ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Sunshine 2
กอดของเราเริ่มต้นด้วยกอดรัก
แต่ก็จบลงด้วยกอดลา
จังหวัดมิยางิ
“อืม…ไปทางนี้รึเปล่านะ” สิ้นเสียงสองขาเรียวเดินตรงไปตามทางเดินที่ไม่คุ้นเคยไปตามแผนที่ในมือของตัวเอง
ชิราคิอิน คามิโยะ ตอนนี้ได้มาเยือนยังจังหวัดมิยางิด้วยตัวคนเดียวครั้งแรก นัยน์ตาสวยสอดส่องซ้ายขวาไปทั่ว สำรวจพื้นที่ที่ไม่คุ้นเคย
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาต้องเดินทางมาจังหวัดมิยางิตัวคนเดียวโดยไม่มีคนขับรถให้
เขามาถึงที่มิยางิช่วงบ่ายเลยแวะเข้าคาเฟ่นั่งทานของว่างเสร็จก็มาเดินตามแผนที่อย่างในตอนนี้นี่แหละ ใจจริงเขาเองก็อยากจะไปหาเคย์ทันทีที่มาถึงมิยางิละนะ แต่ว่าเคย์ไปเข้าค่ายเก็บตัวอยู่จะได้เจอกันก็วันพรุ่งนี้นั้นแหละ
ตอนโทรคุยกันเคย์ยังดูดีใจอยู่เลยแต่พอรู้วันว่าคลาดเคลื่อนกันหนึ่งวันเสียงก็ดูบูดทันทีเลย เอ็นดูจนอยากบู้บี้แก้มเลย ถ้าไม่ติดว่าอยู่คนละที่คงทำไปแล้ว ซึ่งพรุ่งนี้เขาก็จะบู้บี้ได้แล้ว
แต่ตอนนี้เขาต้องหาป้ายรถเมล์ซะก่อน จากแผนที่เขาต้องเดินออกจากซอยนี้แล้วเลี้ยงซ้ายแล้วตรงไปประมาณสองร้อยเมตรสินะ
สองขาเรียวก้าวขาไปตามทางอย่างไม่เร่งรีบ กระเป๋าลากใบโตเองก็ถูกมือสวยลากตามไปจนเกิดเสียงจากล้อ ระหว่างทางก็สอดส่องจดจำพื้นที่แถวนี้ไปด้วยว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง วันหลังจะได้แวะมา
หูฟังสองข้างที่ใส่อยู่เปิดเพลงตลอดทางจนไม่ได้ยินเสียงของผู้คนรอบข้างที่คุยกันแต่อย่างใด อากาศเองก็ไม่ได้ร้อนจนทนไม่ไหว ออกจะมีลมพัดมาเรื่อยๆให้สดชื่นเสียด้วยซ้ำ และเพราะความสบายใจนี้ทำให้ระหว่างที่เดินอยู่นั้นคามิโยะก็ฮึมฮัมเพลงไปตลอดทาง
“อาเระๆ? วากะโทชิคุง~คุณผู้ชายคนนั้นน่ะ คุ้นๆเนอะ” เสียงยียวนจากชายผมแดงดังขึ้นจากฝั่งตรงข้างของถนนที่อยู่หน้าซอยที่คามิโยะอยู่ เท็นโด ซาโตริ มองคามิโยะที่กำลังเดินลากกระเป๋าลากอย่างสบายใจมองซ้ายมองขวาไปทั่วอย่างสนอกสนใจ
อุชิจิมะ วากะโทชิ มองตามเพื่อนผมแดงข้างกายไปว่าหมายถึงใครก่อนที่เขาจะเบิกตากว้าง ซึ่งเท็นโดก็สังเกตุเห็นทัน ความสงสัยผุดเข้ามาในหัวอีกครั้ง ตอนที่พึ่งรู้จักกันแรกๆจนถึงปัจจุบัน
