NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ◆ Magic Bar ◆ บาร์คลายหลอนสารพัดนึก (Magic Shop ภาค2) มี E-book มีเล่ม

    ลำดับตอนที่ #2 : EP.02 || Are you lost? (2)

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ย. 67


    SQW

    EP.02

    Are you lost? (2)

    --------------------------




     

            หลังจากอาบน้ำแปลงโฉมเสร็จเรียบร้อย ฉันกับปุยฝ้ายก็ใช้เวลาเดินทางจากบ้านมาถึงบาร์หรูที่พี่อีฟนัดเราไว้ประมาณ 20 นาที ดีที่ยัยปุยฝ้ายมีรถเรา 2 คนจึงมาทันเวลานัดแบบฉิวเฉียด

            “ถึงแล้วจ้า!!”

            ในขณะที่ปุยฝ้ายกำลังถอยรถเข้าที่จอด ฉันก็เหลียวหลังหันไปมองตัวบาร์ด้วยความสนอกสนใจ บาร์แห่งนี้ตั้งอยู่ภายในซอยลึกต้องขับรถเลนเดียวจนสุดระยะทางถึงจะเจอ แต่โดยรวมที่นี่ก็ไม่ได้ดูเล็กหรือน่าอึดอัดอย่างที่คิด มีลานกว้างให้จอดรถได้ราวๆ 30-40 คัน ตัวบาร์ตกแต่งร่วมสมัยระหว่างความโมเดิร์นกับปราสาทอิฐ มีความไฟนีออนสีม่วงน้ำเงินแลดูคล้ายปราสาทพ่อมดนิดๆ

            “โห๋ พี่อีฟเก่งเหมือนกันนะเนี่ยที่หาที่แบบนี้เจอ”

            “เห็นว่าว่าที่เจ้าบ่าวเป็นเพื่อนกับพนักงานในบาร์น่ะ”

            “เหรอ.. แล้วบาร์นี้มีชื่อป้ะ?”

            “มีดิ บาร์อะไรไม่มีชื่อแล้วลูกค้าจะเสิร์ชหาร้านเจอได้ยังไง”

            “แล้วมันชื่อ..”

     

            ตี๊!!! ดีดี๊ดี...

     

            ในขณะที่ฉันกำลังจะถามชื่อบาร์นี้จากปุยฝ้ายจู่ๆเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นมาทำให้เธอต้องรีบยกมือส่งสัญญาณว่าขอให้ฉันเงียบก่อนแล้วจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับปลายสาย

            “ฮัลโหลพี่อีฟ ว่าไงคะ.... หะ? อ้าว แล้วตอนนี้พี่อยู่ไหนอ่า?.... เออๆได้ ตอนนี้ฝ้ายถึงแล้วเดี๋ยวเอาชุดสำรองไปให้นะ... จ้าๆ โอเคค่า”

          ติ๊ด!

            ทำไมคุยกันเร็วจัง?

            “? มีอะไรเหรอ?” ฉันถาม

            “พี่อีฟอะดิ ดันกระโปรงขาดอยู่ลานจอดรถล็อค 2 ”

            “หะ?” ฉันหันไปมองทางล็อค 2 โดยอัตโนมัติ

            “โชคดีนะเนี่ยที่ฉันขนชุดมาให้แกลองเลยมีชุดเหลือ 2-3 ชุด เดี๋ยวฉันขอแวะไปจัดการเจ้าของงานก่อนนะน่าจะใช้เวลาสักพัก แกเข้าไปรอก่อนก็ได้พวกไอ้มิวเข้าไปนั่งรอแล้ว”

            “เอางั้นเหรอ?”

