรหาฉันทุกวันเลย”

    จอนจินอึ้งไปพักหนึ่ง...แล้วถามผมว่า “แล้วไง...แกอยากกลับไปเหรอ”

    “ไม่...แกก็รู้นิสัยฉัน  จบก็คือจบจริงๆ ไม่มีวันหันหลังกลับไปอีกเป็นอันขาด เพียงแต่ว่า ฉันเหนื่อยที่ต้องพูดเรื่องปฏิเสธเรื่องเดิมๆซ้ำแล้วซ้ำอีก” ผมพูดให้กำลังใจตัวเอง เพื่อที่จะได้เข้มแข็งไม่กลับไปสู่จุดเดิมๆอีก

    “ไดอาน่ากำลังเต้นเลยล่ะสิ...ดูเหมือนเค้ากำลังรู้แล้วว่าแกแข็งข้อไม่ยอมใจอ่อนเหมือนเดิม” จอนจินพูดมาก็ถูก...ไดอาน่ามักจะป่าวประกาศความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับผมให้คนอื่นๆรู้เสมอ แล้วพอเรื่องต้องจบลงแบบนี้ โดยที่เธอเป็นคนถูกทิ้ง ไดอาน่าไม่ยอมเสียหน้าหรอกครับ สิ่งที่เธอกลัวก็คือ สายตาเย้ยหยันจากคนในสังคม เพราะมันทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนขี้แพ้....

    “คงอย่างนั้น...ฉันไม่กลับไปหรอก แค่ที่ผ่านมาก็อึดอัดและเจ็บมาพอแล้ว ในเมื่อเข้ากันไม่ได้ จะฝืนไปทำไม”

    “คิดได้อย่างนั้นก็ดี...” ผมรู้ว่าจอนจินเป็นห่วงผมมาก เพราะเจ้านี่เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่เห็นความอ่อนแอของผม

    ผมเหนื่อยแล้วครับ ความรู้สึกเจ็บปวดเมื่อต้องตัดใจจากคนรัก หายไปเกือบหมด เพราะคำพูดของเพื่อนๆและงานของผม  และเมื่อไดอาน่ากลับมาอ้อนวอนขอคืนดีด้วย ความรู้สึกที่ผมเหลือไว้ให้เธอก็คือ...สงสาร...

    สงสาร...ที่เธอพยายามจะรั้งผมไว้ ไม่ใช่เพราะรัก แต่เป็นเพราะเธออายที่จะตอบใครๆว่าเธอถูกผมทิ้ง...

    สงสาร...ที่เธอพยายามจะรั้งคนที่ไม่รักเธอแล้วให้กลับไปตรงที่เดิม...

    เธอรั้งผมไว้ ทั้งที่ตัวเธอก็หมดรักผมแล้วเหมือนกัน

    “คืนนี้นายมีนัดที่ไหนรึเปล่า...” จอนจินถามผมขึ้นมา เวลาผมไม่สบายใจ ถ้าจอนจินว่าง มันก็มักจะลากผมหนีบไปเมาด้วยกันเสมอ

    “ทำไม...”

    “เปล่า...แค่จะชวนไปกินยอดข้าวที่บ้าน...”

    ผมหัวเราะขำ เพราะแค่มันพูดแค่นั้น ผมก็รู้แล้วว่า เพื่อนห่วงผม ผมก็เลยแกล้งกวนกลับไป “ต่อไปข่าวเรื่องแกกับฉันเป็นคู่ขากัน คงจะกระหึ่มขึ้นอีกรอบแน่ๆว่ะ แล้วแบบนี้แฟนแกจะว่ายังไง”

    “ก็ไม่ว่าไง...คงให้ฉันมาขอลายเซ็นแกมั๊ง หรือไม่ก็ทำใจได้แล้ว” จอนจินบอกยิ้มๆ...หน้าของมันบานอย่างกับดอกไม้ได้น้ำ เมื่อพูดถึงแฟนสาวขึ้นมา

    ผมหัวเราะจนเหนื่อย...ความรักที่พวกเรามีให้ต่อกัน ชินฮวามักจะแสดงให้ทุกคนรู้ว่าพวกเรารักกันเป็นประจำแหละครับ....ฮิ ฮิ ฮิ ความรักเป็นสิ่งที่ดีนี่เนอะ....

