คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เปิดตัว
“อาซ่งกี่ปีแล้วที่เจ้าไม่ได้มาพบปู่ชราเช่นข้านี้เลย พี่ชายเจ้ามาหาปู่คราวใดก็ไม่เห็นว่าเจ้าจะติดตามมาด้วยสักครั้ง”
“เรียนท่านปู่ หลานไปร่ำเรียนอยู่ในสำนักศึกษามา 4 ปี แทบจะกินนอนอยู่ในสำนักศึกษาเลยขอรับ แม้แต่ท่านพ่อกับท่านแม่ ข้าก็ไม่ได้พบพวกเขาบ่อยๆ เช่นกัน ยามนี้พี่ใหญ่จะเข้ารับราชการแล้วข้าจึงต้องออกมาดูแลร้านค้าของสกุลเซียวแทน นี่ก็เพิ่งจะกลับมาอยู่บ้านได้ไม่กี่วันเองขอรับ” เซียวซ่งอธิบาย
“ดีๆ กิจการของสกุลเซียวนับวันก็ยิ่งใหญ่โต พี่ชายเจ้าจากนี้ก็จะมีหน้ามีตาเชิดชูวงศ์ตระกูลได้ เจ้าเป็นน้องชายออกมาช่วยงานบิดาเจ้านั่นก็เหมาะสมแล้ว ตาเฒ่าอวี๋นั่นวาสนาดียิ่งนักมีบุตรชายกตัญญูรู้คุณ หลานชายก็เก่งกาจเอาการเอางาน ปู่ใหญ่เช่นข้าอิจฉาเขายิ่งนัก เสียดายก็แต่ข้าแย่งชิงเอาพวกเจ้ามาเป็นหลานชายของข้าไม่ได้เท่านั้นล่ะ” ผิงเก่อรำพัน เขามักจะแทนตัวเองว่าปู่ใหญ่กับหลานชายสองคนนี้เสมอ โดยนับให้เซียวอวี๋ที่อายุน้อยกว่าเป็นท่านปู่เล็กของหลานๆ
“ท่านปู่ใหญ่ ท่านลุงซีหวงให้คนมาเรียกข้าไปรู้จักกับผู้ใหญ่ทางด้านนอก ข้าต้องขอตัวก่อนขอรับ” เซียวซ่านหันกลับมาแจ้งกับผิงเก่อหลังจากที่บ่าวรับใช้ในจวนสกุลผิงมาแจ้งเรื่องกับเขา
เซียวซ่านร่ำเรียนและผ่านการสอบเข้ารับราชการเป็นขุนนางในเมืองหลวง แต่เนื่องจากเป็นการสอบผ่านในระดับมณฑลที่เพิ่งจะเริ่มก้าวเข้าเข้าสู่เส้นทางการเป็นขุนนาง ยังต้องรอการสอบครั้งใหญ่อีกครั้งเพื่อมีโอกาสจะได้รับตำแหน่งสำคัญในระดับสูงขึ้น แต่เขาเองก็ไม่ได้เป็นบัณฑิตที่โดดเด่นอันใดนัก ประกอบกับผิงซีหวงเข้ามาถามกับเซียวหยุนว่าหากต้องการให้เซียวซ่านเข้ารับราชการตำแหน่งเล็กๆ ในกรมคลัง สกุลผิงที่มีทั้งทรัพย์สินและเป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงขุนนางก็สามารถช่วยได้
สองพ่อลูกปรึกษากันเป็นส่วนตัวแล้วก็เห็นว่า แม้จะรอการสอบครั้งใหญ่อีกรอบ อันดับของเซียวซ่านก็คงไม่ดีไปว่ากว่านี้สักเท่าไร ไม่สู้เข้ารับตำแหน่งเจ้าหน้าที่ในกรมคลังที่ตนเองถนัดเรื่องการค้าและตัวเลขอยู่แล้ว จึงตอบรับความช่วยเหลือจากสกุลผิง
เมื่อความเห็นตรงกันทั้งสองสกุล ผิงซีหวงก็จัดการดำเนินการให้ทันที และในที่สุดเซียวซ่านก็ได้รับตำแหน่งเสมียนในกรมคลังและจะเข้ารับตำแหน่งเริ่มงานในอีก 1 เดือนข้างหน้า แม้จะมีตำแหน่งไม่สูงนักแต่ก็เป็นขุนนางขั้น 9 อีกทั้งเป็นงานที่เขาถนัดและไม่เสี่ยงอันตรายสักเท่าใดเซียวซ่านจึงพอใจกับตำแหน่งนี้เป็นที่สุด
“โอ นี่หรือหลานชายเซียวที่นายท่านผิงฝากฝังเอาไว้กับพวกเรา หล่อเหลาเอาการไม่เบาเลย ไม่รู้ว่าหลานชายอายุเท่าใดแล้ว ได้ตกแต่งภรรยาแล้วหรือยัง” เผยจิ้งหัวหน้ากองจัดเก็บภาษีลูบเคราเงยหน้ามองเซียวซ่านที่เดินเข้ามาคำนับเขาตามคำแนะนำของผิงซีหวง
