คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : หัวเดียวกระเทียมลีบ 1
หัวเดียวกระเทียมลีบ
แรกเริ่มเดิมทีบริษัทดับเบิ้ลเอกรุ๊ปดำเนินธุรกิจหลักสองอย่าง
คือกลุ่มการเงินการธนาคารและกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมีอัศวินเป็นหัวเรือใหญ่
และลูกชายอีกสองคนช่วยบริหาร
เพราะลูกชายอีกคนเลือกที่จะไปทำในสิ่งที่ตัวเองชอบนั่นก็คือบริหารรีสอร์ตใหญ่ที่กาญจนบุรี
หากยังคงอยู่ภายใต้การดูแลของกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทใหญ่
และเมื่อสามปีก่อนอัศวินได้เพิ่มธุรกิจเข้ามาอีกสองกลุ่ม
นั่นก็คือกลุ่มธุรกิจค้าปลีกและกลุ่มธุรกิจการสื่อสารและโทรคมนาคม
ดังนั้นรุ่นหลานที่ช่วยงานเหล่าบรรดาพ่อๆ
จึงต้องก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักในการดำเนินธุรกิจอย่างเต็มตัวมากขึ้น
การประชุมครั้งสำคัญครั้งนั้น บรรดาลูกๆ และผู้ถือหุ้นลงความเห็นว่าควรให้คนรุ่นใหม่มีบทบาทหลักในการบริหาร
ดังนั้นสองธุรกิจหลักจึงตกเป็นของทายาทเพียงคนเดียวในการดูแล
ส่วนสองกลุ่มธุรกิจใหม่ ที่ต้องการเร่งพัฒนาให้ทัดเทียมกลุ่มธุรกิจหลักมากที่สุดต้องแบ่งให้ทายาทอีกสองคน
คนละกลุ่ม
ในตอนนั้นอัศวินเลือกให้ โอฬาร อัศววงศ์ธรรม หลานชายคนรองที่เรียนจบบริหารมาจากต่างประเทศ
ทั้งปริญญาตรีและปริญญาโทเป็นคนดูแลสองกลุ่มธุรกิจหลักในตำแหน่งรองประธานกรรมการ
เนื่องจากเขาสามารถพูดภาษจีนได้ และขณะนั้นกลุ่มธุรกิจหลักกำลังขยายไปยังประเทศจีน
ผู้บริหารต้องเดินทางไปติดต่อกับทางนั้นค่อนข้างบ่อยเรื่องภาษาจึงค่อนข้างสำคัญ
ส่วนกลุ่มธุรกิจการสื่อสารและโทรคมนาคม ยกให้ วรัท อัศววงศ์ธรรม หลานชายคนโต เป็นคนบริหาร ร่วมกับอนันต์ผู้เป็นบิดา
และสุดท้ายกลุ่มธุรกิจค้าปลีก ยกให้
ภัคภณ อัศววงศ์ธรรม หลานชายคนเล็กบริหารร่วมกับอเนกผู้เป็นบิดา
ทุกคนเห็นด้วย
หรือต่อให้ไม่เห็นด้วยก็ไม่มีใครคัดค้าน กระทั่งเมื่อปลายปีที่แล้ว
โอฬารพลาดนัดสำคัญกับผู้บริหารทางประเทศจีน ทำให้เกิดความเสียหายครั้งใหญ่ อนันต์ ลูกชายคนโต
กับอเนก ลูกชายคนเล็กจึงเรียกร้องให้ลูกชายของพวกเขาได้มีโอกาสพิสูจน์ฝีมือในการบริหารงานกลุ่มธุรกิจหลักบ้าง
อัศวินจึงจำเป็นต้องให้ความยุติธรรมแก่ทุกคน
ในการตัดสินใจครั้งนั้นคนที่ได้ดูแลสองกลุ่มธุรกิจหลักตกเป็นของ
ภัคภณ หลานชายคนเล็ก ด้วยเหตุผลเดียวกับตอนที่โอฬารได้ นั่นคือเขาพูดภาษาจีนได้
อนันต์ค่อนข้างไม่พอใจ เพราะเขาเป็นพี่คนโต ลูกชายเขาควรได้รับตำแหน่งนั้น
แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ ในเมื่ออเนกแอบส่งลูกชายไปเรียนภาษาจีนมาจนสามารถสื่อสารได้
ในขณะที่วรัทลูกชายเขาได้แค่ภาษาอังกฤษเท่านั้น
“ตอนนี้ธุรกิจกลุ่มธนาคารของเราที่ประเทศจีนกำลังไปได้ดีเลยทีเดียวค่ะ” นีรา เลขาประจำตำแหน่งรองประธานกรรมการรายงานด้วยน้ำเสียงสดใสน่าฟัง
ใบหน้าเรียวสวยล้อมด้วยเส้นผมสีน้ำตาลเข้มม้วนลอนอ่อนๆ ตรงปลายขับให้ใบหน้าดูละมุนมากยิ่งขึ้น
