ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พันธะสีเพลิง

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 18 ม.ค. 59


    หนูรุ้ง รุ้งพราย เผยความสัมพันธ์กับเต ตินพล เกินเพื่อนแต่จะใช้คำว่า คนรู้ใจได้หรือไม่ ปัดให้ไปถามฝ่ายชายเอาเอง  

    ภาพบนหน้าจอโทรศัพท์แปรเปลี่ยนเป็นเสียงเรียกเข้าดังกังวานก้องไปทั้งห้อง ทำเอาชายหนุ่มผู้กำลังอ่านข้อความชะงัก ในตอนแรกเขาทำท่าจะกดปุ่มตัดสายเพื่ออ่านข้อความต่อ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจกดรับในที่สุด

    ตาเต เห็นข่าวหรือยัง” เสียงแหลมปรี๊ดมาตามสาย “ทำไมยายหนูรุ้งไปให้ข่าวแบบนั้นล่ะยะ สรุปว่าเธอเขมือบเขาเข้าไปแล้วสินะ พ่อเจ้าประคุณ ช่างเจ้าชู้เสียจริง เพลาๆลงบ้างได้ไหมเนี่ย ข่าวฉาวพวกนี้

    ผู้ถูกเรียกว่า ตาเตยกโทรศัพท์ออกห่างเพราะเสียงที่ดังเกินประสาทหูรับไหว ริมฝีปากหยักได้รูปสวยระบายรอยยิ้มจางๆขณะหัวเราะอย่างไม่เดือดร้อน

    เจ๊พูดยังกับผมไปหลอกอะไรเขา โตๆกันแล้วนะครับ” 

    ย่ะอีกฝ่ายทำเสียงประชด รู้ละย่ะว่าเสน่ห์แรง พ่อคาสโนวาฆ่าไม่ตาย...แหมๆสาวๆล้อมหน้าล้อมหลังไม่เคยขาด ว่าแต่ยายหนูรุ้งนี่ ตัวจริงหรือยังล่ะ

    คนฟังกลอกตาไปมา เขาไม่ต่อความยาว แต่ถามไปเสียอีกเรื่อง 

    เจ๊โทร.มาหาผม มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ” 

    ก็เรื่องนี้ไงยะ นักข่าวโทร.มาหาฉันสายแทบไหม้ เขาอยากรู้ว่าเธอจะแถลงข่าวว่ายังไง

    ชายหนุ่มยังคงหัวเราะอารมณ์ดี

    ผมไม่มีอะไรจะแถลง อยากรู้อะไรบอกนักข่าวให้ไปถามรุ้งดีกว่า เขาคงจะตอบได้ดีกว่าผม โทษนะเจ๊ ผมต้องวางสายละ จะไปแต่งตัวแล้ว นัดเพื่อนกินข้าวตอนเที่ยง จะสิบเอ็ดโมงละ ยังไม่ได้อาบน้ำเลย

    โดยไม่รอคำตอบ เจ้าตัวกดปุ่มตัดสายโทรศัพท์ลงเพียงนั้น 

    ร่างสูงลุกขึ้นจากเก้าอี้หนังสีขาวซึ่งมีขนาดใหญ่กินพื้นที่เกือบทั้งหมดของบริเวณนั้น รูปร่างเมื่อยืนเต็มความสูงจะเห็นได้ว่าเพรียวได้ส่วนสัด จุดเด่นที่สุดคือดวงหน้าคมคาย ประกอบด้วยดวงตายาวรีดำคมเป็นประกายพราวนิดๆคล้ายเจ้าตัวกำลังยิ้มอยู่ในหน้า จมูกโด่งเป็นสันตรง รับกับริมฝีปากหยักระบายรอยยิ้มจางๆรูปหน้าเรียว ปลายคางขึงขังอย่างบุรุษเพศราวสลักจากช่างฝีมือเลิศหาที่ติไม่ได้ แม้แต่เส้นผมยาวสีน้ำตาลเข้มที่ระต้นคอก็สะบัดปลายสลวยเข้ารูปทรง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ประกอบเป็นตัวเขา ล้วนสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ยังแฝงด้วยเสน่ห์แห่งเพศครบถ้วน 

    เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มก้มลงมอง พอเห็นชื่อที่ปลายสายก็ถอนใจ

    ลังเลอยู่อึดใจว่าควรทำอย่างไร ในที่สุดเจ้าตัวก็ตัดสินใจวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะเตี้ยใกล้ตัว แล้วเดินแกมวิ่งขึ้นบันไดออกแบบเก๋แปลกตา ด้วยการใช้ไม้แผ่นใหญ่เรียงต่อกันชิดผนัง ไม่มีทั้งราวจับและไม่มีการเชื่อมต่อ ดูไปคล้ายแผ่นไม้ลอยอยู่ในอากาศ ด้านบนมีลักษณะคล้ายชั้นลอยเพราะยื่นออกมาเหลื่อมกับชั้นล่าง มีพื้นที่ใช้สอยน่าสบาย ประตูห้องสามบานเรียงติดกัน บานแรกเปิดแง้มเอาไว้ครึ่งๆ

    มือผลักประตูให้กว้างออก แล้วก้าวเข้าไป เป้าหมายคือห้องน้ำขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ลึกเข้าไปด้านใน ตกแต่งสวยหรูราวภาพในนิตยสาร เพียงครู่ เสียงเปิดน้ำฝักบัวก็ดังมา  

    เสียงโทรศัพท์ดังซ้ำขึ้นอีกหลายครั้ง ความที่ภายในบ้านค่อนข้างเงียบ ประกอบกับประตูห้องถูกเปิดทิ้งเอาไว้ ทำให้เสียงนั้นเล็ดลอดเข้ามาภายในได้ ทว่าคนในห้องน้ำไม่สนใจ เขาปล่อยให้มันดังอยู่อย่างนั้นจนเงียบไปเองในที่สุด... 

