ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    • ฟอนต์ THSarabunNew
    • ฟอนต์ Sarabun
    • ฟอนต์ Mali
    • ฟอนต์ Trirong
    • ฟอนต์ Maitree
    • ฟอนต์ Taviraj
    • ฟอนต์ Kodchasan
    • ฟอนต์ ChakraPetch
Lilo & Stitch Reboot Fanfic : ลิขิตรักข้ามจักรวาล

ลำดับตอนที่ #19 : Mission 18 : วัตถุดิบล้ำค่า

  • อัปเดตล่าสุด 9 ม.ค. 63


MISSION 18

วัตถุดิบล้ำค่า



               เสียงพูดคุยดังขึ้นรอบตัวอสูรน้อยผู้ได้ชื่อว่าเป็นผลงานชิ้นโปรดของอัจฉริยะชั่วร้าย  เขารู้สึกตัวมากขึ้น  เมื่อร่างของเขาได้สัมผัสกับสิ่งที่เย็นเยียบเหมือนเขากำลังนอนบนแผ่นเหล็ก  ความเจ็บปวดที่ยังคงติดมาเมื่อสักครู่ก็เริ่มบรรเทาลง  ความรู้สึกงัวเงียเหมือนนอนหลับเป็นตาย  ทำให้เขารู้สึกตัวมากขึ้น

               สติทช์ลืมตาขึ้นเพื่อมองดูว่าเขาถูกพามาพักรักษาตัวอยู่ที่ใด

               เขาสัมผัสสิ่งรอบตัว... พบว่าเขานอนอยู่บนโต๊ะเหล็กที่จัมบ้าใช้รักษาอาการป่วยเบื้องต้นของชีวิตทดลอง  และทำการปรับแต่งอัพเกรดให้ความสามารถของชีวิตทดลองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

               หรือถ้าจะเรียกตามจัมบ้า

               เขากำลังนอนบน เตียงเอ็กซเรย์ ในยานของจัมบ้า!  

               "อ้าาา... 626  นายฟื้นแล้ว"  จัมบ้าพูด  สติทช์กวาดตามองไปรอบตัว  พบว่ารูเบ็นก็เพิ่งฟื้นเหมือนกัน  มั่นใจได้ว่าเขาถูกพามารักษาตัวที่ยานหลังจากมีเรื่องเกิดขึ้นที่ชายหาด

               "ผมกับรูเบ็นมาที่นี่ได้ไง!?  แล้ว... โคดี้ล่ะ!?"  สติทช์ถามหาเด็กผู้ได้ชื่อว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของเพื่อนลีโล่  เขาจำได้เลือนลาง... ว่าโคดี้น่าจะรอดจากการถูกจับตัวไป

               "เจ้า 221 กับ 601 เป็นคนพามาในทันทีที่เห็นถุงตาข่ายถูกทิ้งแถวประภาคาร  ส่วนเด็กโคดี้นะเหรอ... ได้ยินมาว่านอนหยอดน้ำซุปบรรเทารอยฟกช้ำดำเขียวน่ะ"  จัมบ้าตอบพลางถอนหายใจ  รู้ในทันทีว่าคุณบริทต้าต้องเต้นผางอีกเป็นอันแน่แท้

               แต่เรื่องคุณบริทต้า... ไม่สำคัญเท่าลีโล่กับเพื่อน ๆ ที่ถูกจับตัวไป

               "ต้องเป็นคนร้ายพวกเดียวกับนินจาที่บุกโรงเรียนเมื่อวันก่อนแน่ ๆ"  สติทช์พึมพำพร้อมกำหมัดแน่นด้วยความเจ็บปวด... ที่เพื่อนรักคนสำคัญของเขาตกอยู่ในอุ้งมือวายร้ายอีกครั้ง  เขาตั้งปณิธานมาตลอด... ว่านับตั้งแต่ปะทะศึกกับแกนตูและแฮมสเตอร์วิลล์ก่อนมีภารกิจนี้  เขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อคุ้มกันลีโล่ให้พ้นจากภยันตรายทั้งปวง

               "คนร้ายกลุ่มเดียวกัน!?  คนที่เป็นต้นเหตุให้ลีโล่กับเราถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้รับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเรียนเมื่อวันก่อนใช่มั้ย!?"  คิกซ์ถาม  เขารู้ข่าวคราวมาจากสติทช์และพี่น้องชีวิตทดลองมานานตั้งแต่วันที่โรงเรียนของลีโล่ถูกจู่โจมจนถึงวันนี้  และเขาเป็นหนึ่งในชีวิตทดลองที่ตกอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างลูกศิษย์ที่เรียนวิชามวยกับสมาคมผู้ปกครองที่บ้าจี้เชื่อคุณบริทต้าทุกคำ

               "ใช่เลยพี่เบิ้ม  ไอ้หนูเจอร์บิลเข้าใจคิดเนอะ  พอพี่จีตัดขาดจากมันปุ๊บ  มันก็อาศัยหุ้นส่วนท่านอื่นที่มีผลประโยชน์ร่วมกันมาถล่มเราให้หนูลีโล่หลุดจากการคุ้มกันของเรา  แถมเป็นหุ้นส่วนที่ทางการต้องการตัวอีก"  รูเบ็นตอบด้วยความเจ็บใจไม่แพ้สติทช์  นึกถึงลีโล่... ทำให้เขาพลอยนึกถึงนางฟ้าสีชมพูที่เขาแอบรักข้างเดียวมาตลอด  "ตอนนี้แองจี้เค้กก็ถูกจับตัวไปด้วยนะสิ"

               "พวกมันได้ทิ้งข้อความอะไรไว้รึเปล่า"  จัมบ้าถาม  เชื่อว่าการที่คนร้ายลักพาตัวลีโล่และทิ้งสติทช์ไว้  ต้องมีแผนร้ายบางอย่างที่จะทำลาย 626 ให้สิ้นซาก

               "Naga."  สติทช์ตอบ

               "แต่เด็กโคดี้น่าจะมีนะ"  รูเบ็นสันนิษฐาน

               "งั้นเรารีบไปหาเด็กโคดี้กัน  จัมบ้าว่าข้อความจากคนร้ายอาจอยู่กับเด็กนั่นก็เป็นไปได้"  จัมบ้าตั้งท่าจะก้าวเท้าออกจากยาน  เตรียมไปที่โรงรถเพื่อลุยไปบ้านคุณแอนตั้นในทันที

               "ฉันว่าไม่จำเป็นต้องไปแล้วนะ"  พรีคลีย์โผล่เข้ามาในยานพร้อมแจ้งข่าวร้าย  "เด็กไม่มา  แต่พ่อแม่เขามาจ้ะ  ตัวแม่กระหน่ำสาดน้ำลายเตรียมเหยียบนานี่ให้จมดินเลย"

               แน่นอนว่าเรื่องลีโล่ถูกคนร้ายลักพาตัว... รู้ถึงหูนานี่  เดวิด  และคุณค็อบบร้าอย่างรวดเร็ว  ทำให้นานี่หวนนึกถึงวันที่จัมบ้าบุกจับสติทช์จนบ้านพังและแกนตูจับตัวลีโล่ไป... ถึงกับน้ำตาไหลพรากจนแทบหมดสภาพสาวแกร่งผู้เป็นเสาหลักของบ้านเพเลไค  เมื่อรู้ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเหมือนเดจาวู  เพราะเธอกลัวมาตลอดว่าจะสูญเสียน้องสาวคนเดียวไปอย่างไม่มีวันกลับมา

               แค่โอฮาน่าตกอยู่ในอันตรายก็ขวัญเสียมากพอแล้ว  คุณบริทต้ายังมาตอกย้ำซ้ำเติมอีกยก

               ตอกย้ำโดยกล่าวหาว่า... ลีโล่เป็นสาเหตุที่ทำให้โคดี้ถูกคนร้ายรุมสกรัมจนต้องนอนโรงพยาบาล!                 

               "งี่เง่าที่สุดเลย!  พี่น้องลูกหลานต่างก็ตกอยู่ในอันตรายไม่แพ้กันทั้งที  กลับมาโทษกันให้ตัวเองถูกฝ่ายเดียว  นี่สินะที่ว่ากันว่า... แก่แต่ตัว  สมองไม่แก่ไปด้วย"  จัมบ้าหัวร้อนที่ได้ยินข่าวว่าคุณบริทต้าหาเรื่องทะเลาะกับนานี่หมายโยนบาปให้ครอบครัวเพเลไคต้องรับผิดชอบต่อโคดี้  ทั้งที่ทุกอย่างเป็นเหตุสุด-วิสัยแท้ ๆ

               "ตัวแม่ไม่ได้มามือเปล่านะ  ยังฝากเจ้านี่มาด้วย"  พรีคลีย์มอบของสิ่งหนึ่งถึงมือจัมบ้า  พบว่าเป็นดิสค์  ทำให้สติทช์มั่นใจ... ว่าต้องเป็นดิสค์ของคนร้ายเป็นอันแน่แท้

               จัมบ้าคว้าดิสค์ไปเปิดในซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ของเขา  พบว่าเป็นแผนที่ไปยังเกาะแห่งหนึ่ง  ซึ่งเป็นเกาะที่ไม่เคยมีใครรู้จักมาก่อน

               เมื่อคำนวณระยะเวลาเดินทางจากเกาะคาไวไปยังเกาะปริศนา  คาดว่าอาจใช้เวลาราว ๆ สี่ซ้าห้าชั่วโมง  ถึงแม้อยู่ในเขตมหาสมุทรแปซิฟิกจริง... แต่เกาะที่คนร้ายอาศัยอยู่นั้นไม่ได้อยู่ในหมู่เกาะฮาวาย  หากดูผิวเผินจากภายนอก... เกาะนี้อาจเป็นเกาะร้าง  แต่คนของมือสังหารที่แฮมสเตอร์วิลล์จ้างวานมาได้เตรียมกับดักสกัดสติทช์ได้ทุกเมื่อ

