ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : Mission 18 : วัตถุดิบล้ำค่า
MISSION 18
วัตถุดิบล้ำค่า
เสียงพูดคุยดังขึ้นรอบตัวอสูรน้อยผู้ได้ชื่อว่าเป็นผลงานชิ้นโปรดของอัจฉริยะชั่วร้าย เขารู้สึกตัวมากขึ้น เมื่อร่างของเขาได้สัมผัสกับสิ่งที่เย็นเยียบเหมือนเขากำลังนอนบนแผ่นเหล็ก ความเจ็บปวดที่ยังคงติดมาเมื่อสักครู่ก็เริ่มบรรเทาลง ความรู้สึกงัวเงียเหมือนนอนหลับเป็นตาย ทำให้เขารู้สึกตัวมากขึ้น
สติทช์ลืมตาขึ้นเพื่อมองดูว่าเขาถูกพามาพักรักษาตัวอยู่ที่ใด
เขาสัมผัสสิ่งรอบตัว... พบว่าเขานอนอยู่บนโต๊ะเหล็กที่จัมบ้าใช้รักษาอาการป่วยเบื้องต้นของชีวิตทดลอง และทำการปรับแต่งอัพเกรดให้ความสามารถของชีวิตทดลองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
หรือถ้าจะเรียกตามจัมบ้า
เขากำลังนอนบน เตียงเอ็กซเรย์ ในยานของจัมบ้า!
"อ้าาา... 626 นายฟื้นแล้ว" จัมบ้าพูด สติทช์กวาดตามองไปรอบตัว พบว่ารูเบ็นก็เพิ่งฟื้นเหมือนกัน มั่นใจได้ว่าเขาถูกพามารักษาตัวที่ยานหลังจากมีเรื่องเกิดขึ้นที่ชายหาด
"ผมกับรูเบ็นมาที่นี่ได้ไง!? แล้ว... โคดี้ล่ะ!?" สติทช์ถามหาเด็กผู้ได้ชื่อว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของเพื่อนลีโล่ เขาจำได้เลือนลาง... ว่าโคดี้น่าจะรอดจากการถูกจับตัวไป
"เจ้า 221 กับ 601 เป็นคนพามาในทันทีที่เห็นถุงตาข่ายถูกทิ้งแถวประภาคาร ส่วนเด็กโคดี้นะเหรอ... ได้ยินมาว่านอนหยอดน้ำซุปบรรเทารอยฟกช้ำดำเขียวน่ะ" จัมบ้าตอบพลางถอนหายใจ รู้ในทันทีว่าคุณบริทต้าต้องเต้นผางอีกเป็นอันแน่แท้
แต่เรื่องคุณบริทต้า... ไม่สำคัญเท่าลีโล่กับเพื่อน ๆ ที่ถูกจับตัวไป
"ต้องเป็นคนร้ายพวกเดียวกับนินจาที่บุกโรงเรียนเมื่อวันก่อนแน่ ๆ" สติทช์พึมพำพร้อมกำหมัดแน่นด้วยความเจ็บปวด... ที่เพื่อนรักคนสำคัญของเขาตกอยู่ในอุ้งมือวายร้ายอีกครั้ง เขาตั้งปณิธานมาตลอด... ว่านับตั้งแต่ปะทะศึกกับแกนตูและแฮมสเตอร์วิลล์ก่อนมีภารกิจนี้ เขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อคุ้มกันลีโล่ให้พ้นจากภยันตรายทั้งปวง
"คนร้ายกลุ่มเดียวกัน!? คนที่เป็นต้นเหตุให้ลีโล่กับเราถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้รับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเรียนเมื่อวันก่อนใช่มั้ย!?" คิกซ์ถาม เขารู้ข่าวคราวมาจากสติทช์และพี่น้องชีวิตทดลองมานานตั้งแต่วันที่โรงเรียนของลีโล่ถูกจู่โจมจนถึงวันนี้ และเขาเป็นหนึ่งในชีวิตทดลองที่ตกอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างลูกศิษย์ที่เรียนวิชามวยกับสมาคมผู้ปกครองที่บ้าจี้เชื่อคุณบริทต้าทุกคำ
"ใช่เลยพี่เบิ้ม ไอ้หนูเจอร์บิลเข้าใจคิดเนอะ พอพี่จีตัดขาดจากมันปุ๊บ มันก็อาศัยหุ้นส่วนท่านอื่นที่มีผลประโยชน์ร่วมกันมาถล่มเราให้หนูลีโล่หลุดจากการคุ้มกันของเรา แถมเป็นหุ้นส่วนที่ทางการต้องการตัวอีก" รูเบ็นตอบด้วยความเจ็บใจไม่แพ้สติทช์ นึกถึงลีโล่... ทำให้เขาพลอยนึกถึงนางฟ้าสีชมพูที่เขาแอบรักข้างเดียวมาตลอด "ตอนนี้แองจี้เค้กก็ถูกจับตัวไปด้วยนะสิ"
"พวกมันได้ทิ้งข้อความอะไรไว้รึเปล่า" จัมบ้าถาม เชื่อว่าการที่คนร้ายลักพาตัวลีโล่และทิ้งสติทช์ไว้ ต้องมีแผนร้ายบางอย่างที่จะทำลาย 626 ให้สิ้นซาก
"Naga." สติทช์ตอบ
"แต่เด็กโคดี้น่าจะมีนะ" รูเบ็นสันนิษฐาน
"งั้นเรารีบไปหาเด็กโคดี้กัน จัมบ้าว่าข้อความจากคนร้ายอาจอยู่กับเด็กนั่นก็เป็นไปได้" จัมบ้าตั้งท่าจะก้าวเท้าออกจากยาน เตรียมไปที่โรงรถเพื่อลุยไปบ้านคุณแอนตั้นในทันที
"ฉันว่าไม่จำเป็นต้องไปแล้วนะ" พรีคลีย์โผล่เข้ามาในยานพร้อมแจ้งข่าวร้าย "เด็กไม่มา แต่พ่อแม่เขามาจ้ะ ตัวแม่กระหน่ำสาดน้ำลายเตรียมเหยียบนานี่ให้จมดินเลย"
แน่นอนว่าเรื่องลีโล่ถูกคนร้ายลักพาตัว... รู้ถึงหูนานี่ เดวิด และคุณค็อบบร้าอย่างรวดเร็ว ทำให้นานี่หวนนึกถึงวันที่จัมบ้าบุกจับสติทช์จนบ้านพังและแกนตูจับตัวลีโล่ไป... ถึงกับน้ำตาไหลพรากจนแทบหมดสภาพสาวแกร่งผู้เป็นเสาหลักของบ้านเพเลไค เมื่อรู้ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเหมือนเดจาวู เพราะเธอกลัวมาตลอดว่าจะสูญเสียน้องสาวคนเดียวไปอย่างไม่มีวันกลับมา
แค่โอฮาน่าตกอยู่ในอันตรายก็ขวัญเสียมากพอแล้ว คุณบริทต้ายังมาตอกย้ำซ้ำเติมอีกยก
ตอกย้ำโดยกล่าวหาว่า... ลีโล่เป็นสาเหตุที่ทำให้โคดี้ถูกคนร้ายรุมสกรัมจนต้องนอนโรงพยาบาล!
