ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 : คำเตือนจากเสด็จหญิงปั้น
ลืมเอาบทนำลงเพจ 55 กดไปอ่านบทนำกันก่อนน้า >> https://writer.dek-d.com/dekdee/writer/viewlongc.php?id=1937847&chapter=1
บทที่ 1 : ผู้มาเยือนยามวิกาล
เงียบ…
ทุกอย่างช่างเงียบเฉียบ เย็นยะเยือก และวังเวง
ความมืดปกคลุมไปทั่ววังอัฐทิศ เบื้องบนคือผืนฟ้ายามราตรีสีดำมะเมื่อม เบื้องหน้าคือปากคลองสาทร แสงจันทร์บริเวณท่าน้ำในคืนนี้วิบวับจับตา มันพริบพราวทามกลางความเงียบงัน คงจะมีแต่เพียงเสียงใบไม้ไหวตามแรงลมของเดือนธันวาเท่านั้น ที่ส่งเสียงดังแกรกกรากให้ได้ยิน…
หลังกลับจากงานฉลองรัฐธรรมนูญที่วังสวนกุหลาบ ท่านหญิงโปรดก็เสด็จกลับวังในทันที ทว่าตั้งแต่อาบน้ำจนเข้านอน เธอกลับไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้ นัยน์ตากลมโตที่ล้อมกรอบไปด้วยแพขนตางอนงามกะพริบเบาๆ ราวปีกผีเสื้อ มองม่านมุงภายในห้องบรรทม เฝ้าถามตนเอง ว่าที่กำลังรู้สึกจิตใจไม่สงบอย่างหาคำอธิบายไม่ได้นี้ เป็นเพราะอะไร
เธอคิดไปว่า สาเหตุคงเป็นเพราะใจเธอยังกังวลในอาการประชวรของพระบิดาซึ่งเวลานี้ประทับทรงงานอยู่ไกลถึงสิงคโปร์ คงเพราะข่าวร้ายที่ส่งมานั้นทำเธอร้อนใจจนกินนอนแทบไม่ได้ ทุกเวลานาทีจึงได้แต่หวาดหวั่นว่าจะได้รับข่าวที่ร้ายยิ่งกว่า
หญิงสาวหันมองจดหมายที่ยังถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะข้างเตียง ลายพระหัตร์คุ้นตา บรรจงเขียนถึงเธอ เพราะพระบิดาไม่อาจพูดได้อีกแล้ว โรคร้ายนั้นพรากสุรเสียงท่านไป จึงทรงใช้แรงที่มีอยู่น้อยนิดเปลี่ยนเป็นตัวอักษร ส่งข้อความสำคัญข้ามน้ำข้ามทะเลมาหา…ก่อนจะบรรทมยาวเพื่อเข้ารับการผ่าตัด
ไม่ต้องมาส่งพ่อ
อยู่ประทับเป็นขวัญให้คนในวัง คอยเป็นที่พึ่งให้พวกเขา
ขอลูกพ่อเติบโตให้เร็ววัน ปกป้ององค์เอง ดูแลองค์เองให้ดี
พ่อห่วงอย่างที่สุด
จู่ๆ น้ำตาก็ไหลซึมออกมาจากนัยน์ตาหวาน
หากพระบิดาสิ้นไป เธอจะทำอย่างไร
ในวัยเพียง 19 เท่านี้ ไม่ทันจะได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ ซ้ำความรู้ที่มีติดตัวก็ยังครึ่งๆกลางๆ จะเอาไปสู้ ไปปกป้องวังทั้งวังจากใครเขาได้?