               "ท่าทางคราวนี้ศึกจะหนักเกินกว่าที่ 626 จะรับมือไหวแล้วล่ะ"  จัมบ้าพึมพำออกมาหลังจากวิเคราะห์สถานการณ์

               "ต้องพึ่งพากองกำลังชีวิตทดลองสายคอมแบ็ตแล้วสินะ"  สปาร์คกี้เห็นด้วย

               "ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว  ถึงสติทช์มีความสามารถที่จะต่อกรกับคนนับร้อยได้  แต่ไม่ใช่กับคนแบบแฮมสเตอร์วิลล์  เพราะลีโล่ไม่ได้ถูกจับตัวไปแค่คนเดียว  แองจี้เค้กและเพื่อน ๆ ยัยหนูก็พลอยซวยไปด้วย"  รูเบ็นยืนยัน

               "เข้าทางยัยบริทต้าพอดีเลย"  พรีคลีย์เอ่ยชื่อนายกสมาคมผู้ปกครองแล้วถึงกับไม่สบอารมณ์  "ฉันหวังว่าเดวิดกับสามีคุณนายคงจะช่วยแยกมวยได้นะ"  พูดจบแล้วก็ขอตัวออกไปรับมือกับสถานการณ์ภายในบ้านเพเลไคต่อ  ด้วยความคาดหวังว่าทุกอย่างจะสงบลง

               แต่มีแขกไม่ได้รับเชิญอีกหนึ่งคนเสนอหน้ามาที่บ้าน  ทำให้พรีคลีย์ถึงกับหัวเสียที่ผิดหวัง

               "อ้าว... หนูเจส  มีเรื่องอะไรรึเปล่า... ถึงได้มาที่บ้านนี้"  คุณบริทต้าเอ่ยปากถามว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยภาษาดอกไม้  ในขณะที่ปรายตานางจ้องมองนานี่ด้วยสายตาเหยียดหยาม

               "พอดี... น้องสาวฉันมีเรื่องที่จะต้องเคลียร์กับคนบ้านนี้เป็นครั้งสุดท้ายค่ะคุณแม่"  เจสสิก้า ตอบพร้อมกับพาเมอร์เทิลเข้ามาในบ้าน

               "เรื่องอะไรล่ะ"  คุณแอนตั้นถามห้วน ๆ ด้วยความไม่ชอบใจนัก  รู้สึกว่าการมาของเจสสิก้ามีแต่จะทำให้เรื่องวุ่นวายไม่รู้จักจบสิ้น

               "หนูมีเรื่องที่... ผู้รู้ทุกคนต้องตอบคำถามค่ะ"  เมอร์เทิลตอบน้ำเสียงสั่นเครือก่อนที่จะมอบซองสีน้ำตาลส่งถึงมือนานี่  สาวแกร่งแห่งบ้านเพเลไครับซองมาเปิดดูเอกสารข้างใน  ถึงกับตาเบิกโพลงด้วยความตกตะลึงสุดขีด

               แผ่นเอ็กซเรย์จากคลินิคสัตว์!

               นานี่มองแผ่นเอ็กซเรย์กับใบหน้าของเมอร์เทิลสลับกันด้วยความตื่นกลัว... นึกไม่ถึงว่าวันที่คู่อริตลอดกาลของน้องสาวรู้ความจริงเรื่องจีจี้จะมาถึงอย่างไม่ทันตั้งตัว

               "ทีนี้... พวกคุณน่าจะมีคำอธิบายดี ๆ ให้น้องหนูผู้น่าสงสารได้ทำใจนะ  เผื่อว่าน้องหนูจะตัดสินใจเรื่องนี้ได้ง่ายขึ้น"  คุณบริทต้าได้ทีสรรหาถ้อยคำมาเชือดนานี่นิ่ม ๆ  ด้วยความคิดที่ว่า... นานี่เป็นพี่สาวลีโล่  เด็กน้อยผู้หาบ้านให้เหล่าชีวิตทดลอง... จะต้องเตรียมรับมือกับเอเลี่ยนไร้บ้านในอีกมิช้า

               "แล้วนี่... เกิดอะไรขึ้นกับจีจี้จ๊ะ  หนูถึงได้..."  นานี่ตะล่อมถามเมอร์เทิลประหนึ่งคนใจดีสู้เสือ  หวังว่าเมอร์เทิลจะไม่รังเกียจหมาชิสุต่างดาว... หากรู้ว่าจีจี้คือเอเลี่ยนพี่น้องของสติทช์

               "จีจี้เผลอกินตุ้มหูพี่เจสเข้าไปค่ะ  พี่เจสก็เลยรีบพาไปหาหมอ  พอหมอเอ็กซเรย์หาตุ้มหู... ก็เป็นอย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ"  เมอร์เทิลชิงตอบออกมาเสียก่อน  ทำเอาทุกคนในบ้านเพเลไคถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ  "แต่ปกติ... จีจี้ไม่ได้มีนิสัยกินอะไรมั่ว ๆ นะคะ"

               เจสสิก้าเป็นฝ่ายอึ้งที่ฟังคำพูดของลูกพี่ลูกน้องตัวน้อย

               "ก็พี่บอกแล้วไง... ว่าหนูจีจี้ต้องมีอะไรที่มันผิดปกติ  ถึงได้กินของผิดสำแดงแบบนี้"  เจสสิก้ายังหาข้ออ้างน้ำขุ่น ๆ  ทำให้เมอร์เทิลสงสัยในตัวลูกพี่ลูกน้องคนสวยมากกว่าเดิม

               "เอาเถอะ  จะยังไงก็ช่าง  ฉันอยากรู้คำตอบเต็มแก่... ว่าทำไมหมาน้อยของน้องหนูผู้น่าสงสารจึงมีโครงสร้างร่างกายที่ผิดแผกไปจากหมาทั่วไปได้"  คุณบริทต้าได้ทีบี้นานี่ต่อ

               นี่สินะ  ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย

               ความลับไม่มีในโลก  


------------------------------------------------------------------------


               ณ  เกาะไม่ทราบชื่อแห่งหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป

               การเดินทางถึงที่หมาย  มักใช้เวลาไม่เหมือนกัน  ขึ้นอยู่กับพาหนะที่ใช้เดินทาง

               เรือโฮเวอร์คราฟและเจ็ตสกีถูกนำมาจอดที่ท่าเรือภายในถ้ำของเกาะแห่งหนึ่ง  เป็นท่าเรือที่สร้างความฉงนให้ลีโล่เป็นอย่างยิ่ง  หากมองสภาพเกาะที่เธอกับเพื่อน ๆ กำลังจะถูกนำมาปล่อยหรือทำอะไรสักอย่างที่ชั่วร้ายด้วยตาตัวเอง  พบว่าเกาะผืนนี้เป็นเกาะร้างที่ไม่ได้อยู่ในหมู่เกาะฮาวายอย่างเห็นได้ชัด  แต่มีถ้ำที่ชวนพิศวง... ชวนท้าทายนักสำรวจเป็นอย่างมาก

               ทันทีที่เรือเดินทางถึงที่หมาย... คนร้ายที่รออยู่ท่าเรือก็เตรียมโฮเวอร์บอร์ดมารับลีโล่และเพื่อน ๆ ร่วมชะตากรรม  ซึ่งเป็นโฮเวอร์บอร์ดที่ลีโล่รู้จักดี

               โฮเวอร์บอร์ดพันธนาการนักโทษ

               เพียงแค่ต้อนนักโทษขึ้นไปเหยียบโฮเวอร์บอร์ด  คนร้ายที่ถือรีโมทควบคุมก็กดปุ่มสั่งการให้ล็อกแขนและขาในทันที  ส่วนแองเจิ้ลกับพี่น้องของเธอ... ถูกจับใส่แคปซูลสะพายหลัง  หลังจากที่ถูกปล่อยออกมาจากแคปซูลท้ายเรือยอร์ชแล้ว

               "นี่พวกคุณเป็นใคร!?  จะพาเราไปไหนกัน!?  ขอบอกไว้ก่อนนะ  ถ้าคุณแตะต้องตัวเราแม้แต่ปลายเล็บอีกล่ะก็... พวกคุณได้มีปัญหากับสหพันธ์กาแลคติกแน่!"  ลีโล่เป็นฝ่ายส่งเสียงเตือนให้มนุษย์ไฮยีน่าต่างดาวรู้ตัว  หวังว่าอีกฝ่ายจะรู้ดีว่าหากมีการลักพาตัวเด็กผู้ได้ชื่อว่าเป็นสายลับค้นหาสัตว์ทดลอง... สติทช์และพี่น้องของเขาต้องตามล่าในอีกมิช้า

               "มีปัญหากับสหพันธ์กาแลคติกนะเหรอ!?  พวกมันไม่มีทางหือกับเราหรอก  นอกเสียจากว่าพวกมันจะขุดหลุมฝังศพตัวเอง"  หัวหน้าคนร้ายแค่นยิ้ม... พูดออกมาอย่างไม่สะทกสะท้านต่อคำพูดของเด็กน้อย  "หรือถ้าจะพูดให้ถูก... พวกมันขุดหลุมตั้งแต่เนรเทศไอ้ 626 มาอยู่กับหนูแล้วล่ะ"

               "สติทช์มาเกี่ยวอะไรด้วย!?"  มาวินเอ่ยปากถามด้วยความไม่ชอบใจนัก... ที่อีกฝ่ายพูดราวกับว่าสติทช์เป็นต้นเหตุของเรื่องเลวร้ายทั้งหมด

               "เฮอะ ๆ ๆ ๆ  มันก็ต้องเกี่ยวอยู่แล้วล่ะหนุ่มน้อย  คนที่เกี่ยวข้องกับ 626 จะต้องมีอันเป็นไปหมดทุกคน  มันจะต้องเสียใจ... ที่อายุพวกเธอมาสั้นลงอย่างง่ายดายแบบนี้"  มนุษย์ไฮยีน่าตอบด้วยความมั่นใจ... ว่าการที่ลีโล่ตกอยู่ในกำมือนายใหญ่  จะเป็นการบั่นทอนกำลังใจสติทช์อย่างช้า ๆ และเจ็บปวดถึงที่สุด  หากลีโล่หายไปจากชีวิตของเขา