"งี่เง่าที่สุดเลย! พี่น้องลูกหลานต่างก็ตกอยู่ในอันตรายไม่แพ้กันทั้งที กลับมาโทษกันให้ตัวเองถูกฝ่ายเดียว นี่สินะที่ว่ากันว่า... แก่แต่ตัว สมองไม่แก่ไปด้วย" จัมบ้าหัวร้อนที่ได้ยินข่าวว่าคุณบริทต้าหาเรื่องทะเลาะกับนานี่หมายโยนบาปให้ครอบครัวเพเลไคต้องรับผิดชอบต่อโคดี้ ทั้งที่ทุกอย่างเป็นเหตุสุด-วิสัยแท้ ๆ
"ตัวแม่ไม่ได้มามือเปล่านะ ยังฝากเจ้านี่มาด้วย" พรีคลีย์มอบของสิ่งหนึ่งถึงมือจัมบ้า พบว่าเป็นดิสค์ ทำให้สติทช์มั่นใจ... ว่าต้องเป็นดิสค์ของคนร้ายเป็นอันแน่แท้
จัมบ้าคว้าดิสค์ไปเปิดในซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ของเขา พบว่าเป็นแผนที่ไปยังเกาะแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นเกาะที่ไม่เคยมีใครรู้จักมาก่อน
เมื่อคำนวณระยะเวลาเดินทางจากเกาะคาไวไปยังเกาะปริศนา คาดว่าอาจใช้เวลาราว ๆ สี่ซ้าห้าชั่วโมง ถึงแม้อยู่ในเขตมหาสมุทรแปซิฟิกจริง... แต่เกาะที่คนร้ายอาศัยอยู่นั้นไม่ได้อยู่ในหมู่เกาะฮาวาย หากดูผิวเผินจากภายนอก... เกาะนี้อาจเป็นเกาะร้าง แต่คนของมือสังหารที่แฮมสเตอร์วิลล์จ้างวานมาได้เตรียมกับดักสกัดสติทช์ได้ทุกเมื่อ
"ท่าทางคราวนี้ศึกจะหนักเกินกว่าที่ 626 จะรับมือไหวแล้วล่ะ" จัมบ้าพึมพำออกมาหลังจากวิเคราะห์สถานการณ์
"ต้องพึ่งพากองกำลังชีวิตทดลองสายคอมแบ็ตแล้วสินะ" สปาร์คกี้เห็นด้วย
"ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ถึงสติทช์มีความสามารถที่จะต่อกรกับคนนับร้อยได้ แต่ไม่ใช่กับคนแบบแฮมสเตอร์วิลล์ เพราะลีโล่ไม่ได้ถูกจับตัวไปแค่คนเดียว แองจี้เค้กและเพื่อน ๆ ยัยหนูก็พลอยซวยไปด้วย" รูเบ็นยืนยัน
"เข้าทางยัยบริทต้าพอดีเลย" พรีคลีย์เอ่ยชื่อนายกสมาคมผู้ปกครองแล้วถึงกับไม่สบอารมณ์ "ฉันหวังว่าเดวิดกับสามีคุณนายคงจะช่วยแยกมวยได้นะ" พูดจบแล้วก็ขอตัวออกไปรับมือกับสถานการณ์ภายในบ้านเพเลไคต่อ ด้วยความคาดหวังว่าทุกอย่างจะสงบลง
แต่มีแขกไม่ได้รับเชิญอีกหนึ่งคนเสนอหน้ามาที่บ้าน ทำให้พรีคลีย์ถึงกับหัวเสียที่ผิดหวัง
"อ้าว... หนูเจส มีเรื่องอะไรรึเปล่า... ถึงได้มาที่บ้านนี้" คุณบริทต้าเอ่ยปากถามว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยภาษาดอกไม้ ในขณะที่ปรายตานางจ้องมองนานี่ด้วยสายตาเหยียดหยาม
"พอดี... น้องสาวฉันมีเรื่องที่จะต้องเคลียร์กับคนบ้านนี้เป็นครั้งสุดท้ายค่ะคุณแม่" เจสสิก้า ตอบพร้อมกับพาเมอร์เทิลเข้ามาในบ้าน
"เรื่องอะไรล่ะ" คุณแอนตั้นถามห้วน ๆ ด้วยความไม่ชอบใจนัก รู้สึกว่าการมาของเจสสิก้ามีแต่จะทำให้เรื่องวุ่นวายไม่รู้จักจบสิ้น
"หนูมีเรื่องที่... ผู้รู้ทุกคนต้องตอบคำถามค่ะ" เมอร์เทิลตอบน้ำเสียงสั่นเครือก่อนที่จะมอบซองสีน้ำตาลส่งถึงมือนานี่ สาวแกร่งแห่งบ้านเพเลไครับซองมาเปิดดูเอกสารข้างใน ถึงกับตาเบิกโพลงด้วยความตกตะลึงสุดขีด
แผ่นเอ็กซเรย์จากคลินิคสัตว์!
นานี่มองแผ่นเอ็กซเรย์กับใบหน้าของเมอร์เทิลสลับกันด้วยความตื่นกลัว... นึกไม่ถึงว่าวันที่คู่อริตลอดกาลของน้องสาวรู้ความจริงเรื่องจีจี้จะมาถึงอย่างไม่ทันตั้งตัว
"ทีนี้... พวกคุณน่าจะมีคำอธิบายดี ๆ ให้น้องหนูผู้น่าสงสารได้ทำใจนะ เผื่อว่าน้องหนูจะตัดสินใจเรื่องนี้ได้ง่ายขึ้น" คุณบริทต้าได้ทีสรรหาถ้อยคำมาเชือดนานี่นิ่ม ๆ ด้วยความคิดที่ว่า... นานี่เป็นพี่สาวลีโล่ เด็กน้อยผู้หาบ้านให้เหล่าชีวิตทดลอง... จะต้องเตรียมรับมือกับเอเลี่ยนไร้บ้านในอีกมิช้า
"แล้วนี่... เกิดอะไรขึ้นกับจีจี้จ๊ะ หนูถึงได้..." นานี่ตะล่อมถามเมอร์เทิลประหนึ่งคนใจดีสู้เสือ หวังว่าเมอร์เทิลจะไม่รังเกียจหมาชิสุต่างดาว... หากรู้ว่าจีจี้คือเอเลี่ยนพี่น้องของสติทช์
"จีจี้เผลอกินตุ้มหูพี่เจสเข้าไปค่ะ พี่เจสก็เลยรีบพาไปหาหมอ พอหมอเอ็กซเรย์หาตุ้มหู... ก็เป็นอย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ" เมอร์เทิลชิงตอบออกมาเสียก่อน ทำเอาทุกคนในบ้านเพเลไคถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ "แต่ปกติ... จีจี้ไม่ได้มีนิสัยกินอะไรมั่ว ๆ นะคะ"
เจสสิก้าเป็นฝ่ายอึ้งที่ฟังคำพูดของลูกพี่ลูกน้องตัวน้อย
"ก็พี่บอกแล้วไง... ว่าหนูจีจี้ต้องมีอะไรที่มันผิดปกติ ถึงได้กินของผิดสำแดงแบบนี้" เจสสิก้ายังหาข้ออ้างน้ำขุ่น ๆ ทำให้เมอร์เทิลสงสัยในตัวลูกพี่ลูกน้องคนสวยมากกว่าเดิม
"เอาเถอะ จะยังไงก็ช่าง ฉันอยากรู้คำตอบเต็มแก่... ว่าทำไมหมาน้อยของน้องหนูผู้น่าสงสารจึงมีโครงสร้างร่างกายที่ผิดแผกไปจากหมาทั่วไปได้" คุณบริทต้าได้ทีบี้นานี่ต่อ
นี่สินะ ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย
ความลับไม่มีในโลก
------------------------------------------------------------------------
ณ เกาะไม่ทราบชื่อแห่งหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป
การเดินทางถึงที่หมาย มักใช้เวลาไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับพาหนะที่ใช้เดินทาง
เรือโฮเวอร์คราฟและเจ็ตสกีถูกนำมาจอดที่ท่าเรือภายในถ้ำของเกาะแห่งหนึ่ง เป็นท่าเรือที่สร้างความฉงนให้ลีโล่เป็นอย่างยิ่ง หากมองสภาพเกาะที่เธอกับเพื่อน ๆ กำลังจะถูกนำมาปล่อยหรือทำอะไรสักอย่างที่ชั่วร้ายด้วยตาตัวเอง พบว่าเกาะผืนนี้เป็นเกาะร้างที่ไม่ได้อยู่ในหมู่เกาะฮาวายอย่างเห็นได้ชัด แต่มีถ้ำที่ชวนพิศวง... ชวนท้าทายนักสำรวจเป็นอย่างมาก
ทันทีที่เรือเดินทางถึงที่หมาย... คนร้ายที่รออยู่ท่าเรือก็เตรียมโฮเวอร์บอร์ดมารับลีโล่และเพื่อน ๆ ร่วมชะตากรรม ซึ่งเป็นโฮเวอร์บอร์ดที่ลีโล่รู้จักดี
โฮเวอร์บอร์ดพันธนาการนักโทษ
เพียงแค่ต้อนนักโทษขึ้นไปเหยียบโฮเวอร์บอร์ด คนร้ายที่ถือรีโมทควบคุมก็กดปุ่มสั่งการให้ล็อกแขนและขาในทันที ส่วนแองเจิ้ลกับพี่น้องของเธอ... ถูกจับใส่แคปซูลสะพายหลัง หลังจากที่ถูกปล่อยออกมาจากแคปซูลท้ายเรือยอร์ชแล้ว
"นี่พวกคุณเป็นใคร!? จะพาเราไปไหนกัน!? ขอบอกไว้ก่อนนะ ถ้าคุณแตะต้องตัวเราแม้แต่ปลายเล็บอีกล่ะก็... พวกคุณได้มีปัญหากับสหพันธ์กาแลคติกแน่!" ลีโล่เป็นฝ่ายส่งเสียงเตือนให้มนุษย์ไฮยีน่าต่างดาวรู้ตัว หวังว่าอีกฝ่ายจะรู้ดีว่าหากมีการลักพาตัวเด็กผู้ได้ชื่อว่าเป็นสายลับค้นหาสัตว์ทดลอง... สติทช์และพี่น้องของเขาต้องตามล่าในอีกมิช้า
"มีปัญหากับสหพันธ์กาแลคติกนะเหรอ!? พวกมันไม่มีทางหือกับเราหรอก นอกเสียจากว่าพวกมันจะขุดหลุมฝังศพตัวเอง" หัวหน้าคนร้ายแค่นยิ้ม... พูดออกมาอย่างไม่สะทกสะท้านต่อคำพูดของเด็กน้อย "หรือถ้าจะพูดให้ถูก... พวกมันขุดหลุมตั้งแต่เนรเทศไอ้ 626 มาอยู่กับหนูแล้วล่ะ"
