ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : การฝึก
เมื่อได้ยินคำสั่งของฉินหลง ทั้งห้าคนก็ไม่มีทางเลือก ไม่รอช้าพวกเขาก็รีบปีนหน้าผาขึ้นไปทันที แม้จะมีบางคนเกือบหล่นลงไปแต่ก็ได้คนที่เหลือช่วยเอาไว้ พวกเขาทั้งห้าต่างก็พยายามช่วยเหลือกัน จนสุดท้ายทั้งห้าก็สามารถปีนขึ้นมายังยอดเขาก่อนหกโมงเช้าได้สำเร็จ
เมื่อปีนขึ้นมาถึงด้านบน พวกเขาก็เห็นกระท่อมหลังเล็กๆตั้งอยู่ ทั้งห้าจึงรีบเดินตรงเข้าไปในนั้นโดยไม่คิดอะไร เมื่อเปิดประตูเข้ามา พวกเขาก็พบกับฉินหลงกำลังนั่งรออยู่ที่โต๊ะ ทั้งห้าจึงเดินไปผู้เป็นอาจารย์ ก่อนจะทำการคำนับ
“พวกข้ามาถึงแล้วขอรับ/เจ้าค่ะ!!!”
เมื่อเห็นว่าศิษย์ของตนทำสำเร็จ ฉินหลงก็ได้ลุกขึ้นยืนและยิ้มให้กับศิษย์ของตน จากนั้นเขาจึงได้นำอาหารออกมาวางไว้บนโต๊ะ ซึ่งเมื่อทั้งห้าคนเห็นอาหารตรงหน้า พวกเขาก็แทบจะเก็บอาการไม่อยู่ เพราะอาหารตรงหน้านั้นมันทั้งกลิ่นหอมและน่าอร่อย แถมยังมีส่วนผสมเป็นสมุนไพรและเนื้อสัตว์วิญญาณอีกด้วย ไม่รอช้าทั้งห้าคนก็รีบกินอาหารตรงหน้าด้วยความหิวโหยโดยไม่สนภาพลักษณ์ใดๆทั้งสิ้น
“จากนี้เป็นต้นไป ในทุกวันพวกเจ้าจะต้องปีนขึ้นมาบนยอดเขานี้เพื่อรับประทานอาหาร และเมื่อทานเสร็จ พวกเจ้าก็ต้องปีนลงไป แล้วไปรวมกันที่ลานกว้างในสำนักก่อนเก้าโมง เข้าใจมั้ย!!”ฉินหลง
“เข้าใจแล้วขอรับ/ค่ะ”ทั้งห้าคนตะโกนออกมาอย่างพร้อมเพียง
“ดีมาก งั้นเชิญทานได้ตามสบายได้เลย”เมื่อฉินหลงพูดจบ ทั้งห้าคนก็รีบกินอาหารอย่างเร่งรีบ และในระหว่างที่ทั้งห้าคนกำลังทานอยู่นั้น ฉินหลงก็ได้กล่าวขึ้นมาว่า
“ข้าจะไปรอพวกเจ้าที่ลานกว้าง พวกเจ้าเองก็รีบตามซะ อย่าลืมที่ข้าบอกล่ะ ห้ามใช้วิญญาณยุทธ์และพลังวิญญาณ”ฉินหลงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังจนทำให้ทั้งห้ารู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก ซึ่งเมื่อทั้งห้าคนทานอาหารเสร็จ พวกเขาก็ปีนลงเขาด้วยความเร่งรีบ
“นี่พวกเราคิดถูกรึเปล่าเนี่ยที่มาขอเป็นศิษย์”หลินเย่วพูดออกมา
“ถ้ามันทำให้ข้าแข็งแกร่งแบบเขาได้ ไม่ว่าอะไรข้าก็จะทำทั้งนั้นแหละ”ถังเฉินพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“เอาล่ะ มาแข่งกันเถอะว่าใครลงไปถึงข้างล่างก่อน!!”ถังเฉินหันไปพูดกับทั้งสี่ก่อนจะทำเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิด นั้นก็คือการกระโดดลงไป และเหยียบตามชั้นหินที่ยื่นออกมาเล็กน้อย
“แกทำบ้าอะไรฟะ!!! อยากตายรึไง!!!!”เฉียนเต้าหลิวที่เป็นเพื่อนสนิทกับถังเฉินได้ตะโกนออกมาด้วยความเป็นห่วง แต่ไม่วายที่เจ้าตัวจะกระโดดตามลงไป
ทั้งสามคนที่เห็นแบบนั้น พวกเขาก็ไม่เอาด้วยกับทั้งสอง ยิ่งหนิงเฟยที่เป็นสายสนับสนุนที่ไม่ได้ฝึกร่างกาย แค่เธอปีนขึ้นปีนลงเธอก็รู้สึกเหมือนจะตายอยู่แล้ว ส่วนอีกสองคนนั้นพวกเขาแค่ยังไม่อยากตายเร็วก็เท่านั้น
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ทั้งสามคนก็ลงมาถึงด้านล่าง และก็พบว่าสองคนที่กระโดดลงมาก่อน พวกเขายังอยู่ดี เมื่อลงมาครบแล้ว ทั้งห้าจึงเดินกลับไปที่สำนัก
เมื่อมาถึง พวกเขาก็พบกับฉินหลงที่กำลังนอนอ่านหนังสืออย่างสบายใจอยู่ เมื่อเห็นศิษย์มาครบแล้ว ฉินหลงก็ปิดหนังสือในมือของตนและหยิบของบางอย่างออกมาจากแหวนมิติ ซึ่งนั่นก็คือเม็ดโอสถสีแดงมีที่ลวดลายมังกรสีทอง