               "จะไม่มีวันนั้นเกิดขึ้นแน่นอน  สติทช์จะต้องมา... พวกแกเตรียมคำอ้อนวอนขอชีวิตได้เลย!"  วิคตอเรียพูดออกมาด้วยความไม่เกรงกลัว  แม้อีกฝ่ายเป็นวายร้ายโฉดที่จะทำให้ร่างกายเด็ก ๆ สั่นเทาได้ทุกเมื่อ

               "อ้อนวอนขอชีวิต!?  ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ"  มนุษย์ไฮยีน่าถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมา  "ให้เพื่อน 626 ได้เห็นความน่ากลัวของโปรเจ็คท์ก่อน  พวกเธอจะต้องเป็นฝ่ายอ้อนวอนขอชีวิต  เผื่อว่า... ฉันจะใจดีไว้ชีวิตพวกเธอในภายหลัง"

               "โปรเจ็คท์!?  ที่แท้พวกแกเป็นคนที่บุกโรงเรียนเราเมื่อวันก่อนนี่เอง!"  คาลี่คำรามแค้น  เมื่อได้ยินคำว่าโปรเจ็คท์จากมนุษย์ไฮยีน่าต่างดาว

               "หึ ๆ ๆ  วัตถุดิบล้ำค่าอยู่ในสายตาทั้งที... ปล่อยให้หลุดมือไป  โปรเจ็คท์ก็ไม่คืบหน้านะสิ"  มนุษย์ไฮยีน่าหัวเราะร่วนพลางเอามือลูบหัวลีโล่ด้วยความเอ็นดู  ลีโล่กัดมือวายร้ายอย่างแรงด้วยความรังเกียจจนอีกฝ่ายร้องลั่น  คำรามแค้นทำท่าจะตวัดมือตบหน้าลีโล่  แต่ยั้งมือไว้... มิให้ลีโล่มีรอยช้ำตามคำสั่งนายใหญ่

               "เธอโชคดีแค่ไหน... ที่นายใหญ่ต้องการทำความรู้จักกับเธอตัวต่อตัว  อย่าเปรี้ยวให้มากนัก  ไม่อย่างนั้น... ฉันจะตัดหัวเธอส่งไปให้ไอ้ 626 กอดและร้องไห้ฟูมฟายจนตรอมใจตายสักวัน  ที่พูดนี่... ไม่ได้ขู่นะ  ต่อให้เธอเป็นเด็กก็เหอะ"  มนุษย์ไฮยีน่าข่มขู่น้ำเสียงเกรี้ยวกราดก่อนที่จะพาลีโล่กับเพื่อน ๆ ของเธอไปยังที่คุมขังในทันที  ลีโล่ได้แต่กัดฟันกรอดมองหน้าวายร้ายต่างดาวด้วยความคั่งแค้นและหวาดกลัวระคนกัน

               เธอนึกไม่ถึง... ว่าบนเกาะนี้จะมีฐานทัพของวายร้ายตั้งอยู่เพื่อเตรียมการใหญ่

               แผนร้ายที่ต้องลากลีโล่ให้มีส่วนร่วมกับโปรเจ็คท์เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง

               คำถามมากมายกำลังวิ่งวนอยู่ในหัวไม่มีที่สิ้นสุด  เธอได้แต่หวัง... ว่าสติทช์จะพาเธอกับเพื่อน ๆ ไปให้พ้นจากเกาะนรกแห่งนี้ให้เร็วที่สุด


แต่แล้ว... ความโชคร้ายก็มาเยือนอีกระลอก


               ทันทีที่ลีโล่และผองเพื่อนถูกพาไปยังที่คุมขัง  มีการแยกขังเกิดขึ้น

               มนุษย์ไฮยีน่าสั่งการลูกสมุนให้ต้อนวิคตอเรียกับเพื่อน ๆ เข้าไปในห้องขังห้องหนึ่ง  มีแผงควบคุมปิด-เปิดติดบนฝาผนังเหล็กหน้าห้อง  ผู้คุมจะป้อนคำสั่งให้ปิดห้องขังด้วยประตูเหล็ก  และภายในห้องขังจะมีกล้องวงจรปิดส่องดูพฤติกรรมนักโทษที่พยายามขัดขืนหรือหลบหนี  แน่นอนว่ามีแท่นยิงเลเซอร์ที่พ่วงมากับกล้องเล็งไปที่นักโทษตัวน้อยพร้อมหยุดพวกเธอได้ทุกเมื่อ

               ส่วนแองเจิ้ลกับพี่น้องของเธอถูกจับไปขังอีกห้อง  แต่ต่างกันที่ประตูห้องขังเป็นม่านเลเซอร์สีแดงป้องกันไม่ให้สนูทตี้แอบบินออกไปในยามวิกาล  แองเจิ้ลทำได้แต่คำรามแค้นที่ถูกมนุษย์ไฮยีน่าต่างดาวจับมาเป็นนักโทษโดยไม่มีโอกาสได้โต้ตอบใด ๆ อีก

               เหลือแค่ลีโล่ที่ถูกพาไปยังที่ใดสักที่ในฐานทัพแห่งนี้  ซึ่งไม่รู้ว่าเธอจะได้พบเพื่อน ๆ หรือโอฮาน่าอีกครั้งหรือไม่

               ให้โชคชะตากำหนดเสียแล้วกระมัง


             ------------------------------------------------------------------------


               เมื่อความลับไม่เป็นความลับอีกต่อไป  นานี่จึงสารภาพเรื่องเอเลี่ยนจนหมดเปลือกอย่างไม่มีทางปิดบังได้อีก

               แขกไม่ได้รับเชิญทุกคนถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ  ยกเว้นคุณแอนตั้นที่รู้ที่มาของเจ้าฟลุทจากคาลี่... แถมนึกยินดีเสียอีกที่คาลี่จะมีเพื่อนใหม่ที่จริงใจกับเธอสักครั้ง  ต่อให้ลีโล่เป็นเด็กน้อยที่มีพันธะเชื่อมโยงกับเอเลี่ยนก็ตาม

               "มิน่าล่ะ  ลีโล่ถึงได้มีหมาแปลก ๆ มารุมล้อมตลอดเวลา"  เมอร์เทิลพูด

               "แล้วเธอจะทำยังไงกับจีจี้  ลีโล่ต้องไม่ชอบใจแน่... ถ้ารู้ว่าเธอจะทิ้งจีจี้เพียงเพราะเป็นเอเลี่ยน"  นานี่พูดออกมาด้วยความคาดหวัง... ว่าเด็กน้อยผู้เป็นคู่อริน้องสาวจะไม่ทำร้ายเพื่อนซี้สี่ขาของเธอ  ยัยหัวแดงได้แต่นิ่ง... ไม่มีคำพูดใด ๆ ออกมาอีก

               "น้องสาวฉันแค่ลูกหลงย่ะ  ฉันถึงได้เอาแผ่นเอ็กซเรย์มาเพื่อยืนยันว่าจะส่งจีจี้คืนน้องสาวเธออย่างเป็นทางการ  และจีจี้กับน้องสาวฉันจะได้ไม่ต้องเจอกันให้เป็นฝันร้ายตามหลอกหลอนอีก"  เจสสิก้าชิงพูดออกมาในขณะที่ลูกพี่ลูกน้องตัวน้อยยังนิ่งเงียบอยู่

               "เอาล่ะ  ไหน ๆ เรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว  ฉันมีข้อเสนอมาเพื่อที่จะเคลียร์กับเธอเป็นครั้งสุดท้าย"  คุณบริทต้าตัดบทเปลี่ยนเรื่อง  แม้อยู่ในประเด็นเดียวกันก็ตาม

               "ข้อเสนออะไรของคุณ  เราไม่มีอารมณ์จะฟังหรอก  คุณกลับไปซะ  หวังว่าเราคงจะไม่พบกันอีกนะ"  เดวิดเอ่ยปากเชิญแขกไม่ได้รับเชิญทุกคนให้ออกไปจากบ้านด้วยน้ำเสียงสุภาพ  ความขุ่นเคืองเริ่มปรากฎบนใบหน้าชายหนุ่มอย่างเห็นได้ชัด

               "กลับเหอะคุณ  เสียเวลามากพอแล้ว"  คุณแอนตั้นพยายามเกลี้ยกล่อมภรรยาให้ยุติเรื่องที่จะพูด  แต่ฝ่ายภรรยาไม่ลดราวาศอกเอาเสียเลย

               "ถ้าไม่ช่วยอะไรก็อย่าแส่!"  คุณบริทต้าหันไปแว้ดใส่สามีก่อนที่จะหันไปยื่นข้อเสนอให้นานี่รับฟัง  "ฉันไม่มีวันเห็นหน้าพวกคุณอีกแน่  เพราะฉันมีที่อยู่ใหม่มานำเสนอ  ซึ่งมัน... ดีต่อคนและดีต่อเอเลี่ยนเป็นอย่างมาก  พวกคุณคงจะสนใจ"