แต่เธอไม่มีเวลาให้เศร้าให้เป็นเด็กอีกแล้ว มีแต่ต้องเข้มแข็งและโตเป็นผู้ใหญ่ให้รวดเร็วในระยะเวลาอันสั้น เพื่อที่ว่า…หากพระบิดาสิ้นไปจริงๆ ในเวลาอันใกล้นี้ เธอจะได้เป็นตัวแทนเสด็จพ่อ ให้ใครต่อใครทราบว่าเธอสามารถดูแลทุกๆ อย่างต่อจากพระบิดาได้
หากทำไม่ได้ เธอก็คงไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้อีก และทุกสิ่งที่พระบิดาสร้างไว้ วังนี้ กิจการร้านค้าของราชสกุล ร่วมถึงชีวิตจิตใจทั้งหมดของเธอ ก็คงต้องตกอยู่ภายใต้การดูแลของท่านน้าเล็กซึ่งเป็นพระญาติเพียงองค์เดียว…โดยชอบธรรม
ท่านหญิงโปรดรีบสลัดความคิดยามนึกถึงพระอนุชาต่างมารดาของหม่อมมารดา พยายามไม่นึกถึงเขา พยายามปลอบใจตัวเองว่าเรื่องราวคงไม่เป็นไปถึงขนาดนั้น
ท่านน้าเล็กอยู่ห่างไกลตั้งข้ามน้ำข้ามทะเล ที่สำคัญท่านพ่อก็ยังอยู่คอยควบคุมเขา ในวันพรุ่งนี้ การผ่าตัดครั้งที่สี่ของพระองค์จะลุล่วง พระองค์จะกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม ภัยร้ายใดๆก็จะไม่เกิด เธอจะได้ไปมหาวิทลัยพร้อมเพื่อนๆ และมีชีวิตสนุกสนานอย่างตั้งใจ ไม่จำเป็นต้องคิดมากเกินความเป็นจริงไปเลย…
หญิงสาวยกมือเช็ดน้ำตา ก่อนจะข่มตาลงอีกครั้ง…กระทั้งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
กริ๊งงงงงง
เสียงมันสะท้อนขึ้นมาจากโถงวังด้านล่าง ทามกลางความมืดและเงียบงันภายในวังอัฐทิศที่กว้างใหญ่ ทุกชีวิตในวังจึงได้ยินชัดเจน
ร่างแบบบางในชุดนอนยันกายลุกขึ้นจากเตียงแทบจะในทันที ไม่นานก็เห็นนางข้าหลวงของวังเดินหรี่เข้ามาเพื่อแจ้งข่าว
“สายจากวังนรังสรรค์เพคะท่านหญิง”
ท่านหญิงโปรดไม่รอถามไถว่าเป็นสายของใครที่วังนรังสรรค์ด้วยซ้ำ ด้วยรู้ดีว่าในเวลานี้พระองค์ที่ประทับอยู่ในวังขาวมีเพียงเสด็จหญิงใหญ่อย่างเสด็จหญิงปั้นเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น
หญิงสาวรีบวาดขาก้าวลงจากเตียง เดินดุ่มออกจากห้องนอน ไฟตามโถงทางเดินถูกเปิดขึ้นอีกครั้งเมื่อพระธิดาเพียงองค์เดียวของต้นสกุลอัฐทิศตื่นบรรทม
มือขาวบางยกหูโทรศัพท์ขึ้นนาบข้างแก้ม “เสด็จหญิง”
“ยัยโปรด! เกิดเรื่องแล้วล่ะ หญิงคิดว่าไม่ได้คิดไปเอง แต่เชื่อเหลือเกินว่าเกิดเรื่องแล้ว!”
เสียงตื่นตระหนกจากปลายสายทำให้ท่านหญิงโปรดใจคอไม่ดี
เพราะตั้งแต่เป็นสหายกันมา เคยหรือที่จะได้เห็นเสด็จหญิงปั้นดูตื่นตกพระทัยแบบนี้
ใครๆ ต่างรู้ว่าเสด็จหญิงปั้นมีพระทัยเด็ดเดี่ยวยิ่งกว่าบุรุษ ทูลกระหม่อมพ่อของพระองค์ส่งพระองค์ไปศึกษาไกลถึงต่างแดนแต่เล็ก จึงเติบโตเป็นสตรีที่มีความรู้ เก่งและใจเด็ดยิ่งกว่าใคร แล้วหญิงสาวที่ใจเด็จอย่างนั้น จะมาตื่นตกใจกับอะไรเล็กๆน้อยๆได้ยังไง
นอกเสียจากว่า เรื่องเหล่านั้นมันไม่ปกติจริงๆ
“เกิดอะไรขึ้นหรือเพคะ”
“เมื่อครู่ สหายญี่ปุ่นของสมเด็จพ่อมาเฝ้าที่วัง ต้นห้องออกไปพบแทน คุยอยู่นานได้ใจความว่า ‘ให้รีบไป’ โปรดก็เคยพบเขาคงจำได้ ตาเอจิชิที่เป็นนักหนังสือพิมพ์คนนั้นไง แต่วันนี้เขาไม่ได้ดูเหมือนตัวตลกใจดีอีกแล้ว เขาเคร่งขรึม ดูรู้ว่าเครียดมาก แต่ไม่ยอมเล่าว่าให้รีบหนีอะไร หญิงเลยบอกว่าคงจะเกิดเรื่อง!”
