คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Golden Cage
Chapter 2
A golden cage is still a cage.
(กรงนกสีทองอันนั้น ก็ยังคงเป็นกรงนกอยู่ดี)
ร่างเล็กเดินไปตามทางเดินภายในปราสาทของวาเรีย การตกแต่งโทนยุโรปหรูหรา ผ้าม่านสีแดงมีลวดลายถักทออย่างดี พรมบนทางเดินที่ทอดยาวเป็นผืนเดียวกัน ของตกแต่งทั้งหมดในปราสาทนี้รวมกันแล้วคงซื้อปราสาทได้อีกหลายหลังเลยทีเดียว
ขาของเธอก้าวเดินช้าๆ ดวงตาสีคาราเมลสังเกตของตกแต่งรายทางไปด้วย เอาจริงก็นับว่าน่าตื่นตาตื่นใจไม่น้อย ไม่คิดว่าทั้งชีวิตนี้จะมีโอกาสได้มาพักอยู่ในปราสาทที่หรูหราขนาดนี้ เคียวโกะเพลิดเพลินกับบรรยากาศที่น่าตื่นตาภายในปราสาทจนไม่ทันรู้ตัวว่าเธอเดินมาถึงห้องอาหารแล้ว
เธอนึกถึงคำที่พ่อบ้านบอกไว้ว่า ‘ทุกคน’ มาถึงแล้ว
‘ทุกคน’ ในวาเรียที่เธอพอจะนึกออก ความทรงจำของเธอช่วงศึกชิงแหวนที่พอจะมีโอกาสได้เห็นหน้าค่าตาพวกเขาบ้าง นอกจากนั้นแล้วเธอก็ไม่ได้เจอกับพวกเขาเลยตรงๆ ในความคิดของเคียวโกะพวกเขาล้วนดูเป็นพวกหัวรุนแรง เอาแน่เอานอนไม่ได้ นอกจากนี้วาเรียที่ได้ชื่อว่าเป็นหน่วยลอบสังหารที่เก่งกาจที่สุดของวองโกเล่ ชื่อเสียงนี้รวมกับภาพจำของเธอ ทำให้เธอพะว้าพะวงอย่างมากที่จะเปิดประตูตรงหน้าเข้าไป
‘อยากให้คุณเบียงกี้อยู่ด้วยจัง’
ในหัวนึกถึงหญิงสาวผมสีม่วงอ่อน พี่สาวคนดีที่เธอพึ่งพาได้เสมอ ถ้าหากเบียงกี้อยู่ด้วยในตอนนี้เธอคงจะไม่กังวลขนาดนี้ สาวน้อยวัยยี่สิบปีเริ่มรู้สึกผิดกับตัวเองที่คิดจะพึ่งพาคนอื่นอีกครั้ง
เสียงดังจากภายในห้องลอดผ่านประตูบานใหญ่ออกมา
“ไหนบอกว่าผู้หญิงของวองโกเล่จะมาไง นี่ยังไม่เห็นมาเลย เจ้าชายรอจนหิวจะตายแล้วเนี่ย…”
สรรพนามแบบนี้ ถ้าเธอจำไม่ผิดน่าจะเป็น ‘เบลเฟกอล’ ที่เคยต่อสู้กับโกคุเดระสินะ
“เดี๋ยวก็คงมาแล้วล่ะ ฉันให้พ่อบ้านไปตามแล้ว”
ประโยคกับเสียงที่เธอไม่คุ้นเคยเท่าไร แต่ระดับเสียงที่ดังกว่าผู้พูดคนแรก คนที่จะพูดจาเสียงดังขนาดนี้ ในหัวเธอก็เหลืออยู่ไม่กี่คน
“บอสครับ เราไม่จำเป็นต้องรอผู้หญิงคนนั้นหรอกนะครับ”
เสียงที่เธอไม่คุ้นเคยเช่นกัน แต่จากประโยคที่ดูนอบน้อมกับคนที่ได้ชื่อว่า ‘บอส’ เธอก็ตัดหัวหน้าของวาเรียออกไปได้คนหนึ่งล่ะนะ
“จริงๆพวกเรากินกันก่อนเลยไหมฮ้า น้องสาวของเจ้านั่นคงไม่เรื่องมากหรอกนะฮ้า เจ๊ว่า…”
คำพูดเป็นเอกลักษณ์แบบนี้ก็เดาได้ไม่ยากว่าเป็นใคร ‘ลูซซูเรีย’ ที่เคยต่อสู้กับพี่ชายของเธอนั่นเอง
เคียวโกะสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเพื่อรวบรวมสติ มือเล็กเอื้อมไปเปิดประตูบานใหญ่ตรงหน้า
แอ๊ดดดด