               "ที่อยู่ใหม่"  นานี่แค่นยิ้มอย่างนึกสมเพชคู่สนทนาที่ไม่มีทางผูกมิตรกับตนแม้แต่น้อย  "คุณคิดเหรอ... ว่าเราจะสนใจที่อยู่ที่คุณจะนำเสนอ  บอกไว้ก่อนว่าที่นี่บ้านเกิดฉัน  บ้านเกิดของโอฮาน่า  และเกาะคาไวเป็นบ้านที่สอนให้สติทช์กับชีวิตทดลองรู้ซึ้งถึงคำว่าโอฮาน่า  มิตรภาพ  และความรักอย่างแท้จริง  คุณเป็นมนุษย์ด้วยกันแท้ ๆ  กลับดูถูกเหยียดหยามราวกับว่าเราไม่ใช่เพื่อนร่วมโลกกัน  ถ้าจะให้เคลียร์กันก็เคลียร์ที่นี่  วินาทีนี้ว่า... ไม่ตกลง อะไรกับคุณทั้งนั้น  และช่วยออกไปจากบ้านก่อนที่ฉันจะเรียกสติทช์มา  ตอนนี้เขาหัวเสียมากที่น้องสาวฉันถูกจับตัวไป  พร้อมที่จะฟัดทุกคนที่ขวางหน้าได้ทุกเมื่อ  หวังว่าคงไม่อยากให้รถราคาแพงของคุณเป็นเศษเหล็กในกำมือหมานะ"

               คุณบริทต้าเหยียดยิ้ม... คิดว่านานี่มีดีแค่ขู่  แต่พอหันไปดูรถของสามี... ถึงกับกรีดร้องที่เห็นสติทช์ยกรถเก๋งคันหรูด้วยมือเปล่าทั้งสองข้าง  ทั้งที่อยู่ในร่างหมาน้อย  ทำเอานายกสมาคมผู้ปกครองจอมหยิ่งที่พร้อมเฉดหัวโอฮาน่าของลีโล่ไปจากเกาะคาไวได้ทุกเมื่อถึงกับหน้าซีดเป็นไก่ต้ม  เมื่อเห็นว่าสติทช์ทำท่าจะโยนไปให้พ้นจากเขตบ้านเพเลไคในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า  หากคุณบริทต้าไม่เลิกคุกคามโอฮาน่าของเขา

               "หนูว่ากลับก่อนดีกว่านะ  ถ้าไม่อยากเดินเท้ากลับบ้าน"  เมอร์เทิลหันไปเตือนคุณบริทต้าให้เลิกยั่วโมโหนานี่กับสติทช์  เพราะสติทช์เห็นว่าคุณบริทต้ากำลังคุกคามโอฮาน่าทั้งที่รู้ว่าลีโล่กำลังตกอยู่ในอันตราย  จึงสำแดงโปรแกรมทำลายล้างได้ทุกเมื่อ... หากสถานการณ์ดำเนินมาถึงขั้นต้องใช้ไม้แข็งจริง

               สุดท้าย... คุณบริทต้าจำต้องล่าถอยกลับไปก่อนที่รถของสามีจะถูกแปรสภาพเป็นเศษเหล็กในกำมือเจ้าอสูรน้อย

               "ฉันไม่จบเพียงเท่านี้แน่!"  คุณบริทต้าขู่อาฆาตก่อนที่จะก้าวเท้าลงบันไดไปที่รถ  ซึ่งสติทช์วางไว้เป็นอย่างดี  ไร้ซึ่งรอยบุบสลายใด ๆ ทั้งสิ้น  รถของคุณแอนตั้นกับเจสสิก้าจึงหายลับไปจากสายตา  นานี่ถึงกับโล่งอกที่ตัวปัญหาไปให้พ้นจากบ้านสักที

               "ว้าว  นึกไม่ถึงนะว่าเธอจะปล่อยให้สติทช์ยกรถโชว์คุณนายต่อหน้าต่อตา"  เดวิดพูดพลางปรบมือชื่นชมแฟนสาวที่ใช้ไม้แข็งเชิญแขกไม่ได้รับเชิญออกจากบ้าน

               "ทำไงได้ล่ะ  ลีโล่ถูกจับตัวไปทั้งที  ฉันยิ่งไม่อยากเสียเวลากับคนบ้าด้วย"  นานี่ปรารภพร้อมกับก้มหน้ามองพื้นด้วยแววตาสลด

               "ถึงเธอห้ามแล้ว  แต่สติทช์ก็ต้องงัดไม้แข็งอยู่ดี"  เดวิดพูดพลางมองสติทช์ที่กำลังสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด  พยายามควบคุมอารมณ์ให้เต็มที่  เพื่อเตรียมแผนช่วยชีวิตลีโล่ในวันรุ่งขึ้น  นานี่ดูออก... ว่าเจ้าโคอาล่าสีฟ้าไม่มีวันนิ่งเฉย  เมื่อรู้ว่าลีโล่ตกอยู่ในอันตราย

               เธอรู้ดี... ว่าสติทช์มีพลังทำลายล้างสูงที่จะต่อกรกับคนร้ายนับสิบที่ปองร้ายลีโล่ได้

               แต่ศึกครั้งนี้... เขาต้องพึ่งพาพี่น้องของสติทช์  เพื่อสำแดงจิตวิญญาณโอฮาน่าให้พวกมันได้เห็น

               พวกมันจะได้รู้ฤทธิ์เดชของสัตว์ทดลองนับร้อยชีวิตเสียบ้าง  หากลีโล่ได้แผลแม้แต่รอยข่วนรอยเดียว

               ซึ่งตอนนี้... สัตว์ทดลองสายคอมแบ็ตที่คอยเป็นกำลังเสริมให้สติทช์  จะมีทั้งรูเบ็น  สปาร์คกี้  และคิกซ์ที่พร้อมจะค้างคืนที่บ้านลีโล่  นานี่ที่ตั้งกฎเหล็กห้ามนำสัตว์ทดลองที่ค้นหาเข้ามาในบ้าน  แต่ในกรณีนี้... เรียกว่าเป็นกรณีฉุกเฉินก็ว่าได้

               เพราะสติทช์ไม่สามารถนอนคนเดียวได้  หากภายในห้องนอนไม่มีลีโล่อยู่ข้างกาย


 ------------------------------------------------------------------------


               จากประสบการณ์ถูกกักขังในฐานะนักโทษวายร้าย  นี่เป็นครั้งแรก... ที่เด็กหญิงตัวน้อยน้อยคนแรกผู้มีปฏิสัมพันธ์กับเอเลี่ยนกลายเป็นนักโทษชั้นดีที่นายใหญ่ต้องการตัว

               จากเด็กน้อยชุดมูมูสีแดงลายใบไม้  กลายเป็นเจ้าหญิงน้อยชุดสีม่วงลาเวนเดอร์สดใสในพริบตา

               แต่สีหน้าและอารมณ์ของเธอในขณะนี้... ไร้ความรู้สึกยินดีหรือยินร้ายใด ๆ ทั้งสิ้น

               เป็นนักโทษในกำมือวายร้ายต่างดาวก็ทรมานใจมากพอแล้ว  ยังถูกจับแต่งตัวให้เป็นนักโทษชั้นดีในอุดมคติของนายใหญ่อีก

               จะมีอะไรที่เลวร้ายกว่านี้อีกมั้ย!?

               เธอไม่นึกไม่ฝัน... ว่าบนเกาะนี้จะเป็นที่ตั้งของคฤหาสน์โบราณที่เป็นฐานทัพผลิตบางสิ่งที่ชั่วร้าย  เมื่อเธอถูกนางมารผีเสื้อผิวสีม่วงทับทิมรับช่วงต่อจากมนุษย์ไฮยีน่าให้ดูแลเรื่องความสวยงามระดับชุดใหญ่ไฟกะพริบของเธอ  ซึ่งลีโล่ทราบชื่อที่พวกมันเรียกกัน  คือ... ทริฟ กับ ทรีน่า

               หากมองนาฬิกาฝาผนังในห้องแต่งตัว  จะพบว่าเวลาล่วงเลยจนจะเข้าสู่ยามเย็น  ความเป็นแฟนคลับหนังสยองขวัญที่มีจินตนาการแปลก ๆ เข้าเส้น... ทำให้ลีโล่คิดว่าตัวเองเป็นนางเอกผู้โชคร้ายที่ถูกเจ้าของคฤหาสน์เชิญชวนมาดินเนอร์เป็นการส่วนตัวเพื่อพูดคุยเรื่องสำคัญ

               และคนสำคัญที่ลีโล่ต้องสนทนาอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้  คือ... นายใหญ่

               ทันทีที่ลีโล่แต่งตัวเสร็จตามคำสั่งแล้ว... ทรีน่าก็สั่งการให้หุ่นดรอยด์แม่บ้านพาเธอไปยังห้องอาหาร  ซึ่งแน่นอนว่าแม้แต่แม่บ้านยังต้องมีอาวุธเพื่อป้องกันไม่ให้นักโทษหลบหนี  ลีโล่จึงรู้ในทันที... ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหลบหลีกศัตรูจนกว่าจะช่วยชีวิตพวกวิคตอเรียกับแองเจิ้ลให้พ้นจากที่คุมขังได้

               และแล้ว... ลีโล่ก็เข้าสู่ห้องอาหาร  ซึ่งเป็นห้องอาหารที่ดูหรูหราสมกับคฤหาสน์กลางเกาะที่ปลีกวิเวกไปจากหมู่เกาะฮาวายอย่างเห็นได้ชัด  ยิ่งถูกดีไซน์ให้เห็นวิวนอกคฤหาสน์... ห้องอาหารจึงดูงดงามยิ่งขึ้น  เหมาะแก่การผ่อนคลายเป็นอย่างยิ่ง  แม้สีหน้าของลีโล่ในตอนนี้ไร้อารมณ์ผ่อนคลายก็ตาม

               ถึงชุดโต๊ะอาหารมี 8 ที่นั่งเหมือนห้องวีไอพีในภัตตาคารห้าดาว  แต่คนหรือวายร้ายต่างดาวที่มาดินเนอร์เป็นเพื่อนลีโล่มีแค่ 2 คน  คือ... ทรีน่ากับชายชุดขาวเจ้าสำอางไม่ทราบชื่อ  และบนโต๊ะมีอาหารเรียกน้ำย่อยและเครื่องดื่มถูกเสิร์ฟถึงโต๊ะเป็นที่เรียบร้อย