    ตลอดชีวิต ตินพลไม่เคยรู้จักคำว่า อกหัก

    ตั้งแต่เล็กจนโต สถานะเดียวที่เจ้าตัวได้รับเสมอมาคือ หนุ่มหล่อขวัญใจสาวๆพอย่างเข้าวัยรุ่น ทุกวันวาเลนไทน์ดอกกุหลาบและช็อกโกแลตจากบรรดานักเรียนหญิงในโรงเรียนจะอัดแน่นกันอยู่ในล็อกเกอร์ ต่อมาเมื่อขึ้นชั้นมัธยมปลาย เขาก็มีสาวน้อยหน้าตาสะสวยล้อมหน้าล้อมหลังไม่ได้ขาด ส่วนใหญ่จะคบหาเป็น คนรู้ใจในช่วงเวลาสั้นๆแล้วแยกทางกันไป จนกระทั่งสอบเข้ามหาวิทยาลัย ได้รับการติดต่อจาก เจ๊มิ้นต์ผู้จัดการคนดัง เจ้าของมินตราโมเดลลิ่ง พร้อมประเดิมละครเรื่องแรก ในบทบาทพระเอกหนุ่มมาดเท่คู่กับดาราสาวสวยในสังกัดเดียวกัน ด้วยความสามารถทางการแสดงที่ไม่เหมือนใคร และหน้าตาที่เด่นสะดุดตา ส่งให้ชื่อเสียงของเขายิ่งโด่งดังจนฉุดไม่อยู่ ประกอบกับระยะหลังๆคนดูละครแล้วเกิดอาการ อินก็เลยติดภาพว่าเขากับ ลลิยานางเอกคนสวยของเรื่อง เป็น คู่จิ้นที่คบหากันทั้งในจอและนอกจอ พลอยทำให้เขากับหญิงสาวใกล้ชิดกันมากขึ้นด้วย

    ลลิยาไม่ใช่รักแรก แต่เป็น คนในวงการคนแรกที่ตินพลคบหาด้วย นางเอกสาว ติดเขาแจ แม้จะเรียนคนละมหาวิทยาลัย แต่ถ้ามีเวลาว่างเมื่อไหร่ เธอจะปลีกตัวมาเฝ้าเขาชนิดไม่ให้คลาดสายตา นอกจากนี้ยังตามเขาไปทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นงานเดินแบบ กองถ่ายละคร หรือแม้แต่เพนส์เฮาส์หรูหรา อันเป็นที่พักอาศัยส่วนตัวของเขา เธอก็ปั๊มกุญแจสำรองไขเข้าไปนั่งรอได้อย่างหน้าตาเฉย

    ช่วงแรกๆตินพลเพียงแต่เตือนหญิงสาวว่าเขาต้องมีชีวิตของตัวเองบ้าง ทว่าเมื่ออีกฝ่ายไม่รับฟัง ทั้งยังตามตื๊อหนักข้อขึ้นทุกขณะ ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจถอยห่างออกมา

    ผลคือลลิยาตามราวีเขายิ่งกว่าเก่า ยิ่งถอยหนี เธอยิ่งระราน คล้ายต้องการท้าทายว่าเขาจะจัดการอย่างไร

    การตอบสนองของตินพลคือตัดขาดทุกความสัมพันธ์ ชนิดที่เรียกได้ว่า ตัดบัวไม่เหลือใยเขาไม่รับโทรศัพท์ ไม่ตอบข้อความในเฟซบุ๊ก ไลน์ หรือวอทแอพ ตลอดจนโปรแกรมการสื่อสารอื่นๆประกอบกับช่วงเวลานั้นกำลังสอบ เขาจึงอ้างกับ เจ๊มิ้นต์ได้เต็มปากว่าไม่สามารถรับงานใดๆได้

    หลังจากนั้นไม่กี่วัน หนังสือพิมพ์ก็ลงข่าวครึกโครมว่าดาราสาวฆ่าตัวตาย!

    ครึ่งชั่วโมงต่อมา ตินพลแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ร่างสูงเพรียวอยู่ในชุดลำลองง่ายๆเสื้อยืดเนื้อบางสีดำและกางเกงยีนสีเดียวกันพอดีตัว ดวงหน้าเพิ่งล้างมาใหม่ๆผ่องใสสะดุดตา เส้นผมสีน้ำตาลเปียกชื้นยาวระท้ายทอย เจ้าตัวใช้ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กเช็ดแรงๆพอหมาดขณะเดินออกจากห้อง

    เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งเมื่อปลายเท้าของตินพลสัมผัสบันไดขั้นสุดท้าย คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ขณะสาวเท้าเข้าไปจนใกล้ มือหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมา ตั้งใจว่าจะกดปิดเสียให้รู้แล้วรู้รอด จะได้ไม่ต้องทนรับฟังเสียงรบกวนอีก

