ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Birthday สุขสันต์วันมรณะ

    ลำดับตอนที่ #2 : จุดเริ่มต้น

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.ค. 59


              สามสัปดาห์ต่อมา...

                ...เวลา 1:16 น.

                การจราจรบนสะพานพุทธฯ ซึ่งเป็นสะพานข้ามจากฝั่งกรุงเทพไปยังฝั่งธนบุรียังคงหนาแน่นอยู่ไม่น้อย แม้ตอนนี้จะเป็นเวลาดึกมากแล้วก็ตาม รอบบริเวณสะพานเป็นตลาดขายผักและดอกไม้สดเรียกว่า ปากคลองตลาด เวลานี้เป็นเวลาที่รถกระบะจะนำสินค้ามาส่งจากต่างจังหวัด ข้างใต้สะพานเป็นตลาดขายสินค้าตอนกลางคืน เช่น พวกเสื้อผ้าและรองเท้า บรรยากาศรอบ ๆ บริเวณนี้จึงยังดูคึกคักกว่าบริเวณอื่นอยู่บ้าง

    มีกลุ่มคนมายืนมุงล้อมวงจับกลุ่มกันทั้งบนสะพานและใต้สะพาน ต่างกระซิบกระซาบกัน พยายามถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รถที่ขับผ่านมาต่างชะลอตัวช้าเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น บางคนก็จอดรถดูอย่างไม่สนใจใยดีรถที่ต่อท้ายอยู่ข้างหลังจนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องโบกมือเป่านกหวีดไล่

                มีแสงไฟระยิบอยู่บนสะพานแสดงว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจประจำท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุ นักข่าวและนักประดาน้ำล้วนมาถึงที่เกิดเหตุได้ครู่ใหญ่แล้ว และมีการกั้นพื้นที่ที่เกิดเหตุเพื่อควบคุมสถานการณ์ ทั้งรถตำรวจ รถพยาบาล รถนักข่าวต่างจอดอยู่บริเวณใกล้เคียง ถนนสามเลนถูกกั้นขวางจนเหลือเพียงเลนเดียวที่รถสามารถแล่นผ่านไปได้

                ตอนนี้ที่ผู้คนให้ความสนใจมากที่สุดคือ นักดำน้ำที่งมลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยาได้เกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ความมืดและความเชี่ยวกราดของแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นอุปสรรคอย่างยิ่งในการงมหาคนที่ตกลงไปในแม่น้ำ

    นอกจากนี้สิ่งที่ผู้คนให้ความสนใจรองลงมาคือ พยานที่อยู่ในเหตุกาณ์ ซึ่งเป็นเด็กวัยรุ่นชายคนหนึ่งที่นั่งตัวสั่นงันงกอยู่ที่ท้ายรถพยาบาล หน้าซีดขาว ดวงตาเหม่อลอย ดูเหมือนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หมดสภาพในการให้ปากคำโดยสิ้นเชิง เจ้าหน้าที่พยาบาลต้องคอยปลอบขวัญและส่งยาดมช่วยเหลือ

                เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายต่างกันพื้นที่และสอบถามผู้ที่เห็นเหตุการณ์ในบริเวณใกล้เคียง แต่มีน้อยคนนักที่สามารถบอกสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่ ส่วนมากบอกได้แต่เพียงว่า เห็นรถคันที่เด็กวัยรุ่นขับจอดอยู่บนสะพานราวเที่ยงคืน คาดว่ามาเพื่อชมวิวทิวทัศน์บนสะพานพุทธฯ ตามประสาวัยรุ่นทั่วไป แต่ไม่รู้แน่ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น

                เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบสภาพภายในรถคันนั้น พบขนมเค้กก้อนเล็ก ๆ พร้อมการ์ดอวยพรวันเกิด ดอกไม้และของขวัญวันเกิดที่ยังไม่ได้แกะห่อ ข้อความในการ์ดเป็นคำอวยพรที่แสดงให้เห็นได้ชัดว่าทั้งสองมีความสนิทสนมกันเป็นพิเศษ เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่พบสิ่งผิดปรกติใด จึงไม่ให้น้ำหนักในเรื่องการฆาตรกรรมมากนัก แต่ก็ยังคงไม่ทิ้งประเด็นนี้ไปเสียทีเดียว

