คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เพียงแอบรักคนเดียวก็พอ เพราะว่าฉันขอเพียงเท่านี้ก็สุขใจ...[END]
เห็นว่าเธอมีใครๆ มาตามมาเอาใจ คล้ายๆทุกคนชอบเธอ
เขามารอมาคอยเจอ มาคอยพร่ำเพ้อ ว่ารักเธอหมดใจ
“พี่มาร์คเหนื่อยมั้ยคะ เอ่อ ไอลี่ซื้อน้ำมาให้ค่ะ” เฮ้อ
“พี่มาร์คกินขนมที่แยมให้หรือยังคะ?” เฮ้อออออ
“พี่มาร์คใส่เสื้อที่เชอรี่ซื้อให้หรือยังคะ?” เฮิ้มมมมมมมมมมมมมมมมม
และตามมาด้วยคำพูดและคำถามมากมายจนคนที่เป็นเป้าหมายทำหน้าไม่ถูกได้แต่ส่งยิ้มแหยๆ
ทำไมไม่ปฏิเสธนะ ทำไมยังยิ้มให้ทุกคน ทำไม ทำไม ทำมายยยยยยยยยยยยย
“คิ้วมึงขมวดเป็นโบว์แล้วครับคุณเพื่อน” เสียงทุ้มของชายหนุ่มที่เดินผ่านมาเห็นเพื่อนตัวเล็กนั่งคิ้วขมวดพลางถอนหายใจยกใหญ่ สายตาเพื่อนตัวเล็กจับจ้องไปที่สนามบาสไม่ถามเขาก็รู้ว่าเพื่อนมองอะไรอยู่
“มึงไม่อยากทำแบบนั้นบ้างเหรอวะ” เสียงทุ้มถามพลางมองตามเพื่อนตัวเล็กไปยังกลุ่มสาวๆที่ล้อมรอบชายหนุ่มหัวสีน้ำตาลที่นั่งอยู่ข้างสนามบาส ดูดีทุกอิริยาบถจริงๆคนคนนี้ ขนาดเหงื่อท่วมขนาดนั้นยังคงความหล่อไว้ได้ สุดยอดจริงๆ ชายร่างสูงได้แต่คิดอิจฉาในใจ
“ไม่เอาอ่ะ ไม่อยากแสดงตัว แค่นี้ก็มีคนชอบพี่มาร์คเยอะแล้วเราไม่อยากให้พี่มาร์คลำบากใจไปมากกว่านี้” คนตัวเล็กพูดไปเบะปากไป เพิ่งอยากเกิดเป็นผู้หญิงก็ตอนนี้แหละเป็นผู้หญิงคงทำอะไรได้มากกว่านี้
“เฮ้อ ก็แล้วแต่ท่านนะครับท่านแบมแบม” เพื่อนตัวโตพูดจบก็เดินจากไปทันที ไม่ได้หงุดหงิดหรืออะไรนะครับแค่จะไปหาสาว นัดสาวไว้ อิอิ
“อ้าว ยูคยอมจะไปไม่เคยบอก” แบมแบมมองตามหลังเพื่อนตัวสูงแล้วส่ายหน้าให้กับความอินดี้เบาๆ
ฉันต้องย้ำกับตัวเอง คอยเตือนกับตัวเอง ว่าฉันไม่ดีเท่าใคร
ถึงฉันพูดความในใจ ให้ซึ้งแค่ไหน ก็คงดีไม่พอ
อย่างที่บอกว่าผมเป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง พี่มาร์คต้องรังเกียจแน่ๆถ้ารู้ว่าผมแอบมองพี่เขามานานแล้วราวๆ3ปีได้แล้วมั้ง เฮ้อ นานเหมือนกันนะเนี่ย มันเริ่มจากวันนั้น ตอนนั้นผมอยู่ม.ต้นปี2
“แบมมมมมมมมมมมมมมมมม”
“ไอ้แบมมมมมมมมมโว้ยยยยยยยยยยยยย” เฮ้อ ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ายูคยอมจะตะโกนเรียกผมทำไม เดินมาใกล้ๆค่อยเรียกไม่ได้หรือไงกัน
“แฮ่ก มึงไม่ต้องทำหน้าเอือมใส่กูครับเพื่อนกูรู้ว่ากูหล่อ” เฮ้อ
“มึงไม่ต้องถอนหายใจใส่ครับมันคือความจริง วะฮะฮ่า”
“เอาที่นายสบายใจนะยูค” เอือมจริงๆครับ