“เรียนใต้เท้า ข้าน้อยเซียวซ่านอายุ 21 ปีแล้ว ข้าเห็นว่าตนเองยังมีหน้าที่การงานไม่มั่นคงจึงยังไม่ได้คิดเรื่องการแต่งงานมาก่อนขอรับ”
“บุรุษหนุ่มในวัยเช่นเจ้าน้อยนักที่เห็นหน้าที่การงานสำคัญกว่าเรื่องอิสตรี ดียิ่งนักหลานชายต่อไปก็มาหาข้าได้บ่อยๆ แม้ว่าจะอยู่คนละฝ่ายกัน แต่ก็อยู่ในกรมเดียวกันเจ้ามีอะไรข้าจะช่วยเหลือเอง” เผยจิ้งเอ่ยขึ้นมาด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม บ่งบอกว่านิยมชมชอบบุรุษหนุ่มผู้นี้อยู่ไม่น้อย
“นายท่านสกุลผิงเอ๋ย ข้าว่าครานี้เจ้าทำเรื่องขาดทุนแล้วล่ะ หากเจ้าพาหลานชายเซียวมาพบข้าเสียตั้งแต่แรก เจ้าก็ไม่ต้องเสียเงินทองมากมาย ไปติดค้างน้ำใจเจ้าหน้าที่กรมนั้นกรมนี้ให้วุ่นวายแล้ว ข้ารับเขาเข้ามาช่วยงานเองเสียก็จบ” เผยจิ้งเอ่ยปากล้อเลียนผิงซีหวง เขารู้ดีว่ามีขุนนางหน้าใหม่ที่อยากเข้ารับตำแหน่งภายในเมืองหลวงจำนวนมาก และสกุลผิงก็จ่ายไปไม่น้อยกับเจ้าหนุ่มเซียวซ่านผู้นี้
“หลานชายเซียวผู้นี้วิ่งเข้าออกสกุลผิงมาตั้งแต่เล็ก ข้าเห็นเขาเป็นเสมือนบุตรชายของข้าเอง ที่ส่งสินน้ำใจให้คนไปทั่วนั้นก็ถือเป็นการเปิดตัวเซียวซ่านให้ทุกคนได้รู้ว่าเขาเป็นคนของสกุลผิง พวกเขาจะได้เกรงอกเกรงใจหลานชายของข้าน่ะ เสียเท่าไรข้าก็ยอม” ผิงซีหวงเอ่ยตอบคำอย่างไม่ยี่หระราวกับเป็นผู้อาวุโสที่มีจิตใจกว้างขวาง
"ฮ่าๆๆ ดี!! สนับสนุนคนหนุ่มให้มีอนาคตที่ดี อย่างนี้ข้าก็จะออกตัวเป็นที่พึ่งให้เขาอีกแรงจะได้ไม่มีผู้ใดหาญกล้ามารังแกเขาให้วุ่นวายใจ"
นอกจากเผยจิ้งแล้ว ผิงซีห่าวยังพาเซียวซ่านไปคารวะยกน้ำชาให้กับขุนนางและกลุ่มพ่อค้าอีกหลายคน ราวกับว่างานเลี้ยงส่วนตัวในวันนี้ถูกจัดขึ้นเพื่อเป็นการแนะนำตัวบุตรชายคนโตสกุลเซียวโดยเฉพาะ
ทางด้านเซียวหยุนเองเขาก็กำลังตกอยู่ในสถานการณ์เช่นเดียวกับเซียวซ่านผู้เป็นบุตรชาย มีกลุ่มคนมากมายที่เข้ามาแสดงความยินดีกับเขาที่บุตรชายได้รับตำแหน่งหน้าที่สำคัญ และเขายังได้รู้ว่าสกุลผิงจ่ายเงินและของกำนัลไปไม่น้อยแลกกับโอกาสเข้ารับราชการของเซียวซ่าน
สองพ่อลูกแม้จะยังยิ้มแย้มพูดคุยกับแขกเหรื่อได้อย่างสบายอารมณ์ แต่เมื่อมีโอกาสได้สบตากัน ต่างก็เห็นร่องรอยของความหวั่นวิตกสะท้อนอยู่ในแววตาลึกๆ ซึ่งกันและกัน
เรือนลู่สุ่ย
“นายท่านหลานฮูหยินกับคุณหนูมาถึงแล้วขอรับ” พ่อบ้านลี่รีบเข้ามาแจ้งผิงเก่อ เมื่อเห็นหลานหย่วนเหอภรรยาเอกของผิงซีหวงเดินนำหน้าบุตรีตรงเข้ามาทางหน้าเรือน
“ถึงเวลาไปร่วมงานเลี้ยงแล้วกระมัง ข้ามัวแต่คุยกับอาซ่งเพลินไปหน่อยลืมเสียสนิทเลยว่าข้านัดกับเยว่เอ๋อร์เอาไว้" ผิงเก่อชะเง้อมองไปทางนอกประตูที่พ่อบ้านลี่ยังคงเปิดค้างเอาไว้ เพื่อมองหาหลานสาวตัวน้อย
