ลำดับตอนที่ #2
ตั้งค่าการอ่าน
ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Echo & Narcissus
เอคโค่กับนาร์ซิสซัส
(ตำนานต้นนาร์ซิสซัส)
Echo and Narcissus
เอคโค่เป็นนางไม้แสนงาม แต่นางเป็นคนที่ช่างพูดในประเภทที่ว่าหากเลี้ยง
นกแก้วนกขุนทองเอาไว้ มันจะต้องกัดลิ้นตายแน่
แม้ผู้อื่นจะรำคาญที่นางพูดมากเช่นนี้ แต่ก็ไม่มีใครทำอะไร จนกระทั่งวันหนึ่ง
มีประชุมเหล่านางไม้และนางพราย ซึ่งเทวีเฮร่า(ในภาษาโรมันเรียกจูโน)เจ้าแม่แห่งสรวงสวรรค์เป็นประธาน
....เป็นไปตามที่ทุกคนคาด นางไม้เอคโค่เล่นจ้อเสียคนเดียวโดยไม่เว้นช่องไฟให้ใครได้พูดเลย แม้กระทั่ง
ตัวเฮร่าเองก็หาจังหวะจะแทรกไม่ได้ ทำให้เฮร่าทั้งโกรธทั้งรำคาญความเป็นนกแก้วนกขุนทองยังอายของนาง
เทพีแห่งสรวงสวรรค์จึงร่ายคำสาปใส่เอคโค่ ให้นางพูดสิ่งใดไม่ได้นอกจากคอยพูดตามคำสุดท้ายของประโยค
ที่ผู้อื่นพูด
เอคโค่อับอายมากที่ต้องคอยพูดเพียงคำท้ายประโยคของผู้อื่น และถูกล้อเลียนจนไม่เข้า
ประชุมหรือสมาคมกับใครอีกเลย ซึ่งบรรดานางไม้นางพรายทั้งหลายก็สุดแสนจะดีใจไม่เป็นทุกข์ร้อนที่นางหาย
หน้าไป (ยังรำคาญอยู่เหมือนกัน ที่มีเอคโค่มาคอยพูดตามท้ายประโยคทุกคำ)
กล่าวถึงชายหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งนามว่านาร์ซิสซัส เป็นผู้ชอบท่องไปตามป่าเขาลำเนาไพร
นาร์ซิสซัสถือเป็นชายหนุ่มที่งามที่สุดในยุคนั้นทีเดียว ทำให้มีหญิงสาวมาหลงรักมากมายตามตื๊อจนแทบไม่เป็นอัน
กินอันนอน เขาจึงตัดสินใจมาอยู่ในป่าเพื่อตัดความรำคาญ แต่ไม่วายมีเหล่านางไม้นางพรายมาหลงใหลได้ปลื้มอีก
โดยเฉพาะเอคโค่นั้นหลงรักนาร์ซิสซัสจนตามติดทุกฝีก้าวแบบไปไหนไปกัน นาร์ซิสซัสออกปากไล่ก็ยังไม่ยอมไป
ซ้ำยังทำหน้าใสซื่อทวนคำท้ายประโยคของเขาอีก ทำให้ชายหนุ่มปลงๆขี้เกียจตอแยด้วย และปล่อยให้นางไม้ผู้นี้
ติดตามต่อไปตามใจนาง
นาร์ซิสซัสไม่เพียงแต่ไม่ใยดีบรรดาหญิงสาวนางไม้นางพรายที่หลงรักเขา ซ้ำยังดูแคลนความรัก
ของพวกนางอีกด้วย ว่าเป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระและน่าเบื่อสิ้นดี เรื่องนี้ร้อนถึงเทวีอะโฟรไดที (วีนัสในโรมัน)
เทพีแห่งความรัก นางเห็นว่าการที่หนุ่มรูปงามเช่นนาร์ซิสซัสไม่มีความรักนั้นเป็นความผิดอย่างร้ายแรงอยู่แล้ว
(ในความคิดของนางเอง) และยังมาดูแคลนความรักอีก รวมกันแล้วเป็นความผิดอย่างอภัยให้ไม่ได้ จึงสาปให้นาร์ซิส-
ซัสหลงรักเงาตนเอง
ฝ่ายนาร์ซิสซัสรูปงามนั้นไม่รู้เรื่องอะไรเลยว่าตัวเองโดนอะโฟรไดทีสาปเข้าเต็มๆ เมื่อเดินทางมาถึง
ลำธารใสสะอาดก็ก้มลงหวังจะวักน้ำล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น แต่พลันสายตาของเขาก็ไปสบกับดวงตาของชายหนุ่มที่
รูปงามที่สุดเท่าที่เขาจะจินตนาการได้ นาร์ซิสซัสยิ้มให้ชายหนุ่มซึ่งเขาก็ยิ้มตอบมาด้วยรอยยิ้มละไมเช่นกัน ความรัก
