ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : MY STORY IS A LIE::CHAPTER SEVENTEEN
MY STORY IS A LIE::CHAPTER SEVENTEEN
...สองปีต่อมา
“สวัสดีค่ะคุณเขม ...อุ๊ยต๊าย นี่หนูน้ำขิงหรือคะ? แหม ยิ่งโตก็ยิ่งสวยนะคะเนี่ย สวยไม่แพ้คุณอรแม่ของแกเลย ..ว่าแต่วันนี้หนุ่มๆ ไม่ได้มาด้วยหรือคะ?” คุณหญิงอะไรสักอย่างที่ฉันเองก็จำไม่ได้ว่าเป็นใครในองค์กรของพ่อจีบปากจีบคอถาม ฉันยกมือขึ้นไหว้ตามมารยาทแล้วยืนอยู่ข้างคุณพ่อนิ่งๆ
“มาครับมา สงสัยคงจะยืนอยู่อีกด้านหนึ่งของงาน ...แล้ววันนี้คุณหญิงสุรางค์มาคนเดียวหรือครับ?”
“แหม... ก็สามีดิฉันน่ะสิคะ บอกว่าติดงานด่วนมาไม่ได้จริงๆ งานนี้ดิฉันเลยต้องฉายเดียว”
“งั้นหรือครับ แล้วคุณหญิง....”
พอเห็นว่าบทสนทนาของคุณพ่อและคุณหญิงเริ่มยาวขึ้นเรื่อยๆ ฉันเลยกระซิบบอกคุณพ่อว่าขอตัวเดินออกมาจากตรงนั้นถึงแม้ว่าในงานทั้งงานฉันจะไม่รู้จักใครเลยก็เถอะ ไม่สิ บางคนก็คุ้นหน้า อย่างผู้หญิงที่อยู่ในชุดราตรียาวรัดรูปสีแดงตรงนั้น ...เธอเป็นลูกสาวเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ฉันเจอเธอบ่อยเหมือนกัน ...หมายถึงตามงานเลี้ยงสังสรรค์แบบนี้น่ะนะ
งานวันนี้เป็นงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของผู้อาวุโสท่านหนึ่ง ฉันต้องออกมากับคุณพ่อด้วยเหตุผลเดิมๆ ที่ว่าฉันควรจะพบปะผู้คน เข้าสังคม และเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้แล้ว คุณพ่อบอกกับฉันอย่างนั้นหลังจากที่ฉันปิดรับทุกอย่างอยู่เป็นปี ก็จะให้ทำยังไงได้ล่ะ... ในเมื่อหัวใจของฉันมันไม่ต่างอะไรไปจากก้อนเนื้อที่หยุดเต้นไปตั้งแต่วันนั้นแล้ว..
“สวัสดีครับคุณน้ำขิง J” เสียงทักดังขึ้นจากทางด้านหลัง และพอหันกลับไปดูฉันก็พบกับเจ้าของเสียงที่ยืนยิ้มยื่นแก้วเครื่องดื่มส่งมาให้
“อ่อ... สวัสดีค่ะคุณเลโอ” ฉันรับแก้วเครื่องดื่มมาแล้วรีบชักมือกลับอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังไม่วายถูกนิ้วยาวๆ นั่นแตะถูกมืออยู่ดี ฉันลืมสังเกตไอ้หมอนี่ไปได้ยังไงนะ ให้ตายสิ ฉันเกลียดขี้หน้าเขาชะมัด! มือไวปากไวจนน่าเกลียด!
ฉันเคยเจอเขาไม่ต่ำกว่าสิบครั้ง จะพูดให้ถูกเลยก็คือฉันเจอนายคนนี้บ่อยมากต่างหาก! ยิ่งช่วงหลังๆ มานี่เขาโผล่ไปก่อกวนฉันถึงที่บ้านบ่อยๆ ด้วย ฉันรู้แค่ว่าเขาเป็นลูกชายของลูกค้ารายใหญ่ของคุณพ่อ นอกจากนั้นฉันก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับนายคนนี้อีกเลย และก็ไม่อยากรู้ด้วย แล้วก็อีกอย่างนะ
...ถ้าเขายังไม่เลิกมองฉันด้วยสายตาพิสวาสขาดใจดิ้นแบบที่กำลังทำอยู่ตอนนี้ ฉันจะตบให้ลูกกะตาเขาล่วงออกมาเลยจริงๆ ด้วย!
“วันนี้คุณน้ำขิงสวยมากเลยครับ”
“ขอบคุณค่ะ” ฉันกัดฟันตอบไปอย่างไม่ใส่ใจนัก
“ถ้าไม่รังเกียจ...”