ริมฝีปากบางเอ่ยทุกคำได้อย่างเป็นจังหวะ น่าฟังและน่ามอง
“ดีขนาดไหนเชียว” อนันต์ถามด้วยน้ำเสียงติดเย้ยหยัน
แต่ไม่ทำให้คนฟังหน้าเจื่อนหรือชะงักแต่อย่างใด หญิงสาวหันมายิ้มให้เขา
ก่อนเอ่ยตอบ
“คุณโตซื้อหุ้นบริษัทประกันใหญ่ของที่นั่นได้เรียบร้อยแล้วค่ะ” น้ำเสียงของนีราเต็มไปด้วยความชื่นชมและภาคภูมิใจ ทำเอาอนันต์หน้าตึง
และคนหน้าเรียบเฉยอีกคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามถึงกับเบือนหน้าไปทางอื่นชั่วขณะ
“ผมคุยกับทางนั้นแล้วว่าจะพัฒนาธุรกิจให้มีบริการทางการเงินครบวงจร
ทั้งประกันภัย ธนาคาร การลงทุน และหลักทรัพย์ เพื่อครอบคลุมตลาดให้กว้างและใหญ่มากที่สุด
ซึ่งเขาก็เห็นด้วยอย่างมากครับ”
ภัคภณเอ่ยต่อจากเลขาด้วยท่าทางภาคภูมิใจกึ่งโอ้อวด ทำเอาคนเป็นพ่ออย่างอเนกพลอยยืดอกภาคภูมิใจตามไปด้วย
“ดี
แต่ก็อย่าประมาท ทุกการเติบโต ย่อมมีปัญหาและอุปสรรคที่ใหญ่หลวงตามมาเสมอ ฉันย้ำกับทุกคนอยู่ตลอด...ว่าต่อให้เก่งแค่ไหน
ก็มีโอกาสพลาดได้ทุกเมื่อ ถ้าเราประมาทแม้เพียงนิดเดียว”
โอฬารเผลอถอนหายใจออกยาวจนต้องเบือนหน้าหนีไปทางอื่นอีกครั้ง
รู้ว่าคนเป็นปู่ไม่ได้จงใจตำหนิหรือต่อว่าเรื่องที่เขาเคยประมาทจนพลาด
แต่มันก็เป็นเรื่องที่สร้างปมในใจเขาไม่มีวันลบเลือน
ยิ่งได้ยินเสียงภัคภณกับอเนกและอนันต์มีเสียงคล้ายหัวเราะในลำคอ
ชายหนุ่มยิ่งต้องเพิ่มความอดทนให้นั่งประชุมจนจบมากยิ่งขึ้น
พอหันกลับมาสู่โต๊ะประชุมอีกครั้งจึงได้เห็นว่านีรามองมาทางเขาพร้อมยิ้มให้
ทว่าเขาไม่ได้ยิ้มตอบ...เขาชอบรอยยิ้มเธอ
แต่เกลียดรอยยิ้มที่เหมือนให้กำลังใจเขาทั้งที่นั่งอยู่ข้างๆ ภัคภณและเพิ่งชื่นชมฝ่ายนั้นไปไม่นาน
เพราะตำแหน่งของเธอคือเลขารองประธานกรรมการ
ดังนั้นไม่ว่าใครจะดำรงตำแหน่งนั้นก็จะได้เธอเป็นเลขาประจำตำแหน่ง
แน่นอนว่าก่อนหน้านี้เธอเคยเป็นเลขาเขามาก่อน
แต่มันกลายเป็นอดีตไปแล้ว
เลขากิตติมศักดิ์...เพราะเป็นหลานสาวของเพื่อนอัศวิน
กลายเป็นเลขาประจำตัวของภัคภณไปเรียบร้อยแล้ว!
“ใหญ่ล่ะเป็นไงบ้าง” อัศวินหันไปถามหลานชายคนโตที่มักจะนั่งเงียบๆ
ไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับคนอื่นเสมอเวลาร่วมประชุม เขาจะสนแต่งานในส่วนของตัวเอง
ไม่เคยคิดแข่งขันหรือแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกับใคร
คิดแค่ว่าทำหน้าที่ตัวเองให้ดีก็พอแล้ว
“กลุ่มโทรคมนาคมเติบโตต่อเนื่องครับ
ผมเร่งขยายในส่วนต่างๆ มากขึ้น คิดว่าภายในปีนี้เราจะขยายเสาสัญญาณได้ครอบคลุมทั่วประเทศ
อย่างน้อยก็ภาคละห้าจังหวัดครับ”
อเนกหัวเราะก่อนจะหันไปทางหลานชาย
“โธ่
อาก็นึกว่าใหญ่จะขยายได้ครบทุกจังหวัดซะอีก ปีนึงภาคละห้าจังหวัดน้อยไปรึเปล่า”
******************************************************
ฝากกดหัวใจ กด Fav. ทักทายเป็นกำลังใจให้เจียมใจหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ ^^
ความคิดเห็น