                เสียงฮือเริ่มดังขึ้น กลุ่มคนที่มุงดูจนถึงตอนนี้ในที่สุดได้เห็นนักดำน้ำโผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำแล้ว นักดำน้ำสองคนค่อย ๆ พาตัวเข้ามาในฝั่ง กลุ่มคนและเจ้าหน้าที่ได้เห็นนักดำน้ำสองคนลากร่าง ๆ หนึ่งมาตามน้ำ เจ้าหน้าที่ช่วยกันนำร่างนั้นขึ้นมาบนฝั่งก่อนจะกลับไปช่วยเหลือนักดำน้ำทั้งสอง

    มันเป็นร่างของหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่ง เมื่อทุกคนสามารถเห็นร่างนั้นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น สีหน้าของเจ้าหน้าที่และผู้คนที่มามุงดูบ้างก็ปิดตา บ้างก็เมินหน้าหนี บ้างก็ยกมือขึ้นมาปิดตาปิดปากตามสัญชาตญาณ เสียงคุยจอแจเมื่อก่อนหน้านี้เงียบลงในทันทีทันใด

     

                วันรุ่งขึ้น เด็กชายวัยรุ่นผู้เป็นพยานในเหตุการณ์เมื่อคืนถูกนำส่งโรงพยาบาลโดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยควบคุมตัวอย่างใกล้ชิด เด็กหนุ่มยังคงนอนอยู่บนเตียง หน้าตาขาวซีด ไร้ความรู้สึก พ่อแม่ของเด็กหนุ่มนั่งเฝ้าอาการด้วยความเป็นห่วงอยู่ด้านข้าง เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามจะเข้าไปสอบปากคำตั้งแต่เช้า หากแต่แพทย์ผู้ดูแลรักษายังไม่อนุญาต

                หลังเที่ยง เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกคนหนึ่งอายุราวสี่สิบห้าสิบปี อยู่ในชุดนอกเครื่องแบบ รูปร่างกำยำแข็งแรง เข้ามาพูดคุยถามไถ่เจ้าหน้าที่ตำรวจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้อยู่หน้าห้องคนไข้

                เรื่องราวก็เป็นอย่างนี้แหละครับท่าน เจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งสรุปเหตุการณ์เมื่อคืนนี้

                อืม ขอบใจมากนะ นายตำรวจนอกเครื่องแบบมีสีหน้าเคร่งเครียดเมื่อฟังเรื่องราวจบ

                เรายังไม่ได้สอบปากคำพยานเลยครับท่าน ทางแพทย์ยังไม่อนุญาตครับ พอดีไปสบตากับนายตำรวจนอกเครื่องแบบเข้า ในใจเกรงว่าจะถูกตำหนิจึงรีบพูดต่อ แต่คิดว่าไม่เป็นการเร่งด่วนอะไรครับ แพทย์ระบุสาเหตุการตายเบื้องต้นของหญิงสาวว่าน่าจะเป็นการฆ่าตัวตายมากกว่าครับ เพราะไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายใด ๆ

                เจ้าหน้าที่ตำรวจหยุดบทสนทนาลงเมื่อเห็นไม่มีท่าทีตอบสนองของนายตำรวจนอกเครื่องแบบ

                เอาละ นายตำรวจพูดขึ้นหลังจากที่เงียบอยู่พักใหญ่ แววตาอิดโรยไม่น้อย ผมจะขอโอนคดีนี้ไปจัดการเองนะ ช่วยส่งหลักฐานในที่เกิดเหตุทั้งหมดไปให้ผมด้วย

                เจ้าหน้าที่ตำรวจมีสีหน้างงกับคำสั่งเพราะไม่เห็นว่าคดีนี้จะมีความสำคัญแต่อย่างใด แต่ยังยกมือทำความเคารพรับคำสั่ง

                แล้วพยานคนนี้ผมจะทำการสอบปากคำเองนะ

                ก๊อก ๆ ๆ...

