ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : SF " HanHyuk" { Chapter 3 } 60 % เพิ่มแล้วจ้า
ณ บ้านฮันกยอง
“เฮ้อ…ทำไมป่านนี้เจ้านายยังไม่กลับมาอีกนะ รู้ไหม…ว่าใครเขารออยู่ ไม่นึกถึงกันบ้างเลย อาหารก็จะเย็นชืดหมดแล้ว เมื่อไหร่จะกลับมาสักทีนะ” ฮยอคแจบ่นพึมพำอยู่คนเดียวด้วยอาการน้อยใจ ‘แหม… ก็เขาอุตสาห์ทำอาหารเย็นรอฮันกยองเพื่อจะได้ทานด้วยกันสองคน แต่ตอนนี้ก็ปาไปสองทุ่มครึ่งแล้วยังไม่เห็นแม้แต่เงาของฮันกยองเลย จะให้รอกันไปถึงไหนนะ’
แอ๊ด~ ~ ~
เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงที่เดินเข้ามาด้วยท่าทีที่อ่อนล้าเต็มทน
“เย้~… เจ้านายกลับมาแล้ว เจ้านายนั่งก่อนๆ ดื่มน้ำเย็นๆก่อนสิฮะจะได้ชื่นใจ” ฮยอคแจพูดด้วยท่าทางร่าเริงจนออกนอกหน้าก็คนที่เขารอกลับมาแล้วนี่หน่า
“อืม..ขอบใจนะ” ประโยคเดียวที่พูดออกจากปากร่างสูงก่อนที่จะหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม
“ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่นี้สบายอยู่แล้ว เอ้…วันนี้เจ้านายดูเหนื่อยๆนะ งั้นไปอาบน้ำก่อนแล้วเดี๋ยวมาทานข้าวกัน ผมทำอาหารเย็นไว้แล้ว” ฮยอคแจเอ่ยขณะที่ตนกำลังวิ่งเข้าไปในห้องครัวเพื่อจัดเตรียมอาหารให้กับเจ้านายสุดหล่อของเขา
“อืม เอางั้นก็ได้ วันนี้ก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้วอาบน้ำให้สบายตัวสักหน่อยค่อยแล้วลงมาทานข้าวล่ะกัน เฮ้อ......งานอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะไปหมดเลยฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้วเนี่ย” ฮันกยองบ่น
“เจ้านายอย่าถอนหายใจสิ...เดี๋ยวแก่เร็วไม่รู้น้า........ถ้าเจ้านายเหนื่อยเจ้านายก็พักสิฮะอย่าฝืนร่างกายตัวเองไปเลย” ฮยอคแจพูดพลางส่งยิ้มไปให้
“อื้ม....ถ้าฉันพักได้ก็ดีนะสิ.....ขืนฉันพักฉันก็ได้โดนหักเงินเดือนเอานะสิ” ฮันกยองบ่นก่อนที่จะพาร่างของตนเองขึ้นไปชั้นสองเพื่อจัดการทำความสะอาดให้กับร่างกายของตน
ในระหว่างอาบน้ำนั้น ใบหน้าของหนุ่มหน้าหวานที่อาศัยอยู่บ้านเขาตอนนี้ ก็ลอยเข้ามาในหัวของเขา ใบหน้าอันแสนหวานที่มักจะมีรอยยิ้มอยู่เสมอ.......