    ภาพและชื่อของคนที่ปลายสายทำให้ปลายนิ้วชะงัก ตินพลเปลี่ยนใจกดรับสายรวดเร็ว

    ว่ายังไง ยายเพชร

    สวัสดี ตังเตเสียงที่ดังโต้ตอบมาสดใส สบายดีหรือ

    ก็เรื่อยๆตินพลทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ ริมฝีปากระบายรอยยิ้มน้อยๆเมื่อนึกถึงคนพูด สาวน้อยผิวขาว ผมยาวสีน้ำตาลเข้มหยิกสลวยกระจายเต็มบ่า รับกับดวงตากลมโตสีเดียวกัน เพื่อนสนิทต่างเพศคนแรกและคนเดียวของเขา เจ้าของชื่อจริงว่า น้ำหนึ่งหรือชื่อเล่นๆที่เขาเรียกติดปากว่า ยายเพชร’ “เธอล่ะ สบายดีใช่ไหม ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ

    น่าจะสบายกว่านาย ได้ข่าวว่าโดนหนูรุ้งตามจีบอยู่หรือไง ยังเสน่ห์แรงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนนะ

    ตินพลหัวเราะ อย่าแซวน่าเขาปราม แต่น้ำเสียงก็ไม่ได้เคร่งเครียดอะไรนัก มีอะไรเข้าเรื่องเลยดีกว่า คนดังงานรัดตัว หาเวลาคุยยากนะเฟ้ย ยอมรับโทรศัพท์ก็ดีเท่าไหร่แล้ว

    อีกฝ่ายหัวเราะบ้าง แต่ก็ยอมเปลี่ยนเรื่องโดยดี จะมาชวนไปเที่ยว เสาร์ถัดไปว่างไหม

    ตินพลเหลือบมองปฏิทินตั้งโต๊ะสีน้ำตาลคาดขอบแดงที่วางอยู่บนโต๊ะเตี้ย แล้วนิ่วหน้านิดๆเมื่อเห็นตัวอักษรที่เขียนเอาไว้ว่า ถ่ายแบบกับนิตยสารเพชรพราว ๑๑ โมงตรง

    ฉันติดถ่ายแบบตอน ๑๑ โมง ขอผัดเป็นวันอาทิตย์แทนได้ไหม

    น่าจะถ่ายเสร็จทันนะ เขานัดกันตั้งห้าโมงเย็น

    คำว่า เขานัดกันทำให้คนฟังชะงัก เขาน่ะใคร

    ก็...น้ำหนึ่งอึกอักนิดหน่อย แต่สุดท้ายก็หัวเราะเก้อๆเพื่อนๆชมรมเรื่องลี้ลับไง”    

    ตินพลเงียบไป ราวกับคำว่า ชมรมเรื่องลี้ลับกระทบใจ และอีกฝ่ายก็รีบพูดต่อด้วยน้ำเสียงประนีประนอม

    ทุกคนบ่นอยากเจอนายกันทั้งนั้น ยายฝันเอย ลุลาเอย นายอติอีกคน” 

    ภาพของชายหนุ่มร่างสูง ตาคมกริบฉายแววฉลาดล้ำ ผู้มีรอยยิ้มรวนๆที่มุมปากอยู่เสมอผ่านเข้ามาในความทรงจำ ตินพลอดไม่ได้ที่จะถามออกไป แล้วไอ้คุณพี่เก้านิ้วล่ะ ไปด้วยหรือเปล่า” 

    ยังไม่ได้ชวนเลยตอบไม่ได้คำตอบนั้นกำกวมอย่างไรชอบกล เถอะน่ะ อย่าไปสนใจพี่เก้าเขาเลย ถือเสียว่ามาเจอฉันก็พอแล้ว ตกลงเรานัดกันแล้วนะ ห้าโมงเย็น วันเสาร์นี้ ห้ามลืมเด็ดขาด

    ตินพลเงียบไปอึดใจ เขากำลังทบทวนอะไรหลายๆอย่าง จะว่าไปแล้ว ตอนนี้คิวงานของเขาก็รัดตัวเต็มที ถ่ายแบบปกนิตยสารวันเสาร์จบ วันอาทิตย์ช่วงบ่ายก็ต้องไปเดินแบบให้กางเกงยีนยี่ห้อหนึ่ง เท่ากับว่าถ้าเขาเอาเวลาช่วงเย็นวันเสาร์ไปเที่ยวสวนสนุกกับน้ำหนึ่ง เวลาพักผ่อนของสัปดาห์นี้ก็จะหมดไป คิวงานสัปดาห์หน้าของเขาเต็มแน่นทุกวัน ทั้งนี้ ไม่รวมถึงการต้องไปคุยรายละเอียดละครเรื่องใหม่อีกด้วย 

    แต่...ตินพลก็ไม่อยากปฏิเสธ น้ำหนึ่งเป็นเพื่อนสนิทที่เขารักมาก และเขารู้ว่าตอนนี้เธอกำลังมีปัญหาหัวใจ วาริ ผู้ชายที่เธอแอบรัก (เธอไม่ได้บอกตรงๆหรอก แต่ว่าเขาแอบรู้) มาตั้งแต่สมัยวัยรุ่น เพิ่งจะตกลงหมั้นหมายกับคนรักสาวสวย หนังสือพิมพ์ลงข่าวครึกโครมเมื่อเดือนก่อนนี้เอง และเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นผู้หญิงใจเพชรอย่างเธอมีท่าทางเหมือนจะร้าวสลาย

    เอาเถอะ เรื่องอื่นพักเอาไว้ก่อน ตอนนี้คงต้องดูแลเพื่อนหน่อย ตินพลตัดสินใจ ระยะหลังๆพอเริ่มมีชื่อเสียง เวลาที่พบปะกันก็น้อยลงตามลำดับ และเขาแทบไม่มีเวลาให้น้ำหนึ่งเลย นอกจากจะสนทนากันทางโทรศัพท์นานๆครั้ง บางทีเขาก็คิดว่าตัวเองมีเวลาให้เพื่อนน้อยเกินไป เพราะฉะนั้นให้เวลากับเธอหน่อยคงไม่เสียหาย