แววตาสีคาราเมลของเธอเบิกกว้างทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า อาหารที่ถูกจัดแต่งบนจานอย่างดีนับไม่ถ้วนถูกวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะตัวใหญ่ โต๊ะที่มีคนนั่งอยู่เพียง 5 คนเท่านั้น
เธอมองไปที่หัวโต๊ะก่อนจะสบเข้ากับแววตาสีแดงเพลิง ความกลัวถาโถมเข้ามาในใจทันที แต่ถึงแบบนั้นเธอก็ไม่อาจละสายตาไปได้ แววตาสีแดงนั้นจ้องมาทางเธอราวกับจะสะกดเหยื่อตรงหน้าไว้ก่อนจะฉีกเป็นชิ้นๆ มือเล็กสองข้างของเธอเย็นวาบทันที
“บอสอย่าจ้องแบบนั้นสิ เจ้าหญิงของวองโกเล่ทำอะไรไม่ถูกแล้วเห็นไหม… ชิชิชิ”
ประโยคจากเบลเฟกอลที่เธอไม่มั่นใจว่าตั้งใจจะช่วยเธอจากแววตากินเลือดกินเนื้อนั้น หรือตั้งใจจะดูถูกเธอกันแน่ แต่ถึงแบบนั้นประโยคของชายหนุ่มผมสีทองที่ยาวบดบังดวงตานั้น ก็ทำให้เธอมีสติขึ้นเล็กน้อย
มือเล็กใช้เล็บจิกฝ่ามือของตัวเอง ให้ความเจ็บปวดช่วยดึงสติไว้ ก่อนจะค่อยๆยิ้มออกมา
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะทุกคน ขอโทษนะคะที่มาช้า ทุกคนคงจะหิวแย่แล้ว”
เสียงใสกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มประหม่า
“รู้ไหมว่าทำให้เจ้าชายต้องหิวโซขนาดนี้เนี่ย ความผิดถึงตายเลยน้า…”
เสียงยียวนของชายผมทองยังคงกดดันเธอต่อไป เคียวโกะมองไปทางผู้พูด เส้นผมที่บดบังดวงตาอยู่ทำให้เธอเดาอารมณ์ของเขาไม่ออก แต่ในทางกลับกันก็ทำให้เธอรู้สึกกดดันน้อยลงด้วย
ความตื่นตกใจลดลง น้ำเสียงของเธอจึงเรียบขึ้นกว่าประโยคก่อนหน้า
“คุณเบลเฟกอล ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ”
ประโยคที่คิดไม่ถึง นั่นทำให้เบลเฟกอลที่ยิ้มกว้างอยู่หุบยิ้มลงทันที่ ก่อนที่จะคลี่ยิ้มจนเห็นฟันกว้างอีกครั้ง ชายหนุ่มที่แทนตัวเองด้วยสรรพนามหรูหราหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ บรรยากาศในห้องเปลี่ยนไปทันที
“ชิชิชิ สมกับเป็นว่าที่ภรรยาของวองโกเลรุ่นที่ 10 จริงๆ”
ถึงประโยคจะยังมีความเสียดสีอยู่บ้าง แต่น้ำเสียงและเจตนาก็ดูต่างไปจากเมื่อครู่ เคียวโกะจึงค่อยๆเดินไปที่เก้าอี้ว่างอีกฝั่งของหัวโต๊ะ ตำแหน่งตรงข้ามกับเจ้าของดวงตาสีแดงที่เธอสบก่อนหน้า
“เห้ยยย พ่อบ้านหายหัวไปไหนวะ คนเขาจะเริ่มกินกันแล้วเนี่ย”
เสียงโวยวายของชายหนุ่มผมสีเงินดังขึ้นตามหาตัวพ่อบ้านที่หายไป ไม่นานคนที่ถูกตามหาก็เดินเข้ามาภายในห้องอาหาร อันโตนิโอเข็นรถเสิร์ฟคันเล็กเข้ามา มือที่สวมถุงมืออย่างดีหยิบเหยือกน้ำขึ้นมา ก่อนจะเดินไปทางหัวหน้าใหญ่ของวาเรียเพื่อรินน้ำให้เป็นคนแรก
ทันทีที่น้ำเปล่าถูกรินลงไปในแก้วทรงสูง มือใหญ่ของซันซัสก็ปัดแก้วตกทิ้งทันที
เพล้ง!
