คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2
นาดารีบพาการะเกดมาล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นขึ้น จากนั้นสั่งสาวใช้ไปหาอุปกรณ์ทำแผลให้กับรอยฟกช้ำตามเนื้อตัวของหญิงสาว
"ตรงไหนเจ็บมากบอกนะคะ ถ้าไม่ไหวจะได้ตามหมอ" นาดาพูดพลางสำรวจร่างกายของหญิงสาวอย่างละเอียดถี่ถ้วน
การะเกดตัวเล็กนิดเดียว แต่ถูกคนตัวโตอย่างชีคดาเนียลเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาถึงสองครั้ง นาดาเห็นรอยช้ำจากแรงกระแทกและแรงเหวี่ยงที่น่องขาและต้นแขน จึงรีบทายาให้และอธิบายให้หญิงสาวเข้าใจอย่าถือโทษโกรธเคืองคนที่กำลังเสียใจเลย
"ชีคไม่น่ารุนแรงเลย โธ่เอ๊ย" นาดาจนด้วยเกล้าไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
"ฉันไม่เป็นไรมากหรอกค่ะ ขอบคุณคุณมากที่เป็นห่วง" การะเกดฝืนยิ้ม ทั้งที่ความจริงเริ่มรู้สึกระบมไปทั่วร่าง
"เขาโกรธเกลียดอะไรฉันนักหนาคะ ถึงได้ต้องจับตัวฉันมาที่นี่ แล้วยังจะบังคับให้ฉันยอมรับในสิ่งที่ไม่ได้ทำอีก คุณคะ ช่วยพาฉันกลับบ้านที ฉันสัญญาค่ะว่าจะไม่พูดเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้ใครฟังเด็ดขาด" การะเกดวิงวอนขอความเห็นใจ
"นะคะคุณนาดา ฉันหายมาแบบนี้ครอบครัวฉันต้องตกใจวุ่นวายกันใหญ่แล้ว ปล่อยฉันกลับไปเถอะ ถ้าจะให้ฉันช่วยอะไร ถ้าทำได้รับรองว่าฉันช่วยเต็มร้อยแน่" นักข่าวสาวอ้อนวอนอีกครั้ง
นาดาได้แต่ถอนหายใจและรับฟังคำขอร้องเพียงอย่างเดียว ทำไมจะไม่อยากช่วย แต่ยิ่งช่วยก็รังแต่จะยิ่งแย่ คนอย่างชีคดาเนียลถ้าคิดจะทำอะไรแล้ว ต่อให้สุดหล้าฟ้าเขียวแค่ไหนก็จะต้องทำให้ได้ รับรองว่านักข่าวสาวไม่มีวันหนีพ้นเงื้อมมือพญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายไปได้แน่
"เขาพูดเรื่องอะไรก็ไม่รู้ บังคับให้ฉันรู้จักคนที่ไม่เคยเห็นหน้า คุณคะ ชีคดาเนียลต้องเสียสติไปแล้วแน่ๆ คุณต้องช่วยฉันนะคะ ได้โปรด ส่งฉันกลับบ้านด้วยเถอะ" หญิงสาวร้องขอความช่วยเหลืออีกครั้ง
"คุณการะเกดคะ"
"คุณสงบสติอารมณ์ แล้วฟังฉันพูดสักนิดได้ไหมคะ" น้ำเสียงนาดาเป็นงานเป็นการขึ้นมาทันที การะเกดต้องเงยหน้าขึ้นและรอฟังว่าจะพูดอะไรต่อ
"ชีคของฉันไม่ได้เสียสติอะไรทั้งสิ้น เรื่องที่พูดคือความจริงที่เกิดขึ้นที่นี่"
"เรื่องอะไรคะ ช่วยบอกหน่อยได้ไหม"
มีอะไรเกิดขึ้นที่นี่ แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับตัวเธอด้วยงั้นหรือ "เมื่อสองเดือนก่อนน้องชายของชีคดาเนียลฆ่าตัวตาย"
"อะไรนะคะ" หญิงสาวตาโตเมื่อได้ยินเรื่องที่นาดาเอ่ย
"และต้นเหตุการเสียชีวิตของคุณอัสมันก็คือ ... คือ"
"คืออะไรคะ" นักข่าวสาวรีบถามเมื่อเห็นนาดาอ้ำอึ้งไม่ยอมพูดต่อให้จบ
"ผู้หญิงที่เป็นสมาชิกเวปไซต์คนรักพญาเหยี่ยวแห่งทะเลทราย"
"ผู้หญิงคนนั้นทำอะไรคุณอัสมันคะ"
"บอกเลิกความสัมพันธ์ และใช้คำพูดทำร้ายจิตใจคุณอัสจนต้องลงเอยแบบนี้"
"ไม่ใช่ฉันแน่นอนค่ะ" นักข่าวสาวยืนกรานหนักแน่นว่าไม่ใช่ตนเองแน่ การะเกดไม่มีเวลามาแชทคุยกับใครทั้งสิ้น แค่งานที่รับผิดชอบก็มากมายจนหาเวลาพักผ่อนไม่ได้แล้ว
"แต่ชีคดาเนียลบอกว่าชื่อและรหัสของผู้หญิงคนนั้นคือคุณ" นาดาพูดตามที่ชายหนุ่มบอกมา
คุณพระช่วย การะเกดหลับตาลงทันที ความซวยมาเยือนในชีวิตหรือโชคชะตาเล่นตลกอะไรกัน เวปไซต์คนรักพญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายเธอรู้จัก เพราะเคยมือบอนสมัครเป็นสมาชิกเนื่องจากอยากรู้ว่าพญาเหยี่ยวตนนี้หน้าตาเป็นอย่างไร
"คุณรู้จักเวปไซต์นี้ไหมคะ" นาดาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"รู้จักค่ะ เมื่อสองปีก่อนฉันกับเพื่อนๆ ที่มหาวิทยาลัยเพิ่งรู้จักชีคดาเนียลจากกระแสในโลกออน์ไลน์ พวกเราสมัครเป็นแฟนคลับแต่ก็แค่กดไลค์รูปที่ลงในเวปไม่เคยทำอย่างอื่นอีกเลย ฉันลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเคยสมัครเป็นแฟนคลับ"
"แต่ชีคบอกว่าคุณคุยกับคุณอัสมัน ทุกเรื่องแม้แต่..."