"สติทช์มาเกี่ยวอะไรด้วย!?" มาวินเอ่ยปากถามด้วยความไม่ชอบใจนัก... ที่อีกฝ่ายพูดราวกับว่าสติทช์เป็นต้นเหตุของเรื่องเลวร้ายทั้งหมด
"เฮอะ ๆ ๆ ๆ มันก็ต้องเกี่ยวอยู่แล้วล่ะหนุ่มน้อย คนที่เกี่ยวข้องกับ 626 จะต้องมีอันเป็นไปหมดทุกคน มันจะต้องเสียใจ... ที่อายุพวกเธอมาสั้นลงอย่างง่ายดายแบบนี้" มนุษย์ไฮยีน่าตอบด้วยความมั่นใจ... ว่าการที่ลีโล่ตกอยู่ในกำมือนายใหญ่ จะเป็นการบั่นทอนกำลังใจสติทช์อย่างช้า ๆ และเจ็บปวดถึงที่สุด หากลีโล่หายไปจากชีวิตของเขา
"จะไม่มีวันนั้นเกิดขึ้นแน่นอน สติทช์จะต้องมา... พวกแกเตรียมคำอ้อนวอนขอชีวิตได้เลย!" วิคตอเรียพูดออกมาด้วยความไม่เกรงกลัว แม้อีกฝ่ายเป็นวายร้ายโฉดที่จะทำให้ร่างกายเด็ก ๆ สั่นเทาได้ทุกเมื่อ
"อ้อนวอนขอชีวิต!? ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ" มนุษย์ไฮยีน่าถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมา "ให้เพื่อน 626 ได้เห็นความน่ากลัวของโปรเจ็คท์ก่อน พวกเธอจะต้องเป็นฝ่ายอ้อนวอนขอชีวิต เผื่อว่า... ฉันจะใจดีไว้ชีวิตพวกเธอในภายหลัง"
"โปรเจ็คท์!? ที่แท้พวกแกเป็นคนที่บุกโรงเรียนเราเมื่อวันก่อนนี่เอง!" คาลี่คำรามแค้น เมื่อได้ยินคำว่าโปรเจ็คท์จากมนุษย์ไฮยีน่าต่างดาว
"หึ ๆ ๆ วัตถุดิบล้ำค่าอยู่ในสายตาทั้งที... ปล่อยให้หลุดมือไป โปรเจ็คท์ก็ไม่คืบหน้านะสิ" มนุษย์ไฮยีน่าหัวเราะร่วนพลางเอามือลูบหัวลีโล่ด้วยความเอ็นดู ลีโล่กัดมือวายร้ายอย่างแรงด้วยความรังเกียจจนอีกฝ่ายร้องลั่น คำรามแค้นทำท่าจะตวัดมือตบหน้าลีโล่ แต่ยั้งมือไว้... มิให้ลีโล่มีรอยช้ำตามคำสั่งนายใหญ่
"เธอโชคดีแค่ไหน... ที่นายใหญ่ต้องการทำความรู้จักกับเธอตัวต่อตัว อย่าเปรี้ยวให้มากนัก ไม่อย่างนั้น... ฉันจะตัดหัวเธอส่งไปให้ไอ้ 626 กอดและร้องไห้ฟูมฟายจนตรอมใจตายสักวัน ที่พูดนี่... ไม่ได้ขู่นะ ต่อให้เธอเป็นเด็กก็เหอะ" มนุษย์ไฮยีน่าข่มขู่น้ำเสียงเกรี้ยวกราดก่อนที่จะพาลีโล่กับเพื่อน ๆ ของเธอไปยังที่คุมขังในทันที ลีโล่ได้แต่กัดฟันกรอดมองหน้าวายร้ายต่างดาวด้วยความคั่งแค้นและหวาดกลัวระคนกัน
เธอนึกไม่ถึง... ว่าบนเกาะนี้จะมีฐานทัพของวายร้ายตั้งอยู่เพื่อเตรียมการใหญ่
แผนร้ายที่ต้องลากลีโล่ให้มีส่วนร่วมกับโปรเจ็คท์เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง
คำถามมากมายกำลังวิ่งวนอยู่ในหัวไม่มีที่สิ้นสุด เธอได้แต่หวัง... ว่าสติทช์จะพาเธอกับเพื่อน ๆ ไปให้พ้นจากเกาะนรกแห่งนี้ให้เร็วที่สุด
แต่แล้ว... ความโชคร้ายก็มาเยือนอีกระลอก
ทันทีที่ลีโล่และผองเพื่อนถูกพาไปยังที่คุมขัง มีการแยกขังเกิดขึ้น
มนุษย์ไฮยีน่าสั่งการลูกสมุนให้ต้อนวิคตอเรียกับเพื่อน ๆ เข้าไปในห้องขังห้องหนึ่ง มีแผงควบคุมปิด-เปิดติดบนฝาผนังเหล็กหน้าห้อง ผู้คุมจะป้อนคำสั่งให้ปิดห้องขังด้วยประตูเหล็ก และภายในห้องขังจะมีกล้องวงจรปิดส่องดูพฤติกรรมนักโทษที่พยายามขัดขืนหรือหลบหนี แน่นอนว่ามีแท่นยิงเลเซอร์ที่พ่วงมากับกล้องเล็งไปที่นักโทษตัวน้อยพร้อมหยุดพวกเธอได้ทุกเมื่อ
ส่วนแองเจิ้ลกับพี่น้องของเธอถูกจับไปขังอีกห้อง แต่ต่างกันที่ประตูห้องขังเป็นม่านเลเซอร์สีแดงป้องกันไม่ให้สนูทตี้แอบบินออกไปในยามวิกาล แองเจิ้ลทำได้แต่คำรามแค้นที่ถูกมนุษย์ไฮยีน่าต่างดาวจับมาเป็นนักโทษโดยไม่มีโอกาสได้โต้ตอบใด ๆ อีก
เหลือแค่ลีโล่ที่ถูกพาไปยังที่ใดสักที่ในฐานทัพแห่งนี้ ซึ่งไม่รู้ว่าเธอจะได้พบเพื่อน ๆ หรือโอฮาน่าอีกครั้งหรือไม่
ให้โชคชะตากำหนดเสียแล้วกระมัง
------------------------------------------------------------------------
เมื่อความลับไม่เป็นความลับอีกต่อไป นานี่จึงสารภาพเรื่องเอเลี่ยนจนหมดเปลือกอย่างไม่มีทางปิดบังได้อีก
แขกไม่ได้รับเชิญทุกคนถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ ยกเว้นคุณแอนตั้นที่รู้ที่มาของเจ้าฟลุทจากคาลี่... แถมนึกยินดีเสียอีกที่คาลี่จะมีเพื่อนใหม่ที่จริงใจกับเธอสักครั้ง ต่อให้ลีโล่เป็นเด็กน้อยที่มีพันธะเชื่อมโยงกับเอเลี่ยนก็ตาม
"มิน่าล่ะ ลีโล่ถึงได้มีหมาแปลก ๆ มารุมล้อมตลอดเวลา" เมอร์เทิลพูด
"แล้วเธอจะทำยังไงกับจีจี้ ลีโล่ต้องไม่ชอบใจแน่... ถ้ารู้ว่าเธอจะทิ้งจีจี้เพียงเพราะเป็นเอเลี่ยน" นานี่พูดออกมาด้วยความคาดหวัง... ว่าเด็กน้อยผู้เป็นคู่อริน้องสาวจะไม่ทำร้ายเพื่อนซี้สี่ขาของเธอ ยัยหัวแดงได้แต่นิ่ง... ไม่มีคำพูดใด ๆ ออกมาอีก
"น้องสาวฉันแค่ลูกหลงย่ะ ฉันถึงได้เอาแผ่นเอ็กซเรย์มาเพื่อยืนยันว่าจะส่งจีจี้คืนน้องสาวเธออย่างเป็นทางการ และจีจี้กับน้องสาวฉันจะได้ไม่ต้องเจอกันให้เป็นฝันร้ายตามหลอกหลอนอีก" เจสสิก้าชิงพูดออกมาในขณะที่ลูกพี่ลูกน้องตัวน้อยยังนิ่งเงียบอยู่
"เอาล่ะ ไหน ๆ เรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ฉันมีข้อเสนอมาเพื่อที่จะเคลียร์กับเธอเป็นครั้งสุดท้าย" คุณบริทต้าตัดบทเปลี่ยนเรื่อง แม้อยู่ในประเด็นเดียวกันก็ตาม
"ข้อเสนออะไรของคุณ เราไม่มีอารมณ์จะฟังหรอก คุณกลับไปซะ หวังว่าเราคงจะไม่พบกันอีกนะ" เดวิดเอ่ยปากเชิญแขกไม่ได้รับเชิญทุกคนให้ออกไปจากบ้านด้วยน้ำเสียงสุภาพ ความขุ่นเคืองเริ่มปรากฎบนใบหน้าชายหนุ่มอย่างเห็นได้ชัด
"กลับเหอะคุณ เสียเวลามากพอแล้ว" คุณแอนตั้นพยายามเกลี้ยกล่อมภรรยาให้ยุติเรื่องที่จะพูด แต่ฝ่ายภรรยาไม่ลดราวาศอกเอาเสียเลย
"ถ้าไม่ช่วยอะไรก็อย่าแส่!" คุณบริทต้าหันไปแว้ดใส่สามีก่อนที่จะหันไปยื่นข้อเสนอให้นานี่รับฟัง "ฉันไม่มีวันเห็นหน้าพวกคุณอีกแน่ เพราะฉันมีที่อยู่ใหม่มานำเสนอ ซึ่งมัน... ดีต่อคนและดีต่อเอเลี่ยนเป็นอย่างมาก พวกคุณคงจะสนใจ"
"ที่อยู่ใหม่" นานี่แค่นยิ้มอย่างนึกสมเพชคู่สนทนาที่ไม่มีทางผูกมิตรกับตนแม้แต่น้อย "คุณคิดเหรอ... ว่าเราจะสนใจที่อยู่ที่คุณจะนำเสนอ บอกไว้ก่อนว่าที่นี่บ้านเกิดฉัน บ้านเกิดของโอฮาน่า และเกาะคาไวเป็นบ้านที่สอนให้สติทช์กับชีวิตทดลองรู้ซึ้งถึงคำว่าโอฮาน่า มิตรภาพ และความรักอย่างแท้จริง คุณเป็นมนุษย์ด้วยกันแท้ ๆ กลับดูถูกเหยียดหยามราวกับว่าเราไม่ใช่เพื่อนร่วมโลกกัน ถ้าจะให้เคลียร์กันก็เคลียร์ที่นี่ วินาทีนี้ว่า... ไม่ตกลง อะไรกับคุณทั้งนั้น และช่วยออกไปจากบ้านก่อนที่ฉันจะเรียกสติทช์มา ตอนนี้เขาหัวเสียมากที่น้องสาวฉันถูกจับตัวไป พร้อมที่จะฟัดทุกคนที่ขวางหน้าได้ทุกเมื่อ หวังว่าคงไม่อยากให้รถราคาแพงของคุณเป็นเศษเหล็กในกำมือหมานะ"
