ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    • ฟอนต์ THSarabunNew
    • ฟอนต์ Sarabun
    • ฟอนต์ Mali
    • ฟอนต์ Trirong
    • ฟอนต์ Maitree
    • ฟอนต์ Taviraj
    • ฟอนต์ Kodchasan
    • ฟอนต์ ChakraPetch
Like summer : ข้างห้อง(หัวใจ)

ลำดับตอนที่ #2 : เพื่อน(บ้าน)ใหม่

  • อัปเดตล่าสุด 25 มี.ค. 68


โถงกว้างกลางตึกคณะวันนี้คราคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย เกือบเก้าสิบเปอร์เซ็นเป็นเด็กมัธยมปลายหน้าใส ผู้แบกความหวังของตัวเองและครอบครัว กำลังสำคัญของประเทศชาติในอนาคต

ผมอ่านสคริปในมืออยู่หลังเวที หน้าที่ในวันนี้คือพี่วิทยากรให้ความรู้กับน้องๆที่สนใจในคณะทันตแพทยศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมตัวให้สอบติด จนถึงการเรียนในคณะ

แต่ว่านะ หนึ่งสิ่งที่ผมไม่เข้าใจคือการให้นักศึกษาปีสองอย่างพวกเรามาแนะนำการเรียนทั้งหกปี แล้วมันจะไปอินไซต์เข้มข้นเข้าถึงซิกเนเจอร์เลเยอร์คัสตอมของชีวิตพี่ปีสูงได้ยังไง

ปีที่แล้วยังเรียนไบโอเคม(biochemistry) ออเคม(organic chemistry) วิทยาศาสตร์พื้นฐานของทันตแพทย์ วิชาเสรีจีน ญี่ปุ่นอยู่เลย 

ถ้าให้ตอบว่าปีที่ผ่านมาผมได้อะไรจากการเรียนมากที่สุด ก็คงจะเป็น

Suimasen. Ghibli museum ikiwa doredesuka? ขอโทษนะครับ ถ้าผมจะไปจิบบลิ มิวเซียมต้องไปป้ายไหนครับ อะไรทำนองนี้

"มาร์ชเดี๋ยวสแตนบายเลยนะ"

"ครับผม" 

ไม่นานนัก ก็เป็นคิวผมที่ต้องขึ้นไปรันงานต่อพร้อมกับเพื่อนวิทยากรอีกสองคน 

การดำเนินงานเป็นไปได้ด้วยดี ผมกับเพื่อนวิทยากรร่วมงานกันได้เข้าขา เรียกเสียงเฮฮาจากน้องๆได้ไม่น้อย 

"ถามพี่มาร์ชนะครับ อะไรคือแรงบันดาลใจให้พี่เลือกเรียนทันตะ"

ถามอะไรยากแท้ ต่อหน้าเด็กมัธยม คนล่าฝันก็ต้องแบบว่า

"อย่างแรกเลยอาชีพหมอฟันเป็นอาชีพที่มีเกียรติครับ พี่เองตอนเด็กมีลุงหมอฟันใจดีคอยทำฟันให้ตลอด พอโตมาหน่อยก็ได้จัดฟัน ทำแล้วรู้สึกหล่อขึ้นเยอะ"

น้องๆ หัวเราะกันเกรียว

"นั่นแหละครับ พี่เลยรู้สึกว่าอาชีพนี้มันเท่ ได้ทั้งการรักษา คือช่วยคนเจ็บป่วยจากปัญหาทางช่องปาก แล้วก็ได้ทั้งความสวยงาม คือช่วยให้หลายๆ คนมั่นใจในตัวเองมากขึ้น มีไม่กี่อาชีพที่จะทำอะไรแบบนี้ได้ พี่เลยเลือกคณะนี้ครับ"

"เอาล่ะ ทราบแรงบันดาลใจแล้ว เรามารู้วิธีการเตรียมตัวสอบเข้าและทริคในการอ่านหนังสือของพี่หมอมาร์ชกันดีกว่า"

