ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    • ฟอนต์ THSarabunNew
    • ฟอนต์ Sarabun
    • ฟอนต์ Mali
    • ฟอนต์ Trirong
    • ฟอนต์ Maitree
    • ฟอนต์ Taviraj
    • ฟอนต์ Kodchasan
    • ฟอนต์ ChakraPetch
จิวอวงยี้ ตีนแมวเทวดา

ลำดับตอนที่ #19 : ตอนที่ 17

  • อัปเดตล่าสุด 8 ต.ค. 49


เรือลำนี้แตกต่างจากเรือทั่วไปที่ทั้งสองเคยพบเห็น ท้องเรือแบบราบเสมอขอบเรือ ลำตัวเรือบางเบาจัดสร้างจากไม้ชนิดหนึ่งซึงมีนำหนักเบา สามารถโลดแล่นบนดินเลนได้ แต่กระนั้นเวลาใช้ไม้ไผ่จวงค้ำพายยังต้องใช้กำลังมาก หากแต่สตรีชนบทผู้นั้นเพียงออกแรงขยับไม้ไผ่เรือก็โลดแล่นออก ดูคล้ายไม่ได้ออกแรงอันใด แล่นเรือผ่านไม่ถึงชั่วยามพลันปรากฏเกาะกลางบึงแห่งหนึ่ง เกาะนี้ดูจากสภาพแล้วคล้ายกับภูเขาลูกหนึ่งที่มียอดเขาโพล่พ้นดินเลนขึ้นมาไม่มาก เมื่อเป็นเช่นนี้ระดับความลึกของบึงเลนแห่งนี้ยากยิ่งจะคำนวนได้แล้ว สตรีชนบทนำเรือเทียบท่าน้ำแห่งหนึ่งอยู่ตรงเชิงผา ตรงเชิงผานี้สูงชันยิ่ง หากแต่มีบันไดไม้คดเคี้ยวขนาบหน้าผาขึ้นไป บันไดไม้นี้ไม่ได้จัดทำลวกๆหากแต่วิจิตรปราณีตยิ่งราวกับมังกรตัวหนึ่งเลื้อยทยานขึ้นสู่ยอดผา สตรีชนบทชักนำจิวอวงยี้ให้ติดตามมา พอขึ้นถึงยอดผา เห็นพื้นที่ราบกว้างขวาง สองขางทางปลูกต้นไม้เป็นทิวแถว ประดับแซมด้วยไม้ดอกไม้ประดับจำนวนมาก เดินตามทางได้ชั่วอึดใจหนึ่งได้ยินเสียงน้ำตกกระทบพื้นน้ำดังเป็นระรอก นาสิกสัมพัสได้ถึงกลิ่นน้ำชุ่มชื้น สายตาพลันพานพบบ้านน้อยสามหลังจัดสร้างด้วยไม้ซุงอิงแอบที่เชิงผาอีกด้านหนึ่ง แต่ล่ะหลังมีทางระเบียงเชื่อมต่อกัน ที่ด้านข้างมีธารน้ำตกไหลจากยอดผาด้านบนกระทบสู่แอ่งน้ำใหญ่ตามธรรมชาติ ดูงดงามน่าพิศมัยอย่างยิ่ง จิวอวงยี้ต้องลอบชื่นชม อยากนักที่ท่านสามารถเสาะหาสถานที่เช่นนี้ได้ สตรีชนบทนำพาคนทั้งสองเข้าสู่บ้านหลังริมสุดด้านขวามือ ให้นำลู่ซุนพักผ่อนลงบนเตียงสานไม่ไผ่ ตนเองเข้าไปถือโถเลี้ยงปลาใบหนึ่งออกมา กล่าวว่า

ท่านทั้งสองพักตรงนี้ชั่วครู่ข้าพเจ้าจะไปปรุงยา

จิวอวงยี้รับคำ พลันแลเห็นในโถปลา มีปลาสีแดงสดแหวกว่ายไปมา จดจำออกว่า นี้เป็นปลาหลีฮื้อแดงปลาวิเศษสามารถขจัดพิษได้สารพัด ต้องตื่นเต้นยินดี ร้องขึ้นว่า