“แล้วตะโกนเรียกซะดังมีอะไร” ผมถามออกไปหลังจากที่ผมกับยูคออกทะเลมาไกลจนเกือบลืมประเด็นหลัก
“เออเกือบลืม กูได้ยินมาว่าม.ต้นปี 2 กับ 3 ต้องเข้าค่ายด้วยกันว่ะ รุ่นพี่เห็นว่าสองชั้นนี้ไม่ค่อยสนิทกันดูห่างเหินเลยอยากกระชับมิตร กูว่าแม่งไม่จำเป็นป่าววะไปเข้าค่ายก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น ปี2ไม่กล้าเข้าหาปี3อยู่ดี แม่งมีแต่ลูกคุณหนู บลาๆ”
จากนั้นยูคยอมก็สาธยายถึงรุ่นพี่ปี3อีกยาว เฮ้อ ผมคนนึงแหละที่ไม่ค่อยมีมนุษยสัมพันธ์กับใครเลยหรือเรียกอีกอย่างว่า ขี้อาย .__. ผมเป็นคนขี้อายขาดความมั่นใจไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม เวลาต้องไปนำเสนองานหน้าชั้นก็สั่นเป็นเจ้าเข้า เวลามีเพื่อนเข้ามาคุยด้วยก็ติดอ่างจนน่ารำคาญ ผมก็รำคาญตัวเองเหมือนกัน แต่ที่คบกับยูคได้คงเพราะเราโตมาด้วยกันแหละมั้ง เรียนด้วยกันตั้งแต่อนุบาล ผมไม่อยากเข้าค่ายเลยครับ แกล้งป่วยได้ไหม T___T
และแล้ววันเข้าค่ายก็มาถึง ผมอยากแกล้งป่วยจริงๆเลยครับ แต่ผมกลัวโดนจับได้ เฮ้อ
“เอาล่ะ พี่จะให้น้องทั้งสองชั้นปีแบ่งกลุ่มนะคะ ไม่ต้องคุยกันค่ะไม่ต้องฮือฮา เอาล่ะ น้องรู้จักใครเดินไปหาคนที่รู้จักเลยค่ะ” เสียงพี่ม.ปลายไม่แน่ใจว่าปีไหนพูดขึ้น ผมหันไปหายูคทันทีก็ผมรู้จักแค่ยูคนี่นา ยูคลากผมเดินไปหาเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่งจากนั้นก็คุยกันนิดหน่อย ซึ่งแน่นอนผมไม่ได้อยู่ในวงสนทนาด้วย
“ปี๊ดดดดดดดดดด” เสียงนกหวีดจากใครซักคนที่เป็นรุ่นพี่ม.ปลายดังขึ้นทำให้ทุกคนในบริเวณนั้นเงียบโดยอัตโนมัติ
“เอาล่ะค่ะถึงเวลาแบ่งกลุ่มจริงๆแล้วนะคะ พี่ๆช่วยน้องแบ่งกลุ่มด้วยค่ะ” สิ้นเสียงของพี่ฮโยซอง(แอบได้ยินยูคพูดถึง)รุ่นพี่คนอื่นๆก็ดึงไปลากคนนั้นคนนี้ออกจากกลุ่มที่ยืนอยู่ รวมถึงผมด้วย โดนลากแยกไปอีกมุม ฮือ ยูคยอมลาก่อยยยย
“กลุ่มนี้นะครับตัวเล็ก”
พี่ผู้ชายที่ลากผมมาพูดขึ้นก่อนจะปล่อยผมแล้วเดินจากไป ผมมองตามพี่คนนั้นแล้วหันกลับมามองกลุ่มของตัวเองซึ่งมีคนยืนรออยู่แล้ว 5 คน 1ในนั้นมีผู้ชายผมสีแดงยืนทำตัวสบายๆอยู่ ดูเหมือนเขาจะไม่กังวลอะไรเลยนะผิดกับผม อ่า ทำไมผมถึงมองแค่เขาคนนั้นนะคนอื่นที่เหลือทำไมผมไม่มองล่ะ เพราะเขาหล่อหรือเปล่า ใช่แหละ หล่อ หล่อจริงๆ ผมสีแดงเพลิงผิวขาวปากกระจับจมูกนี่โด่งมากที่หูมีจิวคล้ายๆงวงช้างสีดำยื่นออกมายิ่งทำให้หล่อ โอย อิจฉา