                นายตำรวจนอกเครื่องแบบเข้ามาในห้องคนไข้หนุ่มผู้เป็นพยานสำคัญในเหตุการณ์ เด็กหนุ่มยังคงเหม่อลอย ไม่สนใจว่าใครเข้ามา นายตำรวจพูดคุยกับพ่อแม่ของเด็กหนุ่มสักพักหนึ่งก่อนที่พ่อแม่จะยอมออกไปนอกห้องด้วยสีหน้าเป็นกังวล

                ภายในห้องคนไข้ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ หน้าต่างห้องถูกเปิดกว้างออกเพื่อให้คนไข้ได้รับลมและแสงแดด บนโต๊ะข้างหัวเตียงมีเพียงถาดอาหารที่คาดว่าคนไข้น่าจะได้รับจากนางพยาบาลตั้งแต่เช้า อาหารภายในจานพร่องไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีเปลือกส้มอยู่บนถาด เด็กหนุ่มคงจะทานอาหารไม่ลง แม่ของเขาจึงเอาผลไม้ให้ทานแทน

                สวัสดี นายตำรวจกล่าว แต่เด็กหนุ่มไม่มีท่าทีตอบสนอง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ฉันรู้ว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอ แต่ฉันอยากจะถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอพอจะเล่าให้ฉันฟังได้ไหม

                สายตาของเด็กหนุ่มเริ่มเบนมาที่นายตำรวจนอกเครื่องแบบ

                คุณรู้เหรอว่าเกิดอะไรขึ้น

                ฉันยังไม่แน่ใจนัก แต่ถ้ามันเกิดขึ้นกับแฟน...เอ่อ...เพื่อนสนิท ของเธอ มันก็อาจจะเกิดขึ้นกับคนอื่นได้ ดังนั้นฉันจึงต้องการความช่วยเหลือจากเธอ

                เด็กหนุ่มมีท่าทีครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่ง นายตำรวจนอกเครื่องแบบก็ไม่ได้เร่งรัดอะไรรอจนเด็กหนุ่มพูดขึ้นมาเอง

                เด็กหนุ่มเล่าว่า คืนนั้นเขาเตรียมจะเซอร์ไพร์วันเกิดให้กับแฟนสาว เขากับเธอคบกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยปีที่หนึ่ง จนถึงตอนนี้ก็เกือบสามปีแล้ว

                หลังเลิกเรียนเขาชวนเธอไปกินข้าวเย็นแล้วแกล้งบอกเธอว่าปีนี้เขาไม่มีของขวัญให้นะ ตอนแรกเธอมีท่าทางโมโห ไม่ยอมพูดจาด้วย แต่เขาก็ตามงอนง้อจนเธอใจเย็นลง ซึ่งเขาก็ตั้งใจให้เป็นอย่างนั้น เพื่อรอจนกระทั่งเที่ยงคืนเขาก็จะทำให้เธอประหลาดใจ เด็กหนุ่มเล่าด้วยสีหน้าที่มีสีเลือดขึ้น รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฎบนใบหน้า หวนรำลึกถึงช่วงเวลานั้นคงทำให้เด็กหนุ่มมีความสุขไม่น้อย

                หลังจากแฟนสาวหายโกรธ เด็กหนุ่มจึงชวนแฟนสาวไปที่สะพานพุทธฯ เขาจอดรถบนสะพาน พอเที่ยงคืนเขาก็หยิบการ์ดวันเกิดตามด้วยดอกไม้ เค้กและของขวัญยื่นให้ แฟนสาวท่าทางดีใจมากจนเห็นได้ชัด ขณะที่บรรยากาศเป็นใจอย่างนั้น เธอก็ขอตัวออกไปสูดอากาศข้างนอก แต่แล้วอยู่ดี ๆ เธอก็กระโดดลงจากสะพาน ซึ่งเขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

                จำได้ไหมว่าแฟนเธอกระโดดลงไปตอนกี่โมง

                ผมมอบของขวัญให้เธอตอนเที่ยงคืนตรง หลังจากนั้นไม่กี่นาทีเธอก็กระโดดลงจากสะพาน

                ก่อนหน้านั้นเธอมีท่าทีอะไรที่ผิดปกติไหม

                ไม่มี ไม่มีนี่ครับ

                เธอเล่าว่า แฟนเธอออกไปสูดอากาศข้างนอก ทำไมอยู่ ๆ...