               "สวัสดียามเย็นจ้ะ  คุณเพเลไค  ช่างเป็นการพบกันที่น่าประทับใจเสียจริงเชียว"  ทรีน่าทักทายด้วยน้ำเสียงหวานเยิ้มเป็นมิตร  แต่ลีโล่ถลึงตามองหน้าทรีน่าด้วยความเย็นชา  ไม่รู้สึกประทับใจแม้แต่น้อย  แต่ไม่ปริปากออกมา  เธอทำได้แค่... ยอมร่วมโต๊ะอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้

               "เดินทางมาเหนื่อย ๆ  ทานมื้อเย็นต้อนรับสมาชิกใหม่ซะสิ  นายใหญ่เตรียมให้เป็นพิเศษนะ"  ชายชุดขาวเจ้าสำอางเปิดโอกาสให้ลีโล่ทานอาหารบนโต๊ะได้ตามใจชอบ  แต่เธอไม่มีอารมณ์รับประทานเอาเสียเลย

               "แล้วนายใหญ่ที่ว่า... ไปไหนคะ"  ลีโล่ถาม

               "อีกเดี๋ยวจะมาจ้ะหนูน้อย  และนายใหญ่คาดหวังเป็นอย่างยิ่ง... ว่าเธอจะแตะอาหารสักคำสองคำก่อนเขามา  ไม่อย่างนั้น... คงจะเสียความรู้สึกเป็นอย่างมาก"  ทรีน่าตอบเสียงหวาน... แต่ฉายแววความเยือกเย็นจนอีกฝ่ายรู้สึกได้  ลีโล่ดูออก... ว่าทรีน่าไม่ต้องการให้เธอเตะถ่วงหรือทำเรื่องโง่ ๆ เพื่อหาโอกาสหลบหนี  เด็กหญิงตัวน้อยก็คิดเช่นกัน... ว่าเธอต้องยอมจำนนร่วมรับประทานอาหารเย็นต่อไป  ด้วยความคิดที่ว่า... เธอจะได้เผชิญหน้ากับนายใหญ่ตัวเป็น ๆ สักครั้ง

               ทุกอย่างจะได้เคลียร์สักที... ว่านายใหญ่ต้องการสิ่งใดจากลีโล่กัน!?

               ถ้าสติทช์พาเธอออกไปจากขุมนรกนี้ได้  เธอจะเอาเรื่องพวกมันให้ถึงที่สุด!

               ลีโล่หยิบขนมปังกระเทียมขึ้นมากัดหนึ่งคำแล้วเคี้ยวจนแก้มตุ้ยอย่างไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก  ทรีน่ากับชายชุดขาวเจ้าสำอางเห็นแล้วแอบขำขันอย่างนึกเอ็นดูในตัวเด็กน้อยที่กลายเป็นแขกวีไอพีของนายใหญ่  คิดว่าลีโล่จะแสบซ่าส์อย่างที่แฮมสเตอร์วิลล์เคยก่นด่า  แต่เห็นลีโล่ยอมทานอาหารเย็น... ถึงกับเปลี่ยนความคิดจากเด็กซนเป็นว่านอนสอนง่ายในบัดดล

               แต่หาได้รู้ไม่... ว่าลีโล่คิดแผนหาทางช่วยชีวิตเพื่อน ๆ ของเธอให้หนีออกจากฐานทัพกลางเกาะอยู่

               ในขณะที่ลีโล่กับวายร้ายต่างดาวกำลังรับประทานอาหารเย็นอยู่นั้น... มีเสียง ๆ หนึ่งดังมาจากลำโพงภายในห้อง

               "อีก 5 นาที  นายใหญ่พร้อมจะพบพวกคุณแล้วครับ"  เสียงลูกสมุน... ซึ่งลีโล่ไม่รู้ว่าดังมาจากส่วนใดส่วนหนึ่งของคฤหาสน์  กำลังรายงานเรื่องการมาของนายใหญ่ให้ทรีน่ารับทราบ  ทรีน่ายิ้มแย้มด้วยความพึงพอใจ... ที่ภารกิจหา "วัตถุดิบล้ำค่า" เพื่อโปรเจ็คท์ของนายใหญ่กำลังจะเสร็จสิ้นในอีกมิช้า


5 นาทีผ่านไป


               ถึงเวลาแล้ว... ที่ลีโล่ต้องเผชิญหน้ากับนายใหญ่ด้วยตาตัวเอง

               เธอจะได้รู้สักที... ว่าทำไมเธอถึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจ็คท์ของนายใหญ่ได้!

               แต่การเผชิญหน้ากับนายใหญ่เป็นครั้งแรก  ไม่ใช่การเผชิญหน้าแบบตาต่อตา

               เพราะจู่ ๆ  ม่านก็ถูกเลื่อนลงมาปิดหน้าต่างและประตู  ห้องอาหารแปรเปลี่ยนเป็นห้องประชุมในพริบตา  ทำเอาลีโล่มองไปรอบ ๆ ด้วยความหวาดระแวง  ไม่รู้ว่าพวกมันจะเล่นตลกอะไรกับเธออีก

               และแล้ว... พวกมันก็เล่นตลกกับลีโล่จนได้

               นายใหญ่ปรากฎบนหน้าจอแอลซีดีแบบบิวท์อิน (built-in) ฝังในฝาผนัง  ทำให้ลีโล่รู้ในทันที... ว่านายใหญ่ไม่สะดวกมาพบเธอตัวต่อตัว  กลับใช้วิธีการพูดคุยกันทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ (video conference) มาพูดคุยกับเธอ

               นายใหญ่จะไม่เปิดเผยใบหน้าที่แท้จริง  กลับมีสัญลักษณ์ประหลาดปรากฎบนหน้าจอแทน

               หน้าจอสีขาว  สัญลักษณ์ "ผีเสื้อสีดำปีกสีแดงเลือดหยด" เด่นหราจนลีโล่ต้องจดจำมิรู้ลืม

               นี่มันอะไรกัน!?

               "หึ ๆ ๆ ๆ ๆ  ในที่สุด... เราก็ได้รู้จักกันอย่างเป็นทางการสักที  ลีโล่ เพเลไค  ได้ยินแค่ชื่อ  ไม่คิดเลยว่าเราจะทักทายกันทางไกลแบบนี้"  เสียงทุ้มต่ำของนายใหญ่ดังขึ้น  ถึงลีโล่ไม่เห็นหน้า  ได้แต่ฟังเสียงแล้วรู้สึกได้... ว่านายใหญ่พยายามผูกมิตรกับเธอ  ซึ่งเป็นการผูกมิตรที่มีเลศนัยเป็นอย่างยิ่ง

               "ไม่ยักรู้นะว่าหุ้นส่วนของแฮมสเตอร์วิลล์จะเสพติดการเซอร์ไพรส์ศัตรู  แต่ไม่อยากเชื่อ... ว่าจะเป็นเอามากจนไม่กล้าโผล่หัวออกมา  มันทำให้ฉันกระเดือกอะไรไม่ลงคอเลย"  ลีโล่พูดออกมาด้วยความไม่ไว้วางใจ  นายใหญ่ฟังแล้วถึงกับหัวเราะในลำคอให้กับฝีปากของเด็กน้อย

               "ใจเย็น ๆ ก่อนสิเด็กน้อย  เป็นเด็กเป็นเล็ก  จะอดอาหารอดน้ำประชดผู้ใหญ่  มันไม่น่ารักนะ  ถึงไม่ได้เห็นหน้ากันวันนี้... วันหน้าอาจได้พบกันก็เป็นไปได้  เรามาคุยกันเล็ก ๆ น้อย ๆ พร้อมทานอาหารจะดีกว่านะ  ถ้ายังรอเจ้า 626 มาช่วย... ไม่ใช่ 626 สิ  เธอตั้งชื่อว่า... สติทช์ใช่มั้ย"  นายใหญ่พูดทีเล่นทีด้วยน้ำเสียงสุภาพ  ราวกับว่าตนรู้วิธีปราบเด็กดื้อเป็นอย่างดี  ซึ่งเป็นความจริง... แค่ลีโล่ได้ยินชื่อสติทช์  เธอก็ยอมทานอาหารต่อในทันที

               "ฉันเป็นคนตั้งชื่อเขาเอง  และเขา... พร้อมถล่มที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลองได้ทุกเมื่อ  ถ้าพวกคุณแตะต้องหรือทำร้ายฉันให้มีรอยขีดข่วนแม้แต่รอยเดียว"  ลีโล่เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น  บ่งบอกให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงความภักดีที่เพื่อนรักตัวสีฟ้ามีต่อเธอ  และนายใหญ่กับสมุนโฉดจากต่างดาวคือตัวอันตรายที่สมควรถูกทำลายด้วยน้ำมือสติทช์ในเร็ววัน

               "แหม... เป็นเด็กเป็นเล็ก  แต่โทนเสียงฟังดูเยือกเย็นเกินวัยไปนะ  ไม่ต้องห่วงหรอก  เด็กน้อยผู้มีพรสวรรค์ที่ไม่เหมือนใครอย่างเธอยังต้องได้รับการดูแลเป็นอย่างดี  เพื่อโปรเจ็คท์ของฉันโดยเฉพาะเลยนะ"  นายใหญ่พูด  น้ำเสียงฟังดูไม่สะทกสะท้านต่อคำพูดของเด็กน้อย  ซึ่งเป็นความจริงประการที่สอง... เป็นหุ้นส่วนลับของแฮมสเตอร์วิลล์  ย่อมรู้พลังและความสามารถของสติทช์ดี

               พวกมันเตรียมพร้อมที่จะต่อกรกับสติทช์  หากสติทช์มาเหยียบเกาะนี้

               "โปรเจ็คท์อะไร!?  ฉันมีค่ามากพอที่จะมีส่วนร่วมในการวางแผนชั่วของคุณเหรอ!?"  ลีโล่ย้อนถามอย่างเหลืออด