ท่านหญิงโปรดฟังอย่างตั้งใจ นึกถึงชายชาวญี่ปุ่น พระสหายของสมเด็จเจ้าฟ้านรังสรรค์อรุณรังสี พระบิดาของเสด็จหญิงปั้น ซึ่งเวลานี้ประทับอยู่ไกลถึงอังกฤษพร้อมด้วยพระชายาและโอรสธิดาพระองค์เล็กทั้งสอง
“โปรด มันไม่ใช่เรื่องปกติที่สหายของทูลกระหม่อมพ่อจะมาขอเฝ้าหญิงในเวลาค่อนคืนแบบนี้! เขาว่าไม่ควรมาเตือนหญิง แต่จะทิ้งหญิงไว้ในกรุงเทพก็ผิดต่อสมเด็จพ่อที่ไปประทับอยู่ไกล เขาขอให้หญิงเร่งออกเดินทาง เพราะเตรียมทางหนีให้หญิงขึ้นไปหลบภัยที่ทางเหนือแล้ว ท่าทางร้อนใจของเขาทำให้หญิงคิดถึงท่าทีแปลกๆของพวกทูตญี่ปุ่นที่บุกเข้ามาขอพบท่านนายกในงานเมื่อครู่! โปรด หญิงเชื่อว่านี่ต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับกองทัพญี่ปุ่นแน่ๆ! บางที พวกเขาอาจเริ่มเคลื่อนไหวอย่างข่าวที่กำลังร่ำลือกัน เป็นไปได้ว่าอาจจะบุกมาในคืนนี้เลย!”
สิ้นเสียงพระสหายสูงศักดิ์ ท่านหญิงโปรดก็รู้สึกเย็นวาบในทันที นั้นเพราะเธอเข้าใจในความหมายของพระสหายสนิท เข้าใจในสาเหตุที่ทำให้เสด็จหญิงใหญ่วังนรังสรรค์ทรงวิตกและเป็นห่วง!
นัยน์ตาหวานที่กำลังตื่นตระหนกหันมองไปยังพระฉายของพระองค์เจ้าอัฐทิศราวิน พระบิดาของตน
หากกองทัพญี่ปุ่นคิดรุกรานไทยในคืนนี้จริงๆ หนึ่งในเป้าหมายที่พวกนั้นจะต้องเข้าควบคุม คงหนีไม่พ้นวังอัฐทิศ!
เพราะวังอัฐทิศมีความสัมพันธ์อันดียิ่งกับพวกอังกฤษซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้ามกับญี่ปุ่น! เพราะพระบิดาของเธอทรงทำธุรกิจสำคัญ นั่นคือการส่งออกแร่มากมายให้พวกฝรั่งในนาม ‘ราวินคัมพะนี’ ก่อนเกิดสงครามแร่จากเหมืองราวินของเราอาจใช้ผลิตรถยนต์ ชิ้นส่วนอะไหล่ และเชื้อเพลิงต่างๆ แต่เมื่อเข้าสู่สงคราม แร่พวกนั้น…ถูกใช้ในการผลิตยุทโธปกรณ์ต่อต้านและสังหารพวกญี่ปุ่น!!!
ใครๆ ต่างก็รู้ แน่นอนว่าพวกญี่ปุ่นก็ต้องรู้แน่! ซึ่งหากพวกเขาบุกเข้ามาในคืนนี้ วังแห่งนี้และบุตรสาวเพียงคนเดียวของพระองค์เจ้าอัฐทิศราวินเช่นเธอ ก็คง…!!
“หญิงใจคอไม่ดี หญิงเป็นห่วงโปรดอย่างไรบอกไม่ถูก! เลยอยากให้โปรดมาหาหญิงที่วังนรังสรรค์ หญิงส่งรถออกไปรับแล้ว โปรดรีบมาหาหญิงนะ! ถ้าหญิงจะต้องไปทางเหนือคืนนี้ ยังไงหญิงก็จะพาโปรดไปด้วย!”