“ขอโทษนะคะ ...แต่ดิฉันเกรงว่าจะใช่”
“หะ? เมื่อกี้คุณน้ำขิง...”
ไม่ได้... ยังไงก็ต้องรักษาหน้าคุณพ่อ ...อดทนเข้าไว้น้ำขิง!
“อย่าไปใส่ใจเลยค่ะ พอดีเมื่อกี้ฉันพึมพำอะไรนิดหน่อย” ฉันตอบไปอย่างนั้นก่อนจะเบือนหน้าหนีเขาอย่างเบื่อหน่าย พี่เหมกับพี่คิมยืนอยู่อีกด้านของงานทางฝั่งที่ติดกับประตู ตอนนี้คุณพ่อไปนั่งอยู่ที่โต๊ะแล้ว ส่วนที่นั่งข้างๆ ก็คงจะเป็นพวกนักธุรกิจด้วยกัน
“อืม....ฉันรู้ ...พอเถอะ เลิกหนีกันสักที ...ฉันเหนื่อยที่จะต้องวิ่งหนีพวกมันแล้ว ...ที่นี่เป็นบ้านของฉัน ...ฉันจะไม่ยอมหนีไปไหนอีก” สายตาของฉันหยุดนิ่งอยู่ที่ผู้ชายคนหนึ่ง ...อาจเป็นเพราะเรายืนอยู่ไกลกันไม่มากฉันเลยพาลได้ยินเสียงการสนทนาโทรศัพท์เมื่อครู่ไปด้วย กลุ่มเส้นผมสีดำยาวระต้นคอถูกมัดต่ำไว้ข้างหลังร่างสูงในชุดสูทยัดโทรศัพท์ใส่ในกระเป๋ากางเกงก่อนจะหันหน้ามาประสานสายตาเข้ากับฉันพอดี....
“คุณน้ำขิงครับ”
“.............”
“คุณน้ำขิง?”
“..............”
“เฮ้ คุณได้ยินผมมั้ย? –O-;”
ปึก!
ฉันละสายตาจากเขากลับมามองผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเพราะเพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองเผลอปัดมือของนายเลโอที่เมื่อกี้ยกขึ้นโบกอยู่ตรงหน้าออก
“ฉัน...ขอโทษ” ฉันพึมพำบอกออกไป หากแต่สายตากลับมองผ่านไหล่ของเขาไปยังผู้ชายอีกคนที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ร่วมไปถึงสายตาของเขาด้วย ...เพราะอย่างนั้นเราถึงได้ประสานสายตากันอีกครั้ง รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าคม เขาก้มศีรษะให้ฉันเล็กน้อย
อยู่ๆ หัวใจของฉันก็รู้สึกเต้นแรง ตอนที่จ้องกลับสายตาคู่นั้นไป... ความรู้สึกบางอย่างเริ่มก่อตัวขึ้นเมื่อฉันเห็นเป็นภาพใบหน้าของใครบางคนที่ฝั่งลึกอยู่ในความทรงจำขึ้นทับซ้อนกับใบหน้าของเขา
....เจนัว
ฉันกระพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับสายตาเพราะคิดว่าตัวเองคงตาฝาดไป... แต่ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม!
...ผู้ชายคนนี้มีใบหน้าที่เหมือนกับเจนัวราวกับแกะ!!
“เจนัว” ฉันพึมพำเรียกชื่อ ‘เขา’ อย่างลืมตัว หัวใจที่เต้นแรงทำให้ฉันที่รู้สึกสับสนอยู่แล้วเป็นทุนเดิมเริ่มควบคุมตัวเองไม่อยู่ ความรู้สึกโหยหาถาโถมเข้ามามากซะจนฉันเริ่มรู้สึกใจคอไม่ค่อยดี ...กลัวว่าตัวเองจะหลุดทำอะไรบ้าๆ
พรึบ!
อยู่ๆ ไฟในห้องโถงที่จัดงานก็พากันดับลงอย่างกะทันหัน ทิ้งช่วงระยะไม่นานนักเสียงปืนก็ดังสะนั่นขึ้น จากเสียงฮือฮาในตอนแรกก็แปรเปลี่ยนเป็นเสียงร้องแตกตื่น เสียงปืนยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องท่ามกลางความมืดที่มีผู้คนในงานวิ่งหนีเอาตัวรอดกันอย่างชุลมุน (คงรวมนายเลโอที่ตอนนี้หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้อยู่ด้วย) ฉันยกชายกระโปรงที่ยาวลากพื้นของตัวเองขึ้น เดินหันซ้ายหันขวามองความมืดรอบตัวอย่างไม่รู้ว่าจะต้องไปทางไหน
พุบ!