    ไปก็ไปตินพลตอบรับสั้นๆไม่วายปิดท้ายกวนๆตามนิสัย แต่ยังไงถ้าฉันลืม เธอก็โทร.มาตามแล้วกันนะ หรือจะตามในอินสตราแกรมก็ได้ ช่วงนี้อยากได้ข่าวใหม่มากลบข่าวเก่า เบื่อแล้ว”  

    พอๆน้ำหนึ่งปราม จะใช้ฉันเป็นไม้กันหมาอีกแล้ว ทำงี้บ่อยๆฉันขายไม่ออกกันพอดี ใครจะกล้ามาจีบ

    ตินพลไม่สนใจอาการโวยวายของอีกฝ่าย เขาก้มดูนาฬิกาแล้วตัดบท นั่นแหละ แค่นี้ก่อนนะ แล้วค่อยเจอกันวันเสาร์ นัดแล้วไม่เบี้ยวแน่นอน สัญญา

    เพื่อนเก่าวางสายไปนานแล้ว ทว่าตินพลยังนั่งอยู่ที่เดิม แววตาที่ปกติรื่นรมย์อยู่เสมอ บัดนี้สงบขรึม บอกให้รู้ว่าเจ้าตัวกำลัง ครุ่นคิดในบางสิ่งบางอย่าง

    การได้สนทนากับน้ำหนึ่งทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะนึกย้อนกลับไปถึงสมัยยังเยาว์ ทั้งคู่เป็นเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงกัน เด็กหญิงคนนั้นมีรูปร่างกลมป้อม ผิวขาวอมชมพูผ่องใส เส้นผมสีน้ำตาลสลวยรับกับดวงตากลมโตสีเดียวกัน ความน่ารักของน้ำหนึ่งคือเธอเป็นเด็กผู้หญิงที่เข้มแข็งและเล่นผาดโผนได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะปีนต้นไม้ บุกน้ำลุยโคลน หรือขี่จักรยาน เด็กชายตินพลก็เลยค่อนข้างจะชอบเธอมากกว่าเด็กผู้หญิงอื่นๆที่เอาแต่เล่นตุ๊กตาหรือหม้อข้าวหม้อแกง แม้ว่าต่อมาทั้งคู่จะไม่ได้เข้าศึกษาต่อในโรงเรียนเดียวกัน เพราะฐานะของเธอด้อยกว่ามาก แต่ในเมื่อฝ่ายชายไม่เคยถือสาสนใจ ความสัมพันธ์ก็ยิ่งกระชับเกลียวแน่นแฟ้นจนกลายเป็นเพื่อนสนิท มาห่างเหินกันก็เมื่อจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น เนื่องจากครอบครัวของเธอย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่ราชบุรี แต่แล้วก็กลับมาผูกพันกันใหม่ เมื่อต่างสอบติดมหาวิทยาลัยเดียวกัน แม้จะต่างคณะ แต่ความเป็นเพื่อนกลับไม่ได้ห่างเหินกันตามระยะทาง สองหนุ่มสาวนัดกินข้าวด้วยกันสม่ำเสมอ และในที่สุด ตินพลก็หาวิธีสร้างความผูกพันระหว่างกันอีกอย่างได้สำเร็จ

    อยากเข้าชมรมเรื่องลี้ลับด้วยกันไหมคำถามในอดีตของเขาย้อนกลับมาในความทรงจำ วันนั้นทั้งคู่ไม่มีเรียน ก็เลยนัดพบกันที่ร้านไอศกรีมในคณะของน้ำหนึ่ง ขณะนั้นตินพลเพิ่งเลิกรากับแฟนสาวคนล่าสุด จึงมีเวลาว่างมาพบเพื่อนสาวได้มากกว่าช่วงเวลาอื่น

    น้ำหนึ่งเงยหน้ามองเขาอย่างแปลกใจ ชมรมอะไร ชื่อพิลึก ลี้ลับ...ฟังแปร่งๆน่าจะใช้ว่าลึกลับเก๋กว่าหญิงสาวออกความเห็น แล้วทำไมต้องไปเข้า นายเห็นผีหรือยังไง

    ตินพลยักไหล่ เข้าชมรมเรื่องลี้ลับไม่ได้แปลว่าจะต้องเป็นคนเห็นผีเสมอไปนี่ เถอะน่า ถ้าเข้าชมรม เราจะได้เจอกันบ่อยๆไง

    น้ำหนึ่งยังคงทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ ทว่าตินพลวางหน้าเฉย เก็บเหตุผลลึกๆในใจไว้จนมิดเม้น ไม่ให้เธอรับรู้ได้ว่าเขามี เป้าหมายอะไรในใจถึงได้เลือกชมรมนี้

    อย่าบอกนะว่าไปปิ๊งสาวไหนในชมรมเข้า... อีกฝ่ายดักคอ และคนฟังก็ทำหน้าเบื่อ เขาโบกมือไปมา