ความตื่นตระหนกของสหาย ทำให้ท่านหญิงโปรดรีบข่มกลั้นอาการสั่นเทาแล้วตอบรับอย่างว่องไว “ทราบแล้วเพคะ”
ความวุ่นวายก่อตัวขึ้นหลังจากนั้นไม่ช้า ไม่นานข้าหลวงของวังก็ตื่นกันหมด หนึ่งในนั้นคือคุณถนัด หัวหน้าเหล่าข้าหลวงของวัง
“เกิดอะไรขึ้นหรือเพคะท่านหญิง เด็กๆ ไปปลุกหม่อมฉัน บอกว่าที่วังนรังสรรค์โทรมากลางดึก”
“เราต้องไปวังนรังสรรค์กันเดี๋ยวนี้ ให้คนอื่นๆ ไปเตรียมตัวเถอะค่ะ เสด็จหญิงปั้นรอเราอยู่ที่วัง ดูเหมือนทรงดำริให้เราออกจากกรุงเทพ”
สิ้นเสียงตรัส คนในวังก็วุ่นวายกันยกใหญ่ ผิดจากคุณถนัดที่ขมวดคิ้ว คล้ายไม่เห็นด้วย
“ทำไมหรือคะ”
“หม่อมฉันมิกล้าติ แต่หม่อมฉันขอทูลด้วยความเป็นห่วงได้ไหมเพคะ”
“เรื่องอะไรหรือคะ”
“เรื่องเสด็จหญิงปั้นน่ะสิเพคะ หม่อมฉันทราบว่าทรงเป็นพระสหายกับท่านหญิงมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ แต่พระองค์เอาแต่พระทัยนัก ดำริจะเสด็จก็เสด็จทันทีไม่มีรีรอ ทรงทราบหรือไม่ว่าเวลานี้คือช่วงสงคราม แล้วยังทรงเป็นผู้หญิงทั้งคู่ ในยามวิกาลแบบนี้ ยังจะ…”
ท่านหญิงโปรดมองนางข้าหลวงอวุโสของตนก่อนกล่าวเสียงขรึม “ถ้าเสด็จดำริว่าควรไป โปรดก็เชื่อว่าควรต้องไป รีบไปเตรียมตัวเถอะค่ะ”
“…ทราบแล้วเพคะ”
ข้าวของที่เตรียมจะเอาไปด้วยมีไม่มาก เพราะเสด็จหญิงปั้นกำชับว่าให้ว่องไว ทว่าไม่ทันที่คนรถของวังนรังสรร์จะมาถึง เสียงเอะอะที่ด้านนอกก็ดึงความสนใจของท่านหญิงโปรดไว้
“นั้นเสียงส้มลิ้มไม่ใช่เหรอ เกิดอะไรขึ้นข้างนอกน่ะ”
คุณถนัดส่งเสียงติ เร่งส่งนางข้าหลวงอีกคนไปดูความวุ่นวาย ทว่าในทันทีที่รายนั้นเปิดประตูใหญ่ออกไปก็ทรุดกายลงกับพื้น ท่านหญิงโปรดที่เฝ้าดูอยู่ตลอดจึงเดินตามไป แม้ใจหวาดหวั่น แต่รู้ดีว่าจะหลบอยู่ข้างหลังไม่ได้
เวลานี้มีแค่เธอคนเดียวที่ดูแลวังทั้งวัง ชีวิตของคนในวัง เธอจึงต้องออกรับ
ทว่าหญิงสาวแค่ก้าวพ้นประตูใหญ่ออกไปแค่ครึ่งก้าวก็ต้องหยุดชะงัก มองภาพเบื้องหน้าด้วยใจที่เต้นระส่ำ นั้นเพราะทามกลางความมืดที่ด้านนอก ปรากฏกลุ่มทหารชุดแปลกยืนตั้งแถวล้อมวังเอาไว้อย่างเงียบเฉียบ! ถ้าไม่ใช่เพราะชุดสีขาวมอเทา พวกเขาคงถูกกลืนหายไปในราตรีมืดมิด ทามกลางหมอกจางๆ ในคืนนี้แล้ว!
นี่…มันอะไรกัน
ท่านหญิงโปรดกวาดตามองเหล่าชายฉกรรจ์ ตราสัญลักษณ์พระอาทิตย์บนบ่าของพวกเขาทำให้คนเป็นท่านหญิงเดาได้ว่าต้องเป็นกองทหารญี่ปุ่นอย่างแน่นอน
ดูเหมือนสิ่งที่พระสหายสูงศักดิ์ของเธอวิตกจะเกิดขึ้นจริงๆ เข้าแล้ว
ทหารญี่ปุ่นบุกเข้ากรุงเทพแล้ว ซ้ำยังเข้าล้อมวังอัฐทิศเอาไว้ทั้งหมดโดยไม่มีใครในวังรู้เนื้อรู้ตัวเลย!