"เอาล่ะค่ะ หลังจากนี้ให้น้องๆทำความรู้จักสมาชิกในกลุ่มตัวเองนะคะแล้วเราค่อยมาเริ่มกิจกรรมกัน”
พี่ฮโยซองพูดผ่านไมโครโฟน จากนั้นก็เกิดเสียงดังขึ้นเพราะแต่ละกลุ่มเริ่มพูดคุยกัน รวมถึงกลุ่มของผม พวกผู้หญิงเริ่มคุยกันออกรส ส่วนพวกผู้ชายก็คุยกันในเรื่องที่สนใจ ส่วนผมทำได้แค่นั่งเท้าคางแล้วมองตามกระรอกที่วิ่งอยู่บนต้นไม้ ซักพักเพื่อน เอ๊ะ หรือพี่ ผู้หญิงคนนึงในกลุ่มก็ออกความเห็นให้แนะนำตัวทีละคน นั่นคือสิ่งที่ผมกลัวครับ ฮือ
“มาร์ค ต้วน ปี 3 ห้อง B”
เสียงที่มีเสน่นั้นเรียกความสนใจจากผมได้ดีทีเดียว น่าสนใจกว่ากระรอกที่วิ่งอยู่เยอะเลยรุ่นพี่หัวแดงคนนั้น
“ตัวเองๆถึงตาตัวแล้ว” ผู้หญิงที่นั่งข้างๆผมปลุกผมให้ตื่นจากภวังค์ ทุกสายตาจับจ้องมาที่ผม อ่า ประหม่าจริงๆครับ
“เอ่อ ผะ ผม กะ กันต์พิมุกต์ ภูวกุล ปี2 ห้อง B ครับ”
“พูดดังๆหน่อยครับ ได้ยินไม่ถนัดเลย” ผมไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองว่าใครเป็นคนพูดประโยคนั้น ผมหลับตาสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วเงยหน้าขึ้น อะ เอ่อ สบตากับพี่มาร์คพอดี พี่มาร์คยิ้มให้ผมบางๆเหมือนจะให้กำลังใจ ผมต้องสู้!!!
“กันต์พิมุกต์ ภูวกุล แบมแบม ปี2 ห้อง B ครับ!!” อ่า ผมทำได้แล้ว ขอบคุณนะครับพี่มาร์ค
“กลุ่มน้องมาช้า”
นี่เป็นฐานที่ 3 ของวันครับ ไม่รู้พี่ๆม.ปลายแค้นอะไรพวกผม แต่ละฐานมีแต่โคลน ถึงพี่ๆจะบอกว่าสร้างความสามัคคีให้น้องๆและทำให้น้องๆมีความกล้า แต่เท่าที่ผมสัมผัสได้ พี่ๆแค่อยากแกล้งพวกผม .__. มาถึงฐานนี้ เป็นฐานที่ต้องลอดซุ้มลงสู่บ่อโคลน ฮือ ได้แค่โหยหวนในใจ พอมาถึงก็โดนว๊ากเลยครับ ไม่ได้อยากมาช้าแต่ฐานที่แล้วปล่อยช้าต่างหากล่ะ
“ไม่ต้องแก้ตัวครับ พวกน้องไม่ตรงต่อเวลา!! ใครเป็นหัวหน้ากลุ่ม”
“ผมครับ” ทันทีที่รุ่นพี่ถามจบพี่มาร์คก็ยกมือขึ้นพร้อมตะโกนเสียงดังทันที ใช่แล้วครับพวกเราโหวตให้พี่มาร์คเป็นหัวหน้า
“ผมจะไม่ให้คุณแก้ตัว แต่ผมจะให้คุณเลือก!” เลือกอะไรวะครับ ฮือ กลัวทุกสิ่ง
“คุณเห็นแอ่งน้ำเล็กๆตรงนั้นไหมครับ” รุ่นพี่พูดพร้อมชี้ไปที่แอ่งน้ำเล็กๆสีขุ่นที่ความลึกน่าจะประมาณ5ซม.
“ผมจะให้กลิ้งข้ามแอ่งน้ำโดยคุณต้องเลือก...ว่าจะให้สมาชิกทุกคนกลิ้ง หรือคุณจะกลิ้งคนเดียว” ห๊ะ กะ กลิ้งข้ามแอ่งน้ำ ทุกคนในกลุ่มทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก รุ่นพี่โหดไปนะครับผมว่า ได้แต่บ่นในใจ
“ผมขอรับผิดชอบคนเดียวครับ!!”