คุณบริทต้าเหยียดยิ้ม... คิดว่านานี่มีดีแค่ขู่ แต่พอหันไปดูรถของสามี... ถึงกับกรีดร้องที่เห็นสติทช์ยกรถเก๋งคันหรูด้วยมือเปล่าทั้งสองข้าง ทั้งที่อยู่ในร่างหมาน้อย ทำเอานายกสมาคมผู้ปกครองจอมหยิ่งที่พร้อมเฉดหัวโอฮาน่าของลีโล่ไปจากเกาะคาไวได้ทุกเมื่อถึงกับหน้าซีดเป็นไก่ต้ม เมื่อเห็นว่าสติทช์ทำท่าจะโยนไปให้พ้นจากเขตบ้านเพเลไคในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า หากคุณบริทต้าไม่เลิกคุกคามโอฮาน่าของเขา
"หนูว่ากลับก่อนดีกว่านะ ถ้าไม่อยากเดินเท้ากลับบ้าน" เมอร์เทิลหันไปเตือนคุณบริทต้าให้เลิกยั่วโมโหนานี่กับสติทช์ เพราะสติทช์เห็นว่าคุณบริทต้ากำลังคุกคามโอฮาน่าทั้งที่รู้ว่าลีโล่กำลังตกอยู่ในอันตราย จึงสำแดงโปรแกรมทำลายล้างได้ทุกเมื่อ... หากสถานการณ์ดำเนินมาถึงขั้นต้องใช้ไม้แข็งจริง
สุดท้าย... คุณบริทต้าจำต้องล่าถอยกลับไปก่อนที่รถของสามีจะถูกแปรสภาพเป็นเศษเหล็กในกำมือเจ้าอสูรน้อย
"ฉันไม่จบเพียงเท่านี้แน่!" คุณบริทต้าขู่อาฆาตก่อนที่จะก้าวเท้าลงบันไดไปที่รถ ซึ่งสติทช์วางไว้เป็นอย่างดี ไร้ซึ่งรอยบุบสลายใด ๆ ทั้งสิ้น รถของคุณแอนตั้นกับเจสสิก้าจึงหายลับไปจากสายตา นานี่ถึงกับโล่งอกที่ตัวปัญหาไปให้พ้นจากบ้านสักที
"ว้าว นึกไม่ถึงนะว่าเธอจะปล่อยให้สติทช์ยกรถโชว์คุณนายต่อหน้าต่อตา" เดวิดพูดพลางปรบมือชื่นชมแฟนสาวที่ใช้ไม้แข็งเชิญแขกไม่ได้รับเชิญออกจากบ้าน
"ทำไงได้ล่ะ ลีโล่ถูกจับตัวไปทั้งที ฉันยิ่งไม่อยากเสียเวลากับคนบ้าด้วย" นานี่ปรารภพร้อมกับก้มหน้ามองพื้นด้วยแววตาสลด
"ถึงเธอห้ามแล้ว แต่สติทช์ก็ต้องงัดไม้แข็งอยู่ดี" เดวิดพูดพลางมองสติทช์ที่กำลังสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด พยายามควบคุมอารมณ์ให้เต็มที่ เพื่อเตรียมแผนช่วยชีวิตลีโล่ในวันรุ่งขึ้น นานี่ดูออก... ว่าเจ้าโคอาล่าสีฟ้าไม่มีวันนิ่งเฉย เมื่อรู้ว่าลีโล่ตกอยู่ในอันตราย
เธอรู้ดี... ว่าสติทช์มีพลังทำลายล้างสูงที่จะต่อกรกับคนร้ายนับสิบที่ปองร้ายลีโล่ได้
แต่ศึกครั้งนี้... เขาต้องพึ่งพาพี่น้องของสติทช์ เพื่อสำแดงจิตวิญญาณโอฮาน่าให้พวกมันได้เห็น
พวกมันจะได้รู้ฤทธิ์เดชของสัตว์ทดลองนับร้อยชีวิตเสียบ้าง หากลีโล่ได้แผลแม้แต่รอยข่วนรอยเดียว
ซึ่งตอนนี้... สัตว์ทดลองสายคอมแบ็ตที่คอยเป็นกำลังเสริมให้สติทช์ จะมีทั้งรูเบ็น สปาร์คกี้ และคิกซ์ที่พร้อมจะค้างคืนที่บ้านลีโล่ นานี่ที่ตั้งกฎเหล็กห้ามนำสัตว์ทดลองที่ค้นหาเข้ามาในบ้าน แต่ในกรณีนี้... เรียกว่าเป็นกรณีฉุกเฉินก็ว่าได้
เพราะสติทช์ไม่สามารถนอนคนเดียวได้ หากภายในห้องนอนไม่มีลีโล่อยู่ข้างกาย
------------------------------------------------------------------------
จากประสบการณ์ถูกกักขังในฐานะนักโทษวายร้าย นี่เป็นครั้งแรก... ที่เด็กหญิงตัวน้อยน้อยคนแรกผู้มีปฏิสัมพันธ์กับเอเลี่ยนกลายเป็นนักโทษชั้นดีที่นายใหญ่ต้องการตัว
จากเด็กน้อยชุดมูมูสีแดงลายใบไม้ กลายเป็นเจ้าหญิงน้อยชุดสีม่วงลาเวนเดอร์สดใสในพริบตา
แต่สีหน้าและอารมณ์ของเธอในขณะนี้... ไร้ความรู้สึกยินดีหรือยินร้ายใด ๆ ทั้งสิ้น
เป็นนักโทษในกำมือวายร้ายต่างดาวก็ทรมานใจมากพอแล้ว ยังถูกจับแต่งตัวให้เป็นนักโทษชั้นดีในอุดมคติของนายใหญ่อีก
จะมีอะไรที่เลวร้ายกว่านี้อีกมั้ย!?
เธอไม่นึกไม่ฝัน... ว่าบนเกาะนี้จะเป็นที่ตั้งของคฤหาสน์โบราณที่เป็นฐานทัพผลิตบางสิ่งที่ชั่วร้าย เมื่อเธอถูกนางมารผีเสื้อผิวสีม่วงทับทิมรับช่วงต่อจากมนุษย์ไฮยีน่าให้ดูแลเรื่องความสวยงามระดับชุดใหญ่ไฟกะพริบของเธอ ซึ่งลีโล่ทราบชื่อที่พวกมันเรียกกัน คือ... ทริฟ กับ ทรีน่า
หากมองนาฬิกาฝาผนังในห้องแต่งตัว จะพบว่าเวลาล่วงเลยจนจะเข้าสู่ยามเย็น ความเป็นแฟนคลับหนังสยองขวัญที่มีจินตนาการแปลก ๆ เข้าเส้น... ทำให้ลีโล่คิดว่าตัวเองเป็นนางเอกผู้โชคร้ายที่ถูกเจ้าของคฤหาสน์เชิญชวนมาดินเนอร์เป็นการส่วนตัวเพื่อพูดคุยเรื่องสำคัญ
และคนสำคัญที่ลีโล่ต้องสนทนาอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ คือ... นายใหญ่
ทันทีที่ลีโล่แต่งตัวเสร็จตามคำสั่งแล้ว... ทรีน่าก็สั่งการให้หุ่นดรอยด์แม่บ้านพาเธอไปยังห้องอาหาร ซึ่งแน่นอนว่าแม้แต่แม่บ้านยังต้องมีอาวุธเพื่อป้องกันไม่ให้นักโทษหลบหนี ลีโล่จึงรู้ในทันที... ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหลบหลีกศัตรูจนกว่าจะช่วยชีวิตพวกวิคตอเรียกับแองเจิ้ลให้พ้นจากที่คุมขังได้
และแล้ว... ลีโล่ก็เข้าสู่ห้องอาหาร ซึ่งเป็นห้องอาหารที่ดูหรูหราสมกับคฤหาสน์กลางเกาะที่ปลีกวิเวกไปจากหมู่เกาะฮาวายอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งถูกดีไซน์ให้เห็นวิวนอกคฤหาสน์... ห้องอาหารจึงดูงดงามยิ่งขึ้น เหมาะแก่การผ่อนคลายเป็นอย่างยิ่ง แม้สีหน้าของลีโล่ในตอนนี้ไร้อารมณ์ผ่อนคลายก็ตาม
ถึงชุดโต๊ะอาหารมี 8 ที่นั่งเหมือนห้องวีไอพีในภัตตาคารห้าดาว แต่คนหรือวายร้ายต่างดาวที่มาดินเนอร์เป็นเพื่อนลีโล่มีแค่ 2 คน คือ... ทรีน่ากับชายชุดขาวเจ้าสำอางไม่ทราบชื่อ และบนโต๊ะมีอาหารเรียกน้ำย่อยและเครื่องดื่มถูกเสิร์ฟถึงโต๊ะเป็นที่เรียบร้อย
"สวัสดียามเย็นจ้ะ คุณเพเลไค ช่างเป็นการพบกันที่น่าประทับใจเสียจริงเชียว" ทรีน่าทักทายด้วยน้ำเสียงหวานเยิ้มเป็นมิตร แต่ลีโล่ถลึงตามองหน้าทรีน่าด้วยความเย็นชา ไม่รู้สึกประทับใจแม้แต่น้อย แต่ไม่ปริปากออกมา เธอทำได้แค่... ยอมร่วมโต๊ะอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้
"เดินทางมาเหนื่อย ๆ ทานมื้อเย็นต้อนรับสมาชิกใหม่ซะสิ นายใหญ่เตรียมให้เป็นพิเศษนะ" ชายชุดขาวเจ้าสำอางเปิดโอกาสให้ลีโล่ทานอาหารบนโต๊ะได้ตามใจชอบ แต่เธอไม่มีอารมณ์รับประทานเอาเสียเลย
"แล้วนายใหญ่ที่ว่า... ไปไหนคะ" ลีโล่ถาม
"อีกเดี๋ยวจะมาจ้ะหนูน้อย และนายใหญ่คาดหวังเป็นอย่างยิ่ง... ว่าเธอจะแตะอาหารสักคำสองคำก่อนเขามา ไม่อย่างนั้น... คงจะเสียความรู้สึกเป็นอย่างมาก" ทรีน่าตอบเสียงหวาน... แต่ฉายแววความเยือกเย็นจนอีกฝ่ายรู้สึกได้ ลีโล่ดูออก... ว่าทรีน่าไม่ต้องการให้เธอเตะถ่วงหรือทำเรื่องโง่ ๆ เพื่อหาโอกาสหลบหนี เด็กหญิงตัวน้อยก็คิดเช่นกัน... ว่าเธอต้องยอมจำนนร่วมรับประทานอาหารเย็นต่อไป ด้วยความคิดที่ว่า... เธอจะได้เผชิญหน้ากับนายใหญ่ตัวเป็น ๆ สักครั้ง
ทุกอย่างจะได้เคลียร์สักที... ว่านายใหญ่ต้องการสิ่งใดจากลีโล่กัน!?