“นะนี่มันอะไร! ท่านหญิง เสด็จเข้าด้านในเถอะเพคะ! ส้มลิ้ม มาเชิญเสด็จท่านหญิงเข้าข้างใน แล้วให้คนไปโทรเรียกตำรวจ!”
ทว่าทามกลางความตกตะลึงของท่านหญิงโปรดและเหล่าข้ารับใช้ ร่างสูงร่างหนึ่งก็เดินหน้าขึ้นมาจากด้านหลังของแถวทหารที่ไม่อาจทราบได้ว่ามาดีหรือร้าย
รูปร่างของเขาสูงโปร่ง ทว่าใบหน้าหล่อเหลากลับนิ่งขึงและไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ไหล่บ่าทั้งสองข้างตั้งตรงไม่ห่อเอียงและประดับไว้ด้วยบั้งซ้ายขวาอย่างทหารฝ่ายอักษะที่มียศอย่างไม่ธรรมดา ปกเสื้อสีเขียวแก่ขีดค่าไว้ด้วยแถมสีแดงสองขั้น มีกระดุมดาวทองเรียงอยู่ข้างล่ะสองดวง
ดูเหมือนเขาจะเป็นผู้นำของทหารทั้งหมดเพราะการแต่งกายดูพิเศษกว่าคนอื่น และในทันทีที่ท่านหญิงโปรดได้สบเข้ากับนัยน์ตาเยือกเย็นที่กำลังมองมาของเขา เธอกลับพบว่าเขาดู…คุ้นตาเหลือเกิน
เขา…เขาคือ
ร่างสูงมองตอบท่านหญิงโปรดที่ดูจะตกตะลึงต่อการมาของตนไม่น้อย ชายหนุ่มยังเดินหน้าเข้ามาใกล้คนเป็นท่านหญิง ทว่ากลับไม่มีการโค้งเคารพ หรือหมอบคลานกราบเฝ้า อย่างที่ ‘ตัวเขาเองเคยทำในอดีต’
ระยะห่างของคนทั้งคู่อยู่ห่างกันไม่มาก แต่กลับถูกกั้นเอาไว้ด้วยข้ารับใช้วังอัฐทิศที่รีบเอาตัวออกมากั้นเขาและเธอออกจากกัน จนเวลานี้กลับกลายเป็นโล่เนื้อมนุษย์หลายต่อหลายชั้น ทำให้ผู้มาเยือนยามวิกาลนึกถึงครั้งวันวาน ครั้งที่ตนและมารดาถูกกดขี่อยู่ในวังแห่งนี้
ในตอนนั้น เขาเองก็ถูกกักกันให้อยู่ห่างจากพระธิดาเพียงองค์เดียวของวังนี้อย่างเช่นในตอนนี้
ถูกกดให้อยู่ต่ำราวกับก้อนดิน จะเงยหน้ามองอีกฝ่ายแค่เสี้ยวนาทียังไม่ได้
แต่ว่าในเวลานี้ เขาต่างหากที่กุมความเป็นไปของวังทั้งวังและตัวทั้งตัวของหม่อมเจ้าหญิงปาริมาลาวัลย์เอาไว้
ตัวทั้งตัว…
ริมฝีปากของชายหนุ่มปรากฎรอยลึกขึ้นน้อยๆ ราวเย้ยหยันบางสิ่ง แต่แน่นอนว่าในความมืดอันขมุกขมัวย่อมไม่มีใครสังเกตเห็น เขามองร่างหญิงสาวที่ถูกห้อมล้อมเอาไว้ แววตาเข้มลึก ดำมืดยิ่งกว่ารัตติกาล
ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน เขาก็ไม่อาจเข้าไปใกล้ได้
ได้แต่มอง…เฝ้ามอง…
แต่เมื่อก่อนกับเวลานี้ไม่เหมือนกัน…ไม่เหมือนอีก
“ตอนนี้วังอัฐทิศอยู่ในการควบคุมของผม นาวาอากาศตรีโฮชิฮิโตะ โทชิ ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ ห้ามหลบหนี หรือคิดติดต่อกับคนภายนอกก่อนได้รับการอนุญาต ถ้าไม่ฟัง…”
ชายหนุ่มเว้นจังหวะ จ้องลึกเข้าไปในดวงตาตื่นตกใจของหญิงสาวกลางวงล้อม
“ผมจะใช้กฎทหารของกองทัพญี่ปุ่น ลงโทษทุกคนอย่างเด็ดขาด…โดยไม่มีข้อยกเว้น”
“…!!”
____________________
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น