พี่มาร์คตะโกนขึ้น ก่อนที่จะเกิดความเงียบ ผมไม่รู้ว่ามีใครพูดอะไรไหม ตอนนี้รอบๆตัวผมเหมือนกับหยุดนิ่ง หูอื้อไปหมด สายตาจับจ้องอยู่แค่พี่มาร์ค เห็นตอนพี่มาร์คเดินออกจากแถว เดินไปที่แอ่งน้ำเล็กๆนั่นก่อนจะนอนลงแล้วเริ่มกลิ้งข้ามแอ่งน้ำไป อ่า จากที่ตอนแรกหล่ออยู่แล้ว ตอนนี้หล่อกว่าเดิม 10 เท่าเลยครับ
ตั้งแต่วันนั้นผมก็เผลอมองหาพี่มาร์คตลอด แอบมองพี่มาร์คทุกวัน จนผ่านไป 3 ปี ตอนนี้ผมอยู่ ม.ปลายปี2 พี่มาร์ค ปี3 หัวจากสีแดงกลายเป็นสีน้ำตาล ผมก็ยังคงแอบมองพี่เขา มันเป็นความสุขเล็กๆของผมครับ อิอิ
จะเป็นคนเดียวที่ไม่บอกรักเธอ ไม่หวังให้เธอต้องมาบอกรักกัน
แค่คนหนึ่งคนที่อยากเจอเธอทุกวัน ไม่อยากผูกพันไปกว่านี้
ได้แต่ห่วงใยเพียงแค่เธอข้างเดียว ไม่ขอยุ่งเกี่ยวเกินกว่าความหวังดี
เพียงแอบรักคนเดียวก็พอ เพราะว่าฉันขอเพียงเท่านี้ก็สุขใจ
“อะไรนะ พี่มาร์คประสบอุบัติเหตุ?!!!!!”
ผมรีบตะครุบปากตัวเองทันทีหลังจากที่ตะโกนประโยคนั้นจบ แล้วมองซ้ายมองขวาว่าเพื่อนในห้องสนใจผมหรือเปล่า แต่ก็มีคนสนใจเพราะประโยคสนธนาของเพื่อนในห้องหลายๆคนก็คือเรื่องของพี่มาร์ค
“ใช่ กูได้ยินว่าพี่มาร์คโดนรถเฉี่ยวกระดูกขาร้าวต้องเข้าเฝือก”
พี่มาร์คต้องเครียดแน่ๆเลยเดือนหน้าได้ยินว่ามีแข่งบาสกระชับมิตรกับอีกโรงเรียนด้วย ไม่ได้ละ ผมต้องไปดูพี่มาร์ค
“เชี่ยแบมมึงจะไปไหน”
ยูคยอมตะโกนตามหลังผมแต่ผมไม่ได้หันกลับไปมอง ตอนนี้ใกล้ถึงคาบแรกแล้ว ขอแค่เห็นพี่มาร์คนิดนึง แค่นิดเดียวผมจะรีบกลับไปเรียนเลยครับ
ผมเดินมาที่สวนข้างชมรมบาส ทำไมผมรู้น่ะหรอว่าพี่มาร์คอยู่ที่นี่ ก็เพราะผมมองพี่มาร์คตลอดยังไงล่ะรู้หมดว่าพี่มาร์คชอบไปที่ไหน ชอบกินอะไร เหมือนสโตรกเกอร์เลยเนอะ
อ่า พี่มาร์คอยู่ที่นี่จริงๆด้วย ที่ม้านั่งตัวโปรดของพี่มาร์ค มีเฝือกอยู่ที่ขาจริงๆด้วยข้างตัวมีไม้ค้ำวางอยู่ พี่มาร์คดูนิ่งผิดปกตินะครับ หรือว่ากำลังคิดมาก ผมเดินไปหยิบกระดาษกับปากกาที่แอบเห็นวางอยู่ที่โต๊ะหน้าห้องชมรมบาสมาแล้วเขียนข้อความข้อความหนึ่ง จากนั้นก็เดินหาก้อนหินที่ก้อนกำลังพอดี เอากระดาษห่อก้อนหินแค่นี้ก็เป็นเครื่องมือสื่อสารได้แล้ว ผมย่องไปข้างตึกก่อนจะโยนก้องหินไปจุดที่พี่มาร์คนั่งอยู่
“โอ๊ย”
เวรกรรม ผมขอโทษนะครับพี่มาร์คผมไม่ได้ตั้งใจให้มันโดนหัวพี่ ชิ่งก่อนนะครับ ผมวิ่งไม่คิดชีวิตก่อนจะค่อยๆเดินเมื่อถึงตึกเรียน หวังว่าพี่มาร์คจะไม่โกรธผมนะ ผมแค่อยากให้กำลังใจ .__.