นี้เป็นปลาหลีฮื้อแดง ใช่หรือไม่

สตรีชนบทเพียงยิ้มแย้มไม่ตอบคำ เข้าไปยังด้านใน เพียงชั่วครู่ก็ออกมาพร้อมกับหม้อยาส่งกลิ่นฉุนเฉียวใบหนึ่ง เทยาลงในชามยื่นส่งให้ กล่าวว่า

ท่านนำไปให้มันดื่มเถอะ

จิวอวงยี้รับชามยามา ประคองลู่ซุนขึ้นดื่ม เพียงไม่นานก็สำรอกเลือดพิษออกมา จากนั้นก็สิ้นสติไปจิวอวงยี้แตกตื่นยิ่งรีบจับชีพจรตรวจดูพบว่า แม้ชีพจรเต้นเร็วหากแต่ไม่สับสนเหมือนตอนแลก ลมหายใจถ่ายเทสะดวก เช่นนี้นับว่ามันปลอดภัยแล้ว ต้องมีสีหน้าปิติยินดี เห็นสตรีชนบทเข้ามาอีกคราในมือถือเสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวจัดวางไว้บนโต๊ะ กล่าวว่า

เสื้อผ้าเหล่านี้ แม้ดูคร่ำคราไป แต่ในที่เปลียวร้างเช่นนี้จัดหาของใหม่มิได้โปรดอย่าได้ถือสา

จิวอวงยี้เติบโตในดินแดนป่าเถือน ได้ยินแต่วาจาหยาบกระดาก ที่ไพเราะก็แฝงจริตจะก้าน ที่อ่อนน้อมก็ยกยอปอปั้น แต่วาจานุ่มนวลสุภาพแฝงความกรุณาเช่นนี้กลับไม่เคยได้ยิน รู้สึกบังเกิดความเกรงใจอยู่หลายส่วน พลันนึกขึ้นได้ นางช่วยเหลือเราหลายคราหากแต่ยังไม่ได้กล่าวขอบคุณ นับว่าเสียมารยาทรอย่างยิ่ง ดั่งนั้นย่อกายคำนับอย่างนอบน้อมกล่าวว่า

ได้รับพระคุณจาก เจ้เจ๊ท่านนี้นับว่าอยากยิ่งทดแทน ได้โปรดรับการคาราวะจากข้าพเจ้าด้วย

สตรีชนบทเพียงยกมือข้างหนึ่งรับข้อศอกนางไว้ จิวอวงยี้ถึงกลับไม่อาจคุกเข่าลงไปได้ ต้องลอบตระหนก ครุ่นคิด สตรีผู้นี้กลับมีพลังฝีมือลึกล้ำยิ่ง เพียงแขนข้างหนึ่งก็สามารถหนุนร่างของเรา เช่นนี้ย่อมไม่ต้องสงสัยแล้ว ไฉนนางพิษร้ายนั้นถึงได้ถอยหนี สตรีชนบทกล่าวว่า

โกวเนี้ยท่านนี้ ไม่ต้องมากมารยาทร

จิวอวงยี้กล่าวถามว่า

ไม่ทราบว่า เจ้เจ๊มีนามสูงส่งเรียกหาหรือไม่

สตรีชนบทยกมือปิดปากหัวเราะเล็กน้อย ท่าทีดูไม่เย้ยหยัน ดูไม่ขัดตา กลับดูเป็นกันเอง กล่าวว่า

ข้าพเจ้าเป็นเพียงหญิงชาวบ้านไหนเลยมีนามสูงส่ง ท่านเมื่อเรียกข้าพเจ้าเป็นเจ้เจ๊แล้ว ก็เรียกข้าพเจ้าเป็นเจ้เจ๊เถอะ

จิวอวงยี้เข้าใจว่านางกล่าวเช่นนี้ย่อมไม่ต้องการให้ถามไถ่ อีกทั้งนางยังไม่เคยกล่าวถามชื่อแซ่ตน คิดว่าหากกล่าวถามมากความจะไม่เป็นการดี จึงกล่าวเรียก เจ้เจ๊ คำหนึ่ง