นั้นก็บังเกิดขึ้นเต็มใจของนาร์ซิสซัส เขายื่นแขนออกไปหมายจะโอบกอดชายรูปงามเบื้องหน้า แต่ทว่าเมื่อมือของเขา
สัมผัสกับผิวน้ำ ภาพชายหนุ่มก็หายไปและกลับคืนมาเมื่อน้ำเรียบสงบดังเดิม
ผลจากคำสาปทำให้นาร์ซิสซัสเฝ้ามองชายในน้ำโดยไม่รู้ว่าเป็นเงาของตน เขาไม่ยอมกินยอมนอนและคอย
จะโอบกอดชายรูปงามที่เขาแสนรักอีก แต่ผลก็เป็นเหมือนเดิม
จนในที่สุด หนุ่มรูปงามผู้นี้ก็สิ้นใจลงข้างลำธารนั่นเอง ร่างของเขากลายเป็นดอกไม้ที่งดงามริมน้ำ ราวกับว่า
คอยชะโงกดูเงาของตน และเพื่อเป็นการไว้อาลัยต่อชายหนุ่มผู้งดงาม จึงเรียกดอกไม้นี้ว่า นาร์ซิสซัส (Narcissus ,
ดอกจะมีขนาดใหญ่ ลำต้นแข็งตั้งตรง ขึ้นอยู่ตามริมน้ำ ซึ่งในภาษาจีนเรียกว่า”จุ๊ยเซียน” และต่อมาก็เกิดคำเรียกผู้ที่หลง
ใหลตนเอง บูชาตนเองว่าNacissism)
ส่วนนางไม้เอคโค่นั้น เสียใจเป็นอย่างยิ่งในการจากไปของนาร์ซิสซัส และไม่มีใครเห็นนางอีกเลย มีเพียงเสียง
ของนางที่คอยก้องสะท้อนคำสุดท้ายของผู้คนตามป่าเขาและถ้ำเท่านั้นที่บ่งบอกว่านางยังคงอยู่ เป็นที่มาของศัพท์คำว่า echo
ในภาษาอังกฤษซึ่งแปลว่า เสียงก้อง เสียงสะท้อน
…………………………………………………………………………………………
หากท่านไม่เคยรัก
อาจเลือกเรียนรู้ หรือ หนีห่าง
สุดแต่ทางที่ตัวท่านนั้นปรารถนา
ตามเสียงที่หัวใจนั้นเรียกมา
ให้ตามหารักล้ำค่า หรือ หลีกไกล
ค่าแห่งรักนั้นหาควรดูหมิ่นไม่
รักจะคงอยู่ทั่วไปตราบชั่วกาล
A power of love is greatest.
by
Angelos.
(ตำนานต้นนาร์ซิสซัส)
Echo and Narcissus
เอคโค่เป็นนางไม้แสนงาม แต่นางเป็นคนที่ช่างพูดในประเภทที่ว่าหากเลี้ยง
นกแก้วนกขุนทองเอาไว้ มันจะต้องกัดลิ้นตายแน่
แม้ผู้อื่นจะรำคาญที่นางพูดมากเช่นนี้ แต่ก็ไม่มีใครทำอะไร จนกระทั่งวันหนึ่ง
มีประชุมเหล่านางไม้และนางพราย ซึ่งเทวีเฮร่า(ในภาษาโรมันเรียกจูโน)เจ้าแม่แห่งสรวงสวรรค์เป็นประธาน
....เป็นไปตามที่ทุกคนคาด นางไม้เอคโค่เล่นจ้อเสียคนเดียวโดยไม่เว้นช่องไฟให้ใครได้พูดเลย แม้กระทั่ง
ตัวเฮร่าเองก็หาจังหวะจะแทรกไม่ได้ ทำให้เฮร่าทั้งโกรธทั้งรำคาญความเป็นนกแก้วนกขุนทองยังอายของนาง
เทพีแห่งสรวงสวรรค์จึงร่ายคำสาปใส่เอคโค่ ให้นางพูดสิ่งใดไม่ได้นอกจากคอยพูดตามคำสุดท้ายของประโยค
ที่ผู้อื่นพูด
เอคโค่อับอายมากที่ต้องคอยพูดเพียงคำท้ายประโยคของผู้อื่น และถูกล้อเลียนจนไม่เข้า
ประชุมหรือสมาคมกับใครอีกเลย ซึ่งบรรดานางไม้นางพรายทั้งหลายก็สุดแสนจะดีใจไม่เป็นทุกข์ร้อนที่นางหาย
หน้าไป (ยังรำคาญอยู่เหมือนกัน ที่มีเอคโค่มาคอยพูดตามท้ายประโยคทุกคำ)
กล่าวถึงชายหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งนามว่านาร์ซิสซัส เป็นผู้ชอบท่องไปตามป่าเขาลำเนาไพร
นาร์ซิสซัสถือเป็นชายหนุ่มที่งามที่สุดในยุคนั้นทีเดียว ทำให้มีหญิงสาวมาหลงรักมากมายตามตื๊อจนแทบไม่เป็นอัน
กินอันนอน เขาจึงตัดสินใจมาอยู่ในป่าเพื่อตัดความรำคาญ แต่ไม่วายมีเหล่านางไม้นางพรายมาหลงใหลได้ปลื้มอีก