“ไปขี้หรอครับเพื่อน แสบตูดสินะทำหน้าเหมือนจะร้องไห้”
ทันทีที่หย่อนก้นลงเก้าอี้ ยูคยอมก็เริ่มกวนประสาททันที ผมไม่ได้สนใจมากมายแค่ทำหน้าเอือมแล้วถอนหายใจใส่แล้วหันไปสนใจกระดานที่ครูเริ่มสอนไปแล้วนิดหน่อย โชคดีที่เป็นวิชาที่ครูใจดีแกเลยไม่ได้ถามอะไรผมมากมายหลังจากที่แก้ตัวว่าไปเข้าห้องน้ำมา และทั้งคาบในหัวผมมีแค่ พี่มาร์คจะอ่านข้อความผมไหมนะ หรือพี่มาร์คจะโยนมันทิ้ง อ๊าก เครียดดดดดด
“มึงรู้ยังว่าใครปาหินใส่หัวมึง”
เสียงพี่แจ็คสันเพื่อนพี่มาร์คดังมาเข้าหูผมพอดี เฮ้ย แสดงว่าพี่มาร์คนั่งอยู่โต๊ะด้านหลังผมน่ะสิ
“ช่างเหอะน่า กูไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้น” พี่มาร์คพูดด้วยน้ำเสียงเนือยๆ ฮือ ผมขอโทษนะครับ
“ได้ไงวะหัวมึงโนเลยนะ”
ห๊ะ หัวโน ร่างกายของผมสวนทางกับสมองทันที ยังไงน่ะหรอ ผมหันไปมองที่โต๊ะด้านหลังโดยลืมคิด อ๊ากกกก พลาด พลาดมาก พลาดที่สุดตรงสบตากับพี่มาร์คพอดีนี่แหละครับ อ๊ะ นั่น ยูคยอมกำลังเดินมาพอดี
“ยะ ยูคคคคคคคคค เร็วๆหิวน้ามมมม”
ยูคทำคิ้วขมวดใส่ผมแล้วรีบสาวเท้ามาที่โต๊ะ ผมรีบหันกลับมาสนใจจานข้าวที่อยู่ตรงหน้าต่อ ยูคยอมได้แต่หัวเราะเบาๆแล้วทำหน้าล้อเลียนผม ยูคแม่งทำตัวมีพิรุทเดี๋ยวพี่มาร์คก็รู้หรอก ToT ผมรู้สึกเสียวสันหลังยังไงชอบกล เหมือนมีคนมอง ม่ายยยยยยยยยย
“ไปก่อนนะยูค รีบๆกินล่ะ” ชิ่งดีกว่าครับ
“อ้าว มึงไม่แดกขนมหรอแบม แบมแบ๊ม”
ไม่สนแล้วครับจุดนี้ ชิ่งเท่านั้นที่จะรอด(หรือไม่รอดนะ) ผมไม่อยากให้พี่มาร์ครู้ว่าผมคิดยังไงกับพี่เขา ผมกลัวพี่เขารังเกียจผม ผมบอกแล้วไงว่าผมขอแอบรักแบบนี้ดีกว่า แค่นี้ก็สุขใจแล้วครับ
ฉันไม่หวังสิ่งใดๆ ไม่คิดอย่างใครๆ ไม่ขอให้เธอมองมา
รักฉันพูดด้วยเวลา จะนานจะช้า ฉันยังเป็นอย่างเดิม
“มึงไม่ลองสารภาพรักดูล่ะ ไม่แน่นะพี่มาร์คอาจจะ..”