ถ้าสติทช์พาเธอออกไปจากขุมนรกนี้ได้ เธอจะเอาเรื่องพวกมันให้ถึงที่สุด!
ลีโล่หยิบขนมปังกระเทียมขึ้นมากัดหนึ่งคำแล้วเคี้ยวจนแก้มตุ้ยอย่างไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก ทรีน่ากับชายชุดขาวเจ้าสำอางเห็นแล้วแอบขำขันอย่างนึกเอ็นดูในตัวเด็กน้อยที่กลายเป็นแขกวีไอพีของนายใหญ่ คิดว่าลีโล่จะแสบซ่าส์อย่างที่แฮมสเตอร์วิลล์เคยก่นด่า แต่เห็นลีโล่ยอมทานอาหารเย็น... ถึงกับเปลี่ยนความคิดจากเด็กซนเป็นว่านอนสอนง่ายในบัดดล
แต่หาได้รู้ไม่... ว่าลีโล่คิดแผนหาทางช่วยชีวิตเพื่อน ๆ ของเธอให้หนีออกจากฐานทัพกลางเกาะอยู่
ในขณะที่ลีโล่กับวายร้ายต่างดาวกำลังรับประทานอาหารเย็นอยู่นั้น... มีเสียง ๆ หนึ่งดังมาจากลำโพงภายในห้อง
"อีก 5 นาที นายใหญ่พร้อมจะพบพวกคุณแล้วครับ" เสียงลูกสมุน... ซึ่งลีโล่ไม่รู้ว่าดังมาจากส่วนใดส่วนหนึ่งของคฤหาสน์ กำลังรายงานเรื่องการมาของนายใหญ่ให้ทรีน่ารับทราบ ทรีน่ายิ้มแย้มด้วยความพึงพอใจ... ที่ภารกิจหา "วัตถุดิบล้ำค่า" เพื่อโปรเจ็คท์ของนายใหญ่กำลังจะเสร็จสิ้นในอีกมิช้า
5 นาทีผ่านไป
ถึงเวลาแล้ว... ที่ลีโล่ต้องเผชิญหน้ากับนายใหญ่ด้วยตาตัวเอง
เธอจะได้รู้สักที... ว่าทำไมเธอถึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจ็คท์ของนายใหญ่ได้!
แต่การเผชิญหน้ากับนายใหญ่เป็นครั้งแรก ไม่ใช่การเผชิญหน้าแบบตาต่อตา
เพราะจู่ ๆ ม่านก็ถูกเลื่อนลงมาปิดหน้าต่างและประตู ห้องอาหารแปรเปลี่ยนเป็นห้องประชุมในพริบตา ทำเอาลีโล่มองไปรอบ ๆ ด้วยความหวาดระแวง ไม่รู้ว่าพวกมันจะเล่นตลกอะไรกับเธออีก
และแล้ว... พวกมันก็เล่นตลกกับลีโล่จนได้
นายใหญ่ปรากฎบนหน้าจอแอลซีดีแบบบิวท์อิน (built-in) ฝังในฝาผนัง ทำให้ลีโล่รู้ในทันที... ว่านายใหญ่ไม่สะดวกมาพบเธอตัวต่อตัว กลับใช้วิธีการพูดคุยกันทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ (video conference) มาพูดคุยกับเธอ
นายใหญ่จะไม่เปิดเผยใบหน้าที่แท้จริง กลับมีสัญลักษณ์ประหลาดปรากฎบนหน้าจอแทน
หน้าจอสีขาว สัญลักษณ์ "ผีเสื้อสีดำปีกสีแดงเลือดหยด" เด่นหราจนลีโล่ต้องจดจำมิรู้ลืม
นี่มันอะไรกัน!?
"หึ ๆ ๆ ๆ ๆ ในที่สุด... เราก็ได้รู้จักกันอย่างเป็นทางการสักที ลีโล่ เพเลไค ได้ยินแค่ชื่อ ไม่คิดเลยว่าเราจะทักทายกันทางไกลแบบนี้" เสียงทุ้มต่ำของนายใหญ่ดังขึ้น ถึงลีโล่ไม่เห็นหน้า ได้แต่ฟังเสียงแล้วรู้สึกได้... ว่านายใหญ่พยายามผูกมิตรกับเธอ ซึ่งเป็นการผูกมิตรที่มีเลศนัยเป็นอย่างยิ่ง
"ไม่ยักรู้นะว่าหุ้นส่วนของแฮมสเตอร์วิลล์จะเสพติดการเซอร์ไพรส์ศัตรู แต่ไม่อยากเชื่อ... ว่าจะเป็นเอามากจนไม่กล้าโผล่หัวออกมา มันทำให้ฉันกระเดือกอะไรไม่ลงคอเลย" ลีโล่พูดออกมาด้วยความไม่ไว้วางใจ นายใหญ่ฟังแล้วถึงกับหัวเราะในลำคอให้กับฝีปากของเด็กน้อย
"ใจเย็น ๆ ก่อนสิเด็กน้อย เป็นเด็กเป็นเล็ก จะอดอาหารอดน้ำประชดผู้ใหญ่ มันไม่น่ารักนะ ถึงไม่ได้เห็นหน้ากันวันนี้... วันหน้าอาจได้พบกันก็เป็นไปได้ เรามาคุยกันเล็ก ๆ น้อย ๆ พร้อมทานอาหารจะดีกว่านะ ถ้ายังรอเจ้า 626 มาช่วย... ไม่ใช่ 626 สิ เธอตั้งชื่อว่า... สติทช์ใช่มั้ย" นายใหญ่พูดทีเล่นทีด้วยน้ำเสียงสุภาพ ราวกับว่าตนรู้วิธีปราบเด็กดื้อเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นความจริง... แค่ลีโล่ได้ยินชื่อสติทช์ เธอก็ยอมทานอาหารต่อในทันที
"ฉันเป็นคนตั้งชื่อเขาเอง และเขา... พร้อมถล่มที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลองได้ทุกเมื่อ ถ้าพวกคุณแตะต้องหรือทำร้ายฉันให้มีรอยขีดข่วนแม้แต่รอยเดียว" ลีโล่เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น บ่งบอกให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงความภักดีที่เพื่อนรักตัวสีฟ้ามีต่อเธอ และนายใหญ่กับสมุนโฉดจากต่างดาวคือตัวอันตรายที่สมควรถูกทำลายด้วยน้ำมือสติทช์ในเร็ววัน
"แหม... เป็นเด็กเป็นเล็ก แต่โทนเสียงฟังดูเยือกเย็นเกินวัยไปนะ ไม่ต้องห่วงหรอก เด็กน้อยผู้มีพรสวรรค์ที่ไม่เหมือนใครอย่างเธอยังต้องได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เพื่อโปรเจ็คท์ของฉันโดยเฉพาะเลยนะ" นายใหญ่พูด น้ำเสียงฟังดูไม่สะทกสะท้านต่อคำพูดของเด็กน้อย ซึ่งเป็นความจริงประการที่สอง... เป็นหุ้นส่วนลับของแฮมสเตอร์วิลล์ ย่อมรู้พลังและความสามารถของสติทช์ดี
พวกมันเตรียมพร้อมที่จะต่อกรกับสติทช์ หากสติทช์มาเหยียบเกาะนี้
"โปรเจ็คท์อะไร!? ฉันมีค่ามากพอที่จะมีส่วนร่วมในการวางแผนชั่วของคุณเหรอ!?" ลีโล่ย้อนถามอย่างเหลืออด
"จุ๊ ๆ ๆ ๆ ๆ ก่อนจะถามอะไร ช่วยควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ดีก่อนนะ ไม่อย่างนั้น... วัตถุดิบล้ำค่าจะมีตำหนิเอาได้ อืม... จะให้ฉันตอบยังไงดีล่ะ มีค่ามากพอมั้ยนะเหรอ มีก็มีนะ แต่ต้องรอดูอีกสักครู่ ฉันถึงจะตัดสินใจอีกที แต่โปรเจ็คท์ของฉัน... ต้องอาศัยพรสวรรค์ของเธอ พรสวรรค์ที่ทำให้เจ้า 626 เป็นหมาน้อยผู้ซื่อสัตย์ไงล่ะ" นายใหญ่ตอบน้ำเสียงยียวน เป็นคำตอบที่ทำเอาลีโล่ถึงกับตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
"นี่อย่าบอกนะว่า... คุณเป็นนักวิทยาศาสตร์สร้างสัตว์ทดลองแบบคุณจัมบ้า!?" ลีโล่รู้แล้วว่านายใหญ่คือใคร
"หึ ๆ ๆ ๆ ๆ ฉันเหนือกว่าเจ้าสี่ตาผู้สร้าง 626 อยู่ประการหนึ่ง ฉันคือ... พลาเจียส ผู้ให้นิยามสัตว์ทดลองในมิติใหม่ มิติที่ทำให้โปรแกรมการทำลายล้างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไร้ซึ่งจุดด่างพร้อยใด ๆ ที่ทำให้โปรแกรมมีข้อผิดพลาดจนถูกบางสิ่งมาต่อต้านได้ ในเมื่อเธอมีพรสวรรค์ที่ทำให้เจ้า 626 และสัตว์ทดลองทุกตัวต่อต้านโปรแกรมทำลายล้างได้ ฉันก็จะทดสอบเธอสักครั้ง" นายใหญ่ที่ชื่อ... พลาเจียส พูดออกมาด้วยความสนอกสนใจ ลีโล่ฟังแล้วตีความได้ในทันที
ดร.พลาเจียสต้องการครูฝึกสัตว์ทดลองให้เชื่อง!?