“นี่คือโอสถชำระวิญญาณ มันจะช่วยขับของเสียภายในร่างกายออกและยังช่วยทำให้พลังวิญญาณบริสุทธิ์ขึ้นอีกด้วย แถมมันยังช่วยยกระดับกระดูกและพลังจิตด้วย พวกเจ้ารีบกินและดูดซับมันซะ”ฉินหลง
หลังจากฟังผู้เป็นอาจารย์อธิบายคุณสมบัติของโอสถเสร็จ พวกเขาก็ตกใจเป็นอย่างมาก เพราะโอสถนี้เคยถูกนำมาประมูลเมื่อห้าปีก่อน และมันยังมีราคาที่สูงมาก และราคาที่ปิดประมูลไปในแต่ละรอบก็คือ 90,000,000 - 100,000,000 ล้านเหรีญภูติทองต่อหนึ่งเม็ด แถมมันยังถูกนำมาประมูลแค่ปีละครั้ง จึงทำให้ราคาของโอสถชนิดนี้ยิ่งสูงขึ้นมาก จนกระทั้งเมื่อสองปีก่อน โอสถนี้ก็ไม่เคยถูกนำมาประมูลอีกเลย
“อ..อาจารย์ อะ..โอสถนี่มัน?”ฉินเยว่พูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ซึ่งตระกูลของเธอเคยพยายามประมูลซื้อโอสถชนิดนี้ แต่เพราะสู้ราคาไม่ไหวจึงทำให้ตระกูลของเธอนั้นยอมแพ้ไป แต่เธอก็ไม่คาดคิดว่าอาจารย์ของเธอจะมอบโอสถนี้ให้ง่ายๆราวกับเป็นของไร้ค่า
“ก็บอกไปแล้วไงว่าเป็นโอสถชำระวิญญาณ”ฉินหลง
“มะ..ไม่ใช่แบบนั้นขอรับ ทะ..ท่านไปเอาโอสถนี่มาจากไหนกันขอรับ?”เฉียนเต้าหลิวก็พูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
เพราะสำนักของเขาเองก็เคยประมูลมันมาเพื่อให้เขานั้นดูดซับ และด้วยราคามหาโหดจึงทำให้สำนักของเขาเสียทุนในการพัฒนาสำนักไปจำนวนมาก แต่มันก็คุ้มค่าเพราะหลังจากที่เขาดูดซับโอสถ มันก็ทำให้ระดับพลังวิญญาณของเขาเพิ่มขึ้นจากระดับ26เป็นระดับ30ในทันที และมันยังทำให้เขาดูดซับวงแหวนเกินมาตฐานได้อีกด้วย เมื่อดูดซับวงแหวนเสร็จ พลังวิญญาณของเขาก็เพิ่มเป็นระดับ34ในทันที
“อ๋อ โอสถนี่ข้าปรุงมันเอง เจ้ามีอะไรรึเปล่า?”ฉินหลงพูดด้วยท่าทีไม่ทุกร้อน
“งะ..งั้นคนที่เอาโอสถนี่มาประมูลเมื่อห้าปีก่อนก็คือท่านเหรอเจ้าค่ะ?”หนิงเฟยพูด
เพราะตระกูลของเธอเองก็เป็นหนึ่งในตระกูลที่ประมูลโอสถนี้มาด้วยราคาร้อยล้านเหรียญภูติทอง แต่ว่าโอสถนั้นเธอไม่ได้เป็นคนดูดซับมัน คนที่ดูดซับมันคือพี่ชายของเธอซึ่งเป็นคนที่ถูกวางตัวไว้เป็นผู้นำสำนักในอนาคต แต่ทว่าเธอเองก็ไม่คาดคิดว่าชีวิตนี้เธอจะได้มีโอกาสได้ดูดซับมัน
“ใช่ ตอนนั้นข้ารวยเละเลยล่ะ ไม่คิดว่าราคามันจะพุ่งสูงถึงขนาดนั้น”ฉินหลงพูดด้วยรอยยิ้ม
“โห โอสถนี่มันล้ำค่าขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย?”ถังเฉินพูดด้วยความสนใจ
ถังเฉินนั้นมาจากตระกูลเล็กๆที่เพิ่งรวมกันเป็นตระกูลได้ไม่นาน จึงทำให้ตระกูลของเขาไม่มีเส้นสายและเงินทุนมากถึงขนาดเข้าร่วมงานประมูล เพราะเงินทุนส่วนใหญ่ถูกนำเอาไปพัฒนาตระกูล
“หึ! คนโง่อย่างเจ้าไม่รู้คุณค่ามันหรอก”เฉียนเต้าหลิวพูดเหน็บแนม
“หา!! ว่าไงนะไอนกเวรนี่!!”
“ข้าเป็นทูตสวรรค์เฟ้ยไม่ใช่นก ไอก้อนเหล็กงี่เง่านี่!!”
“ค้อนโว้ย!! ไม่ใช่ก้อนเหล็ก!!!”
โป๊ก!!!
“หุบปากแล้วรีบกินโอสถซะไอเด็กเวร!!!”ฉินหลงพูดด้วยความหงุดหงิด
ฉินหลงที่ขี้เกียจฟังเสียงทะเลาะของเด็กเขาก็ได้เขกหัวถังเฉินและเซียนเต้าหลิวไป จากนั้นเขาก็ไล่ให้ทั้งห้าคนแยกย้ายกันไปดูดซับโอสถ
ทั้งห้าคนจึงเลือกที่จะไม่ถามอะไร และรีบไปหาสถานที่สงบในสำนักดูดซับโอสถในทันที
จบ.
ยังไม่ได้ตรวจคำผิด
4ความคิดเห็น