            “เออ แกไปก่อนเลย พี่อีฟยังไม่ได้แต่งหน้าแถมชุดยังมาพังอีก ถ้าวันนี้เจ๊แกไม่ปังคงไม่ยอมย่างกายเข้าไปในบาร์ง่ายๆแน่”

            “ก็พอจะนึกภาพออกนะ”

            “พี่อีฟจองโต๊ะไว้ให้เราแล้ว อยู่ห้องบรอนซ์ (Bronze) โต๊ะที่ 12 ถ้าแกหาไม่เจอก็ลองถามๆพนักงานเอาก็ได้”

            “อืมๆ เดี๋ยวฉันจัดการตัวเองเอง แกก็รีบไปจัดการเรื่องพี่อีฟให้เสร็จละกัน”

            “จ้า!!! จะรีบแต่งหน้าให้สุดชีวิตเลยจ้ะ ไปนั่งชิลล์ๆในบาร์ก่อนไป”

            “เค”

            ฉันกับปุยฝ้ายแยกทางกันทันทีที่ส้นร้องเท้าเราแตะพื้น เอาเข้าจริงฉันก็เพิ่งมารู้สึกเขินตัวเองแฮะ เล่นใส่ชุดเดรสสีเลือดหมูผ่าทั้งหน้าทั้งหลังแล้วยังแต่งหน้าทำผมแบบจัดเต็มอีก มีเพื่อนร่วมกลุ่มเป็นทั้งเมคอัพอาร์ติสกับดีไซเนอร์นี่มันต้องคีพลุคขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ใครเห็นฉันตอนนี้คงคิดว่าฉันเป็นสาวมั่นที่มาหาเหยื่อในบาร์แห่งนี้แน่ๆ อ่า ช่างเถอะๆ นานๆทีจะได้แต่งตัวสวย มั่นใจหน่อยละกันว่าสวย ฮึบ!

           

            กึก กึก กึก

     

            เสียงส้นร้องเท้าของฉันกระทบกับพื้นกระเบื้องลายหินอ่อนสีขาวดำด้านหน้าทางเข้าบาร์ ฉันเดินวนรอบๆสวนหย่อมด้านข้างและรอบตัวบาร์ราว 10 นาทีได้แล้ว นี่ฉันจะหลงทางทั้งๆที่ยังไม่ได้เข้าไปในบาร์ไม่ได้นะ!

            “ให้ตายสินารา แกเดินยังไงให้หลงวะเนี่ย ทางไม่ใช่จะคดเคี้ยวซะหน่อย แล้วไอ้ประตูเข้าร้านมันอยู่ทางไห....โอ้ย!”

            โดยไม่ทันระวัง ขณะที่ฉันกำลังเดินมองประตูหน้าต่างเพื่อหาทางเข้าบาร์แห่งนี้อยู่นั้น ฉันก็เผลอเดินไปชนเข้ากับร่างร่างหนึ่งที่กำลังเดินสวนออกมาจากมุมกำแพง ร่างนั้นเป็นผู้ชายในชุดสูทสีแดงปนดำ ความสูงน่าจะประมาณ 180 เซนฯ ผิวที่ขาวซีดจนเห็นเส้นเลือดดูเข้ากันกับผมบลอนด์ที่ถูกเซ็ตมาอย่างดี ใบหน้าของเขาหล่อคม จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตากลมโตสีเขียวมรกต หางตาที่เขาเหล่มามองฉันช้าๆมันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกำลังถูกเขาตำหนิในสถานะที่ต่ำกว่ายังไงอย่างงั้น

            “ขะ..ขอโทษค่ะ!”

            ฉันรีบขอโทษขอโพยแล้วเดินเลี่ยงออกมาจากไหล่กว้างๆของเขาทันที


     

            “เดี๋ยว!


     

            คำพูดเพียงคำเดียวของเขาราวกับเป็นคำสั่ง และมันทำให้ขาของฉันหยุดชะงักตามโดยไม่มีสาเหตุ

            “!...” ฉันค่อยๆหันหน้ากลับมาประจันกับเขาช้าๆด้วยท่าทีหวาดระแวง

            “คุณหลงทางใช่ไหม?”

            “!......... ค่ะ! ใช่”

            “คุณเป็นลูกค้ารึเปล่า?”