แอบเห็นคำตอบของเพื่อนๆ มา เขาเตรียมกันกันตั้งแต่มัธยมปีสี่ เก็บเนื้อหาล่วงหน้ามาเรื่อยๆ ตั้งใจในห้องเรียน และเรียนเสริมนอกชั้นเรียน เพื่อให้ได้เทคนิคพิเศษ อ่านหนังสือและทำโจทย์อย่างต่ำให้ได้วันละสองชั่วโมง เก็บเนื้อหาให้แม่น เรียนคอร์สสรุปอีกหนึ่งรอบ เหลือเวลาแปดเดือนไว้ทำโจทย์ และอีกมากมาย

ส่วนผมน่ะเหรอ

"สำหรับตัวพี่เองก็เน้นเรียนพิเศษนอกชั้นเรียน เพราะจะรู้สึกมีสมาธิมากกว่า ในช่วงสุดสัปดาห์ก็จะอุทิศตนให้กับสถาบันสอนพิเศษเลย ตารางเวลาก็จะชัดเจน ว่าเริ่มกี่โมง จบกี่โมง วันไหนเรียนวิชาอะไรบ้าง และทำโจทย์ทุกครั้งหลังจบบทเรียนนั้นๆ โดยจะเน้นที่วิชาคำนวณและท่องจำอย่างพวกคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ส่วนวิชาที่เหลือก็จะอ่านเอง ส่วนตัวเป็นคนชอบดูหนังอยู่แล้วก็จะใช้วิธีนี้เรียนรู้ภาษาอังกฤษไปในตัวครับ"

ทั้งหมดนั้นมีความจริงอยู่ยี่สิบเปอร์เซ็น ถ้าจะเอาให้ละเอียดคือผมไม่ตั้งใจเรียนในห้องเพราะชอบแอบเล่นเกม จันทร์ถึงศุกร์เรียนเสร็จก็กลับบ้าน เล่นเกม ดูหนัง หรือไม่ก็ซีรีย์เจ๋งๆสักเรื่อง 

เลยต้องพึ่งพาสถาบันเรียนพิเศษในวันหยุดแทน

เตรียมตัวอะไรก็ไม่ได้นานนมเหมือนเพื่อน เพิ่งจะมาจริงจังเอาก็ข่วงมัธยมปีที่หก เพราะเพิ่งกลับจากแลกเปลี่ยนพอดี

อ้อ เพราะผมได้ทุนไปแลกเปลี่ยนต่างประเทศหนึ่งปี ภาษาอังกฤษเลยมีภาษีดีกว่าคนอื่นนิดหน่อย 

ผมไม่ได้มีวิธีอะไรมากมาย แต่ก็พยายามตอบให้น้องที่ตั้งใจมาได้ประโยชน์มากที่สุด

ถ้าตอบความจริงไปแล้วเจ้าพวกนี้ดันทำตามจริงๆขึ้นมาล่ะก็ได้ชิบหายกันพอดี

ผมเองส่วนหนึ่งคงจะเป็นดวงด้วยที่ได้เรียนคณะนี้ ก็แพชชั่นมันแรงกล้ามาตั้งแต่สี่ขวบนี่เนอะ

พาร์ทของวิทยากรใกล้จะจบลง เราจึงเปิดโอกาสให้น้องที่มีข้อสงสัยได้ถามกันเล็กน้อย

และก็มีเด็กคนหนึ่งยกมือขึ้นมากลางฝูงชน

"ครับ น้องคนนั้นถามได้เลย"

"ขอถามพี่มาร์ชนะครับ"

ผมเหรอ ผมเนี่ยนะ ผมชี้ที่ตัวเองอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

"ได้ครับ" 

ไม่ใช่เสียงผม ผมไม่ได้พูด ไอ้พิธีกรมันตอบแทนโดยไม่ถามความสมัครใจเจ้าตัวเลยด้วยซ้ำ 

ถ้าคำถามยากขึ้นมาจะเอาปัญญาที่ไหนไปตอบให้มันดูดีได้ ผมทำได้แค่ส่งสายตาคาดโทษไอ้พิธีกร แล้วปั้นหน้ายิ้มรอคำตอบประหนึ่งมิสยูนิเวิร์สรอบไฟนอล