“ไม่หรอก เราอยู่แบบนี้ดีแล้ว เราแอบมองพี่เขาแบบนี้สบายใจกว่าเยอะเราไม่ได้หวังอะไรทั้งนั้นแหละ แล้วยูคไม่ต้องใช้คำว่าอาจจะเลยนะเพราะเรามั่นใจว่าพี่มาร์คไม่ได้ใจตรงกับเราแน่นอน” ผมรีบพูดสวนขึ้นทันที ยูคยอมถอนหายใจแล้วก้มลงเล่นเกมต่อ ตอนนี้คาบชมรมครับ ผมกับยูคอยู่ชมรมฟุตบอลวันนี้อาจารย์ไม่อยู่พวกเราเลยว่าง
“แบม วันนี้ไปวันเกิดเฮียบีป่ะ” ยูคยอมถามขณะกำลังเก็บของใส่กระเป๋าเตรียมกลับบ้าน วันนี้เป็นวันศุกร์และเป็นวันเกิดพี่เจบีกับตันทีมฟุตบอลโรงเรียน
“คงไม่ไปอ่ะ เราไม่สนิทกับพี่เจบี” ผมตอบตามความจริง
“น่าน้อยใจจังเลย นี่พี่พยายามตีสนิทนายมันไม่ได้ผลเลยหรอ” เวรล่ะ พี่เจบีดันมาได้ยินพอดี โผล่มาทางไหนฟระ
“อะ เอ่อ” ฮือ คิดคำแก้ตัวไม่ออก หันไปขอความช่วยเหลือจากยูคมันก็ทำหน้าตากวนบาทาใส่ผม
“ถ้าวันนี้แบมไม่ไปพี่จะโกรธ”
พูดจบพี่บีก็เดินออกไปทันที ม่ายยยยยยยย ที่ไม่อยากไปไม่ใช่อะไรนะครับ คือพี่บีนี่เพื่อนซี๊พี่มาร์ค แน่นอนว่าพี่มาร์คต้องไปแน่ๆ ผมยังไม่พร้อม กลัวไปหมด กลัวว่าจะทำหน้าไม่ถูกตอนเจอพี่มาร์ค กลัวทำตัวไม่ถูกเวลาอยู่ต่อหน้าพี่มาร์ค กลัว กลัว กลัว กลัวไปหมด เฮ้อ
“เราฝากยูคเอาของขวัญไปให้พี่บีหน่อยได้มั้ย เรา เรา เราเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีธุระ”
“ไม่ต้องโกหกครับเพื่อนแบม เหงื่อนี่ซึมเต็มหน้าผาก ปากสั่นมือสั่นขนาดนี้กูคงเชื่อแหละครับ” ฮือ เกลียดยูคยอมก็ตอนนี้ รู้ทันกันตลอด
“จะชิ่งตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วครับ ยืนอยู่หน้างานขนาดนี้ แล้วมึงมองไปนะครับ เฮียบีมันโบกมือเรียกเราอยู่เห็นมั้ยครับ”
ยูคยอมพูดพลางชี้ไปที่ประตูทางเข้า เห็นพี่บีโบกมือจริงๆด้วยครับ เฮ้อ ผมคงชิ่งไม่ได้แล้วสินะ วันนี้พี่บีจัดปาร์ตี้ริมสระที่บ้านของเขาเอง พี่บีเดินออกมารับแขกที่หน้าบ้านเลยหรอช่างเป็นเจ้าภาพที่ใจดีจริงๆ
“สุขสันต์วันเกิดนะครับพี่เจบี” ผมพูดพลางยื่นกล่องของขวัญให้พี่บี
“ขอบใจนะตัวเล็ก ป่ะเข้าไปข้างในกัน”
จากนั้นพี่บีก็กอดคอแล้วลากผมเข้าไปในงาน งานวันเกิดพี่บีไม่มีตีมอะไรครับ แค่แต่งตัวสบายๆเหมือนอยู่บ้านก็มาได้แล้ว เช่นผมเป็นต้น แหะๆ ผมมองไปรอบๆงานผู้คนกำลังวุ่นวายกับการคุยกันซะส่วนใหญ่ เสียงเพลงบีทหนักๆที่ผมฟังแล้วรู้สึกปวดหัวดังสนั่นไปทั่ว ผมว่าคงได้ยินไปหลายซอยเลยครับ อ่า ผมยังคงสอดส่ายสายตาหาคนบางคนอยู่ครับ มันเหมือนเรื่องปกติที่ผมต้องมองหาเขาอ่ะ แล้วผมก็เจอ พี่มาร์คกำลังนั่งคุยกับสาวอกสะบึ้มนุ่งบีกีนี่สีเขียวอยู่ริมสระ ขนาดที่ขามีเฝือกพี่มาร์คยังพยายามนั่งเหยียดขาเพื่อได้คุยกับสาวบีกีนี่ได้สะดวก ผมรู้สึกเจ็บปวดยังไงชอบกล
“ตัวเล็กดื่มแอลกอฮอล์ได้มั้ยฮึ?”