"แม้แต่อะไรคะ"
"แม้แต่การเป็นชาวคาลีจที่ดีตามวิสัยทัศน์ของชีคดาเนียล"
"อะไรนะคะ" การะเกดร้องเสียงหลง
ทุกอย่างที่เกี่ยวกับคาลีจการะเกดได้ข้อมูลมากจากอากู๋ในโลกไซเบอร์ ไม่มีการคุยกับใครที่เป็นชาวคาลีจแม้แต่คนเดียว ส่วนที่นาดาบอกว่ามีการใช้ล็อกอินชื่อเธอเข้ามาคุยในเวปไซต์ มันยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้แน่ ในเมื่อเจ้าตัวเองยังจำไมได้ด้วยซ้ำว่าล็อกอินนั้นชื่อว่าอะไร แล้วจะมาบอกว่าเป็นคนคุยกับผู้ชายที่ชื่ออัสมันจนเกิดเหตุร้าย
ให้ตายเถอะ การะเกดกล้าพูดเต็มปากว่าถูกกล่าวหา และเป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงมากจนไม่อาจทนให้ถูกต่อว่าได้เพียงฝ่ายเดียวแล้ว
"ฉันไม่ได้ใช้มันอีกเลยหลังเรียนจบ และสาบานได้ว่าชื่อของคาลีจไม่เคยอยู่ในหัวจนกระทั่งฉันถูกสั่งให้มาสัมภาษณ์ชีคดาเนียลเมื่อวันก่อน"
ให้การะเกดจุดธูปสาบานกี่วัด เธอก็กล้ายืนยันในความบริสุทธิ์ของตนเอง หญิงสาวอธิบายทุกอย่างให้นาดารับฟังคร่าวๆ ก่อนจะตบท้ายอีกทีว่า
"ฉันขอยืนยันค่ะ ฉันไม่รู้จักคุณอัสมันจริงๆ และขอแสดงความเสียใจต่อการจากไปของเขาด้วย"
"คุณบอกฉันก็ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ คนที่คุณต้องพูดให้รู้เรื่องคือชีคดาเนียลต่างหาก" นาดาไม่มีสิทธิ์ในการตัดสินใจใดๆ ทั้งสิ้น
แม้ในใจจะเริ่มลังเลในสิ่งที่ได้ยินว่า การะเกดไม่ใช่ต้นเหตุการจากไปของอัสมันอย่างที่ชีคดาเนียลเคยกล่าวหา แต่นาดาก็ไม่รู้ว่าจะเชื่อคำพูดสุภาพสตรีต่างถิ่นคนนี้ได้มากแค่ไหน คนตายไม่อาจลุกขึ้นมาอธิบายอะไรได้ มีแค่คนเป็นเท่านั้นที่พูดกันรู้เรื่อง
"เขาจะยอมฟังฉันเหรอคะ ในเมื่อเขาเชื่อเต็มร้อยว่าฉันเป็นคนทำให้คุณอัสมันตาย" นี่ล่ะ คือปัญหาใหญ่สำหรับการะเกด
ถึงใครทั้งโลกจะเข้าใจและเชื่อว่าการะเกดไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่ถ้าตาชีคขี้โมโหนั่นไม่เข้าใจทุกอย่างก็จบ นักข่าวสาวต้องคิดให้รอบคอบที่จะเจรจากับเขาอีกครั้ง
นาดากลายเป็นคนกลางในการเจรจาระหว่างการะเกดและชีคดาเนียลอีกครั้ง นางขอร้องให้ชายหนุ่มรับฟังคำแก้ตัวจากปากของคนที่ถูกกล่าวหา
"ตามกฎหมายฉันมีสิทธิ์ที่จะให้การในชั้นศาลเท่านั้น แต่ตอนนี้คุณทำตัวเป็นศาลเตี้ยเสียเอง ดังนั้นคุณก็ต้องกล้าที่จะฟังฉันพูดและยินยอมให้ฉันใช้สิทธิ์แก้ข้อกล่าวหาของตัวเอง"
เมื่อรู้เรื่องราวทุกอย่างจากปากของนาดาแล้ว การะเกดจึงขอเจรจากับชีคดาเนียลอีกครั้ง โดยสัญญากับตนเองว่าจะตั้งสติและใช้เหตุผลในการคุยกันให้มากที่สุด และขอร้องให้นาดาอยู่เป็นเพื่อนในระหว่างที่เจรจาด้วย
"แล้วไง หัวหมอเหลือเกินนะ" เขาประชดด้วยคำพูดและแววตาอย่างชัดเจน แต่การะเกดก็ไม่สนและยืนยันว่าต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์เท่านั้น
"คุณมีหลักฐานของคุณ ฉันก็มีหลักฐานของฉันเหมือนกัน คุณจะมากล่าวหาลอยๆ แบบนี้ไม่ได้"
"หลักฐานบ้าอะไรของเธอ"
"ฉันต้องหาก่อนว่าเรื่องนี้มันผิดพลาดที่ตรงไหน ทำไมทุกอย่างถึงทำให้คุณเชี่อว่าเป็นฉัน" การะเกดค่อยๆ วิเคราะห์สถานการณ์ตามสัญชาติญาณนักข่าว
มันต้องมีที่มาที่ไปของเรื่องนี้ ชีคดาเนียลมีหลักฐานว่าล็อกอินในเวปไซต์และอีเมล์เป็นของเธอ แต่อีเมล์นี้การะเกดใช้ทุกวันดังนั้นจึงมั่นใจว่าไม่เคยมีอะไรที่เกี่ยวกับคาลีจส่งมาแม้แต่ครั้งเดียว
แต่ล็อกอินนี่ซิ ในเมื่อเธอไม่ได้ใช้มันอีกเลยนับจากวันที่มือบอนไปสมัคร แล้วใครกันที่ใช้ล็อกอินต่อจากเธอหรือว่าข้อมูลจะเซฟการเข้าเวปไซต์อัตโนมัติโดยไม่ต้องใส่พาสเวิร์ดหรือล็อกอินทุกครั้งที่เข้าใช้บริการ นี่ก็เป็นประเด็นที่ต้องคิดและหาคำตอบให้ได้
"จะพูดว่าไม่ใช่ตัวเอง แต่เป็นใครที่ไหนก็ไม่รู้ที่มาสวมรอยใช้ล็อกอินเธอ" ชีคหนุ่มเบะปากทันทีที่ฟังคำอธิบายของการะเกดจบ
ให้ตายเถอะ นิทานหลอกเด็กพวกนี้คนอื่นฟังแล้วอาจจะเชื่อ แต่ต้องไม่ใช่ชีคดาเนียลคนนี้แน่ เพราะการจะหาตัวคนผิดมาลงโทษไม่ใช่ทำกันง่ายๆ โดยไม่เช็กข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น
"จะว่าแบบนั้นก็ได้ค่ะ" การะเกดไม่รู้จะเรียกการทำแบบนี้ว่าอะไรดีเหมือนกัน
"เอาอะไรมาพิสูจน์ ในเมื่อชื่อที่อยู่ทุกอย่างตรงกันหมด แม้แต่อีเมล์ที่เธอส่งมาขอสัมภาษณ์ฉันก็คืออันเดียวกัน"
"อีเมล์นี้เป็นเมล์ส่วนตัวของฉันที่ใช้มานานแล้ว จะมีแต่คนที่สนิทถึงรู้เพราะปกติฉันใช้เมล์ที่ทำงาน"
"อ้อ งั้นอัสมันก็เข้าข่ายคนสนิทซินะ ถึงได้มีเมล์นี้ของเธอ" เขาไม่วายประชดออกมาในที่สุด
"วันที่ฉันติดต่อมาขอสัมภาษณ์คุณ เมล์ที่ทำงานฉันมีปัญหานิดหน่อยก็เลยต้องใช้เมล์ส่วนตัวแทน" การะเกดพยายามอธิบายอย่างใจเย็นที่สุด
จะคราวซวยหรือโชคร้าย การะเกดก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินหน้า และหาหลักฐานมายืนยันความบริสุทธิ์ของตนเอง ไม่เช่นนั้นชีคดาเนียลคงไม่เลิกราวุ่นวายกับตนแน่
ที่สำคัญตอนนี้เธออยู่ในคาลีจ และชีคขี้โมโหคือผู้นำสูงสุดของที่นี่ มันคงไม่ปลอดภัยกับชีวิตน้อยๆ ที่ยังมีฝันอีกมากมายของการะเกด หากว่าเปิดศึกกับพญาเหยี่ยวแห่งทะเลทราย ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ ขอแค่เขาให้โอกาส หญิงสาวมั่นใจว่าจะสามารถหาหลักฐานมายืนยันให้ตนเองพ้นผิดได้แน่นอน
"ช่างบังเอิญเสียจริงนะ" ชีคดาเนียลอดที่จะหมั่นไส้ต่อความหัวหมอของการะเกดไม่ได้
เจ้าหล่อนควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่าที่เขาคิด ไม่ฟูมฟายโวยวายเหมือนเมื่อครู่ และใช้การเจรจาทางการทูตได้อย่างดีทีเดียว แต่ไม่ว่าจะพูดอีกกี่ครั้งหรือจะใช้มารยาเล่มเกวียนไหน การเจรจาบทใดก็ช่าง ชีคดาเนียลก็ไม่มีหวังหลงกลเชื่อคำโกหกแน่ การะเกดคนนี่แหล่ะ คือผู้หญิงใจร้ายที่ทำให้น้องชายสุดที่รักจากไปอย่างไม่มีวันกลับ
"คุณจะเอาไงว่ามา แต่บอกก่อนว่าถ้าให้ฉันยอมรับความผิดที่ไม่ได้ทำ ฉันไม่มีวันยอมรับเด็ดขาด"
นิสัยตรงไปตรงมาคือตัวตนที่แท้จริงของการะเกด แม้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นถึงผู้นำของคาลีจ แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกหวาดกลัวแต่อย่างใด ตรงกันข้ามนี่คือโอกาสที่จะแสดงความบริสุทธ์ใจให้ทุกคนรับรู้ และอาจเป็นหนทางเดียวที่ทำให้หญิงสาวพ้นข้อกล่าวหานี้ได้
"ฉันรู้" ชีคดาเนียลยักไหล่เบาๆ ลุกขึ้นยืนและก้าวเท้าเข้ามาหาหญิงสาวอย่างช้าๆ สายตาและท่าทีดุดันแข็งกร้าวลดลงอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อชีคหนุ่มมาหยุดยืนมองอยู่ตรงหน้านักข่าวสาว รัศมีความน่าเกรงขามที่สัมผัสได้กลับไม่ทำให้รู้สึกกลัวแม้แต่น้อย แววตาที่ไร้ความโกรธท่าทีที่เรียบเฉยวางตัวสมกับเป็นผู้ปกครองที่คนทั้งเมืองให้การยกย่อง มันช่างดูมีเสน่ห์จนไม่อาจละสายตามองไปทางอื่นได้ การะเกดกล้าพูดเต็มปากว่าชีคดาเนียลหล่อ เท่ห์และมีเสน่ห์เหลือเกิน ทว่า...