“ว้าย!!!”
ฉันเผลอร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อจู่ๆ ก็ถูกมือหยาบของใครบางคนฉุดให้นั่งลงบนพื้น ก่อนที่จะได้ยินเสียงลูกกระสุนแหวกผ่านอากาศออกจากปลายกระบอกไปในระยะใกล้จนน่าใจหาย!
ปัง!
ฉันเผยอริมฝีปากหอบหายใจอย่างช็อกๆ เพราะเริ่มรู้สึกหายใจไม่ทันและเริ่มติดขัด ...แสดงว่าคนที่ฉุดฉันให้นั่งลงเมื่อกี้เป็นคนยิงสินะ!
พระเจ้าช่วย...
ปัง!
เสียงปืนจากอีกฝั่งยิงสวนกลับมา ฉันยกมือขึ้นปิดหูพร้อมกับหลับตาแน่นปี๋ ได้ยินเสียงสบถแว่วๆ ที่จับใจความอะไรไม่ได้เลย
“คุณ... ไม่หนีหรือไง??” เสียงถามลนๆ ดังขึ้นตอนที่ฉันรู้สึกได้ว่า’เขา’ย่อตัวลงข้างๆ ...ฉันขมวดคิ้วมุ่น ค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“...........”
“จะ...เจนัว...”
ปัง!
“ว้าย!”
“วิ่งหนีไปหาที่หลบสิคุณ!” เขาหันกลับมาสั่งเสียงดังหลังจากเบี่ยงตัวออกจากที่หลบยิ่งสวนอีกฝ่ายกลับไปแล้ว ฉันมองเขาแล้วนิ่งงัน สมองยังสั่งการอะไรได้ยากเหลือเกิน ...ยิ่งพอได้เห็นหน้าเขาใกล้ๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นในความมืดก็ตาม
ใครก็ได้ช่วยบอกฉันทีว่าฉันไม่ได้ฝันไป ...นอกจากผู้ชายคนนี้จะมีใบหน้าที่คล้ายคลึงกับเจนัวแล้ว เขายังทำให้ฉันประหลาดใจอีกด้วยว่า
เขาเป็นใครกันแน่!!
.
.
.
‘ขิงขอแวะไปหาอีสเตอร์ก่อนนะคะ แล้วเดี๋ยวยังไงเราค่อยไปเจอกันที่บ้าน’
ฉันบอกกับคุณพ่อและพี่เหมอย่างนั้นตอนที่เราเดินออกมาจากในงานเลี้ยง พี่เหมทำท่าจะค้านเพราะฉันขอขับเอารถของพี่คิมออกไปคนเดียว ทั้งๆ ที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์ไม่ค่อยดีขึ้นจนทำให้งานเลี้ยงต้องเลิกกลางคัน แต่พอพี่คิมส่งกุญแจรถให้ทุกอย่างก็เลยเข้าทางฉัน
ฉันยังไม่ได้บอกพี่เหมเรื่องผู้ชายที่ฉันเจอในงาน... พอหลังจากที่ผู้ชายคนนั้นสั่งไปให้ฉันหนี ฉันก็วิ่งออกมาจากตรงนั้นโดยไม่คิดที่จะหันหลังกลับไปมองอีก ผ่านไปกว่าสิบนาทีสถานการณ์จึงคลี่คลาย เจ้าหน้าที่ของทางโรงแรมเข้ามาตรวจสอบ ก่อนที่ตำรวจจะตามเข้าในเวลาติดๆ กัน
ฉันอยากเล่าเรื่องนี้ให้อีสเตอร์ฟังก่อน... อีสเตอร์น่าจะเป็นคนเดียวที่ฉันสามารถพูดเรื่องนี้ด้วยได้โดยที่ไม่โดนด่าหาว่าบ้า เขาเป็นผู้รับฟังที่ดีเสมอ และฉันก็หวังว่าเขาจะมีความคิดเห็นที่แชร์กับฉันได้
พอเดินมาถึงลานจอดรถชั้นG ฉันก็กวาดตามองหารถออดี้คันสีขาวของพี่คิมทันที ก่อนจะไปสะดุดสายตาหยุดอยู่ที่ร่างสูงของผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังยืนพิงประตูรถคันหนึ่งพูดโทรศัพท์อยู่
“พวกมันรู้ได้ยังไง ไม่.... ฉันไม่รู้ แต่ถึงรู้ ฉันก็จะมาอยู่ดี ...ฉันบอกนายไปแล้ว....” น้ำเสียงและสีหน้าที่แสดงออกมาดูเคร่งเครียด ก่อนที่เขาจะหันมาเห็นฉันเข้าพอดี “....เดี๋ยวค่อยคุยกันต่อ”
ฉันสะดุ้ง กลืนน้ำลายลงคอ แล้วแสร้งเดินมองหารถของตัวเองต่อเหมือนกับว่าไม่รู้ ไม่เห็น และไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น แต่ก็เป็นอันต้องหยุดกึกเพราะเสียงพูดลอยลมของเขา!