                ใช่แล้ว เด็กหนุ่มบอกอย่างคิดได้ เธอบอกว่ามึนหัวนิดหน่อย เลยอยากจะออกไปสูดอากาศข้างนอก ผมนึกว่าเธอหาข้ออ้างที่จะหลบผม เพราะผมพยายามจะ...หอมแก้มเธอ จากนั้นเธอก็มีอาการคลุ้มคลั่ง พูดกับใครก็ไม่รู้ เธอเหมือนหนีอะไรบางอย่าง...หรือใครสักคนหนึ่งขึ้นไปบนราวสะพานก่อนจะพลัดตกลงไป

                เด็กหนุ่มร้องไห้อีกครั้งหนึ่งหลังจากที่นอนร้องไห้มาตลอดคืน เด็กหนุ่มดูผอมลงไปมากในคืนเดียว เหตุการณ์ที่น่าจะเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำกลับกลายเป็นเหตุการณ์ที่ไม่อาจลืมเลือนไปชั่วชีวิต นายตำรวจนอกเครื่องแบบตบบ่าเด็กหนุ่มเบา ๆ เป็นเชิงขอบใจและปลอบใจ ก่อนจะออกจากห้องไป

                ก่อนจะกลับนายตำรวจนอกเครื่องแบบแวะไปดูศพของหญิงสาวผู้เสียชีวิต ขณะเดินไปทางห้องเก็บศพก็พยายามปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น เขาอดไม่ได้ที่จะหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ

                ขอโทษนะค่ะ ที่นี่ห้ามสูบบุหรี่ค่ะ นางพยาบาลคนหนึ่งที่เดินสวนมาเตือนเขา

                เอ่อ ขอโทษครับ นายตำรวจนอกเครื่องแบบกล่าวอย่างละอาย

                นายตำรวจนอกเครื่องแบบจึงนำมวนบุหรี่นั้นออกมาดมเท่านั้น แล้วเก็บกลับเข้าไปในซอง ในที่สุดเขาก็มาถึงห้องเก็บศพแล้ว เขาผลักประตูห้องเข้าไป แจ้งกับเจ้าหน้าที่ที่ดูแลอยู่หน้าประตูพร้อมแสดงบัตรประจำตัว

                แน่ใจนะครับว่าอยากจะดู ผมเตือนไว้ก่อนนะว่าเห็นศพนี้แล้วท่านจะลืมไม่ลงเลยล่ะ เจ้าหน้าที่ที่ดูแลห้องเก็บศพเตือน

                นายตำรวจนอกเครื่องแบบพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้

                อย่างน้อยก็เห็นมาแล้วสองครั้ง นายตำรวจพูดกับตัวเองด้วยเสียงที่เบาจนเจ้าหน้าที่ไม่ได้ยิน

                เจ้าหน้าที่พานายตำรวจนอกเครื่องแบบเข้าไปในห้อง และหยุดลงตรงหน้าศพหนึ่งซึ่งมีผ้าคลุมเอาไว้ นายตำรวจนอกเครื่องแบบหลับตาทำใจเล็กน้อย สูดลมหายใจลึก ๆ ก่อนจะเปิดดู

                เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลเอามืออุดจมูกขณะที่นายตำรวจนอกเครื่องแบบกำลังจะเปิดผ้าคลุมศพ ทันทีที่เปิดผ้าออกกลิ่นเหม็นจากศพลอยออกมาปะทะจมูกของนายตำรวจนอกเครื่องแบบ แม้เขาพยายามจะกลั้นลมหายใจแล้วก็ตาม กลิ่นนั้นยังคงลอยเข้าไปในความรู้สึกของเขา

                หน้าตาศพหญิงสาวมีสีหน้าตื่นกลัวถึงขีดสุด ดวงตาเบิกโพลง ปากอ้าค้างเหมือนศพอื่นที่นายตำรวจนอกเครื่องแบบเคยเห็นมา ที่แย่กว่านั้นคือศพนี้จมน้ำ ทำให้สภาพศพดูน่ารังเกียจยิ่งกว่า เขาสังเกตเห็นรอยเลือดที่แห้งแล้วออกมาจากทางตา หู จมูกและปากคงเกิดจากแรงดันใต้น้ำ นอกนั้นไม่มีบาดแผลอื่นอีก

                ก่อนเธอเสียชีวิตคงจะเป็นผู้หญิงที่สวยไม่น้อย น่าเสียดายนะอายุยังน้อยอยู่เลย เจ้าหน้าที่พูดขณะที่มือยังคงอุดจมูกอยู่