เมื่อครู่เขาเหมือนหมาบ้า คนเจ้าอารมณ์ ผู้ชายเอาแต่ใจ คนไม่มีเหตุผลไม่ยอมฟังใคร และอีกร้อยแปดประการที่ทำให้ความหล่อ ความเท่ห์และเสน่ห์ที่ดึงดูดหมดไปในทันที
"รู้ว่าผู้ร้ายปากแข็งอย่างเธอ ยังไงก็ไม่มีวันยอมรับอยู่แล้วว่าตัวเองทำอะไรไว้บ้าง บางทีฉันอาจจะใจดีกับเธอเกินไปก็ได้" ชีคหนุ่มปรายตามองผู้ถูกกล่าวหาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่แสดงท่าทีเกรี้ยวกราดเช่นเมื่อครู่
"คุณคิดจะทำอะไร" การะเกดเริ่มไม่ไว้ใจท่าทีที่เปลี่ยนไปของชายหนุ่ม
ชีคดาเนียลไม่เพียงไม่โมโหเหมือนทุกครั้ง แต่ยังยิ้มอย่างเป็นมิตรให้กับคนที่เพิ่งอยากจะฆ่าให้ตายอย่างเธอเมื่อครู่ มันยิ่งทำให้การะเกดหวาดระแวงจนต้องระวังตัวเพิ่มมากขึ้น
"เมื่อให้โอกาสสำนึกกลับไม่คิดจะสารภาพ ถ้างั้นฉันคงไม่มีปัญญาจะง้างปากเธอแล้ว" ท่าทีอ่อนลงของชายหนุ่มทำให้ทุกคนสนใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป
คงไม่ใช่ใจดีส่งตัวกลับบ้านโดยไม่ติดใจอะไรทั้งสิ้นหรอกนะ เพราะนั่น ไม่น่าใช่วิสัยของพญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายแน่
"ส่งให้กฎหมายของคาลีจลงโทษคนทำผิดเองแล้วกัน เธอคงรู้ซินะว่าที่นี่ลงโทษคนทำผิดอย่างไร"
"คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะ" การะเกดร้องห้ามเสียงดัง
จู่ๆ เขาจะปล่อยให้เธอเดินเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่คงไว้ซึ่งจารีตที่เคร่งครัด ทั้งๆ ที่เมื่อครู่ยังตั้งตัวเป็นศาลเตี้ยพิพากษากันอยู่เลย การะเกดไม่มีวันยอมตกเป็นนักโทษของคาลีจโดยที่ตนไม่ใช่ผู้กระทำผิดแน่ และชีคดาเนียลต้องไม่ลอยแพกันง่ายๆ ด้วยการทำแบบนี้
"ชีคคะ มันจะทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าคนนอกรู้ว่าคุณอัสมันตายเพราะ..." นาดาพยายามพูดเตือนสติ
"ไม่ใช่ปัญหาถ้าจะมีใครพูดถึงการตายของอัสมัน ดีซะอีก คนทั้งคาลีจจะได้รู้ว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่ทำให้อัสมันจากเราไป"
"แต่ถ้าฉันบริสุทธิ์ คุณต่างหากที่จะกลายเป็นฆาตกรที่ฆ่าคนบริสุทธิ์อย่างฉัน" นักข่าวสาวดิ้นหาทางรอดให้กับตนเอง
"ฉันยังไม่ได้หาหลักฐานมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง ถ้าขึ้นศาลก็เสมือนขาดพยานยืนยัน ฉันมีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องขอการคุ้มครองตนเอง และฉันมีสิทธิ์ที่จะไม่รับข้อกล่าวหาใดๆ ทั้งสิ้น"
"จะหาแพะมารับบาปแทน หรือจะโยนความผิดให้ใครอีกล่ะทีนี้" น้ำเสียงชีคหนุ่มประชดในที
"ฉันไม่ได้หาแพะ แต่หาคนผิดตัวจริงมารับโทษ" นักข่าวสาวตอบโต้กลับอย่างไม่ลดละ
การะเกดเหนื่อยใจกับคำพูดของชีคดาเนียลเหลือเกิน คำพูดแต่ละคำล้วนปักใจเชื่อว่าเธอคือคนร้าย
"ในเมื่อคุณกล้าตัดสินโดยไม่สนคำพูดของฉันแม้แต่นิดเดียว ถ้างั้นคุณกล้าไหมล่ะ" การะเกดเชิดหน้าสบตาท้าทายอีกฝ่ายอย่างไม่ลดละ
"กล้าอะไร" ชีคหนุ่มถามกลับด้วยสายตาวาววับทันที
"กล้าให้ฉันหาหลักฐานมาพิสูจน์ความจริงไหม ว่าฉันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณกล่าวหา และถ้าโชคดีเราอาจได้รู้ว่าใครคือฆาตกรตัวจริงที่แอบอ้างว่าเป็นฉัน"
คอยดูเถอะ ถ้าวันไหนที่ความจริงเปิดเผย รับรองได้เลยว่าชีคบ้าจะต้องหน้าแตก และเมื่อถึงวันนั้นนักข่าวสาวสัญญาว่า จะทำให้เขาต้องอับอายและรู้สึกผิดที่กล่าวหากันลอยๆ ไปตลอดชีวิตแน่
"ฉันขอเวลาหนึ่งเดือน" หญิงสาวยื่นข้อเสนอกลับไปบ้าง
"เพื่อ" เขาชักเริ่มหมั่นไส้แม่นักข่าวหัวหมอขึ้นเรื่อยๆ เจ้าหล่อนจะมาไม้ไหนอีก แต่จะไม้ไหนมารยาเท่าไร แต่คนอย่างชีคดาเนียลก็รับมือได้หมดทุกกระบวนท่า
"ฉันจะหาหลักฐานมาแสดงความบริสุทธิ์ของตัวเอง ถ้าหาไม่ได้ฉันก็ยินดีให้คุณต้มยำทำแกงอะไรก็ตามแต่ต้องการ แต่ถ้าฉันพ้นข้อกล่าวหา คุณต้องขอโทษและส่งฉันกลับบ้านทันที ตกลงไหม"
ข้อเสนอของการะเกดทำให้ทุกคนในห้องลุ้นตัวโก่ง นาดาอยากจะพูดให้ชีคดาเนียลตกลงรับคำขอของนักข่าวสาวแต่ไม่กล้า ในขณะที่หญิงสาวได้แต่ลุ้นอยู่ในใจว่าเขาจะตอบว่าอย่างไร
"ยืดเวลาอีกหนึ่งเดือนเพื่ออะไรกัน การะเกด" ชีคดาเนียลเอ่ยถามด้วยความอ่อนใจ
"ไม่ใช่การยืดเวลาอะไรทั้งนั้น" การะเกดตอบอย่างฉะฉาน
"ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่า ใครที่แอบใช้ล็อกอินของฉันมาทำเรื่องแย่ๆ แบบนี้"