"พี่มาร์ชมีแฟนหรือยังครับ"

จบประโยคคำถาม ทุกสิ่งรอบตัวเงียบไปชั่วครู่ ก่อนที่คนเกือบทั้งลานจะโห่แซวกันยกใหญ่

แอบเห็นน้องผู้หญิงแถวหน้าเขินแทนผมไปแล้วทั้งแถบ

ก็เพราะไอ้คนถามมันเป็นผู้ชายเนี่ยสิ

"เอ่อ ยังไม่มีครับ"

ผมตอบไปตามความจริง 

และนั่นก็ยิ่งทำให้เสียงโห่ร้องดังขึ้นไปอีกเท่าตัว น้องผู้หญิงแถวหน้าแทบจะทึ้งผมตัวเอง บิดตัวด้วยความเขินอาย แทบจะกรีดร้องออกมา

ผมพยายามมองหาคนถาม แล้วก็พบว่า เด็กคนนี้มันไม่ได้ใส่ชุดนักเรียน แต่เป็นชุดนักศึกษา

มันเนียนมาจากไหน!



ผมกลับมานั่งยืดแข้งยืดขารอเพื่อนบนโซฟาตัวยาวที่ห้องพักนักศึกษาของคณะ 

แล้วก็ต้องได้ยินเสียงแสลงหู

"โถๆๆ พี่หมอมาร์ช เดี๋ยวนี้เสน่ห์แรงไม่ใช่เล่นเลย"

โต๋เพื่อนสนิทที่ได้มาตั้งแต่วันปฐมนิเทศ ส่งเสียงนำมาตั้งแต่หน้าประตูห้องพัก

มันจับคางผมเหมือนเวลาที่หมั่นเขี้ยวหมาตัวหนึ่ง

 หลังจากจบงานเราทุกคนต้องมาร่วมกันประชุมเพื่อรีแคปดีเทล ข้อผิดพลาด สรุปโครงการทุกอย่างเพื่อส่งต่อให้รุ่นน้องปีถัดไป

"ข่าวไวเหมือนกันนะคุณ"

"แหม่ ดูนี่ ในเอ็กซ์ถ้ากดเข้าไปที่แฮชแท็กงานนอกจากทันตะหล่อบอกต่อด้วย ก็จะเจอหน้าแกกับแท็กพี่หมอตัวร้ายกับนายนิรนาม เต็มไปหมด"

โต๋ยื่นโทรศัพท์ให้ผมดู ถึงในคลิปที่น้องเขาถ่ายหน้าผมจะดูเด๋ออยู่บ้าง แต่ก็ขอชมตัวเองว่าหน้าตาขึ้นกล้องพอสมควร

"แล้วทำไมผมถึงเป็นพี่หมอตัวร้ายวะเนี่ย"

"เขาบอกว่าแกเล่นกับใจเด็กสาว"

"เล่นยังไงวะ" ผมยังไม่ค่อยเข้าใจ ว่าแต่ "อยากรู้ว่าไอ้นายนิรนามนี่มันเป็นใคร"

"แกไม่เห็นหน้ามันหรือไง"

"ไม่เห็น ยืนตั้งไกลแถมวันนี้ดันลืมใส่คอนแทคเลนส์"

"เลื่อนๆหาในนี้เดี๋ยวก็เจอเองแหละ"

พูดไม่พอ ยังทำหน้าที่เพื่อนที่ดีส่องแท็กใส่ใจอีกด้วย

ใช้เวลาไม่นานก็ได้ความ

"เจอล่ะ แต่ว่านี่มันนักศึกษามหาลัยเรานี่หว่า ใส่ไทด์แบบนี้ปีหนึ่งแน่นอน"

นั่นไงล่ะ ผมดูไม่ผิดจริงๆด้วย

"แกรู้จักไหม"