โดยเฉพาะเอคโค่นั้นหลงรักนาร์ซิสซัสจนตามติดทุกฝีก้าวแบบไปไหนไปกัน นาร์ซิสซัสออกปากไล่ก็ยังไม่ยอมไป
ซ้ำยังทำหน้าใสซื่อทวนคำท้ายประโยคของเขาอีก ทำให้ชายหนุ่มปลงๆขี้เกียจตอแยด้วย และปล่อยให้นางไม้ผู้นี้
ติดตามต่อไปตามใจนาง
นาร์ซิสซัสไม่เพียงแต่ไม่ใยดีบรรดาหญิงสาวนางไม้นางพรายที่หลงรักเขา ซ้ำยังดูแคลนความรัก
ของพวกนางอีกด้วย ว่าเป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระและน่าเบื่อสิ้นดี เรื่องนี้ร้อนถึงเทวีอะโฟรไดที (วีนัสในโรมัน)
เทพีแห่งความรัก นางเห็นว่าการที่หนุ่มรูปงามเช่นนาร์ซิสซัสไม่มีความรักนั้นเป็นความผิดอย่างร้ายแรงอยู่แล้ว
(ในความคิดของนางเอง) และยังมาดูแคลนความรักอีก รวมกันแล้วเป็นความผิดอย่างอภัยให้ไม่ได้ จึงสาปให้นาร์ซิส-
ซัสหลงรักเงาตนเอง
ฝ่ายนาร์ซิสซัสรูปงามนั้นไม่รู้เรื่องอะไรเลยว่าตัวเองโดนอะโฟรไดทีสาปเข้าเต็มๆ เมื่อเดินทางมาถึง
ลำธารใสสะอาดก็ก้มลงหวังจะวักน้ำล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น แต่พลันสายตาของเขาก็ไปสบกับดวงตาของชายหนุ่มที่
รูปงามที่สุดเท่าที่เขาจะจินตนาการได้ นาร์ซิสซัสยิ้มให้ชายหนุ่มซึ่งเขาก็ยิ้มตอบมาด้วยรอยยิ้มละไมเช่นกัน ความรัก
นั้นก็บังเกิดขึ้นเต็มใจของนาร์ซิสซัส เขายื่นแขนออกไปหมายจะโอบกอดชายรูปงามเบื้องหน้า แต่ทว่าเมื่อมือของเขา
สัมผัสกับผิวน้ำ ภาพชายหนุ่มก็หายไปและกลับคืนมาเมื่อน้ำเรียบสงบดังเดิม
ผลจากคำสาปทำให้นาร์ซิสซัสเฝ้ามองชายในน้ำโดยไม่รู้ว่าเป็นเงาของตน เขาไม่ยอมกินยอมนอนและคอย
จะโอบกอดชายรูปงามที่เขาแสนรักอีก แต่ผลก็เป็นเหมือนเดิม
จนในที่สุด หนุ่มรูปงามผู้นี้ก็สิ้นใจลงข้างลำธารนั่นเอง ร่างของเขากลายเป็นดอกไม้ที่งดงามริมน้ำ ราวกับว่า
คอยชะโงกดูเงาของตน และเพื่อเป็นการไว้อาลัยต่อชายหนุ่มผู้งดงาม จึงเรียกดอกไม้นี้ว่า นาร์ซิสซัส (Narcissus ,
ดอกจะมีขนาดใหญ่ ลำต้นแข็งตั้งตรง ขึ้นอยู่ตามริมน้ำ ซึ่งในภาษาจีนเรียกว่า”จุ๊ยเซียน” และต่อมาก็เกิดคำเรียกผู้ที่หลง
ใหลตนเอง บูชาตนเองว่าNacissism)
ส่วนนางไม้เอคโค่นั้น เสียใจเป็นอย่างยิ่งในการจากไปของนาร์ซิสซัส และไม่มีใครเห็นนางอีกเลย มีเพียงเสียง
ของนางที่คอยก้องสะท้อนคำสุดท้ายของผู้คนตามป่าเขาและถ้ำเท่านั้นที่บ่งบอกว่านางยังคงอยู่ เป็นที่มาของศัพท์คำว่า echo
ในภาษาอังกฤษซึ่งแปลว่า เสียงก้อง เสียงสะท้อน
…………………………………………………………………………………………
หากท่านไม่เคยรัก
อาจเลือกเรียนรู้ หรือ หนีห่าง
สุดแต่ทางที่ตัวท่านนั้นปรารถนา
ตามเสียงที่หัวใจนั้นเรียกมา
ให้ตามหารักล้ำค่า หรือ หลีกไกล
ค่าแห่งรักนั้นหาควรดูหมิ่นไม่
รักจะคงอยู่ทั่วไปตราบชั่วกาล
A power of love is greatest.
by
Angelos.
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
กำลังโหลด...
ความคิดเห็น