ด้วยความที่เขาค่อนข้างเป็นคนไร้มารยาทบางครั้งก็ถามอะไรที่ไม่คิด แน่นอนว่าการที่วากะโทชิคนไม่พกมือถือเวลาถือมือถือขึ้นมาเพื่อดูอะไรสักอย่างบ่อยๆเหมือนรอข้อความเข้า เห็นหลายๆครั้งเขาก็อยากรู้บ้าง เลยชะโงกหน้าไปดูอย่างไร้มารยาท
สิ่งที่เขาเห็นคือวอลเปเปอร์ที่เป็นรูปของเด็กผู้ชายคนหนึ่งกำลังยิ้มสดใสจนตาปิดมาทางกล้อง เปิดรํ้วอลเปเปอร์ที่ยังไม่ได้แม้แต่จะเข้านหัสโทรศัพท์ด้วยซ้ำ ก็นะ เขามันคนขี้สงสัยอยู่แล้วก็เลยถามไปว่าใครทันที
และก็ด้วยความพูดน้อยแต่ก็ไม่ได้ปิดบัง วากะโทชิคุงก็เลยบอกมาว่า “คนที่รู้จักกันตั้งแต่เด็ก”
ซึ่งเขาไม่เข้าใจอะ หมายถึงน้องชายหรืออะไรยังไงแต่สุดท้ายเพราะเจ้าตัวตอบมาแบบนั้นก็เลยไม่ได้ถามต่อ หน้าตาเศร้าๆของคนหน้าเดียวที่เขาเคยเห็นมาตลอดทำเอาเขาคิดว่า เรื่องนี้เขาอาจจะไม่ควรเข้าไปก้าวก่ายมากไปกว่านี้
แต่ไวกว่าความคิด เท็นโดยที่กำลังพิจารณาชายฝั่งตรงข้ามของถนนที่ตัวเองเดินอยู่นั้น ชายหน้าเดียวอย่างวากะโทชิคุงที่ตอนแรกยืนอยู่ข้างกายเขาตอนนี้กลับกำลังเดินข้ามถนนไปฝั่งนั้นจนเขาต้องรีบวิ่งจามไป
หน้าตาตื่นๆรีบๆของวากะโทชิคุงทำเอาเขารู้สึงว่าเรื่องนี้มีค่าให้เข้าไปรับรู้แน่นอน
ในระหว่างที่กำลังฮึมฮัมเพลงและมองไปตามร้านค้าต่างๆอยู่นั้น อยู่ๆข้อมือของคามิโยะก็ถุูกใครบางคนเข้ามาจับเสียอย่างนั้น
ด้วยความตกใจทำให้คามิโยะรีบหันไปดูพร้อมกับดึงมือของตัวเองกลับมา แต่ก็ต้องเบิกตากว้างขึ้นทันที เพราะคนที่จับข้อมือเขาอยู่ เป็นคนที่เขาคุ้นหน้า และเป็นคนที่ไม่เคยหายไปจากความทรงจำของเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมา คนที่เขามักจะเห็นผ่านหน้านิตยสารกีฬาบ่อยๆ
“ทะ...โทชิ” ตอนนี้คามิโยะรู้สึกเหมือนเขาหาเสียงตัวเองไม่เจอ เขาไม่คิดเลยว่าเวลานี้เขาได้เจออีกฝ่ายได้ เวลานี้อีกฝ่ายควรจะอยู่ในโรงเรียนไม่ใช่หรอ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี้ได้กัน
“พี่” ปากที่คนตัวโตตรงหน้าที่เหมือนจะกำลังเรียกเขาด้วยเสียงทุ้มต่ำแต่หนักแน่นไม่เคยเปลี่ยนไปจากความทรงจำของคามิโยะดังขึ้นเรียกสติของเขา
แม้จะไม่ได้ยินเสียงเพราะใส่หูฟังแต่เขาก็พออ่านปากออก