“แอบฟังคนอื่นคุยโทรศัพท์มันเสียมารยาทนะครับคุณผู้หญิง”
“ฉันเปล่านะ!” ฉันหันกลับไปมองเขาแล้วรีบปฏิเสธเสียงแข็ง
“ก็เห็นๆ อยู่” เขายักไหล่
“เมื่อกี้ฉันหยุดมองหารถของตัวเองต่างหาก ไม่ได้แอบฟัง!”
“งั้นเหรอ แล้วในงานเมื่อกี้ล่ะ ...ที่คุณเอาแต่จ้องผมจนลืมคู่ควงของตัวเองน่ะ” เขายืดตัวขึ้นเต็มความสูง ก้าวเท้าเดินเข้ามาหาฉันช้าๆ นัยน์ตาพราวไปด้วยแววขี้เล่นแตกต่างจากเมื่อกี้โดยสิ้นเชิง!! “อย่าบอกนะว่าคุณไม่ได้ตั้งใจจะมองผม” จบคำพูดเขาก็มายืนอยู่ตรงหน้าฉันแล้ว พอเห็นฉันยืนเม้นปากแน่นไม่ตอบและเบือนหน้าหนีเขาก็จู่โจมโน้มหน้าเข้ามากระซิบถามใกล้ๆ อย่างจงใจแกล้ง
“ว่าไงครับคุณผู้หญิง J”
ใบหน้าของเขายังคงนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น ปล่อยลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดลงบนต้นคอของฉันเหมือนจะหยอกล้อ ฉันหลับตาแน่น พยายามจะคิดว่าเขาไม่ใช่คนๆ นั้น ที่ฉันคุ้นเคย แต่เป็นคนอื่นที่ฉันเพิ่งได้เจอและไม่รู้จัก
ไม่ใช่เจนัว ...ไม่ใช่
ฉันยกมือขึ้นผลักเขาให้ออกห่าง รู้สึกได้เลยว่าตัวเองหายใจหอบถี่
...แค่คิดว่าเขาคือเจนัว หัวใจของฉันก็เต้นรัว รู้สึกหนักหน่วง อยากจะร้องไห้ออกมาเสียดื้อๆ
“ทำไมไม่หนี บางทีผมอาจเป็นผู้ร้ายก็ได้ ...ในเมื่อในงานเลี้ยงเมื่อกี้คุณก็เห็นว่าผมทำอะไร” ใบหน้าคมกระตุกยิ้มมุมปากถาม ฉันเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา....
“แล้วนายเป็นใคร.....นายไม่ใช่เจนัว... ไม่ใช่...ใช่มั้ย?” ฉันรู้ว่ามันเป็นคำถามที่โง่และอาจจะไม่มีคำตอบ แต่จะให้ฉันทำยังไง... ฉันทำตัวไม่ถูกแล้วจริงๆ มีความคิดมากมายผุดขึ้นมาเต็มไปหมดจนเรียงลำดับไม่ถูก มีเสียงตะโกนดังขึ้นซ้ำๆ บอกว่าเจนัวตายไปแล้ว แล้วผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันในตอนนี้ล่ะ? เขาเป็นใคร เกี่ยวข้องอะไรกับเจนัว หรือว่าไม่เลย...
ถ้าถามว่าฉันกลัวเขามั้ย.... บอกตรงๆ ว่าตอนนี้ ฉันไม่ได้คิดถึงในจุดนั้นเลย
เสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น เจ้าของของมันไม่ได้หยิบมันออกมาดูหรือว่ากดรับ ร่างสูงมองฉันด้วยรอยยิ้มกริ่มก่อนจะทิ้งคำพูดไว้แค่สั้นๆ แล้วเดินกลับไปขึ้นรถของตัวเองขับออกไป
‘....หาคำตอบสิ’
แม้ว่ารถของเขาจะลับจากสายตาไปแล้ว แต่ฉันก็ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมอย่างนั้น ...หาคำตอบอย่างนั้นเหรอ.... หมายความว่ายังไง ...ผู้ชายคนนี้เขาเป็นใครกันแน่?