นางความจริงต้องกล่าวเรียกสตรีชนบทผู้นี้เป็นผู้อาวุโสเพื่อแสดงความเคารพ หากแต่ติดวาจานิสัยของคังหมิ่น ยามพบผู้ที่อายุน้อยกว่ามักกล่าวเรียกตี๋ตี๋หรือม่วยม่วย กับผู้อายุมากกว่ามักเรียกเฮียเฮียหรือเจ้เจ๊ เป็นการเรียกที่ถือสนิท ดีที่สตรีชนบทผู้นี้มิได้ถือตัว มิเช่นนั้นคงตำหนินางมิให้ความเคารพ สตรีชนบทแย้มยิ้มกล่าวว่า

เช่นนั้นข้าพเจ้าจักเรียกท่านเป็นม่วยม่วยก็แล้วกัน ตอนนี้ท่านตามข้าพเจ้าไปพักผ่อนเถอะ

จิวอวงยี้งงงันวูบ ชีนิ้วไปยังลู่ซุน กล่าวว่า

ข้าพเจ้าต้องดูแลมัน

สตรีชนบทพินิจดูจิวอวงยี้ครู่หนึ่ง ชำเลืองสายตาไปทางลู่ซุนแวบหนึ่ง ก่อนกล่าวว่า

มันเป็นคู่หมั่นหมายท่านรึ

จิวอวงยี้หน้าแดงวูบ กล่าวตะกุกตะกักว่า

มิใช่

เช่นนั่นคงเป็นคู่รักท่านแล้ว

จิวอวงยี้หน้าแดงจรดใบหู ความจริงคิดบ่งบอกว่าใช่ หากแต่กริ่งเกรงลู่ซุนยามฟื้นคืนสติมาไม่รู้ความอาจตอบว่ามิใช่ เช่นนั้นนางก็กลายเป็นสตรีหน้าด้านแล้ว ไยไม่ใช่ย่ำแย่ยิ่ง จึงตอบว่า มิใช่ อีกครา

สตรีชนบทขมวดคิ้วเรียวงาม ครึ่งยิ้มครึ่งบึ่งกล่าวว่า

มันทั้งไม่ใช่คนรัก อีกทั้งไม่ใช่คู่หมั่นหมาย ท่านยังเป็นสาวเป็นแส่ ไหนเลยนอนค้างอ้างแรมต่อบุรุษหนุ่ม ต่อให้เป็นคู่รักคู่หมั่นหมาย หากยังไม่ได้แต่งงานไหนเลยนอนร่วมห้องเดียวกัน

จิวอวงยี้แย้งว่า

แต่มันเจ็บป่วย..

คำครหาไหนเลยคำนึงถึงผู้เจ็บป่วย ท่านควรตามข้าพจ้ามาเถอะ

พลางยึดกุมมือจิวอวงยี้จูงพานางออกจากห้อง จิวอวงยี้ที่แรกคิดขัดขืน แต่ไม่ทราบว่าไฉนถึงกริ่งเกรงไม่กล้าสะบัดมือออก ครุ่นคิดในใจ สตรีผู้นี้แม้เป็นสตรีที่เพียบพร้อมแต่ออกจะคร่ำครึไปบ้าง อดมีสีหน้าบูดบึ้งมิได้

เช้าวันรุ่งขึ้นจิวอวงยี้เข้าไปตรวจดูอาการลู่ซุนแต่เช้า เห็นลู่ซุนไม่มีอาการใดน่าหวั่นวิตกอีกรู้สึกปลอดโปร่งอย่างยิ่ง คิดไปชวนเจ้เจ๊ผู้นั้นสนทนา แต่ทะว่าไม่ทราบนางไปยังที่ใด ค้นหาจนทั่วแต่กลับไม่พบพานรู้สึกสงสัยอย่างยิ่ง

เห็นธารน้ำตกซัดซาดใส่แอ่งน้ำใส เป็นที่รื่นรม คิดเล่นน้ำให้เป็นที่สดชื่น ในที่นี้นับว่าปลอดผู้คนนอกจากลู่ซุนที่ไม่ได้สติแล้ว นอกนั้นไม่มีผู้อื่นอีก จึงเปลื้องผ้าออกเหลือเพียงเรือนร่างเปล่าเปลือย ทอดกายลงแช่น้ำอย่างสบายอารมณ์ น้ำในแอ่งนี้ไม่ใคร่ลึกนักระดับน้ำเพียงช่วงอกของนาง ขณะเยื้อย่างผ่านโคดหินก้อนหนึ่ง เท้าขวาพลันเหยียบในที่เวิ้งว้าง