ชีคดาเนียลสบตากับนาดาทันทีที่การะเกดพูดจบ ดูเหมือนว่านาดาจะได้รับสัญญาณดีๆ จากดวงตาคู่คมที่เริ่มจะคล้อยตามคำพูดของหญิงสาวแล้ว บางทีความจริงบางเรื่องอาจต้องใช้ความสามัคคีปรองดอง เพื่อคลี่คลายข้อสงสัยที่เป็นปมปริศนาค้างคาใจของทุกฝ่ายก็เป็นได้ เรื่องนี้ต้องอยู่ที่การตัดสินใจของเจ้าแห่งทะเลทรายคนเดียวเท่านั้น
การะเกดไปรอฟังคำตอบในห้องนอน ตอนนี้ในห้องทำงานเหลือแค่ชีคดาเนียลกับนาดาเท่านั้น สายตาของพญาเหยี่ยวจับจ้องมองไปที่รูปถ่ายซึ่งตั้งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ความเศร้าโศกเสียใจต่อการจากไปของน้องชายอันเป็นที่รักยังอยู่ในหัวใจของชายหนุ่ม เขายังจำติดตาอย่างไม่รู้ลืมในวันที่เห็นร่างไร้วิญญาณของอัสมันอาบไปด้วยเลือด
"ชีคคะ" นาดาร้องเรียกเบาๆ เมื่อเห็นชายหนุ่มนิ่งไปหลายนาที
"ไม่จำเป็นที่เราต้องให้เวลาการะเกด" ชายหนุ่มตัดสินใจในที่สุด
'คุณไม่มีอะไรเทียบเขา ที่ผ่านมาแค่ความฝัน ไปจากชีวิตฉันซะ' ข้อความนี้กระมังที่เป็นต้นเหตุให้น้องชายสุดที่รักจากไปอย่างไม่มีวันกลับ คำตัดรอนที่ฆ่าอัสมันทั้งเป็นและสิ้นลมหายใจ ประโยคสุดท้ายที่อยู่ในข้อความกล่องแชทในเวปไซต์
และนี่คือสาเหตุสำคัญที่ทำให้ชีคดาเนียลต้องนำตัวการะเกดมา เพียงเพื่ออยากจะถามสักคำว่า เกิดอะไรขึ้นในความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ และอะไรเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้น้องชายจากไป อีกทั้งหวังว่าถ้าการะเกดได้รู้ว่าสิ่งที่กระทำในวันนั้นส่งผลอะไรบ้าง เขาก็ขอแค่ความสำนึกในความผิดต่อหน้าหลุมศพของผู้จากไปเพียงเท่านั้น
"มันไม่มีทางเป็นคนอื่นหรอกนาดา การะเกดแค่อยากถ่วงเวลาเท่านั้น"
เขาไม่คิดว่าเรื่องมันจะยุ่งยากขนาดนี้ ถ้าการะเกดฉลาดแค่ยอมรับและขอโทษทุกอย่างก็จบ ชีคดาเนียลไม่ได้คิดที่จะทำอันตรายใดๆ กับหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย เพราะรู้ว่าความรักไม่มีผิดหรือถูก ไม่มีเหตุผลที่จะรัก
เพียงแค่ต้องการความยุติธรรมให้กับน้องชายอันเป็นที่รักบ้าง เขาแค่ต้องการให้การะเกดรู้สึกเสียใจ รู้สึกผิดและสำนึกต่อการกระทำของตนเอง และเอ่ยคำขอโทษต่อหน้าหลุมศพของอัสมันเท่านั้น
แต่ตอนนี้สถานการณ์ไม่ใช่อย่างที่คิดไว้แต่แรก เจ้าหล่อนหัวหมอและมาเหนือเมฆกว่าที่คิดไว้มาก กล้าที่จะต่อรองโดยอ้างเอาหลักฐานมายืนยัน เมื่อกล้าพูดขอ ชีคดาเนียลก็กล้าที่จะนำไปพิจารณา แต่จะให้หรือไม่ขอตัดสินใจอีกที
"แล้วถ้าเธอไม่ได้ทำจริงๆ ล่ะคะ" นาดาย้อนถาม
"ทำไมคิดแบบนั้น มองโลกสวยแบบอัสมันระวังจะเสียใจ"
"เสียใจอีกหนึ่งเดือนก็ยังไม่สาย" นาดาพยายามขอร้องแทนอีกครั้ง
"นี่ตกหลุมมารยาผู้หญิงคนนี้อีกคนหรือไง" ชายหนุ่มทำหน้าไม่พอใจขึ้นมาทันที เมื่อรู้สึกได้ว่าพี่เลี้ยงเก่าแก่กำลังเข้าข้างคนอื่น
ท่าทางการะเกดจะมีวาทะศิลป์ดีถึงได้ทำให้นาดากล้ามาช่วยโน้มน้าวจิตใจเขาอีกคน แบบนี้ไม่ต้องคิดเลยว่าอัสมันหลงเสน่ห์เจ้าหล่อนจนเอาตัวเองสังเวยความรักได้อย่างไร ก็คงเพราะคำพูดหว่านล้อมเช่นนี้กระมัง
"เปล่าค่ะ แค่คิดว่าทำไมเราไม่ให้โอกาสเธอ"
"เพราะไม่จำเป็นไง หลักฐานก็บอกชัดเจนว่าเป็นการะเกด" ชีคหนุ่มยืนยันคำเดิม
"มีโอกาสผิดพลาดไหมคะ"
"แค่หนึ่งในร้อยเท่านั้น"
"เราจะแน่ใจได้ไงคะว่า คุณการะเกดไม่ใช่หนึ่งในร้อย"
ชีคดาเนียลเงยหน้าขึ้นสบตากับนาดาทันที ผิดพลาดหนึ่งในร้อยงั้นเหรอ มีทางเดียวที่จะผิดพลาดคือคนมีคนสวมรอยเป็นการะเกด แต่ใครจะทำแบบนั้น ในเมื่อขั้นตอนการสมัครเวปไซต์รัดกุมหนาแน่น ที่สำคัญโปรแกรมป้องกันแฮกเกอร์หรือไวรัสติดตั้งในระบบความปลอดภัยขึ้นหนึ่ง หัวกะทิด้านคอมพิวเตอร์อย่างอัสมันไม่มีทางพลาดแน่
"ถ้าเธอเป็นความผิดพลาดหนึ่งในร้อย ก็เท่ากับว่าเราจับแพะ" นาดาพูดอย่างเป็นกลาง
"แล้วถ้าเราจับตัวจริงได้ แต่ปล่อยให้ลอยนวลจนไปหาแพะมารับบาปแทนล่ะ" ชีคดาเนียลย้อนถามพี่เลี้ยงคนสนิทกลับไปบ้าง
"ชีคคงไม่ปล่อยให้เธอทำแบบนั้นใช่ไหมคะ" พี่เลี้ยงคนเก่งดักไว้หมดทุกทาง
"แค่เดือนเดียว แถมตัวคุณการะเกดก็อยู่ที่นี่ เธอคงไม่สามารถทำอะไรแบบนั้นได้แน่"
คฤหาสน์กลางทะเลทรายมีแขกคนสำคัญมาพบชีคดาเนียลแต่เช้าตรู่ การะเกดเฝ้ารอคำตอบทั้งคืนอย่างใจจดใจจ่อ แต่แล้วก็ต้องพบความผิดหวังเมื่อชายหนุ่มออกไปข้างนอก โดยที่ยังไม่ทันได้คำตอบใดๆ ทั้งสิ้น
"คุณนาดาคะ เมื่อคืนเขาว่าอย่างไรบ้าง" การะเกดถามคำแรกเมื่อเจอหน้านาดาที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามา
"ชีคยังไม่ได้ตอบค่ะ พอดีว่าเมื่อคืนมีโทรศัพท์เข้า" นาดาพูดตามความจริง
เมื่อคืนนี้นางเองก็นั่งรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ แต่บังเอิญว่ามารดาของชายหนุ่มโทรศัพท์เข้ามาติดพันยาวนานจนรอไม่ไหว เมื่อเช้าก็มีแขกสำคัญมาพบแต่เช้าจึงยังไม่มีคำตอบให้
"ลงไปข้างล่างดีกว่าค่ะ คุณฟาติมารออยู่"
"ใครคะ คุณฟาติมา"
"คู่หมั้นของคุณอัสมัน เธอมาเมื่อเช้านี้"
การะเกดเพิ่งรู้ว่าอัสมันมีคู่หมั้น ดังนั้นจึงคิดว่าการมาของฟาติมาเพื่อดูหน้าคนที่เป็นต้นเหตุให้คู่หมั้นต้องจากโลกนี้ไปหรือเปล่า หญิงสาวจึงเตรียมตัวเตรียมใจที่จะรับมือกับการต่อว่าของคนที่เสียใจ
ผิดคาดเมื่อฟาติมาไม่ได้มีท่าทีที่จะโกรธเคืองใดๆ การะเกดทั้งสิ้น หนำซ้ำยังเป็นคนพานักข่าวสาวไปที่ห้องทำงานของอัสมันด้วยตนเองอีกด้วย
"คุณพาฉันมาที่นี่ทำไมคะ" การะเกดถามด้วยความแปลกใจ
ที่จริงฟาติมาน่าจะโกรธเคืองหรือต่อว่าเธอสักนิด แต่นี่ไม่เพียงไม่มีคำพูดทำร้ายจิตใจยังสนับสนุนที่จะให้การะเกดพิสูจน์ตนเองให้พ้นข้อกล่าวหาอีกด้วย เป็นเรื่องประหลาดใจให้กับคนที่ถูกกล่าวหาเหลือเกิน และทำให้รู้สึกว่าอย่างน้อยฟาติมาก็เป็นคนมีเหตุผลรู้จักแยกแยะ
"ช่วยคุณหาหลักฐานค่ะ" ฟาติมาเปิดคอมพิวเตอร์ที่โต๊ะทำงานกลางห้องอย่างคล่องแคล่ว การะเกดเดาว่าหญิงสาวคงเคยมาช่วยอัสมันทำงานที่นี่บ่อยๆ
"จะเริ่มจากตรงไหนดีคะ" ฟาติมาถาม
"ทำไมคุณถึงคิดช่วยฉัน คุณน่าจะ..."
"น่าจะโกรธที่คุณเป็นต้นเหตุให้อัสมันทำแบบนั้นใช่ไหมคะ"
"ค่ะ" นักข่าวสาวยอมรับ
"ฉันเสียใจที่อัสมันตัดสินใจอะไรโง่ๆ อย่างนั้น แต่ฉันไม่มีสิทธิ์โกรธใครที่เป็นต้นเหตุของเรื่องเลวร้ายนี้"
"คุณ..." การะเกดมองหน้าคนพูดอย่างคาดไม่ถึง ฟาติมาไม่โกรธคนที่ทำให้คู่หมั้นสุดที่รักจากโลกนี้ไป เธอทำใจได้อย่างไรกัน
"ความรักไม่มีถูกไม่มีผิด อัสมันมีสิทธิ์ที่จะรักใครเลือกใครก็ได้ตราบใดที่เรายังไม่ได้แต่งงานกัน" น้ำเสียงฟาติมาคล้ายกับทำใจได้จริงกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ดูเหมือนว่าเธอคงก้าวข้ามผ่านความเสียใจตรงนั้นมาแล้ว และอาจจะพร้อมเริ่มต้นใหม่กับชีวิตที่เหลืออยู่
"ฉันเสียใจด้วยสำหรับการจากไปของคุณอัสมัน" การะเกดพูดด้วยความเห็นใจ
"สำหรับอัสมันแล้วเขาเป็นมากกว่าคู่หมั้นที่กำลังจะแต่งงานด้วย เราสามคน เอ่อ ฉันหมายถึง ฉัน อัสมันและก็ดาเนียล พวกเราผูกพันกันมาก" ฟาติมายิ้มที่มุมปากเล็กน้อยเมื่อคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาในชีวิต
"คุณพ่อของฉันเป็นอดีตรัฐมนตรีที่เคยช่วยพัฒนาคาลีจในสมัยที่ชีคฟาอิสเป็นผู้นำ ตระกูลซาเมียร์ไม่มีลูกสาวจึงรักและเอ็นดูฉันเหมือนลูกคนหนึ่ง การที่ฉันกับอัสมันลงเอยกันคือความสุขของทั้งสองครอบครัว"
"ฉันขอยืนยันว่า ไม่รู้เรื่องและไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น..." การะเกดถอนหายใจออกมาดังๆ ยิ่งฟังเรื่องราวความสัมพันธ์นี้แล้วก็ยิ่งรู้สึกสงสารฟาติมาเหลือเกิน
"บางทีนี่อาจเป็นประสงค์ของพระเป็นเจ้า เราคงฝืนโชคชะตาไม่ได้มั้งคะ" ฟาติมาก้มหน้าถอนหายใจเบาๆ ประหนึ่งว่ายอมรับกับชะตากรรมที่เกิดขึ้น
"ฉันอาจจะช่วยพวกคุณตามหาผู้หญิงคนนั้นได้" นักข่าวสาวพูดอย่างมีความหวัง
"เพื่ออะไรคะ หาตัวคนๆ นั้นมาเพื่ออะไรกัน" ฟาติมามองหน้าการะเกดด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
"เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของฉัน และบางทีอาจจะมีโอกาสได้รู้ความจริงว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมคุณอัสมันถึงต้องทำแบบนั้น"
"แต่ฉันไม่ต้องการรู้" ฟาติมาปฏิเสธทันที
การะเกดนิ่ง มองหน้าหญิงสาวด้วยความรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ทำไมฟาติมาถึงได้ไม่คิดสืบสาวราวเรื่องที่เกิดขึ้นกับคนรักที่จากไป
"หรือว่าคุณเชื่อว่าผู้หญิงคนนั้นคือฉัน" นักข่าวสาวถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
"จะเป็นคุณก็ช่าง จะเป็นใครก็ตาม การตามหาตัวไม่ได้ทำให้อัสมันฟื้นขึ้นมาได้ ฉันไม่อยากรับรู้หรือรื้อฟื้นในสิ่งที่ผ่านมาแล้วค่ะ ฉันต้องการเดินหน้าต่อไปเพื่อชีวิตที่ดีกว่า"
การะเกดเงียบไม่พูดอะไรต่อทั้งสิ้น ฟาติมาคงเลือกแล้วว่าจะทำใจให้ลืมเรื่องเลวร้ายด้วยการมองไปข้างหน้าเพื่อชีวิตที่เหลืออยู่ จึงไม่คิดสืบสาวเอาเรื่องราวใดๆ อีกต่อไป แต่เธอ...