               "จุ๊ ๆ ๆ ๆ ๆ  ก่อนจะถามอะไร  ช่วยควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ดีก่อนนะ  ไม่อย่างนั้น... วัตถุดิบล้ำค่าจะมีตำหนิเอาได้  อืม... จะให้ฉันตอบยังไงดีล่ะ  มีค่ามากพอมั้ยนะเหรอ  มีก็มีนะ  แต่ต้องรอดูอีกสักครู่  ฉันถึงจะตัดสินใจอีกที  แต่โปรเจ็คท์ของฉัน... ต้องอาศัยพรสวรรค์ของเธอ  พรสวรรค์ที่ทำให้เจ้า 626 เป็นหมาน้อยผู้ซื่อสัตย์ไงล่ะ"  นายใหญ่ตอบน้ำเสียงยียวน  เป็นคำตอบที่ทำเอาลีโล่ถึงกับตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง

               "นี่อย่าบอกนะว่า... คุณเป็นนักวิทยาศาสตร์สร้างสัตว์ทดลองแบบคุณจัมบ้า!?"  ลีโล่รู้แล้วว่านายใหญ่คือใคร

               "หึ ๆ ๆ ๆ ๆ  ฉันเหนือกว่าเจ้าสี่ตาผู้สร้าง 626 อยู่ประการหนึ่ง  ฉันคือ... พลาเจียส  ผู้ให้นิยามสัตว์ทดลองในมิติใหม่  มิติที่ทำให้โปรแกรมการทำลายล้างมีประสิทธิภาพมากขึ้น  ไร้ซึ่งจุดด่างพร้อยใด ๆ ที่ทำให้โปรแกรมมีข้อผิดพลาดจนถูกบางสิ่งมาต่อต้านได้  ในเมื่อเธอมีพรสวรรค์ที่ทำให้เจ้า 626 และสัตว์ทดลองทุกตัวต่อต้านโปรแกรมทำลายล้างได้  ฉันก็จะทดสอบเธอสักครั้ง"  นายใหญ่ที่ชื่อ... พลาเจียส  พูดออกมาด้วยความสนอกสนใจ  ลีโล่ฟังแล้วตีความได้ในทันที

               ดร.พลาเจียสต้องการครูฝึกสัตว์ทดลองให้เชื่อง!?

               "ทดสอบ!?  คุณตั้งใจจะทดสอบอะไรฉันกันแน่!?"  ลีโล่ถาม

               "อีกเดี๋ยวเธอจะรู้คำตอบเอง"  ดร.พลาเจียสพูดทิ้งท้ายแล้วหน้าจอก็ดับวูบลง  ลีโล่ไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก... ที่ดร.พลาเจียสตัดบทสนทนาให้เธอรู้คำตอบด้วยตัวเอง

               "นี่แค่เรียกน้ำย่อยนะน้องหนู  ชวนกระหายความจริงที่กำลังจะเกิดขึ้นกันต่อไป  และเธอจะต้องขอบคุณฉัน"  ชายชุดขาวเจ้าสำอางย้ำให้ลีโล่รับฟัง  ลีโล่หัวเสียเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณจนรีบคว้าน้ำส้มคั้นมาดื่มเพื่อจบมื้ออาหารโดยเร็ว

               "ถ้าฉันจะขอบคุณ... ฉันขอแค่ขอบคุณสำหรับมื้อเย็นอย่างเดียวนะคะ  ฉันจะรอเวลาที่สติทช์มาถล่มที่นี่แล้วกัน"  ลีโล่เชือดนิ่ม ๆ ด้วยคำพูดสาปส่งก่อนที่เธอจะก้มหน้าก้มตารับประทานอาหารเย็นต่อไป  ทรีน่ากับชายชุดขาวแอบมองหน้ากัน  ยิ้มสมใจที่ลีโล่ติดกับจนได้

               กับดักที่จะพันธนาการเด็กน้อยให้เป็นทาสงานวิจัยของนายใหญ่ไปชั่วชีวิต!

               


               ภายในห้องขังรวมของเด็ก ๆ  วิคตอเรียกับเพื่อน ๆ พากันห่วงลีโล่จับใจ  ไม่มีใครรู้ว่าจุดประสงค์ของนายใหญ่ที่ต้องการพบลีโล่นั้นคืออะไร  จึงไม่มีข้อสันนิษฐานใด ๆ ออกมาจากความคิดของพวกเธอแม้แต่น้อย  หรือถึงมีข้อสันนิษฐานที่เป็นไปได้จริง  แต่ก็เป็นข้อสันนิษฐานที่เล่นเอาขวัญเสียตาม ๆ กัน

               เพราะศัตรูที่ลีโล่กำลังเผชิญหน้าอยู่  มีความร้ายกาจยิ่งกว่าแฮมสเตอร์วิลล์ที่หวังฮุบผลงานของจัมบ้าไปเป็นกองทัพตนเอง  และลีโล่กับเพื่อน ๆ ยังไม่รู้จักหุ้นส่วนลับของหนูเจอร์บิลโรคจิตดีพอ  ยิ่งไม่รู้ว่าจะมีเรื่องร้ายใด ๆ เกิดขึ้นกับเพื่อนของเธอ  ความอยากอาหารจึงลดลงทุกขณะจิต  แม้อาหารเย็นถูกส่งเข้ามาในห้องขังก็ตาม

               บรรยากาศภายในห้องขังมีแต่ความเงียบงันและวังเวงน่ากลัวยิ่งนัก  มีกล้องวงจรปิดคอยสร้างความอึดอัดใจให้เด็ก ๆ ไม่รู้จบ  พวกเธอไม่ได้ห่วงลีโล่คนเดียว

               แองเจิ้ล  สนูทตี้  และฟลุทก็เป็นโอฮาน่าของพวกเธอ  ไม่รู้ว่าเพื่อนซี้สัตว์ทดลองของพวกเธอจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง

               ทุกคนได้แต่ภาวนา... ว่าแองเจิ้ลจะมีหนทางช่วยลีโล่ให้พ้นจากเงื้อมมือวายร้ายต่างดาวในฐานทัพแห่งนี้ได้ในทันท่วงที

               ในขณะที่ทุกคนกำลังรอข่าวคราวอยู่นั้น... ประตูห้องขังก็ถูกเปิดออก

               "ปล่อยฉันนะไอ้พวกบ้า!  พวกมึงเป็นใครมาจากไหนมิทราบ... ถึงกล้าทำกับฉันขนาดนี้!  คอยดูนะ  ถ้ากูรอดไปได้เมื่อไหร่  เตรียมตัวนอนคุกเจ็ดชั่วโคตรเลย!"  เสียงโวยวายที่คุ้นเคยดังเข้าหูคาลี่  ถึงไม่ชะเง้อมองออกไปนอกห้อง  เธอก็รู้ว่าคนที่กำลังโวยวายอยู่คือใคร

               และคน ๆ นั้นก็ถูกต้อนเข้ามาในห้อง

               "พี่คาร์ล่า!?"  คาลี่เรียกชื่อลูกพี่ลูกน้องตัวร้ายด้วยความตกตะลึง  นึกไม่ถึงว่าพี่สาวตัวแสบจะถูกจับมาที่เกาะนี้

               "แก!?"  คาร์ล่าก็ตกตะลึงไม่แพ้กันที่เห็นหน้าลูกพี่ลูกน้องที่เธอเกลียดชังในสถานที่ที่ไม่น่ามาพบกันได้

               "นี่มันเกิดอะไรขึ้น!?  ไปไงมาไงพี่ถึงถูกจับมาที่นี่ได้!?"  วิคตอเรียถาม

               "มันจำเป็นด้วยเหรอ... ที่ต้องตอบคำถามเด็กตัวซวยอย่างพวกเธอ!?"  คาร์ล่าย้อนถามด้วยน้ำเสียงดูแคลน

               "อ้าว... เจ๊!  อุตส่าห์ถามดี ๆ  เห็นว่าเป็นเพื่อนมนุษย์ร่วมชะตากรรมเดียวกัน  ทำไมพูดหมา ๆ อย่างนี้วะ!"  มาวินโวยใส่ด้วยความไม่พอใจที่ถูกอีกฝ่ายด่าทอว่าเป็นตัวซวย

               "ก็มันเป็นความจริงนี่!  ตั้งแต่พวกสัตว์ต่างดาวมาวุ่นวายกับพวกแก  ชีวิตก็มีแต่เรื่องซวย ๆ กันทั้งนั้น!"  คาร์ล่ายังตีรวนหาเรื่องทะเลาะไม่เลิก  ก่อนที่จะกวาดตามองหาลีโล่  "แล้วไหนล่ะ... เพื่อนผู้วิเศษที่คุยกับสัตว์ประหลาดได้"

               "ถูกแยกขังอยู่ที่ไหนสักแห่ง"  มาเรียตอบ

               "แล้ว... เพื่อนสัตว์ประหลาดของพวกแกไปไหนมิทราบ"  คาร์ล่าถามหา

               "มีตาก็น่าจะเห็นแล้วนะคะว่าทำไมพวกเขาถึงไม่อยู่ที่นี่"  คาลี่สรรหาถ้อยคำแดกดันมาตอบคำถามลูกพี่ลูกน้องตัวร้ายด้วยความรังเกียจ

               "เฮอะ  แสดงว่าสัตว์เลี้ยงประหลาดของพวกแกมีแต่กาก ๆ ทั้งนั้นสินะ"  คาร์ล่าหัวเราะในลำคอ  ทำเอาพวกวิคตอเรียของขึ้นมาในทันที

               "พวกเขาไม่ได้กากสักหน่อย!  พวกเขาจะต้องหาวิธีช่วยเราออกไปจากที่นี่ได้  เชื่อสิ!"  มาเรียพูดออกมาด้วยความเชื่อมั่นในตัวแองเจิ้ล  เพื่อนรักผู้ชาญฉลาดของเธอ