"ทดสอบ!? คุณตั้งใจจะทดสอบอะไรฉันกันแน่!?" ลีโล่ถาม
"อีกเดี๋ยวเธอจะรู้คำตอบเอง" ดร.พลาเจียสพูดทิ้งท้ายแล้วหน้าจอก็ดับวูบลง ลีโล่ไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก... ที่ดร.พลาเจียสตัดบทสนทนาให้เธอรู้คำตอบด้วยตัวเอง
"นี่แค่เรียกน้ำย่อยนะน้องหนู ชวนกระหายความจริงที่กำลังจะเกิดขึ้นกันต่อไป และเธอจะต้องขอบคุณฉัน" ชายชุดขาวเจ้าสำอางย้ำให้ลีโล่รับฟัง ลีโล่หัวเสียเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณจนรีบคว้าน้ำส้มคั้นมาดื่มเพื่อจบมื้ออาหารโดยเร็ว
"ถ้าฉันจะขอบคุณ... ฉันขอแค่ขอบคุณสำหรับมื้อเย็นอย่างเดียวนะคะ ฉันจะรอเวลาที่สติทช์มาถล่มที่นี่แล้วกัน" ลีโล่เชือดนิ่ม ๆ ด้วยคำพูดสาปส่งก่อนที่เธอจะก้มหน้าก้มตารับประทานอาหารเย็นต่อไป ทรีน่ากับชายชุดขาวแอบมองหน้ากัน ยิ้มสมใจที่ลีโล่ติดกับจนได้
กับดักที่จะพันธนาการเด็กน้อยให้เป็นทาสงานวิจัยของนายใหญ่ไปชั่วชีวิต!
ภายในห้องขังรวมของเด็ก ๆ วิคตอเรียกับเพื่อน ๆ พากันห่วงลีโล่จับใจ ไม่มีใครรู้ว่าจุดประสงค์ของนายใหญ่ที่ต้องการพบลีโล่นั้นคืออะไร จึงไม่มีข้อสันนิษฐานใด ๆ ออกมาจากความคิดของพวกเธอแม้แต่น้อย หรือถึงมีข้อสันนิษฐานที่เป็นไปได้จริง แต่ก็เป็นข้อสันนิษฐานที่เล่นเอาขวัญเสียตาม ๆ กัน
เพราะศัตรูที่ลีโล่กำลังเผชิญหน้าอยู่ มีความร้ายกาจยิ่งกว่าแฮมสเตอร์วิลล์ที่หวังฮุบผลงานของจัมบ้าไปเป็นกองทัพตนเอง และลีโล่กับเพื่อน ๆ ยังไม่รู้จักหุ้นส่วนลับของหนูเจอร์บิลโรคจิตดีพอ ยิ่งไม่รู้ว่าจะมีเรื่องร้ายใด ๆ เกิดขึ้นกับเพื่อนของเธอ ความอยากอาหารจึงลดลงทุกขณะจิต แม้อาหารเย็นถูกส่งเข้ามาในห้องขังก็ตาม
บรรยากาศภายในห้องขังมีแต่ความเงียบงันและวังเวงน่ากลัวยิ่งนัก มีกล้องวงจรปิดคอยสร้างความอึดอัดใจให้เด็ก ๆ ไม่รู้จบ พวกเธอไม่ได้ห่วงลีโล่คนเดียว
แองเจิ้ล สนูทตี้ และฟลุทก็เป็นโอฮาน่าของพวกเธอ ไม่รู้ว่าเพื่อนซี้สัตว์ทดลองของพวกเธอจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง
ทุกคนได้แต่ภาวนา... ว่าแองเจิ้ลจะมีหนทางช่วยลีโล่ให้พ้นจากเงื้อมมือวายร้ายต่างดาวในฐานทัพแห่งนี้ได้ในทันท่วงที
ในขณะที่ทุกคนกำลังรอข่าวคราวอยู่นั้น... ประตูห้องขังก็ถูกเปิดออก
"ปล่อยฉันนะไอ้พวกบ้า! พวกมึงเป็นใครมาจากไหนมิทราบ... ถึงกล้าทำกับฉันขนาดนี้! คอยดูนะ ถ้ากูรอดไปได้เมื่อไหร่ เตรียมตัวนอนคุกเจ็ดชั่วโคตรเลย!" เสียงโวยวายที่คุ้นเคยดังเข้าหูคาลี่ ถึงไม่ชะเง้อมองออกไปนอกห้อง เธอก็รู้ว่าคนที่กำลังโวยวายอยู่คือใคร
และคน ๆ นั้นก็ถูกต้อนเข้ามาในห้อง
"พี่คาร์ล่า!?" คาลี่เรียกชื่อลูกพี่ลูกน้องตัวร้ายด้วยความตกตะลึง นึกไม่ถึงว่าพี่สาวตัวแสบจะถูกจับมาที่เกาะนี้
"แก!?" คาร์ล่าก็ตกตะลึงไม่แพ้กันที่เห็นหน้าลูกพี่ลูกน้องที่เธอเกลียดชังในสถานที่ที่ไม่น่ามาพบกันได้
"นี่มันเกิดอะไรขึ้น!? ไปไงมาไงพี่ถึงถูกจับมาที่นี่ได้!?" วิคตอเรียถาม
"มันจำเป็นด้วยเหรอ... ที่ต้องตอบคำถามเด็กตัวซวยอย่างพวกเธอ!?" คาร์ล่าย้อนถามด้วยน้ำเสียงดูแคลน
"อ้าว... เจ๊! อุตส่าห์ถามดี ๆ เห็นว่าเป็นเพื่อนมนุษย์ร่วมชะตากรรมเดียวกัน ทำไมพูดหมา ๆ อย่างนี้วะ!" มาวินโวยใส่ด้วยความไม่พอใจที่ถูกอีกฝ่ายด่าทอว่าเป็นตัวซวย
"ก็มันเป็นความจริงนี่! ตั้งแต่พวกสัตว์ต่างดาวมาวุ่นวายกับพวกแก ชีวิตก็มีแต่เรื่องซวย ๆ กันทั้งนั้น!" คาร์ล่ายังตีรวนหาเรื่องทะเลาะไม่เลิก ก่อนที่จะกวาดตามองหาลีโล่ "แล้วไหนล่ะ... เพื่อนผู้วิเศษที่คุยกับสัตว์ประหลาดได้"
"ถูกแยกขังอยู่ที่ไหนสักแห่ง" มาเรียตอบ
"แล้ว... เพื่อนสัตว์ประหลาดของพวกแกไปไหนมิทราบ" คาร์ล่าถามหา
"มีตาก็น่าจะเห็นแล้วนะคะว่าทำไมพวกเขาถึงไม่อยู่ที่นี่" คาลี่สรรหาถ้อยคำแดกดันมาตอบคำถามลูกพี่ลูกน้องตัวร้ายด้วยความรังเกียจ
"เฮอะ แสดงว่าสัตว์เลี้ยงประหลาดของพวกแกมีแต่กาก ๆ ทั้งนั้นสินะ" คาร์ล่าหัวเราะในลำคอ ทำเอาพวกวิคตอเรียของขึ้นมาในทันที
"พวกเขาไม่ได้กากสักหน่อย! พวกเขาจะต้องหาวิธีช่วยเราออกไปจากที่นี่ได้ เชื่อสิ!" มาเรียพูดออกมาด้วยความเชื่อมั่นในตัวแองเจิ้ล เพื่อนรักผู้ชาญฉลาดของเธอ
"โอ้ใช่ พวกมันต้องพาเราออกไปจากที่นี่อยู่แล้ว เพื่อแสดงความรับผิดชอบที่พาเรามาตายบนเกาะนี้ไง ถ้าออกไปได้เมื่อไหร่นะ พวกมันจะต้องชดใช้ให้ถึงที่สุด รวมทั้งพวกมึง! มึง ๆ แล้วก็มึงด้วยที่รับเลี้ยงพวกเอเลี่ยนสวะจนทุกอย่างฉิบหายหมด! รู้อะไรมั้ยนังคาลี่... ถ้าไม่ติดว่าพ่อกูเป็นลุงมึงนะ มึงกับไอ้แมวผีเป่าฟลุทก็คงเป็นเด็กเร่ร่อนให้สมเพชนานแล้ว ไม่ต้องมาเป็นภาระแบบนี้หรอก!" คาร์ล่าโวยไม่เลิก พาลโทษพวกวิคตอเรียเหมือนคนขาดสติ คาลี่ฟิวส์ขาด... คว้าชามซุปผักโขมมาเทรดหัวลูกพี่ลูกน้องจนอีกฝ่ายกรีดร้องลั่น กลายเป็นสองสาวต่างวัยตะลุมบอนกันอย่างบ้าคลั่ง วิคตอเรียกับสองพี่น้องตระกูลโคล-แมนช่วยกันแยกมวยในขณะที่คาลี่กับคาร์ล่ายังคำรามใส่กันอยู่