เธอคงไม่สามารถหยุดค้นหาความจริงที่เกิดขึ้นในเรื่องนี้ได้แน่ เพราะมันอาจเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้การะเกดพ้นข้อกล่าวหาที่ชีคดาเนียลยัดเยียดให้ และหวังว่าความจริงจะถูกเปิดเผยโดยเร็วเพื่อจะได้ไม่ต้องอยู่ที่นี่ ในดินแดนที่ไม่ใช่บ้านเกิดเมืองนอนอีกต่อไป
"คุณคงเจอความร้ายกาจจากดาเนียลมาบ้างแล้ว ดาเนียลอารมณ์ร้ายไม่ใจดีเหมือนอัสมันหรอกค่ะ ตอนที่รู้ข่าวคุณถูกพามาที่นี่ ฉันก็คิดอยู่ว่าเขาจะทำอะไรกับคุณบ้าง" ฟาติมาวกกลับมาที่เรื่องของการะเกด
"ชีคดาเนียลยังไม่ได้ทำอะไรฉันเลย" การะเกดพูดตามความจริง
"นั่นก็เป็นเพราะว่าเขายังติดงานสำคัญอยู่ แต่เมื่อไรที่งานจบก็จะกลับมาไล่บี้กับคุณเรื่องอัสมันอีก"
"ฉันเพิ่งขอร้องเขาไปว่า ให้โอกาสหาหลักฐานก่อน"
"เขาไม่มีวันยอมหรอกค่ะ ดาเนียลจะใช้วิธีเลี่ยงไม่ตอบ จากนั้นก็จะใช้วิธีลงโทษตามความพอใจของตัวเอง"
"จริงเหรอคะ" การะเกดฟังแบบนี้แล้วชักเริ่มใจคอไม่ดี
ที่ผ่านมาชีคดาเนียลไม่เคยฟังเธอเลยอย่างที่ฟาติมาพูด และไม่ตอบอะไรทั้งสิ้นในสิ่งที่เสนอไปก่อนหน้า มีแต่จะบีบบังคับให้ยอมรับว่าความผิดที่ไม่ได้ก่อ หรือว่านิสัยของพญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายที่แท้จริง จะไม่ใช่ภาพลักษณ์แสนดีที่ทั่วโลกเห็น แต่เป็นการกระทำต่อหน้าที่เผชิญอยู่ในเวลานี้
"ยิ่งกว่าจริงอีกค่ะ เขาบังคับให้คุณยอมรับใช่ไหมว่าเป็นคนที่ทำให้อัสมันตาย" ฟาติมาหันมามองหน้าการะเกด
"ค่ะ เขาบอกว่าให้ฉันยอมรับซะ ว่าเป็นคนที่หลอกลวงคุณอัสมัน" หญิงสาวพยักหน้ารับตามที่พูด
"และไม่ว่าคุณจะอธิบายอะไรไป ดาเนียลก็ไม่ยอมเชื่อและไม่ฟังในสิ่งที่คุณพูดใช่ไหมคะ"
"ค่ะ เขาไม่ฟังอะไรทั้งนั้น พยายามบังคับให้ฉันยอมรับทั้งๆ ที่ฉันยืนยันเป็นสิบครั้งว่าไม่รู้จัก เขาก็ไม่ฟัง" ชีคดาเนียลเป็นแบบนั้นจริงๆ คือไม่ฟังอะไรที่การะเกดพูดสักคำเดียว คำพูดของเธอคือคำโกหก คำพูดของเขาคือประกาศิตที่ทุกคนต้องยอมรับ แต่ใครจะยอมรับในสิ่งที่ไม่ได้ทำ ให้ตายอีกร้อยครั้งหญิงสาวก็ไม่มีวันยอมรับเด็ดขาด
"ถ้าฉันเป็นคุณนะคะ ป่านนี้ฉันหนีแล้ว" ฟาติมาหันซ้ายมองขวาแล้วขยับตัวเข้ามาใกล้การะเกด
"หนี" นักข่าวสาวทวนคำเบาๆ
"ค่ะ อยู่ที่นี่ยิ่งง่ายต่อการหนี" น้ำเสียงฟาติมาจริงจังอย่างเห็นได้ชัด
"ที่นี่อยู่ใกล้ชายแดนรอยต่อระหว่างคาลีจกับโอม่าร์ กลางคืนมีรถบรรทุกขนของวิ่งผ่าน ถ้าไปกับพวกนั้นยังมีทางรอดมากกว่าอยู่รอดาเนียลตัดสิน"
"เขาจะทำอะไรฉัน" น้ำเสียงการะเกดเบาโหวงจนรู้สึกได้
"ฉันก็เดาใจไม่ถูกเหมือนกันค่ะ อย่างเบาก็คงขังคุณไว้ที่นี่จนกว่าจะพอใจ หรือไม่ก็คือทำให้คุณไปอยู่กับอัสมัน"
"ไปอยู่กับอัสมัน" นักข่าวสาวแทบหมดแรงเมื่อได้ยินบทลงโทษนี้
มิน่าเล่า หลายวันที่ถูกจับตัวมา เขาถึงได้พูดแต่คำว่าสำนึก ให้สำนึกอะไรในเมื่อเธอไม่ใช่คนผิด จะให้สำนึกเพื่อนำไปสู่การไปอยู่ในโลกแห่งความตายกับคนที่จากไปงั้นหรือ การะเกดไม่มีวันยอมให้เป็นแบบนั้นเด็ดขาด
"ฉันควรทำไงดีคะ" นักข่าวสาวถามเสียงเบา
"ไปจากที่นี่ค่ะ ถ้าตัดสินใจตอนนี้คุณยังมีโอกาสที่จะรอด"
"แต่ว่าฉัน..." การะเกดมีท่าทีลังเลใจเล็กน้อย หนีไม่เคยอยู่ในพจนานุกรมของสมองสักครั้งในชีวิต แต่คราวนี้ไม่เหมือนกัน ถ้าไม่หนีคือตาย แต่ถ้าหนีแล้วไปไม่รอดก็อาจตายได้เช่นกัน สรุปแล้วคือตายเท่านั้น
"ถ้าคุณไม่กล้าหนีก็ต้องระวังตัวนะคะ" ฟาติมาขยับตัวเข้ามาใกล้ๆ แล้วกระซิบที่ข้างหูให้ได้ยินกันเพียงสองคนว่า
"ดาเนียลมีวิธีจัดการคนทั้งต่อหน้าและลับหลังค่ะ ถ้าไม่ลงมือทำเองก็จะให้คนสนิททำแทน คุณต้องดูแลตัวเองดีๆ นะคะ ฉันเป็นห่วง"
การะเกดตัวชาวาบทันที ไม่ทำเองก็ให้คนอื่นทำงั้นเหรอ แล้วเขาจะให้ใครลงมือจัดการแทนเล่า คนที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดตอนนี้ก็มีเพียงนาดาเท่านั้น หรือว่า...ไม่น่า นาดาคงไม่ใจร้ายทำกับเธอได้ลงคอเช่นนั้นหรอก
"ลองสักครั้งไหมคะ เผื่อว่าคุณอาจจะรอด"
แววตาของฟาติมาเฉิดฉายเป็นประกายกล้าขึ้นมา เมื่อการะเกดพยักหน้ารับคำแนะนำนี้อีกครั้ง และคราวนี้เธอจะตั้งใจช่วยให้ผู้ถูกกล่าวหารอดพ้นเงื้อมมือพญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายให้จงได้
นักข่าวสาวเริ่มสับสนว่าตนควรจะทำอย่างไรกับชีวิตของตนเองตอนนี้ดี อยู่ที่นี่ต่อเพื่อรอคำพิพากษาโดยไม่ฟังเหตุผลใดๆ ของชีคใจร้ายนั่น หรือว่าทำอย่างอื่นที่ให้มีชีวิตรอดแล้วค่อยคิดหาทางแก้ไขเรื่องนี้ทีหลัง การะเกดควรทำอย่างไรดี ใครก็ได้ช่วยบอกหน่อยเถอะ