                นายตำรวจนอกเครื่องแบบก็เห็นด้วยเช่นกันก่อนจะปิดผ้าคลุมกลับไปอย่างเดิม แล้วเดินจากไป ตลอดเวลาที่อยู่ในห้องเก็บศพ สีหน้าของเขานิ่งสงบตลอดมา เพียงแต่เปลี่ยนลมหายใจครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งเท่านั้นตอนออกจากห้องเก็บศพ เพิ่งพ้นจากโรงพยาบาลมาได้ไม่กี่ก้าว เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมา

                ฮัลโหล...ใช่ครับ...เหมือนกันไม่มีผิด...เราต้องประชุมด่วนครับ...ครับ ผมกำลังกลับไป

     

                ก๊อก ๆ...

                เชิญเข้ามาได้ พวกเรากำลังรอคุณอยู่ นายตำรวจองอาจ

                นายตำรวจนอกเครื่องแบบเดินผ่านประตูห้องประชุมเข้าไป ที่นี่เป็นห้องประชุมภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในแผนกหน่วยสืบราชการลับ ภายในห้องมีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีแขวนอยู่เหนือสุด ข้างใต้ลงมาเป็นตราของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังมีพระพุทธรูปขนาดเล็กอีกชุดหนึ่งตั้งอยู่มุมห้อง

                ในห้องนั่งเต็มไปด้วยนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่สามนาย นักวิทยาศาสตร์ที่ปรึกษาอีกสองท่าน บนโต๊ะยาวรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าวางไว้ด้วยซองกระดาษสีน้ำตาลซองหนึ่งกับถุงพลาสติกใบหนึ่ง

                นายตำรวจองอาจเหลือบมองถุงใบนั้นแวบหนึ่งก่อนยกมือทำความเคารพ

                เชิญนั่งเถอะ นายตำรวจผู้ใหญ่คนหนึ่งบอก นี่เป็นหลักฐานที่ถูกส่งมาจากกองพิสูจน์หลักฐาน เป็นของศพรายล่าสุด ส่งมาถึงคุณ

                นายตำรวจองอาจนั่งลง เอื้อมไปหยิบถุงหลักฐาน ตรวจสอบหลักฐานทั้งหมดในถุง มีแต่โทรศัพท์มือถือที่เขาสนใจเป็นพิเศษ ทุกคนต่างรอนายตำรวจองอาจตรวจสอบด้วยสีหน้าเป็นกังวลแต่ยังคงนิ่งเงียบอยู่ นายตำรวจองอาจตรวจสอบข้อความที่ได้รับในโทรศัพท์มือถือ พบว่ามีอยู่ห้าข้อความที่ยังไม่ได้อ่าน แต่มีอันเดียวที่ไม่ทราบแหล่งที่มา

                ‘Happy Deathday!’

                นายตำรวจองอาจถอนหายใจเมื่อเห็นข้อความ แล้วเก็บโทรศัพท์มือถือกลับเข้าไป

                เหมือนกับเหยื่อรายก่อน นี่ไม่ใช่เหตุบังเอิญแล้วครับท่าน นายตำราจองอาจรายงาน

                จนถึงตอนนี้พอจะทราบไหมว่าใครเป็นคนทำ นายตำรวจผู้ใหญ่คนหนึ่งถาม

                จนถึงตอนนี้ยังไม่ทราบครับว่าใครทำ นายตำรวจองอาจทวนคำ และไม่ทราบครับว่าทำได้อย่างไร หรือแม้กระทั่งนี้มันเกิดบ้าอะไรขึ้น ขอโทษครับที่เสียมารยาท

                พวกเราเข้าใจในความเครียดของคุณ และไม่ได้จะตำหนิคุณ แม้แต่ท่านนักวิทยาศาสตร์ที่ปรึกษาทั้งสองท่านก็ให้คำตอบไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้แม้กระทั่งว่านี่เป็นวิทยาศาสตร์ หรือไสยศาสตร์กันแน่

                น่าเสียดายที่เหตุการณ์ไฟไหม้เมื่อยี่สิบปีก่อนทำให้ข้อมูลเกือบทั้งหมดหายไปในกองไฟ นักวิทยาศาสตร์อาวุโสผู้หนึ่งกล่าว