‘เฮ้ย!!...ทำไมต้องคิดถึงใบหน้าของคนคนนี้ด้วยนะ เป็นบ้าไปแล้วรึไง ห๊ะ ฮันกยอง อืมมมม....แต่ว่าถ้าจะลองมองมองสักหน่อยก็คงไม่เสียหายหรอกล่ะมั้ง ก็ในเมื่อเรายังไม่มีใครนี่นา และอีกอย่างรายนั้นก็คงยังไม่มีใครเป็นแน่ มันก็คงจะไม่ผิดอะไรหรอกถ้าจะลองคิดอะไรเลยเถิดไปสักนิด อีกอย่างเราเองผิดหวังกับความรักนั้นมาก็ตั้งมาก ทั้งๆที่บางทีก็ไม่อยากจะมีความรักอีกต่อไปอีกแล้วแต่ทำไมน้า......ทำไมเพียงแค่เห็นหน้าคนคนนี้กลับทำให้รู้สึกว่าอยากจะลองมีรักอีกสักที ’ ร่างสูงคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปพลางชำระร่างกายของตนเอง
“เอาว่ะ ลองกันสักตั้ง ก็ไม่มีอะไรเสียหายอยู่แล้วนี่มีแต่ได้กับได้ มุขจีบหญิงจะได้ใช้อีกทีก็เห็นจะเป็นคนๆนี้ล่ะนะ ถึงจะไม่ใช้ผู้หญิงก็เถอะ แต่ก็น่ารักน่ากดไม่น้อยไปกว่าผู้หญิงเลย เอ้า...สู้ๆโว้ย ถ้าไม่ได้คราวนี้ก็ไม่มีให้แกแก้ตัวอีกแล้วนะเว้ยไอ้ฮัน เป็นไงเป็นกัน” ฮันกยองพูดให้กำลังใจตัวเองก่อนที่จะเดินออกจากห้องน้ำไปเพื่อที่จะได้ลงไปกินข้าวด้านล่าง
ในขณะเดียวกันนั้นฮยอคแจที่กำลังวุ่นอยู่กับการจัดโต๊ะอาหารนั้น ก็รู้สึกเอะใจกับอาการของฮันกยอง ที่พูดคุยกันเหมือนคนรู้จักกันปกติทั่วไป ไม่เหมือนกับครั้งแรกที่เจอกับเขาแล้วเข้าใจว่าเขาเป็นผี แต่เหมือนกับว่าตอนนี้ฮันกยองนั้นไม่ได้กลัวฮยอคแจคนนี้แล้ว
“อืม… สงสัยเขาจะเข้าใจแล้วมั้งว่าเราน่ะไม่ใช่ผี” ร่างเล็กเอ่ยพลางยิ้มน้อยๆ ก่อนที่จะหันมาวุ่นกับการจัดโต๊ะอาหารต่อ
*********************************************************************
“เย้…เสร็จสักที สวยงามจริงๆเลยฝีมือใครน้า....อย่างนี้สิถึงจะเป็นแม่ศรีเรือนของฮันกยองได้....ฮิฮิ” ฮยอคแจเอ่ยชมกับผีมือการจัดโต๊ะอาหารของตน ที่ออกมาโดนใจเขาตนเองยิ่งนักและคิดว่าน่าจะถูกใจฮันกยองเช่นกัน
“โห อาหารน่ากินทั้งนั้นเลย ว่าแต่มีอะไรบ้างอ่ะ” เสียงของอีกบุรุษหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังของคนที่เพิ่งจะชมตัวเองไปเมื่อสักครู่ ทำเอาฮยอคแจตกใจไม่น้อยกับเสียงที่ดังอยู่ข้างๆใบหูเป็นผลให้ฮยอคหันหลังกลับไปทางต้นเสียงในทันที
“อ๊ะ” ทันทีที่ฮยอคแจหันหลังกลับไปนั้นก็เจอกับฮันกยองที่ยืนยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ๆกับใบหน้าของตน ทำให้ริมฝีปากของทั้งคู่ประกบเข้าหากันอย่างจังด้วยความบังเอิญ แต่เมื่อฮยอคแจตั้งสติได้จึงผละออกจากฮันกยองอย่างรวดเร็วพร้อมใบหน้าที่แดงก่ำได้ด้วยความเขิน และใบหน้าของอีกคนก็ไม่ได้ต่างไปจากกันเลย รู้สึกร้อนไปทั้งใบหน้าอีกทั้งหัวใจยังเต้นแรงอีกด้วย ‘เพราะอะไรนะ ใบหน้าของคนคนนี้ถึงทำให้หัวใจของเรามันเต้นแรงขนาดนี้ อย่างกับมันจะหลุดออกมาจากอก’ ฮันกยองคิดในใจ ในตอนนี้ทั้งสองยังไม่มีใครที่หันมามองหน้ากันเลย ฮันกยองจึงตัดสินใจเป็นฝ่ายเอ่ยปากถามฮยอคเพื่อทำลายบรรยากาศความเงียบนี้