"คุณจะเริ่มจากตรงไหนก่อนคะ" เสียงฟาติมาดังขึ้นเรียกสติของการะเกดคืนกลับมาอีกครั้ง
การะเกดขอตัวเข้านอนแต่หัวค่ำหลังจากที่ทั้งวันนี้ขลุกอยู่แต่ในห้องทำงานของอัสมันกับฟาติมา ไม่มีข้อมูลใดๆ ที่หญิงสาวได้เพิ่มนอกจากการพูดคุยถึงชีคดาเนียลในแง่มุมที่ไม่เคยรู้มาก่อน
นักข่าวสาวเหลือบตามองนาฬิกาที่อยู่ข้างเตียง ฟาติมาบอกว่าตั้งแต่สามทุ่มเป็นต้นไปจะเริ่มมีขบวนรถบรรทุกที่จะเดินทางข้ามไปยังโอมาร์ผ่านมาทางนี้ ถ้าการะเกดต้องการจะไปจากที่นี่ก็จะต้องใช้โอกาสนี้เท่านั้น
'ถ้าคุณอยากไปจากที่นี่ ฉันจะช่วยค่ะ' ฟาติมาอธิบายแผนการณ์ต่อไปว่า
'รถบรรทุกที่ติดธงสีส้มคือรถที่จะไปโอมาร์ คุณสามารถขอติดรถเพื่อข้ามแดนไปกับพวกเขาได้'
'ถึงไปโอม่าร์ได้ฉันก็กลับเมืองไทยไม่ได้อยู่ดีค่ะ ชีคดาเนียลอุ้มฉันนั่งเจทเข้ามาที่นี่ พิธีการเข้าเมืองหรือพาสปอร์ตอะไรก็ไม่มี อีกอย่างไปถึงที่นั่นฉันไม่รู้จักใคร แล้วจะกลับเมืองไทยยังไงคะ'
'นี่แหล่ะค่ะคือนิสัยของดาเนียล ทำอะไรไม่ให้ใครติดตามร่องรอยได้ แสดงว่าวัตถุประสงค์ที่พาคุณมาก็เพื่อ...'
'เพื่ออะไรคะ' การะเกดถามต่อด้วยความอยากรู้
'ไม่ให้ใครรู้ว่าคุณมาที่นี่ ไม่มีหลักฐานอะไรที่จะโยงไปถึงคุณ บทลงโทษที่ดาเนียลจะมอบให้ก็คือการไปอยู่กับอัสมัน'
คุณพระช่วย แสดงว่าชีคดาเนียลคิดไว้แต่แรกแล้วว่าจะจัดการกับตนอย่างไรงั้นหรือ ไม่ได้ ไม่มีทางแน่ เธอไม่มีวันยอมรับชะตากรรมนี้เด็ดขาด
ไม่มีวันเด็ดขาดที่จะอยู่รอความตายหรือรอรับการลงโทษในสิ่งที่ไม่ได้ก่อตามความพึงพอใจของชีคดาเนียลแน่ การะเกดไม่ผิดและไม่ได้รู้เห็นต่อการจากไปของอัสมันแม้แต่อย่างเดียว ทั้งที่พยายามอธิบาย ขอร้องหรือแม้แต่ขอโอกาส เขาก็ยังไม่คิดจะหยิบยื่นสิ่งใดให้ มีแต่บังคับขู่เข็ญให้สำนึกในสิ่งที่ไม่มีความจำเป็นต้องรับผิดชอบ ดังนั้น...
เสียงนาฬิกาตีบอกเวลาย้ำว่าการะเกดจำเป็นต้องตัดสินใจแล้ว คืนนี้ชีคดาเนียลอาจจะกลับดึกเพราะมีงานสำคัญที่ต้องสะสางเป็นวันสุดท้าย และพรุ่งนี้คงจะมีเวลากลับมาไล่บี้และตัดสินลงโทษเธอเรื่องอัสมันแน่
จะไม่มีวันนั้น จะไม่มีการะเกดที่คาลีจให้ชีคดาเนียลทำอะไรตามอำเภอใจได้อีกต่อไป เธอจะกลับเมืองไทย กลับแผ่นดินเกิด อย่างน้อยก็กลับไปตั้งต้นเรียกสติคืนมาก่อน แล้วค่อยๆ คิดว่าจะทำอย่างไรกับข้อกล่าวหานี้ดี
เพื่อนๆ ที่เมืองไทยหลายคนมีความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์ ไม่แน่ว่าพวกนั้นอาจจะช่วยเธอเรื่องนี้ได้ เมื่อไรที่พร้อมและมีหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์ได้แล้ว การะเกดสัญญาว่าจะหาทางติดต่อกลับมาแน่
การะเกดลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้า โชคดีที่นาดาให้สาวใช้เอาชุดของเธอมาเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวค่อยๆ แง้มประตูห้องออกมาทีละนิด ปลอดคนไม่มีใครอยู่แถวนั้น
วินาทีที่ตัดสินใจเด็ดขาดการะเกดวิ่ง วิ่งลงบันไดแล้วเปิดประตูบานใหญ่ออกมา วิ่งโดยไม่หันหลังกลับไปมองอีกเลยว่าจะมีใครเห็นหรือไม่ เส้นชัยของเธออยู่ที่ถนนใหญ่ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากคฤหาสน์แห่งนี้
แสงไฟจากริมถนนเสียงรถที่วิ่งผ่านหน้าไปเมื่อครู่ การะเกดรู้สึกถึงคำว่าอิสรภาพขึ้นมาทันทีว่ามันมีค่าแค่ไหน เธอทำตามคำบอกของฟาติมาทุกอย่างและมันก็ได้ผลจริง อีกนิดเดียวเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นก็จะจบลงแล้ว อ้อมอกของแผ่นดินเกิดคือความหวังเดียวของหญิงสาวในเวลานี้
'หยุดรอที่เสาไฟริมทาง จากนั้นจะเห็นรถที่มีธงสีส้มให้โบกแล้วยื่นกระดาษแผ่นนี้ให้ พวกเขาจะรับคุณขึ้นไปทันที คุณต้องไปก่อนสามทุ่มครึ่งนะคะ'
'พอไปถึงด่านตรวจให้อยู่เฉยๆ ทำไมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอข้ามด่านไปได้พวกเขาจะไปส่งคุณไปหาคนที่ฉันสั่งให้มารับ'
'เรื่องตั๋วหรือพาสปอร์ตไม่ต้องห่วงนะคะคุณไปรอที่สนามบิน ส่วนอย่างอื่นฉันมีคนที่ช่วยได้รับรองได้ว่ ถ้าทำตามนี้คุณจะได้กลับบ้านคุณแน่'
'ช่วยฉันแบบนี้ ถ้าชีคดาเนียลรู้เข้า คุณจะไม่เดือดร้อนเหรอคะ' แม้จะดีใจที่มีทางหนี แต่การะเกดก็ไม่วายห่วงว่าจะทำให้คนอื่นเดือดร้อน
'คงไม่มีใครคิดว่าฉันจะช่วยคุณหรอกค่ะ ทุกคนมองว่าเราน่าจะเป็นศัตรูกันมากกว่าเพราะคุณมาทำให้อัสมันจากฉันไป'