    ช่วงนี้ขอเป็นโสดสักพัก สบายใจดี เรื่องความรักอย่าเพิ่งไปพูดถึงเลย

    น้ำหนึ่งอมยิ้ม ทว่าแววตาบอกว่าไม่เชื่อ ความที่รู้จักกันมานาน ทำให้เธอรู้จักชีวิตของเขาในทุกซอกมุม ตั้งแต่ย่างเข้าวัยหนุ่มน้อยจนกลายเป็นชายหนุ่มเต็มตัว ผู้หญิงหลายคนหมุนเวียนเปลี่ยนหน้ากันเข้ามาไม่ขาดสาย จากคนนี้ไปสู่คนนั้น ผ่านเข้ามาแล้วผ่านออกไป...ไม่ต่างอะไรจากสายน้ำ

    เพื่อนสาวอาจแปลกใจก็ได้ถ้าเขาสารภาพออกไปว่า...คนไม่เคยแล้งความรักอย่างเขากลับรู้สึกเหมือนไม่เคยได้รับความรักที่แท้จริงจากใครเลย

    เสียงโทรศัพท์ดังกังวานขึ้นเป็นเพลงซ้ำอีกครั้ง ถ้านับจากจำนวนตัวเลขเมื่อครู่ ก็เท่ากับว่าอีกฝ่ายโทร.มาเป็นครั้งที่ ๒๐ พอดิบพอดี

    ตินพลถอนใจให้กับความพยายามของคนที่ปลายสาย แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายคงร้อนใจอยากคุยด้วย แต่เขาไม่อยู่ในอารมณ์จะแสดงความเห็นอะไรในตอนนี้ และถ้าหากถูกบีบบังคับให้พูด ผลอาจกลายเป็นมีปากเสียงกันอย่างรุนแรงจนนำไปสู่การแตกหักก็เป็นได้

    หลังนิ่งคิดอยู่อึดใจ ชายหนุ่มก็ตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มือถือหย่อนลงในกระเป๋ากางเกงด้านหลัง แล้วก้าวออกจากห้อง ปิดประตูตามหลังดังปัง!

    อีกสามสิบนาทีต่อมา ตินพลก็ไปถึงสถานที่นัดหมาย ร้านอาหารขนาดกะทัดรัด กำแพงฉาบสีขาวสะอาดตัดกับกระเบื้องปูหลังคาสีน้ำตาลแก่เหลือบดำ บริเวณรอบร้านเป็นสนามหญ้าตัดเรียบ ตั้งโต๊ะเก้าอี้หวายพ่นสีขาววางห่างๆกัน บรรยากาศน่าสบายด้วยไม้ใหญ่นานาชนิดร่มรื่น มุมหนึ่งจำลองน้ำตกแลเห็นน้ำใสไหลริน ช่วยคลายความร้อนได้มาก

    ชายหนุ่มผลักประตูกระจกเข้าไปภายใน จึงได้พบว่าผู้ที่นัดไว้มารออยู่ก่อนแล้ว พอเห็นเขา ฝ่ายนั้นก็โบกมือให้

    มารอนานหรือยัง โทษที ออกสายไปหน่อยตินพลออกตัวขณะนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม และอีกฝ่ายก็ยื่นรายการอาหารส่งให้

    ไม่เป็นไร ก็นั่งไปเรื่อยๆ

    หลังพลิกดูรายการอาหารอยู่เป็นครู่ ตินพลหันไปสั่งอาหารกับพนักงานสาวที่มายืนยิ้มหน้าบานอยู่แถวนั้น เพราะสองหนุ่มโต๊ะนี้ต่างก็เป็นนักแสดงมีชื่อเสียง หน้าตาคมคายหล่อเหลา เจ้าหล่อนจำได้แม่นยำว่าคนที่เข้ามาทีหลังคือเต ตินพล ผู้รับบทพระเอกขวัญใจตลอดระยะเวลา ๓-๔ ปีให้หลังมานี้ ส่วนอีกคนแม้จะรับบทพระรองเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มาดเท่ ดูสะดุดตาไม่น้อย มีชื่อว่าสน สกล 

    ตินพลรอจนแน่ใจว่าพนักงานสาวอยู่ไกลพอจะไม่ได้ยินบทสนทนาแน่แล้ว จึงถามเสียงต่ำ

    นายบอกว่ามีเรื่องอยากคุย อะไรหรือ

    สกลนิ่งไปอึดใจ ในที่สุดเขาก็ตอบ หนูยา...จะกลับมาเมืองไทยแล้วนะ

    คนฟังชะงักนิดๆราวกับชื่อ หนูยากระทบใจ ภาพสาวน้อยหน้าหวานละมุนละไม นัยน์ตาคมหวานสดใสผ่านเข้ามาในความทรงจำที่ยาวนาน...นานเหลือเกิน ลลิยาจะกลับมาแล้ว  

    ฉันเดาว่าเขาคงต้องมาหานาย ก็เลยอยากมาเตือนไว้ก่อน

    หัวคิ้วของตินพลขมวดเข้าหากัน ต้องใช้คำว่า เตือนเลยเหรอวะ

    นายก็รู้ว่าฉันหมายถึงอะไร เมื่อหกปีก่อน หนูยารักนายมากแค่ไหน จำไม่ได้หรือ

    ภาพเหตุการณ์เก่าๆหวนคืนในความทรงจำ ขณะนั้น ทั้งตินพล ลลิยา และสกลต่างเข้าวงการในเวลาไล่เลี่ยกัน และแจ้งเกิดจากละครเรื่องเดียวกัน ตินพลกับบทพระเอก ลลิยากับบทนางเอก และสกลกับบทพระรอง คนทั้งสามค่อนข้างสนิทสนมกัน เนื่องจากลลิยาและสกลเป็นญาติห่างๆเด็กหนุ่มจึงคอยดูแลเด็กสาว และเมื่อเธออกหักจากพระเอกหนุ่ม ก็ได้เขานี่แหละเป็นคนช่วยปลอบใจอยู่เคียงข้าง