จิวอวงยี้ใจหายวูบ ร่างดำดิ่งลงสู่พื้นน้ำ ต้องแตกตื่นลนลาน นางไม่รู้จักวิชาทางน้ำยามกระทันหันตะเกียดตะกายไม่ได้จำแนกทิศทาง กลับดำดิ่งลึกลงไป รู้สึกว่ารอบข้างกายเกะกะไปด้วยขอบกำแพงหินล้อมทึบไร้ทางออก ยามลนลานดิ้นรนไม่คิดชีวิตมือพลันพานพบช่องทางรีบดันร่างไปยังช่องโพล่งนั้น รู้สึกใต้เท้ามีที่หยัดยืน พอเหยียบย่ำคล้ายกลับเป็นบันไดหิน รีบไต่ไปตามบันไดหิน พอย่ำเหยียบได้สองสามขั้นศรีษะก็โพล่พ้นน้ำ รีบสูดลมหายใจยาวเข้าคราหนึ่ง กระแอมไอสำลักน้ำเป็นการใหญ่ นับว่านางรอดพ้นเงามัจจุราชได้อย่างหวุดหวิด หากช้ากว่านี้อีกชั่วครู่นางต้องหมดลมหายใจสิ้นใจตายอย่างแน่นอน ยามนี้พอตั้งสติได้ กลับไม่ทราบตนเองอยู่ยังที่ใด บรรยากาศรอบข้างกลับมืดมิดสนิท ใช้สองมือควานเปะปะนำทาง พบว่าบันไดหินยังทอดยาวขึ้นเบื้องบน ครุ่นคิดว่าหากตามบันไดนี้ไปอาจพบหนทางออกจากที่แห่งนี้ ขึ้นบันไดสิบกว่าขั้นพานพบกำแพงศิลาขวางทางไว้ ต้องแตกตื่นตกใจ หากนี้เป็นทางตันนับว่าย่ำแย่ยิ่ง ควานมือคำเปะปะไปทั่ว มือพลันกระทบถูกท่อนไม้ท่อนหนึ่ง ริมผนังพอใช้มือลูบคำดูทราบว่าเป็นคบเพลิง ต้องร้องออกมาอย่างยินดี เมื่อมีคบเพิลงในที่นี้ย่อมต้องมีชุดไฟอยู่ไม่ห่างจากตัวคบเพลิง เป็นดังคาดพอควานมือออกโดยรอบก็คว้าได้หินสองก้อน พอนำมากระแทกกันเกิดประกายไฟแลบแปลบปลาบ จิวอวงยี้ยินดียิ่งรีบจุดคบเพลิงขึ้นโดยเร็ว พอแสงไฟสาดส่องพบเห็นตนเองยืนอยู่ข้างกำแพงศิลา ด้านล่างเป็นบันไดหินทอดยาวลงสู่แอ่งน้ำ แอ่งน้ำนี้คงเป็นที่นางตะเกียดตะกายขึ้นมานั้นเอง สำรวจดูรอบๆกำแพงศิลา เห็นมีประตูศิลาบานหนึ่งจึงออกแรงผลักออก พอประตู่ศิลาเริ่มเปิดออกกลิ่นสาบคละคลุ้งก็โชยออกมา จิวอวงยี้ใช้มือหนึ่งปิดจมูกมือหนึ่งส่องสาดคบเพลิงเข้าไป เห็นภายในเป็นห้องหับศิลาหลังหนึ่ง ภายในมีข้าวของเครื่องใช้จำเป็นอยู่ครบถ้วน พอส่องไฟไปทางต่ำแหน่งเตียงนอน ต้องผงะเล็กน้อย เห็นโครงกระดูกสองโครงนอนเคียงคู่กัน โครงกระดูกทั้งสองยังมีเสื้อผ้าติดตัวพอจำแนกออก หนึ่งน่าจะเป็นบุรุษอีกหนึ่งน่าจะเป็นสตรี ทั้งคู่หากไม่ใช่คู่รักย่อมต้องเป็นสามีรภรรยากัน คาดว่าคงต้องตกตายรวมกันมานานแล้วมิเช่นนั้นคงไม่หลงเหลือแต่เพียงโครงกระดูก