               "โอ้ใช่  พวกมันต้องพาเราออกไปจากที่นี่อยู่แล้ว  เพื่อแสดงความรับผิดชอบที่พาเรามาตายบนเกาะนี้ไง  ถ้าออกไปได้เมื่อไหร่นะ  พวกมันจะต้องชดใช้ให้ถึงที่สุด  รวมทั้งพวกมึง!  มึง ๆ แล้วก็มึงด้วยที่รับเลี้ยงพวกเอเลี่ยนสวะจนทุกอย่างฉิบหายหมด!  รู้อะไรมั้ยนังคาลี่... ถ้าไม่ติดว่าพ่อกูเป็นลุงมึงนะ  มึงกับไอ้แมวผีเป่าฟลุทก็คงเป็นเด็กเร่ร่อนให้สมเพชนานแล้ว  ไม่ต้องมาเป็นภาระแบบนี้หรอก!"  คาร์ล่าโวยไม่เลิก  พาลโทษพวกวิคตอเรียเหมือนคนขาดสติ  คาลี่ฟิวส์ขาด... คว้าชามซุปผักโขมมาเทรดหัวลูกพี่ลูกน้องจนอีกฝ่ายกรีดร้องลั่น  กลายเป็นสองสาวต่างวัยตะลุมบอนกันอย่างบ้าคลั่ง  วิคตอเรียกับสองพี่น้องตระกูลโคล-แมนช่วยกันแยกมวยในขณะที่คาลี่กับคาร์ล่ายังคำรามใส่กันอยู่

               "เป็นบ้ากันไปหมดแล้วรึไง!"  วิคตอเรียตวาดใส่คาลี่  หวังจะให้เพื่อนรักผู้รักเสียงดนตรีได้สติก่อนที่กล้องวงจรปิดจะยิงกระแสไฟฟ้าใส่  ซึ่งมันได้ผล... สองสาวผู้เป็นญาติร่วมสายเลือดถึงกับนิ่งไป  วิคตอเรียได้ทีเตือนสติทั้งคู่  "เราไม่ใช่ผู้หยั่งรู้ที่จะรู้ไปเสียทุกเรื่อง... ว่ามีอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง  สิ่งเดียวที่ทำได้ในตอนนี้  คือรอข่าวดีที่จะผ่านเข้ามา  ไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้  หรือไม่ก็วันข้างหน้า  ทางเดียวที่จะเอาชีวิตรอดได้ในตอนนี้  คือเราต้องตั้งสติ  ขอร้อง... อย่ากัดกันเลยนะ  เพื่อความอยู่รอดของเรา"

               คำพูดของวิคตอเรีย  ทำให้บรรยากาศที่ตึงเครียดจากการวิวาทกันเมื่อไม่นานมานี้... มลายหายไปในพริบตา  เป็นความเงียบที่ช่างผ่อนคลายเสียเหลือเกิน  หลังจากตกอยู่ในสถานการณ์คับขันมานาน  ไม่มีเสียงทะเลาะโต้เถียงใด ๆ ดังมาจากคาลี่กับคาร์ล่าอีก

               ทีนี้ก็เหลือแค่รอโอกาสหนีออกไปจากห้องนี้เพื่อช่วยชีวิตลีโล่  แองเจิ้ล  และเพื่อน ๆ ให้ได้ก็เท่านั้น

               หวังว่าทุกอย่างคงไม่สายเกินไป


------------------------------------------------------------------------


               ตกกลางคืน  ณ  บ้านเพเลไค

               ถึงภายในห้องนอนของลีโล่กับสติทช์ในค่ำคืนนี้... มีเพื่อนพี่น้องชายล้วนมาหลับนอนเป็นเพื่อนประหนึ่งปาร์ตี้ชุดนอน  แต่ก็มิอาจช่วยสติทช์ข่มตานอนให้หลับสู่ภวังค์นิทราได้

               สติทช์นอนอยู่บนเตียงของลีโล่ด้วยภารกิจสำคัญที่ฝังเข้าไปในหัวใจมานาน  คือ... ปกป้องของรักของลีโล่  ไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตาทำมือที่ชื่อสครัมป์  รูปคุณพ่อคุณแม่ที่ซุกอยู่ใต้หมอน  ของสะสมที่เกี่ยวข้องกับเอลวิส  รูปถ่าย  เอกสารแสดงความเป็นเจ้าของสติทช์  และสมุดภาพพี่น้องของสติทช์

               เมื่อเวลาล่วงเลยมาถึงสี่ทุ่ม  เขาลุกจากเตียงแล้วเดินตรงไปยังลิฟท์กลางห้อง  ให้ลิฟท์ลงไปยังชั้นล่าง  ลงไปแล้วก็ตรงดิ่งเข้าห้องครัว  เปิดตู้เย็นหยิบโยเกิร์ตรสผลไม้ออกมากินเป็นมื้อดึก  ด้วยความคิดที่ว่า... การหาของว่างยามดึก  อาจช่วยเขาหลับเร็วขึ้น  แม้ไม่มีลีโล่ข้างกาย

               ลีโล่ไม่ต้องการให้เขารู้สึกอ่อนแอแบบที่เขาเป็นอยู่ในตอนนี้  สติทช์ก็เกลียดตัวเองที่อ่อนแอเช่นกัน... ทั้งที่เขาถูกสร้างมาเป็นจอมพลังที่จัมบ้าภาคภูมิใจแท้ ๆ

               แต่เขาต้องดูแลตัวเองให้ถึงที่สุด  เพื่อพาหัวใจและโลกทั้งใบของเขาให้พ้นจากอุ้งมือมารร้ายให้จงได้

               แม้ศัตรูได้วางกับดักรอต้อนรับเขาและผองเพื่อนก็ตาม

               "น่าอิจฉาจังเนอะ... ที่นายมีมื้อดึกให้ทานทั้งที่ทุกคนนอนหลับอยู่"  รูเบ็นพูดในขณะที่เขาก้าวเท้าเข้ามาในห้องครัว

               "อิจฉาอะไรกันวะ  ฉันนอนไม่หลับเว้ย"  สติทช์แย้งขึ้นมาทั้งที่หน้าซึม  "ไม่มีลีโล่  ฉันนอนไม่หลับว่ะ  ถ้าจัมบ้าสร้างฉันให้ส่งกระแสจิตถึงลีโล่ได้  ฉันก็จะรู้ว่าใครกันที่จะกล่อมเธอให้หลับฝันดี"

               "เหมือนนายกับลีโล่กำลังส่งกระแสจิตถึงกันเลยนะ  ลีโล่เองก็อยากรู้ว่าสมองซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ของนายจะคิดแผนช่วยชีวิตเธอได้ยังไง"  จอมทำแซนด์วิชพูดทีเล่นที  ทำเอาสติทช์แอบขำด้วยความรู้สึกที่ดีขึ้น

               "จริงด้วย  ลีโล่  แองเจิ้ล  และเพื่อน ๆ กำลังรอเราอยู่  รอที่จะได้เตะตูดไอ้เจอร์บิลนั่นสักครั้งก็ยังดี  มันจะได้ไม่ต้องมาราวีเราอีก"  สติทช์พูดถึงแฮมสเตอร์วิลล์แล้ว... ถึงกับคั่งแค้นที่เป็นต้นเหตุทำลายชีวิตโอฮาน่าเพียงหนึ่งเดียวของเขา

               "เชื่อเหอะ  ไม่ได้มีแค่นาย  พี่สาวลีโล่  และเรานับร้อยที่อยากจะเตะตูดไอ้หนูเจอร์บิลนั่นเต็มแก่  แต่ฉันว่า... พี่จีบิ๊กเบิ้มคงอยากจะกระทืบมันให้ไส้ไหลมากกว่าว่ะ"  รูเบ็นกอดคอสติทช์ให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าในกาแล็คซี่นี้ไม่ได้มีแค่ชีวิตทดลองอย่างพวกเขาที่เกลียดแฮมสเตอร์วิลล์

               แกนตูก็เก็บความแค้นส่วนตัวรอวันชำระล้างเช่นกัน



               ทุกชีวิต... มักมีความเชื่อเสมอว่า โอกาสที่สอง ต้องผ่านเข้ามาในชีวิต

               แกนตูก็เป็นอีกคน... ที่ต้องการโอกาสที่สองในฐานะมือปราบแห่งสหพันธ์กาแลคติก

               ตั้งแต่สติทช์กับจัมบ้าถูกเนรเทศให้ปักหลักอยู่บนดาวโลก  ซึ่งเป็นต้นเหตุให้เขาสูญเสียงานที่รัก  เขาปล่อยให้ความแค้นส่วนตัวชักนำให้เขาหลงผิด... ตกเป็นเบี้ยล่างของแฮมสเตอร์วิลล์ที่มีแต่ด่าเช้าด่าเย็นและออกคำสั่งให้ไล่ล่าสัตว์ทดลองอีก 625 ตัว  แม้ต้องเป็นคู่อริกับลีโล่ที่เป็นโอฮาน่าที่รักของสติทช์ก็ตาม

               แต่โอกาสที่สองก็มาถึง  เมื่อเขาได้ส่งแองเจิ้ลเป็นไส้ศึกในบ้านลีโล่  กลายเป็นว่าแองเจิ้ลถูกส่งกลับไปอยู่กับมาเรีย  แฮมสเตอร์วิลล์จึงมอบใบสั่งให้แกนตูสังหารมาเรีย  แกนตูจึงตอบปฏิเสธอย่างไม่ใยดี  ส่วนหนึ่งเพราะวิธีการเตือนสติของ 625 (ไม่รู้ว่าเขาชื่อรูเบ็น) ที่ทำให้เขานึกถึงลีโล่ที่มีส่วนให้เขาตกงานเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา

               ถึงเขาเป็นมือปราบหรือเป็นอดีตมือปราบผู้ไร้ความปรานี  แต่มิได้หมายความว่าต้องฆ่าคนที่ขวางทางภารกิจของเจ้าหนูเจอร์บิลโรคจิตเสมอไป