ความเงียบเข้าปกคลุมทั่วห้องทันที เคียวโกะที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดทำอะไรไม่ถูก เธอทำได้แค่นั่งนิ่งๆอยู่ตรงนั้น คอยสังเกตสถานการณ์ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นต่อไป
ดวงตาของหญิงสาวเหลือบมองสีหน้าของสมาชิกวาเรียคนอื่นๆ สีหน้าที่แฝงความตกใจไว้มากพอจนเธอสังเกตได้ เธอสรุปในใจทันทีว่าซันซัสน่าจะโกรธจนกระทั่งสมาชิกคนอื่นไม่กล้าขัดอะไร
“ฉันไม่กินน้ำเปล่า…”
เสียงที่ไม่จำเป็นต้องตะโกนออกมา แต่ดังมากพอที่จะทำให้ทั้งห้องตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา แววตาสีแดงเพลิงมองไปทางพ่อบ้านด้วยความหงุดหงิด
สิ่งที่ทำให้เคียวโกะแปลกใจกว่าคือ สีหน้าของพ่อบ้านที่ไม่เปลี่ยนไปเลย เหตุการณ์เมื่อครู่ไม่ทำให้เขารู้สึกกลัวบ้างเลยหรอ เธอเริ่มสัมผัสได้ว่าพ่อบ้านคนนี้ต้องมีอะไรบางอย่างที่ไม่ธรรมดาแน่ๆ
“เป็นคำสั่งของรุ่นที่เก้าครับ… ท่านซันซัส”
คำพูดอ่อนน้อมจากปากของอันโตนิโอ ทำให้ซันซัสที่หงุดหงิดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หงุดหงิดมากขึ้นไปอีก ร่างสูงเกือบสองเมตรลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที ความสูงเตะตาที่เคียวโกะเพิ่งรับรู้ได้ ในใจสงสัยว่าชายคนนี้สูงเท่าไรกันนะ
แกร้ง!
เสียงของรถเสิร์ฟที่ถูกเตะโดยชายร่างสูงชนเข้ากับกำแพงภายในห้อง บรรยากาศในห้องเงียบสนิทอีกครั้ง เคียวโกะสังเกตเห็นสมาชิกวาเรียบางคนแอบยิ้มขำกับเหตุการณ์ตรงหน้า แน่นอนว่าจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเบลเฟกอลที่ไม่เคยกลัวความตายนั่นเอง
สีหน้าของสควอโล่ก็ดูเอือมระอามากกว่าเกรงกลัว ลูซซูเรียเองก็แอบยิ้มมุมปากเล็กๆ จะมีก็แต่ชายผมดำที่เธอเดาว่าน่าจะเป็น ‘เลวี่ อาแทน’ ที่ดูเคร่งเครียดกับเหตุการณ์ตรงหน้าหน่อย
“ปัญหาที่พวกสวะนั่นจัดการไม่ได้ ทุเรศเป็นบ้า…”
คำสบถที่ออกจากปากของซันซัส ทำให้เคียวโกะตกใจทันที
‘ปัญหา’ ที่ว่า… หมายถึงเรื่องของเธอรึเปล่านะ
ปัง!
เสียงปิดประตูดังขึ้นเรียกสติทุกคนในห้อง ไม่มีวี่แววของชายหนุ่มแววตาเกรี้ยวกราดคนนั้นอีกแล้ว บรรยากาศในห้องที่วังเวงเมื่อครู่ ค่อยๆแปรเปลี่ยนกลายเป็นเสียงหัวเราะของเบลเฟกอลแทน
“ชิชิ ดูท่าบอสจะอารมณ์เสียสุดๆเลยแฮะ”
คำพูดของคนที่ไม่เคยกลัวตายกล่าวออกมาอย่างลอยหน้าลอยตา เคียวโกะที่ยังปรับตัวไม่ทันกับบรรยากาศตรงหน้าได้แต่นั่งนิ่งๆ มองไปที่ชายหนุ่มผมทองคนนั้น
------------------------------------------
------------------------------------------
28 ก.ย. 2564
ได้ฤกษ์มาต่อแล้วค่า ก่อนที่รี้ดจะลืมว่าไรท์มีฟิคเรื่องนี้อยู่ 555 ส่วนตัวแล้วฟิคนี้ดีเทลเรื่องความรู้สึกนึกคิดของแต่ละตัวละครเยอะกว่าเรื่องอื่นมาก ไรท์เลยต้องละเมียดกับไดนามิกในเรื่องนิดนึง อาจจะใช้เวลาเยอะกว่าเรื่องอื่นหน่อยนะคะ
ความคิดเห็น