โต๋ยื่นรูปนายนิรนามให้ผมดู ผมได้แต่ส่ายหัว

"ไม่รู้ว่ะ แม่งปั่นหรือป่าว"

"เขาจะทำทำไมวะ ไม่ใช่เด็กคณะเราด้วย"

จุดประสงค์เดียวของนายนิรนามที่พอจะคิดออกก็คือ

"กวนตีน"

"กูเหรอ" โต๋เปลี่ยนสรรพนามทันที ผมได้แต่ถอนหายใจกับความบื้อของเพื่อน

"มันสิวะ ผมจะด่าคุณทำไมล่ะครับ มึงนี่"

"จะผม คุณ หรือมึง กู เลือกมาสักอย่างสิ"

"ไม่รู้แล้วโว้ย" 

ผมยอมแพ้ แย่งถุงขนมมันฝรั่งทอดที่โต๋ถือไว้มากินแก้กลุ้ม 

"เอาจริง นายนิรนามอะไรนี่ก็หน้าตาดีเหมือนกันนะ"

"ใส่แว่นหน่อยไหมเพื่อน" ได้ยินเพื่อนชมมันก็อยากจะเบ้ปาก กลุ้มหนักยิ่งกว่าเดิม

"ไม่ว่ะ ไม่ได้สายตาสั้น"

"งั้นก็จีบมันซะเลยดีไหม" ผมประชดเพราะหมั่นไว้ ชมมันซะได้ไม่ไว้หน้าเพื่อนเลย

"หึงเหรอ ไม่เอาน่า แกก็รู้นี่ว่าฉันชอบแบบขาวๆ ตัวบางๆ สูงประมาณไหล่ ใส่รีเทนเนอร์ เหมือนแกนี่ไง"

พูดไม่พอ มันยังยื่นแขนยาวๆมาโอบคอผมไว้ ซึ่งผมก็สะบัดออกโดยไม่ลังเล

"ขนลุกไอ้เวร"

โต๋หัวเราะ มุกนี้มันเล่นตั้งแต่ปีหนึ่งจนชิน เริ่มเพราะมีรุ่นพี่ต่างคณะที่บังเอิญเรียนเสรีวิชาเดียวมาติดพันมันอยู่เป็นเดือน 

ปฏิเสธเท่าไร ก็ไม่ยอมลดละ แถมยังรุกหนักกว่าเดิม ผมที่นั่งข้างกันเลยตกเป็น(แฟนปลอมๆ)ของมันโดยปริยาย

คิดย้อนกลับไปยังอี๋ วันนั้นพี่เขามาพูดอะไรก็ไม่รู้กับโต๋อยู่พักนึง ผมไม่ได้สนใจเพราะมัวแต่เล่นเกม อยู่ๆมันก็ดึงมือผมขึ้นไปกุมแล้วบอกว่า 

'พอเถอะครับ ผมไม่อยากให้แฟนไม่สบายใจไปมากกว่านี้ เขาไม่อยากให้ใครรู้ว่าเราคบกัน แต่ผมคงต้องบอกพี่ เพราะแฟนผมอึดอัดมานานแล้ว'

ผมงง ทำได้แค่ส่งยิ้มเจื่อน ที่เพื่อนเข้าถึงบทบาทได้รวดเร็วขนาดนี้ แถมอิมโพรไวส์บทได้แบบเข้าปาก ประหนึ่งเจ้าของรางวัลสุพรรณหงส์สาขานักแสดงสมบทชาย

ตั้งแต่นั้นมาทุกคาบที่เรียนด้วยกันพี่คนนั่นก็มองผมด้วยสายตาแปลกๆ 

จากนั้นมันก็จะใช้มุกนี้กวนประสาทผมอยู่เสมอ

การประชุมใช้เวลาเกือบสามชั่วโมง แล้วก็ปิดจบกิจกรรมใหญ่ที่พวกเราเตรียมการกันมาหลายเดือนด้วยดี 

หลายคนชวนกันไปเลี้ยงฉลองให้กันความสำเร็จ แต่ผมเหนื่อยเกินกว่าจะลากสังขารไปต่อ จึงขอตัวกลับห้องมานอน