"เป็นบ้ากันไปหมดแล้วรึไง!" วิคตอเรียตวาดใส่คาลี่ หวังจะให้เพื่อนรักผู้รักเสียงดนตรีได้สติก่อนที่กล้องวงจรปิดจะยิงกระแสไฟฟ้าใส่ ซึ่งมันได้ผล... สองสาวผู้เป็นญาติร่วมสายเลือดถึงกับนิ่งไป วิคตอเรียได้ทีเตือนสติทั้งคู่ "เราไม่ใช่ผู้หยั่งรู้ที่จะรู้ไปเสียทุกเรื่อง... ว่ามีอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง สิ่งเดียวที่ทำได้ในตอนนี้ คือรอข่าวดีที่จะผ่านเข้ามา ไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้ หรือไม่ก็วันข้างหน้า ทางเดียวที่จะเอาชีวิตรอดได้ในตอนนี้ คือเราต้องตั้งสติ ขอร้อง... อย่ากัดกันเลยนะ เพื่อความอยู่รอดของเรา"
คำพูดของวิคตอเรีย ทำให้บรรยากาศที่ตึงเครียดจากการวิวาทกันเมื่อไม่นานมานี้... มลายหายไปในพริบตา เป็นความเงียบที่ช่างผ่อนคลายเสียเหลือเกิน หลังจากตกอยู่ในสถานการณ์คับขันมานาน ไม่มีเสียงทะเลาะโต้เถียงใด ๆ ดังมาจากคาลี่กับคาร์ล่าอีก
ทีนี้ก็เหลือแค่รอโอกาสหนีออกไปจากห้องนี้เพื่อช่วยชีวิตลีโล่ แองเจิ้ล และเพื่อน ๆ ให้ได้ก็เท่านั้น
หวังว่าทุกอย่างคงไม่สายเกินไป
------------------------------------------------------------------------
ตกกลางคืน ณ บ้านเพเลไค
ถึงภายในห้องนอนของลีโล่กับสติทช์ในค่ำคืนนี้... มีเพื่อนพี่น้องชายล้วนมาหลับนอนเป็นเพื่อนประหนึ่งปาร์ตี้ชุดนอน แต่ก็มิอาจช่วยสติทช์ข่มตานอนให้หลับสู่ภวังค์นิทราได้
สติทช์นอนอยู่บนเตียงของลีโล่ด้วยภารกิจสำคัญที่ฝังเข้าไปในหัวใจมานาน คือ... ปกป้องของรักของลีโล่ ไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตาทำมือที่ชื่อสครัมป์ รูปคุณพ่อคุณแม่ที่ซุกอยู่ใต้หมอน ของสะสมที่เกี่ยวข้องกับเอลวิส รูปถ่าย เอกสารแสดงความเป็นเจ้าของสติทช์ และสมุดภาพพี่น้องของสติทช์
เมื่อเวลาล่วงเลยมาถึงสี่ทุ่ม เขาลุกจากเตียงแล้วเดินตรงไปยังลิฟท์กลางห้อง ให้ลิฟท์ลงไปยังชั้นล่าง ลงไปแล้วก็ตรงดิ่งเข้าห้องครัว เปิดตู้เย็นหยิบโยเกิร์ตรสผลไม้ออกมากินเป็นมื้อดึก ด้วยความคิดที่ว่า... การหาของว่างยามดึก อาจช่วยเขาหลับเร็วขึ้น แม้ไม่มีลีโล่ข้างกาย
ลีโล่ไม่ต้องการให้เขารู้สึกอ่อนแอแบบที่เขาเป็นอยู่ในตอนนี้ สติทช์ก็เกลียดตัวเองที่อ่อนแอเช่นกัน... ทั้งที่เขาถูกสร้างมาเป็นจอมพลังที่จัมบ้าภาคภูมิใจแท้ ๆ
แต่เขาต้องดูแลตัวเองให้ถึงที่สุด เพื่อพาหัวใจและโลกทั้งใบของเขาให้พ้นจากอุ้งมือมารร้ายให้จงได้
แม้ศัตรูได้วางกับดักรอต้อนรับเขาและผองเพื่อนก็ตาม
"น่าอิจฉาจังเนอะ... ที่นายมีมื้อดึกให้ทานทั้งที่ทุกคนนอนหลับอยู่" รูเบ็นพูดในขณะที่เขาก้าวเท้าเข้ามาในห้องครัว
"อิจฉาอะไรกันวะ ฉันนอนไม่หลับเว้ย" สติทช์แย้งขึ้นมาทั้งที่หน้าซึม "ไม่มีลีโล่ ฉันนอนไม่หลับว่ะ ถ้าจัมบ้าสร้างฉันให้ส่งกระแสจิตถึงลีโล่ได้ ฉันก็จะรู้ว่าใครกันที่จะกล่อมเธอให้หลับฝันดี"
"เหมือนนายกับลีโล่กำลังส่งกระแสจิตถึงกันเลยนะ ลีโล่เองก็อยากรู้ว่าสมองซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ของนายจะคิดแผนช่วยชีวิตเธอได้ยังไง" จอมทำแซนด์วิชพูดทีเล่นที ทำเอาสติทช์แอบขำด้วยความรู้สึกที่ดีขึ้น
"จริงด้วย ลีโล่ แองเจิ้ล และเพื่อน ๆ กำลังรอเราอยู่ รอที่จะได้เตะตูดไอ้เจอร์บิลนั่นสักครั้งก็ยังดี มันจะได้ไม่ต้องมาราวีเราอีก" สติทช์พูดถึงแฮมสเตอร์วิลล์แล้ว... ถึงกับคั่งแค้นที่เป็นต้นเหตุทำลายชีวิตโอฮาน่าเพียงหนึ่งเดียวของเขา
"เชื่อเหอะ ไม่ได้มีแค่นาย พี่สาวลีโล่ และเรานับร้อยที่อยากจะเตะตูดไอ้หนูเจอร์บิลนั่นเต็มแก่ แต่ฉันว่า... พี่จีบิ๊กเบิ้มคงอยากจะกระทืบมันให้ไส้ไหลมากกว่าว่ะ" รูเบ็นกอดคอสติทช์ให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าในกาแล็คซี่นี้ไม่ได้มีแค่ชีวิตทดลองอย่างพวกเขาที่เกลียดแฮมสเตอร์วิลล์
แกนตูก็เก็บความแค้นส่วนตัวรอวันชำระล้างเช่นกัน
ทุกชีวิต... มักมีความเชื่อเสมอว่า โอกาสที่สอง ต้องผ่านเข้ามาในชีวิต
แกนตูก็เป็นอีกคน... ที่ต้องการโอกาสที่สองในฐานะมือปราบแห่งสหพันธ์กาแลคติก
ตั้งแต่สติทช์กับจัมบ้าถูกเนรเทศให้ปักหลักอยู่บนดาวโลก ซึ่งเป็นต้นเหตุให้เขาสูญเสียงานที่รัก เขาปล่อยให้ความแค้นส่วนตัวชักนำให้เขาหลงผิด... ตกเป็นเบี้ยล่างของแฮมสเตอร์วิลล์ที่มีแต่ด่าเช้าด่าเย็นและออกคำสั่งให้ไล่ล่าสัตว์ทดลองอีก 625 ตัว แม้ต้องเป็นคู่อริกับลีโล่ที่เป็นโอฮาน่าที่รักของสติทช์ก็ตาม
แต่โอกาสที่สองก็มาถึง เมื่อเขาได้ส่งแองเจิ้ลเป็นไส้ศึกในบ้านลีโล่ กลายเป็นว่าแองเจิ้ลถูกส่งกลับไปอยู่กับมาเรีย แฮมสเตอร์วิลล์จึงมอบใบสั่งให้แกนตูสังหารมาเรีย แกนตูจึงตอบปฏิเสธอย่างไม่ใยดี ส่วนหนึ่งเพราะวิธีการเตือนสติของ 625 (ไม่รู้ว่าเขาชื่อรูเบ็น) ที่ทำให้เขานึกถึงลีโล่ที่มีส่วนให้เขาตกงานเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา
ถึงเขาเป็นมือปราบหรือเป็นอดีตมือปราบผู้ไร้ความปรานี แต่มิได้หมายความว่าต้องฆ่าคนที่ขวางทางภารกิจของเจ้าหนูเจอร์บิลโรคจิตเสมอไป