    พี่โจเพิ่งเดินเข้ามาในห้องซ้อม พอเห็นหน้าผมก็ถลาเข้ามาหา “แอนดี้...คืนนี้แกว่างมั๊ย...”

    “ถามเหมือนกันกับจอนจินเลย ถ้าจะชวนไปกินเหล้าล่ะก็ ไปกินด้วยกันเลยก็ได้” ผมตอบอย่างรู้งาน...

    พี่โจส่ายหน้าหวือ...”เปล่า...แค่ฉันจะเป็นกามเทพอุ้มสมให้แกสักหน่อย”

    กามเทพอย่างนั้นเหรอ...ผมคิดแล้วก็ร้องเสียงดัง “เฮ้ย...อย่าบอกนะว่า น้องเยจินนัดฉันไปกินข้าวเย็น”

    “ไม่ใช่โว้ย...แต่คืนนี้เยจินเลิกงานดึก ตั้งหกทุ่มแน่ะ ฉันไม่ว่าง จะพาแฟนไปดูหนัง แกไปรับแทนหน่อยได้มั๊ย...” ผมลืมเล่าไปอีกเรื่องหนึ่งครับ...

    น้องเยจินของผมเนี่ย เธอเป็นเด็กมาจากต่างจังหวัดครับ แต่เผอิญมาได้งานที่โซล ก็เลยย้ายมาอยู่กับพี่โจ  น้องเค้าได้งานเป็นโอเปอเรเตอร์บริษัทโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ของเกาหลีใต้ครับ หน้าที่การงานกำลังรุ่งเชียวล่ะ...

    “ญาติแกทำงานอะไรวะ เลิกดึกเชียว...” จอนจินถามว่าที่พี่แฟนของผม ไอ้หมอนี่มันอยากรู้ไปเสียทุกเรื่อง เหมือนกับพี่ดงวานเปี๊ยบ นิสัยอย่างมันเหมาะจะเป็นนักข่าวมากกว่าดารา ค่าที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านไปทั่ว

    “ทำงานเป็นโอเปอเรเตอร์...นี่ก็คงเข้างานตอนบ่ายล่ะสิ เลยเลิกเสียดึก” ผมตอบอย่างคนที่ทำการบ้านมาดี  ข้อมูลของน้องเยจินถูกเมมโมรี่ไว้ในหัวของเซียนคอมพิวเตอร์อย่างผมเรียบร้อยแล้ว...

    “รู้ดีเชียวนะเว้ย...ทำอย่างกับเจอเขาแล้ว หน้าก็ยังไม่เคยเห็น” จอนจินแซวเพราะมันรู้ว่าผมไม่เคยเห็นหน้าน้องเยจินตัวเป็นๆเลย เคยเห็นแต่ในรูป เพื่อนผมสู่รู้จริงๆครับ..

    “เห็นแล้ววววว...นี่ๆ มีรูปโชว์ด้วย” ผมพยายามจะงัดเอารูปน้องเยจินในกระเป๋าสตางค์มาให้มันดูเป็นบุญตาอีกครั้ง

    จอนจินรีบยกมือห้ามผม หน้ามันเบื่อผมอย่างแรง  “หยุดเลยๆ...ไอ้รูปนั้นน่ะ ฉันดูมาเป็นร้อยหนแล้ว”

    “ว่าไงวะแอนดี้...ไปรับแทนฉันหน่อยสิ...” พี่โจยกมือคำนับผมประหลกๆ

    “ถ้าไม่ใช่น้องเยจิน ฉันไม่ไปนะเนี่ย...” ผมรับคำอย่างไว้เชิงบ้าง...

    จอนจินเบ้ปากใส่ผม ไอ้นี่มันวอนให้ผมกระทืบจริงๆ “ฉันไปรับให้เอง เบื่อไอ้คนวางฟอร์ม”

    “จะฟ้องแฟนแก...” เฮ๊อะ...ลองไปรับแทนผมดูสิ ผมจะป่วนให้แฟนมันโกรธมันชนิดที่ว่าง้อสามอาทิตย์ยังไม่หายงอนเลย...คอยดูสิ

    “ฟ้องเลย เบอร์โทรศัพท์แฟนฉัน แกก็ไม่มี เธ่อ...ทำปากดี” จอนจินหัวเราะเยาะเย้ยผม...มันวอนตายอีกแล้วครับท่าน แล้วผมจะทำให้มันรู้ ว่ามันกำลังจะเล่นกับไฟอยู่...หึ หึ หึ...