จิวอวงยี้ย่างเข้าไปสำรวจดูช้าๆ เห็นโครงกระดูกที่สวมชุดบุรุษ มีมีดสั้นเสียบปักตรึงอยู่ตรงช่วงอก มือหนึ่งโอบประครองโครงกระดูกสตรีอีกมือหนึ่งจับด้ามมีดสั้นไว้ ดูแล้วก็เข้าใจได้ว่า บุรุษผู้นี้เสียใจที่คนรักตายจากไป ตนเองมิอาจทานทนได้จึงฆ๋าตัวตายตาม ครุ่นคิดแล้วรู้สึกหดหู่เห็นใจอย่างยิ่ง พลันก้มลงกราบกรานแสดงความเคารพต่อคนทั้งสอง ขณะก้มกราบเสร็จสิ้นพบเห็นตนเองมิได้ใส่เสื้อผ้านับว่ากระดากอายอย่างยิ่ง กวาดสายตามองหาโดยรอบเห็นหีบเหล็กใหญ่สองสามใบจึงเข้ารื้อค้น ครุ่นคิดว่าคงมีเสื้อผ้าของคนทั้งสองหลงเหลืออยู่บ้าง หลังใบแรกเพียงพบแต่สมุดบันทึกตำรา ใบที่สองก็เชกเช่นเดียวกันนางยามนี้ไม่มีกระจิตสนใจว่าเป็นตำราสิ่งใดบ้างจึงไม่แยแสสนใจ จวบจนใบที่สามจึงพบเห็นเสื้อผ้า เสื้อผ้าเหล่านี้มีทั้งของบุรุษและของสตรี จิวอวงยี้เลือกของสตรีขึ้นมาชุดหนึ่งจัดแจงสวมใส่ จากนั้นจึงค่อยค้นหาทางออก คาดเดาว่าห้องนี้มีข้าวของเครื่องใช้มากมายทั้งตั่งเตียง ตู้ไม้ โต๊ะเก้าอี้ ของพวกนี้ย่อมไม่สามารถนำผ่านทางช่องแอ่งน้ำได้ย่อมต้องมีช่องทางลับทางอื่น แต่ห้องศิลานี้ล้วนตันทึบทั้งสีด้านไหนเลยมีทางออก ค้นหาวุ่นวายอยู่ครึ่งคอนวันยังไม่พบพาน ต้องกระแทกนั่งลงกับโต๊ะศิลาอย่างหมดหวัง หากให้ทางออกไปทางเก่าคงทำไม่ได้ ครั้งแรกที่หลุดรอดมาได้นับว่าปฏิหารแล้ว หากกลับไปอีกคราคงต้องหลงติดกำแพงหินจมน้ำตายอย่างแน่นอน ครุ่นคิดถึงกลับกลัดกลุ่มใจ พลันได้ยินเสียงพรึมพรำของสตรีแววมา ที่แรกถึงกลับขนลุกเกรียว นึกว่าผีสางในที่แห่งนี้ล้อเล่นกับตน แต่พอเงี่ยหูฟัง จดจำออกว่าเป็นเสียงเจ้เจ๊ผู้นั้น ได้ยินนางพึมพำว่า