'แล้วจริงๆ คุณคิดแบบนั้นหรือเปล่าคะ'
'ไม่เลยค่ะ ต้องขอบคุณคุณด้วยซ้ำที่ทำให้รู้ว่า ความรักของฉันกับอัสมันแข็งแรงแค่ไหน'
'แล้วถ้าเขารู้หรือจับได้ว่าคุณช่วยฉัน เขาจะทำอะไรคุณหรือเปล่า' นักข่าวสาวถามเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่ตัดสินใจไม่ทำให้ใครเดือดร้อนแน่
'กว่าจะรู้คุณคงกลับเมืองไทยไปแล้ว ถ้าให้ดีเมื่อกลับไปหลบไปอยู่ที่ไหนสักแห่งก่อน รอให้เรื่องเงียบแล้วค่อยกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ส่วนทางนี้ไม่ต้องห่วงยังไงดาเนียลก็ไม่ฆ่าฉันแน่ค่ะ และถ้าเขาโกรธ ฉันก็มีวิธีที่จะทำให้หายได้ คุณห่วงตัวเองและรีบตัดสินใจดีกว่า วันนี้ทางสะดวกทุกอย่างเหมาะที่จะหนี ถ้าพ้นวันนี้ไปแล้วอาจทำอะไรไม่สะดวกนะคะ'
'ขอบคุณคุณฟาติมามากนะคะที่ช่วยฉัน ถ้ากลับไปเมืองไทยได้ฉันจะพยายามหาทางสืบว่าใครที่แอบใช้ล็อกอินฉัน ทำเรื่องพวกนี้จนคุณอัสมันต้องตาย' นักข่าวสาวให้คำมั่นสัญญา
'บอกแล้วไงคะว่าไม่สำคัญ คุณควรคิดว่าจะทำอย่างไรที่จะหนีให้พ้นเงื้อมมือดาเนียลมากกว่า โชคดีนะคะ'
แสงไฟของรถบรรทุกสว่างจ้ามาแต่ไกล การะเกดดูนาฬิกาข้อมือเป็นครั้งสุดท้าย สามทุ่มครึ่งตรงเวลาพอดี รถบรรทุกที่มีธงสีส้มติดอยู่เคลื่อนเข้ามาใกล้ หญิงสาวขยับตัวไปยืนให้เห็นเด่นชัดขึ้น
รถบรรทุกคันดังกล่าวชะลอความเร็วลง ชายอาหรับโพกผ้าคนหนึ่งชะโงกหน้าลงมา พร้อมกับรับกระดาษแผ่นเล็กที่การะเกดยื่นออกไปให้ ในที่สุดเขาก็ยื่นมือมาดึงตัวนักข่าวสาวขึ้นไปบนรถ หญิงสาวภาวนาขอให้ทุกอย่างราบรื่นไม่มีอุปสรรคใดๆ มาขวางทางกลับบ้านของเธอได้
ชีคดาเนียลกลับมาเร็วกว่าที่บอกไว้ นาดามารอรับที่ห้องโถงเหมือนเคย ท่าทีเหน็ดเหนื่อยของชายหนุ่มทำให้นางกระวีกระวาดไปหาผ้าเย็นและน้ำสะอาดมาให้ เมื่อรู้สึกสดชื่นขึ้นจึงถามหาการะเกด
"ชีคจะให้คำตอบเธอแล้วใช่ไหมคะ" นาดาถามด้วยความตื่นเต้น
"แค่เดือนเดียวคงไม่นานใช่ไหม"
คำตอบของชีคดาเนียลทำให้นาดาเก็บความดีใจไว้ไม่อยู่ รีบวิ่งขึ้นไปที่ห้องของการะเกดเพื่อแจ้งข่าวดีนี้ให้เจ้าตัวรู้ แต่แล้วความดีใจของนางก็ต้องกลายเป็นความตกใจรีบวิ่งลงมาที่ห้องโถงอีกครั้ง
"มีอะไร นาดา" ชีคดาเนียลถามด้วยความแปลกใจ
"คุณการะเกดค่ะ คุณการะเกดหายไป"
"อะไรนะ การะเกดหายไป หายไปได้ยังไง"
ไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าการะเกดหายไปไหนและเมื่อไร ชีคหนุ่มกำมือแน่นด้วยความโมโห ไม่คิดมาก่อนว่าเจ้าหล่อนจะกล้าทำแบบนี้ เจ้าแห่งทะเลทรายเปิดประตูเข้าไปที่ห้องเล็กข้างห้องโถงทันที กล้องวงจรปิดที่ติดไว้ทุกตำแหน่งในบ้าน ถูกย้อนดูเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว
ภาพที่ปรากฏคือการะเกดวิ่งออกไปอย่างไม่คิดชีวิต และเป็นโชคดีหรือโชคร้ายของหญิงสาวไม่รู้ เสาไฟต้นที่ยืนรอรถมีกล้องวงจรปิด สามารถจับภาพว่าเธอขึ้นรถบรรทุกที่จะข้ามผ่านชายแดนที่โอม่าร์
"คุณการะเกด" นาดาอยากจะเป็นลมเมื่อเห็นสิ่งที่การะเกดทำ อะไรทำให้คิดสั้นหนีไป ทั้งที่ไม่รู้ทิศทางและไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้างหน้าบ้าง
"จะปล่อยเธอไปเหรอคะ ถ้าที่ด่านมีปัญหา" นาดาเอ่ยเสียงเครือ
การะเกดคงไม่รู้กระมังว่าที่ด่านชายแดนมีอะไรร้ายแรงรออยู่ ข่าวโจรทะเลทรายบุกปล้นสะดมชิงของที่จะข้ามไปค้าขายมีอยู่บ่อยครั้ง หรือบางทีก็เกิดปัญหาทะเลาะวิวาทของพ่อค้าด้วยกันเองที่ขัดผลประโยชน์จนลงเอยด้วยชีวิต
ปัญหาเหล่านี้ทั้งโอม่าร์และคาลีจพยายามหาทางแก้ไข แต่ก็ค่อนข้างยากเนื่องจากกว่าที่เจ้าหน้าที่จะไปถึง คนก่อเรื่องก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
"ชีคคะ" นาดาจับแขนชายหนุ่มที่ยืนมองด้วยสายตาแห่งความโกรธ
"เธอไม่ใช่คนที่นี่นะคะ ถ้าเกิดว่า..."
"เดี๋ยวผมจะตามไปเอง ถ้าคืนนี้ไม่กลับช่วยให้คนไปรับที่ด่านด้วย"
ชุดคลุมยาวและผ้าโพกศีรษะถูกเปลี่ยนแทนสูทหรูสีดำภายในเวลาไม่กี่นาที ม้าฝีเท้าดีที่สุดในคฤหาสน์คือพาหนะที่จะต้องแข่งกับรถบรรทุกที่วิ่งนำไปก่อนหน้าเมื่อครึ่งชั่วโมงนี้
นาดาสวดขอพรต่อพระเป็นเจ้า ได้โปรดเมตตาคุ้มครองพญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายให้ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง รวมถึงการะเกดผู้ไม่รู้ว่าเส้นทางข้างหน้าเต็มไปด้วยอันตรายเพียงใดด้วยเถอะ
ความคิดเห็น