     “แอนดี้นะ...รบกวนหน่อยสิ ขอเบอร์มูจีหน่อย...”

    ผมพูดได้เท่านั้นแหละครับ จอนจินก็กระชากโทรศัพท์ของผมมากดปิดเครื่อง  “ไอ้คนนิสัยเสีย...ฉันจะฆ่าแก”

    “อย่าเพิ่งฆ่ามัน...ให้มันตายตามธรรมชาติเถอะ หรืออย่างน้อยๆ คืนนี้ให้มันไปรับเยจินก่อนนะ” พี่โจบีบแขนจอนจินอย่างเอาอกเอาใจ พยายามปลอบประโลมให้หายโมโห...

    “ไปดีกว่า...คืนนี้มีนัดกับน้องเยจิน ไม่อยากอยู่ที่นี่นาน เบื่อคนขี้หึง” ผมดึงโทรศัพท์กลับคืนมาจากจอนจิน...แล้วก็ชิงออกจากห้องซ้อมไปเสียก่อนที่มันจะฆ่าผม

    ตลอดทางที่ขับรถกลับบ้าน....สมองของผมล่องลอยไปถึงน้องเยจินผู้งดงาม น้องเยจินที่เปรียบเหมือนเจ้าหญิงของผม...คืนนี้ผมจะทำให้เธอประทับใจในตัวผมอย่างไม่รู้ลืมเลย...


    ^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^



    พรายน้ำบนหน้าปัดนาฬิกาบอกเวลาหกทุ่มแล้วครับ...ผมขับรถมาจอดรอเธอที่หน้าบริษัท ตั้งแต่ห้าทุ่ม ตื่นเต้นซะไม่มีเลยครับ ทุกครั้งที่ผมจีบใครก็ไม่เคยตื่นเต้นขนาดนี้ ก็มีน้องเยจินนี่แหละเป็นคนแรก...

    วันนี้ผมงัดเอาเสื้อตัวโปรดมาใส่เพื่อเอาเคล็ด เสื้อตัวนี้ พี่มินอูซื้อมาให้ครับ ใส่ทีไร จีบสาวติดทุกราย...งานนี้เพื่อน้องเยจิน ผมก็เลยงัดเอามันมาใส่อีกครั้ง เผื่อสิ่งที่มองไม่เห็นตัว ท่านจะดลใจให้น้องเค้าสนใจผมบ้าง...ผมเปิดลิ้นชักตรงคอนโซลรถ แล้วหยิบหวีออกมา ผมต้องจัดการตัวเองให้เนี๊ยบที่สุด เพื่อให้น้องเค้าประทับใจผมตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ คนหล่อก็มีภาษีดีตรงนี้ล่ะครับ มีหน้าตาเป็นอาวุธ...
       
    หกทุ่มสิบนาที พนักงานกว่าร้อยที่เพิ่งเลิกงาน เริ่มทยอยเดินออกมาจากบริษัทครับ...ผมเขม้นมองหาเธอจากในรถ...มาแล้วครับ เธอเดินออกมาแล้ว...
       
    ฮานเยจินตัวเป็นๆสวยกว่าในรูปมากมาย...โอย!!! ผมตกหลุมรักน้องเค้าจนปีนขึ้นไปไม่ได้แล้วครับ หัวใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะ ยิ่งเห็นเธอหัวเราะกับเพื่อนๆ และส่งจูบโบกไม้โบกมือลาเพื่อนๆ ผมก็ยิ่งทุรนทุราย อยากจะไปคว้าเอาจูบที่เธอส่งไปมาเก็บไว้เสียเอง....

    อ๊ากกกกก...คนอะไรก็ไม่รู้น่ารักที่สุดเลย... จจบ. จจบ.
       
    เพื่อไม่ให้เสียแผนที่ผมวางเอาไว้ ผม รีบก้าวลงจากรถ เป็นช่วงจังหวะเดียวกับที่เธอหยิบI-pod จากกระเป๋ามาฟัง...ผมเดินตรงไปหาเธอ แต่เธอกลับเดินหนีผมไปอีกทางหนึ่ง  ผมเรียกเธอ แล้วก็เก็กหน้าหล่อ...