โกวเนี้ยผู้นั้นไปยังที่ใด หรือจากไปแล้ว ไฉนไม่นำพาบุรุษผู้นั้นไปด้วย

จิวอวงยี้ปิติยิ่งรีบร้องออกไป

เจ้เจ๊ข้าพเจ้าอยู่ยังที่นี้

นางคล้ายกับไม่ได้ยินเสียงของจิวอวงยี้ ยังคงกล่าวพึมพำกับตนเองเบาๆ จิวอวงยี้รีบขนขวายหาที่มาของเสียง ใช้ใบหูแนบไปมาตามฝากำแพง จวบจนถึงท่อไม่ไผ่สามท่อข้างริมผนัง เสียงของนางกลับเล็กรอดมาตามท่อไม้ไผ่กระบอกกลาง ต้องจอริมฝีปากกับท่อไม้ไผ่ตะโกนออกไปอีกครา แต่ก็หามีเสียงตอบกับมาไม่ จิวอวงยี้ตะโกนไปอีกหลายคำ แต่คล้ายกับภายนอกไม่ได้ยินเสียงนางก็ปาน คงมีแต่นางได้ยินเสียงของภายนอก ต่อมาก็ไม่ได้ยินเสียงอีกแล้ว จิวอวงยี้ถึงกลับกลัดกลุ่มรุ่มร้อนใจ ไม่ทราบว่าจะทำประการใด ครุ่นคิดไม่เข้าใจว่าไฉนถึงเป็นเช่นนี้

ผ่านไปเนินนานเท่าใดไม่ทราบได้ พลันได้ยินเสียงสตรีชนบทผู้นั้นดังขึ้นมาอีกคราหากแต่ครานี้ดังขึ้นจากท่อไม้ไผ่กระบอกขวาสุด ได้ยินนางกล่าวว่า

ท่านฟื้นแล้วหรือ เช่นนั้นดียิ่ง รับประทานอาหารก่อนแล้วค่อยว่ากล่าว

เสียงบุรุษตอบมาว่า

ขอบพระคุณผู้อาวุโสที่ช่วยเหลือ บุญคุณครั้งนี้ข้าพเจ้าลู่ซุนไม่ขอลืมเลือน

จิวอวงยี้ต้องแตกตื่นยินดีทราบว่าเป็นเสียงลู่ซุนรีบร้องเรียกขึ้น

ตั่วกอ ข้าพเจ้าอยู่ที่นี้ ท่านได้ยินข้าพเจ้าหรือไม่

มันก็คล้ายไม่ได้ยิน กล่าวต่อไปว่า

เออ..ไม่ทราบว่าเซียวโกวเนี้ย ตอนนี้อยู่ยังที่ใด

อ่อ ที่แท้นางแซ่เซียว ข้าพเจ้าตอนกลับมาก็ไม่พบเห็นนางแล้ว

ที่แท้ห้องหับศิลานี้ผู้สร้างจัดเป็นสถานที่หลบภัย กระบอกไม้ไผ่เหล่านี้เชื่อมต่อสู้ห้องด้านบนสามหลัง เพื่อไว้สดับฟังความเคลื่อนไหว ในกระบอกไม้ไผ่มีหินศิลาชนิดหนึ่ง ด้านหนึ่งเรียบลื่นอีกด้านหนึ่งผุพรุน เมื่อกล่าวเสียงไปยังด้านผุพรุนเสียงสามารถผ่านทะลุไปยังด้านเรียบลื่นได้ แต่เมื่อกล่าวเสียงด้านเรียบลื่นกลับไม่สามารถผ่านออกมาได้เลย ผู้สร้างใช้ความพิเศษชนิดนี้มาจัดทำท่อดักฟังเสียง ผู้อยู่ในห้องศิลาได้ยินเสียงด้านบน หากแต่ผู้อยู่ด้านบนไม่อาจได้ยินเสียงในห้องศิลา

จิวอวงยี้ร่ำร้องเรียกจนคอแหบแห้ง แต่ทั้งคู่ไหนเลยได้ยิน นางถึงกลับสะอื้นร่ำไห้ออกมา ภายหลังรู้สึกอ่อนเพลียจึงฟุบหลับไป พอตื่นขึ้นรู้สึกหิวโหยสุดทนทาน แต่ในที่นี้ไหนเลยมีสิ่งของรับประทาน ทนหิวโหยอยู่ครู่ใหญ่พลันนึกขึ้นได้ ถือคบเพลิงไปตามทางบันได ตรงเข้าหาแอ่งน้ำ ครุ่นคิดว่าแอ่งน้ำนี้เมื่อเชื่อมต่อแอ่งน้ำด้านนอกย่อมต้องมีปลาอาศัยอยู่ จริงดังคาด เห็นปลาใหญ่แหวกว่ายไปมาสองสามตัว และเล็มกินตะไคร่ตามขอบบันไดศิลา รีบใช้ฝ่ามือยมทูติคว้าจับออก ปลายังไม่ทันว่ายหนีก็ถูกตะปบไว้แล้ว จิวอวงยี้ยินดียิ่ง ครั้งนี้ถึงกลับไม่อดตายแล้ว พอเพ่งมองดูปลาต้องแตกตื่นสงสัย นี่กลับเป็นปลาหลีฮื้อแดง พอใช้ไฟสาดส่องลงไปบนผิวน้ำ เห็นปลาที่พลิกตัวหลบรอดแสงไฟล้วนมีลักษณะคล้ายๆกัน เช่นนี้แอ่งน้ำด้านนอกกลับเป็นที่เพาะพันธ์ปลาหลีฮื้อแดงแล้ว มิน่าเจ้เจ๊ถึงนำมาปรุงยาให้ตั่วกอโดยไม่เสียดาย ที่แท้ในที่นี้มีอยู่ดาดดื่น ยามนี้แม้เรามิได้โดนพิษก็ขอกัดกินเจ้าแล้ว