            “.... เอ่อ... ฉันดูไม่เหมือนเหรอคะ?”        

            “เปล่าหรอก ผมก็แค่อยากเช็คให้แน่ใจเพราะผมเคยพาคนที่ไม่ใช่ลูกค้าเข้ามาใช้บริการมาแล้ว ผมไม่อยากทำผิดซ้ำสอง”

            “.... อ๋อ”

            อะไรกัน คนคนนี้เป็นพนักงานในบาร์เหรอ? ดูทรงแล้วคงเป็นมือฉมังในการจีบลูกค้าสาวๆให้กลับมาใช้บริการที่นี่อีกแหง แต่เป็นใครก็คงติดเขางอมแงมได้ไม่ยาก เล่นหล่องานดีซะขนาดนี้นิ

            “ฉันนัดเพื่อนไว้แล้วค่ะ เราจองห้องบรอนซ์โต๊ะที่ 12 แต่ตอนนี้แค่ประตูเข้าบาร์ฉันยังหาไม่เจอเลย”

            “ประตูเข้าบาร์เหรอ? ก็อยู่ตรงนี้ไง”

            เพียงแค่ชายคนนั้นหันหน้าไปทางกำแพงด้านข้างประตูบานใหญ่ที่ประดับประดาไปด้วยทองคำและเพชรนิลจินดาเล็กๆก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าของเรา

            “!!! เป็นไปไม่ได้! ฉันเดินวนตรงนี้ตั้งหลายรอบทำไมถึงมองไม่เห็นประตูบานใหญ่ขนาดนี้ได้!”

            “มันสำคัญด้วยเหรอ ตอนนี้คุณก็เห็นแล้วนิ”

            ใช่ มันไม่สำคัญ แต่มันเป็นไปได้ยังไง....

            “เอาเป็นว่าถ้าผมปล่อยคุณเดินเข้าไปคนเดียวมีหวังคุณคงไปไม่ถึงห้องบรอนซ์ในคืนนี้แน่ งั้นผมขออาสาเป็นไกด์พาคุณทัวร์ที่นี่เอง โอเคไหม?”

            นาทีนี้ถึงไม่โอเคก็ต้องโอเคแล้วป้ะ

            “ไม่ต้องถึงขั้นทัวร์หรอกค่ะ แค่ช่วยพาฉันไปหาเพื่อนๆก็พอ”

            “อืม... ก็ได้ งั้นเชิญคุณผู้หญิงก่อนเลยครับ”

     

            กลึก! แอ๊ด....

     

            พอชายผมบลอนด์พูดจบเขาก็เอื้อมมือไปบิดลูกบิดประตูและผลักบานประตูออกก่อนปัดมือเชิญให้ฉันเข้าไปในนั้น

            “!?”

            ฉันเดินเข้าไปในบาร์ลึกลับแห่งนี้เพียงไม่กี่ก้าวก็ต้องชะงักฝีเท้าด้วยความประหลาดใจ เพราะสิ่งที่เห็นตรงหน้าไม่ใช่บรรยากาศรื่นเริงมีผู้คนพลุกพล่านหรือมีนักดนตรีเล่นดนตรีสดให้ฟังเหมือนบาร์ทั่วๆไป แต่มันมีเพียง ‘ขั้นบันได’ ที่ทอดยาวขึ้นไปสูงพอสมควร ขั้นบันไดนี้มีความกว้างแค่คน 3 คนยืนชิดกัน ด้านข้างทั้ง 2 ฝั่งถูกตกแต่งด้วยรูปภาพและโคมไฟหลากหลายสไตล์ มีจุดเด่นอยู่ที่ประตูทั้ง 4 บานไล่ตั้งแต่บานที่อยู่ต่ำสุดไปจนถึงบานที่อยู่สูงสุดมุมทางเดิน

            ฉันไม่รอช้ารีบย้ำเท้าเดินขึ้นไปข้างบนหวังจะไปเปิดประตูที่อยู่บนสุดออกดูด้วยความสงสัยปนกับความรู้สึกประหลาดที่ผุดขึ้นมาในหัวโดยไม่ทราบสาเหตุ

     

            “เดี๋ยวก่อน!