.
.
.
.
.
.
.
[นี่ถ้าคุณรับโทรศัพท์ผมช้าไปอีกวินาทีเดียวผมจะตามไปหาคุณถึงที่นั่นเดี๋ยวนี้เลย!]
“ก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่เป็นอะไร กำลังจะกลับ”
[คุณXXXไม่ลองมาเป็นผมบ้างล่ะครับจะได้รู้ว่าผมรู้สึกยังไง นี่ถ้าเกิดคุณเป็นอะไรขึ้นมาเราจบเห่แน่!]
“หยุดบ่นสักทีเถอะน่า แล้วก็ช่วยหาข้อมูลให้หน่อย ...ผู้หญิงที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเมื่อสองปีก่อน ถ้ากลับไปถึงแล้วได้เลยก็ดี”
[คุณXXX จะเอาไปทำไมครับ? หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น!]
“ฉันอยากคุยกับเพื่อนสนิทมากกว่า ไม่ใช่คุณทนายสันติ เพราะงั้นก่อนฉันกลับไปถึงก็เก็บแว่นของนายใส่กระเป๋าซะ”
[ผมไม่ใช่จิ้งจกนะครับ จะได้เปลี่ยนสีได้เร็วขนาดนั้น]
“ฉันก็นึกว่าใช่ซะอีก เห็นนายชอบทำบ่อยๆ”
[ผมจะระวังตัวไม่ให้ล้ำเส้นของทนายอีก คุณเองก็กรุณาอย่าล้ำเส้นของตัวเองเหมือนกัน แฟร์ๆ]
“เรื่องนั้นค่อยพูดกันทีหลัง อีกห้าทีฉันจะไปถึง ...หวังว่าตอนนั้นผมจะได้ข้อมูลที่ต้องการนะครับคุณสันติ”
[Yes, sir]
“หึ...น่ารักมากครับ~ J”
Talk To U
สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นก้อยต้องขอบอกกับทุกคนก่อนว่าดีใจมากๆ เลยค่ะ
ที่ได้กลับมาเจอกับทุกคนในหน้านี้อีก 555+ คือแบบก้อยหายไปนานมากจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าห้าเดือนที่ผ่านมาก้อยจะไม่ได้อัพนิยายเลยสักตอน ขี้เกียจเอาโล่เลยเหอะ =____= แต่กว่าจะได้อัพตอนนี้อุปสรรค์ก็เยอะใช่เล่นเลยค่ะ เพราะตอนแรกกะจะเขียนบทโศกของน้ำขิงต่ออีกสักตอนแล้วค่อยเริ่มบทใหม่ พอเขียนไปประมาณสี่ห้าหน้า (ใช้เวลาประมาณสองถึงสามสัปดาห์) ก็เกิดงานงอกที่ว่าจู่ๆ ไฟล์ที่เก็บก็หาย ก้อยงงมาก คือแบบคอมโดนไวรัสเหรอ หรือว่าอะไรยังไง สุดท้ายก็นอยด์ไปนานมาก เรียกได้ว่าทิ้งทุกอย่างเลยค่ะ ณ ตอนนั้นนะ จนกระทั้งเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมาที่นักอ่านเข้าไปทวงในเพจเฟสบุค ก้อยเลยฮึดขึ้นมาได้ ต้องขอบคุณน้องคนนั้นมากเลยค่ะ J
สำหรับเนื้อหาในตอนนี้เปลี่ยนไปจากพล็อตหลักที่เคยคิดไว้นิดหน่อย แต่ก็ถือว่าใกล้เคียงค่ะ
ว่าแต่เป็นไงกันบ้างเอ่ย พระเอกของเรา เปิดตัวมาได้แบบลึกลับเกินไปหรือเปล่าคะ เล่นไม่บอกชื่อซะด้วย 555+
ถ้าอยากรู้ว่าเขาจะเป็นใครกันแน่ก็ต้องรอติดตามกันไปเรื่อยๆ ค่ะ เอาเป็นว่าแล้วตอนหน้าก้อยจะหิ้วอิมเมจของหนุ่มXXXกับคุณทนายสันติมาฝากนะคะ สุดท้ายแล้วก้อยต้องขอขอบคุณทุกคนมากเลยนะคะ ที่อยู่ด้วยกันมาจนถึงตอนนี้ บอกตรงๆ ว่าก้อยเองก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะแต่งมาได้จนถึงจุดนี้ แล้วเจอกันในตอนหน้าค่ะ J
11ความคิดเห็น