“ว่าไง ฉันถามว่ามีไรกินบ้าง คุณผีไข่ไก่” ร่างสูงเอ่ยถามด้วยใบหน้าทะเล้นแต่สีหน้ายังคงแดงอยู่
“เจ้านาย! อย่าเรียกผมอย่างนี้ได้ไหม มันรู้สึกแปลกๆนะ ผมไม่ใช่ผีสักหน่อย เอ....ว่าแต่เจ้านายไม่กลัวผมแล้วหรอถึงได้กล้าคุยกับผมเนี่ย
“ก็แล้วถ้าฉันกลัวฉันจะมายืนพูดคุยกับนายฉอดๆๆป่ะล่ะ” ฮันกยองพูดด้วยใบหน้ากวนเล็กน้อย
“เจ้านายอ่ะผมถามดีๆนะ” ฮยอคแจพูด้วยน้ำเสียงงอนๆ
“555+......นายนี่ตลกชะมัดเลย......ฉันจะกลัวนายไปทำไมล่ะ ผีน่ารักๆแบบนี้รู้จักไว้ก็ไม่เสียหายนี่” ฮันกยองยังคงแหย่ฮยอคแจต่อไป นิสัยของฮันกยองคนเดิมกลับมาแล้วหลังจากห่างหายไปกับคนรักเก่าที่ทิ้งตนไป ตนนี้เขาพร้อมแล้วที่จะลองเปิดใจให้กับใครสักคนแล้วล่ะ คนๆนั้นก็เห็นว่าคงจะเป็นคนตรงหน้าเขานี่แหละ
ผู้ที่ถูกกล่าวถึงนั้น บัดนี้หน้าแดงขึ้นมาอีกครา แต่ก็ไม่ได้แดงชัดแบบเมื่อสักครู่
“บ้าน่ะ เจ้านาย ผมเนี่ยนะน่ารัก ตาบอดรึเปล่าเนี่ย ถึงได้พูดออกมาแบบนี้” ฮยอคแจ ถึงจะพูดออกไปอย่างนั้นก็เหอะ แต่ในใจเนี่ยล่ะสิกลับดีใจจนเนื้อเต้น
“ฉันไม่ได้ตาบอดหรอก แต่นายนั้นแหละที่กำลังจะทำให้ฉันตาบอด” ฮันกยองยังคงแกล้งต่อไม่เลิก ‘แหม ก็ตอนนายน่ะเขินน่ารักชะมัดเลย แก้มแดงๆนั้นยิ่งมองก็ยิ่งน่าสัมผัสนัก เฮ้ยๆ ไม่สิ เรายังไม่รู้จักนายนั้นดีเลยทำไมคิดอย่างนี้นะฮันกยอง’ ฮันกยองพยายามดึงสติของตนกลับมา
“ยังไง ผมไม่เข้าใจ ผมไปทำเจ้านายตาบอดตอนไหน ผมว่าผมก็ไม่เคยเอาไม้ไปแทงตาเจ้านายนะเจ้านายจะตาบอดได้ไงเล่า เจ้านายเนี่ยพูดไม่คิด” ฮยอคแจตอบออกไปอย่างใสซื่อ
“บ้าหรือเปล่าหะ ไอ้คุณผีไข่ไก่ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่ผมหมายความว่าไอ้ความน่ารักของคุณไงที่เข้าตาผมจนผมจะตาบอดอ่ะ” ฮันกยองเอ่ยออกมาเพราะไม่คิดว่าฮยอคแจจะซื่อสักขนาดนี้
และแล้วคุณผีไข่ไก่ของเราก็ได้เขินครบสามรอบเตรียมเข้าโบสถ์เรียบร้อย เอ๊ย ไม่ใช่เวียนเทียน (นี้จะเขินกันทั้งเรื่องรึไงฮยอคแจ)
“เออ ว่าแต่ผมหิวข้าวแล้วล่ะ เรากินข้าวกันเถอะ อาหารน่ากินทั้งนั้นเลย ต้องอร่อยมากๆๆแน่” ฮันกยองเอ่ยชม
“มันก็แน่อยู่แล้วแหละ ฝีมือใครล่ะ น่าจะรู้” ฮยอคแจพูดเสร็จก็จัดแจงให้ฮันกยองรับประทานอาหาร
‘จะว่าไปมีนายทำอย่างนี้ให้ก็ดีเหมือนกันนะเนี่ย ฉันอยากมีความรู้สึกอย่างนี้มานานแล้วหล่ะ ขอบคุณโชคชะตานะที่ทำให้ได้พบนายต่อไปจะเป็นยังไง ฉันจะต้องทำให้นายชอบฉันให้ได้’ ประโยคนี้ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงจะเป็นของฮยอคแจ แต่บัดนี้กลับกลายเป็นของฮันกยองไปเสียแล้ว