เซียวซ่งได้ยินเสียงหัวเราะสดใสที่กำลังพูดคุยหยอกล้อเล่นตามทางเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ พลางพยายามค้นความทรงจำของตนเองเกี่ยวกับเจ้าของเสียงหัวเราะผู้นี้ เขาเคยพบกับนางเพียงสองครั้งเท่านั้น ครั้งแรกเป็นงานเลี้ยงฉลองครบเดือนของนาง ยามนั้นเขาเพิ่งจะอายุ 4 ขวบ และยังไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องของเด็กหญิงแรกเกิดผู้นั้น และอีกครั้งเมื่อครั้งที่เขามาเยี่ยมอาการป่วยของฮูหยินผู้เฒ่าเมื่อราว 4 ปีก่อน เวลานั้นนางอายุราว 8-9 ปีเท่านั้นและนางกำลังร้องไห้ไม่พอใจเรื่องอะไรบางอย่าง จนทำให้ท่านลุงซีหวงต้องให้บ่าวรีบอุ้มนางกลับไปที่เรือนเกรงว่าจะเป็นที่อับอายต่อหน้าผู้อื่น
โดยรวมแล้วเขาและนางต่างก็รู้จักซึ่งกันและกัน เขามาเที่ยวเล่นที่สกุลผิงบ่อยครั้ง แต่ก็มักจะมีเรื่องทำให้ไม่มีโอกาสได้พบหน้ากันกับผิงจินเยว่อย่างเป็นทางการเลยสักครั้ง มีเพียงพี่ชายเซียวซ่านที่ได้พบกับนางอยู่บ่อยๆ และมักจะมาเล่าให้มารดาของเขาฟังว่านางค่อนข้างเป็นเด็กหญิงที่เอาแต่ใจ แต่ทุกคนก็คิดว่าเป็นเรื่องปกติเพราะสกุลผิงมีนางเป็นหลานสาวเพียงผู้เดียว อนุภรรยาอีกสามคนของผิงซีหวงไม่มีผู้ใดตั้งครรภ์ได้เลยสักคน
"ท่านปู่!!" เสียงสดใสของเด็กสาวดังเข้ามาภายในเรือนน้ำค้างก่อนที่ร่างเล็กในชุดสีชมพูอ่อนจะวิ่งตามเข้ามา
เมื่อสายตาของเด็กสาวเหลือบไปเห็นว่าภายในห้องยังมีผู้อื่นอยู่ด้วยอีกหนึ่งคน นางก็ชะงักฝีเท้าที่กำลังจะวิ่งเข้ามาแล้วปรับเปลี่ยนกิริยาเป็นสงบเสงี่ยมขึ้นในทันใด
“ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าไม่ทราบว่าท่านปู่จะมีแขกอยู่ด้วย” ผิงจินเยว่ก้มหน้าก้มตาเดินเข้ามานั่งเคียงข้างชายชราก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆ อย่างรู้สึกผิด
“ใครอื่นที่ไหนกันเล่า นี่อาซ่งบุตรชายท่านอาหยุนของเจ้าเอง จำไม่ได้หรือไร” ผิงเก่อเอ่ยตำหนิเด็กสาวอย่างเอ็นดู
เมื่อได้ยินชื่อเซียวซ่งผิงจินเยว่ก็เงยหน้าขึ้นมามองบุรุษหนุ่มที่นั่งอยู่อีกฝั่งของท่านปู่อย่างสนใจ เมื่อก่อนนางเคยเห็นเขาวิ่งเล่นอยู่ภายในสวนดอกไม้บ้าง อยู่ในห้องหนังสือกับท่านปู่บ้าง มีหลายครั้งที่เขาและคุณชายใหญ่เซียวซ่านมาร่วมรับประทานอาหารกับบิดามารดาของนาง แต่นางไม่ชอบที่จะอยู่ร่วมกับสองพี่น้องสกุลเซียวคู่นี้สักเท่าใดนัก เพราะเมื่อพวกเขาอยู่ บิดามารดาของนางก็เอาแต่ชื่นชมสองพี่น้องให้นางฟัง ซ้ำยังตำหนินางที่ไม่ได้ความไม่เหมือนกับเซียวซ่านและเซียวซ่งผู้นี้ นางจึงมักจะหาเรื่องหลบหลีกที่จะเผชิญหน้ากับพวกเขาทั้งสองอยู่ตลอดเวลา มารดานางก็ไม่ได้ว่ากล่าวอันใดเพราะอย่างไรนางกับพวกเขาก็ไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน ชายหญิงไม่ใกล้ชิดกันเกินไปก็สมควรแล้ว
ความคิดเห็น