    ตั้งหกปี ป่านนี้เขามีแฟนใหม่ไปแล้วมั้ง

    ไม่มี...หนูยาไม่เคยคบใครเลยคำตอบหนักแน่นทำให้ตินพลชะงัก พอดีกับพนักงานยกเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ บทสนทนาจึงหยุดลงชั่วคราว

    หนูยาเป็นโสดตลอดช่วงเวลาที่อยู่อังกฤษสกลเล่าต่อหลังจิบเครื่องดื่มซึ่งเป็นกาแฟเย็นเฉียบเรียบร้อยแล้ว ผู้ชายมาจีบตั้งหลายคน แต่เขาปฏิเสธไปหมด”  

    ตินพลเกือบจะถามแล้วว่าทำไม...แต่ความหมายจากแววตาของอีกฝ่ายทำให้เขาหยุดคำถามนั้นไว้ได้ทัน

    นี่อย่าบอกนะว่า...

    ใช่ หนูยาไม่เคยลืมนาย เขายังรักนายอยู่

    เสียงร้องอุทาน อุ๊ย หนูรุ้งที่ดังขึ้นเบาๆของพนักงานคนหนึ่งที่ยืนอยู่แถวนั้น ทำให้บทสนทนาชะงักลงอีกครั้ง ชายหนุ่มทั้งคู่หันขวับไปมองทางต้นเสียง แล้วต่างก็สบตากันด้วยสีหน้าและแววตายากจะอ่าน

    ผู้ที่เพิ่งผลักประตูเข้ามาเป็นหญิงสาวร่างระหง ผิวขาวผ่องมองเห็นชัดเจนแม้อยู่ในระยะไกล เธอสวมกระโปรงชุดสีน้ำเงินสดตัวสั้นอวดช่วงขาเรียวหาที่ติไม่ได้ ผมดำขลับเกล้าไว้งดงามเน้นวงหน้ารูปไข่อิ่มเอิบที่มีเครื่องหน้าคมเฉียบ ทว่าดวงตาถูกพรางด้วยแว่นกันแดดอันใหญ่สีเข้มจัด 

    รุ้งพราย...ตินพลครางชื่อนั้นอยู่ในใจ ด้วยความรู้สึกอะไร เจ้าตัวก็อธิบายลำบาก

    ทั้งคู่รู้จักกันเมื่อไม่กี่เดือนก่อนในงานเดินแบบของแบรนด์เสื้อผ้าชั้นนำยี่ห้อหนึ่ง เพียงสบตาพูดคุยกันไม่กี่ประโยค ตินพลก็สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายคิดอย่างไร และหลังจากนั้นไม่นาน หญิงสาวก็ตามติดเขาไปทุกที่ ไม่ผิดอะไรกับลลิยาในอดีต

    ในตอนแรก เขาไม่คิดอะไรมาก เพราะกำลังโสดไร้พันธะ จึงเห็นว่าให้โอกาสตัวเองสักหน่อยคงไม่เสียหาย เรื่องผู้หญิงเป็นฝ่ายรุกก่อนนั้น ตินพลไม่ถือสา เขาเป็นผู้ชายที่ใจกว้างพอจะเห็นว่าทั้งสองเพศมีสิทธิ์แสดงออกทางความรู้สึกอย่างเท่าเทียม นอกจากนี้รุ้งพรายเป็นผู้หญิงสวยสะดุดตา แม้ว่าจะมีนิสัยขี้งอนหรือเอาแต่ใจไปบ้าง ทว่าความสวยก็ช่วยชดเชยได้มาก

    แต่แล้ว หลังจากเวลาผ่านไปได้สักระยะ ทุกอย่างก็เริ่มวนเข้าสู่วงจรเดิมอีกครั้ง และตินพลก็พบว่าความรู้สึกของเขาชืดชาจนน่าใจหาย 

    ความคิดนี้ทำให้ชายหนุ่มเลือกที่จะปลีกตัวออกห่าง เพราะเห็นว่าการคบหาเพิ่งจะเริ่มต้น ยังไม่หยั่งรากลึกอะไรนัก ถ้าหากว่าเป็นเมื่อก่อน เขาอาจปล่อยให้ความสัมพันธ์คาราคาซังไปเรื่อยๆจนกว่าอีกฝ่ายจะท้อใจแล้วยอมจากไปเอง ทว่าหลังจากเกิดเหตุร้ายขึ้นกับลลิยา ตินพลพบว่าเขาไม่อาจปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไปเฉยๆเขาไม่ต้องการให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย และไม่อยากทำร้ายหัวใจของผู้หญิงคนไหนอีกแล้ว

    แต่...เขาเองก็ไม่แน่ใจว่ารุ้งพรายไม่เข้าใจการบอกเป็นนัยของเขาหรืออย่างไรกันแน่ เพราะหญิงสาวโต้ตอบด้วยพฤติกรรมที่แทบไม่แตกต่างจากลลิยาในอดีต ดูเอาเถอะ เจ้าหล่อนให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนโดยโยนความรับผิดชอบมาที่เขา คงเพื่อรุกไล่ให้เขาจนมุมและต้องยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างกันให้ได้ นับว่าเธอรู้จักผู้ชายอย่างเขาน้อยเกินไป

    รุ้งพรายหันมาเห็นเขาในที่สุด เรียวปากบางงามปรากฏรอยยิ้มน้อยๆเธอโบกมือให้เขาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วเดินตรงเข้ามาหา