     

            “!”

            ฉันสะดุ้งเหมือนหลุดออกจากภวังค์ทันทีที่ชายผมบลอนด์คนนั้นทักห้ามฉันไว้

            “นั่นมันห้องไดม่อน (Diamond) การที่คุณจะไปถึงห้องนั่นได้คุณต้องมีบัตรผ่านห้องบรอนซ์ (Bronze) ห้องซิลเวอร์ (Silver) ห้องโกล (Gold) รวมเป็นบัตรผ่าน 3 ใบก่อน เพื่อรับรองว่าคุณเป็นลูกค้า VIP ของที่นี่”

            “? ว่าไงนะ?”

            มีกฎบ้าๆแบบนี้ด้วยเหรอ?

            “ตอนนี้คุณมีสิทธิ์ผ่านแค่ห้องบรอนซ์” ชายผมบลอนด์พูดพร้อมกับยื่นการ์ดสีทองแดงขนาดเท่าบัตรเครดิตตรงกลางเขียนแจ่มแจ้งว่า ‘Bronze Card’ ให้ฉัน ฉันจึงรับมาอย่างงงๆก่อนพลิกมันดูด้วยความสนใจ  

            “บรอนซ์การ์ด... บายเมจิกบาร์ (Magic Bar) ”

            “บาร์ของเรามีกฎที่เคร่งครัดในการให้บริการ แต่ละประตูจะมีพนักงานต้อนรับและมีเครื่องดื่มที่จะเสิร์ฟให้คุณลูกค้าแตกต่างกันออกไป อย่างเช่นบรอนซ์การ์ดของคุณ...”

            ชายผมบลอนด์ถือวิสาสะหยิบการ์ดของฉันไปรูดเปิดประตูที่ทำจากโลหะผสมทองแดงทั้งบานแล้วหันใบหน้าทะเล้นมาเพื่อเชื้อเชิญให้ฉันเข้าไปด้านใน

            “....ขอบคุณค่ะ”

            ฉันพยายามหลบสายตาที่ดูมีเล่ห์เหลี่ยมของเขาแล้วย้ำเท้าเข้าไปในประตูบานนั้นอย่างรวดเร็ว ที่นี่ดูไม่ได้แตกต่างจากภาพในจินตนาการของฉันสักเท่าไหร่ บรรยากาศโดยรวมคล้ายบาร์แจ๊ส โทนดูมืดๆหมนๆแลดูสวยงามราวกับฉันหลุดมาอยู่ในยุค 70 อย่างไงอย่างงั้น

           

           ♪♪♪ 


    “!”

    เสียงเพลงแสนไพเราะอย่างไม่น่าเชื่อดังขึ้นมาจากด้านหน้าเวทีขนาดย่อม ฉันรีบหันขวับไปมองการแสดงที่เปี่ยมไปด้วยมนตร์เสน่ห์อย่างตกตะลึง ชายหนุ่มผมสีชมพูอมแดงสวมชุดย้อนยุคแต่ไม่ได้ดูล้าสมัยกำลังขับร้องบทเพลงพลางส่งสายตาจับจ้องมาที่ฉันจนดูผิดสังเกต ฉันมองเขาร้องเพลงได้ไม่นานก็รีบหันหน้าหนีด้วยความเขินอาย 

            นี่นักร้องคนนั้นคิดจะจ้องแต่ฉันจนร้องจบเพลงเลยรึไงนะ?