พี่บีก้มลงมากระซิบผม เล่นเอาผมสะดุ้งเฮือกเลยครับ ผมแอบเห็นพี่บีอมยิ้มด้วย นี่มันอะไรกัน
“อะ เอ่อ แบมขอน้ำอะไรก็ได้ที่ไม่มีแอลกอฮอล์ดีกว่าครับ แบมคออ่อน แหะๆ”
“งั้นน้ำอัดลมเนอะ” พูดจบพี่บีก็เดินเลี่ยงไปที่โต๊ะเครื่องดื่ม
“ยูคยอมไปไหนของเขานะ” ทิ้งเพื่อนตลอดเลยไอ้บ้ายูค
“อ่ะ” พี่บียื่นแก้วน้ำอัดลมสีดำมาให้ อ่า โค้ก ไม่ได้เจอกันนาน
“ขอบคุณครับ พี่.......มาร์ค”
ขอยืมแท็กนี้แปปนะครับ #ร้องเหี้ ยหนักมาก ผมนี่ช็อคเลยครับ มือที่ถือแก้วน้ำอยู่อ่อนยวบทันที ดีนะที่ผมถือแก้วไว้แน่นไม่งั้นแก้วมีร่วง ฮือ แล้วพี่มาร์คมาได้ไง แล้วพี่บีล่ะ ผมมองหาพี่บีทันที นั่นไง อยู่กับสาวบีกีนี่เขียว!! ผมได้แค่ทำปากพะงาบๆพูดไม่ออกเลยครับ
“เด็กไอ้บีมันน่ะ พอดีมันบอกจะออกไปรับตัวเล็กเมื่อกี๊พี่เลยนั่งคุยเป็นเพื่อนรอไอ้บีมัน”
พี่มาร์คพูดไปยิ้มไป ทำไมผมรู้สึกเหมือนพี่เขากำลังแก้ตัวเลยครับ เป็นไปไม่ได้น่า
“อ่อ คะ ครับ” มันมาแล้วครับ โรคติดอ่าง
“จริงๆพี่เคืองไอ้บีมันไม่น้อยเหมือนกันนะที่มันเลียนแบบพี่”
เลียนแบบอะไรวะครับ ผมได้แต่มองหน้าพี่มาร์คแล้วทำหน้างง พี่มาร์คไม่ตอบแต่ส่งมาแค่รอยยิ้ม งงอ่ะ ฮือ อะไรเนี่ย
แล้วพี่มาร์คก็อยู่คุยกับผมตลอดเวลาที่อยู่ในงาน พี่บีก็หายไอ้ยูคก็หาย ผมกะไว้ว่าพี่บีเป่าเค้กเสร็จก็จะกลับเลย ผมเป็นเด็กอนามัยอ่ะครับ เอาความจริงก็ได้ ผมทำตัวไม่ถูกแล้วครับตอนนี้ .__.
“ขอบใจนะตัวเล็กที่มา หวังว่าเราจะสนิทกันมากขึ้นนะ”
พี่บีพูดพลางยิ้มตาปิดส่งมาให้ผม หลังจากที่เป่าเค้กเสร็จผมก็ขอตัวกลับเลย
“แล้วนี่เรากลับยังไง” พี่มาร์คยังอุตส่ามาได้ยินผมคุยกับพี่บีอีก ฮือ
“เอ่อ คงเรียกแท็กซี่ครับ ยูคยอมไปไหนไม่รู้” ผมตอบเสียงเบา แต่แปลกที่พี่มาร์คได้ยินมัน
“บี มึงให้คนไปส่งกูกับน้องที ได้เวลากินยานอนแล้ว” พี่มาร์คพูดกับพี่บีก่อนจะยิ้มอะไรกันอยู่สองคน สองคนนี้คุยกันผ่านกระแสจิตสินะ
“ตัวเล็ก”
“ครับ?”
ตอนแรกนึกว่าพี่บีเรียก ที่ไหนได้เป็นพี่มาร์ค ทำไมหัวใจผมเต้นแรงขนาดนี้นะ ฮือ ตอนที่คุยกันก่อนหน้านี้พี่มาร์คใช้คำว่า “พี่” แทนตัวเอง ใช้คำว่า “เรา” แทนตัวผม แต่สรรพนามใหม่นี่มัน ฮืวววววว
“เดี๋ยวกลับพร้อมพี่ละกันนะ เดี๋ยวให้คนที่บ้านบีไปส่ง” พี่มาร์คพูดพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจ น้ำตาจะไล่
“พยุงพี่หน่อยครับ ไม้ค้ำพี่หายไปไหนก็ไม่รู้ สงสัยมีคนเอาไปเล่น”
พี่มาร์คพูดพลางเดินกะเผลกมาใกล้ผม ไอ้สงสารก็สงสารครับ แต่ตอนนี้สงสารตัวเองมากกว่า ไอ้ใจนี่ก็เต้นจัง ผมพยุงพี่มาร์คมาบริเวณโรงจอดรถของบ้านพี่บี โอ้ย ตัวผมนี่สั่นไปหมดเลยครับ ไม่คิดว่าจะได้ใกล้ชิดพี่มาร์คขนาดนี้ ชิดจริงๆแบบหน้าผมอยู่ที่อกพี่มาร์คเลยครับ!! พอเข้าไปในรถได้พี่มาร์คก็เอาแต่อมยิ้ม ผมไม่เข้าใจเขาเลยครับ ผมกับพี่มาร์คนั่งเบาะหลังคุณลุงขับรถขับรถมาตามทางที่ผมได้บอกลุงไปแล้วคร่าวๆ เดี๋ยวใกล้ๆจะบอกอีกที ตอนนี้ขอทำใจให้สงบก่อนครับ