    เต...น้ำเสียงนั้นนุ่มนวล มากินข้าวกับสนหรือ บังเอิญจัง มาเจอกันได้” 

    ตินพลยิ้มรับ ทว่าแววตากลับครุ่นคิด เขากำลังคิดถึงจำนวนสายโทรศัพท์ที่ไม่ได้รับเมื่อเช้า จะเป็นไปได้ไหมว่ารุ้งพรายไม่พอใจที่เขาไม่ยอมรับสาย และตัดสินใจมาดักรอยังหน้าที่พัก จากนั้นก็สะกดรอยตามเขามา 

    ชายหนุ่มกวาดสายตามองวงหน้างามลออของอีกฝ่ายคล้ายจะสังเกตความผิดปกติ แต่แว่นกันแดดสีเข้มพรางไม่ให้เขาเห็นแววตาคู่นั้นได้

    นั่งสิเขาบอกง่ายๆหันไปหาพนักงานที่ยืนรออยู่แล้ว เจ้าหล่อนรีบกุลีกุจอยกเก้าอี้เข้ามาเพิ่ม

    รุ้งพรายนั่งลง ปลดแว่นกันแดดออก ดวงตากลมโตไล้อายแชโดว์จนดูคมเด่นเป็นประกายเข้มลึก

    เตเห็นข่าวแล้วใช่ไหม”  

    ช่วงไหล่ของตินพลเกร็งขึ้นมาอย่างระวังตัว เขาเหลือบมองสกลแว่บหนึ่ง หญิงสาวจึงหันไปมองบ้าง

    สน คงไม่รังเกียจนะถ้ารุ้งจะขอคุยกับเตตามลำพังสักครู่ เรื่องส่วนตัวน่ะ

    กระแสประหลาดบางอย่างปรากฏวูบในแววตาของสกล แต่ทั้งตินพลและรุ้งพรายไม่ทันได้สังเกต เพราะต่างพุ่งความสนใจอยู่กับปัญหาตรงหน้า โดยเฉพาะรุ้งพราย สีหน้าของเธอบอกชัดว่ากำลังสะกดกลั้นอารมณ์อย่างหนัก

    กิริยาของดาราสาวกรีดลึกลงในหัวใจของสกล ทว่าเขาก็ไม่อาจทำอะไรได้มากกว่านั้น นอกจากลุกขึ้น

    เชิญตามสบายครับคุณรุ้ง อีกเดี๋ยวผมจะกลับมา

    หลังสกลผละจากไป ความเงียบก็เข้าครอบคลุมในบรรยากาศ ตินพลนั่งตัวตรงหน้าเคร่ง ท่าทางบอกให้รู้ว่าไม่พอใจอย่างรุนแรง

    เตไม่ต้องมามองรุ้งอย่างนั้นรุ้งพรายกรีดเสียงใส่ ไม่ดังมากก็จริง แต่กระแสเกรี้ยวกราดก็ทำให้ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองรอบร้านอย่างไม่สบายใจนัก รุ้งโทร.หาตั้งหลายครั้ง ทำไมเตไม่รับ

    รุ้งตินพลลงเสียงหนักเป็นเชิงเตือน ที่นี่ร้านอาหารนะ

    รุ้งไม่แคร์ เตเห็นข่าวแล้วใช่ไหม วางแผนเรื่องแถลงข่าวว่ายังไง บอกรุ้งมาเดี๋ยวนี้

    ตินพลถอนใจ เขาไม่ตอบอะไร ทว่ากระแสจากแววตากลับทำให้คนถูกมองสะท้านสะเทือนได้ถึงหัวใจ ถ้าหากสายตาของเขาเป็นมีด หัวใจของรุ้งพรายก็คงถูกกรีดจนเป็นแผลยับเยินแล้ว

    หยาดเลือดค่อยๆไหลรินช้าๆรุ้งพรายเจ็บลึกในอก เธอจ้องมองดวงหน้าเย็นชาของคนตรงหน้าแน่วนิ่ง ความรู้สึกทั้งรักทั้งแค้นผสมปนเปจนแยกไม่ออก

    เพียงครั้งแรกที่พบกัน รุ้งพรายก็หลงรักผู้ชายตรงหน้าจนหมดหัวใจ คุณลักษณะเด่นของตินพลไม่ได้อยู่ที่หน้าตาเท่านั้น แต่เขาเป็นผู้ชายมีเสน่ห์ ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเขาจับจิตจับใจชวนให้หลงใหล ทั้งการพูดการจา บุคลิกท่าที ลักษณะนิสัย สถานะทางสังคม ตลอดจนความรู้การศึกษา ทุกอย่างสมบูรณ์แบบอย่างที่เธอไม่เคยพบในตัวผู้ชายคนไหน และแม้ฉายา คาสโนวาฆ่าไม่ตายที่บรรดานักข่าวใช้เรียกนักแสดงหนุ่มหล่อไร้ที่ติผู้นี้จะทำให้เธอลังเลบ้างในตอนแรก แต่สุดท้าย หญิงสาวก็ตัดใจยอมเสี่ยง เดินหน้ารุกเข้าหาเขาก่อน แล้วก็ไม่ผิดหวัง เมื่อเขายอมเปิดใจตอบ