‘ฮันกยองนายนี่นิสัยน่ารักเสมอเลยนะ ใครได้นายเป็นแฟนคงจะโชคดีที่สุดในโลกเลย ยังไงฉันก็ต้องทำให้นายรักฉันให้ได้’ ฮยอคแจที่ตอนนี้ตักข้าวไปก็ยิ้มไปอย่างกับคนบ้าอย่างไงอย่างนั้น แต่ฮันกยองก็ไม่ได้สังเกตุความผิดปกตินี้สักเท่าไรเพราะตนก็คิดถึงเรื่องตนเองเช่นกัน
เมื่อทั้งสองต่างตั้งเป้าหมายเดียวกัน ความคิดที่เหมือนกันแบบนี้ งานนี้ก็สนุกล่ะสิ…
การรับประทานอาหารครั้งนี้ผ่านไปด้วยดี ทั้งสองได้พูดจาหารือกันถึงเรื่องต่างๆของตนว่าเจออะไรกันมาบ้างทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งมีมากขึ้นระดับหนึ่ง
แต่การกระทำทั้งหมดทั้งสองหารู้ไม่ว่ามันได้อยู่ในสายตาของใครคนหนึ่ง คนที่เรียกได้ว่ามีความเป็นพ่อสูง จากการเสียสละต่างๆและช่วยเหลือบุตรชายที่ไม่ได้มีสายเลือดของตนแม้แต่น้อย แต่ก็ยังดูแลมาจนถึงปัจจุบันนี้
“ไก่น้อยจอมแสบของพ่อ เจ้าใกล้จะสมหวังแล้วล่ะ โชคดีนะลูกรัก” ท่านเทพยุนโฮเอ่ยด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มกับภาพที่พบเห็น ว่าลูกตัวเองกำลังจะมีความสุขในภายภาคหน้า
“จำไว้นะลูก พ่อคนนี้จะเอาใจช่วยลูกเสมอ ทำให้เขารักเราให้ได้นะลูกพ่อ” ยุนโฮพูดทิ้งท้ายก่อนที่จะละสายตาออกจากภาพของทั้งคู่เพื่อไปทำภารกิจของตนต่อ
ภายในห้องนั่งเล่น
“ฮยอคแจ นายเป็นใครมาจากไหนหรอ บอกฉันหน่อยได้ไหม” ฮันกยองตัดสินใจถามในสิ่งที่ตนอยากรู้
“เจ้านาย!! เจ้านายจะรู้ไปทำไม เดี๋ยวถึงเวลาเจ้านายก็รู้เองแหล่ะ” ฮยอคแจเองก็ไม่รู้จะพูดยังไง จะบอกได้ไงล่ะว่าเขาไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาทั่วไปล่ะ จึงคิดว่าถ้าถึงเวลาแล้วจะบอก
“ก็ฉันแค่อยากรู้เฉยๆ ก็นายเข้ามาอยู่ในบ้านฉันหนิ ฉันก็ต้องรู้สิว่านายเป็นใครมาจากไหน ถูกต้องไหม” ฮันกยองอธิบายเหตุผลให้ฟัง
“ผมก็เป็นคนธรรมดาทั่วไปนั่นแหล่ะ ไม่ได้วิเศษมาจากไหนแต่ถ้าจะวิเศษก็มีอยู่นะ”ฮยอคแจเอ่ยพรางแสยะยิ้มอย่างมีเลศนัย
“อะไรหรอ นายว่านายวิเศษยังไงหรอ บอกมาสิ” ฮันกยองถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ก็ความน่ารักของผมไงครับที่มันพิเศษ จริงไหมหรือว่าไม่จริง” ฮยอคแจพูดพรางหัวเราะร่า
“ก็จริงอ่านะ”ฮันกยองอึ้งกับคำตอบเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามกลับไปอีกว่า “ นายจะเป็นคนธรรมดาได้ไง ก็เมื่อคืนฉันเห็นนายหายตัวไปต่อหน้าต่อตาฉันอ่า”
เออ เจอคำถามแบบนี้ก็พูดไม่ออก ใครจะหาเหตุผลได้ล่ะ ก็ถ้าหายตัวได้แบบนั้นจริงก็คงไม่ใช่คนแล้วหล่ะ และมีอยู่อย่างเดียวที่จะเป็นได้ คือ “ ผี ”