                อย่างไรก็ตาม ผมอยากให้คุณตามเรื่องนี้ เพราะคุณเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้มาตั้งแต่ต้น น้ำเสียงของนายตำรวจออกไปในเชิงคำสั่งมากกว่าขอร้อง

                ผมโอนคดีมาอยู่ในความดูแลของหน่วยสืบราชการลับแล้วครับ นายตำรวจองอาจตอบ

                ผมอยากให้คุณดูแลคดีนี้ด้วยตัวเอง อ้อ แล้วอีกอย่างทำให้เงียบที่สุดก็แล้วกัน เพราะไม่อย่างนั้น หากพวกนักข่าวรู้เรื่องเข้า คงจะเกิดเรื่องอื้อฉาวตามมาอีกไม่น้อย

                นี่ยังไม่รวมถึง คำตอบที่เราจะให้กับพวกนักข่าว ที่เราก็ไม่รู้ว่าจะให้ตอบว่าอย่างไร นักวิทยาศาสตร์อาวุโสอีกคนแทรกเข้ามา

                นายตำรวจองอาจทำความเคารพก่อนจะออกจากห้องประชุม เขาออกมาจากห้องประชุมพร้อมกับภาระอันหนักอึ้งและเขาไม่รู้ว่าจะปลดมันออกจากบ่าของเขาได้อย่างไร ใช่แล้ว มันเกี่ยวข้องกับเขามาตั้งแต่ต้น แต่ตอนที่เขาเข้าไปยุ่งเกี่ยว ตอนนั้นเขายังเป็นนายตำรวจชั้นผู้น้อยที่ทำตามคำสั่งเพียงอย่างเดียวและไม่รับรู้อะไรมากนัก ดังนั้นการที่เขาเคยเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องราว ไม่ได้ช่วยให้เขาสามารถไขปัญหาได้ดีกว่าคนอื่นสักเท่าไหร่นักเลย

                นายตำรวจองอาจกลับไปที่ห้องทำงานในแผนกสืบราชการลับ รวบรวมหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้และคดีก่อนหน้านี้มาวางกองบนโต๊ะในห้องประชุมเล็กในแผนก เขาหยิบหลักฐานมาดูอยู่ครึ่งค่อนวัน ยังคงไม่ได้อะไรมากไปกว่าสิ่งที่เคยรับรู้มา

                เมื่อประมาณยี่สิบปีก่อน ภายหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนายตำรวจองอาจกับนายตำรวจที่เกี่ยวข้องรายอื่นต่างถูกถอดถอนตำแหน่งไปประจำการอยู่ต่างจังหวัด เหตุการณ์นี้เป็นข่าวหน้าหนึ่งบนหนังสือพิมพ์รายวันเกือบทุกฉบับ

                ไฟไหม้สนง.พันธุฯ คนตายเกลื่อน

                อาถรรพ์ที่ดิน สนง.พันธุฯไหม้วอดวาย

                ...และอื่น ๆ อีกมากมาย

                นี่ยังดีที่นักข่าวยังตามกลิ่นและหาจุดเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ เพียงคิดว่าเป็นอุบัติเหตุธรรมดารายหนึ่ง หากพวกนักข่าวรู้พวกเจ้าหน้าที่ตำรวจคงหาคำตอบให้ไม่ได้ และเหตุการณ์ก็คงจะเลวร้ายไปยิ่งกว่านี้เป็นแน่ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยเขาจะต้องทำงานให้เงียบที่สุด

                นายตำรวจองอาจออกจากห้องประชุมที่เขานั่งอยู่ เข้าไปหยิบเอกสารที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเมื่อยี่สิบปีก่อนทั้งหมดมา มีกระดาษใบหนึ่งเขาหยิบมันแยกออกมา คลี่ดูอยู่พักหนึ่ง

                ...มันเป็นรายชื่อคน 10 คน พร้อมกับที่อยู่และวันเดือนปีเกิด...

                เขาพับมันลงในกระเป๋าเสื้อ แล้วรวบรวมเอกสารในอดีตจากในตู้และแฟ้มหลักฐานที่วางกระจัดกระจายอยู่ในห้องประชุมใส่กระเป๋าแล้วเดินจากไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×