    ช่วงเดือนแรกๆเธอมีความสุขอย่างที่สุด ยิ่งได้ใกล้ชิด เธอยิ่งหลงรักเขามากขึ้นทุกวัน เสน่ห์แบบผู้ชายที่ยากจะสยบของเขาผูกมัดเธอไว้ เธอหลงรักทุกอย่างที่เป็นเขา โดยเฉพาะริมฝีปากงามที่มักจะเหยียดออกเป็นรอยยิ้มเกียจคร้านระคนยียวนอยู่เสมอ ยิ้มของเขาราวกับชายผู้เอาชนะได้ทุกสิ่ง ผู้อยู่เหนือทุกอย่าง และไม่เคยก้มหัวให้กับใคร ทว่ายิ่งเธอแสดงท่าทีว่าผูกพันลึกซึ้งกับเขามากเท่าไหร่ ตินพลกลับยิ่งเคร่งขรึมมากขึ้นเท่านั้น เขาไม่เคยบอกรักเธอเป็นวาจา มีแต่เธอที่เพียรบอกรักและเป็นฝ่ายเอาใจเขาเสมอมา ยิ่งช่วงระยะหลังๆเขามักมองเธอด้วยสายตาลังเลไม่แน่ใจ บางครั้งเขาทำท่าราวจะพูดบางอย่าง แต่เธอปิดหูปิดตา ทำไม่รู้เรื่องและไม่สนใจ

    สัญญาณที่ส่งมาชัดเจนจนรุ้งพรายไม่อาจวางเฉยได้อีก และแล้วในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหว ต้องออกตัวแรงชิงให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเสียก่อน เพื่อเป็นการบังคับกลายๆให้เขายอมรับความสัมพันธ์ที่มีระหว่างกัน ยังไงๆพระเอกหนุ่มหล่ออย่างตินพลก็ต้องแคร์สื่อบ้าง เขาคงไม่กล้าทอดทิ้งเธอแน่ 

    หลังข่าวกระจายออกมา เธอตัดสินใจโทรศัพท์ไปหา หวังจะได้รับคำตอบที่ชัดเจนต่อหัวใจ แล้วก็ต้องใจหาย เพราะไม่มีการตอบรับใดๆจากชายหนุ่ม สัญญาณเตือนยิ่งแรงกล้า...และเธอก็ยิ่งหวาดกลัว

    เธอรวบรวมความกล้าไปดักรอเขาที่หน้าตึกทันสมัย ที่พำนักของตินพลอยู่ชั้นบนสุด เป็นเพนต์เฮาส์หรูหรา เขาครอบครองอยู่ทั้งชั้น รอจนกระทั่งรถมินิสีดำด้านตัดกับหลังคาสีแดงรุ่นใหม่ล่าสุดอันเป็นพาหนะของเขาขับออกมา ก็ลอบสะกดรอยตามไปเงียบๆระหว่างนั้นเธอกดโทรศัพท์หาเขาตลอดทาง แต่ผลที่ได้ก็เหมือนเดิม...ไม่รับสาย

    บาดแผลในใจขยายกว้าง การกระทำของตินพลบอกชัดว่าไม่แคร์เธอแม้แต่น้อย รุ้งพรายเลือกทำในสิ่งที่เลวร้ายที่สุด นั่นคือลงจากรถตรงเข้ามาในร้านเพื่อจะคุยกับเขาให้รู้เรื่อง แม้จะรู้ว่าคำตอบคงไม่พ้นการแตกหัก แต่เธอก็ต้องทำ เธอต้องการรู้สถานะของตัวเอง และอยากรู้ว่าเธอยืนอยู่ที่จุดไหนกันแน่ ถ้าหากเขามีใจให้เธอสักนิด เธอก็พร้อมจะสู้ต่อ แต่ถ้าหากไม่มี บางทีอาจถึงเวลาที่เธอต้องถอยออกมา...

    ทว่าแม้จะเตรียมใจรับคำตอบมาแล้วส่วนหนึ่ง แต่เมื่อเห็นท่าทีของเขา เห็นความเยือกเย็นในแววตา หัวใจของเธอก็ไม่วายชอกช้ำ ทั้งๆเธอทุ่มเทให้เขาหมดใจ แต่สิ่งที่ได้ตอบแทนกลับเป็นเพียงความว่างเปล่า เขาไม่ได้รักเธอเลย

    เตไม่เคยรักรุ้งเลยใช่ไหมเธอถ่ายทอดความรู้สึกผ่านถ้อยคำ น้ำตาปริ่มดวงตา ถ้าไม่รักก็บอกมาตรงๆได้ รุ้งไม่เจ็บหรอก

    แววตาของคนตรงหน้าสลดลง สีหน้าของตินพลบอกหลากหลายความรู้สึก เสียใจ สงสาร เห็นใจ ลำบากใจ

    ทว่า...เธอมองไม่เห็นความรัก

    รุ้งพรายกล้ำกลืนความเจ็บปวดให้ย้อนคืนกลับไป ตินพลไม่รักเธอ...ไม่เคยรัก

    เธอลุกขึ้นยืน คำตอบชัดเจนแล้ว และเธอไม่ต้องการอยู่ที่นี่อีกต่อไป

    ลาก่อนนะเตเมื่อกล่าวคำนั้น รุ้งพรายตั้งใจไว้ว่ามันจะเป็นคำพูดสุดท้ายระหว่างกัน เธอไม่หยุดสงสัยความผันผวนของโชคชะตาเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่คิดแม้สักนิดว่าในวันหนึ่งข้างหน้า บางสิ่งบางอย่างที่เหนือการควบคุมของชีวิตจะดึงให้เธอและตินพลต้องกลับมาพบกันอีกครั้ง และเธอจะต้องเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×