เพื่อมิให้เขาถูกดำเนินคดีในฐานะอาชญากรคดีอุกฉกรรจ์ข้ามกาแล็คซี่ เขาจึงรับ... "ข้อเสนอ" จากบุคคลลึกลับที่ติดต่อให้ทำภารกิจลับ เพื่อแลกกับการกลับไปเป็นมือปราบแห่งสหพันธ์กาแลคติก
ภารกิจแทรกซึมในฐานทัพที่ได้ชื่อว่า... เป็น "เซฟเฮ้าส์ของสมุน ดร.พลาเจียส" เพื่อใช้ทดสอบประสิทธิภาพการทำลายล้างของสัตว์ทดลองที่เป็นผลงานของ ดร.พลาเจียส
แกนตูไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด... ว่าดร.พลาเจียสจะมีชีวิตอยู่ในกาแล็คซี่จนถึงกับหลบหนีมาปักหลักบนดาวโลกได้ เขาจำคดีสะเทือนขวัญในอดีตได้ดี... ดร.พลาเจียสยอมจบชีวิตขณะถูกเจ้าหน้าที่มือปราบบุกจับโดยปล่อยให้ตัวเองถูกผลงานทดลองรุมทึ้งอย่างสยดสยอง ถ้าเทียบกับผลงานสิ่งมีชีวิตทดลองของจัมบ้า... ผลงานของจัมบ้าอยู่ในระดับอนุบาลอย่างเห็นได้ชัด
การที่แกนตูจะทำภารกิจแทรกซึมเก็บข้อมูลในฐานทัพของศัตรูได้นั้น... ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น
แค่แปลงชื่อเสียงเรียงนามให้ "นายใหญ่" รู้แค่เป็นเอเลี่ยนจากดาวบ้านเกิดก็พอแล้ว ด้วยร่างกายที่ใหญ่บึกบึน ผิวหนังหนา และพละกำลังที่เหนือกว่าใคร แกนตูจึงได้รับหน้าที่สำคัญให้เป็นส่วนหนึ่งในการดูแล ผลงาน ที่อยู่ในระหว่างการทดสอบประสิทธิภาพ
หรือพูดง่าย ๆ คือ... เฝ้าดูพฤติกรรมของสัตว์ทดลองที่ได้ชื่อว่าเป็นผลงานของดร.พลาเจียส ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าแหล่งผลิตอยู่แห่งหนใดบนโลกนี้
บัดนี้... แกนตูทำงานได้แค่ในส่วนของฐานทัพเหมือนลูกสมุนปลายแถวทุกคนที่ดูแลเกาะผืนที่ห่างไกลจากหมู่เกาะฮาวาย ไม่สามารถรุกล้ำไปยังคฤหาสน์ที่เป็นเซฟเฮ้าส์ของวายร้ายลูกสมุนดร.พลาเจียสได้
แต่ไม่ได้หมายความว่าจะหาทางสืบต่อไม่ได้ แกนตูแอบสืบจากศพลูกสมุนที่ถูกเรียกว่า... "ผู้ต่อชีวิต" ทำให้แกนตูรู้แล้วว่าการทดสอบผลงานของดร.พลาเจียสนั้นมีความโหดเหี้ยมมากน้อยเพียงใด รู้แค่ว่า... พวกมันเป็น "เครื่องจักรสังหาร" ที่คาดว่าแม้แต่สติทช์และผลงานของจัมบ้าไม่มีทางเทียบชั้นได้
อดีตมือปราบขี้เกียจจำว่าเครื่องจักรของดร.พลาเจียสมีที่มาและความสามารถในการทำลายล้างอย่างไรบ้าง เขารู้แค่ว่า... ตัวอันตรายที่ถูกนักวิทยาศาสตร์วิปริตที่ใช้ชื่อคนตายมาเรียกขานกันนั้นต้องถูกกำจัดไม่ให้เหลือซาก และพวกมันเป็นเครื่องจักรที่ไม่มีสิ่งใดมาดึงดูดใจให้ต่อต้านโปรแกรมที่ถูกสร้างมาได้
ถึงแกนตูแอบรายงานไปยังบุคคลลึกลับผู้มอบภารกิจ แต่ใช่ว่าจะรายงานได้อย่างสม่ำเสมอ เพราะฝ่ายสมุนของดร.พลาเจียสเองก็ไม่เคยไว้ใจใครง่าย ๆ โดยเฉพาะสมุนที่ชื่อทริฟกับสัตว์เลี้ยงหน้าจระเข้ที่ชื่อ... "เทรมเบิ้ล" แกนตูมักถูกเรียกให้ปะทะฝีมือบ่อยครั้ง กลายเป็นว่า... แกนตูถูกเทรมเบิ้ลจับผิดทุกฝีก้าว แต่ก็รอดพ้นไปได้
และแล้ว... ภารกิจก็ดำเนินต่อจนถึงวันที่ลีโล่กับเพื่อน ๆ ถูกจับตัวมาที่เกาะนี้ ทำให้แกนตูเห็นแล้วว่าควรเปิดเผยตัวให้พวกลีโล่รับรู้สักครั้ง อดีตมือปราบร่างใหญ่จึงแอบไปที่ห้องควบคุมวงจรปิดของส่วนกลางในฐานทัพ ซึ่งจะเป็นห้องที่ดูเข้มงวดเป็นอย่างยิ่ง ดูภาพวงจรปิดทั่วฐานทัพไม่พอ ยังมีวิทยุสื่อ-สารติดต่อไปยังลูกสมุนเวรยามตามจุดต่าง ๆ อีก
รวมถึงห้องขังที่ขังวิคตอเรีย แองเจิ้ล และเพื่อน ๆ
ไม่มีลีโล่!
แกนตูจึงสันนิษฐานในใจ... ว่าลีโล่อาจถูกพาไปยังคฤหาสน์โบราณที่เป็นเซฟเฮ้าส์ของเหล่าวายร้ายก็เป็นไปได้
แต่ระบบรักษาความปลอดภัยทั้งในฐานทัพทดสอบพลังทำลายล้างของผลงานและระบบรักษาความปลอดภัยของคฤหาสน์เซฟเฮ้าส์ใช้คนละระบบกัน
สิ่งเดียวที่ทำได้ในตอนนี้ คือ... จัดการลูกสมุนในห้องควบคุมวงจรปิดของฐานทัพ จากนั้นก็หาทางติดต่อใครบางคนที่อยู่บริเวณที่คุมขังก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
แต่เรื่องบางเรื่อง... อาจสายเกินแก้โดยไม่มีใครคาดคิด
เพราะนายใหญ่นาม... "ดร.พลาเจียส" กำลังเฝ้าดูลีโล่ที่กำลังนอนดิ้นทุรนทุรายอย่างเจ็บปวดทรมานอยู่บนเตียงในห้องนอนที่ถูกประดับตกแต่งอย่างสวยงาม จะมีแต่สมุนผู้ภักดีที่รู้ว่านายใหญ่กำลังเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับลีโล่จากที่ใดสักแห่งบนดาวดวงนี้
ขึ้นชื่อว่าด็อกเตอร์ผู้ชั่วร้าย ทุกอย่างต้องมีการระมัดระวังตัวและมีการเตรียมพร้อมเสมอ หากพบสิ่งที่ไม่คาดคิดในอนาคตข้างหน้า
แต่ในพจนานุกรมของดร.พลาเจียส ต้องไม่มี... "เรื่องไม่คาดฝัน"
ดร.พลาเจียสวางแผนล่อศัตรูมาติดกับพร้อมเชือดในอีกมิช้า เพื่อทดสอบประสิทธิภาพของสัตว์ทดลองตัวใหม่ที่เขาสร้างขึ้นด้วยองค์ประกอบสำคัญที่จัมบ้าได้ทิ้งไว้ก่อนถูกจับกุมเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา
ตัวอย่างเลือด 626 + เซรั่ม + "มนุษย์"
ถ้าสิ่งมีชีวิตทดลองหมายเลข 626 ต้องมารับมือกับเด็กน้อยผู้เป็นต้นเหตุให้มีการต่อต้านโปรแกรมทำลายล้างเพียงลำพัง เขาจะรับมือกับ... สิ่งมีชีวิตทดลองที่แข็งแกร่งและทรงพลังยิ่งกว่าได้อย่างไร
ตราบใดที่ลีโล่ตกเป็น วัตถุดิบล้ำค่า ที่คู่ควรต่อการครอบครองกาแล็คซี่ในอีกมิช้า!
ç=================è
2ความคิดเห็น