คามิโยะยกมืออีกข้างที่เป็นอิสระขึ้นมาถอดหูฟังออก ริมฝีปากอมชมพูค่อยๆยกยิ้มบางขึ้นปิดบังความคิดในใจนับล้านที่ไม่สามารถพูดออกมาเป็นคำพูดได้ ก่อนจะเอ่ยทักทายคนตัวโตตรงหน้า ราวกับเป็นแค่คนรู้จักที่ไม่ได้เจอกันมานานเท่านั้น
แต่แน่ละ พวกเขารู้กันดีอยู่แก่ใจ ว่าตัวของพวกเขาไม่เคยมองอีกฝ่ายเป็นแค่คนรู้จัก ความสัมพันธ์ที่เคยขึ้นในอดีตเองก็ไม่เคยจางหายไปจนสามารถมากลบสิ่งที่เกิดขึ้นได้
“ไม่เจอกันนานเลยนะ วากะโทชิ” เสียงนุ่มที่ไร้การสั่นเครือ แต่ก็ไม่ได้เรียบนิ่งจนดูเย็นชา มันยังเป็นเสียงนุ่มที่ทำให้คนตัวโตที่ได้ฟังใจฟูเหมือนเดิม ที่ต่างจากเดิมคงเป็นความรู้สึกที่เขาเจ็บแปล็บที่หัวใจตอนที่ได้ยินเสียงของคนตรงหน้า
“เท็นโด นายกลับไปก่อนเลย เดี๋ยวตามไป” วากะโทชิหันไปบอกกับเท็นโดที่ยืนข้างๆตัวเองก่อนที่มือใหญ่ของเขาแย่งกระเป๋าลากจากมือคนตัวเล็กไปลากเอง ในขณะที่มืออีกข้างก็ยังจับมือคนตัวเองไม่ปล่อย และพาคนที่ตัวเองจับข้อมืออยู่เดินกลับไปทางเดิมที่คามิโยะพึ่งเดินผ่านมา
“พี่ กลับมาแล้วทำไมไม่บอก” วากะโทชิถามคนที่ตนกำลังจับมือพาไปตามทาง มือที่จับข้อมืออีกคนกระชับจับให้แน่นขึ้นแต่ไม่แรงจนทำให้อีกคนเจ็บ ตอนนี้วากะโทชิกำลังกลัว เขากลัวว่าถ้าหากเขาปล่อยมือนี้เมื่อไหร่ คนตรงหน้าจะหายไปอีก
ไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือตอนนี้ใครกันจะสามารถมองอารมณ์ของคนตัวโตคนนี้ได้ดีเท่าคามิโยะอีก เขารู้ว่าตอนนี้น้องกำลังรู้สึกยังไง เขารู้ว่าสิ่งที่น้อกลัวและหวังจะไม่ให้มันเกิดในตอนนี้คืออะไร
และเขาเองก็รู้…ว่าความกลัวพวกนั้นของน้องมันเกิดจากตัวเขาเอง
คามิโยะเม้มปากแน่น ขบคิดในใจอยู่หลายประโยคแต่สุดท้ายก็ผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆก่อนจะตอบวากะโทชิกลับไป
“ขอโทษนะ” ตอนนี้คามิโยะไม่แน่ใจเลยว่าควรพูดคำไหนกับน้อง แต่เขารู้แค่ว่าเขาอยากขอโทษที่ทำให้น้องรู้สึกแบบนี้
คำขอโทษของคนตัวเล็กทำเอาวากะโทชิชะงักหยุดเดินทันที ใบหน้าเรียบนิ่งจริงจังปกติที่เจ้าตัวมักทำ ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ใบหน้าเศร้าที่เหมือนจะร้องไห้นี้ของคนตัวโตทำเอาคามิโยะแทบจะปล่อยโฮไปอีกคน
“ผมไม่ได้พูดให้พี่ขอโทษ พี่ก็รู้” วากะโทชิว่าเสียงแผ่วอย่างที่ไม่เคยทำกับใครมาก่อนนอกจากคนตรงหน้า
ความคิดเห็น