ทำไมผมรู้สึกว่าระยะทางจากบ้านพี่บีไปหอพักของผมมันไกลอย่างนี้นะ ทั้งๆที่ตอนไปมันแปปเดียวเอง ตลอดทางผมกับพี่มาร์คไม่ได้คุยกันเลย ผมไม่รู้จะคุยกะไร พี่มาร์คก็คงคิดเหมือนกันแหละมั้ง
“ตึกส้มๆข้างหน้านั่นเลยครับคุณลุง” ผมบอกพิกัดหอพักให้คุณลุงทราบ ไม่กี่วินาทีต่อมารถก็หยุดนิ่ง
“ขอบคุณครับคุณลุง” ผมชะโงกหน้าไปไหว้คุณลุงขับรถ ลุงแกรับไหว้แล้วยิ้มให้ผมอย่างเอ็นดู
“ขะ ขอบคุณนะครับพี่มาร์ค” ผมหันไปไหว้พี่มาร์คแบบเกร็งๆ พี่มาร์คส่งยิ้มละลายใจมาให้ผมก่อนจะหยิบบางสิ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วยื่นมาให้ผม มันเหมือนกระดาษยับๆ อะไรน่ะ
“ถึงห้องแล้วค่อยเปิดดูนะ ตัวเล็ก”
ยิ้มอีกแล้ว ฮือ ยิ้มระยะประชิดแบบนี้ผมก็ตายสิครับ ผมรับกระดาษยับๆนั่นมาแล้วรีบเปิดประตูลงจากรถทันที ฮือ ใจผมจะขาดครับ มันเต้นแรกจนเหมือนจะหลุดออกมาอย่างนั้นแหละ ตอนนี้รถได้ขับออกไปนานแล้ว แต่ผมยังยืนอยู่ที่เดิม ขาก้าวไม่ออกมันตื่นเต้นดีใจจนน้ำตาเหมือนจะไหล ผมมองพี่มาร์คมา 3 ปีเต็มๆ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ใกล้ชิดขนาดนี้ เหมือนฝันเลยครับ
ผมเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับรอยยิ้มที่หุบไม่ได้ ก็คนมันมีความสุขอ่ะครับ ผมรีบเปิดไฟแล้วพุ่งไปที่โซฟาหน้าทีวีแล้วคลี่กระดาษยับๆนั่นดู แท็กนี้กลับมาอีกครั้งครับ #ร้องเหี้ ยหนักมาก กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด นะ นี่มันกระดาษที่ผมห่อก้อนหินแล้วโยนใส่พี่มาร์คเมื่อวันนั้น
‘ สู้ๆนะครับพี่มาร์ค เดี๋ยวกระดูกพี่ก็จะเชื่อมกลับมาเหมือนเดิม อีกแปปเดียวพี่ก็กลับมาวิ่งได้แล้วครับ ผมเป็นกำลังใจให้พี่นะ : ) ’
นี่คือข้อความที่ผมเขียนให้พี่มาร์คในวันนั้น ผมเลื่อนสายตาลงมาข้างล่างก็สะดุดเข้ากับข้อความที่ผมไม่ได้เขียน ลายมือพี่มาร์คครับ กรี๊ดดดดดดดด
‘ ขอบคุณนะครับกำลังใจ mtuan93 ไอดีไลน์พี่ แอดมานะทักมาด้วย : ) ’
ณ จุดๆนี้ผมขอวิ่งไปกรี๊ดที่ระเบียงห้องก่อนนะครับ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
จะเป็นคนเดียวที่ไม่บอกรักเธอ ไม่หวังให้เธอต้องมาบอกรักกัน
แค่คนหนึ่งคนที่อยากเจอเธอทุกวัน ไม่อยากผูกพันไปกว่านี้
ได้แต่ห่วงใยเพียงแค่เธอข้างเดียว ไม่ขอยุ่งเกี่ยวเกินกว่าความหวังดี
เพียงแอบรักคนเดียวก็พอ เพราะว่าฉันขอเพียงเท่านี้ก็สุขใจ
แต่......คิดไปคิดมาลองทำตามหัวใจตัวเองก็น่าจะดีนะ พี่มาร์คเปิดโอกาสให้ขนาดนี้แล้ว ฮริ้ง
#เอาความขี้อายไปไว้ไหนครับน้องแบม
...END...(?)
ความคิดเห็น