จิวอวงยี้อาศัยอยู่ในนี้เนินนานไม่ทราบวันคืน ยามได้ยินเสียงมักร้องเรียกออกไป แต่ภายหลังทราบว่าไม่เป็นผลจึงไม่ได้ร้องเรียกอีก ได้แต่สลัดฟังด้วยใจหดหู่ ยามนี้ได้ยินเสียงดังในกระบอกกลางเสียงลู่ซุนกล่าวว่า

ยามนี้ข้าพเจ้าหายดีแล้ว จึงคิดมากราบอำลาผู้อาวุโส

สตรีชนบทกล่าวว่า

ท่านไม่รอเซียวโกวเนี้ยผู้นั้นแล้วรึ

ลู่ซุนอึกอักอยู่ชั่วครู่ จึงกล่าวว่า

นี่ผ่านไปสามวันแล้วนางยังไม่กลับมา ข้าพเจ้าคาดคิดว่า นางคงจากไปแล้ว อีกประการข้าพเจ้ามีความจำเป็นสำคัญต้องรีบกระทำจึงไม่อาจพักอาศัยอยู่ได้นาน

ท่านหากมีความจำเป็นสำคัญก็ไปเถอะ หากนางกลับมาเราจะบ่งบอกต่อนาง

จิวอวงยี้พอฟังว่ามันจะจากไป ถึงกลับลนลาน ร่ำร้องว่า

ตั่วกอ ท่านอย่าได้ไป ข้าพเจ้าอยู่ในที่นี้

ร่ำร้องอยู่หลายคำแต่ก็ไม่เป็นผล เสียงสนทนาของคนทั้งคู่พลันเงียบหาย ทราบว่ามันได้จากไปแล้วต้องหลั่งน้ำตาร่ำไห้ จากนั้นเสียงเหล่านั้นก็เงียบหายยาวนาน จิวอวงยี้ทั้งอัดอั้นทั้งกลัดกลุ่มไม่ทราบว่าจะหาทางออกไปจากที่แห่งนี้ได้อย่างไร ถึงกลับนอนทอดกายหมดอาลัย

ติดตามเรื่องนี้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน

ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

2ความคิดเห็น

กำลังโหลด...

2ความคิดเห็น

กำลังโหลด...
×
แทรกรูปจากแกลเลอรี่ - Dek-D.com
L o a d i n g . . .
x
เรียงตาม:
ใหม่ล่าสุด
ใหม่ล่าสุด
เก่าที่สุด
ที่กำหนดไว้
*การลบรูปจาก Gallery จะส่งผลให้ภาพที่เคยถูกนำไปใช้ถูกลบไปด้วย

< Back
แทรกรูปโดย URL
กรุณาใส่ URL ที่ขึ้นต้นด้วย
http:// หรือ https://
กำลังโหลด...
ไม่สามารถโหลดรูปภาพนี้ได้
*เมื่อแทรกรูปเป็นการยืนยันว่ารูปที่ใช้เป็นของตัวเอง หรือได้รับอนุญาตจากเจ้าของ และลงเครดิตเจ้าของรูปแล้วเท่านั้น
< Back
สร้างโฟลเดอร์ใหม่
< Back
ครอปรูปภาพ
Picture
px
px
ครอปรูปภาพ
Picture