ไฟทางเดินค่อนข้างสลัว หลอดไฟที่ชำรุดยังไม่ได้รับการซ่อมแซมถึงแม้ผมจะแจ้งนิติคอนโดไปแล้วก็ตาม

ในหัวของผมนึกถึงฉากหลอนในหนังสยองขวัญหลายเรื่องที่เคยดูมา

ถ้าจิตอ่อนสักหน่อย คงระแวงว่าจะมีประตูสักบานเปิดออกมา 

ใช่เปิดออกมาจากห้องข้างห้องของผมซึ่งไม่มีคนอยู่ ตามบทมันจะมีสิ่งที่ผมหวังว่ามันจะมีชีวิตยืนทำอะไรลับๆล่อๆที่หน้าประตูห้อง เหมือนตอนนี้

"เชี่ย!"

ไอ้นั่นมันหันขวับมาทางผม แล้วแสยะยิ้ม

"สวัสดีครับ"

หัวใจหล่นวูบไปอยู่ที่ส้นเท้า เข้าใจความรู้สึกว่าขนหัวลุกก็วันนี้

"นั่นคนเหรอ"

"ผมดูหล่อจนเหมือนไม่ใช่คนเลยเหรอครับ" 

มันเดินเข้ามาใกล้ ในขณะที่ผมเดินเลี่ยงเรียบทางเดินอีกฝั่งอย่างกล้าๆกลัวๆ แล้วยื่นถุงอะไรก็ไม่รู้มาให้ 

"ผมมาแนะนำตัวครับ เพิ่งย้ายมาอยู่ห้องข้างๆ ถ้าเผลอทำอะไรรบกวน ต้องขอโทษล่วงหน้าด้วยนะครับ"

ยิ้มกว้างๆในทางเดินที่ไฟสลัวแบบนี้ มันน่ากลัวเกินกว่าจะรู้สึกดีไหม

"ครับ" แต่ผมก็รับมันไว้โดยดี แล้วรีบควานหาคีย์การ์ดแตะประตูห้อง 

ยัง ยังไม่กลับห้องไปอีก 

ผมรีบเปิดประตูเดินเข้าห้อง ตามมารยาทผมคงต้องขอบคุณสำหรับของในถุงนี้ จึงหยุดฝีเท้าหันกลับไป

"ขอบคุณครับ"

แต่เมื่อได้มองหน้ามันชัดๆ ใบหน้าในคลิปใต้แฮชแท็กพี่หมอตัวร้ายกับนายนิรนามนั่นก็รีรันในสมอง

ผมรีบปิดประตูลงทันที

เพราะมันคือนายนิรนาม









สวัสดีค่า ถ้าถูกใจนายนิรนามขอฝากให้กำลังใจด้วยนะคะ เป็นดารกลับมาปัดฝุ่นการเขียนของตัวเองในรอบหลายปี หวังว่าจะถูกใจใครสักคนบ้างน้า 

ติดตามเรื่องนี้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน

ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...
×
แทรกรูปจากแกลเลอรี่ - Dek-D.com
L o a d i n g . . .
x
เรียงตาม:
ใหม่ล่าสุด
ใหม่ล่าสุด
เก่าที่สุด
ที่กำหนดไว้
*การลบรูปจาก Gallery จะส่งผลให้ภาพที่เคยถูกนำไปใช้ถูกลบไปด้วย

< Back
แทรกรูปโดย URL
กรุณาใส่ URL ที่ขึ้นต้นด้วย
http:// หรือ https://
กำลังโหลด...
ไม่สามารถโหลดรูปภาพนี้ได้
*เมื่อแทรกรูปเป็นการยืนยันว่ารูปที่ใช้เป็นของตัวเอง หรือได้รับอนุญาตจากเจ้าของ และลงเครดิตเจ้าของรูปแล้วเท่านั้น
< Back
สร้างโฟลเดอร์ใหม่
< Back
ครอปรูปภาพ
Picture
px
px
ครอปรูปภาพ
Picture