            “โต๊ะ 12 ไปทางไหนคะ” ฉันหันไปถามชายผมบลอนด์

            “อ้อ! โต๊ะนั่นไง” เขาชี้ไปหยั่งโต๊ะที่เต็มไปด้วยเพื่อนฝั่งเจ้าบ่าวของพี่อีฟ ไหนยัยปุยฝ้ายบอกว่าพวกมิวมาแล้วไง เล่นมีแต่ผู้ชายทั้งโต๊ะแบบนี้ใครจะกล้าลุยเดี่ยวเข้าไปนั่งด้วยเนี่ย บางคนก็แค่เคยเห็นเผินๆยังไม่เคยได้พูดคุยกันเลยด้วยซ้ำ

            “เอ่อ... ที่นี่มีมุมนั่งชิลล์ไหมคะ ฉันอยากนั่งรอเพื่อนของฉันก่อน”

            “มุมนั่งชิลล์เหรอ? อืม....”

            ชายผมบลอนด์ยืนคิดอยู่สักพักจนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจพาฉันมานั่งเงียบๆเหงาๆคนเดียวอยู่ตรงค็อกเทลบาร์โดยมีบาร์เทนเดอร์ลูกครึ่งสาวสวยในชุดราตรีสายเดี่ยวสีดำคอยชงค็อกเทลต่างๆให้ลูกค้าทุกคนในห้องนี้อยู่

            “ ‘ยินสลิง’ ค็อกเทลประจำห้องบรอนซ์ค่ะ”

            เธอยื่นเครื่องดื่มสีแดงที่ตกแต่งด้วยผลไม้ต่างๆมาให้ฉัน

            “เอ่อ.. แต่ฉันยังไม่ได้สั่งนะคะ”

            “ที่นี่เราเสิร์ฟค็อกเทลให้คุณลูกค้าแค่ชนิดเดียว ถ้าคุณลูกค้าอยากลิ้มรสค็อกเทลชนิดอื่นคุณลูกค้าต้องได้เลื่อนขึ้นเป็นสมาชิกระดับสูงกว่านี้ ยังไงค็อกเทลก็เป็นแบบรีฟิลอยู่แล้ว เชิญดื่มได้ตามสบายเลยค่ะ” 

            “เอ๊ะ? มีอย่างที่ไหนบาร์ที่ขายค็อกเทลให้ลูกค้าเป็นลำดับขั้นแบบนี้?”

     

            “ก็ที่นี่ไงครับ

     

            เสียงของใครบางคนดังขึ้นมาจากด้านหลังของฉันพอฉันหันหลังกลับไปมองฉันก็เห็นชายร่างสูงใบหน้าเกรี้ยวกราดเดินเข้ามานั่งเก้าอี้ด้านข้างของฉัน

            “กลับมาแล้วเหรอคะคุณแซค”

            บาร์เทนเดอร์สาวกล่าวทักทายเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

            “ขอของแรงให้ฉันหน่อยนะเอริก้า วันนี้ฉันใช้พลังงานไปเยอะ”

            “ได้ค่ะ”

            “ออกไปวิ่งเล่นแค่ไม่กี่นาทีทำเป็นสำออยนะ” ชายผมบลอนด์คนเดิมเดินเข้าไปในบาร์น้ำแล้วจัดการทำเครื่องดื่มช่วยบาร์เทนเดอร์สาวคนนั้น

            “คราวหลังแกก็ไปเองละกัน ฉันจะอยู่เฝ้าที่นี่เอง”

            “เฮ้ย ได้ไง ถ้าเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นมาใครจะอยู่เอาเงินประกันชีวิตพี่ถ้าไม่ใช่ผม”

            “ปากดีจริงนะแก!”

            ชายใบหน้าเกรี้ยวกราดที่น่าจะชื่อ ‘แซค’ หยิบผ้าขี้ริ้วแถวมุมโต๊ะขว้างใส่ชายผมบลอนด์ด้วยความโมโหแต่ชายผมบลอนด์ก็หลบผ้าผืนนั้นได้อย่างฉิวเฉียด

            เฮ้อ... ว่าจะหาที่สงบๆนั่งรอปุยฝ้ายไหงมาเจอพนักงานตีกันเองแบบนี้ละเนี่ย?

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×