               เพื่อมิให้เขาถูกดำเนินคดีในฐานะอาชญากรคดีอุกฉกรรจ์ข้ามกาแล็คซี่  เขาจึงรับ... "ข้อเสนอ" จากบุคคลลึกลับที่ติดต่อให้ทำภารกิจลับ  เพื่อแลกกับการกลับไปเป็นมือปราบแห่งสหพันธ์กาแลคติก

               ภารกิจแทรกซึมในฐานทัพที่ได้ชื่อว่า... เป็น "เซฟเฮ้าส์ของสมุน ดร.พลาเจียส" เพื่อใช้ทดสอบประสิทธิภาพการทำลายล้างของสัตว์ทดลองที่เป็นผลงานของ ดร.พลาเจียส

               แกนตูไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด... ว่าดร.พลาเจียสจะมีชีวิตอยู่ในกาแล็คซี่จนถึงกับหลบหนีมาปักหลักบนดาวโลกได้  เขาจำคดีสะเทือนขวัญในอดีตได้ดี... ดร.พลาเจียสยอมจบชีวิตขณะถูกเจ้าหน้าที่มือปราบบุกจับโดยปล่อยให้ตัวเองถูกผลงานทดลองรุมทึ้งอย่างสยดสยอง  ถ้าเทียบกับผลงานสิ่งมีชีวิตทดลองของจัมบ้า... ผลงานของจัมบ้าอยู่ในระดับอนุบาลอย่างเห็นได้ชัด

               การที่แกนตูจะทำภารกิจแทรกซึมเก็บข้อมูลในฐานทัพของศัตรูได้นั้น... ไม่ใช่เรื่องง่าย  แต่ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น

               แค่แปลงชื่อเสียงเรียงนามให้ "นายใหญ่" รู้แค่เป็นเอเลี่ยนจากดาวบ้านเกิดก็พอแล้ว  ด้วยร่างกายที่ใหญ่บึกบึน  ผิวหนังหนา  และพละกำลังที่เหนือกว่าใคร  แกนตูจึงได้รับหน้าที่สำคัญให้เป็นส่วนหนึ่งในการดูแล ผลงาน ที่อยู่ในระหว่างการทดสอบประสิทธิภาพ

               หรือพูดง่าย ๆ  คือ... เฝ้าดูพฤติกรรมของสัตว์ทดลองที่ได้ชื่อว่าเป็นผลงานของดร.พลาเจียส  ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าแหล่งผลิตอยู่แห่งหนใดบนโลกนี้

               บัดนี้... แกนตูทำงานได้แค่ในส่วนของฐานทัพเหมือนลูกสมุนปลายแถวทุกคนที่ดูแลเกาะผืนที่ห่างไกลจากหมู่เกาะฮาวาย  ไม่สามารถรุกล้ำไปยังคฤหาสน์ที่เป็นเซฟเฮ้าส์ของวายร้ายลูกสมุนดร.พลาเจียสได้

               แต่ไม่ได้หมายความว่าจะหาทางสืบต่อไม่ได้  แกนตูแอบสืบจากศพลูกสมุนที่ถูกเรียกว่า... "ผู้ต่อชีวิต"  ทำให้แกนตูรู้แล้วว่าการทดสอบผลงานของดร.พลาเจียสนั้นมีความโหดเหี้ยมมากน้อยเพียงใด  รู้แค่ว่า... พวกมันเป็น "เครื่องจักรสังหาร" ที่คาดว่าแม้แต่สติทช์และผลงานของจัมบ้าไม่มีทางเทียบชั้นได้

               อดีตมือปราบขี้เกียจจำว่าเครื่องจักรของดร.พลาเจียสมีที่มาและความสามารถในการทำลายล้างอย่างไรบ้าง  เขารู้แค่ว่า... ตัวอันตรายที่ถูกนักวิทยาศาสตร์วิปริตที่ใช้ชื่อคนตายมาเรียกขานกันนั้นต้องถูกกำจัดไม่ให้เหลือซาก  และพวกมันเป็นเครื่องจักรที่ไม่มีสิ่งใดมาดึงดูดใจให้ต่อต้านโปรแกรมที่ถูกสร้างมาได้

               ถึงแกนตูแอบรายงานไปยังบุคคลลึกลับผู้มอบภารกิจ  แต่ใช่ว่าจะรายงานได้อย่างสม่ำเสมอ  เพราะฝ่ายสมุนของดร.พลาเจียสเองก็ไม่เคยไว้ใจใครง่าย ๆ  โดยเฉพาะสมุนที่ชื่อทริฟกับสัตว์เลี้ยงหน้าจระเข้ที่ชื่อ... "เทรมเบิ้ล"  แกนตูมักถูกเรียกให้ปะทะฝีมือบ่อยครั้ง  กลายเป็นว่า... แกนตูถูกเทรมเบิ้ลจับผิดทุกฝีก้าว  แต่ก็รอดพ้นไปได้

               และแล้ว... ภารกิจก็ดำเนินต่อจนถึงวันที่ลีโล่กับเพื่อน ๆ ถูกจับตัวมาที่เกาะนี้  ทำให้แกนตูเห็นแล้วว่าควรเปิดเผยตัวให้พวกลีโล่รับรู้สักครั้ง  อดีตมือปราบร่างใหญ่จึงแอบไปที่ห้องควบคุมวงจรปิดของส่วนกลางในฐานทัพ  ซึ่งจะเป็นห้องที่ดูเข้มงวดเป็นอย่างยิ่ง  ดูภาพวงจรปิดทั่วฐานทัพไม่พอ  ยังมีวิทยุสื่อ-สารติดต่อไปยังลูกสมุนเวรยามตามจุดต่าง ๆ อีก

               รวมถึงห้องขังที่ขังวิคตอเรีย  แองเจิ้ล  และเพื่อน ๆ

               ไม่มีลีโล่!

               แกนตูจึงสันนิษฐานในใจ... ว่าลีโล่อาจถูกพาไปยังคฤหาสน์โบราณที่เป็นเซฟเฮ้าส์ของเหล่าวายร้ายก็เป็นไปได้

               แต่ระบบรักษาความปลอดภัยทั้งในฐานทัพทดสอบพลังทำลายล้างของผลงานและระบบรักษาความปลอดภัยของคฤหาสน์เซฟเฮ้าส์ใช้คนละระบบกัน

               สิ่งเดียวที่ทำได้ในตอนนี้  คือ... จัดการลูกสมุนในห้องควบคุมวงจรปิดของฐานทัพ  จากนั้นก็หาทางติดต่อใครบางคนที่อยู่บริเวณที่คุมขังก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป


แต่เรื่องบางเรื่อง... อาจสายเกินแก้โดยไม่มีใครคาดคิด


               เพราะนายใหญ่นาม... "ดร.พลาเจียส" กำลังเฝ้าดูลีโล่ที่กำลังนอนดิ้นทุรนทุรายอย่างเจ็บปวดทรมานอยู่บนเตียงในห้องนอนที่ถูกประดับตกแต่งอย่างสวยงาม  จะมีแต่สมุนผู้ภักดีที่รู้ว่านายใหญ่กำลังเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับลีโล่จากที่ใดสักแห่งบนดาวดวงนี้

               ขึ้นชื่อว่าด็อกเตอร์ผู้ชั่วร้าย  ทุกอย่างต้องมีการระมัดระวังตัวและมีการเตรียมพร้อมเสมอ  หากพบสิ่งที่ไม่คาดคิดในอนาคตข้างหน้า

               แต่ในพจนานุกรมของดร.พลาเจียส  ต้องไม่มี... "เรื่องไม่คาดฝัน"

               ดร.พลาเจียสวางแผนล่อศัตรูมาติดกับพร้อมเชือดในอีกมิช้า  เพื่อทดสอบประสิทธิภาพของสัตว์ทดลองตัวใหม่ที่เขาสร้างขึ้นด้วยองค์ประกอบสำคัญที่จัมบ้าได้ทิ้งไว้ก่อนถูกจับกุมเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา

               ตัวอย่างเลือด 626 + เซรั่ม + "มนุษย์"

               ถ้าสิ่งมีชีวิตทดลองหมายเลข 626 ต้องมารับมือกับเด็กน้อยผู้เป็นต้นเหตุให้มีการต่อต้านโปรแกรมทำลายล้างเพียงลำพัง  เขาจะรับมือกับ... สิ่งมีชีวิตทดลองที่แข็งแกร่งและทรงพลังยิ่งกว่าได้อย่างไร

               ตราบใดที่ลีโล่ตกเป็น วัตถุดิบล้ำค่า ที่คู่ควรต่อการครอบครองกาแล็คซี่ในอีกมิช้า!



ç=================è









   

    

   

 

      

      

         


             







    


              


                                    

           

                      


 



   

          

       


        



   

                

   


   


                                    

  

 

  

          

       

              

  

ติดตามเรื่องนี้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน

ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

2ความคิดเห็น

กำลังโหลด...

2ความคิดเห็น

กำลังโหลด...
×
แทรกรูปจากแกลเลอรี่ - Dek-D.com
L o a d i n g . . .
x
เรียงตาม:
ใหม่ล่าสุด
ใหม่ล่าสุด
เก่าที่สุด
ที่กำหนดไว้
*การลบรูปจาก Gallery จะส่งผลให้ภาพที่เคยถูกนำไปใช้ถูกลบไปด้วย

< Back
แทรกรูปโดย URL
กรุณาใส่ URL ที่ขึ้นต้นด้วย
http:// หรือ https://
กำลังโหลด...
ไม่สามารถโหลดรูปภาพนี้ได้
*เมื่อแทรกรูปเป็นการยืนยันว่ารูปที่ใช้เป็นของตัวเอง หรือได้รับอนุญาตจากเจ้าของ และลงเครดิตเจ้าของรูปแล้วเท่านั้น
< Back
สร้างโฟลเดอร์ใหม่
< Back
ครอปรูปภาพ
Picture
px
px
ครอปรูปภาพ
Picture