“อ๋อ นั้นผมก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน เอาเป็นว่าถึงเวลาเจ้านายจะรู้เองหล่ะครับ” ฮยอคแจบอกปัดเอาเสียดื้อๆๆ
“อืม เอางั้นก็ได้ถ้านายยังไม่อยากบอกฉันตอนนี้ ฉันจะรอจนกว่านายจะพร้อมนะ” ฮันกยองตอบรับ
“ เฮ้ย ฉันว่าฉันไปนอนก่อนดีกว่า วันนี้ก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว อีกอย่างพรุ่งนี้ก็มีงานอีก” ฮันกยองเอ่ยขึ้นพร้อมหันหน้าไปมองฮยอคแจที่ตอนนี้เอาแต่สนใจกับของตกแต่งในห้องนั่งเล่น
“เจ้านายครับ แล้วผม…” ฮยอคแจเอ่ยถามก่อนที่จะหันกลับมาสนใจคนตรงหน้า
“ผมอะไร หึ คุณผีไข่ไก่” ร่างสูงเอ่ยพลางมองหน้าคู่สนทนาอย่างยิ้มๆ
“เจ้านายหน่ะ เลิกเรียกผมอย่างนี้เถอะ ผมไม่ใช่ผีนะ” ฮยอคแจเอ่ยพร้อมทำแก้มพองลมแสดงให้รู้ว่างอน
“อ๊ะๆ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ว่าแต่ผมอะไรหรอ”ฮันกยองรีบง้อก่อนที่คนตัวเล็กจะงอนไปมากกว่านี้
“แล้วผมจะไปนอนที่ไหนครับ เจ้านาย” ฮยอคแจถามอย่างไม่กล้าสบตาคนตัวสูง
“อ๋อ นึกว่าเรื่องอะไร ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง งั้นก็นอนห้องฉันสิ” ฮันกยองเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ย์
“เออ ว่าแต่ จะดีหรอครับ” ฮยอคแจเอ่ยถามด้วยสีหน้าหวั่นๆ ไม่ใช่ว่าไม่อยากนอนนะ แต่มันก็ทำใจลำบากเช่นกัน
“ก็ตามใจนายนะ แต่ถ้าอยากจะนอนข้างล่างก็เชิญ”ฮันกยองพูดเสร็จก็เดินตรงขึ้นชั้นสองทันที
“แล้วใครจะยอมนอนข้างล่างหล่ะ” ฮยอคแจคิดได้ดังนั้น สมองทั้งสองข้างก็สั่งการให้ขาเล็กก้าวออกตามออกไปทันที
“เจ้านายแล้วจะให้ผมนอนตรงไหนครับ” ฮยอคแจเอ่ยถามร่างสูงที่บัดนี้นอนอยู่บนเตียง แล้วด้วยน้ำสั่นเล็กน้อย
“มานอนนี้สิ” ร่างสูงเอ่ยแล้วพลางเอามือตบลงบนเตียง แล้วเงยหน้ามองฮยอคแจที่ใบหน้าเริ่มขึ้นสี
“เออ แต่ว่า …” ฮยอคแจยังคงอ่ำอึ้งกับคำตอบ
“มั่วแต่อ่ำอึ้งอยู่นั้นแหล่ะ ฉันจะนอนแล้ว” พูดจบร่างสูงก็ดึงร่างเล็กเข้ามาไว้ในอ้อมกอดก่อนจะเอ่ยไปอีกว่า “ ฝันดีนะครับ คุณผีไข่ไก่” จากนั้นร่างสูงก็จมอยู่ในห้วงนิทราทันที
แต่ร่างเล็กนี่ล่ะสิกว่าจะทำใจนอนหลับได้นี่ก็ใช่เวลานานเหมือนกัน จะหลับลงได้ไงหล่ะ ร่างสูงเล่นดึงตัวเขามานอนกอดแบบนี้ เกิดมาชาติหนึ่งยังไม่เคยมีใครมานอนก่อนอย่างนี้นอกจากพ่อกับแม่ เจอแบบนี้ก็ทำใจลำบากอยู่นะ
“ฝันดีเช่นกันนะ เจ้านาย” นี่เป็นคำพูดสุดท้ายของคนที่ได้ฉายาว่าผีไข่ไก่ก่อนที่จะจมอยู่ในห้วงนิทราไปอีกคน
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
มาอัพเพิ่มอีกแล้วนะค่ะ หลังจากห่างหายกันไปนาน
หวังว่าช่วงนี้เราจะเจอกันบ่อยขึ้นนะค่ะ
ขอโทดจริงๆที่ทำให้หลายๆคนรอ
แล้วเจอกันนะค่ะ
ความคิดเห็น