    “เยจิน....” เอ่อ...ไม่ได้ผลครับ ผมคงเรียกเธอเบาไป
       
    “เยจิน...เยจิน...” ผมเปล่งเสียงดังขึ้นอีกนิด แต่น้องเค้าก็ยังคงไม่ได้ยิน...น้องเยจินครับ ฟังเพลงเสียงดังมากๆ ไม่ดีต่อสุขภาพเยื่อแก้วหู กระดูกรูปค้อน รูปทั่ง รูปโกลน นะครับ
       
    น้องเยจินไม่สนใจผมเลยครับ เธอยังเดินเรื่อยๆ...จนผมต้องเดินแกมวิ่งเพื่อให้ทันเธอ วิ่งมากๆไม่ได้ครับ เดี๋ยวไปหอบต่อหน้าเธอ เสียบุคลิคแย่...
       
    แล้วผมก็ตามเธอทันตรงมุมซอกตึกพอดี...ผมปั้นหน้าหล่อ แล้วค่อยๆเอื้อมมือไปแตะน้องเยจิน ผมพยายามทำเสียงให้นุ่ม ทุ้ม ชวนประทับใจ...
       
    “น้องครับ...”
       
    เท่านั้นแหละครับ...น้องเธอก็มาเป็นชุดๆ...
       
    เริ่มจากหมัดลุ่นๆ ตรงเบ้าตา อีกครั้งที่ปาก หมัดไม่มีรูทิ่มตรงจมูกผม...ตามด้วยศอกมาทีท้องจนผมตัวงอ พอผมก้มตัวเพราะความจุก แม่คุณก็จับผมเหวี่ยงทุ่มไปที่พื้น...ยังไม่พอครับ มือของเธอจิกหัวผมโขกกับพื้นอีกสองสามที... เธอบิดมือของผมไปไขว้หลังครับ แล้วนั่งทับอยู่ตรงหลังของผม แล้วเธอก็บรรจงงับลงไปที่แขนผม งับอย่างชนิดที่ว่า กัดจมเขี้ยวเลยล่ะครับ ผมได้แต่ครางอึกอัก  ร้องระบายความเจ็บไม่ได้ ไม่ใช่เพราะกลัวเสียหน้านะครับ แต่เพราะเข่าของเธอกดต้นคอผมอยู่ งับอยู่หลายรอยเหมือนกันเลยนะครับ แล้วเธอก็ลุกขึ้นจากตัวผม ไม่คาดฝันครับ เธอฝากลูกเตะพิฆาตอัดมาที่ท้องผมราวกับผมเป็นลูกฟุตบอล ประมาณสี่ห้าทีเห็นจะได้...แล้วความรุนแรงเคลื่อนผ่านออกจากตัวผม เมื่อสภาพของผมในตอนนี้รุ่งริ่งอย่างกับผ้าขี้ริ้ว...
       
    เธอเงียบไปครับ เธอคงหนีไปแล้ว ผมพยายามเบิกตามองอย่างยากลำบาก และแล้ว ผมก็เห็นครับ...องค์เทพีผู้งดงาม ยืนถือกระถางต้นไม้อยู่ ถ้าผมเดาไม่ผิดเธอกำลังจะทุ่มมันมาที่ผม...วินาทีที่ผมรอคอยด้วยความหวาดหวั่นกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้...
       
    เสียงร้องของผู้ชายดังขึ้น เสียงนั้นทำให้ผมดีใจสุดๆ ความรู้สึกรอดตายราวกับปาฏิหาริย์ ผมรู้ซึ้งแล้วครับ...”หยุดๆ...นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ”
       
    ครับ...เธอคงหยุดทุ่มผมด้วยกระถางต้นไม้แล้ว ผมรอดตายแล้วใช่มั๊ยครับ ผมควรดีใจได้แล้วใช่มั๊ยครับที่ศึกชิงเจ้าสังเวียนได้สิ้นสุดลงแล้ว...แต่ว่า มันไม่เป็นอย่างที่ผมวาดหวัง...
       
    กระถางต้นไม้จากมือองค์เทพีลอยละลิ่วลงมาที่หัวผม...เสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินก็คือ
       
    “จับไอ้โจรบ้ากามเลยค่ะคุณตำรวจ”
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×